พรีวิว Huawei Mate 20 Pro สัมผัสแรกเรือธงตัวท็อปแห่งปี กับกล้อง Leica 3 ตัวที่ล้ำหน้ากว่าเดิม บนดีไซน์จอไร้ขอบ บอดี้กระจกสุดพรีเมียม พร้อมชิป Kirin 980 ระดับ 7nm และความสดใหม่ของ Android 9.0!
ในที่สุดก็เปิดตัวไปเป็นที่เรียบร้อยแล้วสำหรับ Huawei Mate 20 Series เรือธงตัวท็อปแห่งปีของค่าย Huawei ที่จัดเต็มด้วยกันถึง 4 รุ่น ได้แก่ Huawei Mate 20 / Mate 20 Pro / Mate 20 RS Porsche Design / Mate 20X ที่มาพร้อมกับการปรับโฉมดีไซน์ใหม่หมดจดด้วยจอไร้ขอบที่มีขอบบางเฉียบกว่าเดิม และกล้องหลัง 3 ตัวจาก Leica รูปแบบใหม่ในลักษณะสี่เหลี่ยมจัตุรัส รวมถึงการอัปเกรดฟีเจอร์ภายในอีกหลายด้าน
ในวันนี้ทางทีมงาน Thaimobilecenter จะขอพาทุกท่านไปรับชมพรีวิว (PreView) Huawei Mate 20 Pro สัมผัสแรกกับเรือธงตัวท็อปใหม่ล่าสุด ตัวเครื่องจริงจะมีความสวยงามพรีเมียมเพียงใด และมีฟีเจอร์ใดน่าสนใจบ้าง หากพร้อมแล้วไปชมกันเลยครับ
ดีไซน์ และรูปลักษณ์ภายนอก
Huawei Mate 20 Pro มาในแพ็กเกจสีดำ
ด้านในกล่องบรรจุประกอบไปด้วยเข็มสำหรับถอดถาดใส่ซิมการ์ด
คู่มือการใช้งานในเบื้องต้น
เคสใส
อะแดปเตอร์ชาร์จเร็ว Hauwei SuperCharge 40W
สายเชื่อมต่อแบบ USB Type-C
หูฟังพอร์ต USB Type-C
สายแปลงพอร์ตสำหรับหูฟัง USB Type-C to 3.5 mm.
Huawei Mate 20 Pro มาพร้อมหน้าจอแสดงผลแบบ OLED ขนาด 6.39 นิ้ว ความละเอียดระดับ Quad HD+ (1440x3120 พิกเซล) พร้อมครอบทับด้วยกระจกขอบโค้งแบบ 3D Glass บนตัวเครื่องขนาด 157.8x72.3x8.6 มิลลิเมตร และมีน้ำหนัก 189 กรัม
ที่ด้านบนมีรอยบาก (Notch) พื้นที่สำหรับกล้องหน้า, ลำโพงสนทนา และเซ็นเซอร์ต่างๆ รวมถึง3D Depth Sensing Camera ในการจดจำใบหน้ากว่า 30,000 จุด สำหรับระบบสแกนใบหน้าแบบ 3D Face ซึ่งสามารถสแกนได้อย่างรวดเร็ว
ที่ด้านล่างไม่มีปุ่มสั่งการใดๆ ซึ่งจะใช้งานปุ่มแบบ On-Screen แทน ได้แก่ ปุ่มย้อนกลับ, ปุ่มโฮม และ Recent Apps
Huawei Mate 20 Pro สามารถเลือกแสดง หรือซ่อน Notch ที่เมนูตั้งค่าในตัวเครื่องได้ หากเลือกซ่อนตัวระบบจะทำการเปลี่ยนแถบด้านบนเป็นสีดำให้กลมกลืนไปกับ Notch
อีกหนึ่งไฮไลท์ของ Huawei Mate 20 Pro ก็คือเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือที่อยู่ภายใต้หน้าจอ (In-Screen Fingerprint)
ที่ด้านบนมีไมโครโฟนตัวที่สอง และอินฟาเรด
ที่ด้านล่างตัวเครื่องประกอบไปด้วยไมโครโฟนตัวหลัก, พอร์ตการเชื่อมต่อแบบ USB type-C ซึ่งเป็นที่อยู่ของลำโพงเสียงตัวที่สองด้วยเช่นกัน และช่องสำหรับใส่ซิมการ์ด ซึ่งจะเห็นว่าไม่ได้ใส่ช่องต่อหูฟังขนาด 3.5 มิลลิเมตร มาให้ เช่นเดียวกับ Mate 10 Pro รุ่นพี่
Huawei Mate 20 Pro รองรับถาดใส่ซิมการ์ดแบบ Hybrid-Slot ซึ่งรองรับการใช้งานได้พร้อมกัน 2 ซิมการ์ด แต่ในช่องที่ 2 จะต้องเลือกใช้งานระหว่างซิมการ์ดที่ 2 หรือเพิ่มการ์ดหน่วยความจำภายนอกแบบ NM Card (Nano Memory Card)
ที่ด้านซ้ายของตัวเครื่องไม่มีปุ่มสั่งการใดๆ
ที่ด้านขวามีปุ่ม เปิด-ปิด หรือล็อกหน้าจอสีแดงที่โดดเด่นจากตัวเครื่องสีดำอย่างชัดเจน และปุ่ม เพิ่ม-ลด เสียง
ที่ด้านหลังครอบทับด้วยกระจกขอบโค้ง 3D Glass พร้อมกับบอดี้ไล่เฉดสีในตัวเลือก Twilight ส่วนรุ่นที่ทางทีมงานนำมาพรีวิวให้ได้ชมกันนั้นเป็นสีดำ
กล้องตัวหลักที่ด้านหลัง 3 ตัว (Triple Camera) จาก Leica โดยกล้องตัวแรกเป็นกล้องมุมกว้างปกติ (Wide : 27 mm) ความละเอียด 40 ล้านพิกเซล, กล้องดิจิทัลตัวที่สองเป็นกล้องมุมกว้างพิเศษ (Ultra Wide : 16 mm) ความละเอียด 20 ล้านพิกเซล และกล้องดิจิทัลตัวที่สามเป็นแบบ Telephoto (80 mm) ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล พร้อมระบบป้องกันภาพสั่นไหวแบบ AIS โดยมีขนาดรูรับแสงอยู่ที่ F/1.8+F/2.2+F/2.4 ตามลำดับ
ทดสอบฟังก์ชัน และแอปพลิเคชันต่างๆ ในเบื้องต้น
Huawei Mate 20 Pro ขับเคลื่อนการทำงานด้วยระบบปฏิบัติการ Android เวอร์ชัน 9.0 Pie เวอร์ชันใหม่ล่าสุด ซึ่งถูกครอบทับด้วย EMUI 9 ที่เป็นเวอร์ชันล่าสุดด้วยเช่นกัน
โดยมีหน่วยความจำแรม (RAM) ขนาด 6GB และหน่วยควมจำภายใน (ROM) ขนาด 128GB ที่สามารถเพิ่มหน่วยความจำภายนอกแบบ NM Card ได้อีก 256GB
เมื่อลากจากขอบด้านบนของหน้าจอลงมาก็จะมีฟังก์ชันการแจ้งเตือนให้ใช้งาน และมีปุ่มทางลัดสำหรับการเปิด-ปิดฟังก์ชันต่างๆ มากมาย เช่น การใช้งานอินเทอร์เน็ต หรือการหมุนหน้าจออัตโนมัติ
รองรับการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตผ่านระบบ 4G LTE
Huawei Mate 20 Pro มาพร้อมฟีเจอร์ Always-On Display และสามารถตั้งเวลาในการแสดงผลได้
เปิดใช้งานโหมดถนอมสายตา (Eye Comfort) ด้วยการลดแสงสีฟ้า สำหรับใช้งานในสภาวะแสงน้อย
และสามารถปรับตั้งค่าการแสดงผลของหน้าจอได้ทั้งในโหมดปกติ หรือ Vivid และการปรับอุณหภูมิสีของหน้าจอ
สามารถเลือกความละเอียดหน้าจอได้ถึงระดับ Quad HD+
และด้วยดีไซน์ของ Huawei Mate 20 Pro ที่เป็นแบบ FullView Display ในอัตราส่วน 19:9 จึงส่งผลให้บางแอปพลิเคชันสามารถแสดงผลในสัดส่วนแบบเต็มหน้าจอได้ และสามารถตั้งค่าการแสดงผลของรอยบาก (Notch) ได้อีกด้วย
สามารถสลับตำแหน่งของปุ่ม Navigation Buttons ให้เหมาะกับการใช้งานของผู้ใช้แต่ละคนได้
รองรับบริการชำระเงินผ่านระบบ NFC
Huawei Mate 20 Pro มาพร้อมโหมดประหยัดพลังงาน Ultra Power Saving Mode และรองรับเทคโนโลยีชาร์จแบตเตอรี่ความเร็วสูง Huawei SuperCharge 40W ที่สามารถชาร์จถึงระดับ 58% ภายในเวลา 30 นาที รวมถึงเทคโนโลยี Huawei Wireless Quick Charge 15W
นอกจากนี้ยังแปลงเป็นแท่นไร้สายให้กับสมาร์ทโฟนเครื่องอื่นได้ด้วยฟีเจอร์ Wireless Reverse Charging
และมาพร้อมระบบเสียงรอบทิศทางแบบ Dolby Atmos
สำหรับระบบรักษาความปลอดภัยบน Huawei Mate 20 Pro มีสองชั้น ได้แก่การสแกนลายนิ้วมือ และการสแกนใบหน้าแบบ 3D Face
โดยสามารถตั้งค่าการใช้งานเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือสำหรับปลุกการทำงานของเครื่อง หรือปลดล็อกหน้าจอได้ และการเข้าถึงไฟล์ที่ล็อกไว้ พร้อมทั้งสามารถเพิ่มลายนิ้วมือได้มากกว่า 1 ลายนิ้วมือ
รองรับการปลดล็อกด้วยใบหน้าแบบ 3D Face ที่สามารถปลดล็อกใบหน้าในที่มืด
สามารถตั้งค่าความเป็นส่วนตัวเพิ่มได้ด้วยฟีเจอร์ App Lock, PrivateSpace และ Safe โดยจะใช้การสแกนลายนิ้วมือเป็นการยืนยันตัวตนเพื่อเข้าใช้งาน
Huawei Mate 20 Pro มี Motion Control สำหรับการใช้งานพื้นฐาน รองรับการสั่งงานด้วยท่าทาง และการสั่งงานด้วยเสียงได้
สำหรับเซ็นเซอร์ในเครื่องนั้นประกอบด้วย Accelerometer Sensor, Light Sensor, Orientation Sensor, Proximity Sensor, Gyroscope Sensor, Sound Sensor, Magnetic Sensor และ Pressure Sensor
สามารถจับสัญญาณดาวเทียม GPS ในที่กลางแจ้งได้ดี พร้อมรองรับระบบดาวเทียม GLONASS ของรัสเซีย โดยจากภาพตัวอย่างการทดสอบข้างต้นจะเห็นว่าสามารถจับสัญญาณดาวเทียมได้ทั้งหมด 28 ดวง และมีความแม่นยำในระดับบวกลบ 4 เมตร แต่อย่างไรก็ดีคุณภาพของสัญญาณดาวเทียม GPS ก็ขึ้นอยู่กับพื้นที่ ที่กำลังใช้งานอยู่ หรือสภาพอากาศด้วย
สำหรับ Huawei Mate 20 Pro มาพร้อมกับระบบ Dual Band GPS (L1 + L5) ในการจับตำแหน่งจากสองคลื่นความถี่จึงทำให้สามารถระบุพิกัดสถานที่ และวัดระยะได้ค่อนข้างแม่นยำ โดยรองรับระบบดาวเทียม 4 ตัว ได้แก่ GPS, GLONAS, Beidou และ Galileo
กล้องดิจิทัลการถ่ายภาพนิ่ง และวิดีโอ
Hauwei Mate 20 Pro มาพร้อมกล้องดิจิทัลด้านหลัง 3 ตัว (Triple Camera) จาก Leica โดย กล้องตัวหลักความละเอียด 40 ล้านพิกเซล, กล้องดิจิทัลตัวที่สองเลนส์มุมกว้าง ความละเอียด 20 ล้านพิกเซล และกล้องดิจิทัลตัวที่สามแบบ Telephoto ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล โดยรองรับการซูมภาพแบบ 3X Optical Zoom / 5X Hybrid Zoom / 10X Digital Zoom
รวมถึงการซูมที่ระดับ 0.6X เพื่อเก็บภาพในมุมที่กว้างขึ้น
สามารถเปิดใช้งานฟังก์ชันต่างๆ ได้อย่างง่ายดาย
โดยในโหมด Portrait สามารถเลือกรูปแบบการเบลอ และการจัดแสงได้ รวมถึงปรับค่า Beauty ได้ถึง 10 ระดับ
โหมดถ่ายภาพกลางคืน (Night) สามารถปรับค่า ISO ได้ตามที่ต้องการ และโหมด Aperture ก็สามารถปรับค่ารูรับแสง รวมถึงการซูมได้
สำหรับการถ่ายโหมด Pro บน Huawei Mate 20 Pro มาพร้อมกับรายละเอียดการตั้งค่าต่างๆ ที่ครบครัน และครอบคลุมสำหรับช่างภาพแทบทั้งหมด
ปรับความละเอียดของกล้องสูงสุดที่ 40 ล้านพิกเซล ได้ในส่วนของการตั้งค่า รวมถึงฟังก์ชันอื่นๆ เพิ่มเติม ไม่ว่าจะเป็น การปิด-เปิดเสียง, การตั้งเวลาถ่ายภาพ และการจับรอยยิ้มเพื่อถ่ายภาพ
ในโหมดการถ่ายภาพปกติ มีฟังก์ชัน AI Master ที่เป็นการนำเอาระบบปัญญาประดิษฐ์ (AI) เข้ามาช่วยวิเคราะห์สภาพแวดล้อม และวัตถุที่อยู่ตรงหน้า เพื่อปรับแต่งการตั้งค่าของกล้องให้เหมาะสมแบบอัตโนมัติ
รองรับฟีเจอร์ Hivision ที่สามารถค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับวัตถุที่ถ่ายได้
รวมถึงการแปลภาษา
สำหรับการถ่ายวิดีโอบน Huawei Mate 20 Pro สามารถถ่าบในโหลด Portrait ได้แบบ Real-Time รวมถึงปรับการแสดงผลสีได้หลากหลายรูปแบบอีกด้วย
การปรับค่า Beauty ขณะถ่ายวิดีโอก็สามารถทำได้บน Hauwei Mate 20 Pro ด้วยเช่นกัน
Huawei Mate 20 Pro รองรับการบันทึกวิดีโอความละเอียดสูงสุดที่ระดับ 4K UHD
สำหรับกล้องหน้ามาพร้อมโหมด HDR ที่สามารถถ่ายภาพย้อนแสงได้ โดยที่ยังเก็บรายละเอียดตัวแบบได้อย่างครบถ้วน
ในโหมด Portrait สามารถปรับรูปแบบการเบลอได้ 4 รูปแบบ
สามารถปรับโครงหน้าได้อย่างอิสระ ทั้งความเรียบเนียน, ขนาดใบหน้า และโทนสีผิว
การบันทึกวิดีโอด้วยกล้องหน้าบน Huawei Mate 20 Pro สามารถปรับค่า Beauty ได้
โดยรองรับการบันทึกวิดีโอความละเอียดสูงสุดที่ระดับ Full HD+ ในอัตราส่วน 18:9
3D Live Emoji ลูกเล่นน้องใหม่ในการสร้างตัวการ์ตูนแบบ 3 มิติ พร้อมเคลื่อนไหวตามบหน้าของผู้ใช้ได้ และยังส่งหากันได้อย่างง่ายดาย
ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องหลัง 3 ตัว (Triple Camera) จาก Leica ของ Huawei Mate 20 Pro
สรุปคุณสมบัติตัวเครื่องในเบื้องต้นของ Huawei Mate 20 Pro
- ตัวเครื่องมีขนาด 157.8x72.3x8.6 มิลลิเมตร และมีน้ำหนัก 189 กรัม
- หน้าจอแสดงผล OLED ขนาด 6.39 นิ้ว ความละเอียดระดับ Quad HD+ (1440x3120 พิกเซล)
- ชิปเซ็ตประมวลผล Octa-Core Kirin 980 ที่มีความเร็ว 2.6 GHz
- หน่วยประมวลผลกราฟิก (GPU) Mali-G76 MP10
- หน่วยความจำแรม (RAM) ขนาด 6GB / 8GB
- หน่วยความจำภายใน (ROM) ขนาด 128GB / 256GB พร้อมรองรับหน่วยความจำภายนอกแบบ NM Card สูงสุดที่ขนาด 256GB
- กล้องดิจิทัลด้านหลัง 3 ตัว (Triple Camera) จาก Leica โดย กล้องตัวหลักความละเอียด 40 ล้านพิกเซล, กล้องดิจิทัลตัวที่สองเลนส์มุมกว้าง ความละเอียด 20 ล้านพิกเซล และกล้องดิจิทัลตัวที่สามแบบ Telephoto ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล พร้อมระบบป้องกันภาพสั่นไหวแบบ AIS โดยมีขนาดรูรับแสง F/1.8+F/2.2+F/2.4
- กล้องดิจิทัลด้านหน้าความละเอียด 24 ล้านพิกเซล โดยมีขนาดรูรับแสงกว้างสูงสุดที่ F/2.0
- แบตเตอรี่ความจุ 4200 mAh พร้อมเทคโนโลยี Huawei SuperCharge 40W ที่สามารถชาร์จถึงระดับ 58% ภายในเวลา 30 นาที และเทคโนโลยี Huawei Wireless Quick Charge 15W
- รองรับฟีเจอร์ Wireless Reverse Charging สำหรับแปลงเป็นแท่นไร้สายให้กับสมาร์ทโฟนเครื่องอื่น
- ระบบปฏิบัติการ Android 9.0 Pie ซึ่งถูกครอบทับด้วย EMUI 9.0
- เซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือภายใต้หน้าจอ (In-Screen Fingerprint)
- ระบบสแกนใบหน้า (3D Face)
- คุณสมบัติกันน้ำกันฝุ่นระดับ IP68
- รองรับการเชื่อมต่อบนเครือข่าย 4G LTE Cat.21
- รองรับการเชื่อมต่อ Wi-Fi 802.11 a/b/g/n/ac (wave2), Bluetooth 5.0 และ NFC
- รองรับการเชื่อมต่อแบบ USB Type-C
- ลำโพงคู่แบบ Stereo Speaker โดยลำโพงด้านล่างจะเปล่งเสียงออกทางพอร์ต USB Type-C
สำหรับ Huawei Mate 20 Pro จะเริ่มวางจำหน่ายในยุโรปก่อนตั้งแต่วันที่ 16 ตุลาคม เป็นต้นไป ในรุ่น 6GB+128GB ราคา 1,049 ยูโร หรือประมาณ 39,500 บาท ซึ่งก็ต้องมาติดตามกันต่อไปครับ ว่า Mate 20 Series จะเข้ามาทำตลาดในประเทศไทยครบ 4 รุ่นเลยหรือไม่ และจะเปิดราคาที่เท่าใด หากมีข้อมูลเพิ่มเติมทางทีมงานจะรีบมาอัปเดตให้ได้ทราบกันทันทีครับ
นำเสนอบทความโดย : thaimobilecenter.com
วันที่ : 18/10/2561