รีวิว (Review) Samsung Galaxy Note 8
สมาร์ทโฟนเรือธงรุ่นใหญ่ใหม่ล่าสุด! พร้อมกล้องคู่ (Dual Camera) รุ่นแรกของค่าย, ระบบกันสั่น Dual OIS รุ่นแรกของโลก, 2x Optical Zoom, ปากกา S Pen เวอร์ชันใหม่, จอ Infinity Display ไซส์ยักษ์ 6.3 นิ้ว, ชิปเซ็ต Exynos 8895 ตัวท็อป, RAM ใหญ่จุใจ 6GB และระบบสแกนม่านตาสุดล้ำ บนบอดี้ Metal-Glass โฉมใหม่แบบไร้ขอบไร้ปุ่มโฮมที่ไม่กลัวน้ำ!
Review
Date (19-กันยายน-2560)
|
วิดีโอรีวิว (Video Review) Samsung Note 8
วิดีโอรีวิวฉบับเต็ม Samsung Note 8 เจาะลึกทุกฟีเจอร์เด่น พร้อมเปรียบเทียบ Galaxy Note 5 และ Galaxy S8+
|
สวัสดีครับ หากถามว่าสมาร์ทโฟนเรือธงตัวท็อปรุ่นใดที่น่าสนใจมากที่สุดในขณะนี้ รุ่นหนึ่งที่ต้องนึกถึงเป็นอันดับแรกๆ ก็คือ Samsung Galaxy Note8 ที่เรานำมารีวิวให้ทุกท่านได้ชมกันในวันนี้นั่นเองครับ และดูเหมือนว่าผู้ใช้งานสมาร์ทโฟนทั่วโลกจะตั้งความหวังไว้กับ Galaxy Note8 รุ่นนี้มากเป็นพิเศษ เพราะหากนับจาก
Galaxy Note5 ก็เป็นเวลากว่า 2 ปีแล้ว ที่ไม่มี Galaxy Note รุ่นใหม่มาให้เราได้จับจองกัน เนื่องจาก Galaxy Note7 เกิดปัญหาเกี่ยวกับแบตเตอรี่จนต้องยุติการวางจำหน่ายไป ดังนั้น ซัมซุง
จึงต้องพัฒนา Galaxy Note8 รุ่นนี้ให้มีความสมบูรณ์แบบมากที่สุดอย่างแน่นอน ซึ่ง Galaxy Note8 จะพกเอาฟีเจอร์ทีเด็ดอะไรใหม่ๆ มาเซอร์ไพรส์ และจะมีดีไซน์ที่สวยงามพรีเมียมขนาดไหน ไปติดตามกันได้เลยครับ
สรุปคุณสมบัติของ Samsung Galaxy Note 8
รูปลักษณ์ภายนอก และการออกแบบดีไซน์ของ Samsung Galaxy Note 8
รูปลักษณ์ภายนอกของ Galaxy Note8 นั้นใช้ดีไซน์ไร้ขอบไร้ปุ่มโฮมเหมือนกันกับ Galaxy S8 ครับ แต่จะดูมีความเหลี่ยมมากกว่า และมีขอบโค้งที่ชันกว่า รวมถึงมีขอบด้านข้างที่บางเฉียบมากๆ ซึ่งทั้งหมดนี้ก็เพื่อให้มีพื้นที่ในการขีดเขียนด้วยปากกา S Pen มากขึ้นนั่นเองครับ
ส่วนน้ำหนักของตัวเครื่องจะอยู่ที่ 195 กรัม ซึ่งหนักกว่า Galaxy S8+ อยู่ประมาณ 22 กรัม
ซึ่งด้วยขอบด้านข้างที่บางเฉียบ แม้จะมีขนาดหน้าจอที่ใหญ่ที่สุดถึง 6.3 นิ้ว แต่ก็สามารถจับถือได้ถนัดมือกว่าที่คิดครับ
ในด้านของวัสดุที่นำมาใช้นั้นจะเป็นการผสมผสานกันระหว่างกระจก Gorilla Glass 5 ขอบโค้ง ทั้งด้านหลัง และด้านหน้าของตัวเครื่อง กับกรอบด้านข้างที่ผลิตจากโลหะอะลูมิเนียมซีรีส์ 7000 ดังนั้นตัวเครื่องของ Galaxy Note8 จึงมีความแข็งแรงทนทานมากเป็นพิเศษครับ
หน้าจอแสดงผลของ Galaxy Note8 นั้นเป็นแบบ Super AMOLED Infinity Display ที่มีความละเอียดระดับ 2K QHD+ ในอัตราส่วนใหม่แบบ 18.5:9 และหากวัดในแนวทแยงมุม ก็จะมีขนาดใหญ่ถึง 6.3 นิ้ว ซึ่งถือว่าใหญ่ที่สุดเท่าที่ซัมซุงเคยทำมาเลยทีเดียวครับ
ที่ด้านหน้าส่วนบนประกอบไปด้วยไฟ LED แสดงสถานะการทำงาน, ตัวฉายแสงม่านตา, Proximity Sensor กับ Light Sensor, ตัวฉายแสง Proximity, ลำโพงหูฟังสำหรับการสนทนา, กล้องด้านหน้าที่มีความละเอียดมากขึ้นเป็นระดับ 8 ล้านพิกเซล และตัวอ่านม่านตา
ที่ด้านหน้าส่วนล่างมีปุ่มโฮมแบบฝังใต้หน้าจอ พร้อมระบบตรวจจับแรงกด ซึ่งหากเราแตะไปเบาๆ จะไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่หากเราออกแรงกดลงไป หน้าจอก็จะถูกปลุกขึ้นมา หรือจะใช้การแตะเบาๆ ติดกันสองครั้ง ก็ได้เช่นกันครับ
ที่ด้านซ้ายของตัวเครื่องประกอบไปด้วยปุ่มเพิ่ม-ลดเสียง และปุ่มเรียกใช้งาน Bixby หรือผู้ช่วยอัจฉริยะนั่นเอง
ที่ด้านขวาของตัวเครื่องมีเพียงปุ่มเปิด-ปิดเครื่อง หรือล็อกหน้าจอ
ที่ด้านบนของตัวเครื่องมีถาดใส่ซิมการ์ดแบบ Hybrid Slot ซึ่งรองรับการใช้งานสองซิมการ์ด เพียงแต่ช่องใส่ซิมการ์ดที่สองต้องเลือกอย่างใดอย่างหนึ่งระหว่างซิมการ์ด หรือการ์ดหน่วยความจำแบบ microSD ส่วนตรงนี้ก็คือไมโครโฟนสำหรับตัดเสียงรบกวน และแถบเสารับสัญญาณ
ที่ด้านล่างของตัวเครื่องประกอบไปด้วยช่องต่อหูฟังมาตรฐานขนาด 3.5 มิลลิเมตร, ช่อง USB Type-C, ไมโครโฟนสำหรับการสนทนา หรือบันทึกเสียง, ลำโพงเสียง, ช่องใส่ปากกา S Pen และแถบเสารับสัญญาณ
Galaxy Note8 นั้นถือเป็นสมาร์ทโฟนซัมซุงรุ่นแรกที่มาพร้อมกับกล้องคู่ หรือ Dual Camera ครับ โดยประกอบไปด้วยเลนส์ Telephoto และ Wide-Angle ซึ่งรองรับการซูมแบบ Optical ได้ 2 เท่า อีกยังมีระบบป้องกันการสั่นแบบ Dual OIS เป็นรุ่นแรกของโลก และมีเทคโนโลยี Dual Pixel ที่ช่วยให้โฟกัสได้รวดเร็วแม่นยำ ส่วนใกล้ๆ กันนั้นจะเป็นไฟแฟลช LED, เซ็นเซอร์ตรวจวัดอัตราการเต้นของหัวใจ และเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือ ซึ่งคราวนี้ถูกปรับตำแหน่งให้อยู่ห่างจากเลนส์กล้องมากขึ้นกว่า Galaxy S8
อีกด้วยครับ
การนำปากกา S Pen ออกมาก็เพียงแค่กดลงไป แล้วปากกาก็จะเด้งออกมาให้เราหยิบใช้งานได้ทันที ส่วนการใส่กลับเข้าไปก็เพียงแค่กดลงไปเหมือนเดิมอีกครั้ง ปากกาก็จะถูกล็อกไว้กับที่ครับ
โดยปากกา S Pen บน Galaxy Note8 นี้ถูกพัฒนาให้ดีขึ้นในหลายๆ จุดด้วยนะครับ ทั้งความสามารถของการกันน้ำ-กันฝุ่นได้ในระดับ IP68, น้ำหนักที่เบาเพียง 2.8 กรัม, หัวปากกาที่เปลี่ยนจากพลาสติกเป็นยางที่ลดโอกาสในการเกิดรอยขีดข่วน และเล็กลงเหลือ 0.7 มิลลิเมตร, ตรวจจับแรงกดได้เพิ่มขึ้นเป็น 4096 ระดับ, ปุ่มกดบนด้ามปากกาที่ถูกเลื่อนตำแหน่งขึ้นมาเพื่อหลีกเลี่ยงการกดโดยไม่ตั้งใจ
และมีปุ่มคลิกที่ปลายปากกาให้สามารถกดเล่นเพลินๆ ได้แบบนี้ครับ
เปรียบเทียบ Samsung Galaxy Note 8 กับ Galaxy Note 5
และเมื่อนำ Galaxy Note8 มาเทียบกับรุ่นเมื่อ 2 ปีที่แล้วอย่าง Galaxy Note5 ก็จะพบว่าดีไซน์มีความเปลี่ยนแปลงไปมากครับ โดย Galaxy Note8 จะดูผอมเพรียวมากกว่า ในขณะที่จอใหญ่ขึ้นอีก 0.6 นิ้ว, ขอบจอที่บางเฉียบกว่าแบบแทบจะไร้ขอบ, อัตราส่วนจาก 16:9 ที่เปลี่ยนมาเป็น 18.5:9 ซึ่งโดยรวมแล้วมีพื้นที่แสดงเนื้อหามากขึ้นถึง 32% และมีพื้นที่ทำงานมากขึ้นอีก 15.6%
เมื่อดูที่ด้านหลังก็จะเห็นว่า Galaxy Note8 จะมีรูปทรงที่ดูเหลี่ยมมากขึ้น ส่วน Galaxy Note5 ดูมีความโค้งมนมากกว่า และถึงแม้ว่ากรอบตัวเครื่องของทั้งคู่จะผลิตจากอะลูมิเนียมซีรีส์ 7000 เหมือนกัน แต่กระจกที่ด้านหน้า และด้านหลังของ Galaxy Note8 นั้นเปลี่ยนมาใช้กระจกนิรภัยใหม่ล่าสุดอย่าง Gorilla Glass 5 ซึ่งแข็งแรงขึ้นอีกราว 40% และแน่นอนว่ากล้องถ่ายภาพก็เปลี่ยนมาเป็นกล้องคู่ที่ล้ำสมัยมากกว่าด้วยครับ
ในส่วนของกล้องถ่ายภาพนั้นจะเห็นว่าใน Galaxy Note5 จะมีลักษณะนูนขึ้นมามากพอสมควร ในขณะที่กล้องของ Galaxy Note8 นั้นจะแบนราบอยู่ในระนาบเดียวกันกับตัวเครื่อง ซึ่งดูสวยงามกลมกลืนมากกว่า
ตัวเครื่องของ Galaxy Note8 นั้นจะมีความหนากว่า Galaxy Note5 อยู่ราว 1 มิลลิเมตร แต่ในขณะเดียวกันก็มีกระจกโค้งแบบสมมาตรที่สวยงามลงตัวมากขึ้น และมีกรอบอะลูมิเนียมด้านข้างที่สวยบางเฉียบมากกว่าอย่างเห็นได้ชัด
สำหรับปากกา S Pen ของ Galaxy Note5 กับ Galaxy Note8 โดยรวมดูคล้ายกันมาก แต่หากสังเกตดีๆ ก็จะมีความเปลี่ยนแปลงไปหลายจุดครับ เช่นหัวปากกาที่เปลี่ยนเป็นยาง และเล็กลงเหลือ 0.7 มิลลิเมตร รวมทั้งตรวจจับแรงกดได้มากขึ้นเป็น 4096 ระดับ และปุ่มกดที่ถูกเลื่อนตำแหน่งขึ้น เพื่อลดโอกาสที่นิ้วจะไปโดนโดยไม่ตั้งใจ ซึ่งก็น่าจะช่วยให้การขีดเขียนมีประสิทธิภาพที่ดียิ่งขึ้นครับ
ส่วนการจับถือ ก็ถือว่าเข้ามือได้ดีพอๆ กันทั้งคู่ครับ เพียงแค่ Galaxy Note8 จะมีน้ำหนักที่มากกว่า Galaxy Note5 อยู่ราว 24 กรัม และมีพื้นผิวที่ให้ความรู้สึกที่ลื่นมือมากกว่าเล็กน้อยครับ
สรุปแล้วก็นับว่ามีความสวยงามไปคนละแบบตามยุคสมัยของตัวเองครับ โดย Galaxy Note5 นั้นออกแนวสวยหรู ส่วน Galaxy Note8 นั้นออกแนวสวยล้ำสมัย
เปรียบเทียบ Samsung Galaxy Note 8 กับ Galaxy S8+
เมื่อนำ Galaxy Note8 มาเทียบกับ Galaxy S8+ ก็จะพบว่าทั้งคู่มีดีไซน์แบบไร้ขอบไร้ปุ่มโฮม พร้อมจอ Infinity Display เช่นเดียวกัน เพียงแต่ Galaxy Note8 นั้นจะมีความเหลี่ยมมากกว่า Galaxy S8+ พร้อมขอบโค้งที่ชันกว่า เพื่อเพิ่มพื้นที่สำหรับการขีดเขียนให้มากขึ้นนั่นเองครับ และแน่นอนว่าหน้าจอแสดงผลนั้นเป็นอัตราส่วนแบบ 18.5:9 เช่นเดียวกัน แต่ Galaxy Note8 จะมีขนาดใหญ่กว่าที่ 6.3 นิ้ว
เมื่อพลิกมาดูกันใกล้ๆ ที่ด้านบนของตัวเครื่อง ก็จะเห็นว่าขอบโค้งของ Galaxy Note8 นั้นชันกว่า Galaxy S8+ ค่อนข้างชัดเจนครับ ซึ่งก็เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ตัวเครื่องของ Galaxy Note8 นั้นมีความหนามากกว่า Galaxy S8+ อยู่ราว 0.5 มิลลิเมตรครับ
เมื่อมองที่ด้านข้าง จะเห็นว่ายังคงมีดีไซน์แบบสมมาตรเช่นเดิม นั่นคือมีขอบโค้งเท่ากันทั้งด้านหน้า และด้านหลัง
เมื่อพลิกมาดูส่วนของกล้องถ่ายภาพที่ด้านหลัง ก็จะพบว่ามีความแบนราบเป็นระนาบเดียวกับพื้นผิวตัวเครื่อง ไม่มีส่วนนูนขึ้นมาทั้งคู่
และจากเดิมที่เซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือบน Galaxy S8+ อยู่ชิดกับกล้องถ่ายภาพ จนทำให้นิ้วมักไปโดนเลนส์กล้องขณะสแกนนิ้ว ดังนั้นใน Galaxy Note8 จึงถูกปรับตำแหน่งให้อยู่อย่างจากกล้องมากขึ้น เพื่อลดโอกาสที่นิ้วจะไปโดนนั่นเองครับ ที่สำคัญคือกล้องถ่ายภาพบน Galaxy Note8 นั้นถูกเปลี่ยนมาใช้กล้องคู่ แทนกล้องเดี่ยวแบบเดิม และก็ยังมาพร้อมกับเทคโนโลยี Dual Pixel ที่โฟกัสได้รวดเร็วแม่นยำเช่นเคย
ส่วนวัสดุที่นำมาใช้ผลิตตัวเครื่อง ก็คือกรอบโลหะอะลูมิเนียมซีรีส์ 7000 ผสานกับกระจก Gorilla Glass 5 ที่ด้านหน้า และด้านหลัง ทั้งคู่ครับ โดย Galaxy Note8 จะมีน้ำหนักมากกว่าอยู่ราว 22 กรัม
กระจกกันรอยสำหรับ Samsung Galaxy Note 8
และแน่นอนว่าอีกไม่นาน หลังจากที่ Samsung Galaxy Note8 ได้วางจำหน่ายในบ้านเราอย่างเป็นทางการแล้ว สิ่งหนึ่งที่ผู้ซื้อมักจะเลือกติดตั้งเพิ่มเติมก็คือกระจกกันรอย หรือฟิล์มกันรอยดีๆ นั่นเอง เพื่อเพิ่มความปลอดภัยให้กับจอขอบโค้งสวยๆ งามๆ ของเครื่อง Galaxy Note8 สุดรักสุดหวง ซึ่งขณะนี้บรรดาแบรนด์ผู้ผลิตกระจกกันรอยชั้นนำในบ้านเราต่างก็พร้อมใจผลิตกระจกกันรอยสำหรับ Galaxy Note8 ออกมารอเรียบร้อยแล้ว
เช่นแบรนด์ที่รู้จักกันดีอย่าง Focus ก็ได้เปิดตัวกระจกกันรอยสำหรับ Samsung Galaxy Note8 ออกมาแล้ว ในชื่อรุ่นว่า Focus Super Glass 3D Full Frame ซึ่งเป็นกระจกกันรอยแข็งแกร่งพิเศษเต็มจอลงโค้ง และแข็งแกร่งกว่ากระจกกันรอยทั่วไป ด้วยนวัตกรรม Strength Plus Technology ที่มาพร้อมกับคุณสมบัติสำคัญคือ Super Flex ที่ช่วยเพิ่มระดับความยืดหยุ่น, Super Strong ที่รับแรงกระแทกได้มากขึ้นอีกเท่าตัว และ Super Edge ที่ช่วยให้กระจกมีความแข็งแกร่ง ซึ่งในวันนี้เราก็มีโอกาสได้นำมาทดสอบติดตั้งกับตัวเป็นๆ
ของ Galaxy Note8 กันด้วยครับ
การติดตั้งที่แสนง่ายดายตามสไตล์ของกระจกกันรอย
ซึ่งหลังจากได้ลองติดตั้งกระจกกันรอย Focus Super Glass 3D Full Frame รุ่นนี้บน Galaxy Note8 แล้ว ก็พบว่าสามารถปกป้องได้เต็มจอถึงขอบโค้ง, ติดได้แนบเนียนสวยงามทุกมุม, เพิ่มความคงทนแข็งแข็งแรงให้มากขึ้น, คงความคมชัดสดใสของหน้าจอ, หมดปัญหาเรื่องฝุ่นเข้าขอบจอ, ทัชลื่นไม่สะดุด, ป้องกันรอยขีดข่วนได้ดีเยี่ยม และที่สำคัญคือไม่มีปัญหากับการใช้งานร่วมกับปากกา S Pen
ข้อมูลเพิ่มเติม : พิสูจน์ความแกร่ง! Focus Super Glass กระจกกันรอยมือถือ ที่แข็งแกร่งยิ่งกว่ากระจกกันรอยแบบเดิมๆ !
ฟีเจอร์เด่น และแอปพลิเคชันที่น่าสนใจของ Samsung Galaxy Note 8
Galaxy Note8 นั้นทำงานอยู่บนระบบปฏิบัติการ Android 7.1.1 Nougat ซึ่งถูกครอบทับด้วย Samsung Experience เวอร์ชัน 8.5
มาพร้อมกับหน่วยความจำภายในขนาด 64 GB พร้อมรองรับการ์ดหน่วยความจำเสริมแบบ microSD ได้สูงสุดที่ขนาด 256 GB
อีกทั้งยังมีหน่วยความจำแรมขนาดใหญ่ถึง 6 GB ซึ่งเป็นขนาดที่ใหญ่ที่สุดในบรรดาสมาร์ทโฟนซัมซุงด้วยกัน พร้อมฟังก์ชันเคลียร์พื้นที่หน่วยความจำ
และหากต้องการเก็บข้อมูลไว้บนระบบ Cloud ก็มีพื้นที่บนบริการ Samsung Cloud ให้ใช้งานฟรีๆ อีก 15 GB ครับ
และแน่นอนว่ามาพร้อมกับผู้ช่วยอัจฉริยะนามว่า Bixby เช่นเดียวกับ Galaxy S8 โดยประกอบไปด้วย Bixby Home ซึ่งเป็นหน้ารวมทุกสิ่งที่เราสนใจเอาไว้, Bixby Voice สำหรับการสนทนา หรือการขอความช่วยเหลือจาก Bixby, Bixby Vision สำหรับการค้นหาข้อมูลจากภาพ และ Bixby Reminder ที่จะช่วยแจ้งเตือนนัดหมาย หรือตารางงานต่างๆ ให้เราดั่งเป็นเลขาส่วนตัวเลยทีเดียว
วงแหวน Air Command นั้นมีฟังก์ชันที่น่าสนใจเพิ่มเข้ามาใหม่หลายอย่างครับ เช่น Live Message, Smart Select, Translate, Bixby Vision, Magnify และ Glance โดยเราสามารถเพิ่มทางลัดบน Air Command ได้สูงสุดถึง 10 อันด้วยกัน
ฟังก์ชันใหม่ที่น่าสนใจเป็นพิเศษก็คือ Live Message นั่นเองครับ ซึ่งเราสามารถสร้างข้อความเป็นภาพเคลื่อนไหวได้ด้วยตนเอง รวมทั้งสามารถเปลี่ยนรูปแบบของปากกาได้, เปลี่ยนขนาดของเส้นปากกาได้, เปลี่ยนสีของปากกาได้ และเปลี่ยนภาพพื้นหลังได้ตามต้องการ
โดยเมื่อเราเลือกสไตล์ต่างๆ ที่ชอบได้แล้ว เราก็สามารถเขียนข้อความลงไปได้ทันที และจะมีแถบเวลาที่ใช้ไปแสดงให้เห็นตรงนี้ ซึ่งทั้งหมดจะเขียนได้ประมาณ 10 วินาทีต่อข้อความ และเมื่อเสร็จเรียบร้อยแล้ว ซอฟต์แวร์ก็จะทำการประมวลผลสร้างเป็นภาพเคลื่อนไหวที่สวยงามในรูปแบบของไฟล์ GIF ให้โดยอัตโนมัติ ซึ่งเราสามารถเปิดดู และแชร์ให้เพื่อนได้ตลอดเวลาครับ
ด้วยฟังก์ชัน Translate เราสามารถแปลคำศัพท์ได้ง่ายๆ เพียงแค่ชี้ปากกาไปที่คำศัพท์ที่ต้องการแปล
และไม่เพียงแค่คำศัพท์เท่านั้น เพราะเรายังสามารถแปลทั้งประโยคได้ด้วยครับ โดยขณะนี้ฟังก์ชัน Translate นั้นรองรับการแปลเป็นคำได้ 36 ภาษา, แปลเป็นประโยคได้ 39 ภาษา และแปลงออกมาได้ทั้งหมดถึง 71 ภาษาเลยทีเดียว
อีกหนึ่งความพิเศษก็คือ เราสามารถใช้ฟังก์ชัน Translate เพื่อแปลงหน่วยต่างๆ ได้ด้วยครับ เช่นที่เห็นอยู่นี้ก็คือการแปลงค่าเงิน, แปลงหน่วยระยะทาง และแปลงค่าความเร็วนั่นเอง
ด้วยฟังก์ชัน Magnify เราจึงเหมือนมีแว่นขยายเอาไว้ซูมรายละเอียดให้มองเห็นได้ชัดเจนมากขึ้นได้ ซึ่งนับว่ามีประโยชน์ไม่น้อย โดยเฉพาะผู้ที่มีปัญหาทางด้านสายตา อีกทั้งยังสามารถปรับระดับของการขยายได้ 4 ระดับด้วยกัน
ด้วยฟังก์ชัน Glance เราจึงสามารถย่อแอปพลิเคชันหลักที่ใช้งานอยู่ในปัจจุบันลงเป็นหน้าต่างขนาดเล็ก แล้วสลับไปใช้งานอย่างอื่นได้พร้อมๆ กัน และเพียงแค่ชี้ปากกามาที่หน้าต่างเล็ก เราก็สามารถกลับมาใช้งานแอปพลิเคชันหลักต่อได้อย่างรวดเร็ว รวมถึงสามารถยกเลิกการใช้งานได้ง่ายๆ ด้วยการลากหน้าต่างเล็กลงถังขยะ
ด้วยฟังก์ชัน Smart Select เวอร์ชันใหม่บน Galaxy Note8 เราไม่เพียงสามารถเลือกส่วนของภาพได้หลากหลายรูปแบบเท่านั้น แต่เรายังสามารถเลือกบันทึกวิดีโอเก็บเป็นไฟล์ภาพเคลื่อนไหวได้ด้วย เพียงแค่เปิดคลิปวิดีโอที่ชอบบน YouTube จากนั้นก็ปรับขนาดของกรอบตามต้องการ แล้วกดปุ่มบันทึก โดยฟังก์ชัน Animation นี้สามารถบันทึกได้สูงสุด 15 วินาที และจะถูกบันทึกในรูปแบบของไฟล์ GIF ซึ่งสามารถนำมาเปิดดูในภายหลัง และแชร์ไปยังช่องทางต่างๆ ได้
ด้วยฟังก์ชัน Bixby Vision เราสามารถค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับภาพที่เรากำลังเปิดดูอยู่ได้อย่างง่ายดาย เพียงแค่ใช้ปากกาชี้ไปที่รูปภาพ แล้วลากกรอบในส่วนที่ต้องการ จากนั้นระบบก็จะค้นหาข้อมูลแบบออนไลน์ให้ว่ามีข้อมูลใดที่มีความสัมพันธ์, มีความเกี่ยวข้อง หรือมีความใกล้เคียงกับรูปภาพที่เราสนใจ
ส่วนแอปพลิเคชัน PENUP ก็คือเครือข่ายสังคมสำหรับผู้ที่ชื่นชอบการวาดภาพ โดยเฉพาะภาพที่วาดด้วยสมาร์ทโฟน Galaxy Note รุ่นต่างๆ นั่นเอง ซึ่งแน่นอนว่าผู้ใช้งาน Galaxy Note8 ก็สามารถวาดภาพแล้วแชร์ขึ้นไปได้ด้วยเช่นกัน
ด้วยหัวปากกาที่เล็กลงเหลือ 0.7 มิลลิเมตร และเทคโนโลยีของการตรวจจับแรงกดที่เพิ่มขึ้นเป็น 4096 ระดับ จึงช่วยให้การขีดเขียนด้วยปากกา S Pen นั้นให้ความรู้สึกที่เป็นธรรมชาติ เหมือนกับการเขียนด้วยปากกา หรือดินสอจริงๆ ซึ่งหากใครมีฝีมือด้านการวาดภาพอยู่แล้ว ก็น่าจะใช้ Galaxy Note8 สร้างสรรค์ผลงานสวยๆ งามๆ ได้ไม่ยากครับ
และความสะดวกอีกอย่างหนึ่งก็คือ หากเราต้องการใช้งานยางลบ เราก็เพียงแค่กดที่ปุ่มด้านข้างของปากกาค้างไว้ แล้วลบในส่วนที่ไม่ต้องการออกไปได้ทันทีครับ
เราสามารถเรียกใช้ฟังก์ชัน Screen Off Memo ได้ง่ายๆ เพียงแค่จ่อปากกาที่หน้าจอ Lock Screen แล้วคลิกติดๆ กันสองครั้ง และจากเดิมใน Galaxy Note5 สามารถใช้ Screen Off Memo ได้เพียง 1 หน้า แต่พอมาใน Galaxy Note8 นั้นสามารถใช้งานได้เพิ่มขึ้นเป็น 100 หน้าเลยทีเดียว อีกทั้งเรายังสามารถปักหมุดเนื้อหาเอาไว้บนหน้า Always On Display ได้ด้วยครับ ซึ่งการเปิดดูอีกครั้งก็เพียงแค่แตะปากกาติดๆ กันสองครั้ง หรือหากต้องการลบทิ้งก็เพียงแค่แตะที่ไอคอนรูปถังขยะครับ
นอกจากนี้เราก็ยังสามารถปรับตั้งค่าสำหรับการใช้งานปากกา S Pen อื่นๆ เพิ่มเติมได้อีกครับ
และที่สำคัญก็คือทั้งตัวเครื่อง และปากกา S Pen ของ Galaxy Note8 นั้นมีคุณสมบัติในการป้องกันน้ำ-ป้องกันฝุ่นในระดับ IP68 และสามารถใช้งานปากกา S Pen ขีดเขียนได้แม้กระทั่งในขณะที่หน้าจอเปียกน้ำครับ
จอขอบโค้งบน Galaxy Note8 ก็ยังมาพร้อมกับฟังก์ชัน Edge Panels หรือหน้าจอ Edge Screen เช่นเคย โดยมีทั้ง Tasks Edge, Apps Edge, People Edge และอื่นๆ ซึ่งเราสามารถเข้าไปปรับแต่งการใช้งานได้อย่างอิสระ รวมทั้งสามารถเพิ่ม Edge Panels อื่นๆ ไว้บน Edge Screen ได้ตามต้องการ และสามารถดาวน์โหลด Edge Panels เพิ่มได้อีกมากมาย
สำหรับ Apps Edge นั้นเราสามารถสร้างทางลัดไปยังแอปพลิเคชันได้สูงสุด 10 อันด้วยกัน แต่ที่พิเศษไปกว่านั้นก็คือฟังก์ชัน App Pair ซึ่งช่วยให้เราสามารถจับคู่แอปพลิเคชันสำหรับเปิดใช้งานบน Multi Window ได้ภายในคลิกเดียวอีกด้วย เช่นหากเราต้องการจับคู่แอปพลิเคชัน YouTube กับ Gallery เราก็ทำการเลือกเข้ามาใส่ใส App Pair โดยเราสามารถเลือกได้ว่าจะให้แอปพลิเคชันใดอยู่หน้าต่างด้านบน หรืออยู่หน้าต่างด้านล่าง
ซึ่งเมื่อทำการจับคู่เสร็จแล้ว คู่ของแอปพลิเคชันของเราก็จะมาปรากฏอยู่บนส่วนของ Apps Edge และพร้อมถูกเรียกใช้งานตลอดเวลาภายในคลิกเดียวเท่านั้น นับว่าสะดวกเป็นอย่างยิ่ง และจะเห็นว่าเราสามารถเปิดดูวิดีโอ ไปพร้อมๆ กับการใช้งานอื่นๆ ได้ด้วยครับ
นอกจากนี้ฟังก์ชัน App Pair ยังสามารถจับคู่แอปพลิเคชันเดียวกันได้ด้วยนะครับ เช่นแอปพลิเคชันจัดการไฟล์ ซึ่งประโยชน์ในกรณีนี้ก็คือการโอนย้ายไฟล์ไปมาระหว่างโฟลเดอร์ที่ต้องการได้ง่ายขึ้นนั่นเองครับ
สามารถเปิดใช้งานฟังก์ชัน Always On Display ได้ พร้อมทั้งเลือกได้ว่าจะให้แสดงอะไรบนหน้าจอบ้าง, เลือกได้ว่าจะใช้นาฬิกาสไตล์ไหน และเลือกช่วงเวลาของการแสดงผลได้อย่างอิสระ
ด้วยแอปพลิเคชัน Samsung Themes เราสามารถเข้าไปค้นหา และดาวน์โหลดคอนเทนท์สวยๆ สำหรับตกแต่งหน้าจอได้มากมายนับไม่ถ้วน ทั้งภาพพื้นหลัง, ธีม, ไอคอน และ Always On Display
สำหรับระบบรักษาความปลอดภัยระดับสูงนั้นมีอยู่ 3 รูปแบบด้วยกัน ได้แก่ระบบตรวจจับใบหน้า, ระบบสแกนลายนิ้วมือ และระบบสแกนม่านตา
สำหรับระบบสแกนม่านตานั้นเป็นระบบที่มั่นใจได้มากกว่าระบบสแกนลายนิ้วมืออยู่มากเลยทีเดียวครับ
นอกจากนั้นก็ยังมาพร้อมกับระบบสแกนใบหน้า
และระบบรักษาความปลอดภัยที่ใช้กันทั่วไปอย่างระบบสแกนลายนิ้วมือก็มีมาให้ใช้งานด้วยเช่นกัน แต่การใช้งานอาจไม่คล่องมือมากนัก เนื่องจากตัวเซ็นเซอร์นั้นอยู่ที่ด้านหลังของตัวเครื่อง ซึ่งสังเกตตำแหน่งได้ค่อนข้างยาก
สำหรับกล้องคู่บน Galaxy Note8 นั้นก็มาพร้อมกับฟีเจอร์เด่นๆ หลายอย่างเลยทีเดียวครับ เริ่มตั้งแต่เทคโนโลยี Dual Pixel ที่ช่วยให้โฟกัสวัตถุได้อย่างรวดเร็ว
ระบบการซูมภาพแบบ Optical Zoom ได้ 2 เท่า ซึ่งเป็นการซูมแบบไม่สูญเสียรายละเอียด และซูมแบบดิจิทัลได้สูงสุด 10 เท่า อีกทั้งยังมาพร้อมกับระบบป้องกันการสั่นแบบ Dual OIS นั่นก็คือมีระบบกันสั่นแบบ OIS ที่เลนส์ทั้งสองตัวนั่นเองครับ
สามารถถ่ายภาพแบบหน้าชัดหลังเบลอได้ด้วยฟังก์ชัน Live Focus ซึ่งเราสามารถปรับระดับของการเบลอได้อย่างอิสระด้วยแถบเลื่อนที่ด้านข้างนี้ครับ
ซึ่งโหมด Live Focus นั้นอาศัยเลนส์ Telephoto เพื่อช่วยในการทำภาพหน้าชัดหลังเบลอ ดังนั้นขณะใช้งานจึงต้องมีการซูมเข้าไปดังที่เห็นนี้ โดยเราสามารถดูผลลัพธ์ของการเบลอฉากหลังได้สดๆ และถึงแม้เราจะถ่ายภาพไปแล้ว เราก็ยังสามารถกลับมาปรับระดับของการเบลอในภายหลังได้ด้วยครับ
และไม่ต้องกังวลว่าหากถ่ายภาพด้วยโหมด Live Focus เราจะเก็บบรรยากาศโดยรอบได้ไม่ครบถ้วน เพราะเราสามารถใช้งานฟังก์ชัน Dual Capture ร่วมด้วยได้ครับ โดยฟังก์ชัน Dual Capture นี้กล้องจะทำการถ่าย 2 ภาพพร้อมๆ กัน ทั้งภาพหน้าชัดหลังเบลอจากโหมด Live Focus และภาพมุมกว้างจากเลนส์ Wide-Angle
ดังนั้นเมื่อเปิดดูใน Gallery ก็จะมีทั้งภาพหน้าชัดหลังเบลอแบบมุมใกล้ และภาพในมุมกว้าง ดังที่เห็นนี้ครับ
ขณะอยู่ในหน้าหลัก เมื่อสไลด์นิ้วมาทางด้านขวา ก็จะพบกับโหมดถ่ายภาพแบบต่างๆ ทั้งอัตโนมัติ, มืออาชีพ, พาโนรามา, สโลว์โมชั่น, ไฮเปอร์แล็ป, อาหาร, เวอร์ชวลช็อต, กีฬา, เซลฟี่กล้องหลัง และภาพเคลื่อนไหว ซึ่งบางโหมดต้องทำการดาวน์โหลดมาติดตั้งด้วยตนเอง
เมื่อสไลด์นิ้วมาทางด้านซ้าย ก็จะพบกับเอฟเฟกต์สีแบบต่างๆ
มีฟังก์ชัน Bixby Vision สำหรับการวิเคราะห์ภาพ และค้นหาข้อมูลที่เกี่ยวกับภาพนั้นๆ ให้เราโดยอัตโนมัติ
สามารถใส่สติ๊กเกอร์แบบ 2 มิติ และ 3 มิติได้ รวมถึงลายน้ำแบบต่างๆ ซึ่งมีให้เลือกใช้มากมาย
รองรับการใช้งานในโหมด Full View ซึ่งจะมีการแสดงผลแบบเต็มหน้าจอดังที่เห็นนี้
ส่วนกล้องด้านหน้า มีความละเอียดอยู่ที่ 8 ล้านพิกเซล พร้อมรูรับแสงขนาด f/1.7 และระบบโฟกัสภาพอัตโนมัติ อีกทั้งยังมีสติ๊กเกอร์แบบ 3 มิติมาให้ใช้งาน ซึ่งมีจุดเด่นคือไม่ว่าเราจะหันไปทางไหน สติ๊กเกอร์ก็จะหมุนเปลี่ยนทิศตามไปด้วยดังที่เห็นนี้ครับ
สำหรับกล้องหลังนั้นรองรับการถ่ายภาพที่ความละเอียดสูงสุดระดับ 12 ล้านพิกเซล, ถ่ายวิดีโอได้ที่ความละเอียดสูงสุดระดับ 4K UHD, มีระบบโฟกัสติดตามวัตถุ, รองรับการถ่ายภาพแบบ HDR, กล้องหน้าถ่ายภาพได้ที่ความละเอียดสูงสุดระดับ 8 ล้านพิกเซล พร้อมถ่ายวิดีโอได้ที่ความละเอียดสูงสุดระดับ 2K QHD, รองรับการสั่งถ่ายภาพด้วยการยกฝ่ามือ และการแตะเซ็นเซอร์ตรวจวัดอัตราการเต้นของหัวใจ, รองรับการสั่งถ่ายภาพด้วยเสียง และรองรับการใช้งานปุ่มชัตเตอร์แบบเคลื่อนที่
สำหรับแอปพลิเคชัน Gallery บน Galaxy Note8 ก็ถือว่ามีความอัจฉริยะกว่าที่คิดครับ เพราะมันสามารถวิเคราะห์ และแบ่งหมวดหมู่ของรูปภาพให้เราได้เองโดยอัตโนมัติ ทั้งจากโหมดถ่ายภาพแบบต่างๆ, ใบหน้าของคน, สถานที่, เอกสาร และอื่นๆ ที่มีความเกี่ยวข้องกับรูปภาพ เช่นหากเลือกไปที่โฟลเดอร์ของ Live Focus ก็จะมีแต่ภาพที่ถ่ายด้วยโหมด Live Focus หรือหากเลือกไปที่ใบหน้าของบุคคลหนึ่ง ในโฟลเดอร์นั้นก็จะมีแต่ภาพของบุคคลที่เลือกแยกเอาไว้ให้อย่างถูกต้องแม่นยำ
นอกจากนี้เรายังสามารถค้นหารูปภาพจากคีย์เวิร์ดที่ต้องการได้ด้วยครับ เช่นหากต้องการค้นหาภาพอาหาร เราก็เพียงแค่พิมพ์คำว่า Food ลงไปเท่านั้นเองครับ
มีเซ็นเซอร์ตรวจวัดอัตราการเต้นของหัวใจติดตั้งมาให้เช่นเคย โดยการใช้งานก็ให้เข้าไปที่แอปพลิเคชัน Samsung Health และเลือกไปที่ฟังก์ชันตรวจวัด พร้อมทั้งเอานิ้วไปแตะที่ตัวเซ็นเซอร์ จากนั้นระบบก็จะทำการตรวจวัด และสรุปผลมาให้ภายในเวลาเพียงแค่อึดใจเดียวครับ
ด้วยแอปพลิเคชัน Smart Switch จึงช่วยให้เราสามารถย้ายข้อมูลจากสมาร์ทโฟนเครื่องหนึ่ง ไปยังสมาร์ทโฟนอีกเครื่องหนึ่งได้อย่างง่ายดายมากๆ ครับ โดยเฉพาะผู้ที่เพิ่งซื้อสมาร์ทโฟนเครื่องใหม่มานั่นเอง อีกทั้งยังรองรับการย้ายข้อมูลจากสมาร์ทโฟนในทุกแพลตฟอร์ม ทั้ง iOS, Android, BlackBerry และ Windows Phone และแน่นอนว่าหากย้ายข้อมูลระหว่างสมาร์ทโฟน Samsung Galaxy ด้วยกันเอง ก็จะยิ่งง่ายขึ้นไปอีกครับ
Galaxy Note8 นั้นมาพร้อมกับระบบเสียงแบบ UHQ Upscaler ซึ่งใช้งานร่วมกับหูฟังที่รองรับ รวมทั้งสามารถปรับระดับเสียงทุ้ม, เสียงแหลม, เสียงเครื่องดนตรี และเสียงร้องได้ ส่วนใครที่ต้องการให้ซอฟต์แวร์ช่วยวิเคราะห์รูปแบบของเสียงที่เหมาะสมกับการใช้งานต่างๆ ให้ ก็สามารถเรียกใช้ฟังก์ชัน Adapt Sound ได้ครับ
ด้วยฟังก์ชัน Dual Messenger จึงช่วยให้เราสามารถใช้สองบัญชีในแอปพลิเคชันเดียวกันได้ครับ โดยรองรับการใช้งานร่วมกับแอปพลิเคชันโซเชียลยอดนิยมทั้ง Facebook, Facebook Messenger และ LINE
โดยหากเป็นบัญชีที่สอง ไอคอนของแอปพลิเคชันนั้นๆ ก็จะมีสัญลักษณ์สีแดงที่บริเวณมุมล่างขวาดังที่เห็นนี้ครับ
มีแอปพลิเคชัน Secure Folder สำหรับเก็บบันทึกข้อมูลสำคัญ หรือข้อมูลที่เป็นความลับ
รองรับการชำระค่าสินค้าผ่านบริการ Samsung Pay ซึ่งใช้งานในประเทศไทยได้มาพักใหญ่แล้ว โดยรองรับทั้งเครื่องอ่านบัตรแบบ NFC และ MST
แบตเตอรี่บน Galaxy Note8 นั้นมีความจุอยู่ที่ 3300 mAh ซึ่งน้อยกว่า Galaxy S8+ อยู่ 200 mAh แต่ก็สามารถใช้งานได้นานโดยไม่ต้องกังวลว่าแบตเตอรี่จะหมดระหว่างวัน เช่นหากแบตเตอรี่เหลืออยู่ 75% ก็จะสามารถใช้งานต่อในโหมดปกติได้นานกว่า 17 ชั่วโมง แต่หากเปิดโหมดประหยัดพลังงานสูงสุด ก็อาจใช้งานได้นานถึง 57 ชั่วโมงเลยทีเดียว
รองรับการสนทนาผ่านระบบ VoLTE (Voice Over LTE)
มีฟังก์ชันกรองแสงสีฟ้า หรือ Blue Light Filter สำหรับช่วยถนอมสายตา ซึ่งสามารถเลือกเวลาเปิด-ปิดได้ตามต้องการ
มีฟังก์ชัน Video Enhancer สำหรับเพิ่มคุณภาพของการแสดงผลวิดีโอ โดยช่วยให้วิดีโอสว่างขึ้น และมีสีสันที่สดใสมากขึ้น
รองรับการใช้งานในโหมดมือข้างเดียว
มีฟังก์ชันที่ช่วยอำนวยความสะดวกสำหรับการใช้งานทั่วไปให้เลือกใช้มากมาย
มีฟังก์ชัน Performance Mode ซึ่งช่วยให้เราสามารถปรับตั้งค่าต่างๆ ให้เหมาะกับการใช้งานในแต่ละรูปแบบ
สำหรับแอปพลิเคชันพื้นฐานที่ติดตั้งมาให้ภายใน Galaxy Note8 ก็จะมีดังนี้ครับ โดยจะมีแอปพลิเคชันของ Microsoft ติดตั้งมาให้ใช้งานด้วย
ทดสอบประสิทธิภาพการทำงานในด้านต่างๆ ของ Samsung Galaxy Note 8
Galaxy Note8 ที่วางจำหน่ายในไทยนั้นใช้ชิปเซ็ต Exynos 8895 ความเร็วในการประมวลผลอยู่ที่ 2.3 GHz พร้อมหน่วยประมวลผลกราฟิก Mali-G71 ซึ่ง Exynos 8895 นั้นถือเป็นชิปเซ็ตที่ดีที่สุดของซัมซุงในขณะนี้ ส่วนหน่วยความจำแรมนั้นเป็นแบบ LPDDR4 ขนาด 6 GB และใช้หน่วยความจำรอมแบบ UFS
เมื่อทดสอบประสิทธิภาพของการทำงานโดยรวมด้วยแอปพลิเคชัน AnTuTu Benchmark ก็พบว่าได้คะแนนรวมอยู่ที่ 176028 คะแนน ซึ่งเมื่อเปรียบเทียบกับสมาร์ทโฟนรุ่นอื่นๆ แล้วก็ถือว่าอยู่ในระดับท็อปเลยทีเดียว
เมื่อทดสอบประสิทธิภาพของการประมวลผลด้วยแอปพลิเคชัน Geekbench ก็พบว่าได้คะแนนในส่วนของ Single-Core อยู่ที่ 2026 คะแนน และในส่วนของ Multi-Core อยู่ที่ 6769 คะแนน
เมื่อทดสอบประสิทธิภาพในการทำงานของหน่วยความจำด้วยแอปพลิเคชัน AndroBench ก็พบว่ามีความเร็วในส่วนของ Sequential Read อยู่ที่ 783.14 MB/s และมีความเร็วในส่วนของ Sequential Write อยู่ที่ 202.94 MB/s ซึ่งด้วยความเร็วระดับนี้ หน่วยความจำที่ใช้ใน Galaxy Note8 ก็น่าจะเป็นแบบ UFS 2.1 นั่นเองครับ
เมื่อทดสอบประสิทธิภาพของการประมวลผลกราฟิกด้วยแอปพลิเคชัน 3DMark ก็พบว่าได้คะแนนรวมอยู่ที่ 2686 คะแนน
เมื่อทดสอบการเล่นเกมที่มีกราฟิก 3 มิติระดับสูง ก็พบว่าสามารถเล่นได้อย่างลื่นไหลไร้การสะดุดแม้แต่น้อย พร้อมการตอบสนองต่อการควบคุมที่รวดเร็วแม่นยำ ซึ่งทั้งหมดนี้ก็น่าจะเป็นผลมาจากประสิทธิภาพที่อยู่ในระดับสูงของชิปเซ็ต Exynos 8895, หน่วยประมวลผลกราฟิก Mali-G71 และหน่วยความจำแรม LPDDR4 ขนาด 6 GB ที่ทำงานร่วมกันได้อย่างสมบูรณ์แบบนั่นเอง
ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้อง Dual Camera ความละเอียดระดับ 12 ล้านพิกเซล ของ Samsung Galaxy Note 8 พร้อมเปรียบเทียบกับสมาร์ทโฟนกล้องคู่ตัวท็อปรุ่นอื่นๆ
อุปกรณ์ในชุดจำหน่ายมาตรฐานของ Samsung Galaxy Note 8
สรุปผลการทดสอบ พร้อมราคา และข้อมูลการวางจำหน่ายของ Samsung Galaxy Note 8
ก็นับว่าสมกับการรอคอยจริงๆ ครับ สำหรับ Samsung Galaxy Note8 รุ่นนี้ เพราะหากนับจาก Galaxy Note5 รุ่นที่แล้ว การกลับมาคราวนี้ก็เหมือนเป็นการพลิกโฉมครั้งใหญ่, มีสิ่งใหม่ถูกใส่เพิ่มเข้ามามากมาย และมีการเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้นแทบทุกด้าน ไม่ว่าจะเป็นกล้องคู่ (Dual Camera) ที่มาพร้อมกับระบบ Dual OIS, Dual Pixel, การซูมแบบ Optical และฟังก์ชัน Live Focus, ดีไซน์ใหม่แบบไร้ขอบไร้ปุ่มโฮม, ตัวเครื่องที่สวยงามล้ำสมัยมากขึ้น,
วัสดุที่แข็งแกร่งทนทานมากขึ้น, จอ Infinity Display ที่ใหญ่ที่สุดถึง 6.3 นิ้ว, ระบบสแกนม่านตา, ปากกา S Pen ที่มีประสิทธิภาพดีขึ้น พร้อมฟังก์ชันเกี่ยวกับการขีดเขียนที่ครบเครื่องยิ่งกว่าเดิม, การป้องกันน้ำ-ป้องกันฝุ่นในระดับ IP68, ชิปเซ็ตที่เร็วแรงที่สุดของค่ายอย่าง Exynos 8895, หน่วยความจำแรมขนาดใหญ่ที่สุดถึง 6 GB และผู้ช่วยอัจฉริยะน้องใหม่นามว่า Bixby เรียกได้ว่าใครกำลังมองหาสมาร์ทโฟนเรือธงที่ดีที่สุดสักรุ่น Galaxy Note8 ก็น่าจะเป็นตัวเลือกอันดับต้นๆ ที่ต้องนึกถึงครับ
ส่วนราคาอย่างเป็นทางการในประเทศไทยของ Galaxy Note8 นั้นอยู่ที่ 33,900 บาท ซึ่งก่อนหน้านี้ ระหว่างวันที่ 1-17 กันยายนที่ผ่านมาก็มีการเปิดให้จองกันไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว พร้อมกับโปรโมชั่นพิเศษจากเครือข่าย และของสมนาคุณมากมาย แต่ก็ยังไม่หมดแต่เพียงเท่านี้ เพราะช่วงปลายเดือนนี้ ระหว่างวันที่ 28 กันยายน ถึง 1 ตุลาคม 2560 ก็น่าจะมีโปรโมชั่นเด็ดๆ ของ Galaxy Note8 มาเซอร์ไพรส์ในงาน Thailand Mobile Expo 2017 อีกระลอกด้วยเช่นกัน ยังไงรอติดตามข่าวกันได้ครับ สุดท้ายนี้ก็ต้องขอขอบคุณทุกท่านที่ติดตามชม
พบกันได้ใหม่ในโอกาสหน้า สวัสดีครับ
สรุปคุณสมบัติเด่นของ Samsung Galaxy Note 8
- ดีไซน์ตัวเครื่องแบบไร้ขอบไร้ปุ่มโฮม พร้อมกระจก Gorilla Glass 5 ขอบโค้งสองด้าน ทั้งด้านหน้า-ด้านหลัง ผสานกรอบโลหะอะลูมิเนียมซีรีส์ 7000 บางเฉียบที่ด้านข้างของตัวเครื่อง
- ปุ่มโฉมแบบฝังใต้หน้าจอ พร้อมเทคโนโลยี Pressure Sensor สำหรับตรวจจับแรงกด
- ขนาดตัวเครื่อง 162.5x74.8x8.6 มิลลิเมตร พร้อมน้ำหนัก 195 กรัม
- ตัวเครื่อง และปากกา S Pen มีคุณสมบัติในการป้องกันน้ำ และป้องกันฝุ่นตามมาตรฐาน IP68
- จอแสดงผลแบบ Super AMOLED Quad HD+ ขนาด 6.3 นิ้ว ความละเอียด 2960x1440 พิกเซล (529 ppi) บนอัตราส่วนแบบ 18.5:9 พร้อมฟังก์ชันใช้งานมือเดียว และฟังก์ชัน Multi Window
- ฟังก์ชัน Edge Lighing สำหรับแจ้งเตือนด้วยไฟรอบขอบของหน้าจอ
- ประมวลผลการทำงานด้วยชิปเซ็ต 10nm FinFET Exynos 9 Octa 8895 64-bit ความเร็ว 2.3 GHz (ซีพียู Quad-Core 2.3 GHz + ซีพียู Quad-Core 1.7 GHz)
- หน่วยประมวลผลกราฟิก Mali-G71 MP20
- ขับเคลื่อนการทำงานด้วยระบบปฏิบัติการ Android 7.1.1 Nougat พร้อม UX ใหม่ และไอคอนแบบใหม่
- รองรับการใช้งาน Performance Mode (ปรับโหมดเครื่องให้เหมาะกับการใช้งานในรูปแบบต่างๆ)
- หน่วยความจำภายในสำหรับเก็บบันทึกข้อมูล (ROM : UFS 2.1) ขนาด 64GB
- หน่วยความจำแรม (RAM : LPDDR4) ขนาด 6GB
- รองรับการ์ดหน่วยความจำเสริมแบบ microSD ได้สูงสุดขนาด 256GB (ใช้งานร่วมกับช่องใส่ซิมการ์ดที่สอง)
- รองรับการใช้งานสองซิมการ์ดพร้อมกันในเครื่องเดียว (Hybrid Slot)
- รองรับระบบเครือข่าย 4G LTE Cat16 (ความเร็วดาวน์โหลดสูงสุด 1024 Mbps : ความเร็วอัปโหลดสูงสุด 150 Mbps) (Gigabit LTE)
- รองรับระบบเครือข่าย Wi-Fi 802.11 a/b/g/n/ac แบบ Dual Band (2.4/5 GHz) พร้อมเทคโนโลยี VHT80 MU-MIMO และ Gigabit Wi-Fi
- รองรับเทคโนโลยีการเชื่อมต่อไร้สายแบบ Bluetooth 5.0 พร้อมรองรับการใช้งานอุปกรณ์บลูทูธพร้อมกันได้สองชิ้น
- รองรับเทคโนโลยีการเชื่อมต่อไร้สายแบบ NFC และ MST พร้อมรองรับการใช้งานบริการ Samsung Pay
- รองรับเทคโนโลยีการเชื่อมต่อไร้สายแบบ ANT+
- ช่องเชื่อมต่อแบบ USB Type-C
- ระบบ GPS ในตัว พร้อมรองรับการใช้งานร่วมกับระบบดาวเทียม Glonass, BeiDou และ Galileo
- เซ็นเซอร์สแกนม่านตา (Iris Sensor) พร้อมระบบจดจำใบหน้า และรองรับการใช้งานร่วมกับแอปพลิเคชัน Secure Folder, Samsung Pass และ Samsung Pay
- เซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือ (Fingerprint Sensor)
- เซ็นเซอร์ตรวจวัดอัตราการเต้นของหัวใจ (Heart Rate Sensor)
- เซ็นเซอร์ Accelerometer, Barometer, Gyro Sensor, Geomagnetic Sensor, Hall Sensor, Proximity Sensor, RGB Light Sensor
- ระบบ Bixby ผู้ช่วยอัจฉริยะ (Vision, Home, Reminder, Voice)
- ระบบเสียงแบบ Richer UHQ Audio 32-bit
- รองรับไฟล์เสียงแบบ MP3, M4A, 3GA, AAC, OGG, OGA, WAV, WMA, AMR, AWB, FLAC, MID, MIDI, XMF, MXMF, IMY, RTTTL, RTX, OTA, DSF, DFF
- รองรับไฟล์วิดีโอแบบ MP4, M4V, 3GP, 3G2, WMV, ASF, AVI, FLV, MKV, WEBM
- รองรับการใช้งานระบบ Samsung DeX และแท่นวาง DeX Station (จำหน่ายแยก)
- แบตเตอรี่ขนาด 3,300 mAh พร้อมเทคโนโลยี Fast Wired Charging และ Fast Wireless Charging (WPC, PMA)
- มี 3 สีมาตรฐานให้เลือก ได้แก่ ดำ-Midnight Black, เทา-Orchid Grey และ ทอง-Maple Gold
- แถมฟรีหูฟังคุณภาพสูงจากแบรนด์ AKG มาพร้อมชุดจำหน่ายมาตรฐาน
สรุปคุณสมบัติเด่นของกล้องดิจิทัลบน Samsung Galaxy Note 8
- กล้องดิจิทัลแบบคู่ (Dual Camera) ที่ด้านหลังของตัวเครื่อง
- กล้องตัวที่หนึ่งแบบ Wide-Angle ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล พร้อมระบบโฟกัสภาพอัตโนมัติแบบ Dual Pixel Autofocus, เม็ดพิกเซลขนาด 1.4 ไมครอน, เซ็นเซอร์รับภาพขนาด 1/2.55 นิ้ว, รูรับแสงขนาด f/1.7 และเลนส์มุมกว้าง 77 องศา
- กล้องตัวที่สองแบบ Telephoto ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล พร้อมระบบโฟกัสภาพอัตโนมัติ, เม็ดพิกเซลขนาด 1.0 ไมครอน, เซ็นเซอร์รับภาพขนาด 1/3.6 นิ้ว, รูรับแสงขนาด f/2.4 และเลนส์มุมกว้าง 45 องศา
- ระบบป้องกันการสั่นไหวแบบ Dual OIS (Dual Optital Image Stabilization) (มีระบบกันสั่นแบบ OIS ทั้งสองเลนส์)
- ซูมภาพด้วยเลนส์ได้ 2 เท่า (2x Optical Zoom)
- ไฟแฟลชในตัว (High CRI LED Flash)
- โหมดถ่ายภาพแบบ Live Focus
- ฟังก์ชัน Dual Capture ฅ
- โหมดถ่ายภาพแบบ Pro, HDR, Panorama, Virtual Shot, Motion Photo, Food, RAW, Filters, Live Stickers, Stamps
- ถ่ายภาพวิดีโอ (4K UHD : 2160p : 3840x2160 Pixels : 30 fps)
- โหมดถ่ายวิดีโอแบบ Slow Motion (เร็วสูงสุด 240 fps ที่ความละเอียดระดับ HD 720p)
- ซูมวิดีโอด้วยเลนส์ได้ 2 เท่า (2x Optical Zoom)
- ระบบป้องกันการสั่นสำหรับการถ่ายวิดีโอแบบ VDIS (Video Digital Image Stabilization)
- ระบบโฟกัสภาพอัตโนมัติแบบต่อเนื่อง (Continuous Autofocus)
- กล้องดิจิทัลขนาดเล็กที่ด้านหน้าของตัวเครื่อง ความละเอียดระดับ 8 ล้านพิกเซล
- เซ็นเซอร์รับภาพขนาด 1/3.6 นิ้ว
- เม็ดพิกเซลขนาด 1.22 ไมครอน
- ขนาดของรูรับแสง (Aperture) กว้างสูงสุดที่ f/1.7
- เลนส์มุมกว้าง 80 องศา
- ระบบโฟกัสภาพอัตโนมัติ (Autofocus)
- ถ่ายภาพวีดีโอ (2K QHD : 2560x1440 พิกเซล)
สรุปคุณสมบัติเด่นของปากกา S Pen ใน Samsung Galaxy Note 8
- ขนาด 108.3x5.8x4.2 มิลลิเมตร พร้อมน้ำหนัก 2.8 กรัม
- ป้องกันน้ำ-ป้องกันฝุ่นได้ตามมาตรฐาน IP68 (อยู่ใต้น้ำลึก 1.5 เมตร ได้นานต่อเนื่องสูงสุด 30 นาที)
- ตรวจจับแรงกดได้ 4,096 ระดับ
- หัวปากกายาง ขนาด 0.7 มิลลิเมตร
- รองรับการใช้งานร่วมกับฟังก์ชัน Live Message, Samsung Notes, Screen Off Memo, Smart Select, Screen Write, Translate, Bixby Vision, Glance, Magnify
จุดที่อาจจะต้องพิจารณาเพิ่มเติมของ Samsung Galaxy Note 8
- ลักษณะของพื้นผิวรอบตัวเครื่องมีความมันวาว จึงค่อนข้างลื่น และต้องระมัดระวังในการจับถือเป็นพิเศษ
- ถาดใส่ซิมการ์ดเป็นแบบ Hybrid Slot ซึ่งช่องใส่ซิมการ์ดที่สอง ต้องสลับใช้งานร่วมกับการ์ดหน่วยความจำแบบ microSD ไม่สามารถใช้งานพร้อมกันได้
- เซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือใช้งานได้สะดวกคล่องตัวน้อยลงกว่าเดิม เมื่อถูกย้ายไปไว้ที่ด้านหลังตัวเครื่อง
- ลำโพงเสียงภายนอกยังคงเป็นแบบลำโพงเดี่ยว
- มีราคาที่ค่อนข้างสูง (33,900 บาท)
เนื้อหาอื่นๆ ที่น่าสนใจของ Samsung Galaxy Note 8
- สรุปข้อมูล และข่าวอัปเดตล่าสุดของ Samsung Galaxy Note 8
- วิดีโอพรีวิว (Video Preview) Samsung Galaxy Note 8
- สรุปคุณสมบัติโดยละเอียด และราคาล่าสุดของ Samsung Galaxy Note 8
|
วิดีโอพรีวิว (Video Preview) Samsung Galaxy Note 8
Samsung Galaxy Note 8 ยอดสมาร์ทโฟนเรือธงรุ่นใหญ่ใหม่ล่าสุด ที่ไม่ได้มีดีแค่กล้องคู่!
|
โปรดทราบ
* โทรศัพท์มือถือที่ท่านเห็นในบทความรีวิวนี้เป็นเพียงเครื่องทดสอบจากทางศูนย์ เพราะฉะนั้นคุณสมบัติบางอย่างอาจมีความแตกต่างจากเครื่องที่วางจำหน่ายจริงบ้างไม่มากก็น้อย รวมถึงจุดด้อยบางประการที่พบในเครื่องทดสอบ อาจจะถูกแก้ไขปรับปรุงให้ดีขึ้นในเครื่องที่วางจำหน่ายจริง ดังนั้นหากท่านสนใจซื้อโทรศัพท์มือถือรุ่นนี้ ควรตรวจสอบหรือทดลองใช้งานสินค้าด้วยตนเองอีกครั้งหนึ่ง *
:: ไปหน้าแรกเว็บไซต์ Thaimobilecenter
| ไปหน้าแรก
Mobile Focus ::
|