พรีวิว (Preview) Samsung Galaxy S8 และ S8+
สมาร์ทโฟนเรือธงตัวท็อปใหม่ล่าสุด บนบอดี้กันน้ำสวยพรีเมียมโฉมใหม่แบบไร้ขอบไร้ปุ่มโฮม กับฟีเจอร์ที่สมบูรณ์แบบขึ้นอีกขั้นด้วยระบบสแกนม่านตา, ชิปเซ็ต 10nm Exynos 8895, จอ 2K QHD+ Super AMOLED ขอบโค้งระดับ 6R, กล้อง Multi-Frame Dual Pixel, ระบบเสียง Richer UHQ Audio 32-bit พร้อมแถมฟรีหูฟัง AKG และ Bixby ผู้ช่วยอัจฉริยะที่ช่วยให้ชีวิตง่ายขึ้น!
Preview
Date (30-มีนาคม-2560)

เปิดตัวกันไปสดๆ ร้อนๆ เมื่อช่วงดึกที่ผ่านมา ในเวลาราว 22.00 น. ของบ้านเรา สำหรับ Samsung Galaxy S8 และ Galaxy S8+ สมาร์ทโฟนเรือธงตัวท็อปรุ่นใหม่ล่าสุดที่ทั่วโลกตั้งตารอคอย โดยการมาคราวนี้ของ Galaxy S8 เน้นหนักไปในเรื่องของดีไซน์ภายนอกมากเป็นพิเศษ และเราก็จะเห็นค่อนข้างชัดเจนว่า Galaxy S รุ่นหลังๆ มานี้ ตั้งแต่ Galaxy S6 มาจนถึง Galaxy S7 ต่างก็ให้ความสำคัญในเรื่องของความสวยหรูพรีเมียมมากขึ้นตามลำดับ ซึ่งสำหรับ Galaxy S8 รุ่นนี้ก็ต้องยอมรับว่ามีดีไซน์ที่โดดเด่นขึ้นจริงตามที่หลายคนคาดหวังเอาไว้ ด้วยจอแบบไร้ขอบที่เรียกว่า Infinity Display บวกกับปุ่มโฮมที่หายไปกลายเป็นฝังไว้ภายใต้หน้าจอ จึงช่วยให้มีพื้นที่สำหรับแสดงผลเพิ่มมากขึ้นกว่าเดิม แต่ยังคงไว้ได้ซึ่งความผอมเพรียว จึงกลายเป็นจอแสดงผลที่มีขนาดใหญ่ที่สุดเท่าที่สมาร์ทโฟนตระกูล Galaxy S เคยมีมา ด้วยขนาดใหญ่ที่ใหญ่ถึง 5.8 นิ้ว และ 6.2 นิ้ว ตามลำดับ, กระจกขอบโค้ง Gorilla Glass 5 ที่ด้านหน้า-ด้านหลังที่โค้งมากขึ้นเป็นระดับ 6R พร้อมทั้งมีความสมมาตรกัน และขอบโลหะอะลูมิเนียมด้านข้างตัวเครื่องที่บางเฉียบเป็นพิเศษ อีกทั้งยังคงมีคุณสมบัติในการป้องกันน้ำ-ป้องกันฝุ่นตามมาตรฐาน IP68 อยู่เช่นเคย

ไม่เพียงแค่ถูกยกระดับในเรื่องของรูปลักษณ์ภายนอกแต่เพียงอย่างเดียวเท่านั้น เพราะฟีเจอร์ระดับไฮเอนด์อื่นๆ บน Galaxy S8 ก็ถูกอัปเกรดให้มีความสมบูรณ์แบบขึ้นด้วยเช่นกัน เริ่มตั้งแต่ระบบสแกนม่านตา, ระบบตรวจจับใบหน้า, ระบบ Bixby ผู้ช่วยอัจฉริยะใหม่ล่าสุด, กล้อง Dual Pixel 12 ล้านพิกเซล ที่มาพร้อมระบบ Multi-Frame, กล้องด้านหน้าที่มีความละเอียดมากขึ้นเป็น 8 ล้านพิกเซล, ชิปเซ็ต Exynos 9 Octa 8895 ตัวท็อปใหม่ล่าสุด ที่ผลิตบนสถาปัตยกรรมระดับ 10nm เป็นรุ่นแรกของโลก, ระบบเสียง Richer UHQ Audio 32-bit พร้อมแถมฟรีหูฟังคุณภาพสูงจากแบรนด์ AKG, การเชื่อมต่ออุปกรณ์ Bluetooth ได้สองชิ้นพร้อมกัน และรองรับการใช้งาน Samsung DeX เรียกได้ว่า Galaxy S8 จัดมาให้แบบเต็มเหนี่ยว ทั้งดีไซน์ และเทคโนโลยี ส่วนรายละเอียดในเบื้องลึกของแต่ละสิ่งที่กล่าวไปข้างต้นจะเป็นอย่างไร ไปติดตามกันต่อที่เนื้อหาด้านล่างได้เลยครับ
สำรวจรูปลักษณ์ภายนอกตัวเครื่อง และการออกแบบดีไซน์ของ Samsung Galaxy S8 และ Galaxy S8+

ด้วยดีไซน์ที่โค้งสมมาตรทั้งด้านหน้า และด้านหลัง ด้วยกระจกขอบโค้งสองด้านที่โค้งมนมากขึ้นเป็นระดับ 6R ผสานกับกรอบโลหะอะลูมิเนียมที่ด้านข้าง จึงช่วยให้สามารถจับถือได้ถนัดมือมากขึ้น ประกอบกับปุ่มโฮมที่ถูกนำไปฝังไว้ที่ใต้หน้าจอแทน จึงช่วยลดพื้นที่สีดำลงจนแทบจะไร้ขอบ และช่วยให้มีพื้นที่สำหรับการแสดงผลเพิ่มมากขึ้นในอัตราส่วนแบบ 18.5:9 ซึ่งก็ส่งผลให้ความละเอียดของหน้าจอเพิ่มขึ้นจากเดิมด้วยเล็กน้อย คือจากเดิมเป็น 2K QHD (2560x1440 พิกเซล) ก็กลายมาเป็น 2K QHD+ (2960x144 พิกเซล) ส่วนเทคโนโลยีของหน้าจอก็ยังคงเป็นแบบ Super AMOLED เช่นเดิม

หน้าจอของ Galaxy S8 นั้นมีขนาดใหญ่ขึ้นเป็น 5.8 นิ้ว (จากเดิม Galaxy S7 มีขนาด 5.1 นิ้ว) พร้อมสัดส่วนของหน้าจอต่อเครื่องที่ 83.3% ส่วนหน้าจอของ Galaxy S8+ ก็มีขนาดใหญ่ขึ้นเช่นกันเป็น 6.2 นิ้ว (จากเดิม Galaxy S7 edge มีขนาด 5.5 นิ้ว) พร้อมสัดส่วนของหน้าจอต่อเครื่องที่ 83.9%

ที่ด้านบนของหน้าจอจะประกอบไปด้วย SVD LED, Iris Sensor (Emitter), Proximity Sensor (Detector), Ambient Light Sensor, Proximity Sensor (Emitter), ลำโพงเสียงสำหรับฟังขณะสนทนา, กล้องดิจิทัลความละเอียด 8 ล้านพิกเซล พร้อมระบบโฟกัสภาพอัตโนมัติ กับรูรับแสงขนาด f/1.7 และ Iris Sensor (Detector) ซึ่งจะสังเกตเห็นได้ว่า Galaxy S8 ไม่มีโลโก้ Samsung อยู่ที่ด้านหน้าส่วนบนอีกต่อไป


เมื่อพลิกมาดูที่ด้านหลังของตัวเครื่องก็จะพบกับเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือที่ถูกย้ายมาไว้ที่ด้านหลัง, ไฟแฟลช LED, เซ็นเซอร์ตรวจวัดอัตราการเต้นของหัวใจ และกล้องดิจิทัล Dual Pixel ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล ซึ่งมาพร้อมกับระบบประมวลผลภาพที่อัปเกรดขึ้น โดยเฉพาะเทคโนโลยีแบบ Multi-Frame และมีรูรับแสงขนาด f/1.7

เมื่อเทียบกันระหว่าง Galaxy S8 กับ Galaxy S8+ ก็จะพบว่ามีขนาดที่ไม่ต่างกันมากนัก ดังนั้นความสะดวกในการพกจึงไม่น่าจะทิ้งกันสักเท่าไหร่


กระจกขอบโค้งที่ด้านหลังของตัวเครื่องนั้นเป็นกระจก Gorilla Glass 5 ที่มีความโค้งระดับ 6R เช่นเดียวกับกระจกด้านหน้า ซึ่งเมื่อตกกระจกกับแสงไฟ ก็จะมีความแวววาว ดูสวยหรูพรีเมียมสะดุดตาเป็นอย่างยิ่ง แต่ด้วยพื้นผิวมันวาวแบบนี้ก็จะมีโอกาสเกิดรอยนิ้วมือ หรือคราบเปื้อนได้ง่าย จึงต้องหมั่นเช็ดทำความสะอาดอยู่เสมอ

ที่ด้านซ้ายของตัวเครื่องนั้นเปลี่ยนไปพอสมควร เริ่มตั้งแต่ปุ่มเพิ่ม-ลดระดับเสียงที่ถูกเชื่อมรวมเข้าเป็นปุ่มเดียวกัน และข้างๆ กันนั้นก็จะมีปุ่มเพื่อเรียกใช้ระบบ Bixby เพิ่มเข้ามา

ที่ด้านขวาของตัวเครื่องยังคงมีเพียงปุ่มเปิด-ปิดเครื่อง หรือล็อกหน้าจอเช่นเดียว เพียงแต่ดีไซน์ถูกเปลี่ยนให้เป็นแบบสมมาตร และกรอบจะเป็นสีดำกลมกลืนไปกับตัวเครื่อง

ที่ด้านบนของตัวเครื่องประกอบไปด้วยเสารับสัญญาณ, ไมโครโฟนตัวที่สองสำหรับตัดเสียงรบกวน และช่องใส่ถาดซิมการ์ดแบบ Hybrid Slot

ถาดใส่ซิมการ์ดนั้นเป็นแบบ Hybrid Slot ซึ่งช่องใส่ซิมการ์ดที่สอง ต้องเลือกใช้อย่างใดอย่างหนึ่ง ระหว่างซิมการ์ด กับการ์ดหน่วยความจำแบบ microSD

หากสังเกตที่ขอบของถาดใส่ซิมการ์ด ก็จะพบว่ามีการซีลยางเอาไว้อย่างแน่นหนาเพื่อให้สามารถป้องกันน้ำเข้าได้นั่นเอง

เมื่อใดที่ถอดถาดซิมการ์ดออกมา ระบบจะมีการแจ้งเตือนอยู่เสมอ โดยให้ผู้ใช้งานตรวจสอบก่อนใช้งานว่าใส่ถาดแน่นหนาดีแล้วหรือไม่ เพื่อป้องกันความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นจากน้ำที่เล็ดลอดเข้าไป

เมื่อมาดูที่ด้านล่างของตัวเครื่อง ก็จะพบว่าพอร์ตเชื่อมต่อบน Galaxy S8 นั้นเปลี่ยนมาเป็นพอร์ตยุคใหม่แบบ USB Type-C แล้ว ซึ่งสะดวกกว่าเดิม เพราะสามารถสลับด้านของหัวต่อได้อย่างอิสระ สำหรับส่วนอื่นๆ ก็จะเหมือนเดิม คือมีเสารับสัญญาณ, ช่องต่อหูฟังมาตรฐานขนาด 3.5 มิลลิเมตร, ไมโครโฟนสำหรับการสนทนา หรือบันทึกเสียง และลำโพงเสียงที่มีดีไซน์เปลี่ยนไปเป็นแบบแถวเดียว


อีกหนึ่งความน่าสนใจของ Galaxy S8 ก็คือภายในชุดจำหน่ายมาตรฐาน จะมีหูฟังคุณภาพสูงจากแบรนด์ AKG แถมมาให้แบบฟรีๆ ซึ่งหูฟังนี้เป็นแบบ 2-Way Speaker (Woofer+Tweeter) พร้อมรองรับระบบเสียงแบบ UHQ Audio 32-bit และรองรับคลื่นความถี่เสียงตั้งแต่ 40Hz ไปจนถึง 20,000 Hz

สายของหูฟัง AKG นี้จะเป็นผ้า จึงหมดปัญหาในเรื่องของสายพันกัน

อย่างไรก็ดีที่สายหูฟังส่วนบน ก็ยังคงถูกหุ้มด้วยยางอยู่เช่นเดิม
เปรียบเทียบ Samsung Galaxy S8, Galaxy S8+ และ Galaxy S7 edge

ด้านซ้ายคือ Samsung Galaxy S8 ที่มีหน้าจอขนาด 5.8 นิ้ว ส่วนที่ด้านขวาคือ Samsung Galaxy S7 edge ที่มีหน้าจอขนาด 5.5 นิ้ว ซึ่งเมื่อนำมาเทียบกันใกล้ๆ แบบนี้ก็จะเห็นได้ชัดเจนว่า แม้ Galaxy S8 จะมีหน้าจอที่ใหญ่กว่า แต่กลับมีความกว้าง และความสูงของตัวเครื่องน้อยกว่า ซึ่งเป็นผลจากจอแสดงผลแบบไร้ขอบแบบใหม่ล่าสุดนั่นเอง

กระจกที่ด้านหลังตัวเครื่องของ Galaxy S7 edge จะเป็นแบบ Gorilla Glass 4 พร้อมความโค้งเพียงแค่ระดับ 3.4R แต่สำหรับกระจกที่ด้านหลังของ Galaxy S8 จะเป็นแบบ Gorilla Glass 4 พร้อมความโค้งถึงระดับ 6R จึงเรียกได้ว่าทั้งโค้งมนมากกว่า และแข็งแกร่งมากกว่าเดิม

เปรียบเทียบตัวเครื่องด้านหน้า ระหว่าง Samsung Galaxy S7 edge (จอ 5.5 นิ้ว), Galaxy S8 (จอ 5.8 นิ้ว) และ Galaxy S8+ (จอ 6.2 นิ้ว)

หน้าตาของไอคอนถูกปรับปรุงใหม่ให้มีความสวยทันสมัยมากขึ้น และใช้โทนสีที่ดูเป็นหมวดหมู่มากขึ้น

เปรียบเทียบด้านหลังของ Samsung Galaxy S7 edge, Galaxy S8 และ Galaxy S8+ ซึ่งจะเห็นว่า Galaxy S8+ นั้นมีขนาดใหญ่กว่า Galaxy S7 edge ไม่มากนัก แต่ได้จอที่ใหญ่ถึง 6.2 นิ้ว

ความแตกต่างหลักๆ ที่ด้านซ้ายของตัวเครื่องก็คือปุ่มเรียกใช้งานระบบ Bixby ที่เพิ่มเข้ามา, ปุ่มเพิ่ม-ลดเสียงที่ถูกเชื่อมรวมเข้าด้วยกัน และขอบที่กลายเป็นสีดำเข้ม

เปรียบเทียบที่ด้านขวาของตัวเครื่อง

เปรียบเทียบที่ด้านบนของตัวเครื่อง

จุดแตกต่างที่เด่นชัดเมื่อดูที่ด้านล่างของตัวเครื่องก็คือช่องเชื่อมต่อที่เปลี่ยนมาเป็นแบบ USB Type-C และช่องลำโพงที่ยุบรวมกันให้เหลือเพียงแถวเดียว
อุปกรณ์เสริมที่น่าสนใจของ Samsung Galaxy S8

แท่นชาร์จแบตเตอรี่ไร้สายรุ่นใหม่ ที่ปรับได้ทั้งแนวตั้ง-แนวนอน พร้อมหุ้มด้วยหนังให้ดูมีความเรียบหรู, รองรับ USB Type-C และรองรับเทคโนโลยีชาร์จแบตเตอรี่ความเร็วสูง (Fast Wireless Charging)

เคสพื้นผิวแบบ Alcantara ที่ดูคล้ายกำมะหยี่ ที่ดูเหมือนจะเหมาะกับผู้ใช้งานสายแฟชั่นเป็นพิเศษ

เคสซิลิโคนดีไซน์เรียบๆ แต่ดูแข็งแรงทนทาน

เคสแบบแยกชิ้นก็มีมาด้วยเช่นกัน

เคสใสที่เหมาะสำหรับผู้ที่อยากเผยให้เห็นตัวเครื่องสวยๆ ด้านใน


เคสฝาพับแบบ Clear View Standing Cover แบบโปร่งแสง ที่ใช้เป็นขาตั้งได้ พร้อมรองรับการแสดงผลวันที่, เวลา และการแจ้งเตือนต่างๆ รวมถึงควบคุมการทำงานพื้นฐานได้โดยไม่ต้องเปิดฝาพับ

แบตเตอรี่สำรองความจุ 5100 mAh ที่มีดีไซน์สวยเก๋ไม่เหมือนใคร
ส่องฟีเจอร์เด่น และแอปพลิเคชันที่น่าสนใจของ Samsung Galaxy S8

ด้วยหน้าจอกว้างไร้ขอบแบบ Infinity Display จึงช่วยให้มีพื้นที่เพิ่มมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด และมาพร้อมกับ UX ที่พัฒนาขึ้นใหม่ให้สามารถใช้งานได้ง่ายขึ้น ทั้งการออกแบบไอคอนใหม่ และการสลับหน้าโฮม กับหน้าแอปพลิเคชันที่รวดเร็วแค่ปัดหน้าจอ
 
ทำงานอยู่บนพื้นฐานของระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์เวอร์ชันใหม่ล่าสุดอย่าง Android 7.0 Nougat
 
มาพร้อมกับหน่วยความจำภายใน (ROM) ขนาด 64GB และหน่วยความจำแรม (RAM) ขนาด 4GB พร้อมรองรับการ์ดหน่วยความจำเสริมแบบ microSD ได้สูงสุดขนาด 256GB
 
วิธีการสลับระหว่างหน้าโฮม และหน้ารวมแอปพลิเคชัน จะใช้วิธีใหม่ที่สะดวกรวดเร็วกว่าคือการปัดหน้าจอขึ้นลง

รองรับการจัดกลุ่มของแอปพลิเคชันด้วยโฟลเดอร์เช่นเคย พร้อมมีฟังก์ชัน Secure Folder ติดตั้งมาให้ใช้งาน ข้อมูลสำคัญจึงปลอดภัยมากขึ้น และเหมือนกับเรามีสมาร์ทโฟนสองเครื่องในร่างเดียว
 
 
เมื่อลากที่ขอบด้านบนของหน้าจอลงมาก็จะพบกับส่วนของ Notification Panel ซึ่งรวมทางลัดสำหรับการตั้งค่าการทำงานพื้นฐาน และการแจ้งเตือนต่างๆ เอาไว้ภายในที่เดียวกัน อีกทั้งยังสามารถเลื่อนนิ้วขึ้น-ลงที่เซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือเพื่อเปิด-ปิดส่วนของ Notification Panel ได้อีกด้วย
 
 
ด้วยฟังก์ชัน Perfomance Mode จึงช่วยให้เราสามารถปรับแต่งค่าต่างๆ ให้เหมาะสมกับการใช้งานในแต่ละรูปแบบได้ เช่นการปรับความละเอียดของหน้าจอ หรือความสว่างของหน้าจอ โดยจะมี 4 รูปแบบพื้นฐานมาให้เลือกใช้งานได้แก่ Optimized, Game, Entertainment และ High Performance
 
 
Navigation Bar ที่ขอบด้านล่างสุดของหน้าจอ เราสามารถเลือกสีสันได้เองตามต้องการ ทั้งสีพื้นฐาน และการเลือกแบบละเอียดจากจานสี รวมทั้งสามารถปรับเปลี่ยนลำดับการจัดวางของปุ่มควบคุมได้ (Button Layout)
 
ด้วยหน้าจอที่สูงยาวขึ้น จึงอาจเกิดปัญหากับผู้ใช้งานบางคนได้ โดยเฉพาะการเอื้อมนิ้วไม่ถึง ดังนั้น Galaxy S8 จึงได้ใส่ฟังก์ชันใช้งานมือเดียวมาให้ (One-Handed Mode) ซึ่งช่วยให้การใช้งานมือเดียวทั้งมือซ้าย และมือขวา มีความสะดวกคล่องตัวมากขึ้น

มาพร้อมกับระบบ Multi Window ทีดีขึ้น ซึ่งสอดรับกับหน้าจอที่มีพื้นที่มากขึ้น เช่นในขณะที่เปิดดูวิดีโออยู่ที่ช่องด้านบน เวลาต้องพิมพ์ข้อความที่ช่องด้านล่าง แผงคีย์บอร์ดก็จะไม่ดันขึ้นไปรบกวนช่องด้านบนอีกแล้ว
 
มีฟังก์ชันกรองแสงสีฟ้า (Blue Light Filter) และสามารถปรับโหมดของการแสดงผลได้ 4 รูปแบบ รวมทั้งสามารถปรับสมดุลของสีได้ด้วยตนเอง
 
ด้วยการที่เป็นจอโค้ง จึงมาพร้อมกับฟังก์ชัน Edge Screen ซึ่งการเรียกใช้ก็เพียงลากจากขอบด้านขวาออกมาเช่นเดียวกับรุ่นก่อนหน้านี้ และที่ปรับปรุงใหม่ก็คือไฟแจ้งเตือนจากขอบหน้าจอ จากเดิมที่ต้องคว่ำเครื่องเอาไว้ แต่มาคราวนี้ถึงจะหงายเครื่องก็สามารถเปล่งแสงออกมาได้ และเป็นแสงที่เปล่งออกมาเฉพาะขอบด้านนอก จึงไม่ไปรบกวนการใช้งานอื่นๆ ในขณะนั้น
 

Edge Screen แบ่งออกเป็น 3 ส่วนหลักๆ คือ Apps Edge, People Edge และ Smart Select
 
 
สามารถปรับแต่งการแสดงผลแบบเดิมๆ ให้เป็นสไตล์ที่เราชอบได้ด้วยภาพพื้นหลัง, ธีม, ไอคอน และหน้าจอ Always On รูแบบต่างๆ

หนึ่งจุดเด่นที่หลายคนชื่นชอบมาตั้งแต่ Galaxy S7 ก็คือหน้าจอ Always On Display ซึ่งจะแสดงข้อมูล หรือการแจ้งเตือนต่างๆ แม้ในขณะที่ปิดหน้าจออยู่ ซึ่งเราสามารถเลือกได้ว่าจะให้โชว์ข้อมูลใดบ้าง หรือจะให้มีรูปแบบการแสดงผลอย่างไร

 
อีกหนึ่งสิ่งใหม่ที่มาพร้อมกับ Galaxy S8 ก็คือระบบสแกนม่านตา ที่มีความปลอดภัยมากกว่าระบบสแกนลายนิ้วมือหลายเท่าตัว ด้วยข้อได้เปรียบหลายประการ ทั้งไม่มีความเสี่ยงต่อการเปลี่ยนแปลงจากอุบัติเหตุ, ไม่ต้องใช้การสัมผัส, โอกาสผิดพลาดเพียง 0.00001%, แทบเป็นไปไม่ได้ที่จะปลอมแปลง, ลงทะเบียนเพียงแค่ครั้งเดียว และใช้งานได้ในระยะระหว่าง 25-35 เซนติเมตร อีกทั้งยังสามารถสแกนม่านตาได้โดยไม่ต้องปัดหน้าจอก่อน เพียงกดปุ่มโฮม หรือปุ่ม Power เพื่อเปิดหน้าจอ ก็สามารถสแกนได้ทันที
 
อีกหนึ่งสิ่งใหม่ที่มาพร้อมกับระบบสแกนม่านตาก็คือระบบจดจำใบหน้า ซึ่งก็มีความสะดวกรวดเร็วไม่แพ้กัน

ระบบสแกนม่านตานั้นสามารถใช้งานร่วมกับแอปพลิเคชัน Samsung Pay, Secure Folder และ Samsung Pass ได้ทันที
 
อีกหนึ่งไฮไลท์สำคัญของ Samsung Galaxy S8 ก็คือผู้ช่วยอัจฉริยะนามว่า Bixby ที่จะช่วยให้ชีวิตของผู้ใช้สมาร์ทโฟนอย่างเราๆ ง่ายขึ้น โดย Bixby นั้นแบ่งออกเป็น 4 ระบบย่อย ได้แก่ Bixby (Vision), Bixby (Home), Bixby (Reminder) และ Bixby (Voice) ส่วนวิธีการใช้งาน Bixby นั้นมีอยู่ 2 วิธีง่ายๆ ก็คือ วิธีแรกให้กดปุ่ม Bixby ที่อยู่ด้านข้างของตัวเครื่อง หรือวิธีที่สอง ให้เราปัดหน้าจอไปทางขวา เพียงเท่านี้ก็สามารถเรียกใช้ Bixby ได้แล้ว

Bixby (Vision) เป็นระบบวิเคราะห์เนื้อหาด้วยภาพ เพื่อหาข้อมูลต่างๆ ที่เราอยากรู้ เช่นการใช้กล้องถ่ายภาพ แล้วค้นหาข้อมูลของสิ่งนั้นๆ โดยอาจเป็นสินค้า, สิ่งของ, สถานที่, บุคคล, อาหาร หรือ QR Code รวมทั้งสามารถช่วยแปลตัวหนังสือให้เราได้อีกด้วย
 
BIxby (Home) คือศูนย์รวมของข่าว, การแจ้งเตือน, แอปพลิเคชันที่ใช้บ่อย และอื่นๆ จากกิจกรรมที่เราทำอยู่เป็นประจำในเวลา และสถานที่ต่างๆ โดยมีการแสดงผลในลักษณะของ Dashboard
 
Bixby (Reminder) คือผู้ช่วยที่จะคอยแจ้งเตือนเรื่องสำคัญต่างๆ เช่นนัดหมาย, ตารางงาน หรืออื่นๆ ซึ่งเหมาะกับคนขี้ลืม หรือผู้ที่มีธุรกิจรัดตัวเป็นอย่างยิ่ง

Bixby (Voice) คือผู้ช่วยอัจฉริยะที่จะช่วยลดขั้นตอนของการทำงานต่างๆ ให้ง่าย และรวดเร็วขึ้น เพียงเราพูดคุยกับ Bixby ด้วยเสียง Bixby ก็จะเข้าใจว่าเราต้องการอะไร เช่นหากเราต้องการส่งรูปให้เพื่อน ก็เพียงแค่พูดว่า "Send Photos to ..." Bixby ก็จะพาเราไปที่ Gallery พร้อมเลือกรูป และแชร์ได้ทันที แต่ก็น่าเสียดายเล็กน้อย ที่ขณะนี้ยังรองรับเพียงแค่ภาษาอังกฤษเท่านั้น

กล้องดิจิทัลตัวหลักของ Samsung Galaxy S8 ยังคงเป็นกล้อง Dual Pixel ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล เช่นเดียวกับรุ่นพี่ แต่ถูกพัฒนาการประมวลผลภาพให้ดียิ่งขึ้น โดยเฉพาะเทคโนโลยี Multi-Frame ที่ช่วยถ่ายภาพหลายช็อตแล้วนำมารวมกัน เพื่อให้ได้ภาพที่คมชัดมากที่สุด ซึ่งเหมาะกับการถ่ายภาพในที่แสงน้อย หรือการถ่ายภาพในเวลากลางคืนเป็นอย่างยิ่ง

หน้าหลักสำหรับการใช้งานกล้องดิจิทัลบน Samsung Galaxy S8 มีการเปลี่ยนแปลงเพิ่มเติมไปหลายส่วนด้วยกัน เช่นมีปุ่ม Bixby และมีปุ่มเลือกเอฟเฟกต์ หรือลูกเล่นแบบต่างๆ โดยวิธีการเปิดเข้าใช้งานกล้องแบบด่วนทำได้ง่ายๆ คือกดปุ่ม Power ติดๆ กันสองครั้ง

เมื่อปัดหน้าจอมาทางด้านขวา ก็จะพบกับโหมดถ่ายภาพแบบต่างๆ ประกอบไปด้วยโหมดอัตโนมัติ, โหมดมืออาชีพ, โหมดพาโนรามา, โหมด Selective Focus, โหมด Slow Motion, โหมด Hyperlapse, โหมด Food และโหมด Virtual Shot
 
 
เมื่อปัดหน้าจอไปทางด้านซ้ายก็จะพบกับเอฟเฟกต์ และสติ๊กเกอร์แบบต่างๆ ให้เลือกใช้งานมากมาย ซึ่งมีมาให้ใน Galaxy S8 เป็นรุ่นแรก
 
รองรับการถ่ายภาพแบบ HDR (High Dynamic Range) และรองรับการใช้งานไฟแฟลช

สามารถซูมภาพด้วยมือข้างเดียวได้ง่ายๆ
 
มีฟังก์ชันปรับความเรียบเนียนของใบหน้ามาให้ทั้งหมด 8 ระดับ

ในโหมดโปร หรือโหมดมืออาชีพ เราสามารถปรับตั้งค่าได้เองแบบ Manual ทั้งความไวแสง, ความเร็วชัตเตอร์, โทนสี, ระยะโฟกัส, สมดุลสีขาว และค่าชดเชยแสง
 
สามารถเลือกวิธีวัดแสงได้ทั้งแบบ Center, Metrix และ Spot
 
สามารถเลือกวิธีการโฟกัสวัตถุได้ทั้งแบบหลายจุด และตรงกลาง
 
สามารถถ่ายภาพนิ่งได้ที่ความละเอียดสูงสุดระดับ 12 ล้านพิกเซล ในอัตราส่วนแบบ 4:3 (4032x3024 พิกเซล) และรองรับการถ่ายวิดีโอได้ที่ความละเอียดสูงสุดระดับ 4K UHD (3840x2160 พิกเซล)
 
มีระบบโฟกัสตามวัตถุที่เคลื่อนไหว, การปรับแก้รูปทรงที่บิดเบี้ยว และมีฟังก์ชัน Motion Photo ซึ่งจะเป็นคลิปวิดีโอสั้นๆ เอาไว้พร้อมกับภาพนิ่ง เพื่อให้สามารถบอกเล่าเรื่องราวได้มากขึ้น

สามารถถ่ายวิดีโอแบบ Slow Motion ได้ที่ความเร็วสุงสุด 240 เฟรมต่อวินาที ที่ความละเอียด HD 720P
 
รองรับการถ่ายวิดีโอแบบ Hyperlapse พร้อมทั้งสามารถเลือกความเร็วได้
 
กล้องด้านหน้ามีความละเอียดเพิ่มมากขึ้นเป็น 8 ล้านพิกเซล (3264x2448 พิกเซล) ในอัตราส่วนแบบ 4:3 (เดิมมีความละเอียดเพียง 5 ล้านพิกเซล) และรองรับการถ่ายวิดีโอได้ที่ความละเอียดสูงสุดระดับ 2K QHD (2560x1440 พิกเซล)
 
กล้องหน้ามาพร้อมกับระบบโฟกัสภาพอัตโนมัติ และระบบตรวจจับใบหน้า พร้อมฟังก์ชันปรับความเรียบเนียนของผิวหน้า, ปรับความสว่างของใบหน้า, ปรับความเรียวของใบหน้า, ปรับตาโต และปรับความสมมาตรของใบหน้า เรียกได้ว่าใครก็สวยหล่อได้ไม่ยาก

เมื่อปัดหน้าจอมาทางขวา ก็จะพบกับโหมดถ่ายภาพแบบต่างๆ ซึ่งประกอบไปด้วยโหมด Selfie, Wide Selfie, Selective Focus และ Virtual Shot

การถ่ายเซลฟี่กับกลุ่มเพื่อนหลายๆ จะไม่เป็นปัญหาอีกต่อไป ด้วยโหมด Wide Selfie หรือเซลฟี่แนวกว้าง
 
มีโหมด Selective Focus มาให้ใช้งาน การถ่ายภาพแบบหน้าชัดหลังเบลอจะไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป
 
 
สามารถใส่หน้ากากตัวการ์ตูน, สติ๊กเกอร์ และเลือกเอฟเฟกต์แบบต่างๆ ได้มากมาย ซึ่งช่วยให้การถ่ายเซลฟี่มีความสนุกสนานมากขึ้น
 
รองรับการถ่ายภาพแบบ HDR (High Dynamic Range) และการเปิดใช้งานไฟแฟลช
 
 
Samsung Galaxy S8 นั้นมาพร้อมกับระบบเสียงแบบ Richer UHQ Audio 32-bit ซึ่งไม่มีการลดทอนคุณภาพของไฟล์ขาเข้า เช่นไฟล์ขาเข้ามาเป็นแบบ 32-bit เสียงขาออกก็จะเป็น 32-bit เช่นกัน ยิ่งถ้าได้ใช้งานร่วมกับหูฟัง AKG ที่แถมมาให้ในกล่องแล้ว ก็น่าจะได้รับอรรรถรสด้านเสียงไปแบบเต็มอิ่ม


สิ่งที่น่าสนใจมากๆ อีกอย่างที่เผยโฉมออกมาพร้อมกันก็คือ Samsung Galaxy S8 และ Galaxy S8+ นั้นสามารถรองรับการใช้งานร่วมกับระบบใหม่ล่าสุดที่เรียกว่า Samsung DeX ได้ ซึ่ง Samsung DeX (Desktop Experience) นั้นก็คือระบบที่ทำงานร่วมกับแท่นวาง DeX Station ที่จะเปลี่ยนสมาร์ทโฟนของเราให้กลายเป็นเครื่องคอมพิวเตอร์เดสก์ท็อปได้ทันที ด้วยการเชื่อมต่อกับจอแสดงผลภายนอก, คีย์บอร์ด และเมาส์ เรียกได้ว่าเป็นระบบปฏิบัติการสำหรับเดสก์ท็อปอย่างเต็มรูปแบบ และสามารถนำสมาร์ทโฟนเครื่องเล็กๆ ไปใช้ทำงานแบบจริงจังได้เลยทีเดียว



ด้วยอัตราส่วนภาพของวิดีโอในปัจจุบันนั้นมีความหลากหลาย แอปพลิเคชันเครื่องเล่นวิดีโอบน Galaxy S8 จึงมีฟังก์ชันปรับอัตราส่วนภาพมาให้เลือก 3 รูปแบบด้วยกัน ได้แก่ Fit to Screen, Stretch และ Crop to Fit
 
รองรับการเปิดใช้งานฟังก์ชัน Video Enhancer เพื่อคุณภาพของภาพวิดีโอที่ดีขึ้น
 
มาพร้อมกับโหมดประหยัดพลังงาน ซึ่งเลือกระดับของความประหยัดได้ 2 ระดับด้วยกัน ได้แก่ Medium และ Max

รองรับเทคโนโลยีการเชื่อมต่อไร้สายระยะใกล้แบบ NFC (Near Field Communication) รวมทั้งรองรับเทคโนโลยี MST (Magnetic Secure Transmission) ดังนั้น Galaxy S8 จึงเป็นสมาร์ทโฟนอีกหนึ่งรุ่นที่สามารถรองรับบริการ Samsung Pay ในบ้านเรา และทั่วโลกได้อย่างเต็มรูปแบบ เรียกว่าไม่ต้องพกบัตรเครดิตให้หนักกระเป๋าอีกต่อไป
ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้อง Dual Pixel ความละเอียดระดับ 12 ล้านพิกเซล ของ Samsung Galaxy S8





ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องด้านหน้า ความละเอียดระดับ 8 ล้านพิกเซล ของ Samsung Galaxy S8
 
ตัวอย่างภาพเซลฟี่จากการปรับค่าผิวเนียนที่ระดับ 4
 
ตัวอย่างภาพเซลฟี่จากการปรับค่าผิวเนียนที่ระดับ 8 (สูงสุด)
 
ตัวอย่างภาพเซลฟี่แบบหน้าชัดหลังเบลอ ด้วยโหมด Selective Focus

ตัวอย่างการถ่ายเซลฟี่พร้อมใส่หน้ากากตัวการ์ตูน
สรุปผลการทดสอบในเบื้องต้น พร้อมราคา และข้อมูลการวางจำหน่ายของ Samsung Galaxy S8

แม้วันนี้จะเป็นเพียงพรีวิวเรียกน้ำย่อย แต่ก็มีอะไรให้พูดถึงมากมายเกินคาด สำหรับ Samsung Galaxy S8 สมาร์ทโฟนเรือธงตัวท็อปใหม่ล่าสุดรุ่นนี้ ซึ่งหากจะสรุปกันในภาพรวมว่า Galaxy S8 มีอะไรใหม่ หรือมีอะไรที่เป็นไฮไลท์ ก็เห็นได้ค่อนข้างชัดเจนว่าการมาคราวนี้ Galaxy S8 ยกให้เรื่องของรูปลักษณ์ภายนอกนำมาก่อนเป็นอันดับแรก ด้วยดีไซน์ใหม่หมดจดแบบไร้ขอบ และไร้ปุ่มโฮม บวกกับความโค้งมนที่มากขึ้นในแบบสมมาตรที่ช่วยให้มีดีไซน์ที่สวยพรีเมียมลงตัวมากขึ้นกว่าเดิม อีกทั้งยังคงกันน้ำ-กันฝุ่นได้ตามมาตรฐาน IP68 อยู่เช่นเคย ซึ่งด้วยการปรับโฉมใหม่นี้ไม่ได้ให้ประโยชน์ในเรื่องของความสวยงามเพียงอย่างเดียว เพราะยังให้ประโยชน์ในเรื่องของพื้นที่แสดงผลที่มากขึ้นด้วยในแบบของ Infinity Display โดยมีพื้นที่มากกว่า Galaxy S7 รุ่นพี่อยู่ถึง 18% และมีสัดส่วนของหน้าจอต่อตัวเครื่องเพิ่มขึ้นเป็น 83.3-83.9% จึงตอบโจทย์การใช้งานในรูปแบบต่างๆ ได้อย่างเต็มที่มากกว่า ในขณะที่ทรวดทรงองค์เอวยังคงดูผอมเพรียว

นอกจากจะนำหน้าในเรื่องของดีไซน์แล้ว คุณสมบัติ หรือฟีเจอร์ใหม่ๆ ที่ใส่มาให้ใน Galaxy S8 ก็ถูกพัฒนา และอัปเกรดขึ้นจาก Galaxy S7 เรือธงรุ่นเดิมอยู่หลายส่วนด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นระบบสแกนม่านตาที่ช่วยยกระดับเรื่องความปลอดภัย, ระบบผู้ช่วยอัจฉริยะนามว่า Bixby ที่ช่วยให้ชีวิตเราง่ายขึ้น, กล้องด้านหน้าที่ละเอียดขึ้นเป็นระดับ 8 ล้านพิกเซล ที่โดนใจคอเซลฟี่มากขึ้น, กล้อง Dual Pixel 12 ล้านพิกเซล ที่ถูกปรับปรุงใหม่ให้มีประสิทธิภาพที่ดีขึ้น กับเทคโนโลยีการถ่ายภาพแบบ Multi-Frame, หน่วยประมวลผลตัวท็อป Exynos 9 Octa 8895 ใหม่ล่าสุด บนสถาปัตยกรรมระดับ 10nm รุ่นแรกของโลก, ระบบเสียง Richer UHQ Audio 32-bit ที่ไม่ลดทอนคุณภาพเสียงจากต้นทาง พร้อมหูฟังแบรนด์ AKG คุณภาพสูงที่แถมมาให้ฟรีๆ ในกล่อง และอื่นๆ อีกมากมาย เรียกได้ว่า Galaxy S8 โดดเด่นสมบูรณ์แบบขึ้นอีกขั้นทั้งในเรื่องของดีไซน์, ประสิทธิภาพของการประมวลผล และฟีเจอร์ล้ำๆ ที่อยู่ด้านใน ดังนั้นใครที่กำลังมองหาสมาร์ทโฟนตัวท็อปเครื่องใหม่เอาไว้ใช้งานยาวๆ Galaxy S8 รุ่นนี้ก็นับเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจอันดับต้นๆ ณ ชั่วโมงนี้เลยก็ว่าได้
ส่วนคำถามที่ว่า Galaxy S8 จะมีปัญหาเรื่องแบตเตอรี่เช่นเดียวกับกรณีของ Galaxy Note7 ที่ผ่านมาหรือไม่? คำตอบก็คือมารอบนี้เราสามารถมั่นใจได้เต็มร้อย เนื่องจากในฝั่งของ Samsung ซึ่งเป็นเจ้าของผลิตภัณฑ์เองก็ได้เรียนรู้อะไรมากมายจากประสบการณ์ในครั้งนั้น และให้ความสำคัญกับกรณีนี้เป็นอย่างยิ่ง จึงมุ่งตรวจสอบคุณภาพของแบตเตอรี่ในระดับที่เข้มข้นขึ้นอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน ด้วยกระบวนการตรวจสอบที่มากถึง 8 จุด 8 ขั้นตอน (8-Point Battery Safety Check) ที่ถือว่ามากกว่าสมาร์ทโฟนทั่วไป ดังนั้นทุกท่านก็น่าจะตัดความกังวลในเรื่องนี้ไปได้

สำหรับเรื่องกำหนดการวางจำหน่าย ทาง Samsung ก็ได้ประกาศออกมาแล้วว่าจะเริ่มวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการครั้งแรกในวันที่ 21 เมษายนนี้ ที่สหรัฐอเมริกา และในกลุ่มประเทศแรกก่อน พร้อมแถมฟรีหูฟังคุณภาพสูงจากแบรนด์ AKG มาให้ในกล่อง โดยมีตัวเครื่อง 5 สีให้เลือก ได้แก่ Midnight Black, Arctic Silver, Maple Gold, Coral Blue และ Orchid Gray และล่าสุดก็เริ่มมีข้อมูลราคาถูกเปิดเผยออกมาบ้างแล้ว โดยที่ต่างประเทศขายเริ่มที่ราว 24,900 บาท ส่วนในบ้านเราคาดว่าคงจะมีข่าวดีให้ทราบกันในเร็วๆ นี้ ซึ่งหากมีความคืบหน้าเพิ่มเติมทีมงานของเราก็จะนำมาอัปเดตให้ทุกท่านได้ทราบกันอย่างแน่นอน สุดท้ายนี้ทีมงานก็ต้องขอลาไปก่อน พบกันใหม่ได้อีกครั้งในรีวิว Samsung Galaxy S8 ฉบับเต็ม สวัสดีครับ
สรุปคุณสมบัติเด่นของ Samsung Galaxy S8
- ดีไซน์ตัวเครื่องแบบไร้ขอบไร้ปุ่มโฮม พร้อมกระจก Gorilla Glass 5 ขอบโค้งสองด้านในระดับ 6R ทั้งด้านหน้า-ด้านหลัง ผสานกรอบโลหะอะลูมิเนียมบางเฉียบที่ด้านข้างของตัวเครื่อง
- ปุ่มโฉมแบบฝังใต้หน้าจอ พร้อมเทคโนโลยี Pressure Sensor สำหรับตรวจจับแรงกด
- ขนาดตัวเครื่อง 148.9x68.1x8.0 มิลลิเมตร พร้อมน้ำหนัก 155 กรัม
- ตัวเครื่องมีคุณสมบัติในการป้องกันน้ำ และป้องกันฝุ่นตามมาตรฐาน IP68
- จอแสดงผลแบบ Super AMOLED Quad HD+ ขนาด 5.8 นิ้ว ความละเอียด 2960x1440 พิกเซล (570 ppi) บนอัตราส่วนแบบ 18.5:9 พร้อมฟังก์ชันใช้งานมือเดียว และฟังก์ชัน Multi Window
- ฟังก์ชัน Edge Lighing สำหรับแจ้งเตือนด้วยไฟรอบขอบของหน้าจอ
- ประมวลผลการทำงานด้วยชิปเซ็ต 10nm FinFET Exynos 9 Octa 8895 64-bit ความเร็ว 2.3 GHz (ซีพียู Quad-Core 2.3 GHz + ซีพียู Quad-Core 1.7 GHz)
- หน่วยประมวลผลกราฟิก Mali-G71 MP20
- ขับเคลื่อนการทำงานด้วยระบบปฏิบัติการ Android 7.0 Nougat พร้อม UX ใหม่ และไอคอนแบบใหม่
- รองรับการใช้งาน Performance Mode (ปรับโหมดเครื่องให้เหมาะกับการใช้งานในรูปแบบต่างๆ)
- หน่วยความจำภายในสำหรับเก็บบันทึกข้อมูล (ROM : UFS 2.1) ขนาด 64GB
- หน่วยความจำแรม (RAM : LPDDR4) ขนาด 4GB
- รองรับการ์ดหน่วยความจำเสริมแบบ microSD ได้สูงสุดขนาด 256GB (ใช้งานร่วมกับช่องใส่ซิมการ์ดที่สอง)
- รองรับการใช้งานสองซิมการ์ดพร้อมกันในเครื่องเดียว (Hybrid Slot)
- กล้องดิจิทัล Dual Pixel ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล ที่ด้านหลังของตัวเครื่อง พร้อมเทคโนโลยี Multi-Frame, เซ็นเซอร์รับภาพขนาด 1/2.55 นิ้ว, เม็ดพิกเซลขนาด 1.4 ไมครอน, รูรับแสงขนาด f/1.7, ระบบป้องกันการสั่นแบบ OIS, ไฟแฟลช LED และถ่ายวิดีโอที่ความละเอียดสูงสุดรับ 4K UHD
- กล้องดิจิทัลความละเอียด 8 ล้านพิกเซล ที่ด้านหน้าของตัวเครื่อง พร้อมเซ็นเซอร์รับภาพขนาด 1/3.6 นิ้ว, เม็ดพิกเซลขนาด 1.22 ไมครอน, ระบบโฟกัสภาพอัตโนมัติ และรูรับแสงขนาด f/1.7
- รองรับระบบเครือข่าย 4G LTE Cat16 (ความเร็วดาวน์โหลดสูงสุด 1024 Mbps : ความเร็วอัปโหลดสูงสุด 150 Mbps) (Gigabit LTE)
- รองรับระบบเครือข่าย Wi-Fi 802.11 a/b/g/n/ac แบบ Dual Band (2.4/5 GHz) พร้อมเทคโนโลยี VHT80 MU-MIMO และ Gigabit Wi-Fi
- รองรับเทคโนโลยีการเชื่อมต่อไร้สายแบบ Bluetooth 5.0 พร้อมรองรับการใช้งานอุปกรณ์บลูทูธพร้อมกันได้สองชิ้น
- รองรับเทคโนโลยีการเชื่อมต่อไร้สายแบบ NFC และ MST พร้อมรองรับการใช้งานบริการ Samsung Pay
- รองรับเทคโนโลยีการเชื่อมต่อไร้สายแบบ ANT+
- ช่องเชื่อมต่อแบบ USB Type-C
- ระบบ GPS ในตัว พร้อมรองรับการใช้งานร่วมกับระบบดาวเทียม Glonass, BeiDou และ Galileo
- เซ็นเซอร์สแกนม่านตา (Iris Sensor) พร้อมระบบจดจำใบหน้า และรองรับการใช้งานร่วมกับแอปพลิเคชัน Secure Folder, Samsung Pass และ Samsung Pay
- เซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือ (Fingerprint Sensor)
- เซ็นเซอร์ตรวจวัดอัตราการเต้นของหัวใจ (Heart Rate Sensor)
- เซ็นเซอร์ Accelerometer, Barometer, Gyro Sensor, Geomagnetic Sensor, Hall Sensor, Proximity Sensor, RGB Light Sensor
- ระบบ Bixby ผู้ช่วยอัจฉริยะ (Vision, Home, Reminder, Voice)
- ระบบเสียงแบบ Richer UHQ Audio 32-bit
- รองรับไฟล์เสียงแบบ MP3, M4A, 3GA, AAC, OGG, OGA, WAV, WMA, AMR, AWB, FLAC, MID, MIDI, XMF, MXMF, IMY, RTTTL, RTX, OTA, DSF, DFF
- รองรับไฟล์วิดีโอแบบ MP4, M4V, 3GP, 3G2, WMV, ASF, AVI, FLV, MKV, WEBM
- รองรับการใช้งานระบบ Samsung DeX และแท่นวาง DeX Station (จำหน่ายแยก)
- แบตเตอรี่ขนาด 3,000 mAh พร้อมเทคโนโลยี Fast Wired Charging และ Fast Wireless Charging (WPC, PMA)
- มี 5 สีมาตรฐานให้เลือก ได้แก่ Midnight Black, Arctic Silver, Maple Gold, Coral Blue และ Orchid Gray
- แถมฟรีหูฟังคุณภาพสูงจากแบรนด์ AKG มาพร้อมชุดจำหน่ายมาตรฐาน
สรุปคุณสมบัติเด่นของ Samsung Galaxy S8+
- ดีไซน์ตัวเครื่องแบบไร้ขอบไร้ปุ่มโฮม พร้อมกระจก Gorilla Glass 5 ขอบโค้งสองด้านในระดับ 6R ทั้งด้านหน้า-ด้านหลัง ผสานกรอบโลหะอะลูมิเนียมบางเฉียบที่ด้านข้างของตัวเครื่อง
- ปุ่มโฉมแบบฝังใต้หน้าจอ พร้อมเทคโนโลยี Pressure Sensor สำหรับตรวจจับแรงกด
- ขนาดตัวเครื่อง 159.5x73.4x8.1 มิลลิเมตร พร้อมน้ำหนัก 173 กรัม
- ตัวเครื่องมีคุณสมบัติในการป้องกันน้ำ และป้องกันฝุ่นตามมาตรฐาน IP68
- จอแสดงผลแบบ Super AMOLED Quad HD+ ขนาด 6.2 นิ้ว ความละเอียด 2960x1440 พิกเซล (529 ppi) บนอัตราส่วนแบบ 18.5:9 พร้อมฟังก์ชันใช้งานมือเดียว และฟังก์ชัน Multi Window
- ฟังก์ชัน Edge Lighing สำหรับแจ้งเตือนด้วยไฟรอบขอบของหน้าจอ
- ประมวลผลการทำงานด้วยชิปเซ็ต 10nm FinFET Exynos 9 Octa 8895 64-bit ความเร็ว 2.3 GHz (ซีพียู Quad-Core 2.3 GHz + ซีพียู Quad-Core 1.7 GHz)
- หน่วยประมวลผลกราฟิก Mali-G71 MP20
- ขับเคลื่อนการทำงานด้วยระบบปฏิบัติการ Android 7.0 Nougat พร้อม UX ใหม่ และไอคอนแบบใหม่
- รองรับการใช้งาน Performance Mode (ปรับโหมดเครื่องให้เหมาะกับการใช้งานในรูปแบบต่างๆ)
- หน่วยความจำภายในสำหรับเก็บบันทึกข้อมูล (ROM : UFS 2.1) ขนาด 64GB
- หน่วยความจำแรม (RAM : LPDDR4) ขนาด 4GB
- รองรับการ์ดหน่วยความจำเสริมแบบ microSD ได้สูงสุดขนาด 256GB (ใช้งานร่วมกับช่องใส่ซิมการ์ดที่สอง)
- รองรับการใช้งานสองซิมการ์ดพร้อมกันในเครื่องเดียว (Hybrid Slot)
- กล้องดิจิทัล Dual Pixel ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล ที่ด้านหลังของตัวเครื่อง พร้อมเทคโนโลยี Multi-Frame, เซ็นเซอร์รับภาพขนาด 1/2.55 นิ้ว, เม็ดพิกเซลขนาด 1.4 ไมครอน, รูรับแสงขนาด f/1.7, ระบบป้องกันการสั่นแบบ OIS, ไฟแฟลช LED และถ่ายวิดีโอที่ความละเอียดสูงสุดรับ 4K UHD
- กล้องดิจิทัลความละเอียด 8 ล้านพิกเซล ที่ด้านหน้าของตัวเครื่อง พร้อมเซ็นเซอร์รับภาพขนาด 1/3.6 นิ้ว, เม็ดพิกเซลขนาด 1.22 ไมครอน, ระบบโฟกัสภาพอัตโนมัติ และรูรับแสงขนาด f/1.7
- รองรับระบบเครือข่าย 4G LTE Cat16 (ความเร็วดาวน์โหลดสูงสุด 1024 Mbps : ความเร็วอัปโหลดสูงสุด 150 Mbps) (Gigabit LTE)
- รองรับระบบเครือข่าย Wi-Fi 802.11 a/b/g/n/ac แบบ Dual Band (2.4/5 GHz) พร้อมเทคโนโลยี VHT80 MU-MIMO และ Gigabit Wi-Fi
- รองรับเทคโนโลยีการเชื่อมต่อไร้สายแบบ Bluetooth 5.0 พร้อมรองรับการใช้งานอุปกรณ์บลูทูธพร้อมกันได้สองชิ้น
- รองรับเทคโนโลยีการเชื่อมต่อไร้สายแบบ NFC และ MST พร้อมรองรับการใช้งานบริการ Samsung Pay
- รองรับเทคโนโลยีการเชื่อมต่อไร้สายแบบ ANT+
- ช่องเชื่อมต่อแบบ USB Type-C
- ระบบ GPS ในตัว พร้อมรองรับการใช้งานร่วมกับระบบดาวเทียม Glonass, BeiDou และ Galileo
- เซ็นเซอร์สแกนม่านตา (Iris Sensor) พร้อมระบบจดจำใบหน้า และรองรับการใช้งานร่วมกับแอปพลิเคชัน Secure Folder, Samsung Pass และ Samsung Pay
- เซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือ (Fingerprint Sensor)
- เซ็นเซอร์ตรวจวัดอัตราการเต้นของหัวใจ (Heart Rate Sensor)
- เซ็นเซอร์ Accelerometer, Barometer, Gyro Sensor, Geomagnetic Sensor, Hall Sensor, Proximity Sensor, RGB Light Sensor
- ระบบ Bixby ผู้ช่วยอัจฉริยะ (Vision, Home, Reminder, Voice)
- ระบบเสียงแบบ Richer UHQ Audio 32-bit
- รองรับไฟล์เสียงแบบ MP3, M4A, 3GA, AAC, OGG, OGA, WAV, WMA, AMR, AWB, FLAC, MID, MIDI, XMF, MXMF, IMY, RTTTL, RTX, OTA, DSF, DFF
- รองรับไฟล์วิดีโอแบบ MP4, M4V, 3GP, 3G2, WMV, ASF, AVI, FLV, MKV, WEBM
- รองรับการใช้งานระบบ Samsung DeX และแท่นวาง DeX Station (จำหน่ายแยก)
- แบตเตอรี่ขนาด 3,500 mAh พร้อมเทคโนโลยี Fast Wired Charging และ Fast Wireless Charging (WPC, PMA)
- มี 5 สีมาตรฐานให้เลือก ได้แก่ Midnight Black, Arctic Silver, Maple Gold, Coral Blue และ Orchid Gray
- แถมฟรีหูฟังคุณภาพสูงจากแบรนด์ AKG มาพร้อมชุดจำหน่ายมาตรฐาน
สรุปข้อมูล และข่าวอัปเดตล่าสุดของ Samsung Galaxy S8 และ Galaxy S8+
สรุปข้อมูล และข่าวอัปเดตล่าสุดของ Samsung Galaxy S8 และ Galaxy S8+
รายละเอียดเพิ่มเติม
คลิกดูรายละเอียดเพิ่มเติมของ Samsung Galaxy S8 ได้ที่ : http://bit.ly/2nC4YWE

โปรดทราบ
* โทรศัพท์มือถือที่ท่านเห็นในบทความรีวิวนี้เป็นเพียงเครื่องทดสอบจากทางศูนย์ เพราะฉะนั้นคุณสมบัติบางอย่างอาจมีความแตกต่างจากเครื่องที่วางจำหน่ายจริงบ้างไม่มากก็น้อย รวมถึงจุดด้อยบางประการที่พบในเครื่องทดสอบ อาจจะถูกแก้ไขปรับปรุงให้ดีขึ้นในเครื่องที่วางจำหน่ายจริง ดังนั้นหากท่านสนใจซื้อโทรศัพท์มือถือรุ่นนี้ ควรตรวจสอบหรือทดลองใช้งานสินค้าด้วยตนเองอีกครั้งหนึ่ง *
:: ไปหน้าแรกเว็บไซต์ Thaimobilecenter
| ไปหน้าแรก
Mobile Focus ::
|