เปรียบเทียบกล้องคู่ Samsung Galaxy Note 8, Huawei P10 Plus, Nokia 8 และ iPhone 7 Plus สี่เรือธงตัวท็อป รุ่นใดคือสุดยอดสมาร์ทโฟนกล้องคู่ (Dual Camera) ณ ชั่วโมงนี้ ?!
เทรนด์ของวงการสมาร์ทโฟนโลกที่มาแรงที่สุดในขณะนี้ก็คงจะเป็นอะไรไปไม่ได้นอกเสียจากนวัตกรรม กล้องคู่ (Dual Camera) เพราะจะเห็นว่าทุกแบรนด์ชั้นนำ ต่างชูจุดขายในเรื่องกล้องคู่ของตนเอง โดยเฉพาะสมาร์ทโฟนเรือธงตัวท็อปของแต่ละแบรนด์นั้น หากไม่ได้มาพร้อมกล้องคู่ ก็อาจต้องตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบคู่แข่งเลยทีเดียว และหากถามว่าในขณะนี้สมาร์ทโฟนกล้องคู่รุ่นใหม่รุ่นใดที่เป็นตัวเลือกอันดับต้นๆ ของวงการ ก็เชื่อว่าส่วนใหญ่คงต้องนึกถึง Samsung Galaxy Note 8, Huawei P10 Plus, Nokia 8 และ iPhone 7 Plus เป็นแน่
ดังนั้นเพื่อให้ง่ายต่อการตัดสินใจของทุกท่าน ในวันนี้เราจึงนำเอายอดสมาร์ทโฟนเรือธงตัวท็อปใหม่ล่าสุดทั้ง 4 รุ่นนี้ ออกไปถ่ายภาพในสถานการณ์ต่างๆ โดยเน้นภาพที่ต้องอาศัยความสามารถของกล้องคู่เป็นหลัก เช่นภาพหน้าชัดหลังเบลอ หรือการซูมภาพแบบไม่สูญเสียรายละเอียด รวมไปถึงภาพในสถานการณ์ที่เราๆ ท่านๆ มักจะต้องเจอกันอยู่เป็นประจำ เช่นการถ่ายภาพในที่มืด, การถ่ายภาพย้อนแสง, การถ่ายภาพวิวทิวทัศน์, การถ่ายภาพในตัวอาคาร, การถ่ายภาพอาหาร, การถ่ายภาพเซลฟี่ และอื่นๆ ซึ่งผลที่ได้จะเป็นอย่างไร ตรงกับที่ท่านคิดเอาไว้หรือไม่ ไปติดตามกันได้เลยครับ
เปรียบเทียบคุณสมบัติกล้องถ่ายภาพของ Samsung Galaxy Note8, Huawei P10 Plus, Nokia 8 และ iPhone 7 Plus
ก่อนที่จะไปชมตัวอย่างภาพถ่าย เราก็ขอพาทุกท่านมาดูรายละเอียดการเปรียบเทียบคุณสมบัติกล้องถ่ายภาพ ทั้งกล้องด้านหลังแบบคู่ และกล้องด้านหน้า ของ Samsung Galaxy Note8, Huawei P10 Plus, Nokia 8 และ iPhone 7 Plus กันก่อนว่าแต่ละรุ่นมีความแตกต่างกันอย่างไร ซึ่งเราได้สรุปเอาไว้ให้ทุกท่านได้ดูง่ายๆ แล้วในตารางด้านล่างนี้
เราเปรียบเทียบอย่างไร? วิธีเปรียบเทียบง่ายๆ ที่ใครก็ทำได้
เนื่องจากบทความนี้เป็นการเปรียบเทียบประสิทธิภาพของกล้องถ่ายภาพบนสมาร์ทโฟนแต่ละรุ่น ดังนั้นเพื่อให้เห็นผลลัพธ์จากการเปรียบเทียบที่ดีที่สุด เราจึงต้องพยายามควบคุมให้การถ่ายภาพของสมาร์ทโฟนแต่ลุร่นอยู่ภายใต้ตัวแปรเดียวกันมากที่สุด เช่น
- ปรับระดับของการเบลอฉากหลังให้อยู่ในระดับสูงสุดทุกรุ่น ไม่มีการปรับระดับเองเพิ่มเติมเพื่อเพิ่มความสวยงามให้กับรุ่นใดรุ่นหนึ่ง
- เลือกจุดโฟกัส และเลือกจุดวัดแสงในจุดเดียวกันทุกรุ่น (หากภาพนั้นมีการเลือกด้วยตนเอง)
- หลายๆ ภาพนั้นมีการทดสอบที่ง่ายกว่าที่คิด เพียงแค่ยกขึ้นมาถ่ายเท่านั้น (ไม่เลือกจุดโฟกัส หรือเลือกจุดวัดแสงใดๆ เพื่อให้ซอฟต์แวร์แสดงความสามารถอย่างเต็มที่)
- ใช้ระบบวัดแสงอัตโนมัติทุกรุ่น ไม่มีการปรับชดเชยแสงด้วยตนเอง อาศัยความชาญฉลาดในการประมวลผลด้วยซอฟต์แวร์ของแต่ละรุ่น
- เน้นถ่ายภาพในลักษณะทั่วๆ ไป ที่ไม่ว่าใครก็สามารถถ่ายได้ ไม่มีการจัดแสง หรือจัดสภาพแวดล้อมเพิ่มเติม
- ถ่ายภายในสภาพแวดล้อมเดียวกัน, องศาเดียวกัน และในเวลาเดียวกันมากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
สรุปแล้วจะเห็นว่าการทดสอบของเรานั้นไม่ได้มีความซับซ้อนยุ่งยากแต่อย่างใด เน้นถ่ายภาพแบบง่ายๆ และรวดเร็ว เพื่อให้เหมาะกับผู้ใช้งานทั่วไปมากที่สุด สามารถเปรียบเทียบกันได้อย่างชัดเจน อาศัยระบบซอฟต์แวร์อัตโนมัติเป็นหลัก และที่สำคัญคือทดสอบอยู่ภายใต้ตัวแปรเดียวกัน แต่สำหรับท่านใดเป็นผู้ใช้งานสมาร์ทโฟนที่มีประสบการณ์ระดับหนึ่ง การปรับตั้งค่าด้วยตนเองให้เหมาะกับแต่ละสถานการณ์นั้นก็ย่อมจะให้ผลลัพธ์ที่ดีกว่าเช่นเดียวกัน
เปรียบเทียบภาพถ่ายบุคคล แบบหน้าชัดหลังเบลอในตอนกลางวัน (ยืนถ่ายในระยะห่างเท่ากัน)
เปรียบเทียบภาพถ่ายวัตถุ แบบหน้าชัดหลังเบลอ (ยืนถ่ายในระยะห่างเท่ากัน)
เปรียบเทียบภาพถ่ายวัตถุ แบบหน้าชัดหลังเบลอ (ถอยเพื่อชดเชยระยะการซูมแบบ 2x และให้วัตถุดูมีขนาดเท่ากันมากที่สุด)
เปรียบเทียบภาพถ่ายวัตถุ แบบหน้าชัดหลังเบลอโดยไม่เปิดใช้งานโหมดกล้องคู่ (อาศัยการเข้าใกล้วัตถุ และเว้นระยะให้ห่างจากฉากหลัง)
เปรียบเทียบภาพถ่ายบุคคล แบบหน้าชัดหลังเบลอในอาคาร (ยืนถ่ายในระยะห่างเท่ากัน)
เปรียบเทียบภาพถ่ายบุคคล แบบหน้าชัดหลังเบลอในที่มืด หรือที่แสงน้อย (ยืนถ่ายในระยะห่างเท่ากัน)
เปรียบเทียบภาพถ่ายเซลฟี่แบบหน้าชัดหลังเบลอ พร้อมเปิดใช้ฟังก์ชันหน้าสวยในระดับกลาง (หากมี)
เปรียบเทียบการซูมภาพ
เปรียบเทียบภาพถ่ายบุคคล แบบย้อนแสง (โฟกัสที่ตา พร้อมใช้การวัดแสงอัตโนมัติ)
เปรียบเทียบภาพถ่ายเซลฟี่แบบปกติ พร้อมเปิดใช้ฟังก์ชันหน้าสวยในระดับกลาง (หากมี)
เปรียบเทียบภาพถ่ายอาหาร
เปรียบเทียบภาพถ่ายแบบ HDR (High Dynamic Range)
เปรียบเทียบภาพถ่ายในอาคาร
เปรียบเทียบภาพถ่ายในที่มืด หรือที่แสงน้อย
เปรียบเทียบภาพถ่ายแบบขาว-ดำ
เปรียบเทียบภาพถ่ายในช่วงเวลาพลบค่ำ
เปรียบเทียบภาพถ่ายในเวลากลางคืน
เปรียบเทียบลักษณะของโบเก้จากหลอดไฟ
สรุปในเบื้องต้น กับกล้องถ่ายภาพบน Samsung Galaxy Note8, Huawei P10 Plus, Nokia 8 และ iPhone 7 Plus
หลังจากที่เราได้ทำการทดสอบถ่ายภาพในรูปแบบต่างๆ กันไปพอสมควร ก็พบว่ากล้องบนสมาร์ทโฟนทั้ง 4 รุ่นต่างก็มีจุดเด่น, จุดที่ควรปรับปรุง หรือข้อสังเกต ที่แตกต่างกันออกไปดังนี้
Samsung Galaxy Note 8
จุดเด่น
- สามารถเบลอฉากหลังได้อย่างแนบเนียนดูสวยงามเป็นธรรมชาติ
- การถ่ายภาพหน้าชัดหลังเบลอสามารถดึงรายละเอียดในฉากหลังให้เข้าใกล้ได้มากกว่า เนื่องจากใช้ระยะทางยาวโฟกัสของเลนส์ Telephoto
- ซูมแบบไม่สูญเสียรายละเอียดได้ 2 เท่า ด้วยระบบ Optical Zoom
- มีระบบป้องกันการสั่นแบบ Dual OIS
- ภาพมีสีสันที่สดใสสวยงาม
- จัดการแสงได้ดี ภาพดูมีความสว่าง
- ถ่ายภาพในที่มืด หรือที่แสงน้อยได้ดี
- มีฟังก์ชันสำหรับการถ่ายภาพให้ใช้งานหลากหลาย
- สามารถปรับแต่งค่าต่างๆ ได้มาก การใช้งานค่อนข้างยืดหยุ่น
จุดที่ควรปรับปรุง
- ในบางครั้งภาพดูมีการเร่งสี หรือเร่งแสงมากเกินไป
ข้อสังเกตอื่นๆ
- การถ่ายภาพหน้าชัดหลังเบลอใช้ระยะทางยาวโฟกัสของเลนส์ Telephoto ดังนั้นต้องถอยห่างจากบุคคล หรือวัตถุมากกว่า เพื่อให้ได้ภาพในมุมที่กว้างเท่ากัน
Huawei P10 Plus
จุดเด่น
- สามารถถ่ายภาพหน้าชัดหลังเบลอได้ในมุมที่กว้าง
- ซูมแบบไม่สูญเสียรายละเอียดได้ 2 เท่า ด้วยระบบ Hybrid Zoom
- มีระบบป้องกันการสั่นแบบ OIS
- ใช้เลนส์ Leica ทั้งกล้องด้านหลัง และกล้องด้านหน้า
- ภาพมีสีสันที่สดใสสวยงาม พร้อมทั้งยังดูเป็นธรรมชาติ ไม่หลอกตาจนเกินไป
- จัดการแสงได้ดี ภาพดูมีความสว่าง
- ถ่ายภาพในที่มืด หรือที่แสงน้อยได้ดี
- มีฟังก์ชันสำหรับการถ่ายภาพให้ใช้งานหลากหลาย
- สามารถปรับแต่งค่าต่างๆ ได้มาก การใช้งานค่อนข้างยืดหยุ่น
จุดที่ควรปรับปรุง
- การเบลอฉากหลังบางจุดยังไม่แนบเนียนเท่าที่่ควร เช่นหลังภาชนะโปร่งใส หรือบริเวณขอบของวัตถุที่อยู่ด้านหน้า (การทดสอบใช้ระดับการเบลอสูงสุด ดังนั้นหากต้องการให้การเบลอมีความสวยเนียนขึ้น อาจต้องลดระดับของการเบลอลงบ้างตามความเหมาะสม)
Nokia 8
จุดเด่น
- สามารถเบลอฉากหลังได้อย่างแนบเนียนดูสวยงามเป็นธรรมชาติ
- สามารถถ่ายภาพหน้าชัดหลังเบลอได้ในมุมที่กว้าง
- ใช้เลนส์ ZEIS ทั้งกล้องด้านหลัง และกล้องด้านหน้า
- มีระบบป้องกันการสั่นแบบ OIS
จุดที่ควรปรับปรุง
- การตอบสนองยังไม่รวดเร็วเท่าที่ควร เช่นการโฟกัสวัตถุ หรือการวิเคราะห์ระยะของวัตถุขณะถ่ายภาพหน้าชัดหลังเบลอ
- ตัวเลือกเพิ่มเติมเกี่ยวกับการถ่ายภาพ หรือถ่ายวิดีโอมีให้เลือกค่อนข้างน้อย
- กล้องด้านหน้าไม่มีฟังก์ชันเบลอฉากหลัง
ข้อสังเกตอื่นๆ
- ไม่มีเทคโนโลยีการซูมแบบไม่สูญเสียรายละเอียด
iPhone 7 Plus
จุดเด่น
- สามารถเบลอฉากหลังได้อย่างแนบเนียนดูสวยงามเป็นธรรมชาติ
- การถ่ายภาพหน้าชัดหลังเบลอสามารถดึงรายละเอียดในฉากหลังให้เข้าใกล้ได้มากกว่า เนื่องจากใช้ระยะทางยาวโฟกัสของเลนส์ Telephoto
- ซูมแบบไม่สูญเสียรายละเอียดได้ 2 เท่า ด้วยระบบ Optical Zoom
- มีระบบป้องกันการสั่นแบบ OIS
- โทนสีดูเป็นธรรมชาติ ไม่ถูกปรุงแต่งมากจนเกินไป
จุดที่ควรปรับปรุง
- มีจุดรบกวน (Noise) มากเมื่อต้องถ่ายในที่มืด หรือในที่แสงน้อย
- ถ่ายภาพบุคคลย้อนแสงได้ไม่ดีนัก (หน้ามืดกว่ารุ่นอื่น)
- ไม่มีฟังก์ชันปรับผิวหน้าให้เรียบเนียน หรือกระจ่างใส
- ตัวเลือกเพิ่มเติมเกี่ยวกับการถ่ายภาพ หรือถ่ายวิดีโอมีให้เลือกค่อนข้างน้อย
- มุมของกล้องหน้าไม่กว้างมากนัก
- กล้องด้านหน้าไม่มีฟังก์ชันเบลอฉากหลัง
ข้อสังเกตอื่นๆ
- สีสันของภาพดูจืด ไม่สดใส ดูไม่มีชีวิตชีวา เนื่องจากเน้นโทนสีที่เป็นธรรมชาติ
- การถ่ายภาพหน้าชัดหลังเบลอใช้ระยะทางยาวโฟกัสของเลนส์ Telephoto ดังนั้นต้องถอยห่างจากบุคคล หรือวัตถุมากกว่า เพื่อให้ได้ภาพในมุมที่กว้างเท่ากัน
โดยสรุปแล้วสำหรับท่านที่ต้องการเลือกซื้อสมาร์ทโฟนที่มีกล้องคู่ (Dual Camera) ดีๆ มาใช้งานสักรุ่น การจะฟันธงเลือกรุ่นใดรุ่นหนึ่งนั้นก็คงต้องพิจารณาจากจุดเด่น และจุดที่ควรปรับปรุงของแต่ละรุ่นให้ดีเสียก่อนว่าท่านให้น้ำหนักกับจุดเด่นในเรื่องใดมากกว่ากัน และสามารถละเว้นจุดที่ควรปรับปรุงข้อไหนไปได้บ้าง รวมถึงชอบภาพสไตล์ไหน เนื่องจากกล้องของสมาร์ทโฟนทั้ง 4 รุ่นข้างต้นนั้นมีอะไรหลายๆ อย่างที่ต่างกันดังรายละเอียดข้างต้น ตัวท่านเองเท่านั้นจึงจะจะตัดสินใจได้ดีที่สุด และก็ใช่ว่าท่านจะต้องพิจารณาในเรื่องของกล้องถ่ายภาพแต่เพียงอย่างเดียวเท่านั้น เพราะดีไซน์ตัวเครื่องที่ชอบ กับฟีเจอร์อื่นๆ ที่ตอบโจทย์การใช้งานในชีวิตประจำวันของท่าน ก็นับว่ามีความสำคัญไม่แพ้กัน สุดท้ายนี้ก็ขอขอบคุณทุกท่านที่ติดตามชม พบกันได้ใหม่ในโอกาสหน้า สวัสดีครับ
นำเสนอบทความโดย : thaimobilecenter.com
วันที่ : 11/9/2560