หน้าแรกมือถือ > รวมข่าวมือถือ > หน้าบทความ ข่าวมือถือ
   
Date : 18/12/2563

เทียบสเปก realme X7 Pro 5G | Xiaomi Mi 10T Pro | Samsung Galaxy S20 FE สามรุ่นท็อปราคาไม่ถึง 2 หมื่น รุ่นไหนคุ้มสุดมาดูกัน

 

เปิดตัวอย่างเป็นทางการแล้วสำหรับ realme X7 Pro 5G สมาร์ทโฟนระดับท็อปรุ่นใหม่ล่าสุดของทาง realme ที่มาพร้อมชิปเซ็ตระดับเรือธง และฟีเจอร์ครบครันทุกการใช้งาน รวมถึงมีการดีไซน์สวยพรีเมียม ในราคา 16,990 บาท

ซึ่งหากกล่าวถึงสมาร์ทโฟนระดับท็อปในช่วงราคาใกล้เคียงกัน Xiaomi Mi 10T Pro และ Samsung Galaxy S20 FE 5G ก็เป็นชื่อที่ใครหลายคนน่าจะนึกถึงกัน ในวันนี้ทางทีมงานจึงนำทั้งสามรุ่นนี้มาเปรียบเทียบสเปกให้ได้ชมกันแบบชัดว่ารุ่นใดน่าซื้อที่สุดในช่วงราคาไม่เกิน 20,000 บาท หากพร้อมแล้วไปชมกันเลยค่ะ

 

จากตารางข้างต้นสามารถสรุปการเปรียบเทียบ realme X7 Pro 5G | Xiaomi Mi 10T Pro | Samsung Galaxy S20 FE 5G ในแต่ละด้านได้ดังนี้

 

หน้าจอแสดงผล

สำหรับ realme และ Samsung มาพร้อมกับหน้าจอ Super AMOLED จึงค่อนข้างได้เปรียบด้านการแสดงผลที่คมชัด แต่ทาง Xiaomi มีขนาดที่ใหญ่ที่สุด ซึ่งทั้งสามรุ่นรองรับการแสดงผลที่ระดับ Full HD+ เท่ากัน

หากกล่าวถึงค่า Refresh Rate ที่ถือเป็นฟีเจอร์มาตรฐานของสมาร์ทโฟนปี 2020 ทางด้าน Mi 10T Pro เด่นที่สุดด้วยค่าสูงสุด 144Hz ขณะที่สองรุ่นที่เหลือจะอยู่ที่ 120Hz แต่ทั้งนี้ในปัจจุบัน content ที่ถูกออกแบบมาเพื่อหน้าจอที่มี Refresh Rate สูงยังมีให้เห็นค่อนข้างน้อย โดยประโยชน์หลักๆ ของการมีหน้าจอ Refresh Rate ในตอนนี้จะเน้นไปในทางการใช้งานโดยรวมที่มีความลื่นไหลมากขึ้น อย่างการท่องโซเชียลเสียมากกว่า 

 

หน่วยประมวลผล

Mi 10T Pro และ Galaxy S20 FE 5G มาพร้อมกับชิปเซ็ตระดับท็อปของปี 2020 อย่าง Snapdragon 865 ส่วนทางด้าน realme X7 Pro 5G ใช้ชิปเซ็ต Dimensity 1000+ รุ่นเรือธงของค่าย MediaTek ที่มีประสิทธิภาพใกล้เคียงกัน ซึ่งชิปเซ็ตทั้งสองรุ่นนี้ผลิตบนเทคโนโลยีระดับ 7nm เท่ากัน (สามารถอ่านข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ : ทำไมชิปเซ็ต MediaTek Dimensity ซีรีส์ใหม่ ถึงน่าสนใจไม่แพ้ Snapdragon รุ่นท็อป ?) รวมถึงรองรับการเชื่อมต่อเครือข่าย 5G โดยที่ realme X7 Pro 5G รองรับการเชื่อมต่อ 5G พร้อมกันทั้ง 2 ซิมแบบ Dual 5G SIM นอกจากนี้ทั้งสามรุ่นยังรองรับ RAM ขนาดเท่ากันที่ 8GB แต่จะแตกต่างกันที่เทคโนโลยีของตัว RAM ที่ Xiaomi กับ Samsung จะเป็นตัวที่ใหม่กว่า 

อีกทั้ง Mi 10T Pro และ Galaxy S20 FE 5G รองรับ ROM มาตรฐานใหม่อย่าง UFS 3.1 (มีค่าความเร็วในการอ่าน Sequential Read สูงสุด = 2100MB/s และค่าความเร็วในการเขียน Sequential Write สูงสุด =1200MB/s) ขณะที่ realme X7 Pro 5G ใช้มาตรฐาน UFs 2.1 (มีค่าความเร็วในการอ่าน Sequential Read สูงสุด = 1000MB/s และค่าความเร็วในการเขียน Sequential Write สูงสุด = 260MB/s) ซึ่งความเร็วในการอ่าน-เขียนข้อมูลจะค่อนข้างต่างกัน ซึ่งส่งผลต่อการโหลดเข้าแอปต่างๆ และการเรียกดูรูปภาพในเครื่องนั่นเอง โดย Samsung Galaxy S20 FE 5G เป็นหนึ่งเดียวในนี้ที่รองรับการเพิ่ม microSD Card ที่ความจุสูงสุด 1TB

 

กล้องถ่ายภาพ

realme X7 Pro 5G เป็นรุ่นเดียวที่มีกล้องหลัง 4 ตัว โดยกล้องตัวหลักความละเอียด 64 ล้านพิกเซล ใช้เซ็นเซอร์ Sony IMX686 พร้อมด้วยกล้อง Ultra-Wide, กล้อง Portrait B&W และกล้อง Macro ขณะที่ S20 FE 5G และ Mi 10T Pro มีกล้องหลัง 3 ตัว ซึ่ง Mi 10T Pro มีความน่าสนใจตรงที่กล้องหลักคมชัดสูงถึง 108 ล้านพิกเซล และใช้เซ็นเซอร์รับภาพ Samsung HMX พร้อมกล้อง Ultra-Wide และกล้อง Macro ส่วนทาง Samsung Galaxy S20 FE 5G แม้จะมีกล้องตัวหลักคมชัดที่ 12 ล้านพิกเซล แต่จะได้เปรียบตรงที่มีกล้อง Telephoto สำหรับการซูมภาพ สำหรับกล้องตัวที่สามเป็น Ultra-Wide

 

แบตเตอรี่

Xiaomi Mi 10T Pro มีความจุแบตเตอรี่สูงสุดในบรรดาสามรุ่นที่ 5000 mAh ส่วน realme X7 Pro 5G และ Samsung Galaxy S20 FE 5G มีแบตเตอรี่ความจุเท่ากันที่ 4500 mAh

แต่หากพิจารณาที่เทคโนโลยีชาร์จเร็ว realme X7 Pro 5G จะค่อนข้างได้เปรียบกว่าด้วยกำลังไฟที่มากถึง 65 วัตต์ (65W SuperDart Charge) ที่สามารถชาร์จแบตเตอรี่ 0-100% เต็มได้ภายในเวลา 35 นาทีเท่านั้น รองลงมาเป็น Xiaomi Mi 10T Pro ที่มาพร้อมเทคโนโลยีชาร์จเร็วด้วยกำลังไฟ 33 วัตต์ และ Samsung Galaxy S20 FE 5G ที่รองรับเทคโนโลยีชาร์จเร็วด้วยกำลังไฟ 25 วัตต์ 

แม้ว่า Galaxy S20 FE 5G จะมีเทคโนโลยีชาร์จเร็วที่กำลังไฟน้อยกว่า แต่ก็รองรับการชาร์จแบตเตอรี่แบบไร้สายความเร็วสูง รวมถึงฟังก์ชัน Power Share สำหรับแปลงเป็นแท่นชาร์จไร้สายให้กับอุปกรณ์อื่น ซึ่งฟีเจอร์นี้จะมีเฉพาะรุ่นเรือธงเท่านั้น และอีกสองรุ่นก็ไม่รองรับฟีเจอร์นี้

 

ราคา

realme X7 Pro 5G : 16,990 บาท
Xiaomi Mi 10T Pro : เริ่ม 13,990 บาท
Samsung Galaxy S20 FE 5G : เริ่ม 20,900 บาท

 

ทั้งสามรุ่นมีราคาใกล้เคียงกันในช่วงไม่เกิน 20,000 บาท และต่างก็มีฟีเจอร์ที่น่าสนใจแตกต่างกันออกไป ซึ่งทางทีมงานไม่สามารถบอกได้ว่ารุ่นใดที่ดีสุด หรือคุ้มค่าที่สุด ทั้งนี้จึงขึ้นอยู่กับตัวผู้ใช้เอง ว่ามีความชื่นชอบสมาร์ทโฟนรุ่นใดมากที่สุด ทั้งในด้านการดีไซน์ว่าสวยถูกใจขนาดไหน และฟีเจอร์ด้านในสามารถพร้อมตอบโจทย์การใช้งานของตนเองได้ครบถ้วนหรือไม่ ซึ่งหากว่าได้ทดลองใช้งานในเบื้องต้น แล้วเกิดความพึงพอใจ ก็ถือได้ว่าสมาร์ทโฟนรุ่นนั้นคุ้มค่าแก่การจับจองเป็นเจ้าของแล้วค่ะ สำหรับวันนี้ทางทีมงานต้องขอลาไปก่อน พบกันใหม่ในบทความหน้า สวัสดีค่ะ

 

 

นำเสนอบทความโดย : thaimobilecenter.com


วันที่ : 18/12/2563

Cookie Consent

Our website uses cookies to provide your browsing experience and relavent informations.Before continuing to use our website, you agree & accept of our Cookie Policy & Privacy