รีวิว Xiaomi 13T | 13T Pro ครั้งแรกของสมาร์ตโฟนกล้อง Leica ในราคาเอื้อมถึง พร้อมชิปเซ็ตตัวท็อป พลังชาร์จ 120W จอสวยลื่น 144Hz และเมมสูงสุด 1TB บนตัวเครื่องพรีเมียมโฉมใหม่กันน้ำได้
หากนึกถึงสมาร์ตโฟนกล้อง Leica หลายคนอาจนึกถึง Xiaomi 13 | 13 Pro ซีรีส์เรือธงที่เพิ่งเปิดตัว และวางจำหน่ายในบ้านเราเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา แต่ตอนนี้มีเรื่องที่ทำให้เรา ๆ ท่าน ๆ เซอร์ไพรส์ยิ่งกว่า เพราะวันนี้จะเป็นครั้งแรกที่กล้อง Leica ถูกนำมาใส่ไว้ในสมาร์ตโฟน Xiaomi ตระกูล T Series (รุ่นที่ลงท้ายด้วยตัว T) ที่มีราคาเอื้อมถึงได้ง่ายกว่า นั่นก็คือ Xiaomi 13T และ Xiaomi 13T Pro ที่เพิ่งเปิดตัวไปสด ๆ ร้อน ๆ เมื่อช่วงเย็นที่ผ่านมา (27 กันยายน 2566) และเราก็ได้นำมารีวิวให้ชมกันแล้ว
ซึ่งนอกจากจะมาพร้อมกล้อง Leica ทั้งคู่แล้ว Xiaomi 13T กับ Xiaomi 13T Pro ยังคงสืบทอดความสามารถอันโดดเด่นจากรุ่นก่อนหน้า (Xiaomi 12T Series) มาอย่างครบถ้วน รวมทั้งปรับปรุงหลายสิ่งให้ดียิ่งขึ้น โดยดีไซน์ของ Xiaomi 13T และ Xiaomi 13T Pro เรียกได้ว่าเหมือนกันแทบทุกกระเบียดนิ้ว ด้วยการปรับโฉมใหม่ และตัวเครื่องมีคุณสมบัติของการทนน้ำ-ทนฝุ่นในระดับ IP68 กับระบบระบายความร้อนที่ยอดเยี่ยม
อีกทั้งยังมากับหน้าจอแสดงผลระดับไฮเอนด์แบบ CrystalRes AMOLED Flat DotDisplay ขนาด 6.67 นิ้ว ความละเอียด 2712x1220 พิกเซล ที่รองรับอัตราการรีเฟรชสูงสุด 144Hz และแสดงผลสีสันได้ถึง 68 พันล้านสี รวมทั้งมีความสว่างสูงสุดถึงระดับ 2600 nits และรองรับการแสดงผลคอนเทนต์แบบ Dolby Vision กับ HDR10+
ส่วนการประมวลผล ในด้านของ Xiaomi 13T นั้นเลือกใช้ชิปเซ็ต MediaTek Dimensity 8200-Ultra ส่วน Xiaomi 13T Pro นั้นเลือกใช้ชิปเซ็ตตัวท็อปอย่าง Dimensity 9200+ พร้อมหน่วยความจำ RAM ขนาดเริ่มต้นนั้นใหญ่จุใจถึง 12GB ทั้งคู่ รวมทั้งจัดเต็มถึง 16GB สำหรับรุ่นใหญ่ โดยเป็นแบบ LPDDR5 กับ LPDDR5X ตามลำดับ ส่วนหน่วยความจำ ROM นั้นมีให้เลือกสูงสุดถึง 1TB และมาพร้อมกับแบตเตอรี่ความจุ 5000 mAh ที่รองรับระบบชาร์จเร็วทั้ง 2 รุ่น โดย Xiaomi 13T จะรองรับระบบชาร์จเร็วแบบ 67W Turbo Charging ส่วน Xiaomi 13T Pro จะรองรับระบบชาร์จเร็วแบบ 120W HyperCharge ที่สามารถชาร์จแบตเตอรี่จาก 0-100% ได้ภายในเวลาเพียง 19 นาที
สำหรับไฮไลท์เด่นของรุ่นนี้ก็คือกล้องถ่ายรูป ซึ่งทั้ง 2 รุ่นใช้กล้องชุดเดียวกันทั้งกล้องด้านหน้า และกล้องด้านหลัง โดยกล้องด้านหลังเป็นกล้อง 3 ตัวที่พัฒนาร่วมกับ Leica พร้อมชุดเลนส์ LEICA VARIO-SUMMICRON 1:1.9-2.2/15-50mm ASPH. ประกอบด้วย กล้องหลัก (Main) ที่ใช้เซนเซอร์รับภาพ Sony IMX707 ความละเอียด 50 ล้านพิกเซล, กล้อง Telephoto ความละเอียด 50 ล้านพิกเซล และกล้อง Ultra Wide ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล พร้อมฟีเจอร์ Leica Authentic Look/Vibrant Look ที่ทำให้ภาพถ่ายที่ออกมาเหมือนกับถ่ายด้วยกล้อง Leica จริง ๆ และที่พิเศษคือในด้านของรุ่นโปรอย่าง Xiaomi 13T Pro นั้นรองรับการบันทึกวิดีโอแบบ 10-bit LOG , HDR10+, Ultra Night Video กับวิดีโอแบบ 8K ได้ด้วย ส่วนกล้องด้านหน้านั้นใช้กล้องชุดเดียวกันทั้งคู่ โดยมีความละเอียดอยู่ที่ 20 ล้านพิกเซล
นอกจากนี้ Xiaomi 13T และ Xiaomi 13T Pro ก็ยังมีสิ่งที่น่าสนใจอีกหลายอย่าง ส่วนรายละเอียดจะเป็นอย่างไร มารับชมไปพร้อม ๆ กันกับ รีวิว Xiaomi 13T | Xiaomi 13T Pro โดยทีมงาน Thaimobilecenter ได้เลยครับ
เปิดกล่อง Xiaomi 13T | 13T Pro พร้อมสำรวจอุปกรณ์ด้านใน
มาเริ่มกันที่กล่องผลิตภัณฑ์ของทั้ง 2 รุ่นกันก่อน โดยตัวกล่องของ Xiaomi 13T กับ Xiaomi 13T Pro จะมาในโทนสีขาวเรียบ ๆ ดูสะอาดตา พร้อมระบุชื่อรุ่น และมีโลโก้ Co-Engineered with Leica สกรีนไว้ที่ด้านหน้าอย่างชัดเจน
ส่วนอุปกรณ์ภายในกล่องให้มาเหมือนกันทั้ง 2 รุ่น ประกอบด้วย ตัวเครื่อง Xiaomi 13T | Xiaomi 13T Pro, สาย USB Type-C, เข็มถอดถาดใส่ซิมการ์ด, เคสซิลิโคนใส, ใบรับประกัน และคู่มือเริ่มต้นใช้งานอย่างย่อ ส่วนอะแดปเตอร์ชาร์จแบตเตอรี่แม้จะไม่ได้มีใส่มาให้ในกล่อง แต่จะแถมแยกมาต่างหาก โดยจะเป็นอะแดปเตอร์แบบ 67W สำหรับ Xiaomi 13T และเป็นแบบ 120W สำหรับ Xiaomi 13T Pro
ดีไซน์สวยหรูจับถนัดมือ พร้อมทนน้ำระดับ IP68
ทั้ง Xiaomi 13T และ 13T Pro มีขนาดตัวเครื่องเท่ากันที่ 162.2x75.7x8.49 มิลลิเมตร โดย Xiaomi 13T มีน้ำหนักตัวเครื่องที่ 197 กรัม ส่วน Xiaomi 13T Pro มีน้ำหนักตัวเครื่องที่ 206 กรัม และทั้งสองรุ่นมีให้เลือกทั้งหมด 3 สีคือ Alpine Blue, Meadow Green และ Black ซึ่ง Xiaomi 13T รุ่นที่นำมารีวิวคือ สี Meadow Green ส่วน Xiaomi 13T Pro เป็นสี Black โดยทั้ง 2 สีนี้ ด้านหลังตัวเครื่องจะเป็นกระจกมันวาว ซึ่งให้ความรู้สึกที่พรีเมียมหรูหรา ส่วนด้านหลังของสี Alpine Blue จะมีความแตกต่างตรงที่เป็นหนังเทียม BioComfort Vegan Leather ซึ่งมีผิวสัมผัสนุ่ม
นอกจากนี้ Xiaomi 13T และ 13T Pro ยังรองรับคุณสมบัติในการทนน้ำ และทนฝุ่นระดับ IP68 ซึ่งเป็นการสร้างความอุ่นใจว่าจะไม่เกิดความเสียหายกับตัวเครื่อง ในกรณีที่ต้องใช้งานตัวเครื่องตอนฝนตก หรือทำเครื่องตกน้ำโดยไม่ได้ตั้งใจ
นอกเหนือจากตัวเครื่องที่มีขนาดเท่ากันแล้ว ดีไซน์อื่น ๆ รอบ ๆ ตัวเครื่องยังเหมือนกันทั้ง 2 รุ่น ซึ่งด้านขวาตัวเครื่อง จะเป็นปุ่มปรับระดับเสียง และปุ่ม Power สำหรับเปิด-ปิดตัวเครื่อง หรือล็อกหน้าจอแสดงผล ขอบตัวเครื่องเป็นขอบเหลี่ยม ด้านบนตัวเครื่องจะมีไมโครโฟนตัดเสียงรบกวน และ IR Infrared สำหรับใช้งานเป็นรีโมตควบคุมอุปกรณ์ต่าง ๆ
ส่วนด้านล่าง จะเป็นพอร์ต USB-C, ไมโครโฟน และลำโพงหลักซึ่งใช้งานร่วมกับลำโพงสนทนาด้านบนเป็นลำโพงคู่แบบ Stereo โดยทั้ง 2 รุ่นรองรับระบบเสียงแบบ Dolby Atmos อีกด้วย
สำหรับถาดใส่ซิมการ์ดจะเป็นถาดแบบ Dual Slot ซึ่งสามารถใส่ได้ 2 ซิมการ์ด แต่ไม่รองรับการเพิ่มหน่วยความจำเสริมภายนอกด้วยการ์ดแบบ microSD หรือแบบอื่น ๆ ทั้งนี้ หน่วยความจำ ROM ภายในตัวเครื่องที่มีก็ถือว่าเพียงพอต่อการใช้งานแล้ว ซึ่ง Xiaomi 13T มาพร้อมหน่วยความจำ ROM แบบ UFS 3.1 ขนาด 256GB ส่วน Xiaomi 13T Pro มาพร้อมหน่วยความจำ ROM แบบ UFS 4.0 ขนาด 512GB หรือ 1TB
จอแสดงผล CrystalRes ขนาด 6.67 นิ้ว รองรับอัตราการรีเฟรชสูงสุด 144Hz
Xiaomi 13T และ 13T Pro มาพร้อมกับหน้าจอแสดงผลแบบ CrystalRes AMOLED Flat DotDisplay ขนาด 6.67 นิ้ว ความละเอียด 2712x1220 พิกเซล ซึ่งรองรับอัตราการรีเฟรชสูงสุด 144Hz (AdaptiveSync : 30/60/90/120/144Hz) อีกทั้งยังมีความสว่างสูงสุดถึง 2600 nits สำหรับการรับชมคอนเทนต์แบบ HDR รวมทั้งแสดงผลสีสันได้มากถึง 68 พันล้านสี และรองรับคอนเทนต์แบบ HDR10+ ซึ่งจะช่วยเพิ่มคอนทราสต์ระหว่างส่วนที่มืดและส่วนที่สว่างของภาพ รวมถึงปรับสมดุลความอิ่มตัวของสี
ความปลอดภัยครบครัน ทั้งสแกนนิ้วบนหน้าจอ และสแกนใบหน้า
สำหรับระบบความปลอดภัยนั้น Xiaomi 13T และ 13T Pro มีมาให้ครบทั้งระบบสแกนลายนิ้วมือบนหน้าจอแบบ Optical รวมถึงการสแกนใบหน้า ซึ่งจากการทดสอบใช้งานพบว่า สามารถสแกนเพื่อปลดล็อกตัวเครื่องได้อย่างรวดเร็ว และแม่นยำ
ระบบกล้องระดับมืออาชีพจาก Leica ความละเอียด 50MP ถ่ายสวยครบทุกระยะ
จุดเด่นของ Xiaomi 13T และ 13T Pro ก็คือ กล้องถ่ายรูป นั่นเอง ซึ่งทาง Xiaomi ได้พัฒนาร่วมกับแบรนด์กล้องชื่อดังระดับโลกอย่าง Leica โดยทั้ง 2 รุ่นมากับชุดกล้อง 3 ตัวที่มีคุณสมบัติเหมือนกัน และใช้ชุดเลนส์ LEICA VARIO-SUMMICRON 1:1.9-2.2/15-50mm ASPH. ซึ่งกล้องแต่ละตัวประกอบด้วย
- กล้อง Leica Main ความละเอียด 50 ล้านพิกเซล พร้อมเซนเซอร์รับภาพ Sony IMX707 ขนาด 1/1.28 นิ้ว, เม็ดพิกเซลขนาด 1.22 ไมครอน (หรือ 2.44 ไมครอน ในแบบ 4-in-1 Super Pixel), รูรับแสงขนาด f1.9, ทางยาวโฟกัส 24 มิลลิเมตร, ระบบป้องกันการสั่นแบบ OIS, เทคโนโลยีการเคลือบหน้าเลนส์แบบ ALD, ระบบโฟกัสอัตโนมัติแบบ PDAF และโครงสร้างแบบ 7 ชิ้นเลนส์
- กล้อง Leica Telephoto ความละเอียด 50 ล้านพิกเซล พร้อมเซนเซอร์รับภาพ OmniVision OV50D ขนาด 1/2.88 นิ้ว, เม็ดพิกเซลขนาด 0.61 ไมครอน, รูรับแสงขนาด f1.9, ทางยาวโฟกัส 50 มิลลิเมตร (2x Optical Zoom), ระบบโฟกัสอัตโนมัติแบบ PDAF และโครงสร้างแบบ 5 ชิ้นเลนส์
- กล้อง Leica Ultra Wide ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล พร้อมเซนเซอร์รับภาพขนาด 1/3.06 นิ้ว, เม็ดพิกเซลขนาด 1.12 ไมครอน, รูรับแสงขนาด f2.2, ทางยาวโฟกัส 15 มิลลิเมตร และโครงสร้างแบบ 5 ชิ้นเลนส์
สำหรับจุดต่างของกล้องด้านหลัง ระหว่าง Xiaomi 13T กับ 13T Pro อยู่ตรงการถ่ายวิดีโอ ซึ่ง Xiaomi 13T Pro จะรองรับการถ่ายวิดีโอความละเอียดสูงสุดที่ระดับ 8K (24fps) และรองรับการบันทึกวิดีโอแบบ 10-bit LOG (4:2:0 H.265) ด้วย Rec.709 LUT ซึ่งเป็นคุณสมบัติที่มีเฉพาะกล้องถ่ายวิดีโอระดับมืออาชีพ แต่บน Xiaomi 13T Pro สามารถเลือก LOG ดังกล่าวได้ที่โหมด Pro และเลือก Rec.709 LUT รวมทั้งรองรับการบันทึกวิดีโอแบบ HDR10+ และ Ultra Night โดยคุณสมบัติเหล่านี้ไม่รองรับบน Xiaomi 13T
Xiaomi 13T และ 13T Pro มาพร้อมกับ Leica Style ให้เลือก 2 แบบคือ Leica Authentic Look และ Leica Vibrant Look ซึ่งทั้ง 2 ตัวเลือกนี้จะแจ้งเตือนให้เลือกตั้งแต่เปิดใช้งานกล้องครั้งแรก แต่ผู้ใช้สามารถเลือกเปลี่ยนก่อนถ่ายภาพได้เช่นกัน ด้วยการแตะที่ไอคอน Leica ในแอปกล้อง
โดย Authentic Look ภาพที่ได้จะมีความเป็นธรรมชาติ ส่วน Vibrant Look จะเป็นแนวสีสันสดใส ซึ่งภาพส่วนใหญ่ในรีวิวนี้ เลือกการถ่ายในสไตล์ Authentic Look
สำหรับโหมดถ่ายภาพ มีให้เลือกใช้มากมาย ไม่ว่าจะเป็น วิดีโอ, ภาพถ่าย, ภาพบุคคล, โหมดกลางคืน, พานอรามา, หนังสั้น, สโลว์โมชั่น และอื่น ๆ
ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องหลังของ Xiaomi 13T | 13T Pro
ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้อง Wide
ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้อง Ultra Wide
ตัวอย่างภาพถ่ายโหมดกลางคืน
ตัวอย่างภาพถ่ายโหมด Portrait
กล้องหน้า 20MP ปรับความเนียนได้หลายระดับ
Xiaomi 13T และ 13T Pro มาพร้อมกล้องด้านหน้าความละเอียด 20 ล้านพิกเซล ที่มีรูรับแสงขนาด f2.2 กับมุมรับภาพ 78° ซึ่งสามารถเก็บภาพเซลฟี่ได้อย่างสวยงาม และคมชัด อีกทั้งยังมีโหมดปรับความเนียนของใบหน้าได้หลายระดับ รวมถึงโหมดถ่ายภาพ Portrait ก็มีให้ใช้งานเช่นกัน
ตัวอย่างภาพถ่ายด้วยกล้องด้านหน้า โหมดอัตโนมัติ
ตัวอย่างภาพถ่ายด้วยกล้องด้านหน้า โหมด Portrait
ประมวลผลด้วยชิปเซ็ตระดับท็อป พร้อมหน่วยความจำ RAM ขนาด 12GB
Xiaomi 13T มาพร้อมชิปเซ็ต MediaTek Dimensity 8200-Ultra ซึ่งใช้เทคโนโลยีการผลิตขนาด 4 นาโนเมตรล่าสุดจาก TSMC ปรับปรุงประสิทธิภาพของทั้ง CPU และ GPU พร้อมกับหน่วยความจำ RAM แบบ LPDDR5 ขนาด 12GB และหน่วยความจำ ROM แบบ UFS 3.1 ขนาด 256GB
ด้าน Xiaomi 13T Pro จะมีประสิทธิภาพเหนือกว่า Xiaomi 13T เล็กน้อย ซึ่งรุ่นนี้มาพร้อมชิปเซ็ตตัวเรือธงอย่าง MediaTek Dimensity 9200+ ความเร็วสูงสุด 3.35GHz และชิปประมวลผลภาพกราฟิก ARM Immortalis-G715 MC11 ซึ่งได้รับการออกแบบมาโดยเฉพาะเพื่อการปรับปรุงการประมวลผลภาพ และทำงานร่วมกับหน่วยความจำ RAM แบบ LPDDR5X ขนาด 12GB หรือ 16GB และหน่วยความจำ ROM แบบ UFS 4.0 ขนาด 512GB หรือ 1TB การันตีความสามารถในการจัดการงานต่าง ๆ ทั้งการถ่ายภาพ รวมถึงการเล่นเกม ได้ในระดับสูงสุด
เมื่อทดสอบประสิทธิภาพการทำงานของ CPU ด้วยแอปพลิเคชัน Geekbench 6 ของทั้ง 2 รุ่น ได้คะแนนทดสอบดังนี้
- Xiaomi 13T : 1,113 คะแนน (Single-Core) และ 3,319 คะแนน (Multi-Core)
- Xiaomi 13T Pro : 1,277 คะแนน (Single-Core) และ 3,430 คะแนน (Multi-Core)
ส่วนการทดสอบประสิทธิภาพของหน่วยประมวลผลกราฟิก (GPU) ได้คะแนนทดสอบดังนี้
- Xiaomi 13T : 3,284 คะแนน
- Xiaomi 13T Pro : 7,838 คะแนน
และด้วยประสิทธิภาพของชิปประมวลผลที่มี ทำให้ทั้ง Xiaomi 13T และ 13T Pro รองรับการเล่นเกมกราฟิกสวย ๆ ได้ทุกเกม และเล่นได้อย่างลื่นไหล ซึ่งจากการทดสอบเล่นเกม PUBG MOBILE, เกม ROV รวมถึงเกม Ragnarok Origin พบว่า สามารถเลือกปรับค่ากราฟิกสูงสุดได้ทุกหัวข้อ
นอกจากนี้ ยังมี Game Turbo ซึ่งเป็นเครื่องมือเพิ่มประสิทธิภาพในการเล่นเกม โดยสามารถปรับแต่งประสิทธิภาพของอุปกรณ์เพื่อเพิ่มประสบการณ์ในการเล่นเกมให้ดียิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็น การล้างหน่วยความจำอัตโนมัติ, เพิ่มพื้นที่จัดเก็บข้อมูล, บันทึกหน้าจอ, จับภาพหน้าจอ และอื่น ๆ
แบตเตอรี่ 5,000 mAh รองรับชาร์จเร็วสูงสุด 120W
Xiaomi 13T และ 13T Pro มาพร้อมกับแบตเตอรี่ขนาดความจุ 5000 mAh และรองรับระบบชาร์จเร็วทั้ง 2 รุ่น ต่างกันตรงที่ Xiaomi 13T Pro นั้นใช้ระบบชาร์จเร็วแบบ 120W HyperCharge ที่สามารถชาร์จแบตเตอรี่เต็ม 100% ในเวลาเพียง 19 นาที และชาร์จ 36% ในเวลาเพียง 5 นาทีเท่านั้น
ส่วน Xiaomi 13T ใช้ระบบชาร์จเร็วแบบ 67W Turbo Charging ที่สามารถชาร์จแบตเตอรี่ได้เต็ม 100% ภายในเวลา 49 นาที หรือชาร์จได้ 21% ในเวลาเพียง 5 นาที
ราคา, โปรโมชัน และการวางจำหน่าย
ล่าสุดวันนี้ (27 กันยายน 2566) ทาง Xiaomi (ประเทศไทย) ก็ได้ฤกษ์เปิดตัว และเปิดราคาของ Xiaomi 13T Series ในประเทศไทยออกมาแล้ว โดยมีรายละเอียดดังนี้
- Xiaomi 13T (RAM 12GB+ROM 256GB) ราคา 15,990 บาท
- Xiaomi 13T Pro (RAM 12GB+ROM 512GB) ราคา 19,990 บาท
- Xiaomi 13T Pro (RAM 16GB+ROM 1TB) ราคา 23,990 บาท (มีวางจำหน่ายที่ Xiaomi Store และช่องทางออนไลน์เท่านั้น)
พร้อมโปรโมชันพิเศษ 4 ต่อสำหรับท่านที่สั่งจองตั้งแต่วันที่ 28 กันยายน - 6 ตุลาคม 2566 ดังนี้
ต่อที่ 1 : ฟรี Xiaomi Watch S1 มูลค่า 6,990 บาท
ต่อที่ 2 : ฟรี Adapter มูลค่าสูงสุด 1,599 บาท
ต่อที่ 3 : ฟรีประกันตัวเครื่อง 2 ปี
ต่อที่ 4 : ฟรีประกันหน้าจอแตก (เปลี่ยน 1 ครั้ง ภายใน 6 เดือน)
โดยจะวางจำหน่ายที่ Xiaomi Store, Xiaomi Zone, ร้านค้าที่ร่วมรายการ, และช่องทางออนไลน์
เงื่อนไขเพิ่มเติม
- ฟรีอะแดปเตอร์ชาร์จแบตเตอรี่แบบ 120W เฉพาะรุ่น Xiaomi 13T Pro และฟรีอะแดปเตอร์ชาร์จแบตเตอรี่แบบ 67W เฉพาะรุ่น Xiaomi 13T
- ไม่มีอะแดปเตอร์ชาร์จแบตเตอรี่มาให้ในกล่อง
- ของแถมมีจำนวนจำกัด 2,000 ชิ้น
สรุปประสบการณ์หลังใช้งาน Xiaomi 13T และ 13T Pro
หลังจากที่มีโอกาสได้ใช้งาน Xiaomi 13T และ Xiaomi 13T Pro มาระยะหนึ่ง ก็พอจะบอกได้ว่าทั้งคู่ถือเป็นความหวังใหม่ของใครก็ตามที่กำลังอยากได้สมาร์ตโฟนกล้อง Leica ในราคาที่ไม่สูงเกินเอื้อม ด้วยราคาเริ่มต้นเพียง 15,990 บาท โดยทั้ง 2 รุ่นต่างก็มีคุณสมบัติพื้นฐานใกล้เคียงกันมาก เริ่มกันตั้งแต่ดีไซน์ที่มาพร้อมกรอบแบบแบน บนหน้าจอขนาด 6.67 นิ้วแบบ CrystalRes AMOLED Flat DotDisplay ความละเอียด 2712x1220 พิกเซล ที่รองรับอัตราการรีเฟรชระดับ 144Hz, การแสดงผลคอนเทนต์แบบ HDR10+ และจอสว่างสู้แสงระดับ 2600 nits บนบอดี้ที่รองรับมาตรฐานในการทนน้ำ และทนฝุ่นระดับ IP68
แม้จะใช้ดีไซน์เดียวกัน แต่การประมวลผลของทั้ง 2 รุ่นมีความต่างกันเล็กน้อย ซึ่ง Xiaomi 13T มาพร้อมชิปเซ็ต MediaTek Dimensity 8200-Ultra พร้อมหน่วยความจำ RAM แบบ LPDDR5 ขนาด 12GB จับคู่ ROM แบบ UFS 3.1 ขนาด 256GB ส่วน Xiaomi 13T Pro มาพร้อมชิปเซ็ต MediaTek Dimensity 9200+ พร้อมหน่วยความจำ RAM แบบ LPDDR5X ขนาด 12GB หรือ 16GB และ ROM แบบ UFS 4.0 ขนาด 512GB หรือ 1TB
สำหรับแบตเตอรี่มีความจุที่ 5000 mAh เหมือนกันทั้ง 2 รุ่น แต่ Xiaomi 13T Pro จะรองรับกำลังไฟสูงสุดที่ 120W ในขณะที่ Xiaomi 13T จะรองรับกำลังไฟสูงสุดที่ 67W แต่สำหรับการใช้งานทั่วไป ระบบชาร์จไวที่ 67W ก็ถือว่าเร็วเหลือเฟือแล้ว
ด้านการถ่ายภาพ แม้ว่าทั้ง 2 รุ่นจะใช้กล้องชุดเดียวกัน แต่ภาพที่ได้ก็มีความแตกต่างกันเล็กน้อยโดยเฉพาะเรื่องของโทนสี โดยทั้ง 2 รุ่นมาพร้อมกับกล้องหลัง Leica ถึง 3 ตัวด้วยกัน ด้วยชุดเลนส์ LEICA VARIO-SUMMICRON 1:1.9-2.2/15-50mm ASPH. ซึ่งประกอบด้วย กล้องหลัก กับกล้อง Telephoto ความละเอียด 50 ล้านพิกเซล และกล้อง Ultra Wide ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล นอกจากนี้ ยังมาพร้อมกับโปรไฟล์การถ่ายภาพ Leica Authentic/Vibrant ที่ช่วยให้ภาพถ่ายมีโทนเหมือนถ่ายจากกล้องโปร ทำได้ดีในทุกสภาวะแสง โดยเฉพาะโหมดถ่ายภาพกลางคืน ถือว่าทำได้ดีมากทีเดียว และในด้านการของการบันทึกวิดีโอระดับมืออาชีพก็คงต้องยกให้รุ่น Xiaomi 13T Pro เพราะรองรับการบันทึกวิดีโอทั้งแบบ 8K, 10-bit Log, Ultra Night และ HDR10+ เรียกว่าเอาไปใช้งานอย่างจริงจังได้เลยทีเดียว
ซึ่งเท่าที่ได้ใช้งานมา ทั้ง Xiaomi 13T กับ Xiaomi 13T Pro ต่างก็ให้ประสบการณ์ในการใช้งานโดยรวมที่ยอดเยี่ยมไม่ต่างกัน ตั้งแต่เรื่องของดีไซน์ภายนอก, การถ่ายภาพ, การแสดงผล, การประมวลผล, แบตเตอรี่ และระบบซอฟต์แวร์ต่าง ๆ เรียกว่าเลือกแค่รุ่นมาตรฐานอย่าง Xiaomi 13T ก็ดีงามเพียงพอแล้ว แถมยังประหยัดงบได้ส่วนหนึ่ง แต่หากมีงบ และต้องการไปให้สุดทางเพื่อไม่ให้ค้างคาใจ การเลือกรุ่นใหญ่อย่าง Xiaomi 13T Pro ก็จะได้มาซึ่งหน่วยประมวลผลตัวท็อป, หน่วยความจำที่โอนถ่ายข้อมูลได้เร็วขึ้น, การชาร์จที่เร็วกว่า และการบันทึกวิดีโอในระดับมืออาชีพ ซึ่งก็สามารถเติมเต็มการใช้งานได้อีกระดับหนึ่ง สำหรับท่านใดที่สนใจจับจองเป็นเจ้าของก็สามารถแวะเวียนไปลองสัมผัสตัวจริงกันดูก่อนได้ ณ ตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศ สุดท้ายนี้ก็ต้องขอขอบคุณทุกท่านที่ติดตามชม พบกันได้ใหม่ในโอกาสหน้า สวัสดีครับ
สรุปคุณสมบัติเด่นของ Xiaomi 13T
- ตัวเครื่องมีคุณสมบัติของการทนน้ำ และทนฝุ่น ตามมาตรฐาน IP68 (ทนน้ำได้ลึกสูงสุด 1.5 เมตร นานต่อเนื่องสูงสุด 30 นาที)
- ระบบระบายความร้อนแบบ LiquidCool Technology
- Stainless Steel VC ขนาด 5000 ตารางมิลลิเมตร พร้อม Multi-Layer Graphite Sheets และ Graphene Micro-Nano Cavity Heat-Conducting Film
- วัสดุหุ้มหลังตัวเครื่องแบบหนังเทียม (BioComfort Vegan Leather) (เฉพาะตัวเครื่องสี Alpine Blue)
- กรอบตัวเครื่องผลิตจากโลหะอะลูมินัม
- มี 3 สีมาตรฐานให้เลือก (Black, Meadow Green และ Alpine Blue)
----------------------------
- จอแสดงผลแบบ CrystalRes AMOLED Flat DotDisplay ขนาด 6.67 นิ้ว ความละเอียดระดับ FHD+ (2712x1220 พิกเซล : 446 PPI)
- อัตราการรีเฟรช (Refresh Rate) สูงสุดที่ 144Hz พร้อมฟีเจอร์ AdaptiveSync (30/60/90/120/144Hz)
- เทคโนโลยี 2880Hz High Frequency PWM Dimming สำหรับช่วยถนอมสายตาจากการกะพริบของหน้าจอ
- ความสว่างสูงสุด 2600 nits
- ปรับความสว่างแบบอัตโนมัติได้ 16000 ระดับ
- เทคโนโลยี Pro HDR Display พร้อมรองรับการแสดงผลคอนเทนต์แบบ Dolby Vision, HDR10+ และ HDR10
- รองรับการแสดงผลสี 68 พันล้านสี
- เทคโนโลยี True Color และ True Display
- ครอบทับด้วยกระจก Corning Gorilla Glass 5
- เซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือแบบฝังใต้หน้าจอ (In-Screen Fingerprint Sensor) พร้อมระบบปลดล็อกด้วยใบหน้า (AI Face Unlock)
----------------------------
- ประมวลผลด้วยชิปเซ็ต MediaTek Dimensity 8200-Ultra
- หน่วยประมวลผลกราฟิก (GPU) Mali-G610 MC6
- หน่วยความจำแรม (RAM) แบบ LPDDR5 ขนาด 12GB
- หน่วยความจำภายในสำหรับเก็บบันทึกข้อมูล (ROM) แบบ UFS 3.1 ขนาด 256GB
- ทำงานอยู่บนระบบปฏิบัติการ Android 13 พร้อมครอบทับด้วย MIUI 14
----------------------------
- แบตเตอรี่ความจุ 5000 mAh
- ระบบชาร์จแบตเตอรี่ความเร็วสูงแบบ 67W Turbo Charging
- ชาร์จแบตเตอรี่ได้ 100% ภายในเวลา 42 นาที
----------------------------
กล้องตัวหลักด้านหลัง 3 ตัว (Leica Triple Camera) ประกอบด้วย
- กล้อง Leica Main ความละเอียด 50 ล้านพิกเซล พร้อมเซนเซอร์รับภาพ Sony IMX707 ขนาด 1/1.28 นิ้ว, เม็ดพิกเซลขนาด 1.22 ไมครอน (หรือ 2.44 ไมครอน ในแบบ 4-in-1 Super Pixel), รูรับแสงขนาด f1.9, ทางยาวโฟกัส 24 มิลลิเมตร, ระบบป้องกันการสั่นแบบ OIS, เทคโนโลยีการเคลือบหน้าเลนส์แบบ ALD, ระบบโฟกัสอัตโนมัติแบบ PDAF และโครงสร้างแบบ 7 ชิ้นเลนส์
- กล้อง Leica Telephoto ความละเอียด 50 ล้านพิกเซล พร้อมเซนเซอร์รับภาพ OmniVision OV50D ขนาด 1/2.88 นิ้ว, เม็ดพิกเซลขนาด 0.61 ไมครอน, รูรับแสงขนาด f1.9, ทางยาวโฟกัส 50 มิลลิเมตร (2x Optical Zoom), ระบบโฟกัสอัตโนมัติแบบ PDAF และโครงสร้างแบบ 5 ชิ้นเลนส์
- กล้อง Leica Ultra Wide ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล พร้อมเซนเซอร์รับภาพขนาด 1/3.06 นิ้ว, เม็ดพิกเซลขนาด 1.12 ไมครอน, รูรับแสงขนาด f2.2, ทางยาวโฟกัส 15 มิลลิเมตร และโครงสร้างแบบ 5 ชิ้นเลนส์
และกล้องตัวหลักยังมีคุณสมบัติเด่นที่น่าสนใจดังนี้
- ชุดเลนส์ LEICA VARIO-SUMMICRON 1:1.9-2.2/15-50mm ASPH.
- เทคโนโลยี Aspheric High-Transmittance Lens, Infrared Light Filter, Cyclic Olefin Copolymer Material, Lens Edge Ink Coating และ ALD Ultra-Low Reflectance
- Leica Photographic Styles (Leica Authentic Look และ Leica Vibrant Look)
- Leica Custom Photographic Styles, Leica Filters, Leica Classic Shutter Sound และ Leica Watermark
- Leica Filters (Leica Sepia, Leica Blue, Leica Natural, Leica Vivid, Leica BW Natural และ Leica BW Higt Contrast)
- Master Lens System (35mm Documentary Lens, 50mm Swirly Bokeh Lens และ 90mm Soft Focus Lens)
- เทคโนโลยี Xiaomi Imaging Engine (Image Enhancement, Color Perception, Intelligent Scene Optimization, Instant Capture และ Ecosphere Engine)
- เทคโนโลยี Xiaomi ProFocus (Motion Tracking Focus และ Eye Tracking Focus)
- รองรับการบันทึกไฟล์ภาพแบบ 10-bit RAW
- รองรับการบันทึกวิดีโอที่ความละเอียดสูงสุดระดับ 4K UHD (3840x2160 พิกเซล : 30 fps)
- เทคโนโลยี Xiaomi ProFocus (Motion Tracking Focus)
กล้องด้านหน้าความละเอียด 20 ล้านพิกเซล
พร้อมรูรับแสงขนาด f2.2, เม็ดพิกเซลขนาด 0.8 ไมครอน, มุมรับภาพ 78° และรองรับการบันทึกวิดีโอแบบ HDR (1080P : 30fps)
----------------------------
- ลำโพงเสียงแบบคู่ (Dual Speakers) พร้อมระบบเสียงแบบ Dolby Atmos
- รองรับเทคโนโลยี HDR Display ขณะเปิดเล่นไฟล์วิดีโอแบบ HDR10, HDR10+ และ Dolby Vision
- เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตผ่านทางระบบ Wi-Fi 6 : 802.11 a/b/g/n/ac/ax พร้อมเทคโนโลยี 2x2 MIMO และ Wi-Fi Direct
- เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตผ่านทางระบบ 5G, 4G LTE, 3G WCDMA และ 2G EDGE/GPRS
- รองรับการใช้งานระบบซิมคู่ (Dual SIM : Nano SIM + Nano SIM หรือ Nano SIM + eSIM)
- เชื่อมต่อข้อมูลแบบไร้สายผ่านทาง Bluetooth 5.4 และ NFC
- ระบุตำแหน่ง และนำทางผ่านระบบดาวเทียม GPS+A-GPS (L1+L5), Glonass (G1), BeiDou, Galileo (E1+E5a), NavIC (L5) และ QZSS (L1+L5)
- พอร์ต USB Type-C
- มอเตอร์ระบบสั่นแบบ X-Axis Linear Vibration
- ราคาเปิดตัว (ประเทศไทย) 15,990 บาท
สรุปคุณสมบัติโดยละเอียด (สเปก) และราคา ของ Xiaomi 13T
สรุปคุณสมบัติเด่นของ Xiaomi 13T Pro
- ตัวเครื่องมีคุณสมบัติของการทนน้ำ และทนฝุ่น ตามมาตรฐาน IP68 (ทนน้ำได้ลึกสูงสุด 1.5 เมตร นานต่อเนื่องสูงสุด 30 นาที)
- ระบบระบายความร้อนแบบ LiquidCool Technology
- Stainless Steel VC ขนาด 5000 ตารางมิลลิเมตร พร้อม Multi-Layer Graphite Sheets และ Graphene Micro-Nano Cavity Heat-Conducting Film
- วัสดุหุ้มหลังตัวเครื่องแบบหนังเทียม (BioComfort Vegan Leather) (เฉพาะตัวเครื่องสี Alpine Blue)
- กรอบตัวเครื่องผลิตจากโลหะอะลูมินัม
- มี 3 สีมาตรฐานให้เลือก (Black, Meadow Green และ Alpine Blue)
----------------------------
- จอแสดงผลแบบ CrystalRes AMOLED Flat DotDisplay ขนาด 6.67 นิ้ว ความละเอียดระดับ FHD+ (2712x1220 พิกเซล : 446 PPI)
- อัตราการรีเฟรช (Refresh Rate) สูงสุดที่ 144Hz พร้อมฟีเจอร์ AdaptiveSync (30/60/90/120/144Hz)
- เทคโนโลยี 2880Hz High Frequency PWM Dimming สำหรับช่วยถนอมสายตาจากการกะพริบของหน้าจอ
- ความสว่างสูงสุด 2600 nits
- ปรับความสว่างแบบอัตโนมัติได้ 16000 ระดับ
- เทคโนโลยี Pro HDR Display พร้อมรองรับการแสดงผลคอนเทนต์แบบ Dolby Vision, HDR10+ และ HDR10
- รองรับการแสดงผลสี 68 พันล้านสี
- เทคโนโลยี True Color และ True Display
- ครอบทับด้วยกระจก Corning Gorilla Glass 5
- เซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือแบบฝังใต้หน้าจอ (In-Screen Fingerprint Sensor) พร้อมระบบปลดล็อกด้วยใบหน้า (AI Face Unlock)
----------------------------
- ประมวลผลด้วยชิปเซ็ต MediaTek Dimensity 9200+
- หน่วยประมวลผลกราฟิก (GPU) Immortalis-G715 MC11
- หน่วยความจำแรม (RAM) แบบ LPDDR5X ขนาด 12GB หรือ 16GB
- หน่วยความจำภายในสำหรับเก็บบันทึกข้อมูล (ROM) แบบ UFS 4.0 ขนาด 512GB หรือ 1TB
- ทำงานอยู่บนระบบปฏิบัติการ Android 13 พร้อมครอบทับด้วย MIUI 14
----------------------------
- แบตเตอรี่ความจุ 5000 mAh
- ระบบชาร์จแบตเตอรี่ความเร็วสูงแบบ 120W HyperCharge
- ชาร์จแบตเตอรี่ได้ 100% ภายในเวลา 19 นาที
- เทคโนโลยี Xiaomi Surge Battery Management System
- ชิปเซ็ต Xiaomi Surge Charging (P1)
- ชิปเซ็ต Xiaomi Surge Battery Management (G1)
----------------------------
กล้องตัวหลักด้านหลัง 3 ตัว (Leica Triple Camera) ประกอบด้วย
- กล้อง Leica Main ความละเอียด 50 ล้านพิกเซล พร้อมเซนเซอร์รับภาพ Sony IMX707 ขนาด 1/1.28 นิ้ว, เม็ดพิกเซลขนาด 1.22 ไมครอน (หรือ 2.44 ไมครอน ในแบบ 4-in-1 Super Pixel), รูรับแสงขนาด f1.9, ทางยาวโฟกัส 24 มิลลิเมตร, ระบบป้องกันการสั่นแบบ OIS, เทคโนโลยีการเคลือบหน้าเลนส์แบบ ALD, ระบบโฟกัสอัตโนมัติแบบ PDAF และโครงสร้างแบบ 7 ชิ้นเลนส์
- กล้อง Leica Telephoto ความละเอียด 50 ล้านพิกเซล พร้อมเซนเซอร์รับภาพ OmniVision OV50D ขนาด 1/2.88 นิ้ว, เม็ดพิกเซลขนาด 0.61 ไมครอน, รูรับแสงขนาด f1.9, ทางยาวโฟกัส 50 มิลลิเมตร (2x Optical Zoom), ระบบโฟกัสอัตโนมัติแบบ PDAF และโครงสร้างแบบ 5 ชิ้นเลนส์
- กล้อง Leica Ultra Wide ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล พร้อมเซนเซอร์รับภาพขนาด 1/3.06 นิ้ว, เม็ดพิกเซลขนาด 1.12 ไมครอน, รูรับแสงขนาด f2.2, ทางยาวโฟกัส 15 มิลลิเมตร และโครงสร้างแบบ 5 ชิ้นเลนส์
และกล้องตัวหลักยังมีคุณสมบัติเด่นที่น่าสนใจดังนี้
- ชุดเลนส์ LEICA VARIO-SUMMICRON 1:1.9-2.2/15-50mm ASPH.
- เทคโนโลยี Aspheric High-Transmittance Lens, Infrared Light Filter, Cyclic Olefin Copolymer Material, Lens Edge Ink Coating และ ALD Ultra-Low Reflectance
- Leica Photographic Styles (Leica Authentic Look และ Leica Vibrant Look)
- Leica Custom Photographic Styles, Leica Filters, Leica Classic Shutter Sound และ Leica Watermark
- Leica Filters (Leica Sepia, Leica Blue, Leica Natural, Leica Vivid, Leica BW Natural และ Leica BW Higt Contrast)
- Master Lens System (35mm Documentary Lens, 50mm Swirly Bokeh Lens และ 90mm Soft Focus Lens)
- เทคโนโลยี Xiaomi Imaging Engine (Image Enhancement, Color Perception, Intelligent Scene Optimization, Instant Capture และ Ecosphere Engine)
- เทคโนโลยี Xiaomi ProFocus (Motion Tracking Focus และ Eye Tracking Focus)
- รองรับการบันทึกไฟล์ภาพแบบ 10-bit RAW
- รองรับการบันทึกวิดีโอที่ความละเอียดสูงสุดระดับ 8K UHD (7680x4320 พิกเซล : 24 fps)
- รองรับการบันทึกวิดีโอที่ความละเอียดระดับ 4K UHD (3840x2160 พิกเซล : 24/30/60 fps)
- บันทึกวิดีโอแบบ HDR10+ (4K : 30 fps)
- บันทึกวิดีโอแบบ 10-bit Log (4:2:0 / Rec.709 LUT)
- เทคโนโลยี Xiaomi ProFocus (Motion Tracking Focus)
กล้องด้านหน้าความละเอียด 20 ล้านพิกเซล
พร้อมรูรับแสงขนาด f2.2, เม็ดพิกเซลขนาด 0.8 ไมครอน, มุมรับภาพ 78° และรองรับการบันทึกวิดีโอแบบ HDR (1080P : 30fps)
----------------------------
- ลำโพงเสียงแบบคู่ (Dual Speakers) พร้อมระบบเสียงแบบ Dolby Atmos
- รองรับเทคโนโลยี HDR Display ขณะเปิดเล่นไฟล์วิดีโอแบบ HDR10, HDR10+ และ Dolby Vision
- เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตผ่านทางระบบ Wi-Fi 6 : 802.11 a/b/g/n/ac/ax พร้อมเทคโนโลยี 2x2 MIMO และ Wi-Fi Direct
- เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตผ่านทางระบบ 5G, 4G LTE, 3G WCDMA และ 2G EDGE/GPRS
- รองรับการใช้งานระบบซิมคู่ (Dual SIM : Nano SIM + Nano SIM หรือ Nano SIM + eSIM)
- เชื่อมต่อข้อมูลแบบไร้สายผ่านทาง Bluetooth 5.4 และ NFC
- ระบุตำแหน่ง และนำทางผ่านระบบดาวเทียม GPS+A-GPS (L1+L5), Glonass (G1), BeiDou, Galileo (E1+E5a) และ NavIC (L5)
- พอร์ต USB Type-C
- มอเตอร์ระบบสั่นแบบ X-Axis Linear Vibration
- ราคาเปิดตัว (ประเทศไทย) 19,990 บาท (รุ่น 12GB+512GB) หรือ 23,990 บาท (รุ่น 16GB+1TB)
สรุปคุณสมบัติโดยละเอียด (สเปก) และราคา ของ Xiaomi 13T Pro
จุดที่อาจจะต้องพิจารณาเพิ่มเติมของ Xiaomi 13T และ Xiaomi 13T Pro
- ไม่มีพอร์ตหูฟังขนาด 3.5 มิลลิเมตร
- ตัวเครื่องสี Meadow Green และ Black มีผิวสัมผัสลื่น มันวาว จึงทำให้เกิดรอยนิ้วมือได้ง่าย แต่ก็สามารถเช็ดทำความสะอาดได้ง่ายเช่นกัน
- ไม่รองรับการใส่การ์ดหน่วยความจำเสริมแบบ microSD หรือแบบอื่น ๆ
วันที่ : 27/09/2023