รีวิว (Review) Samsung Galaxy S7
สุดยอดเรือธง ที่มาพร้อมกับความสมบูรณ์แบบในทุกด้าน ทั้งหน้าจอ 2K Super AMOLED ขนาด 5.1 นิ้ว, ชิปเซ็ต Exynos 8890, แรม 4 GB, กล้อง Dual Pixel ขั้นโปร พร้อมรูรับแสง F/1.7, ระบบกันสั่น Smart OIS, แบตเตอรี่ 3000 mAh, เซ็นเซอร์วัดอัตราการเต้นของหัวใจ และเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือ บนตัวเครื่อง 3D Glass กันน้ำ ที่สวยหรูลงตัวกว่าเดิม
Review
Date (9-พฤษภาคม-2559)

หลังจากที่ได้นำเสนอบทความรีวิว Samsung Galaxy S7 edge เรือธงรุ่นใหญ่ไปแล้วก่อนหน้านี้ คราวนี้ก็ถึงคิวของ Samsung Galaxy S7 สมาร์ทโฟนเรือธงรุ่นมาตรฐานบ้าง ซึ่งกำเนิดมาพร้อมกับความสามารถที่แทบไม่แตกต่างจาก Galaxy S7 edge เลยแม้แต่น้อย ขาดก็เพียงแต่จอขอบโค้งแบบ Dual Edge Curved และฟังก์ชัน Edge Screen ที่มีเฉพาะบน Samsung Galaxy S7 Edge เท่านั้น อีกทั้งดีไซน์ตัวเครื่องของ Samsung Galaxy S7 ก็ได้รับการปรับปรุงใหม่ทั้งหมด เช่นเดียวกัน ซึ่งใช้เทคโนโลยีในการผลิตตัวเครื่องแบบ Unibody พร้อมกระจกขอบโค้งแบบ 3D Glass ที่เรียกได้ว่า เป็นการผสมผสานกระจกเข้ากับกรอบตัวเครื่องที่เป็นโลหะได้อย่างลงตัว
และไม่ได้มีเพียงแค่ดีไซน์เท่านั้นที่ Samsung Galaxy S7 ได้รับการปรับปรุงใหม่ ในส่วนของคุณสมบัติภายในก็มีการอัปเกรดแบบยกเซ็ตเลยก็ว่าได้ เริ่มตั้งแต่ ตัวเครื่องมีความสามารถในการกันน้ำ-กันฝุ่นตามมาตรฐาน IP68 (ฟีเจอร์นี้ไม่มีในตระกูล Galaxy S6), รองรับการเพิ่มการ์ดหน่วยความจำแบบ microSD ได้สูงสุดที่ขนาด 200 GB, รองรับการใช้งานสองซิมการ์ด พร้อมถาดแบบ Hybrid Slot, หน่วยความจำ RAM ที่ใหญ่ขึ้นเป็นขนาด 4 GB, แบตเตอรี่ที่มีความจุมากกว่าเดิม, หน้าจอแสดง Super AMOLED สุดคมชัด กับความละเอียดระดับ 2K พร้อมฟังก์ชันที่หลากหลายยืดหยุ่นกว่าเดิม, มีฟังก์ชัน Always-On Display แสดงการแจ้งเตือนต่างๆ ตลอดเวลา, สามารถเชื่อมต่อเครือข่าย 4G LTE ได้รวดเร็วกว่าเดิม, ชิปเซ็ต 64-bit Exynos 8 Octa 8890 ตัวท็อปล่าสุด ที่เร็วแรงขึ้น และกล้องดิจิทัลแบบ Dual Pixel สุดล้ำ ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล ซึ่งใช้เซ็นเซอร์รับภาพ Sony IMX260 ขนาด 1/2.5 นิ้ว ที่มาพร้อมกับระบบโฟกัสภาพความเร็วสูงแบบ Phase Detection Autofocus กับรูรับแสงที่กว้างถึงระดับ F/1.7 และขนาดของเม็ดพิกเซลที่ใหญ่ขึ้นเป็น 1.4 ไมครอน ที่ช่วยให้สามารถถ่ายภาพได้สวยคมชัดในทุกสถานการณ์ พร้อมด้วยระบบป้องกันการสั่นแบบ Smart OIS นอกจากนี้ ยังมเซ็นเซอร์สำหรับวัดอัตราการเต้นของหัว กับเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือให้ใช้งาน และที่สำคัญ คือ มาพร้อมระบบปฏิบัติการ Android 6.0.1 Marshmallow เป็นรุ่นแรกของค่ายอีกด้วย ซึ่งทั้งหมดทั้งมวลที่กล่าวมานี้ ถือเป็นจุดขายสำคัญของ Samsung Galaxy S7 เลยก็ว่าได้
ในส่วนของราคาทาง ซัมซุง (ประเทศไทย) ได้ประกาศออกมาอย่างเป็นทางการเรียบร้อยแล้ว โดย Samsung Galaxy S7 ได้เปิดราคาออกมาที่ 23,900 บาท ซึ่งเป็นราคาเท่ากับ Galaxy S6 รุ่นเดิม นั่นเอง นอกจากนี้ Samsung Galaxy S7 ยังมีสิ่งที่น่าสนใจอีกหลายอย่างด้วยกัน และเพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา ขอเชิญทุกท่านไปชมรีวิว Samsung Galaxy S7 พร้อมกันได้เลยครับ
รูปลักษณ์ภายนอกตัวเครื่อง และการออกแบบดีไซน์

Samsung Galaxy S7 มาพร้อมกับหน้าจอแสดงผลแบบ Super AMOLED Capacitive Touchscreen 16,700,000 สี ความละเอียด 2560x1440 พิกเซล โดยมีขนาดของตัวเครื่องอยู่ที่ 142.4x69.6x7.9 มิลลิเมตร กับน้ำหนัก 152 กรัม

ด้านหน้าส่วนบนประกอบไปด้วยไฟ LED สำหรับแสดงสถานะการทำงาน, เซ็นเซอร์ Accelerometer Sensor สำหรับช่วยหมุนหรือปรับเปลี่ยนทิศทางการแสดงผลของหน้าจอให้แบบอัตโนมัติ ตามลักษณะการจับถือของผู้ใช้, เซ็นเซอร์ Proximity Sensor สำหรับการปิดหน้าจอแบบอัตโนมัติขณะสนทนา เพื่อประหยัดพลังงาน, ลำโพงเสียงภายนอก และกล้องดิจิทัลความละเอียด 5 ล้านพิกเซล ที่มีขนาดรูรับแสงกว้าง F/1.7

ด้านหน้าส่วนล่างมาพร้อมกับปุ่มการสั่งงานแบบสัมผัส (Touch Panel) ได้แก่ ปุ่ม Recent Apps, ปุ่มโฮม พร้อมเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือ และปุ่มย้อนกลับ

ด้านบนของตัวเครื่องประกอบไปด้วยไมโครโฟนตัวที่สองสำหรับตัดเสียงรบกวน และช่องแบบ Hybrid Slot ซึ่งรองรับทั้งการใส่ซิมการ์ดแบบ nanoSIM และการใส่การ์ดหน่วยความจำแบบ microSD ส่วนแถบพลาสติกสองด้านซึ่งเป็นส่วนของเสารับสัญญาณ

สำหรับถาดใส่แบบ Hybrid Slot นั้นรองรับการใส่ซิมการ์ดแบบ nanoSIM พร้อมๆ กันสองซิม (Dual SIM) แต่หากต้องการใส่การ์ดหน่วยความจำแบบ microSD ด้วย ก็ต้องนำไปแทนที่ในช่องใส่ซิมการ์ดที่สอง ไม่สามารถใส่พร้อมๆ กันได้

ด้านล่างของตัวเครื่องประกอบไปด้วยเสารับสัญญาณ, ช่องต่อหูฟังมาตรฐานขนาด 3.5 มิลลิเมตร, ช่องเชื่อมต่อแบบ microUSB สำหรับการชาร์จแบตเตอรี่ หรือการโอนถ่ายข้อมูล, ไมโครโฟนสำหรับสนทนา หรือบันทึกเสียง และลำโพงเสียงภายนอก

ด้านขวาของตัวเครื่องมีปุ่ม เปิด-ปิด เครื่อง หรือล็อกหน้าจอ

ด้านซ้ายของตัวเครื่องมีปุ่ม เพิ่ม-ลด ระดับเสียง

ด้านหลังของตัวเครื่องจะถูกปิดผนึกด้วยกระจกขอบโค้งสองด้านแบบ 3D Glass เช่นเดียวกันด้านหน้า เพียงแต่จะมีความโค้งมากกว่าด้านหน้าของตัวเครื่อง ซึ่งด้านหลังของตัวเครื่องจะประกอบไปด้วยกล้องดิจิทัลแบบ Dual Pixel ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล ที่มีขนาดรูรับแสงกว้างสุด F/1.7 โดยสามารถโพกัสภาพได้ภายในเวลา 0.15 วินาที พร้อมไฟแฟลช LED และเซ็นเซอร์ตรวจวัดอัตราการเต้นของหัวใจ (Heart Rate Sensor) โดยสิ่งที่เปลี่ยนแปลงอย่างเห็นได้ชัดก็คือขอบของเลนส์กล้องจะมีความนูนน้อยลงกว่า Galaxy S6 จึงทำให้ตัวเครื่องดูมีความเพรียวบางมากขึ้น

และที่พิเศษไปกว่านั้น คือ กล้องดิจิทัลด้านหลังของ Samsung Galaxy S7 ยังรองรับการใช้งานร่วมกับอุปกรณ์เสริมสุดพิเศษอย่าง Lens Cover ซึ่งมีให้เลือกทั้งเลนส์มุมกว้าง (Wide Angle Lens) และเลนส์เทเล (Telephoto Lens) โดยทั้งสองเลนส์นี้ทาง ซัมซุง ผลิตขึ้นมาเองโดยเฉพาะ เพราะฉะนั้นจึงมั่นใจได้ในคุณภาพ

จุดขายสำคัญในอันดับต้นๆ ของ Samsung Galaxy S7 คือ ตัวเครื่องที่มีคุณสมบัติในการป้องกันน้ำ-ป้องกันฝุ่นตามมาตรฐาน IP68 บนพื้นฐานของเทคโนโลยีสุดล้ำอย่าง Rubber Seal, Gortex, Water Resistant Coating และ Short Circuit Protection Mechanism
อุปกรณ์เสริมมาตรฐานที่มาพร้อมกับ Samsung Galaxy S7

นอกจากนี้ Samsung Galaxy S7 ยังมาพร้อมกับอุปกรณ์เสริมชิ้นพิเศษที่มักไม่แถมมากับสมาร์ทโฟนรุ่นอื่นๆ ก็คือ USB Connecter (USB OTG) โดยคุณสามารถนำอุปกรณ์ภายนอกที่รองรับการเชื่อมต่อแบบ USB เช่น Flash Drive มาใช้งานร่วมกันได้


อะแดปเตอร์ซึ่งรองรับเทคโนโลยีการชาร์จแบตเตอรี่ความเร็วสูง (Quick Charge 2.0) ซึ่งรองรับการจ่ายไฟขาออกที่ระดับ 9.0V (1.67A) หรือ 5.0V (2.0A)

สาย microUSB

เข็มจิ้มถาดซิมการ์ด (SIM Door Key) สำหรับนำถาด Hybrid Slot ออกมาจากตัวเครื่อง

และหูฟัง In-Ear แบบมาตรฐานขนาด 3.5 มิลลิเมตร
สรุปคุณสมบัติโดยรวมของ Samsung Galaxy S7 พร้อมเปรียบเทียบคุณสมบัติกับ Samsung Galaxy S6

เปรียบเทียบคุณสมบัติของ Samsung Galaxy S6 เรือธงรุ่นเก่า กับ Samsung Galaxy S7 เรือธงรุ่นใหม่ล่าสุด
เปิดเครื่องใช้งาน พร้อมการทดสอบฟังก์ชัน และแอปพลิเคชันต่างๆ
 
Samsung Galaxy S7 รุ่นที่วางจำหน่ายในประเทศไทยจะเป็นโมเดล SM-G930F ซึ่งขับเคลื่อนการทำงานด้วยระบบปฏิบัติการ Android 6.0.1 Marshmallow ซึ่งถือว่าเป็นระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์เวอร์ชันล่าสุด ณ ปัจจุบัน

Samsung Galaxy S7 มาพร้อมหน่วยความจำภายในขนาด 32 GB (รุ่นที่นำมารีวิว)

ส่วนแบตเตอรี่บน Samsung Galaxy S7 จะมีขนาด 3000 mAh ซึ่งมากกว่า Galaxy S6 รุ่นเดิมถึง 450 mAh (2550 mAh)

ความพิเศษของ Samsung Galaxy S7 คือ มาพร้อมกับฟังก์ชัน Always On Display ที่เป็นการแสดงข้อมูล หรือการแจ้งเตือนต่างๆ บนหน้าจอ Lock Screen ซึ่งฟังก์ชันนี้จะใช้พลังงานจากแบตเตอรี่น้อยมากๆ เรียกได้ว่า ประหยัดพลังงานหายห่วง ด้วยอานิสงส์จากเทคโนโลยีหน้าจอแบบ Super AMOLED นั่นเอง นอกจากนี้ สามารถเลือกรูปแบบของนาฬิกาได้หลากหลายรูปแบบทั้งนาฬิกาแบบแอนะล็อก และดิจิทัล อีกทั้งยังสามารถเปลี่ยนภาพพื้นหลังได้อีกด้วย
ตัวอย่างภาพขณะเปิดใช้งานฟังก์ชัน Always On Display
 
และยังมาพร้อมกับเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือ โดยการเปิดใช้งานระบบปลดล็อกด้วยลายนิ้วมือ ผู้ใช้งานจะต้องทำการลงทะเบียนลายนิ้วมือให้เรียบร้อยเสียก่อน และจากการทดสอบตัวเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือก็ตอบสนองต่อการใช้งานได้รวดเร็วแม่นยำ
 
Samsung Galaxy S7 สามารถรองรับการใช้งานฟังก์ชัน Mirror Link และ Download Booster ได้อีก ซึ่งฟังก์ชัน Download Booster คือ ฟังก์ชันที่ช่วยเพิ่มความเร็วของการดาวน์โหลดด้วยการเปิดใช้งานทั้งระบบ 4G LTE และ WiFi ไปพร้อมๆ กัน
 
อีกหนึ่งฟังก์ชันใหม่ที่มาพร้อมกับ Samsung Galaxy S7 นั่นคือ Game Launcher สำหรับช่วยคัดเลือกแอปพลิเคชันที่เป็นแอปพลิเคชันประเภทเกมต่างๆ มารวมเอาไว้ในกลุ่มเดียวกันโดยอัตโนมัติ จึงช่วยเพิ่มความสะดวกให้กับผู้ใช้งานได้ไม่น้อย นอกจากนี้ ในส่วนของ Game Tools ซึ่งผู้ใช้งานยังสามารถปิดการแจ้งเตือนขณะเล่นเกม รวมถึงบันทึกภาพเคลื่อนไหวขณะเล่นเกม, บันทึกภาพนิ่งระหว่างเล่นเกม, ย่อหน้าต่าง และล็อกปุ่มกดได้
 
หากท่านใดต้องการความสงบ หรือไม่ต้องการให้ใครมารบกวน ก็สามารถเปิดใช้งาน โหมดห้ามรบกวน ได้
 
นอกจากนี้ ทางด้านโหมดพักหน้าจออัจฉริยะก็ช่วยเพิ่มความสะดวกสบายต่อการใช้งานเป็นอย่างมาก ตราบใดที่ผู้ใช้งานยังคงจ้องมองที่หน้าจออยู่ หน้าจอก็จะไม่ดับลง
 
Samsung Galaxy S7 ยังมีฟังก์ชันที่ช่วยเพิ่มความสะดวกสบายมาให้ใช้งานอีกหลายอย่างด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็น รองรับการใช้งานมือเดียว ซึ่งคุณปรับให้เหมาะกับการใช้งานมือเดียว ด้วยการลดขนาดของหน้าจอให้เล็กลง หรือการกดปุ่มโฮมติดๆ กันอย่างรวดเร็ว 2 ครั้ง เพื่อเปิดกล้องด่วน
 
การใช้งาน Pop-Up View สามารถย่อหน้าต่างของแอปพลิเคชันให้เล็กลงในลักษณะของ Pop-Up View โดยการลากจากมุมซ้ายบน ทแยงเฉียงลงมาทางด้านขวา
 
การใช้ฝ่ามือปัดเพื่อจับภาพหน้าจอ, การโทรโดยตรง, รองรับการเตือนอัจฉริยะ และการปิดเสียง
 
Samsung Galaxy S7 สามารถปรับโหมดของหน้าจอได้ตามความเหมาะสมกับการใช้งานแต่ละประเภท ทั้งแบบ Adaptive Display, AMOLED Cinema, AMOLED Photo และ Basic
 
ทางด้านฟังก์ชันโทรศัพท์ก็ตอบสนองต่อการใช้งานได้ดี และสามารถเข้าสู่รายชื่อโทรศัพท์ทั้งหมดได้
 
นอกจากนี้ คุณยังสามารถปรับแต่งหน้าจอโฮมสกรีนได้หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น การเปลี่ยนภาพวอลเปเปอร์, การนำวิดเจ็ตที่ใช้บ่อยมาไว้ที่หน้าจอโฮมสกรีน
 
สามารถเปลี่ยนธีมได้ และสามารถเลือกสัดส่วนหน้าจอโฮมสกรีนได้อีกด้วย
 
อีกทั้งยังสามารถดาวน์โหลดธีมอื่นๆ มาใช้งานเพิ่มเติมได้ผ่านฟังก์ชัน Theme Store
 
ทางด้าน Notification สำหรับการแจ้งเตือนต่างๆ และการ เปิด-ปิด ฟังก์ชันลัดก็มีให้ใช้งานบน Samsung Galaxy S7 ด้วยเช่นกัน
 
Samsung Galaxy S7 ยังมีฟังก์ชัน Tab and Pay ให้ใช้งาน โดยคุณสามารถชำระเงินด้วยมือถือผ่าน NFC ได้ทันที
 
การจัดการส่วนต่างๆ ของเครื่อง ก็สามารถทำได้ง่ายๆ ไม่ว่าจะเป็น การเคลียร์หน่วยความจำแรม หรือตรวจสอบพื้นที่หน่วยความจำภายในว่ายังสามารถใช้งานได้อีกเท่าไหร่ ก็สามารถทำได้ผ่านแอปพลิเคชัน Smart Manager อีกทั้งยังเปิดใช้งานโหมดประหยัดพลังงานขั้นสูงได้อีกด้วย
 
ทางด้านการใช้งานเว็บเบราว์เซอร์ก็ตอบสนองต่อการใช้งานได้ดี และสามารถแสดงรายละเอียดต่างๆ ได้ครบอีกด้วย
 
ในส่วนของโหมดประหยัดพลังงานขั้นสูง (Ultra Power Saving) ก็มีให้ใช้งานบน Samsung Galaxy S7 ด้วยเช่นกัน
 
นอกจากนี้ แอปพลิเคชันเพื่อสุขภาพอย่าง S Health ก็มีให้ใช้งานบน Samsung Galaxy S7 ด้วยเช่นกัน โดยแอปพลิเคชัน S Health จะเป็นเหมือนกับเทรนเนอร์เพื่อช่วยกระตุ้นในการออกกำลังกายของคุณได้เป็นอย่างดี
 
ในส่วนของแอปพลิเคชันอัลบั้มภาพถ่ายจะสามารถแสดงภาพถ่ายหลักๆ ได้สองแบบ คือ แบบรวมภาพถ่ายทั้งหมด กับแบบแยกอัลบั้ม
 
Samsung Galaxy S7 มีโหมดส่วนตัวให้ใช้งาน ซึ่งเหมาะสำหรับผู้ใช้ที่ต้องการรักษาความลับของข้อมูลบางอย่าง เช่นรูปภาพ, ไฟล์เสียงที่บันทึก และไฟล์อื่นๆ
 
ส่วนบริการต่างๆ จากทาง Google ก็มีให้ใช้งานครบเช่นกัน
 
นอกจากนี้ Samsung Galaxy S7 ยังมาพร้อมกับแอปพลิเคชันยอดนิยมจากทางไมโครซอฟต์ ทั้ง Word, Excel, PowerPoint, OneNote, OneDrive และ Skype ซึ่งคุณสามารถเปิดอ่านไฟล์ หรือสร้างไฟล์เอกสารได้อย่างสะดวกสบาย
 
และเมื่อกดที่ปุ่ม Recent Apps ก็จะปรากฏเป็นรายการของแอปพลิเคชันที่เปิดใช้งานล่าสุด ซึ่งเราสามารถกดเข้าใช้งานต่อ, เรียกใช้งานในรูปแบบของ Multi-Window หรือลากทิ้งเพื่อปิดการใช้งานแอปพลิเคชันได้
 
Samsung Galaxy S7 มาพร้อมกับแอปพลิเคชันสำหรับฟังเพลง ซึ่งคุณสามารถปรับค่าอีควอไลเซอร์ได้ตามใจชอบ

นอกจากนี้ ยังรองรับการเปิดไฟล์วิดีโอความละเอียดสูงระดับ 2K (2560x1440 พิกเซล) ได้อย่างไหลลื่น ไม่มีสะดุด

และมีฟังก์ชัน Popup Play ให้ใช้งานด้วยเช่นกัน
 
Samsung Galaxy S7 มาพร้อมกับชิปเซ็ต 64-bit Exynos 8 Octa 8890 ความเร็วในการประมวลผล 2.3 GHz (ซีพียู Quad-Core Exynos M1 Mongoose 2.3 GHz และซีพียู Quad-Core Cortex-A53 1.6 GHz) , หน่วยประมวลผลภาพกราฟิกแบบ Mali-T880 MP12 พร้อมรองรับ API กราฟิกแบบ Vulkan, หน่วยความจำ RAM ขนาด 4 GB, หน่วยความจำภายในสำหรับเก็บบันทึกข้อมูลขนาด 32 GB และขับเคลื่อนการทำงานด้วยระบบปฏิบัติการ Android OS เวอร์ชัน 6.0.1 (Marshmallow)

ด้วยคุณสมบัติของตัวเครื่องที่ได้รับการอัปเกรดใหม่ให้ดีขึ้นหลายส่วน จึงทำให้ Samsung Galaxy S7 สามารถตอบโจทย์ด้านการเล่นเกมได้ดี แม้จะเป็นเกมสามมิติที่มีรายละเอียดของเกมค่อนข้างเยอะก็ตาม
 
และเมื่อนำ Samsung Galaxy S7 มาทดสอบด้วยแอปพลิเคชัน AnTuTu Bechmark พบว่าได้คะแนนอยู่ที่ 125059 คะแนน

ต่อด้วยการทดสอบด้วยแอปพลิเคชัน AnTuTu 3DRating Banchmark พบว่าได้คะแนนอยู่ที่ 12025 คะแนน

Samsung Galaxy S7 รองรับการสัมผัสได้พร้อมกันสูงสุด 10 จุด
 
และสามารถดาวน์โหลดแอปพลิเคชันอื่นๆ มาใช้งานเพิ่มเติมได้ผ่านแอปพลิเคชัน Google Play Store และ Galaxy Apps
เปิดอุปกรณ์เสริมที่น่าสนใจของ Samsung Galaxy S7 edge และ Galaxy S7
ไม่ใช่ว่าความน่าสนใจจะอยู่ที่ตัวเครื่องของ Samsung Galaxy S7 edge กับ Galaxy S7 แต่เพียงอย่างเดียวเท่านั้น เพราะอุปกรณ์เสริมที่เปิดตัวมาพร้อมกับสมาร์ทโฟนเรือธงสองรุ่นใหม่นี้ ก็นับว่ามีความน่าสนใจไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน ดังนั้นเราจึงได้นำภาพอุปกรณ์เสริมต่างๆ ของ Samsung Galaxy S7 edge และ Galaxy S7 มาให้ชมกันด้วย

Lens Cover เคสพร้อมเลนส์เสริม ซึ่งมีให้เลือกทั้งเลนส์มุมกว้าง และเลนส์เทเล

LED View Cover เคสพร้อมฝาปิด และไฟ LED สำหรับการแจ้งข้อมูลพื้นฐาน

Clear View Cover เคสพร้อมฝาปิดแบบโปร่งแสง ซึ่งสามารถมองเห็นรายละเอียดที่ปรากฏอยู่บนหน้าจอด้านในได้

S View Cover เคสพร้อมฝาปิด ซึ่งเจาะช่องมองขนาดใหญ่เอาไว้ เพื่อให้สามารถมองเห็นข้อมูล หรือการแจ้งเตือนต่างๆ ได้ทันทีโดยไม่ต้องเปิดฝาเคส

Leather Cover เคสหนังดีไซน์เรียบหรู เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการความคล่องตัวพร้อมรูปลักษณ์ที่ดูดี
Flip Waller เคสพร้อมฝาปิด และช่องใส่นามบัตรในตัว

Clear Cover เคสใสที่เผยให้เห็นดีไซน์ตัวเครื่องภายในที่สวยหรูได้อย่างชัดเจน

Keyboard Cover เคสสุดล้ำที่มาพร้อมกับคีย์บอร์ดแบบ Full QWERTY ในตัว ซึ่งช่วยให้การพิมพ์ข้อความต่างๆ มีความสะดวกรวดเร็วกว่าการพิมพ์บนหน้าจอ

Wireless Charger แท่นชาร์จแบตเตอรี่แบบไร้สาย ซึ่งรองรับเทคโนโลยีการชาร์จแบตเตอรี่ไร้สายความเร็วสูง (Fast Wireless Charging)

Battery Pack แบตเตอรี่พกพาที่มีให้เลือกสองความจุด้วยกัน ได้แก่ 10,200 mAh และ 5,100 mAh

Backpack เคสแบตเตอรี่เสริม ที่ช่วยเพิ่มความจุของแบตเตอรี่ เพื่อให้สามารถรองรับการใช้งานที่หนักหน่วงตลอดทั้งวัน โดยไม่ต้องกังวลว่าแบตเตอรี่จะหมดเสียก่อน

และสุดท้ายที่เป็นไฮไลท์สำคัญก็คือแว่น Gear VR ที่ช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถเข้าถึงคอนเทนท์, มัลติมีเดีย หรือความบันเทิงต่างๆ ได้อย่างเต็มอรรถรส
กล้องดิจิทัล การถ่ายภาพนิ่ง และภาพวิดีโอ
 
สำหรับกล้องดิจิทัลบน Samsung Galaxy S7 นั้นเป็นแบบ Dual Pixel ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล พร้อมด้วยเซ็นเซอร์รับภาพ Sony IMX260 ขนาด 1/2.5 นิ้ว, ขนาดของจุดพิกเซล 1.4 ไมครอน, รูรับแสงที่กว้างขึ้นเป็นระดับ F/1.7, ระบบป้องกันการสั่นแบบ Smart OIS (Optical Image Stabilization) และระบบโฟกัสภาพแบบ PDAF (Phase Detection Autofocus) ซึ่งโฟกัสวัตถุได้ในเวลาเพียง 0.15 วินาที ทางด้านโหมดการถ่ายภาพก็มีให้เลือกใช้งานมากมาย เช่น อัตโนมัติ, อาหาร และช็อตเสมือนจริง
 
นอกจากนี้ Samsung Galaxy S7 มีโหมดถ่ายภาพโปรให้เลือกใช้งานอีกด้วย ซึ่งคุณสามารถปรับค่าการใช้งานได้หลากหลาย เช่น การชดเชยแสง, การปรับสปีดชัตเตอร์ หรือปรับค่า ISO
 
ไม่เพียงเท่านั้น ในโหมดถ่ายภาพโปรสามารถปรับการวัดแสงได้ 3 แบบคือ เฉลี่ยหนักกลาง, เมทริกซ์ และเฉพาะจุด และการเลือกจุดโฟกัส ให้เลือกใช้งานอีกด้วย
 
ในส่วนของโหมดถ่ายวิดีโอแบบ Video Collage ซึ่งเป็นโหมดที่ช่วยให้เรารวมหลายคลิปวิดีโอไว้ในคลิปเดียวกันได้ โดยสามารถเลือกรูปแบบของกรอบได้หลากหลายตามความต้องการ อีกทั้งยังรองรับการถ่ายวิดีโอแบบ Slow Motion ด้วยเช่นกัน

สามารถกำหนดเวลาในการบันทึกวิดีโอได้ตั้งแต่ 3, 6, 9 และ 15 วินาที ได้
 
โดยมีฟังก์ชันสำหรับถ่ายภาพให้เลือกใช้งานหลายอย่างด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็น การเลือกความละเอียดของกล้องถ่ายภาพ ซึ่งสามารถปรับความละเอียดได้สูงสุดที่ 12 ล้านพิกเซล, สามารถตั้งค่าการใช้งานไฟแฟลชได้ 3 แบบ คือ ปิดการใช้งาน, เปิดการใช้งาน และเปิดการใช้งานแบบอัตโนมัติ
 
สามารถตั้งเวลาเพื่อถ่ายภาพได้นานสูงสุด 10 วินาที, สามารถตั้งค่าโหมด HDR ได้ 3 แบบ ได้แก่ ปิดการใช้งาน, เปิดการใช้งาน และเปิดการใช้งานแบบอัตโนมัติ

อีกทั้งยังมีเอฟเฟกต์ให้เลือกใช้งานหลากหลายรูปแบบ
 
นอกจากนี้ ยังสามารถตั้งค่าการใช้งานแบบอื่นๆ ได้อีกหลายอย่างด้วยกัน เริ่มด้วย การเลือกความละเอียดของไฟล์วิดีโอ ซึ่งสามารถเลือกความละเอียดได้สูงสุดที่ระดับ 4K UHD (3840x2160 พิกเซล), สามารถ เปิด-ปิด ฟังก์ชันการใช้งานต่างๆ ได้ ไม่ว่าจะเป็น การบันทึกวิดีโอขนาดสั้นของสิ่งที่เกิดขึ้นก่อนถ่ายภาพ, การโฟกัสภาพตามวัตถุ, การระบุสถานที่ภาพถ่าย, การดูตัวภาพตัวอย่าง และการเปิดใช้งานกล้องถ่ายภาพแบบด่วน
 
สามารถ เปิด-ปิด การใช้งานตารางเก้าช่องได้, สามารถสั่งงานถ่ายภาพด้วยเสียงด้วยการพูดคำว่า Smile หรือ Capture ได้
 
สามารถเพิ่มฟังก์ชันให้กับปุ่มลดระดับเสียงได้ 3 แบบ ได้แก่ ชัตเตอร์ภ่ายภาพ, บันทึกวิดีโอ หรือซูม อีกทั้งยังสามารถคืนการตั้งค่าทั้งหมดได้อีกด้วย
 
มาต่อกันที่กล้องดิจิทัลด้านหน้ากันบ้าง โดยจะมีโหมดถ่ายภาพให้เลือกใช้งานหลากหลาย เช่น โหมดถ่ายภาพแบบกลุ่ม (Wide Selfie) หรือช็อตเสมือนจริง
 
ส่วนโหมดถ่ายภาพหน้าสวย (Smart Beauty) ก็มีให้ใช้งานด้วยเช่นกัน ซึ่งสามารถปรับค่าได้ถึง 8 ระดับ ไม่ว่าจะเป็น ผิวเนียน, ความสว่าง, หน้าเรียว, ตาโต และอัตโนมัติ
 
นอกจากนี้ ยังสามารถตั้งค่าการใช้งานกล้องถ่ายภาพได้ ไม่ว่าจะเป็น การเลือกความละเอียดของภาพถ่าย ซึ่งสามารถเลือกความละเอียดได้สูงสุดที่ 5 ล้านพิกเซล, สามารถตั้งค่าการใช้งานไฟแฟลชได้ 3 แบบ คือ ปิดการใช้งาน, เปิดใช้งาน และอัตโนมัติ
 
สามารถตั้งเวลาเพื่อถ่ายภาพได้สูงสุด 10 วินาที, สามารถตั้งค่าการใช้งานฟังก์ชัน HDR ได้ 3 แบบ คือ ปิดการใช้งาน, เปิดใช้งาน และอัตโนมัติ

อีกทั้งยังมีเอฟเฟกต์สำหรับถ่ายภาพให้เลือกใช้งานหลากหลายรูปแบบ อีกทั้งยังสามารถดาวน์โหลดฟังก์ชันการถ่ายภาพแบบอื่นๆ มาใช้งานเพิ่มเติมได้อีกด้วย
 
นอกจากนี้ คุณยังสามารถตั้งค่าการใช้งานแบบอื่นๆ ได้ ไม่ว่าจะเป็น การเลือกความละเอียดของไฟล์วิดีโอ ซึ่งสามารถเลือกความละเอียดสูงสุดที่ระดับ 2K QHD (2560x1440 พิกเซล), สามารถ เปิด-ปิด ฟังก์ชันการใช้งานต่างๆ ได้ ไม่ว่าจะเป็น การบันทึกวิดีโอขนาดสั้นของสิ่งที่เกิดขึ้นก่อนถ่ายภาพ, การโฟกัสภาพตามวัตถุ, การระบุสถานที่ภาพถ่าย, การดูตัวภาพตัวอย่าง และการเปิดใช้งานกล้องถ่ายภาพแบบด่วน

นอกจากนี้ การสั่งงานด้วยการยกฝ่ามือ (Palm Selfie) และการสั่งงานถ่ายภาพด้วยเซ็นเซอร์วัดอัตราการเต้นของหัวใจ ก็มีให้ใช้งานบน Samsung Galaxy S7 ด้วยเช่นกัน
 
สามารถ เปิด-ปิด การใช้งานตารางเก้าช่องได้, สามารถเพิ่มฟังก์ชันให้กับปุ่มลดระดับเสียงได้ 3 แบบ ได้แก่ ชัตเตอร์ภ่ายภาพ, บันทึกวิดีโอ หรือซูม

อีกทั้งยังสามารถคืนการตั้งค่าทั้งหมดได้อีกด้วย
ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องดิจิทัลตัวหลักที่ด้านหลังของตัวเครื่อง ความละเอียดระดับ 12 ล้านพิกเซล ของ Samsung Galaxy S7

ตัวอย่างภาพที่ถ่ายด้วยโหมดถ่ายภาพปกติ

ตัวอย่างภาพที่ถ่ายด้วยโหมดถ่ายภาพปกติ

ตัวอย่างภาพที่ถ่ายด้วยโหมดถ่ายภาพปกติ

ตัวอย่างภาพที่ถ่ายด้วยโหมดถ่ายภาพปกติ

ตัวอย่างภาพที่ถ่ายด้วยโหมดถ่ายภาพปกติ

ตัวอย่างภาพที่ถ่ายด้วยโหมดถ่ายภาพปกติ

ตัวอย่างภาพที่ถ่ายด้วยโหมดถ่ายภาพปกติ

ตัวอย่างภาพที่ถ่ายด้วยโหมดถ่ายภาพปกติ พร้อมเปิดใช้งานฟังก์ชัน HDR

ตัวอย่างภาพที่ถ่ายด้วยโหมดถ่ายภาพอาหาร

ตัวอย่างภาพที่ถ่ายด้วยโหมดถ่ายภาพปกติในสภาวะแสงน้อย

ตัวอย่างภาพที่ถ่ายด้วยโหมดถ่ายภาพปกติในสภาวะแสงน้อย

ตัวอย่างภาพที่ถ่ายด้วยโหมดถ่ายภาพอาหารในสภาวะแสงน้อย

ตัวอย่างภาพที่ถ่ายด้วยโหมดถ่ายภาพอาหารในสภาวะแสงน้อย

ตัวอย่างภาพที่ถ่ายด้วยโหมดถ่ายภาพอาหารในสภาวะแสงน้อย

ตัวอย่างภาพที่ถ่ายด้วยโหมดถ่ายภาพอาหารในสภาวะแสงน้อย

ตัวอย่างภาพที่ถ่ายด้วยโหมดถ่ายภาพโปร พร้อมปรับค่าความเร็วชัตเตอร์ที่ 1/12000

ตัวอย่างภาพที่ถ่ายด้วยโหมดถ่ายภาพโปร พร้อมปรับค่าความเร็วชัตเตอร์ที่ 1/12000

ตัวอย่างภาพที่ถ่ายด้วยโหมดถ่ายภาพโปร พร้อมปรับค่าความเร็วชัตเตอร์ที่ 1/8000

ตัวอย่างภาพที่ถ่ายด้วยโหมดถ่ายภาพโปร พร้อมปรับค่าความเร็วชัตเตอร์ที่ 1/6000
ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องดิจิทัลด้านหน้าของตัวเครื่อง ความละเอียด 5 ล้านพิกเซล ผ่านโหมดถ่ายภาพหน้าสวย ของ Samsung Galaxy S7
 
ตัวอย่างภาพที่ถ่ายด้วยโหมดถ่ายภาพหน้าสวย (Smart Beauty) พร้อมปรับค่าระดับ 0
 
ตัวอย่างภาพที่ถ่ายด้วยโหมดถ่ายภาพหน้าสวย (Smart Beauty) พร้อมปรับค่าระดับ 3
 
ตัวอย่างภาพที่ถ่ายด้วยโหมดถ่ายภาพหน้าสวย (Smart Beauty) พร้อมปรับค่าระดับ 5
 
ตัวอย่างภาพที่ถ่ายด้วยโหมดถ่ายภาพหน้าสวย (Smart Beauty) พร้อมปรับค่าระดับ 8
สรุปผลการทดสอบของ Samsung Galaxy S7

หากจะให้กล่าวสรุปภาพรวมของ Samsung Galaxy S7 อันดับแรกต้องยอมรับในเรื่องของการปรับปรุงดีไซน์ และการพัฒนาความสามารถด้านอื่นๆ ให้ Samsung Galaxy S7 มีความสมบูรณ์แบบมากขึ้นกว่าเดิมในทุกด้าน ไม่ว่าจะเป็น ดีไซน์ที่ปรับใหม่ที่เป็นการผสมผสานระหว่างอะลูมิเนียมเข้ากับกระจกได้อย่างลงตัว จึงทำให้ตัวเครื่องของ Samsung Galaxy S7 สวยงาม ดูพรีเมียม และมีความแข็งแรงทนทานเป็นพิเศษ อีกทั้ง ยังได้เพิ่มสิ่งสำคัญที่เคยขาดหายไปใน Samsung Galaxy S6 นั่นคือ คุณสมบัติในการป้องกันน้ำ-ป้องกันฝุ่นตามมาตรฐาน IP68 อีกด้วย (ไม่สามารถนำลงไปใช้งานในน้ำทะเลได้ เนื่องจากน้ำทะเลมีความเค็ม อาจจะทำให้ตัวเครื่องเกิดความเสียหายได้) และด้วยตัวเครื่องที่มีขนาดเล็กกว่า Samsung Galaxy S7 edge บวกกับหน้าจอแสดงผลขนาด 5.1 นิ้ว อีกทั้งตรงมุมตัวเครื่องทั้งสี่ด้านก็มีความโค้งมน จึงทำให้สามารถถือใช้งาน Samsung Galaxy S7 ได้อย่างคล่องตัว และสะดวกสบาย
ทางด้านฟีเจอร์ที่เพิ่มเข้ามาใหม่ เรียกได้ว่าจัดเต็มไม่แพ้พี่ใหญ่อย่าง Samsung Galaxy S7 edge เลยก็ว่าได้ เริ่มตั้งแต่ รองรับการใช้งานได้พร้อมกัน 2 ซิมการ์ด ผ่านถาดใส่ซิมการ์ดแบบ Hybrid Slot, รองรับการเพิ่มหน่วยความจำภายนอกได้สูงสุด 200 GB, แบตเตอรี่ขนาดใหญ่ขึ้นเป็น 3000 mAh, รองรับเทคโนโลยีการชาร์จแบตเตอรี่ไร้สายความเร็วสูง (Fast Wireless Charging) และฟังก์ชัน Always-On Display สำหรับแสดงข้อมูลพื้นฐานต่างๆ ตลอดเวลาบนหน้าจอ Lock Screen ซึ่งหากมองดูจากฟีเจอร์ที่เพิ่มเข้ามาใหม่ ต้องบอกเลยว่า Samsung Galaxy S7 ได้ถูกเติมเต็มได้อย่างครบถ้วน และลบจุดอ่อนของ Samsung Galaxy S6 ได้อย่างราบคาบเลยทีเดียว อย่างไรก็ดี Samsung Galaxy S7 จะไม่สามารถใช้งานฟีเจอร์ Edge Screen ได้ เนื่องจาก หน้าจอของ Samsung Galaxy S7 ไม่ได้ใช้หน้าขอบโค้ง (Dual Edge Curved) แบบเดียวกับ Samsung Galsxy S7 edge นั่นเอง
อีกหนึ่งจุดขายสำคัญของ Samsung Galaxy S7 คือ กล้องดิจิทัลด้านหลังที่มาพร้อมนวัตกรรมแบบ Dual Pixel ซึ่งทางซัมซุงได้ทำการปรับปรุง และพัฒนาใหม่ทั้งหมด โดยจะมีความละเอียด 12 ล้านพิกเซล ที่มีเม็ดพิกเซลขนาดใหญ่ถึง 1.4 ไมครอน พร้อมด้วยขนาดรูรับแสง F/1.7, ระบบป้องกันการสั่นแบบ Smart OIS (Optical Image Stabilization) และระบบโฟกัสภาพความเร็วสูงแบบ PDAF (Phase Detection Autofocus) โดยสามารถโฟกัสภาพได้ภายในเวลาเพียง 0.15 วินาที และจากการทดสอบถ่ายภาพ กล้องดิจิทัลด้านหลังก็สามารถตอบสนองต่อการถ่ายภาพได้เป็นอย่างดี ซึ่งสามารถถ่ายภาพได้ดีทั้งในสภาพแสงปกติ หรือในสภาพแสงน้อย ภาพถ่ายที่ได้ก็มีรายละเอียดคมชัด และสีสันสมจริง อีกทั้งยังมีโหมดถ่ายภาพโปรให้ใช้งาน สามารถปรับค่าต่างๆ ได้ทั้ง ความเร็วชัตเตอร์, ISO หรือ จุดโฟกัส เรียกได้ว่า สามารถปรับค่าได้แบบเดียวกับกล้อง DSLR เลยทีเดียว ส่วนกล้องดิจิทัลด้านหน้าก็ได้รับการปรับปรุง และพัฒนาขึ้นด้วยเช่นกัน โดยจะมีความละเอียดอยู่ที่ 5 ล้านพิกเซล กับขนาดรูรับแสงกว้างสูงสุดที่ F/1.7 พร้อมโหมดถ่ายภาพหน้าสวย (Smart Beauty) ที่สามารถปรับค่า ผิวเนียน, ใบหน้าเรียว, ความสว่าง และตาโต ได้ถึง 8 ระดับ ตามความต้องการ และที่พิเศษไปกว่านั้น คือ มีฟังก์ชัน Selfie Flash โดยการใช้แสงกว่างจากหน้าจอทำหน้าที่เป็นไฟแฟลช สำหรับถ่ายภาพในที่มีแสงน้อย บอกได้เลยว่า คนรักการเซลฟี่ต้องประทับใจอย่างแน่นอน
นอกจากนี้ Samsung Galaxy S7 ยังมาพร้อมกับเซ็นเซอร์ตรวจวัดอัตราการเต้นของหัวใจ (Heart Rate Sensor) สำหรับใช้งานร่วมกับแอปพลิเคชัน S Health ซึ่งเหมาะกับผู้ที่ชื่นชอบการออกกำลังกาย เพื่อวัดอัตราการเต้นของหัวใจให้อยู่ในโซนที่ตัวเองต้องการ และยังมีเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือ สำหรับตรวจสอบสิทธิ์การเข้าใช้งานตัวเครื่องให้ใช้งานด้วยเช่นกัน อีกทั้ง Samsung Galaxy S7 ยังรองรับการชำระเงินผ่านมือถือด้วยการเชื่อมต่อแบบ NFC ผ่านบริการ Samsung Pay ได้อีกด้วย
ในส่วนของคุณสมบัติเด่นอื่นๆ ทางซัมซุงจัดมาให้แบบขั้นสุดในทุกด้าน ซึ่งสามารถตอบโจทย์การใช้งานระดับสูงได้ทุกรูปแบบ เริ่มตั้งแต่ หน้าจอแสดงผลแบบ Super AMOLED ความละเอียดระดับ 2K (2560x1440 พิกเซล) ขนาด 5.1 นิ้ว (กระจกหน้าจอแบบ 2.5D Glass) พร้อมด้วยชิปเซ็ต 64-bit Exynos 8 Octa 8890 ความเร็วในการประมวลผล 2.3 GHz, หน่วยความจำแรมขนาด 4 GB, หน่วยความจำภายในขนาด 32 GB และขับเคลื่อนการทำงานด้วยระบบปฏิบัติการ Android OS เวอร์ชัน 6.0 (Marshmallow) และจากการทดสอบการใช้งานต่างๆ ทั้งการเล่นเกมแบบสามมิติที่มีกราฟิกระดับสูง หรือการถ่ายวิดีโอความละเอียดระดับ 4K UHD (3840x2160 พิกเซล) Samsung Galaxy S7 ก็ตอบสนองต่อการใช้งานได้อย่างไหลลื่น โดยไม่มีอาการหน่วงให้พบเจอ แต่อย่างไรก็ดี ในขณะที่ใช้งานแอปพลิเคชันที่มีการประมวลผลหนักๆ Samsung Galaxy S7 จะมีการสะสมความร้อนบ้างเล็กน้อย แต่ก็ไม่มีผลต่อการใช้งานแต่อย่างใด
และในช่วงนี้ผู้ให้บริการเครือข่ายมือถือรายใหญ่ในประเทศไทยได้เริ่มส่งโปรโมชั่น Samsung Galaxy S7 มาตอบรับผู้ใช้บริการเครือข่ายกันบ้างแล้ว เริ่มด้วยทาง AIS ที่นำเสนอโปรโมชั่นลดราคาพิเศษเหลือเพียง 17,900 บาท (จากราคาปกติ 23,900 บาท) เมื่อซื้อเครื่องพร้อมสมัครแพ็กเกจ 4G Smart Deal 488 บาท ขึ้นไป หรือ Smart Deal Non-Stop 599 บาท ขึ้นไป และต้องชำระค่าบริการล่วงหน้า 3,000 บาท (รับส่วนลดนาน 12 เดือน) สำหรับลูกค้าปัจจุบัน, ลูกค้าเปิดเบอร์ใหม่, ลูกค้าย้ายค่ายเบอร์เดิม และลูกค้าที่เปลี่ยนจากระบบเติมเงินเป็นระบบแบบรายเดือน สำหรับทาง dtac นั้นเริ่มกันที่ราคาเครื่องเปล่า 23,900 บาท / ราคาพร้อมแพ็กเกจ 22,900 บาท / ราคาพิเศษ (ติดสัญญา) 20,900 บาท โดยต้องชำระค่าบริการล่วงหน้า 2,000 บาท (รับส่วนลดค่าบริการ 10 เดือน) และต้องสมัครแพ็กเกจ 499 บาท เป็นต้นไป (พิเศษ! รับส่วนลดเพิ่มอีก 1,500 บาท สำหรับลูกค้าย้ายค่ายเบอร์เดิม) ส่วนทางด้านของ TrueMove H ก็มีโปรโมชั่นดีๆ มาตอบรับลูกค้าด้วยเช่นกัน คือ เมื่อซื้อเครื่องพร้อมสมัครแพ็กเกจ 4G+ Super Smart แบบ Non-Stop ซึ่งต้องชำระค่าบริการล่วงหน้า 2,000 บาท รับส่วนลดค่าบริการ 7,200 บาท, รับส่วนลดค่าเครื่อง 3,000 บาท และรับอินเทอร์เน็ตจำนวน 40 GB นอกจากนี้ ยังรับฟรีเคสกันกรแทก UAG รุ่น Composite สี Ice หรือ Ash มูลค่า 1,550 บาท เมื่อสมัครแพ็กเกจ 4G+ Super Smart 699 บาท ขึ้นไป
หลังจากที่ได้ทดสอบ Samsung Galaxy S7 มาเป็นระยะเวลาประมาณหนึ่งสัปดาห์ ก็พอที่จะสรุปได้ว่า Samsung Galaxy S7 น่าจะเหมาะกับผู้ที่กำลังมองหาสมาร์ทโฟนที่มีความสมบูรณ์แบบ ทั้งในเรื่องของ ดีไซน์อันหรูหรา พรีเมียม, วัสดุที่แข็งแรงทนทาน และกันน้ำได้, งานประกอบแน่นหนา, สเปคเครื่องสามารถตอบโจทย์การใช้งานระดับสูงได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ, กล้องถ่ายภาพขั้นโปรบวกกับนวัตกรรมสุดล้ำสมัย หากคุณตั้งงบประมาณสำหรับซื้อสมาร์ทโฟนไว้ค่อนข้างสูง Samsung Galaxy S7 ถือเป็นสมาร์ทโฟนที่ดีที่สุด ณ ชั่วโมงนี้ สุดท้ายนี้ ต้องขอขอบคุณทาง Samsung ประเทศไทย ที่ให้ความไว้วางใจส่งเครื่อง Samsung Galaxy S7 มาให้ทางทีมงานได้ทำการรีวิวให้ท่านผู้อ่านได้รับชมกัน วันนี้ต้องขอลาไปก่อน พบกันได้ใหม่ในโอกาสถัดไป สวัสดีครับ
จุดเด่นของ Samsung Galaxy S7
- ตัวเครื่องมีคุณสมบัติในการป้องกันน้ำ และป้องกันฝุ่น ตามมาตรฐาน IP68 พร้อมเทคโนโลยี Rubber Seal และ Gortex
- เทคโนโลยีการผลิตตัวเครื่องแบบ Unibody (กรอบตัวเครื่องโลหะถูกขึ้นรูปเป็นชิ้นเดียวกัน) พร้อมกระจกขอบโค้งแบบ 3D Glass ที่ด้านหลังของตัวเครื่อง
- จอแสดงผลแบบ Super AMOLED Capacitive Touchscreen 16,700,000 สี ความละเอียด 2560x1440 Pixels (2K QHD : กว้าง 5.1 นิ้ว : 577 ppi) พร้อมกระจกหน้าจอแบบ 2.5D Glass
- หน่วยประมวลผลภาพกราฟิกโดยเฉพาะ (GPU : Graphics Processing Unit) แบบ Mali-T880 MP12 พร้อมรองรับ API กราฟิกแบบ Vulkan
- ฟังก์ชัน People edge, Apps edge, Tasks edge, Quick Tools (Galaxy S7 edge)
- ฟังก์ชัน Always On Display สำหรับแสดงข้อมูล หรือการแจ้งเตือนต่างๆ ขณะอยู่ที่หน้าจอ Lock Screen
- ประมวลผลการทำงานด้วยชิปเซ็ต 64-bit Exynos 8 Octa 8890 ความเร็วในการประมวลผล 2.3 GHz (ซีพียู Quad-Core Exynos M1 Mongoose ความเร็ว 2.3 GHz และซีพียู Quad-Core Cortex-A53 ความเร็ว 1.6 GHz)
- ขับเคลื่อนการทำงานด้วยระบบปฏิบัติการ Android OS เวอร์ชัน 6.0 (Marshmallow)
- หน่วยความจำภายในสำหรับเก็บบันทึกข้อมูล (UFS 2.0 : Universal Flash Storage) ขนาด 32 GB หรือ 64 GB
- หน่วยความจำ RAM (LPDDR4) ขนาด 4 GB
- รองรับการ์ดหน่วยความจำเสริมภายนอกแบบ microSD Card (TransFlash) ได้สูงสุดขนาด 200 GB
- กล้องดิจิทัลตัวหลักแบบ Dual Pixel ที่ด้านหลังของตัวเครื่อง ความละเอียดระดับ 12 ล้าน Pixels พร้อมเซ็นเซอร์รับภาพ Sony IMX260, ขนาดของรูรับแสงกว้างสูงสุดที่ F/1.7, ระบบป้องกันการสั่นแบบ Smart OIS, ระบบโฟกัสภาพอัตโนมัติแบบ Phase Detection Autofocus, รองรับการถ่ายวิดีโอที่ความละเอียดสูงสุดระดับ 4K UHD และโหมดถ่ายวิดีโอแบบ Hyperlapse
- กล้องดิจิทัลขนาดเล็กที่ด้านหน้าของตัวเครื่อง ความละเอียดระดับ 5 ล้าน Pixels พร้อมขนาดของรูรับแสงกว้างสูงสุดที่ F/1.7, ฟังก์ชัน Selfie Flash และ ฟังก์ชัน Spotlight
- รองรับการใช้งานอินเทอร์เน็ตผ่านทางระบบเครือข่าย 4G LTE, 3G HSPA+, EDGE, GPRS และ WiFi
- รองรับการเชื่อมต่อข้อมูลแบบไร้สายผ่านทาง NFC, Bluetooth และ ANT+
- ระบบ GPS ในตัว (Global Positioning System : ระบบดาวเทียมนำร่อง) พร้อมรองรับการใช้งานร่วมกับระบบดาวเทียม Glonass และ Beidou
- เซ็นเซอร์ตรวจวัดอัตราการเต้นของหัวใจ (Heart Rate Sensor)
- เซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือ (Fingerprint Sensor) สำหรับตรวจสอบสิทธิ์ของการเข้าใช้งานเครื่อง และการเข้าถึงข้อมูลภายใน
- รองรับการใช้งาน 2 ซิมการ์ดพร้อมกันภายในเครื่องเดียว (Dual SIM) พร้อมช่องใส่ซิมการ์ดแบบ Hybrid Slot
- แบตเตอรี่ Li-Ion 3000 mAh (Galaxy S7) หรือ Li-Ion 3600 mAh (Galaxy S7 edge)
- รองรับเทคโนโลยีการชาร์จแบตเตอรี่ความเร็วสูง (Quick Charge 2.0 : Fast Battery Charging) (ชาร์จแบตเตอรี่จาก 0-100% ภายในเวลา 90 นาที สำหรับ Galaxy S7 หรือ 100 นาที สำหรับ Galaxy S7 edge)
- รองรับเทคโนโลยีการชาร์จแบตเตอรี่แบบไร้สายความเร็วสูง (Fast Wireless Charging : WPC, PMA)
- Samsung Galaxy S7 มีราคาเปิดตัวอยู่ที่ 23,900 บาท ซึ่งยังคงเท่ากับรุ่นเดิม
จุดที่อาจจะต้องพิจารณาเพิ่มเติมของ Samsung Galaxy S7
- ด้วยพื้นผิวที่เป็นกระจกบริเวณด้านหน้า และด้านหลังของตัวเครื่อง จึงเกิดรอยคราบเปื้อน หรือรอยนิ้วมือได้ง่าย
- ตัวเครื่องมีความหนา และหนักมากกว่า Galaxy S6 เรือธงรุ่นเดิม
- การใส่การ์ดหน่วยความจำแบบ microSD ต้องใช้งานร่วมกับช่องใส่ซิมการ์ดที่สอง ไม่สามารถใช้งานพร้อมกันได้
- ไฟแฟลชยังคงเป็นแบบ Single-LED
- มีลำโพงเสียงเพียงตัวเดียว
- ไม่มีวิทยุ FM ในตัว
- ตัวเครื่องมีการสะสมความร้อนแบบรู้สึกได้ ขณะใช้งานที่มีการประมวลผลหนักๆ อย่างต่อเนื่อง
โปรดทราบ
* โทรศัพท์มือถือที่ท่านเห็นในบทความรีวิวนี้เป็นเพียงเครื่องทดสอบจากทางศูนย์ เพราะฉะนั้นคุณสมบัติบางอย่างอาจมีความแตกต่างจากเครื่องที่วางจำหน่ายจริงบ้างไม่มากก็น้อย รวมถึงจุดด้อยบางประการที่พบในเครื่องทดสอบ อาจจะถูกแก้ไขปรับปรุงให้ดีขึ้นในเครื่องที่วางจำหน่ายจริง ดังนั้นหากท่านสนใจซื้อโทรศัพท์มือถือรุ่นนี้ ควรตรวจสอบหรือทดลองใช้งานสินค้าด้วยตนเองอีกครั้งหนึ่ง *
สรุปคุณสมบัติเครื่อง
ท่านสามารถตรวจสอบคุณสมบัติแบบสรุป (Specification) ของ Samsung Galaxy S7 ได้โดยการคลิกที่ลิงก์ด้านล่างนี้
สรุปคุณสมบัติโดยละเอียดของ Samsung Galaxy S7
เนื้อหาอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง
รีวิว (Review) Samsung Galaxy S7 edge
พรีวิว (Preview) Samsung Galaxy S7 edge และ Samsung Galaxy S7
title="Sony Xperia ZL Specification">

:: ไปหน้าแรกเว็บไซต์ Thaimobilecenter
| ไปหน้าแรก
Mobile Focus ::
|