พรีวิว Huawei Mate 20 ยกเครื่องใหม่รอบด้านด้วยกล้องหลัง Leica 3 ตัว พร้อมจอหยดน้ำค้างใหญ่เต็มตา 6.53 นิ้ว ผสานขุมพลัง Kirin 980 ระดับ 7nm รุ่นแรกของโลก บนบอดี้กระจกขอบโค้งไล่เฉดเงางามสะดุดตา
เปิดตัวอย่างเป็นทางการแล้วสำหรับ Huawei Mate 20 Series สมาร์ทโฟนระดับเรือธงรุ่นใหม่ล่าสุดจากแบรนด์ Huawei ภายใต้คอนเซ็ปท์ A Higher Intelligence ที่ในปีนี้เปิดตัวให้เห็นกันทั้งหมด 4 รุ่นรวด ประกอบไปด้วย Huawei Mate 20, Huawei Mate 20 Pro, Huawei Mate 20X และ Porsche Design Huawei Mate 20 RS ซึ่งทีมงาน Thaimobilecenter ก็เป็นหนึ่งในสื่อที่มีโอกาสได้ทดลองใช้งาน Huawei Mate 20 สมาร์ทโฟนเรือธงรุ่นใหม่ก่อนเป็นลำดับต้นๆ จึงไม่พลาดที่จะเก็บภาพมาทำพรีวิวตัวเครื่องโดยรวมให้ทุกท่านได้รับชมกัน โดย Huawei Mate 20 จะมีความสวยงาม และน่าสนใจอย่างไรบ้างนั้น เราไปดูกันเลยครับ
เริ่มต้นที่กล่องแพ็กเกจกันก่อน สำหรับ Huawei Mate 20 มาพร้อมกับกล่องบรรจุภัณฑ์สีดำ พร้อมพิมพ์ชื่อรุ่น Huawei Mate 20 ด้วยสีทองสะดุดตา ซึ่งที่ด้านล่างมีการประทับโลโก Leica แบรนด์กล้องถ่ายภาพชั้นนำระดับโลกที่ทาง Huawei ได้เข้าไปจับมือเพื่อร่วมพัฒนาซอฟท์แวร์ และเลนส์กล้องถ่ายภาพบนสมาร์ทโฟน ถัดมามีการประทับข้อความ Triple Camera ซึ่งสื่อถึงระบบกล้องหลัง 3 ตัวอันเป็นเอกลักษณ์ของ Huawei Mate 20 Series นั่นเอง
เปิดกล่องออกมาจะพบกับอุปกรณ์เสริมต่างๆ ที่จัดวางเอาไว้อย่างครบครัน ประกอบไปด้วย
เข็มสำหรับจิ้มถาดใส่ซิมการ์ด
สายเชื่อมต่อแบบ USB Type-C สำหรับชาร์จแบตเตอรี่ หรือโอนถ่ายข้อมูล
หูฟังแบบ Earbuds 3.5 มม.
และเคสใส
ภาพตัวอย่างการสวมใส่เคสใสที่แถมมาให้ภายในกล่อง ซึ่งจะสังเกตเห็นได้ว่าเคสมีความสูงกว่าเลนส์กล้องเล็กน้อย ทำให้สามารถช่วยปกป้องจากรอยขีดข่วนขณะวางบนพื้นผิวได้เป็นอย่างดี
ข้ามมาดูที่ตัวเครื่องกันบ้าง Huawei Mate 20 มีการปรับโฉมครั้งใหญ่จากรุ่น Mate 10 ด้วยการปรับไปใช้ดีไซน์หน้าแบบใหม่ในชื่อ Dewdrop Display ซึ่งเป็นการขยายพื้นที่จอทั้ง 4 ด้านให้ชิดกับขอบมากขึ้นจนแทบไร้ขอบเพื่อช่วยเพิ่มพื้นที่ในการแสดงผลให้มากขึ้น ซึ่งที่ด้านบนมีการเว้นพื้นที่ขอบไว้เล็กน้อยคล้ายกับหยดน้ำค้าง (Dewdrop) โดยหน้าจอของ Huawei Mate 20 นั้น มาพร้อมกับขนาดใหญ่จุใจถึง 6.53 นิ้ว บนความละเอียดคมชัดระดับ Full HD+ พร้อมทั้งยังรองรับการแสดงผลตามมาตรฐานสีแบบ DCI-P3 อีกด้วย อย่างไรก็ดี แม้ว่าหน้าจออาจฟังดูมีขนาดใหญ่ แต่ก็ยังสามารถจับถือใช้งานได้อย่างถนัดมือครับ
ที่ด้านบนของหน้าจอมาพร้อมกับกล้องดิจิทัลด้านหน้าความละเอียด 24 ล้านพิกเซล รูรับแสงกว้าง f/2.0 พร้อมเซ็นเซอร์สำคัญต่างๆ อย่างเช่น เซ็นเซอร์ Ambient Light สำหรับตรวจวัดระดับความสว่างของสภาพแวดล้อม เพื่อปรับความสว่างของหน้าจอและแผงปุ่มกดให้เหมาะสม และเซ็นเซอร์ Proximity สำหรับการปิดหน้าจอแบบอัตโนมัติขณะสนทนา เพื่อประหยัดพลังงาน ซึ่งหากสังเกตที่ด้านบนจะเห็นได้ว่าทาง Huawei มีการนำลำโพงสำหรับสนทนาไปซ่อนเอาไว้บริเวณขอบด้วย
กล้องหน้าของ Huawei Mate 20 รองรับการปลดล็อกด้วยใบหน้า (Face Recognition) ซึ่งสามารถปลดล็อกได้อย่างรวดเร็ว
ด้านล่างของหน้าจอมีการลดพื้นที่ขอบให้เหลือน้อยลง ทำให้ไม่มีปุ่มโฮมที่ฝังเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือเหมือนกับรุ่น Mate 10 แล้ว โดย Huawei ได้ปรับไปใช้ปุ่มควบคุมบนหน้าจอแบบ On-Screen แทน รวมทั้งผู้ใช้ยังสามารถเปลี่ยนไปใช้งานวิธีควบคุมแบบ Gestures ซึ่งเป็นการลาก และปัดบริเวณขอบหน้าจอเพื่อสั่งการได้ด้วย
ด้านซ้ายของตัวเครื่องมีช่องถาดใส่ซิมการ์ดติดตั้งเอาไว้
สำหรับถาดใส่ซิมการ์ดของ Huawei Mate 20 ถือว่าเป็นอีกหนึ่งจุดที่น่าสนใจ เพราะทาง Huawei ได้ปรับไปใช้ถาดใส่ซิมการ์ดแบบใหม่ที่รองรับซิมแบบ nanoSIM ทั้ง 2 ช่อง และไม่มีช่องใส่ microSD Card เหมือนกับรุ่น Mate 10 อีกต่อไปแล้ว อ่านมาถึงตรงนี้หลายท่านอาจเกิดความสงสัยว่า จะยังเพิ่มหน่วยความจำเสริมได้อยู่อีกหรือไม่? คำตอบคือ เรายังสามารถเพิ่มความจำเสริมได้ ด้วยการใช้การ์ดความจำรูปแบบใหม่ที่ทาง Huawei ได้พัฒนาขึ้นภายใต้ชื่อ NM Card ซึ่งเป็นการ์ดความจำรูปแบบใหม่ที่มีขนาดเทียบเท่ากับ nanoSIM นั่นเองครับ
ด้านขวาของตัวเครื่อง ประกอบด้วย ปุ่ม Power สำหรับเปิด-ปิดเครื่อง หรือล็อกหน้าจอ และปุ่มปรับระดับเสียง โดยจะสังเกตเห็นว่า ปุ่ม Power ของ Huawei Mate 20 จะเลือกใช้เฉดสีที่ต่างออกไปจากสีตัวเครื่อง ทำให้ดูสะดุดตา และมองเห็นได้ง่ายครับ
ที่ด้านบนของตัวเครื่อง ประกอบด้วย เซ็นเซอร์อินฟราเรด, ไมโครโฟนตัวที่สองสำหรับตัดเสียงรบกวน และช่องเสียบหูฟังมาตรฐานขนาด 3.5 มม.
ที่ด้านล่างของตัวเครื่องมาพร้อมกับ ไมโครโฟนสำหรับสนทนา, พอร์ตเชื่อมต่อแบบ USB Type-C และลำโพงเสียงภายนอก
ด้านหลังของตัวเครื่องมาพร้อมกับบอดี้กระจกเงางาม พร้อมขอบด้านข้างที่มีความโค้ง โอบเข้ารับเข้ากับอุ้งมือผู้ใช้งานเป็นอย่างดี โดยสีที่ทางทีมงานได้รับมาวันนี้เป็นสี Twilight ซึ่งเป็นการไล่เฉดจากสีน้ำเงินที่ด้านบนไปหาสีม่วงที่ด้านล่างของตัวเครื่อง โดย Huawei Mate 20 ในปีนี้มีให้เลือกทั้งหมด 4 เฉดสีด้วยกัน ได้แก่ สีเขียว Emerald Green, สีม่วงไล่เฉด Twilight, สีน้ำเงิน Midnight Blue และสีดำ Black
ส่วนภายในมาพร้อมกับแบตเตอรี่ความจุ 4000mAh ที่รองรับเทคโนโลยีชาร์จเร็ว Huawei SuperCharge
ที่ด้านบนของตัวเครื่องติดตั้งระบบกล้องหลัง 3 ตัวที่ร่วมพัฒนากับ Leica (VARIO-SUMMILUX-H 1:1.8-2.4/17-52 ASPH) ประกอบไปด้วย กล้องตัวหลักเลนส์มุมกว้างแบบ Wide Angle ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล รูรับแสงกว้าง f/1.8 สำหรับช่วยเก็บรายละเอียดในภาพถ่ายทั่วๆ ไป, กล้องตัวที่สองเลนส์มุมกว้างพิเศษแบบ Ultra Wide Angle ความละเอียด 16 ล้านพิกเซล รูรับแสงกว้าง f/2.2 สำหรับถ่ายภาพวิวทิวทิศน์ในมุมกว้างๆ และกล้องตัวที่สามแบบ Telephoto ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล รูรับแสงกว้าง f/2.4 สำหรับช่วยจับภาพในระยะไกล ส่วนที่บริเวณมุมขวาบนเป็นไฟแฟลชแบบ Dual-Tone LED
นอกจากนี้ กล้องของ Huawei Mate 20 ยังมาพร้อมกับ Laser Focus สำหรับช่วยโฟกัสภาพในสภาวะแสงน้อย, ระบบ Phase Focus และระบบ Contrast Focus ซึ่งกล้องของ Mate 20 ยังรองรับระบบ AIS (Huawei AI Image Stabilization) ที่เป็นการนำเอาปัญญาประดิษฐ์ (AI) เข้ามาช่วยลดอาการสั่นไหวของภาพอีกด้วยครับ รวมถึงเทคโนโลยี Master AI ซึ่งเป็นการนำเอาปัญญาประดิษฐ์ (AI) เข้ามาช่วยวิเคราะห์ฉาก และวัตถุต่างๆ ภายในเฟรม ซึ่งเป็นเทคโนโลยีเดียวกันกับที่ใช้งานมาตั้งแต่ Mate 10 นั่นเอง แต่คราวนี้ทาง Huawei อัปเกรดใหม่ด้วยการเพิ่มความสามารถในการจดจำฉากต่างๆ ได้มากถึง 1,500 ฉากจากทั้งหมด 25 หมวดหมู่ รวมทั้ง AI ยังสามารถแยกแยะวัตถุ หรือซีนต่าง ที่อยู่ภายในภาพเดียวกันได้อีกด้วย ซึ่งหลังจาก AI วิเคราะห์เสร็จแล้ว ก็จะนำไปปรับแต่งสีสัน, ความสว่าง และคอนทราสต์ให้ภาพถ่ายมีความสวยงามแบบอัตโนมัตินั่นเองครับ
ทดสอบประสิทธิภาพการใช้งานเบื้องต้น
ลองทดสอบการใช้งานเบื้องต้นกันสักเล็กน้อย โดย Huawei Mate 20 มาพร้อมกับระบบปฏิบัติการเวอร์ชันใหม่ล่าสุดอย่าง Android 9 Pie พร้อมครอบทับด้วย EMUI 9 ซึ่งเป็น UI เวอร์ชันใหม่ล่าสุดที่ทาง Huawei พัฒนาขึ้นมาเช่นเดียวกัน โดยมีจุดเด่นด้านลูกเล่นให้เลือกใช้งานอย่างหลากหลาย และคุณสมบัติอันชาญฉลาดที่พร้อมตอบโจทย์ทุกการใช้งานในชีวิตประจำวัน
ขับเคลื่อนการทำงานด้วยชิปเซ็ตตัวใหม่ล่าสุดของค่ายในชื่อ Kirin 980 ซึ่งเป็นชิปเซ็ตประมวลผลแบบ Octa-Core Processor ที่ผลิตด้วยสถาปัตยกรรมระดับ 7 นาโนเมตรเป็นรุ่นแรกของโลก และยังมาพร้อมกับหน่วยประมวลผลแยกแบบ Dual NPU สำหรับช่วยประมวลผลงานด้าน AI โดยเฉพาะ รวมทั้งยังมาพร้อมกับหน่วยประมวลผลกราฟิก (GPU) แบบ Mali-G76 เป็นรุ่นแรกของโลกอีกด้วย โดยชิป Kirin 980 บน Huawei Mate 20 นั้นจะทำงานร่วมกับหน่วยความจำแรม (RAM) ขนาด 4GB หรือ 6GB ครับ (อ่านข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับชิปเซ็ต Kirin 980 ได้ที่นี่)
ลองทดสอบการประมวลผลโดยรวมด้วยแอปพลิเคชัน AnTuTu พบว่า สามารถทำคะแนนโดยรวมได้ราว 304233 คะแนน อย่างไรก็ดี ต้องย้ำให้ทุกท่านทราบว่าเครื่องที่ทีมงานได้รับมายังเป็นเครื่องทดสอบ ทำให้ซอฟท์แวร์อาจยังไม่ใช่เวอร์ชันสมบูรณ์ ทำให้คะแนนต่างๆ อาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ในเวอร์ชันวางจำหน่ายจริงครับ
ทางด้านหน่วยความจำภายใน (ROM) มาพร้อมกับความจุ 128GB ซึ่งเมื่อลองไปทดสอบด้วยแอปพลิเคชัน AndroBench พบว่าสามารถทำความเร็วในการอ่านได้ 866.41 MB/s แน่นอนว่าความเร็วระดับนี้ เป็นหน่วยความจำแบบ UFS นั่นเองครับ
ลองทดสอบถ่ายภาพกันดูบ้าง โดยอย่างที่ทราบว่า Huawei Mate 20 ปีนี้ได้เพิ่มเลนส์มุมกว้างแบบพิเศษ (Ultra Wide) ให้ได้ใช้งานด้วย โดยวิธีการเปิดใช้งานเลนส์ตัวนี้ก็ไม่ยุ่งยากเพียงแค่แตะที่ปุ่มซูมภาพ แล้วเลื่อนมาที่ตัวเลข 0.6x ก็จะสลับไปใช้กล้องเลนส์ Ultra Wide ให้แบบอัตโนมัติ) แต่หากเลื่อนไปที่ตัวเลข 2x ก็จะเป็นการซูมภาพแบบ Optical Zoom 2x
ในการใช้งานจริงก็พบว่า เลนส์ Ultra Wide สามารถช่วยขยายมุมมองในการถ่ายภาพให้กว้างขึ้นพอสมควร ทำให้สามารถเก็บรายละเอียดต่างๆ ที่เลนส์ธรรมดาไม่สามารถเก็บได้ อย่างไรก็ดี ภาพที่ถ่ายด้วยเลนส์ Ultra Wide บริเวณขอบของภาพจะมีความเบี้ยวเล็กน้อย แต่ก็ถือว่าเป็นธรรมชาติของเลนส์มุมกว้างครับ
ตัวอย่างภาพถ่ายด้วยโหมด Portrait พร้อมเลือกรูปแบบโบเก้ Swirl
ทางด้านโหมดถ่ายภาพบุคคลแบบหน้าชัดหลังเบลอ (Portrait Mode) ก็มีการเพิ่มลูกเล่นใหม่ อย่างเอฟเฟ็กต์การจัดแสงให้แก่ตัวแบบ และการปรับรูปร่างของโบเก้ให้เป็นรูปแบบต่างๆ เช่น หัวใจ หรือวงกลม
อีกหนึ่งจุดเด่นของ Huawei Mate 20 ที่ทาง Huawei ได้นำเสนอไปคือฟีเจอร์ Super Marcro ซึ่งช่วยให้ถ่ายภาพได้ใกล้สุดถึง 2.5 เซนติเมตร โดยโหมดนี้จะเปิดใช้งานอัตโนมัติเพื่อผู้ใช้ยื่นสมาร์ทโฟนไปจ่อใกล้วัตถุที่ต้องการถ่ายภาพครับ
ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องหน้าด้วยโหมด Portrait พร้อมปรับ Beauty และปรับเอฟเฟ็กต์โบเก้แบบ Swirl
ทางด้านกล้องหน้าก็มีการอัปเกรดลูกเล่นใหม่เช่นเดียวกันร ด้วยฟีเจอร์จัดเอฟเฟ็กต์แสง และการปรับรูปร่างโบเก้เป็นรูปแบบต่างๆ เหมือนกับกล้องหลัง นอกจากนี้ ยังมาพร้อมกับโหมด Beauty แบบใหม่ที่สามารถปรับโครงหน้า, ความเรียบเนียน และสีผิว
สรุปคุณสมบัติโดยละเอียดของ Huawei Mate 20
- หน้าจอแสดงผลแบบ RGBW ขนาด 6.53 ความละเอียด 2244x1080 พิกเซล (Full HD+) ความหนาแน่นพิกเซล 381 PPI อัตราส่วนในการแสดงผลแบบ 18.7:9 พร้อมรองรับการแสดงเฉดสีตามขอบเขต DCI-P3
- ชิปเซ็ตประมวลผล (CPU) แบบ Kirin 980 Octa-Core Processor ความเร็วในการประมวลผลสูงสุด 2.6GHz
- หน่วยประมวลผลกราฟิก (GPU) แบบ Mali-G76
- หน่วยความจำแรม (RAM) ขนาด 4GB / 6GB
- หน่วยความจำภายใน (ROM) ความจุ 128GB พร้อมรองรับหน่วยความจำเสริมภายนอกแบบ NM Card ความจุสูงสุด 256GB
- กล้องดิจิทัลด้านหน้าความละเอียด 24 ล้านพิกเซล รูรับแสงกว้าง f/2.0
- กล้องดิจิทัลด้านหลัง 3 ตัวที่พัฒนาร่วมกับ Leica (Leica Triple Camera) โดยแบ่งออกเป็น กล้องตัวหลักเลนส์ Wide Angle ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล รูรับแสงกว้าง f/1.8, กล้องตัวที่สองเลนส์ Ultra Wide Angle ความละเอียด 16 ล้านพิกเซล รูรับแสงกว้าง f/2.2 และกล้องตัวที่สามเลนส์ Telephoto ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล รูรับแสงกว้าง f/2.4 พร้อมเทคโนโลยี Laser Fosuc, Phase Focus, Contrast Focus, ระบบป้องกันภาพสั่นไหวแบบ AIS (Huawei AI Image Stabilization) และเทคโนโลยี Master AI สำหรับช่วยปรับแต่งภาพถ่ายให้มีความสวยงามอัตโนมัติผ่านการวิเคราะห์ฉาก และวัตถุต่างๆ ภายในเฟรมโดย AI
- เซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือที่ด้านหลังของตัวเครื่อง
- ระบบปลดล็อกด้วยใบหน้า
- รองรับการเชื่อมต่อบนเครือข่าย 4G LTE Cat.21, Bluetooth 5.0 และ Wi-Fi 802.11 a/b/g/n/ac Dual Band
- รองรับการเชื่อมต่อแบบ NFC
- เซ็นเซอร์อินฟราเรด (Infrared Sensor)
- ช่องเสียบหูฟังขนาด 3.5 มม.
- พอร์ตเชื่อมต่อแบบ USB Type-C
- แบตเตอรี่ความจุ 4000mAh
- ทำงานอยู่บนระบบปฏิบัติการ Android 9 Pie ครอบทับด้วย EMUI เวอร์ชัน 9
เรียกได้ว่า Huawei Mate 20 มีการอัปเกรดแบบรอบด้านจากรุ่น Mate 10 ทั้งในเรื่องของดีไซน์หน้าจอแบบใหม่, บอดี้สีสันไล่เฉด รวมไปถึงกล้องหลังที่พัฒนาร่วมกับ Leica จำนวน 3 ตัวที่มาพร้อมกับเลนส์มุมกว้าง และโหมดถ่ายภาพต่างๆ ให้เลือกใช้งานอย่างมากมาย รวมทั้งยังมีการยกเครื่องในเรื่องของสเปกให้เร็วแรงยิ่งขึ้นด้วยขุมพลังตัวใหม่ล่าสุดอย่าง Kirin 980 ที่ผลิตด้วยสถาปัตยกรรมระดับ 7 นาโนเมตรของโลก และยังมีความก้าวล้ำทางด้าน AI ด้วยการติดตั้งหน่วยประมวลผลแยกแบบ Dual NPU สำหรับช่วยเร่งประสิทธิภาพเกี่ยวกับงานด้าน AI โดยเฉพาะ
อย่างไรก็ดี พรีวิวด้านต้นเป็นเพียงพรีวิวคร่าวๆ เท่านั้น รวมทั้งเครื่องที่ทีมงานได้รับมาทดลองใช้งานยังเป็นเครื่องสำหรับทดสอบ ไม่ใช่เครื่องวางจำหน่ายจริงแต่อย่างใด ทำให้ฟีเจอร์บางส่วนอาจเพิ่มขึ้น หรือได้รับการปรับปรุงในเวอร์ชันวางจำหน่ายจริงครับ
สำหรับ Huawei Mate 20 เปิดราคาวางจำหน่ายในยุโรปเริ่ม้ตนที่ 799 ยูโร หรือประมาณ 30,000 บาท อย่างไรก็ดี ราคาในยุโรปมักจะสูงกว่าราคาวางจำหน่ายในประเทศไทยพอสมควร ทำให้ต้องติดตามกันต่อไปว่า Huawei Mate 20 จะนำเข้ามาวางจำหน่ายในประเทศไทยในช่วงเวลาใด ซึ่งหากทีมงานมีข้อมูลเพิ่มเติมจะรีบนำมาอัปเดตให้แก่ทุกท่านโดยทันที
นำเสนอบทความโดย : thaimobilecenter.com
วันที่ : 17/10/2561