พรีวิว (Preview) Samsung Galaxy Note7
ยอดสมาร์ทโฟนเรือธงเพื่อการขีดเขียนใหม่ล่าสุด กับปากกา S-Pen ที่ใช้งานใต้น้ำได้ พร้อมระบบสแกนม่านตา, จอ Dual Edge QHD Super AMOLED 5.7 นิ้ว, กระจก Gorilla Glass 5 สุดแกร่ง, กล้อง Dual Pixel ขั้นโปร และ USB Type-C บนบอดี้ 3D Symmetrical สุดพรีเมียม กับสีฟ้า Blue Coral ใหม่ที่น่าหลงไหล
Preview Date (5 สิงหาคม 2559)
(ข้อควรทราบ : เครื่อง Samsung Galaxy Note7 ที่นำมาทดสอบในบทความนี้ เป็นเพียงเครื่องทดสอบ ดังนั้นรายละเอียดบางอย่างอาจแตกต่างจากเครื่องที่วางจำหน่ายจริง เช่นจุดไข่ปลาบริเวณด้านหน้า หรือคำว่า Training ที่ด้านหลัง)

ในบรรดาสมาร์ทโฟน ซัมซุง (Samsung) ทั้งหมด ซีรีส์ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวมากที่สุดก็เห็นจะเป็นสมาร์ทโฟนในตระกูล Galaxy Note เพราะไม่เพียงแค่จะมีฟีเจอร์ระดับไฮเอนด์ กับการประมวลผลที่เร็วแรงที่สุดตามปกติของสมาร์ทโฟนเรือธงตัวท็อปเท่านั้น แต่ยังมาพร้อมกับจุดขายสำคัญที่แตกต่างจากสมาร์ทโฟนทุกรุ่นในตลาด ซึ่งก็คือปากกา S-Pen ประสิทธิภาพสูงนั่นเอง จึงไม่น่าแปลกใจที่ตั้งแต่ Galaxy Note รุ่นต้นตระกูล ไล่มาจนถึง Samsung Galaxy Note5 ต่างก็ประสบความสำเร็จอย่างงดงาม พร้อมครองใจผู้ใช้งานทั่วโลกได้มากมาย และล่าสุดในงาน Samsung Galaxy Unpacked 2016 เมื่อวันที่ 2 สิงหาคม ที่ผ่านมา ซัมซุง ก็ได้ฤกษ์เปิดตัว Galaxy Note รุ่นใหม่ล่าสุดออกมาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ในนามว่า Samsung Galaxy Note7 ซึ่งทีมงานเว็บไซต์ไทยโมบายเซ็นเตอร์ได้นำมาพรีวิวให้ได้ชมกันในวันนี้นั่นเอง
หลายท่านอาจจะตั้งข้อสังเกตว่าเพราะเหตุใดจึงไม่มีรุ่น Samsung Galaxy Note6 ออกมาก่อนตามลำดับตัวเลข สาเหตุง่ายๆ ก็คือ ซัมซุง ต้องการลดความสับสนของผู้บริโภค และทำตลาดควบคู่ไปกับสมาร์ทโฟนตระกูล Galaxy S อย่างเต็มตัวนั่นเอง ดังนั้นด้วยการที่ปีนี้เป็นปีที่ Galaxy S ดำเนินมาจนถึงรุ่นที่ 7 (Samsung Galaxy S7) เพราะฉะนั้น Galaxy Note รุ่นใหม่ในปีนี้ก็ควรจะใช้เลข 7 เช่นเดียวกัน และก็ดูจะเกี่ยวพันไปถึงสมาร์ทโฟนคู่แข่งต่างค่ายรายสำคัญอย่าง iPhone 7 ที่จ่อจะเปิดตัวตามมาในช่วงเดือนกันยายนนี้ด้วยเช่นกัน

หากเทียบกับ Galaxy Note5 สมาร์ทโฟนรุ่นพี่ สิ่งที่พัฒนาขึ้นใหม่ใน Galaxy Note7 รุ่นน้องรุ่นนี้นั้นนับได้ว่าสร้างความเซอร์ไพรส์ให้กับผู้ที่ตั้งตารอคอยไม่น้อยเลยทีเดียว เริ่มตั้งแต่ระบบสแกนม่านตา (Iris Scanner) ที่ช่วยยกระดับความปลอดภัยให้สูงขึ้นอีกขั้น, ตัวเครื่องที่กันน้ำกันฝุ่นได้ตามมาตรฐาน IP68 พร้อมทั้งสามารถใช้ปากกา S-Pen ในน้ำได้, ฟังก์ชันปากกา S-Pen ที่ถูกยกเครื่องใหม่ให้ครบเครื่องยิ่งขึ้น, กระจก Gorilla Glass 5 ที่แข็งแกร่งยิ่งกว่าเก่า อีกทั้งยังเป็นสมาร์ทโฟนรุ่นแรกที่ได้ใช้กระจกรุ่นนี้อีกต่างหาก, ดีไซน์จอขอบโค้งสองด้านแบบ 3D Symmetrical ที่สวยเฉียบผอมเพรียวลงตัวกว่าเดิม พร้อมสีฟ้า-Blue Coral ใหม่ล่าสุด, หน่วยความจำภายในขนาด 64GB พร้อมเพิ่มหน่วยความจำด้วยการ์ด microSD ได้สูงสุด 256GB, การรับชมวิดีโอแบบ HDR, เป็นสมาร์ทโฟน ซัมซุง รุ่นแรกที่ได้ใช้พอร์ตเชื่อมต่อแบบ USB Type-C, การใช้งานกล้อง Dual Pixel ที่ง่ายกว่าเดิม, แบตเตอรี่ที่ใหญ่ขึ้นเป็นขนาด 3500 mAh และบรรดาอุปกรณ์เสริมที่หลากหลายยิ่งกว่าเก่า
สำหรับคุณสมบัติอื่นๆ ของ Galaxy S7 นั้นล้วนแต่อยู่ในระดับไฮเอนด์ ทั้งจอ Dual Edge QHD Super AMOLED ขนาดใหญ่เต็มตา 5.7 นิ้ว, ชิปเซ็ต Exynos 8890 ตัวท็อป, ระบบปฏิบัติการ Android 6.0.1 Marshmallow ซึ่งเป็นระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์เวอร์ชันใหม่ล่าสุด และแน่นอนว่าเมื่อระบบปฏิบัติการ Android 7.0 Nougat มาเมื่อไหร่ ก็จะได้รับการอัปเดตด้วยอย่างแน่นอน, หน่วยความจำแรม (RAM) ขนาด 4GB, กล้อง Dual Pixel ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล ซึ่งถูกยกมาจาก Galaxy S7 ดังนั้นคุณภาพจึงยอดเยี่ยมไม่แพ้กัน, เซ็นเซอร์ตรวจวัดอัตรรการเต้นของหัวใจ, เซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือ, รองรับการใช้งานสองซิมการ์ด บนเทคโนโลยี Full NetCom 3.0 และรองรับเทคโนโลยีการเชื่อมต่อไร้สายครบครันทุกรูปแบบ จึงเรียกได้ว่าสมบูรณ์แบบทั้งรูปลักษณ์ภายนอก และความสามารถด้านใน

ส่วนราคาค่าตัวของ Galaxy Note7 ในบ้านเราก็ได้มีการประกาศอย่างเป็นทางการออกมาแล้ว โดยมีราคาอยู่ที่ 28,900 บาท ซึ่งหากเทียบกับ Galaxy Note5 รุ่นความจุ 64GB ซึ่งเป็นเรือธงรุ่นพี่ในตระกูลเดียวกัน ก็ถือว่าเป็นราคาที่ถูกลงราว 1 พันบาท พร้อมเปิดให้สั่งจองล่วงหน้าวันนี้เป็นวันแรก (5 สิงหาคม 2559) พร้อมโปรโมชั่นส่วนลด และของแถมหลายรายการ แต่ก่อนที่ทุกท่านจะตัดสินใจสั่งจอง หรือตัดสินใจซื้อ ก็ลองมาดูกันก่อนว่า Galaxy Note7 รุ่นนี้ เมื่อทดสอบใช้งานจริงแล้วจะเป็นอย่างไร จะคุ้มค่าสมกับราคาค่าตัวระดับนี้หรือไม่ ไปติตดามกันต่อได้เลยครับ
สำรวจรูปลักษณ์ภายนอกตัวเครื่อง และการออกแบบดีไซน์ของ Samsung Galaxy Note7

Samsung Galaxy Note7 นับเป็นสมาร์ทโฟนตระกูล Galaxy Note รุ่นแรกที่มาพร้อมกับจอขอบโค้งทั้งสองด้าน โดยเป็นจอแบบ Dual Edge Super AMOLED ขนาด 5.7 นิ้ว ความละเอียดระดับ 2K QHD (2560x1440 พิกเซล) ซึ่งแม้จะเป็นจอขนาด 5.7 นิ้วเท่ากันกับ Galaxy Note5 และ Galaxy Note 4 รุ่นก่อนหน้านี้ แต่ด้วยขอบจอที่บางเฉียบลงเหลือเพียง 1.1 มิลลิเมตร จึงช่วยให้ตัวเครื่องมีความผอมเพรียวกว่าเดิม และจับถือได้ถนัดมือมากยิ่งขึ้น

ที่ด้านบนของหน้าจอประกอบไปด้วยไฟ LED สำหรับแสดงสถานะการทำงาน, IR LED (Infrared LED) ที่ทำงานร่วมกับกล้องสแกนม่านตา, เซ็นเซอร์ Proximity, เซ็นเซอร์ Ambient Light, ลำโพงเสียงสำหรับการสนทนา, กล้องดิจิทัลความละเอียด 5 ล้านพิกเซล (f/1.7) และกล้องสแกนม่านตา

ที่ด้านล่างของหน้าจอประกอบไปด้วยปุ่ม Recent Apps แบบสัมผัส, ปุ่มโฮมแบบ Hard Key ซึ่งมีเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือในตัว และปุ่มย้อนกลับแบบสัมผัส

ปุ่ม Recent Apps กับปุ่มย้อนกลับ มีไฟ Backlight ติดตั้งอยู่ภายใน ช่วยให้มองเห็นได้ชัดในที่มืด


เทคโนโลยีการผลิตตัวเครื่องชอง Galaxy Note7 จะเป็นแบบ Metal-Glass ซึ่งเป็นการผสานกระจก Gorilla Glass 5 ที่ด้านหน้า และด้านหลัง เข้ากับบอดี้โลหะอะลูมิเนียมซีรีส์ 7000 ซึ่งขอบโลหะด้านข้างจะบางเฉียบลงเหลือเพียง 0.5 มิลลิเมตร พร้อมเชื่อมต่อกับกระจกขอบโค้งแบบแทบจะไร้รอยต่อ ราวกับรวมเป็นชิ้นเดียวกัน สมดุลกันทั้งส่วนโค้งด้านบน และส่วนโค้งด้านล่าง ซึ่งต่างจาก Galaxy Note5 รุ่นเดิมที่ไม่กลมกลืนมากขนาดนี้ เรียกว่ามีความละเอียดประณีตขึ้นมาก

การแสดงผลจะเลยมาถึงส่วนของขอบโค้ง ซึ่งดูสวยงามเต็มตาเต็มอารมณ์มากกว่าจอแบนทั่วไป และดูเผินๆ ก็แทบจะเหมือนกับจอไร้ขอบ

ที่ด้านหลังของตัวเครื่องก็ถูกประกบด้วยกระจก Gorilla Glass 5 ขอบโค้งด้วยเช่นกัน ซึ่งดูสวยงามพรีเมียมเป็นพิเศษ แต่ก็อาจเกิดคราบเปื้อน, ฝุ่นจับ หรือรอยนิ้วมือได้ง่ายเช่นกัน

ที่ด้านหลังส่วนบนประกอบไปด้วยกล้องดิจิทัลแบบ Dual Pixel ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล, ไฟแฟลช LED และเซ็นเซอร์ตรวจวัดอัตราการเต้นของหัวใจ

ขอบโลหะที่ด้านข้างของตัวเครื่องมีความบางเฉียบเพียง 0.5 มิลลิเมตร พร้อมประกบด้วยส่วนโค้งที่สมดุลกันทั้งด้านบน และด้านล่าง โดยที่ด้านซ้ายของตัวเครื่องนั้นประกอบไปด้วยปุ่มเพิ่ม-ลดระดับเสียง

ที่ด้านขวาของตัวเครื่องมีเพียงปุ่มเปิด-ปิดเครื่อง หรือล็อกหน้าจอ

ที่ด้านบนของตัวเครื่องประกอบไปด้วยเสารับสัญญาณ, ไมโครโฟนตัวที่สองสำหรับการตัดเสียงรบกวน และช่องแบบ Hybrid Slot ซึ่งรองรับทั้งการใช้งานสองซิมการ์ด และการใส่การ์ดหน่วยความจำแบบ microSD แต่ช่องซิมการ์ดที่สอง ต้องเลือกใส่อย่างใดอย่างหนึ่ง ระหว่างซิมการ์ด กับการ์ดหน่วยความจำแบบ microSD

ลักษณะของถาดใส่ซิมการ์ดแบบ Hybrid Slot ที่รองรับการใส่การ์ดหน่วยความจำแบบ microSD ได้ในตัว โดยซิมการ์ดที่ใช้จะต้องเป็นแบบ nanoSIM เท่านั้น

ที่ด้านล่างของตัวเครื่องประกอบไปด้วยเสารับสัญญาณ, ช่องต่อหูฟังมาตรฐานขนาด 3.5 มิลลิเมตร, ช่องเชื่อมต่อแบบ USB Type-C, ไมโครโฟนสำหรับการสนทนา หรือบันทึกเสียง, ลำโพงเสียง และช่องใส่ปากกา S-Pen โดยใส่ช่องปากกา S-Pen ใน Galaxy Note7 ถูกปรับปรุงใหม่ ให้ไม่สามารถใส่ปากกากลับด้านได้ จึงลดความเสี่ยงจากการเสียหายได้

หัวปากกา S-Pen ของ Galaxy Note7 จะมีขนาดเล็กลงเหลือ 0.7 มิลลิเมตร ในขณะที่รุ่นก่อนหน้านี้มีหัวปากกาขนาด 1.6 มิลลิเมตร จึงช่วยให้สามารถลงลายเส้นได้ละเอียดมากกว่าเดิม

อีกอย่างที่พัฒนาขึ้นในปากกา S-Pen ก็คือสามารถรองรับแรงกดได้ถึง 4096 ระดับ ในขณะที่รุ่นก่อนหน้านี้รองรับได้เพียง 2048 ระดับ จึงช่วยให้การลงน้ำหนักเส้น หรือการแรเงา ดูเป็นธรรมชาติมากยิ่งข้น


ตัวเครื่องของ Samsung Galaxy Note7 ที่วางจำหน่ายในประเทศไทยจะมีให้เลือกทั้งหมด 4 สี ได้แก่ สีดำ-Black Onyx, สีทอง-Gold Platinum, สีเงิน-Silver Titanium และสีฟ้า-Blue Coral โดยในล็อตแรกจะมีให้เลือกก่อนเพียง 3 สี คือสีดำ, สีทอง และสีเงิน ส่วนสีฟ้าจะวางจำหน่ายตามมาในภายหลัง




เปรียบเทียบความแตกต่างระหว่าง Galaxy Note7 สีดำ, สีเงิน และสีทอง


Galaxy Note5 รุ่นพี่ ดูเหมือนตัวเครื่องสีทองจะได้รับความนิยมมากเป็นพิเศษ แต่ Galaxy Note7 จะเป็นเช่นนั้นด้วยหรือไม่ ก็ต้องคอยติดตามดูกระแสกันต่อไป


จุดขายที่น่าสนใจที่สุดของ Galaxy Note7 อีกอย่างหนึ่งก็คงเป็นอะไรไปไม่ได้นอกจากตัวเครื่องที่สามารถป้องกันน้ำ-ป้องกันฝุ่นได้ตามมาตรฐาน IP68 ซึ่งเป็นมาตรฐานเดียวกันกับ Samsung Galaxy S7 เรือธงรุ่นก่อนหน้านี้ โดยมาตรฐาน IP68 นี้ ในเบื้องต้นคือสามารถกันน้ำได้ลึกระดับ 1.5 เมตร ได้ต่อเนื่องสูงสุดประมาณ 30 นาที แต่ก็ควรจะเป็นน้ำสะอาด ไม่ใช่น้ำทะเล หรือน้ำที่มีสารเคมีเจือปน

นอกจากจะใช้งานฟีเจอร์ทั่วๆ ไปในน้ำได้แล้ว ก็ยังสามารถใช้งานปากกา S-Pen ในน้ำได้อีกด้วย ซึ่งทีมงานทดสอบแล้วพบว่าสามารถใช้ได้จริง แต่ก็ต้องจับถือตัวเครื่องให้นิ่งสักหน่อย มิเช่นนั้นแรงดันน้ำอาจไปกระตุ้นให้หน้าจอเกิดการสับเปลี่ยนหน้าไปมาได้

ในชุดจำหน่ายมาตรฐานจะมาพร้อมกับอะแดปเตอร์ชาร์จแบตเตอรี่ความเร็วสูง (Adaptive Fast Charging) โดยสามารถชาร์จแบตเตอรี่เต็ม 100% ได้ภายในเวลาประมาณ 100 นาที ซึ่งเร็วกว่าการชาร์จแบตเตอรี่บน Galaxy Note5 อยู่ราว 17%

ตัวอะแดปเตอร์ Adaptive Fast Charging มีค่าแรงดันไฟขาออกอยู่ที่ 9.0V พร้อมกระแสไฟฟ้า 1.67A หรือแรงดันไฟ 5.0V พร้อมกระแสไฟฟ้า 2.0A

สาย USB ที่แถมมาให้เป็นหัวต่อแบบ USB Type-C ซึ่งใช้งานได้ง่ายขึ้น เนื่องจากสามารถเชื่อมต่อด้วยการพลิกด้านใดก็ได้ แต่ก็รองรับเฉพาะอุปกรณ์ที่มีพอร์ตแบบ USB Type-C เท่านั้น

เพื่อให้อุปกรณ์ที่ใช้พอร์ต USB แบบเดิมๆ สามารถเชื่อมต่อกับ Galaxy Note7 ได้ด้วย ซัมซุง จึงแถมอะแดปเตอร์ USB Type-C to Type A มาให้พร้อมชุดจำหน่ายมาตรฐาน



และหากใครมีสาย microUSB อยู่แล้ว ก็สามารถเชื่อมต่อกับ Galaxy Note7 ได้โดยไม่ต้องซื้อสายใหม่ ด้วยอะแดปเตอร์แบบ USB Type-C to microUSB ที่ ซัมซุง แถมมาให้เช่นกัน


หูฟังที่แถมมาให้ เป็นหูฟัง Samsung แบบ In-Ear รุ่น EO-EG920BW

เข็ม SIM Door Key ก็แถมมาให้พร้อมใช้งาน
ทดสอบฟีเจอร์ และแอปพลิเคชันต่างๆ ของ Samsung Galaxy Note7 ในเบื้องต้น
 
Samsung Galaxy Note7 เครื่องที่ทีมงานได้มาทดสอบนี้ เป็นเครื่องโมเดล SM-N930F ซึ่งเป็นโมเดลเดียวกันกับที่วางจำหน่ายในประเทศไทย โดยมาพร้อมกับระบบปฏิบัติการ Android 6.0.1 Marshmallow ซึ่งเป็นระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์เวอร์ชันใหม่ล่าสุด ณ ปัจจุบัน แต่หาก Android 7.0 Nougat มาเมื่อไหร่ ก็จะได้รับการอัปเดตด้วยอย่างแน่นอน
 
มาพร้อมหน่วยความจำภายใน (ROM) ขนาด 64GB พร้อมหน่วยความจำแรม (RAM) ขนาด 4GB ซึ่งเรื่องขนาดของหน่วยความจำแรมนี่เอง ที่อาจจะยังเป็นรองสมาร์ทโฟนเรือธงคู่แข่งรุ่นใหม่ๆ บางรุ่น เพราะขณะนี้เริ่มใส่หน่วยความจำแรมมาให้ถึง 6GB กันบ้างแล้ว
 
มาพร้อมแบตเตอรี่ที่มีความจุมากขึ้นเป็น 3500 mAh ในขณะที่ Galaxy Note5 รุ่นเดิมใส่มาให้เพียง 3000 mAh แต่อย่างไรก็ดี เรื่องแบตเตอรี่ก็ยังเป็นรองเพื่อนร่วมค่ายอย่าง Samsung Galaxy A9 Pro อยู่ เพราะรายนี้ใส่มาให้ถึง 5000 mAh เลยทีเดียว

สำหรับท่านใดที่ตัดสินใจจะซื้อ Galaxy Note7 ก่อนจะจ่ายเงิน และรับเครื่องกลับบ้าน ก็แนะนำให้กดรหัส *#0*# เพื่อตรวจสอบการทำงานของตัวเครื่องในเบื้องต้นเสียก่อนว่ามีข้อบกพร่องในจุดไหนหรือไม่
 
เซ็นเซอร์ต่างๆ ถูกใส่มาให้อย่างครบครัน ทั้ง Accelerometer, Proximity, Barometer, Ambient Light, Gyroscope, OIS Gyroscope, Magnetic, Heart Rate และ Fingerprint
 
อีกหนึ่งไฮไลท์ที่น่าสนใจที่สุดที่ก็คือระบบสแกนม่านตา ซึ่งก่อนใช้งานผู้ใช้งานก็จะต้องทำการลงทะเบียนม่านตาของตนเองเสียก่อน และเพื่อป้องกันในกรณีที่ไม่สามารถสแกนม่านตาได้ ก็ต้องมีการกำหนด Pattern, PIN หรือ Password เพื่อเป็นทางเลือกสำรองด้วย


การทำงานพื้นฐานของระบบสแกนม่านตาใน Galaxy Note7 จะเป็นการทำงานร่วมกันระหว่าง IR LED กับกล้อง Iris Camera โดยตัว IR LED จะยิงลำแสงอินฟราเรดไปที่ม่านตาของผู้ใช้ และสะท้อนภาพของม่านตาไปยังกล้อง Iris Camera เพื่อทำการตรวจสอบว่าลักษณะของม่านตาดังกล่าวถูกต้องตามที่เคยลงทะเบียนเอาไว้หรือไม่ ส่วนลำแสงอินฟราเรดที่ส่องไปที่ดวงตานั้นได้รับการรับรองแล้วว่ามีความปลอดภัย ไม่ก่อให้เกิดอันตรายใดๆ ต่อสายตา หรือร่างกาย


ขณะสแกนม่านตา ควรให้ใบหน้าอยู่ห่างจากตัวเครื่องประมาณ 25-35 เซนติเมตร โดยระบบสแกนม่านตาบน Galaxy Note7 นั้นรองรับการใช้งานร่วมกับการปลดล็อกหน้าจอ, การป้องกันโฟลเดอร์ และการล็อกอินเข้าเว็บไซต์ต่างๆ
 
หากใครที่ไม่สะดวกจะใช้ระบบสแกนม่านตา ก็สามารถใช้ระบบสแกนลายนิ้วมือแบบเดิมได้ ซึ่งก็ยังถือว่าใช้งานได้สะดวกรวดเร็วเป็นอย่างดีอยู่แล้ว
 
 
อีกหนึ่งฟีเจอร์ทีเด็ดใหม่ล่าสุดของ Galaxy Note7 ก็คือ Secure Folder ซึ่งเป็นโฟลเดอร์ลับสุดยอด ที่ช่วยปกป้องข้อมูลลับ, จำกัดการใช้งานแอปพลิเคชัน และที่สำคัญคือผู้ใช้งานสามารถใช้งานได้พร้อมๆ กันสองบัญชีภายในเครื่องเดียวกัน แยกจากกันอย่างอิสระ เช่นบัญชีของ LINE, Facebook, Instagram, Messenger, WhatsApp, WeChat และอื่นๆ เรียกได้ว่าเป็นสองคนในร่างเดียวได้อย่างง่ายดาย

 
ที่หน้า Always On Display ผู้ใช้งานสามารถปรับแต่งรูปแบบของการแสดงผลได้อย่างหลากหลาย พร้อมทั้งเลือกเปิด-ปิดการแจ้งเตือนต่างๆ บนหน้า Lock Screen ได้ตามต้องการ

ฟังก์ชัน Screen Off Memo ยังคงมีมาให้ใช้งานกันเช่นเคย แต่ความสามารถที่เพิ่มเข้ามาใหม่ก็คือ ผู้ใช้งานสามารถกดดูรายการล่าสุดของ Screen Off Memo ที่เก็บบันทึกไว้ได้ทันทีผ่านทางหน้าจอ Always On Display
 
มาพร้อมกับ TouchWiz UI เวอร์ชันใหม่ล่าสุด

เมื่อเลื่อนแถบด้านบนของหน้าจอลงมาก็พบกับทางลัดเพื่อการตั้งค่าต่างๆ ที่ดูแปลกตาไป ซึ่งนั่นก็เป็นเพราะถูกปรับปรุงใหม่ด้วยความสามารถที่เรียกว่า Quick Panel ที่นอกจากเราจะสามารถเปิด-ปิดฟังก์ชันต่างๆ ได้ตามปกติแล้ว เราก็ยังสามารถกำหนดตัวเลือกอื่นๆ จากตรงนี้ได้ทันที เช่นหากเราต้องการเชื่อมต่อกับ Wi-Fi Hotspot หรือ Wi-Fi Router ตัวไหน ก็สามารถเลือกจากตรงนี้ได้โดยตรง โดยไม่ต้องเสียเวลาเข้าไปที่ส่วนของการตั้งค่าด้านใน
 
สามารถปรับแต่งหน้า Home Screen ได้ยืดหยุ่นเช่นเคย ทั้งภาพพื้นหลัง, ธีม, วิดเจ็ต และขนาดของไอคอน

เพื่อให้หน้ารวมแอปพลิเคชันดูไม่รกตามากนัก ใน Galaxy Note7 จึงยุบรวมแอปพลิเคชันเริ่มต้นให้เหลือเพียงหน้าเดียว โดยพยายามเอาแอปพลิเคชันยิบย่อยไปรวมไว้ในโฟลเดอร์แทน
 
รายการของแอปพลิเคชันต่างๆ จาก Samsung

รายการของแอปพลิเคชันต่างๆ จาก Google

รายการของแอปพลิเคชันเริ่มต้นในกลุ่มของโซเชียล

รายการของแอปพลิเคชันต่างๆ จากไมโครซอฟท์

 
 
มาพร้อมกับหน้า Edge Screen เช่นเดียวกันกับ Samsung Galaxy S7 edge โดยแบ่งออกเป็นส่วนของ Apps Edge, People Edge และ Tasks Edge ซึ่งในส่วนของ Edge Panels ผู้ใช้งานสามารถเลือกใส่เข้ามาเพิ่มเติมได้ รวมถึงสามารถไปดาวน์โหลด Edge Panels แบบอื่นๆ มาใช้งานเพิ่มเติมได้ด้วยเช่นกัน

สามารถเลือกเปิด-ปิดการใช้งาน Edge Panels, Edge Feeds และ Edge Lighting ได้
 
อีกฟังก์ชันที่มีประโยชน์สำหรับการใช้งานในชีวิตประจำวันก็คือฟังก์ชัน Blue Light Filter ซึ่งช่วยกรองแสงสีฟ้าขณะใช้งานในที่มืด เพื่อถนอมสายตา และเพื่อให้นอนหลับได้สนิท โดยผู้ใช้งานสามารถกำหนดช่วงเวลาเปิด-ปิด Blue Light Filter ได้ด้วยตนเอง



คำสั่งบน Air Command ก็ถูกพัฒนาเพิ่มเข้ามาใหม่หลายอย่างเลยทีเดียว เริ่มตั้งแต่ฟังก์ชัน Glance ที่ใช้ย่อ และสลับแอปพลิเคชันได้อย่างสะดวกรวดเร็ว, ฟังก์ชัน Magnify ที่ใช้เป็นแว่นขยายข้อความ หรือรูปภาพได้สูงสุดถึง 300% และฟังก์ชัน Translate ที่ช่วยแปลภาษาได้แบบด่วนทันใจ เพียงแค่เลือกข้อความที่ต้องการแปลด้วยปากกา S-Pen โดยรองรับได้มากถึง 37 ภาษา
 
 

ส่วนแอปพลิเคชันหลักสำหรับปากกา S-Pen นั้นถูกยุบรวมเป็น Samsung Notes (รวมจาก S Note, Memo และ Scrapbook) เพื่อลดความซับซ้อนของการใช้งาน และคราวนี้ผู้ใช้งานสามารถผสมสีเองได้อย่างอิสระ เรียกได้ว่าสามารถใส่จินตนาการ หรือความสร้างสรรค์เข้าไปได้มากขึ้น
 
สามารถแทรกรูปภาพ หรือแทรกการบันทึกเสียงเข้าไปได้โดยง่าย


นอกจากปากกา S-Pen บน Galaxy Note7 จะสามารถวาดรูปได้สวยงามเป็นธรรมชาติมากขึ้นแล้ว ที่สำคัญคือสามารถใช้งานขณะอยู่ใต้น้ำ หรือในขณะที่ตัวเครื่องเปียกน้ำได้ด้วย

อีกฟังก์ชันที่เพิ่มเข้ามาใหม่ก็คือ ฟังก์ชัน Advanced GIF Maker ที่ช่วยให้เราสามารถสร้างภาพเคลื่อนไหวแบบ GIF จากคลิปวิดีโอได้ง่ายๆ แล้วแชร์ต่อให้เพื่อนได้ทันที

ในส่วนของกล้องถ่ายภาพ แม้จะเป็นกล้อง Dual Pixel ตัวเดียวกันกับที่อยู่บน Galaxy S7 แต่ก็ไม่ได้ยกเอามาเฉยๆ เพราะถูกปรับการใช้งานให้ง่ายขึ้นด้วยเช่นกัน โดยเฉพาะการสไลด์แบบ 3 ทิศทาง ได้แก่สไลด์จากด้านบนเพื่อสลับกล้องหน้า-หลัง, สไลด์จากด้านซ้ายเพื่อเลือกโหมดถ่ายภาพ และสไลด์จากด้านขวาเพื่อเลือกเอฟเฟกต์ ซึ่งช่วยให้การใช้งานสะดวกรวดเร็วขึ้นมาก
 
ฟังก์ชันสำหรับปรับแต่งใบหน้าสำหรับกล้องด้านหลังมีเพียงฟังก์ชันเดียวคือ Skin Tone ซึ่งปรับได้ทั้งหมด 8 ระดับ

โหมดถ่ายภาพมาตรฐานมีมาให้เลือกทั้งหมด 10 โหมดด้วยกัน ได้แก่ Auto, Pro, Panorama, Selective Focus, Slow Motion, Hyperlapse, Food, Virtual Shot, Video Collage และ Live Broadcast รวมทั้งสามารถดาวน์โหลดโหมดถ่ายภาพแบบอื่นๆ มาติดตั้งเพิ่มเติมได้

เอฟเฟกต์แบบต่างๆ ที่ช่วยให้รูปถ่ายดูโดดเด่นมีสไตล์ขึ้นมาได้
 
 
 
โหมดถ่ายภาพแบบ Pro น่าจะเป็นโหมดที่นักถ่ายภาพน่าจะชื่นชอบเป็นพิเศษ เพราะสามารถปรับแต่งค่าต่างๆ ได้อย่างอิสระคล้ายกล้องดิจิทัลระดับโปรเลยทีเดียว ตั้งแต่ค่าความไวแสง, ค่าความเร็วชัตเตอร์, ค่าชดเชยแสง, ค่าเอฟเฟกต์, ค่าสมดุลสีขาว และระยะโฟกัส ดังนั้นจึงช่วยให้นักถ่ายภาพสามารถใส่จินตนาการ และประสบการณ์การถ่ายภาพของตนเองได้อย่างเต็มที่
 
กล้องดิจิทัลด้านหลังสามารถถ่ายภาพได้ที่ความละเอียดสูงสุดระดับ 12 ล้านพิกเซล (4032x3024 พิกเซล ในอัตราส่วนภาพแบบ 4:3) และสามารถถ่ายวิดีโอได้ที่ความละเอียดสูงสุดระดับ 4K UHD (3840x2160 พิกเซล)

รองรับระบบโฟกัสแบบติดตามวัตถุ และฟังก์ชันแก้ไขความบิดเบี้ยวของรูปภาพแบบอัตโนมัติ

กล้องดิจิทัลด้านหน้าก็สามารถใช้ระบบสไลด์แบบ 3 ทิศทางได้เช่นเดียวกัน
 
 

แน่นอนว่ากล้องด้านหน้า ก็ย่อมมาพร้อมกับฟังก์ชันถ่ายภาพเซลฟี่ที่หลากหลายกว่ากล้องด้านหลัง โดยสามารถปรับแต่งได้ถึง 5 อย่างด้วยกัน ได้แก่ Skin Tone, Spotlight, Slim Face, Large Eyes และ Shape Correction

โหมดถ่ายภาพมาตรฐานของกล้องหน้ามีอยู่ทั้งหมด 5 โหมดด้วยกัน ได้แก่ Selfie, Wide Selfie, Virtual Shot, Video Collage และ Live Broadcast โดยผู้ใช้งานสามารถดาวน์โหลดโหมดถ่ายภาพแบบอื่นๆ มาติดตั้งเพิ่มเติมได้เช่นเดียวกันกับกล้องด้านหลัง
 
ตัวอย่างเอฟเฟกต์แบบต่างๆ ของกล้องด้านหน้า
 
กล้องด้านหน้าสามารถถ่ายภาพได้ที่ความละเอียดสูงสุดระดับ 5 ล้านพิกเซล (2592x1944 ในอัตราส่วนภาพแบบ 4:3) พร้อมรองรับการถ่ายวิดีโอได้ที่ความละเอียดสูงสุดระดับ 2K QHD (2560x1440 พิกเซล)
 
สามารถสั่งถ่ายภาพได้หลายวิธี ทั้งการสัมผัสที่หน้าจอตามปกติ, การยกฝ่ามือให้สัญญาณ, การสัมผัสที่เซ็นเซอร์ตรวจวัดอัตราการเต้นของหัวใจที่ด้านหลังของตัวเครื่อง และการออกเสียงพูด

เมื่อทำการทดสอบประสิทธิภาพของการทำงานโดยรวมด้วยแอปพลิเคชัน AnTuTu Benchmark ก็พบว่าได้คะแนนรวมอยู่ที่ 121596 คะแนน แต่อย่างไรก็ดี คะแนนนี้เป็นเพียงคะแนนที่ได้จากเครื่องทดสอบ ซึ่งหากเป็นเครื่องที่วางจำหน่ายจริง หรือเป็นเครื่องที่มีซอฟต์แวร์สมบูรณ์กว่านี้ ก็อาจจะมีคะแนนที่แตกต่างไปจากนี้ก็เป็นได้
ตัวอย่างอุปกรณ์เสริมที่น่าสนใจของ Samsung Galaxy Note7



Lens Cover เคสพิเศษที่ออกแบบมาเพื่อให้สามารถติดตั้งเลนส์เสริมได้ ทั้งเลนส์ถ่ายภาพระยะไกล (Telephoto) ที่ซูมได้ 16 เท่า และเลนส์ถ่ายภาพมุมกว้าง (Wide-Angle) ที่ถ่ายภาพได้กว้าง 108 องศา



หน้าตาของเลนส์ Telephoto 16X


หน้าตาของเลนส์ Wide-Angle 108 องศา


Backpack เคสแบตเตอรี่ไร้สายที่มาพร้อมกับแบตเตอรี่ความจุ 3100 mAh ซึ่งนอกจากจะไม่ต้องเชื่อมต่อสายให้ยุ่งยากแล้ว ก็ยังสามารถชาร์จแบตเตอรี่ระหว่างที่อยู่ในน้ำ หรือขณะที่ตัวเครื่องเปียกน้ำได้อีกด้วย


เมื่อต้องการชาร์จแบตเตอรี่ให้กับ Galaxy Note7 ก็เพียงแค่นำเคส Backpack มาสวมใส่เข้ากับตัวเครื่อง Galaxy Note7 ระบบชาร์จแบตเตอรี่ได้สายก็จะเริ่มทำงานโดยอัตโนมัติ


เมื่อใส่เคส Backpack เข้ากับตัวเครื่อง ก็แน่นอนว่าจะมีความหนาเพิ่มขึ้น และหนักมากกว่าเดิมอีกพอสมควร แต่จะว่าไปแล้วก็ดูแข็งแกร่งบึกบึนไปอีกแบบ





LED View Cover เคสที่มีไฟ LED แสดงข้อมูล และการแจ้งเตือนต่างๆ ที่ฝาพับด้านหน้า รวมทั้งสามารถปรับแต่งการแสดงผล หรือการแจ้งเตือนได้ตามใจชอบ



S View Standing Cover เคสที่ออกแบบมาเพื่อเอาใจผู้ใช้งานที่ชอบดูหนัง, ดูซีรีส์ หรือดูคลิปวิดีโอผ่านทางหน้าจอสมาร์ทโฟน เพราะสามารถพับให้เป็นขาตั้งได้ในตัว พร้อมทั้งสามารถแสดงข้อมูลบนหน้าจอขนาดเล็กที่ด้านหน้าของฝาพับได้เช่นเคย




Clear View Cover เคสกึ่งโปร่งใส ที่ดูหรูหราพรีเมียม เข้ากับดีไซน์ตัวเครื่องแบบ Metal-Glass ของ Galaxy Note7 ได้เป็นอย่างดี รวมทั้งสามารถจัดการกับสายเรียกเข้าได้ทันทีโดยไม่ต้องเปิดฝาพับ
ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องดิจิทัล Dual Pixel ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล ของ Samsung Galaxy Note7






สรุปผลการทดสอบในเบื้องต้น พร้อมราคา และข้อมูลการวางจำหน่ายของ Samsung Galaxy Note7

แม้จะเป็นเพียงแค่การได้สัมผัส และทดสอบใช้งานในช่วงเวลาสั้นๆ เท่านั้น แต่ Samsung Galaxy Note7 ก็ได้สร้างความประทับใจแรกสัมผัสให้กับทีมงานได้เกินความคาดหมาย อย่างแรกก็คงเป็นในเรื่องของความสามารถในการป้องกันน้ำป้องกันฝุ่นตามมาตรฐาน IP68 ซึ่งในฐานะที่ได้ใช้งานสมาร์ทโฟนตระกูล Galaxy Note มาแล้วทุกรุ่น สิ่งหนึ่งที่รอคอยมานานก็คือความสามารถในเรื่องนี้ ซึ่งในที่สุดก็ได้สมหวังเสียที จริงอยู่ว่าในสถานการณ์ปกติคงยากที่ตัวเครื่องจะมีโอกาสได้สัมผัสกับน้ำ แต่หากถึงคราวคับขันแล้วก็น่าจะช่วยให้ใช้งานได้อย่างมั่นใจมากขึ้นอีกพอสมควร และไม่เพียงแค่กันน้ำเข้าเครื่องได้เท่านั้น เพราะยังสามารถใช้งานปากกา S-Pen เพื่อขีดเขียนขณะเครื่องอยู่ใต้น้ำ หรือขณะเครื่องเปียกน้ำได้อีกด้วย จึงนับว่าสามารถใช้ประโยชน์จากปากกา S-Pen ได้ในทุกสถานการณ์
อย่างที่สองก็คือ นอกจากปากกา S-Pen จะสามารถใช้งานในน้ำได้แล้ว ฟังก์ชันที่มาพร้อมกับปากกา S-Pen ก็ถูกพัฒนาให้มีความครบเครื่องมากขึ้นด้วยเช่นกัน เช่นฟังก์ชัน Advanced GIF Maker ที่ช่วยให้สร้างภาพเคลื่อนไหวแบบ GIF จากคลิปวิดีโอได้อย่างง่ายดาย, ฟังก์ชัน Glance ที่ใช้ย่อ และสลับแอปพลิเคชันได้อย่างฉับไว, ฟังก์ชัน Magnify ที่ช่วยขยายข้อความ หรือรูปภาพได้สูงสุดถึง 300%, ฟังก์ชัน Translate ที่เพียงแค่เลือกข้อความด้วยปากกา ก็สามารถแปลภาษาได้มากถึง 37 ภาษา, แอปพลิเคชัน Samsung Notes ที่รวมความสามารถทุกๆ อย่างไว้ในแอปพลิเคชันเดียวกัน ไม่ต้องแยกจากกันเหมือนในอดีต รวมทั้งสามารถผสมสีเองได้อย่างอิสระ, ปากกา S-Pen ที่มีหัวปากกาเล็กลง พร้อมรองรับแรงกดได้มากถึง 4096 ระดับ จึงช่วยให้การลงลายเส้นดูสวยงามเป็นธรรมชาติมากขึ้น และฟังก์ชัน Screen Off Memo เวอร์ชันปรับปรุงใหม่ ที่สามารถเปิดดูรายการบันทึกล่าสุดจากหน้า Always On Display ได้ทันที
อย่างที่สามที่สร้างความประทับใจให้กับทีมงานของเราก็คือระบบสแกนม่านตา (Iris Scanner) ที่เหนือกว่าเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือ (Fingerprint Scanner) แทบทุกประตู ทั้งมีความถูกต้องแม่นยำกว่า, ไม่เสี่ยงต่อการเปลี่ยนแปลงทางกายภาพ, ไม่สามารถปลอมแปลงได้ และลงทะเบียนได้ง่ายกว่า ซึ่งหลังจากการทดสอบ ก็พบว่าสามารถใช้งานแทนเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือแบบเดิมๆ ได้เป็นอย่างดี และน่าจะสะดวกง่ายดายกว่าเสียด้วยซ้ำ เพียงแค่ต้องทำความคุ้นเคยกับการใช้งานสักหน่อยเท่านั้นเอง

นอกจากสามสิ่งข้างต้นที่ทีมงานประทับใจมากเป็นพิเศษแล้ว ความสามารถอื่นๆ ก็สร้างความประทับใจได้ไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน เริ่มตั้งแต่การที่เป็นสมาร์ทโฟนรุ่นแรกที่นำกระจก Gorilla Glass 5 กระจกรุ่นใหม่ล่าสุดมาใช้งาน ทั้งด้านหน้า และด้านหลังของตัวเครื่อง จึงมั่นใจในความแข็งแกร่งทนทานได้มากกว่าที่เคย, ดีไซน์จอขอบโค้งสองด้านแบบ 3D Symmetrical ที่สวยงามผอมเพรียมโค้งมนลงตัวกว่าเดิม กับวัสดุระดับพรีเมียมจากการผสานกระจก Gorilla Glass 5 เข้ากับบอดี้โลหะอะลูมิเนียมซีรีส์ 7000 จึงได้ทั้งสวยทั้งแกร่งในเครื่องเดียวกัน อีกทั้งยังมาพร้อมสีใหม่อย่างสีฟ้า-Blue Coral ที่ดูสวยสะดุดตาเป็นพิเศษ, หน่วยความจำภายในขนาด 64GB ที่ใช้งานทั่วไปได้เหลือเฟือ แต่หากยังไม่พอก็สามารถเพิ่มหน่วยความจำด้วยการ์ดแบบ microSD ได้สูงสุดอีก 256GB, รองรับการรับชมวิดีโอแบบ HDR ซึ่งช่วยให้ภาพความบันเทิงมีความสวยงามสมจริงมากกว่าที่เคย, การที่เป็นสมาร์ทโฟน ซัมซุง รุ่นแรกที่หันมาใช้พอร์ตแบบใหม่ล่าสุดอย่าง USB Type-C ซึ่งใช้งานได้ง่ายขึ้น และมีประสิทธิภาพมากขึ้น, กล้อง Dual Pixel ที่ถูกยกมาจาก Galaxy S7 ซึ่งมีคุณภาพอยู่ในระดับสูง พร้อมถูกปรับปรุงให้ใช้งานได้ง่ายมากกว่าเดิม, แบตเตอรี่ที่ถูกเพิ่มความจุให้มากขึ้นเป็นขนาด 3500 mAh และสุดท้ายก็คงจะเป็นเรื่องของอุปปกรณ์เสริมต่างๆ ที่มีให้เลือกซื้อเลือกหาอย่างหลากหลาย โดยเฉพาะเคสแบตเตอรี่ไร้สาย Samsung Backpack ที่ชาร์จแบตเตอรี่ในน้ำได้นั้นนับว่าน่าสนใจเป็นพิเศษ
ส่วนคุณสมบัติอื่นๆ ก็แน่นอนว่าอยู่ในระดับสูงสมกับการเป็นสมาร์ทโฟนตัวท็อป ทั้งจอ Dual Edge QHD Super AMOLED ขนาดใหญ่เต็มตา 5.7 นิ้ว พร้อมฟังก์ชัน Cinematic Wallpaper กับ Edge UX ที่ปรับปรุงใหม่ และ Blue Light Filter, เทคโนโลยีการชาร์จแบตเตอรี่ไร้สายความเร็วสูง, ชิปเซ็ต Exynos 8890 ตัวแรง พร้อม Vulkan API ที่ช่วยให้การประมวลผลกราฟิกในเกมมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น, หน่วยความจำ RAM ขนาด 4GB, ระบบปฏิบัติการ Android 6.0.1 Marshmallow, เซ็นเซอร์ตรวจวัดอัตราการเต้นของหัวใจ, เซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือ, รองรับเทคโนโลยีการเชื่อมต่อไร้สายครบทุกรูปแบบ, รองรับการใช้งานสองซิมการ์ด บนเทคโนโลยีใหม่อย่าง Full NetCom 3.0 และกล้อง Dual Pixel ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล พร้อมระบบป้องกันการสั่นแบบ Smart OIS กับรูรับแสงที่กว้างถึงระดับ f/1.7 ดังนั้นจึงเรียกได้ว่า Galaxy Note7 รุ่นนี้อัดแน่นไปด้วยนวัตกรรมระดับสูง, ความสดใหม่, ดีไซน์ระดับพรีเมียม และคุณสมบัติภายในที่แทบจะสมบูรณ์แบบในทุกด้านเลยก็ว่าได้

สำหรับราคาค่าตัวอย่างเป็นทางการในประเทศไทยของ Samsung Galaxy Note7 ก็อย่างที่ได้กล่าวเอาไว้แล้วตอนต้นคือมีราคาอยู่ที่ 28,900 บาท ซึ่งถือว่าเป็นราคาเปิดตัวที่ถูกลงกว่า Galaxy Note5 รุ่นความจุ 64GB อยู่ราว 1 พันบาท และเริ่มเปิดจองวันนี้เป็นวันแรกพอดิบพอดี (5 สิงหาคม) พร้อมส่วนลด กับของแถมสุดพิเศษหลายรายการแตกต่างกันไป โดยเปิดจองพร้อมเพรียงกันหลายช่องทาง ทั้ง Samsung Brand Shop ทั่วไปประเทศ, ผู้ให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์มือถือรายใหญ่ทั้ง 3 ค่าย, เว็บไซต์ S-eStore, Lazada, ShopAt7 และตัวแทนจำหน่ายอื่นๆ อีกหลายเจ้า ว่ากันง่ายๆ คือไม่ว่าจะเป็นที่ไหนก็สามารถสั่งจอง Galaxy Note7 ได้แทบทั้งสิ้น (รายละเอียดเพิ่มเติมของการสั่งจอง Samsung Galaxy Note7) โดยช่วงแรกจะมีวางจำหน่ายเฉพาะสีดำ, สีทอง และสีเงิน เท่านั้น แต่ทาง ซัมซุง (ประเทศไทย) นั้นออกมายืนยันเองแล้วว่าจะนำเครื่องสีฟ้าเข้ามาจำหน่ายในไทยด้วยอย่างแน่นอนในเร็วๆ นี้
และหากถามว่าใครที่เหมาะกับ Samsung Galaxy Note7 รุ่นนี้? ในเบื้องต้นก็น่าจะเหมาะกับผู้ใช้งานระดับสูง ที่ต้องการสมาร์ทโฟนที่ดีที่สุด, ครบเครื่องสมบูรณ์แบบที่สุด, สามารถจดบันทึกสิ่งต่างๆ ในชีวิตประจำวันได้อย่างคล่องตัว หรือต้องการใช้งานสมาร์ทโฟนในระดับที่จริงจังขึ้นมาสักหน่อย อาจจะเป็นผู้ที่ใช้งาน Galaxy Note อยู่แล้ว แต่ต้องการเปลี่ยนเป็นรุ่นใหม่, ผู้ที่ไม่เคยใช้ Galaxy Note มาก่อน แต่อยากลองใช้ดูสักครั้ง หรือแม้กระทั่งผู้ที่อยากจะลองข้ามฝั่งจาก iOS มายังฝั่ง Android ดูบ้าง แต่ที่สำคัญคือควรจะต้องเป็นผู้ที่มีงบประมาณในการซื้อสมาร์ทโฟนค่อนข้างสูง และไม่มีปัญหาในการพกพาสมาร์ทโฟนที่มีขนาดใหญ่กว่าสมาร์ทโฟนทั่วไปอยู่สักหน่อย สุดท้ายนี้ทีมงานก็ขอฝากบททดสอบในเบื้องต้นของ Galaxy Note7 เอาไว้แต่เพียงเท่านี้ก่อน ทุกท่านสามารถติดตามรีวิวฉบับเต็มของ Galaxy Note7 ได้อีกครั้งในเร็วๆ นี้ สำหรับวันนี้ต้องขอลาไปก่อน สวัสดีครับ
จุดเด่นของ Samsung Galaxy Note7
- ดีไซน์ตัวเครื่องแบบ Symmetrical 3D ซึ่งเป็นการผสมผสานระหว่างบอดี้โลหะอลูมิเนียมซีรีส์ 7000 กับกระจก Gorilla Glass 5 ที่ด้านหน้า และด้านหลังของตัวเครื่อง (Metal-Glass Fusion) พร้อมทั้งมีสีใหม่ให้เลือก (สีฟ้า-Blue Coral)
- ตัวเครื่องมีคุณสมบัติในการป้องกันน้ำ และป้องกันฝุ่น ตามมาตรฐาน IP68 พร้อมทั้งสามารถใช้งานปากกา S-Pen ในน้ำได้
- ระบบสแกนม่านตา (Iris Scanner) ที่ด้านหน้าของตัวเครื่อง สำหรับตรวจสอบสิทธิ์ในการเข้าใช้งาน
- เซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือ (Fingerprint Sensor) ที่ปุ่มโฮม สำหรับตรวจสอบสิทธิ์ของการเข้าใช้งานเครื่อง และการเข้าถึงข้อมูลภายใน
- จอแสดงผลแบบ Dual Edge Super AMOLED Capacitive Touchscreen 16,700,000 สี ความละเอียด 2560x1440 Pixels (2K QHD : กว้าง 5.7 นิ้ว : 518 ppi) กับขอบหน้าจอที่บางเฉียบเพียง 1.1 มิลลิเมตร พร้อมกระจกหน้าจอแบบ Gorilla Glass 5, ฟังก์ชันกรองแสงสีฟ้า (Blue Light Filter) และฟังก์ชัน Cinematic Wallpaper
- หน่วยประมวลผลกราฟิกโดยเฉพาะ (GPU : Graphics Processing Unit) แบบ Mali-T880 MP12
- User Interface แบบ Edge UX พร้อมรองรับการใช้งานฟังก์ชัน Apps edge, People edge และ Tasks edge
- รองรับการใช้งานร่วมกับปากกา S-Pen พร้อมฟังก์ชัน Air Command (Create Note, Smart Select, Screen Write, Translate, Magnify, Glance), Advanced GIF Maker, Screen Off Memo และแอปพลิเคชัน Samsung Notes
- ประมวลผลการทำงานด้วยชิปเซ็ต 64-bit Exynos 8 Octa 8890 ความเร็วในการประมวลผล 2.3 GHz ความเร็วในการประมวลผล 2.3 GHz (ซีพียู Quad-Core Exynos M1 Mongoose ความเร็ว 2.3 GHz และซีพียู Quad-Core Cortex-A53 ความเร็ว 1.6 GHz)
- ขับเคลื่อนการทำงานด้วยระบบปฏิบัติการ Android 6.0.1 Marshmallow พร้อมรองรับการอัปเดตเป็นระบบปฏิบัติการ Android 7.0 Nougat ได้ในอนาคต
- หน่วยความจำภายในสำหรับเก็บบันทึกข้อมูล (UFS 2.0) ขนาด 64 GB
- หน่วยความจำ RAM (LPDDR4) ขนาด 4 GB
- รองรับการ์ดหน่วยความจำเสริมภายนอกแบบ microSD Card (TransFlash) ได้สูงสุดขนาด 256 GB (ใช้งานร่วมกับช่องใส่ซิมการ์ดที่สอง)
- กล้องดิจิทัลตัวหลักแบบ Dual Pixel ที่ด้านหลังของตัวเครื่อง ความละเอียดระดับ 12 ล้าน Pixels พร้อมเซ็นเซอร์รับภาพ Sony IMX260 ขนาด 1/2.6 นิ้ว, รูรับแสงขนาด f/1.7, ระบบป้องกันการสั่นไหวแบบ Smart OIS, ระบบโฟกัสภาพอัตโนมัติแบบ PDAF, ไฟแฟลช LED และรองรับการถ่ายวิดีโอที่ความละเอียดสูงสุดระดับ 4K UHD
- กล้องดิจิทัลขนาดเล็กที่ด้านหน้าของตัวเครื่อง ความละเอียดระดับ 5 ล้าน Pixels พร้อมรูรับแสงขนาด f/1.7
- รองรับการใช้งาน 2 ซิมการ์ดพร้อมกันภายในเครื่องเดียว พร้อมเทคโนโลยี Full NetCom 3.0
- แบตเตอรี่ Li-Ion Polymer 3500 mAh พร้อมเทคโนโลยีการชาร์จแบตเตอรี่ไร้สายความเร็วสูง
- รองรับการใช้งานอินเทอร์เน็ตผ่านทางระบบ WiFi, 4G LTE Cat9, 3G HSPA+, EDGE และ GPRS พร้อมเทคโนโลยี MIMO (Multi-Input Multi-Output : 2x2)
- รองรับการเชื่อมต่อข้อมูลแบบไร้สายผ่านทาง NFC, MST, Bluetooth และ ANT+
- พอร์ตเชื่อมต่อแบบ USB Type-C 1.0 (USB เวอร์ชัน 3.1) พร้อมแถมฟรีอะแดปเตอร์ USB Type-C to Type A และ USB Type-C to microUSB มาในชุดจำหน่ายมาตรฐาน
- ระบบ GPS ในตัว พร้อมฟังก์ชัน A-GPS และรองรับระบบดาวเทียม GLONASS กับ Beidou
- เซ็นเซอร์ตรวจวัดอัตราการเต้นของหัวใจ (Heart Rate Sensor)
- เซ็นเซอร์ตรวจวัดความกดอากาศ (Barometer Sensor)
- รองรับการรับชมวิดีโอแบบ HDR พร้อมระบบ Video Enhancer
- ฟังก์ชัน Quick Panel สำหรับการตั้งค่าแบบด่วน
- ราคาเปิดตัว 28,900 บาท ซึ่งเป็นราคาที่ถูกกว่า Galaxy Note5 รุ่นความจุ 64GB อยู่ 1 พันบาท

จุดที่อาจจะต้องพิจารณาเพิ่มเติมของ Samsung Galaxy Note7
- ถาดใส่ซิมการ์ดเป็นแบบ Hybrid Slot ซึ่งช่องใส่ซิมการ์ดที่สอง ต้องสลับใช้งานร่วมกับการ์ดหน่วยความจำแบบ microSD ไม่สามารถใช้งานพร้อมกันได้
- ไฟแฟลชสำหรับกล้องดิจิทัลยังคงเป็นแบบดวงเดียว (Single-LED)
- ลำโพงเสียงยังคงเป็นลำโพงแบบเดี่ยว (Mono Speaker)
- ด้วยการที่พื้นผิวของตัวเครื่องเป็นกระจกทั้งสองด้าน จึงมีโอกาสเกิดคราบเปื้อน หรือรอยนิ้วมือได้ง่าย รวมถึงอาจลื่นหลุดมือได้ง่าย
- หน่วยความจำแรม (RAM) ยังคงมีขนาด 4GB เท่า Galaxy Note5 รุ่นเดิม ซึ่งเป็นขนาดที่น้อยกว่าสมาร์ทโฟนเรือธงรุ่นใหม่บางรุ่นจากคู่แข่งแบรนด์อื่นๆ
โปรดทราบ
* โทรศัพท์มือถือที่ท่านเห็นในบทความรีวิวนี้เป็นเพียงเครื่องทดสอบจากทางศูนย์ เพราะฉะนั้นคุณสมบัติบางอย่างอาจมีความแตกต่างจากเครื่องที่วางจำหน่ายจริงบ้างไม่มากก็น้อย รวมถึงจุดด้อยบางประการที่พบในเครื่องทดสอบ อาจจะถูกแก้ไขปรับปรุงให้ดีขึ้นในเครื่องที่วางจำหน่ายจริง ดังนั้นหากท่านสนใจซื้อโทรศัพท์มือถือรุ่นนี้ ควรตรวจสอบหรือทดลองใช้งานสินค้าด้วยตนเองอีกครั้งหนึ่ง *
สรุปข้อมูล และคุณสมบัติของ Samsung Galaxy Note7
ท่านสามารถตรวจสอบข้อมูล, ข่าวคราวความเคลื่อนไหวอัปเดตล่าสุด พร้อมคุณสมบัติโดยละเอียดของ Samsung Galaxy Note7 ได้โดยการคลิกที่ลิงก์ด้านล่างนี้
สรุปข้อมูล และข่าวอัปเดตล่าสุดของ Samsung Galaxy Note7
สรุปรายละเอียดการสั่งจองของ Samsung Galaxy Note7
สรุป 10 ฟีเจอร์เด่นของ Samsung Galaxy Note7
สรุปคุณสมบัติโดยละเอียดของ Samsung Galaxy Note7

:: ไปหน้าแรกเว็บไซต์ Thaimobilecenter
| ไปหน้าแรก
Mobile Focus ::
|