ตอนนี้คุณอยู่ที่ >> หน้าแรก >> หน้ารวม mobile review >> พรีวิว (Preview) Samsung Galaxy S7 และ Galaxy S7 edge


พรีวิว (Preview) Samsung Galaxy S7 edge และ Galaxy S7 :: รีวิว ทดสอบ มือถือ :: Thaimobilecenter.com


 
TMC Point

  8.5

การออกแบบดีไซน์

  9.0

ใช้งานง่ายและสะดวก

  8.5

คุณสมบัติเครื่อง

  9.0

ฟังก์ชันการใช้งาน

9.0

เสถียรภาพและประสิทธิภาพ

  9.0

ความคุ้มค่าต่อราคา

  6.5

 
   

 พรีวิว (Preview) Samsung Galaxy S7 edge และ Galaxy S7

 สัมผัสแรก กับสมาร์ทโฟน Galaxy S ที่ดีที่สุด เติมเต็มความสมบูรณ์แบบด้วยบอดี้กันน้ำดีไซน์ 3D Glass ที่สวยหรูลงตัวกว่าเดิม, กล้อง Dual Pixel ขั้นโปร ที่โฟกัสได้ไวในพริบตา พร้อมเก็บภาพคมชัดในทุกสภาพแสง และ RAM 4GB ใหญ่จุใจ ที่ช่วยให้ทุกการใช้งานลื่นไหลไร้การสะดุด

 

 Preview Date (7-มีนาคม-2559)

หากใครยังจำกันได้ เมื่อมองย้อนกลับไปเมื่อปี 2015 ที่ผ่านมา ทางซัมซุง ได้ตัดสินใจเลือกฤกษ์เปิดตัว Samsung Galaxy S6 สมาร์ทโฟนเรือธงรุ่นแรกของปี 2015 ในวันที่ 1 มีนาคม 2015 แต่มาในปี 2016 นี้ดูเหมือน ซัมซุง ตั้งใจเดินเกมรุกให้ไวขึ้นอีกนิด ด้วยการเลือกเปิดตัวสมาร์ทโฟนเรือธงรุ่นใหม่อย่าง Samsung Galaxy S7 ให้เร็วขึ้นกว่าในปีที่ผ่านมา เป็นวันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2016 และก็เป็นโอกาสอันดีที่ในวันดังกล่าว ทีมงานของเราได้อยู่ร่วมชมการถ่ายทอดสดการเปิดตัว Samsung Galaxy S7 แบบใกล้ชิดติดขอบจอ ซึ่งปีนี้ทาง ซัมซุง มาแบบไม่ธรรมดา เพราะได้ส่งพันธมิตรคนสำคัญอย่าง Mark Zuckerberg ผู้ร่วมก่อตั้ง และซีอีโอของเครือข่ายสังคมออนไลน์อันดับหนึ่งของโลกอย่าง Facebook ขึ้นมาเซอร์ไพรส์กลางเวทีเปิดตัวเลยทีเดียว รวมถึงทาง ซัมซุง (ประเทศไทย) ก็ได้ขนเอาตัวจริงเสียงจริงของทั้ง Samsung Galaxy S7 และ Galaxy S7 edge มาให้บรรดาสื่อมวลชนได้สัมผัส และทดลองใช้งานกันแบบทันทีทันใด เรียกได้ว่าหวังผลักดัน Samsung Galaxy S7 สมาร์ทโฟนเรือธงรุ่นใหม่นี้แบบเกินร้อย

สิ่งที่พัฒนาเพิ่มเข้ามาใน Samsung Galaxy S7 เรือธงรุ่นใหม่นั้น หากพิจารณากันดีๆ ก็จะพบว่าทาง ซัมซุง นั้นหวังที่จะเติมเต็มสิ่งที่เคยขาดหายไปใน Samsung Galaxy S6 ให้มีความสมบูรณ์แบบมากยิ่งขึ้น เริ่มตั้งแต่ตัวเครื่องที่ป้องกันน้ำ-ป้องกันฝุ่นได้ตามมาตรฐาน IP68, รองรับการเพิ่มการ์ดหน่วยความจำแบบ microSD ได้สูงสุดที่ขนาด 200 GB, รองรับการใช้งานสองซิมการ์ด พร้อมถาดแบบ Hybrid Slot, หน่วยความจำ RAM ที่ใหญ่ขึ้นเป็นขนาด 4 GB, แบตเตอรี่ที่มีความจุมากกว่าเดิม, รองรับเทคโนโลยีการชาร์จแบตเตอรี่ไร้สายความเร็วสูง (Fast Wireless Charging), หน้าจอแสดงผลที่มีขนาดใหญ่ขึ้น (Galaxy S7 edge), หน้าจอ Edge Screen ที่มีขนาดใหญ่ขึ้น พร้อมฟังก์ชันที่หลากหลายยืดหยุ่นกว่าเดิม (Galaxy S7 edge), ฟังก์ชัน Always-On Display, การเชื่อมต่อเครือข่าย 4G LTE ที่เร็วกว่าเดิม, ชิปเซ็ต 64-bit Exynos 8 Octa 8890 ตัวใหม่ล่าสุด ที่เร็วแรงกว่าเดิม และกล้องดิจิทัลแบบ Dual Pixel สุดล้ำ ที่มาพร้อมกับระบบโฟกัสภาพความเร็วสูงแบบ Phase Detection Autofocus กับรูรับแสงที่กว้างถึงระดับ F/1.7 และขนาดของเม็ดพิกเซลที่ใหญ่ขึ้นเป็น 1.4 ไมครอน ที่ช่วยให้สามารถถ่ายภาพได้สวยคมชัดในทุกสถานการณ์ บนดีไซน์ตัวเครื่องใหม่หมดจดที่เป็นผสมผสานระหว่างกระจก 3D Glass เข้ากับโครงสร้างตัวเครื่องโลหะได้อย่างลงตัว และดูมีความพรีเมียมสวยหรูมากกว่ารุ่นเดิม ซึ่งจะว่าไปแล้ว Samsung Galaxy S7 สมาร์ทโฟนเรือธงรุ่นใหม่นี้มีการปรับปรุงให้ดีขึ้นแทบจะทุกด้านเลยทีเดียว

 

ส่วนราคา หรือกำหนดการวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการของ Galaxy S7 ในประเทศไทยนั้น ทาง ซัมซุง (ประเทศไทย) ได้ประกาศออกมาอย่างเป็นทางการเรียบร้อยแล้ว โดย Galaxy S7 มีราคาเปิดตัวอยู่ที่ 23,900 บาท ซึ่งเท่ากับ Galaxy S6 รุ่นเดิม ส่วน Galaxy S7 edge มีราคาเปิดตัวอยู่ที่ 26,900 บาท ซึ่งถูกกว่า Galaxy S6 edge รุ่นเดิมอยู่ 1,000 บาท (Galaxy S6 edge รุ่นเดิมมีราคาเปิดตัวที่ 27,900 บาท) และนอกจากนี้ ซัมซุง ก็ยังได้ส่งโปรโมชั่นสุดพิเศษออกมาเซอร์ไพรส์ลูกค้าอีกเช่นเคย ด้วยส่วนลด 2,000 บาท เมื่อสั่งจองล่วงหน้าระหว่างวันที่ 9-15 มีนาคม นี้ และหากจองผ่าน Samsung Brand Shop จะได้รับฟรีแท่นชาร์จแบตเตอรี่ไร้สาย (Stand Wireless Charger) ส่วนลูกค้าท่านใดที่จองผ่าน S-eStore จะได้รับส่วนลดแว่นตาอัจฉริยะ Gear VR มากถึง 50% ซึ่งท่านที่สนใจสามารถแวะไปดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ สรุปโปรโมชั่น และข้อมูลของ Samsung Galaxy S7 และ Galaxy S7 edge

ส่วนในตอนนี้เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา ทีมงานก็ขอพาทุกท่านไปร่วมสัมผัสแรก พร้อมทดลองใช้งาน Samsung Galaxy S7 และ Galaxy S7 edge ไปพร้อมๆ กัน เพื่อที่จะได้เห็นกันว่าสมาร์ทโฟนเรือธง ซัมซุง รุ่นใหม่ล่าสุดนี้นั้นมีความโดดเด่นขนาดไหน และจะคุ้มค่าสมกับที่ทุกท่านรอคอยหรือไม่

 

สำรวจรูปลักษณ์ภายนอกตัวเครื่อง และการออกแบบดีไซน์ของ Samsung Galaxy S7 edge

ด้วยหน้าจอแสดงผลที่ใหญ่ขึ้นเป็นขนาด 5.5 นิ้ว ของ Galaxy S7 edge (เดิม Galaxy S6 edge มีหน้าจอแสดงผลขนาด 5.1 นิ้ว) จึงเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้ตัวเครื่องของ Galaxy S7 edge มีขนาดที่ใหญ่กว่าเดิม, มีน้ำหนักมากกว่าเดิม และมีความหนามากกว่าเดิม แต่ด้วยขอบของหน้าจอที่บางกว่าเดิม ก็ช่วยให้ตัวเครื่องดูมีความผอมเพรียวขึ้นด้วยเช่นกัน

 

ที่ด้านหน้าของตัวเครื่องจะประกอบไปด้วยไฟ LED สำหรับแสดงสถานะการทำงาน, เซ็นเซอร์ Proximity, เซ็นเซอร์ Ambient Light, ลำโพงหูฟังสำหรับการสนทนา, กล้องดิจิทัลความละเอียด 5 ล้านพิกเซล, หน้าจอแสดงผลขอบโค้งสองด้านแบบ Dual Edge Super AMOLED ขนาด 5.5 นิ้ว ความละเอียดระดับ 2K QHD (2560x1440 พิกเซล), ปุ่ม Recent Apps แบบสัมผัส, ปุ่มโฮม พร้อมเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือในตัว และสุดท้ายคือปุ่มย้อนกลับแบบสัมผัส

 

การจัดวางตำแหน่งขององค์ประกอบต่างๆ แทบจะถอดแบบมาจาก Galaxy S6 edge รุ่นพี่เลยก็ว่าได้ ซึ่งความแตกต่างที่เห็นได้ชัดเจนที่สุดก็น่าจะเป็นตำแหน่งของเลนส์กล้อง โดยกล้องดิจิทัลความละเอียด 5 ล้านพิกเซลนี้ มีรูรับแสงที่กว้างถึง F/1.7 เลยทีเดียว

 

ส่องดูกันใกล้ๆ อีกนิด สำหรับกระจกขอบโค้งสองด้านแบบ Dual Edge อันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของ Galaxy S7 edge และช่วยเพิ่มความสวยหรูสะดุดตาได้มากพอสมควร

 

ปุ่มโฮมเป็นปุ่มแบบ Hard-Key ซึ่งดูมีเหลี่ยมมุมมากกว่ารุ่นเดิมเล็กน้อย และทำหน้าที่เป็นเซ็นเซอร์สแกนนิ้วด้วยในตัว

 

ที่ด้านหลังตัวเครื่องของ Galaxy S7 edge ถูกปิดผนึกด้วยกระจกขอบโค้งสองด้านแบบ 3D Glass เช่นกัน เพียงแต่จะมีความโค้งน้อยกว่าที่ด้านหน้าอยู่เล็กน้อย

 

ที่ด้านหลังส่วนบนจะประกอบไปด้วยกล้องดิจิทัลแบบ Dual Pixel ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล พร้อมไฟแฟลชแบบ LED และเซ็นเซอร์ตรวจวัดอัตราการเต้นของหัวใจ (Heart Rate Sensor)

 

สิ่งที่เปลี่ยนแปลงอย่างเห็นได้ชัดก็คือขอบของเลนส์กล้องจะมีความนูนน้อยลงกว่า Galaxy S6 จึงดูมีความเพรียวบางสวยงามมากขึ้น

 

รองรับการใช้งานร่วมกับอุปกรณ์เสริมสุดพิเศษอย่าง Lens Cover ซึ่งมีให้เลือกทั้งเลนส์มุมกว้าง (Wide Angle Lens) และเลนส์เทเล (Telephoto Lens) โดยทั้งสองเลนส์นี้ทาง ซัมซุง ผลิตขึ้นมาเองโดยเฉพาะ เพราะฉะนั้นจึงมั่นใจได้ในคุณภาพ

 

ส่องดูกันใกล้ๆ ชัดๆ อีกครั้งกับกระจกของโค้งสองด้านแบบ 3D Glass ที่ด้านหลังของตัวเครื่อง

 

ที่ด้านซ้ายของตัวเครื่องจะมีปุ่มเพิ่ม-ลดระดับเสียง ซึ่งดูไม่ต่างไปจาก Galaxy S6 edge รุ่นเดิม

 

ที่ด้านขวาของตัวเครื่องมีเพียงปุ่มเปิด-ปิดเครื่อง หรือล็อกหน้าจอ ซึ่งดูไม่ต่างจาก Galaxy S6 edge เช่นกัน

 

ที่ด้านบนของตัวเครื่องจะมีแถบพลาสติกสองด้านซึ่งเป็นส่วนของเสารับสัญญาณ, ไมโครโฟนตัวที่สองสำหรับตัดเสียงรบกวน และช่องแบบ Hybrid Slot ซึ่งรองรับทั้งการใส่ซิมการ์ดแบบ nanoSIM และการใส่การ์ดหน่วยความจำแบบ microSD

 

ที่ด้านล่างของตัวเครื่องจะประกอบไปด้วยแถบพลาสติกสองด้าน ซึ่งเป็นส่วนของเสารับสัญญาณ, ช่องต่อหูฟังมาตรฐานขนาด 3.5 มิลลิเมตร, ช่องเชื่อมต่อแบบ microUSB สำหรับการชาร์จแบตเตอรี่ หรือการโอนถ่ายข้อมูล ซึ่งก่อนหน้านี้มีการคาดการณ์กันว่าจะเป็นช่องเชื่อมต่อแบบ USB Type-C แต่สุดท้ายแล้วก็ยังคงใช้ช่องเชื่อมต่อแบบ microUSB เช่นเดิม ส่วนถัดไปก็จะเป็นไมโครโฟนสำหรับสนทนา หรือบันทึกเสียง และลำโพงเสียง

 

จุดขายสำคัญในอันดับต้นๆ ของ Galaxy S7 edge และ Galaxy S7 ก็คือตัวเครื่องที่มีคุณสมบัติในการป้องกันน้ำ-ป้องกันฝุ่นตามมาตรฐาน IP68 บนพื้นฐานของเทคโนโลยีสุดล้ำอย่าง Rubber Seal, Gortex, Water Resistant Coating และ Short Circuit Protection Mechanism

 

ถาดใส่แบบ Hybrid Slot นั้นรองรับการใส่ซิมการ์ดแบบ nanoSIM พร้อมๆ กันสองซิม (Dual SIM) แต่หากต้องการใส่การ์ดหน่วยความจำแบบ microSD ด้วย ก็ต้องนำไปแทนที่ในช่องใส่ซิมการ์ดที่สอง ไม่สามารถใส่พร้อมๆ กันได้

 

สำรวจรูปลักษณ์ภายนอกตัวเครื่อง และการออกแบบดีไซน์ของ Samsung Galaxy S7

ตัวเครื่องของ Samsung Galaxy S7 จะมีความหนา และหนักมากกว่า Samsung Galaxy S6 รุ่นเดิมอยู่เล็กน้อย แม้จะมีขนาดของหน้าจอที่เท่ากัน และดีไซน์โดยรวมแม้จะดูคล้ายคลึงกัน แต่ก็ดูมีความโค้งมน และดูมีความสวยหรูมากกว่า ด้วยกระจกขอบนูนแบบ 2.5D Glass ที่ด้านหน้า และกระจกขอบโค้งแบบ 3D Glass ที่ด้านหลัง ซึ่งโค้งรับกับอุ้งมือได้พอดิบพอดี และด้วยขอบของหน้าจอที่บางกว่าเดิม ก็ช่วยให้ตัวเครื่องดูมีความผอมเพรียวขึ้นด้วยเช่นกัน

 

เมื่อมองดูที่ด้านหน้าของตัวเครื่องจะรู้สึกได้ทันทีว่ามีความโค้งมนมากกว่า Galaxy S6 รุ่นเดิม ด้วยกระจกหน้าจอแบบ 2.5D Glass ที่นูนเด่นขึ้นมา โดยหน้าจอแสดงผลนั้นจะเป็นแบบ Super AMOLED ขนาด 5.1 นิ้ว ความละเอียดระดับ 2K QHD (2560x1440 พิกเซล)

 

ที่ด้านหน้าส่วนบนจะประกอบไปด้วยไฟ LED สำหรับแสดงสถานะการทำงาน, เซ็นเซอร์ Proximity, เซ็นเซอร์ Ambient Light, ลำโพงหูฟังสำหรับการสนทนา และกล้องดิจิทัลความละเอียด 5 ล้านพิกเซล พร้อมรูรับแสงที่กว้างถึงระดับ F/1.7

 

ที่ด้านหน้าส่วนล่างจะประกอบไปด้วยปุ่ม Recent Apps แบบสัมผัส, ปุ่มโฮมพร้อมเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือในตัว และปุ่มย้อนกลับแบบสัมผัส

 

ปุ่มโฮมบน Galaxy S7 จะดูมีเหลี่ยมมุมมากกว่า Galaxy S6 รุ่นเดิม ซึ่งก็ดูสวยไปอีกแบบ

 

เมื่อมองที่ด้านหลังของตัวเครื่อง จะพบว่า Galaxy S7 มีความแตกต่างจาก Galaxy S6 อย่างเห็นได้ชัด ซึ่งสาเหตุสำคัญก็คงหนีไม่พ้นกระจกขอบโค้งแบบ 3D Glass ที่ทำให้เมื่อสะท้อนกับแสงไป จะดูมีความโดดเด่นขึ้นมา แต่นี่ก็อาจเป็นที่มาของความหนา และน้ำหนักตัวที่เพิ่มขึ้นด้วยเช่นกัน

 

ที่ด้านหลังส่วนบนจะประกอบไปด้วยกล้องดิจิทัลแบบ Dual Pixel ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล พร้อมไฟแฟลชแบบ LED และเซ็นเซอร์ตรวจวัดอัตราการเต้นของหัวใจ (Heart Rate Sensor)

 

อีกจุดที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างเห็นได้ชัดก็คือ ส่วนของกล้องดิจิทัลที่บางเฉียบลงกว่าเดิม จึงทำให้ดูมีความเรียบหรูมากขึ้น

 

มองดูกันใกล้ๆ ชัดๆ อีกครั้งกับกระจกขอบโค้งแบบ 3D Glass ที่ด้านหลังของตัวเครื่อง ซึ่งช่วยให้ Galaxy S7 มีดีไซน์ที่สวยหรูดูแตกต่างจากสมาร์ทโฟนเรือธงแบรนด์คู่แข่ง

 

ชิ้นงานถือว่ามีรายละเอียดที่ประณีตในทุกองค์ประกอบ และดูแน่นหนาแข็งแรงเป็นอย่างดี

 

ที่ด้านซ้ายของตัวเครื่องประกอบไปด้วยปุ่มเพิ่ม-ลดระดับเสียง ซึ่งดีไซน์ของปุ่มกดแทบจะถอดแบบมาจาก Galaxy S6 รุ่นเดิม

 

ที่ด้านขวาของตัวเครื่องจะมีเพียงแค่ปุ่มเปิด-ปิดเครื่อง หรือล็อกหน้าจอ ซึ่งมีดีไซน์ที่ถอดแบบมาจาก Galaxy S6 รุ่นเดิมเช่นกัน

 

ที่ด้านบนของตัวเครื่องจะประกอบไปด้วยแถบพลาสติกสองด้าน ซึ่งทำหน้าที่เป็นตัวรับสัญญาณ, ไมโครโฟนตัวที่สองสำหรับการตัดเสียงรบกวน พร้อมช่องแบบ Hybrid Slot ซึ่งรองรับทั้งซิมการ์ดแบบ nanoSIM และการ์ดหน่วยความจำแบบ microSD

 

ที่ด้านล่างของตัวเครื่องจะประกอบไปด้วยแถบพลาสติกสองด้าน ซึ่งทำหน้าที่เป็นตัวรับสัญญาณ, ช่องต่อหูฟังมาตรฐานขนาด 3.5 มิลลิเมตร, ช่องเชื่อมต่อแบบ microUSB สำหรับการชาร์จแบตเตอรี่ หรือโอนถ่ายข้อมูล ซึ่งก่อนหน้านี้มีการคาดการณ์กันว่าจะเป็นช่องเชื่อมต่อแบบ USB Type-C แต่สุดท้ายแล้วก็ยังคงใช้ช่องเชื่อมต่อแบบ microUSB เช่นเดิม ส่วนถัดไปก็คือไมโครโฟนสำหรับการสนทนา หรือบันทึกเสียง และลำโพงเสียง

 

เปรียบเทียบรูปลักษณ์ภายนอกของ Samsung Galaxy S7 edge กับ Galaxy S7

เมื่อเปรียบเทียบที่ด้านหน้าของ Galaxy S7 edge กับ Galaxy S7 จะพบว่ามีขนาดที่แตกต่างกันอย่างชัดเจน ด้วยหน้าจอแสดงผลของ Galaxy S7 edge ที่มีขนาด 5.5 นิ้ว ในขณะที่หน้าจอแสดงผลของ Galaxy S7 มีขนาดเพียง 5.1 นิ้ว และในฝั่งของ Galaxy S7 edge จะดูมีมิติมากกว่า ด้วยกระจกหน้าจอขอบโค้งสองด้านแบบ Dual Edge ในขณะที่ Galaxy S7 จะเป็นกระจกแบบ 2.5D Glass ซึ่งมีขอบที่นูนโค้งขึ้นมาเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ส่วนชนิดของหน้าจอแสดงผลนั้นจะเป็นแบบเดียวกันทั้งคู่ นั่นคือเป็นหน้าจอแบบ Super AMOLED ซึ่งมีความละเอียดระดับ 2K QHD (2560x1440 พิกเซล)

 

องค์ประกอบที่ด้านหน้าส่วนบนเหมือนกันทุกประการ ทั้งไฟ LED สำหรับแสดงสถานะการทำงาน, เซ็นเซอร์ Proximity, เซ็นเซอร์ Ambient Light, ลำโพงหูฟังสำหรับการสนทนา และกล้องดิจิทัลความละเอียด 5 ล้านพิกเซล ซึ่งมีรูรับแสงที่กว้างถึงระดับ F/1.7 ทั้งคู่

 

ที่ด้านหน้าส่วนล่างก็มีองค์ประกอบที่ไม่ต่างกัน ทั้งปุ่ม Recent Apps แบบสัมผัส, ปุ่มโฮม พร้อมเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือในตัว และปุ่มย้อนกลับแบบสัมผัส

 

ในทางกลับกัน เมื่อพลิกมาดูที่ด้านหลังของตัวเครื่อง จะพบว่าในฝั่งของ Galaxy S7 จะมีความนูนเด่น และโค้งมนมากกว่า Galaxy S7 edge

 

ที่ด้านหลังส่วนบนจะมีองค์ประกอบที่เหมือนกันทุกประการ ทั้งกล้องดิจิทัลแบบ Dual Pixel ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล, ไฟแฟลชแบบ LED และเซ็นเซอร์ตรวจวัดอัตราการเต้นของหัวใจ (Heart Rate Sensor)

 

ปุ่มเพิ่ม-ลดระดับเสียงของ Galaxy S7 edge จะดูเพรียวบางกว่าเล็กน้อย

 

ปุ่มเปิด-ปิดเครื่อง หรือล็อกหน้าจอของ Galaxy S7 edge ก็มีความเพรียวบางมากกว่า Galaxy S7 เช่นเดียวกัน

 

ที่ด้านบนของตัวเครื่องจะมีองค์ประกอบเหมือนกันทุกประการ ทั้งแถบรับสัญญาณสองด้าน, ไมโครโฟนตัวที่สองสำหรับการตัดเสียงรบกวน และช่องแบบ Hybrid Slot ซึ่งรองรับการใส่สองซิมการ์ดทั้งคู่ (แต่หากต้องการใส่การ์ดหน่วยความจำแบบ microSD ต้องใส่แทนที่ในช่องซิมการ์ดที่สอง)

 

ที่ด้านล่างของตัวเครื่องมีองค์ประกอบที่เหมือนกันทุกประการ ตั้งแต่เสารับสัญญาณ, ช่องเชื่อมต่อหูฟังมาตรฐานขนาด 3.5 มิลลิเมตร, ช่องเชื่อมต่อแบบ microUSB สำหรับการชาร์จแบตเตอรี่ หรือโอนถ่ายข้อมูล, ไมโครโฟนสำหรับการสนทนา หรือบันทึกเสียง และลำโพงเสียง

 

อุปกรณ์มาตรฐานที่มาพร้อมกับ Samsung Galaxy S7 edge และ Galaxy S7

อุปกรณ์ที่มาพร้อมกับชุดจำหน่ายมาตรฐานของ Samsung Galaxy S7 edge และ Galaxy S7 นั้นถือว่าครบถ้วนเพียงพอสำหรับการใช้งานทั่วไป และยังมีบางชิ้นที่พิเศษกว่ารุ่นอื่นๆ อีกด้วย

อุปกรณ์ชิ้นพิเศษที่มักไม่มีแถมมากับสมาร์ทโฟนรุ่นอื่นๆ ของ ซัมซุง ก็คือ USB Connector (USB OTG) ซึ่งช่วยให้สามารถนำอุปกรณ์ภายนอกที่รองรับการเชื่อมต่อแบบ USB เช่น Flash Drive มาใช้งานร่วมกันได้

 

หูฟังแบบ In-Ear

 

อะแดปเตอร์ซึ่งรองรับเทคโนโลยีการชาร์จแบตเตอรี่ความเร็วสูง (Quick Charge 2.0) ซึ่งรองรับการจ่ายไฟขาออกที่ระดับ 9.0V (1.67A) หรือ 5.0V (2.0A)

 

สาย USB ซึ่งดูแข็งแรงทนทานเป็นอย่างดี

 

เข็ม SIM Door Key สำหรับการนำถาด Hybrid Slot ออกมาจากตัวเครื่อง

 

สรุปคุณสมบัติโดยรวมของ Samsung Galaxy S7 edge และ Galaxy S7 พร้อมเปรียบเทียบคุณสมบัติกับ Samsung Galaxy S6 edge และ Galaxy S6

เปรียบเทียบคุณสมบัติเด่นของ Samsung Galaxy S6 edge เรือธงจอขอบโค้งรุ่นเก่า กับ Samsung Galaxy S7 edge เรือธงจอขอบโค้งรุ่นใหม่ล่าสุด

 

เปรียบเทียบคุณสมบัติของ Samsung Galaxy S6 เรือธงรุ่นเก่า กับ Samsung Galaxy S7 เรือธงรุ่นใหม่ล่าสุด

 

เปิดเครื่องใช้งาน พร้อมการทดสอบฟีเจอร์ และแอปพลิเคชันต่างๆ ในเบื้องต้น

Samsung Galaxy S7 edge รุ่นที่วางจำหน่ายในประเทศไทยจะเป็นโมเดล SM-G935F

 

ทำงานอยู่บนระบบปฏิบัติการ Android 6.0.1 Marshmallow ซึ่งถือว่าเป็นระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์เวอร์ชันล่าสุด ณ ปัจจุบัน

 

สัญลักษณ์ของ Android 6.0 Marshmallow

 

มาพร้อมกับแบตเตอรี่ Li-ion ความจุ 3600 mAh ซึ่งมากกว่า Galaxy S6 edge รุ่นเดิม (2600 mAh)

 

มาพร้อมหน่วยความจำภายใน (ROM) ขนาด 32 GB ซึ่งเหลือให้ใช้งานจริงประมาณ 24.32 GB

 

ส่วน Samsung Galaxy S7 รุ่นที่วางจำหน่ายในประเทศไทย จะเป็นโมเดล SM-G930F

 

ทำอย่างอยู่บนระบบปฏิบัติการ Android 6.0.1 Marshmallow ซึ่งเป็นแอนดรอยด์เวอร์ชันใหม่ล่าสุดเช่นเดียวกัน

 

สัญลักษณ์ของ Android 6.0 Marshmallow

 

Samsung Galaxy S7 edge มาพร้อมกับฟีเจอร์เด่นอย่าง Edge Screen ซึ่งเป็นแผงหน้าจอพิเศษที่เลื่อนออกมาจากขอบของหน้าจอปกติได้ โดยจะประกอบไปด้วย 4 หน้าย่อยได้แก่ Apps edge, Tasks edge, People edge และ Quick tools

 

Apps edge คือแผงหน้าจอที่รวมทางลัดสำหรับเข้าสู่แอปพลิเคชันต่างๆ ได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งแต่เดิมใน Galaxy S6 edge+ (edge Plus) นั้นจะแสดงได้เพียงแค่แถวเดียว แต่มาใน Galaxy S7 edge นั้นจะถูกปรับให้แสดงได้มากขึ้นเป็น 2 แถว รวมถึงในส่วนอื่นๆ ของ Edge Screen ก็มีพื้นที่ใช้งานเพิ่มขึ้นด้วยเช่นกัน

 

Tasks edge คือแผงที่รวมเอาทางลัดสำหรับการเรียกใช้ฟังก์ชัน หรือคำสั่งต่างๆ ได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งเราสามารถเลือกฟังก์ชันที่ต้องการมาใส่ไว้ได้ตามใจชอบ

 

People edge คือแผงหน้าจอที่รวมทางลัดสำหรับผู้ติดต่อสำคัญที่เราต้องมีการติดต่ออยู่บ่อยๆ

 

Quick Tools คือแผงหน้าจอที่รวมเอาเครื่องมือ หรือแอปพลิเคชันขนาดเล็กไว้ให้เรียกใช้งานได้อย่างรวดเร็ว เช่น ข่าวสารล่าสุด, ไม้บรรทัด, ไฟฉาย, เข็มทิศ หรือพยากรณ์อากาศ ซึ่งไม่ Quick Tools ไม่ได้มีเฉพาะที่ติดตั้งมากับเครื่องเท่านั้น เพราะผู้ใช้งานสามารถทำการดาวน์โหลด Quick Tools ตัวอื่นๆ มาติดตั้งใช้งานเพิ่มเติมได้อีกมากมาย

 

สามารถเลือกได้ว่าจะให้โชว์ หรือซ่อน Edge Screen ส่วนใดบ้าง

 

ตัวอย่างตัวเลือกเพิ่มเติมของ Edge Screen

 

ตัวอย่างตัวเลือกเพิ่มเติมของ Edge Screen

 

ในขณะที่อยู่หน้าจอ Lock Screen ผู้ใช้งานสามารถเรียกดูข้อมูลต่างๆ ที่ขอบหน้าจอได้ทันที โดยไม่ต้องปลดล็อกหน้าจอก่อน ด้วยการสไลด์นิ้วที่บริเวณขอบหน้าจอ

 

สามารถเลือกได้ว่าจะให้แสดงข้อมูลอะไรที่ขอบหน้าจอบ้าง

 

ไม่ต้องเปิดหน้าจอให้เปลืองแบตเตอรี่ ก็สามารถเรียกดูข้อมูลต่างๆ ได้ทันทีผ่านขอบโค้งสุดล้ำนี้

 

อีกฟังก์ชันที่ถูกถ่ายทอดมาจาก Galaxy S6 edge รุ่นพี่ก็คือ การแสดงแสงไฟสีต่างๆ ที่ขอบหน้าจอ ในขณะที่วางเครื่องคว่ำไว้ เช่นเมื่อมีสายเรียกเข้า หรือการแจ้งเตือนอื่นๆ

 

อีกฟังก์ชันใหม่ที่มาพร้อมกับ Galaxy S7 edge และ Galaxy S7 ก็คือฟังก์ชัน Always On Display ซึ่งเป็นการแสดงข้อมูล หรือการแจ้งเตือนต่างๆ บนหน้าจอ Lock Screen โดยฟังก์ชันนี้จะใช้พลังงานจากแบตเตอรี่น้อยมากๆ เรียกว่าประหยัดหายห่วง ด้วยอานิสงส์จากเทคโนโลยีหน้าจอแบบ Super AMOLED นั่นเอง

 

สามารถเลือกได้ว่าจะแสดงเป็นนาฬิกา, ปฏิทิน หรือรูปภาพ

 

หากเป็นนาฬิกา ก็สามารถเลือกรูปแบบของนาฬิกาได้หลากหลายรูปแบบทั้งนาฬิกาแบบแอนะล็อก และดิจิทัล

 

เลือกให้แสดงภาพพื้นหลังได้เช่นกัน

 

รูปแบบของหน้าจอสำหรับการปลดล็อกแบบพื้นฐาน ด้วยการปัดนิ้ว ซึ่งการปลดล็อกแบบนี้ไม่มีความปลอดภัย ดังนั้น Galaxy S7 edge และ Galaxy S7 จึงมีทางเลือกของการปลดล็อกที่ปลอดภัยกว่ามาให้ใช้งานหลายรูปแบบ

 

ทางเลือกของการปลดล็อกที่ปลอดภัยที่สุดก็เห็นจะเป็นการปลดล็อกด้วยลายนิ้วมือนั่นเอง

 

การเปิดใช้งานระบบปลดล็อกด้วยลายนิ้วมือ ผู้ใช้งานจะต้องทำการลงทะเบียนลายนิ้วมือให้เรียบร้อยเสียก่อน ซึ่งเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือของ Galaxy S7 edge และ Galaxy S7 นั้นถือว่ามีการตอบสนองที่รวดเร็วแม่นยำ และใช้งานได้สะดวกในชีวิตจริง

 

User Interface ที่ใช้ก็คือ TouchWiz UI ที่คุ้นเคยกันดี ซึ่งเป็นดีไซน์เดียวกับสมาร์ทโฟนรุ่นหลังๆ ของ ซัมซุง เอง

 

หน้าหลักยังคงแบ่งเป็นสองระดับเช่นเคย คือหน้า Home Screen ที่ระดับแรก และหน้า App Drawer ที่ระดับสอง

 

ที่ด้านซ้ายสุดของหน้า Home Screen ยังคงถูกตั้งให้เป็น Flipboard Briefing เช่นเคย

 

แถบ Notification Bar ที่ด้านบนประกอบไปด้วยการแสดงข้อมูลพื้นฐาน และทางลัดสำหรับการตั้งค่าต่างๆ

 

สามารถเลือกให้โชว์ หรือซ่อนทางลัดต่างๆ ได้ตามใจชอบ

 

แน่นอนว่าผู้ใช้งานสามารถปรับแต่งหน้า Home Screen ได้อย่างอิสระเช่นเคย

 

มีวิดเจ็ต (Widgets) ที่น่าสนใจ และเป็นประโยชน์ให้เลือกใช้งานมากมาย

 

สามารถเลือกรูปแบบตารางสำหรับการแสดงผลบนหน้าจอ Home Screen ได้ 3 รูปแบบด้วยกัน ได้แก่ 4x4, 4x5 และ 5x5 ซึ่งแบบ 4x4 นั้นจะแสดงไอคอนต่างๆ ด้วยขนาดที่ใหญ่ที่สุด ส่วนแบบ 5x5 จะแสดงไอคอนต่างๆ ด้วยขนาดที่เล็กที่สุด แต่ข้อดีคือสามารถแสดงไอคอนได้มากกว่านั่นเอง

 

มีโหมดส่วนตัวให้ใช้งาน ซึ่งเหมาะสำหรับผู้ใช้ที่ต้องการรักษาความลับของข้อมูลบางอย่าง เช่นรูปภาพ, ไฟล์เสียงที่บันทึก และไฟล์อื่นๆ

 

หากคิดว่าเมนู หรือฟังก์ชันต่างๆ ดูใช้งานยาก ก็สามารถปรับให้เป็นโหมดใช้งานง่ายได้เช่นกัน

 

การแสดงผลไอคอน ผู้ใช้งานสามารถเลือกใช้ได้สองรูปแบบ คือ ไอคอนพร้อมพื้นหลัง และไอคอนเท่านั้น โดยภาพด้านบนคือตัวอย่างของ ไอคอนพร้อมพื้นหลัง

 

ส่วนรูปด้านบนนี้คือตัวอย่างของการแสดง ไอคอนเท่านั้น ซึ่งก็ดูสวยไปคนละแบบ แล้วแต่ว่าผู้ใช้งานจะชอบแบบใด

 

มีแอปพลิเคชันยอดนิยมจากไมโครซอฟท์ติดตั้งมาให้ใช้งานอย่างครบถ้วน ทั้ง Word, Excel, PowerPoint, OneNote, OneDrive และ Skype

 

มาพร้อมแอปพลิเคชันมาตรฐานอย่างจัดการไฟล์, บันทึกเสียง, อีเมล, อินเทอร์เน็ต, S Health, S Voice และ Galaxy Apps

 

มีแอปพลิเคชันจาก Google ติดตั้งมาให้อย่างครบครัน ทั้ง Google Search, Chrome, Gmail, Google Maps, YouTube, Google Drive, Google Play, Google Hangouts และ Google Photos

 

เมื่อกดที่ปุ่ม Recent Apps ที่ด้านซ้ายของปุ่มโฮม ก็จะปรากฏเป็นรายการของแอปพลิเคชันที่เปิดใช้งานล่าสุด ซึ่งเราสามารถกดเข้าใช้งานต่อ, เรียกใช้งานในรูปแบบของ Multi-Window หรือลากทิ้งเพื่อปิดการใช้งานแอปพลิเคชันได้

 

กล้องดิจิทัลของ Samsung Galaxy S7 edge และ Galaxy S7 นั้นเป็นกล้องแบบ Dual Pixel ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล ซึ่งแม้จะเป็นความละเอียดที่น้อยกว่าเดิม แต่กลับมีประสิทธิภาพที่ดีกว่าเดิม พร้อมเซ็นเซอร์รับภาพ Sony IMX260 ขนาด 1/2.5 นิ้ว, ขนาดของจุดพิกเซล 1.4 ไมครอน, รูรับแสงที่กว้างขึ้นเป็นระดับ F/1.7, ระบบป้องกันการสั่นแบบ Smart OIS (Optical Image Stabilization) และระบบโฟกัสภาพแบบ PDAF (Phase Detection Autofocus) ซึ่งโฟกัสวัตถุได้ในเวลาเพียง 0.15 วินาที

 

ปรับความละเอียดสูงสุดของภาพถ่ายได้ที่ระดับ 12 ล้านพิกเซล (4032x3024 พิกเซล) ในอัตราส่วนแบบ 4:3

 

ตั้งเวลาถ่ายภาพล่วงหน้าได้ที่ 2, 5 และ 10 วินาที

 

ทดสอบถ่ายภาพด้วยการปิดฟังก์ชัน HDR

 

ทดสอบถ่ายภาพด้วยการเปิดฟังก์ชัน HDR ซึ่งจะเห็นว่ารายละเอียดในส่วนที่มืดจะดูสว่าง และกระจ่างชัดเจนมากกว่า

 

สามารถใส่เอฟเฟกต์สีให้กับรูปถ่ายได้

 

มีโหมดถ่ายภาพ และวิดีโอที่น่าสนใจให้เลือกใช้งานมากมาย ตั้งแต่โหมดโปร, โหมดโฟกัสที่เลือก, โหมดพานอราม่า, โหมดวิดีโอคลอลลาจ, โหมด Live Broadcast, โหมดเคลื่อนไหวช้า, โหมดช็อตเสมือนจริง, โหมดอาหาร และโหมด Hyperlapse

 

ระบบโฟกัสภาพของ Galaxy S7 edge และ S7 นั้นถือว่ามีประสิทธิภาพเป็นอย่างยิ่ง โดยสิ่งที่อยู่เบื้องหลังก็คือเทคโนโลยี Dual Pixel ซึ่งทุกพิกเซลต่างมีคุณสมบัติของ Phase Detection Autofocus ซึ่งช่วยให้การโฟกัสวัตถุนั้นใช้เวลาเพียงแค่ 0.15 วินาทีเท่านั้น และจะสังเกตได้ว่า ขณะที่เราใช้งานโหมดโปร เราจะเห็นจุดโฟกัสแบบ Multi-Point ซึ่งเทียบชั้นได้กับกล้อง DSLR เลยทีเดียว

 

ปรับการวัดแสงได้ 3 แบบคือ เฉลี่ยหนักกลาง, เมทริกซ์ และเฉพาะจุด

 

โหมดโปรสามารถปรับค่าความเร็วชัตเตอร์ได้สูงสุดที่ 1/24000 วินาที และช้าสุดที่ 10 วินาที เรียกได้ว่าสามารถประยุกต์ใช้กับการถ่ายภาพได้ทุกรูปแบบ

 

สามารถปรับระยะโฟกัสได้เองอย่างอิสระ

 

มีเอฟเฟกต์ให้เลือกใช้งานอยู่พอสมควร

 

โหมดถ่ายวิดีโอแบบ Video Collage นั้นถูกถ่ายทอดมาจากสมาร์ทโฟนเรือธงรุ่นก่อนหน้านี้อย่าง Galaxy Note5 ซึ่งเป็นโหมดที่ช่วยให้เรารวมหลายคลิปวิดีโอไว้ในคลิปเดียวกันได้

 

สามารถเลือกรูปแบบของกรอบได้ตามใจชอบ และรองรับคลิปวิดีโอแบบ Slow Motion

 

กำหนดเวลาการบันทึกคลิปย่อยได้ตั้งแต่ 3, 6, 9 และ 15 วินาที

 

มีตัวเลือกสำหรับการตั้งค่าใช้งานกล้องที่ยืดหยุ่นหลากหลายมากเป็นพิเศษ สมกับที่เป็นกล้องไฮเอนด์

 

รองรับการถ่ายคลิปวิดีโอความละเอียดสูงระดับ 4K UHD (3840x2160 พิกเซล)

 

รองรับการสั่งถ่ายภาพด้วยเสียงพูด โดยพูดออกเสียงว่า Smile, Cheese, Capture หรือ Shoot และหากต้องการบันทึกวิดีโอ ก็ให้พูดออกเสียงว่า Record Video

 

สามารถตั้งค่าให้ปุ่มเพิ่ม-ลดเสียงที่ด้านข้างของตัวเครื่อง ทำหน้าที่เป็นปุ่มชัตเตอร์, ปุ่มบันทึกวิดีโอ หรือปุ่มซูมภาพได้

 

รองรับการสั่งถ่ายภาพเซลฟี่ด้วยการสัมผัสที่เซ็นเซอร์วัดอัตราการเต้นของหัวใจ (Heart Rate Sensor) หรือการยกฝ่ามือเพื่อให้สัญญาณในการเริ่มถ่ายภาพ

 

ลักษณะของ User Interface ขณะใช้งานกล้องด้านหน้า

 

กล้องด้านหน้าสามารถกำหนดความละเอียดสูงสุดได้ที่ระดับ 5 ล้านพิกเซล ในอัตราส่วนแบบ 4:3 (2592x1944 พิกเซล)

 

ตั้งเวลาถ่ายภาพล่วงหน้าได้ตั้งแต่ 2, 5 และ 10 วินาที

 

ใส่เอฟเฟกต์ให้กับภาพถ่ายได้มากมาย

 

โหมดมาตรฐานสำหรับการใช้งานกล้องหน้าจะประกอบไปด้วยโหมดถ่ายภาพตนเอง, ถ่ายภาพตนเองแบบกว้าง, วิดีโอคอลลาจ, Live Broadcast และช็อตเสมือนจริง

 

ปรับสีผิวได้ถึง 8 ระดับ

 

รองรับการใช้งานฟังก์ชันสปอตไลท์ ซึ่งเราสามารถเลือกได้ว่าจะให้ใบหน้าของเราสว่างที่ด้านซ้าย, ด้านขวา หรือสว่างทั้งหน้า

 

ปรับหน้าเพรียวได้ถึง 8 ระดับ

 

กล้องด้านหน้าสามารถปรับแต่งค่าต่างๆ ได้ยืดหยุ่นหลากหลายไม่แพ้กล้องด้านหลัง

 

กล้องด้านหน้าสามารถถ่ายคลิปวิดีโอได้ที่ความละเอียดสูงสุดระดับ 2K QHD (2560x1440 พิกเซล)

 

รองรับการสั่งถ่ายภาพด้วยเสียงพูด, การสัมผัส, การยกฝ่ามือ และการสัมผัสที่เซ็นเซอร์ตรวจวัดอัตราการเต้นของหัวใจ

 

การตั้งค่าอื่นๆ สำหรับการใช้งานกล้องด้านหน้า

 

อีกหนึ่งฟังก์ชันใหม่ก็คือ Game Launcher ซึ่งประโยชน์อย่างแรกก็คือ ช่วยคัดเลือกแอปพลิเคชันที่เป็นแอปพลิเคชันประเภทเกมต่างๆ มารวมเอาไว้ในกลุ่มเดียวกันโดยอัตโนมัติ จึงช่วยเพิ่มความสะดวกให้กับผู้ใช้งานได้ไม่น้อย

 

นอกจากนี้ยังมีส่วนของ Game Tools ซึ่งผู้ใช้งานยังสามารถปิดการแจ้งเตือนขณะเล่นเกม รวมถึงบันทึกภาพเคลื่อนไหวขณะเล่นเกม, บันทึกภาพนิ่งระหว่างเล่นเกม, ย่อหน้าต่าง และล็อกปุ่มกดได้

 

ที่แถบด้านล่างมีทางลัดสำหรับการปิดการแจ้งเตือน กับการเข้าไปในส่วนของ Game Tools

 

มีการแนะนำเกมยอดนิยม พร้อมการให้คะแนน และตัวอย่างคลิปวิดีโอของแต่ละเกม

 

สามารถปรับโหมดของหน้าจอได้ตามความเหมาะสมกับการใช้งานแต่ละประเภท ทั้งแบบ Adaptive Display, AMOLED Cinema, AMOLED Photo และ Basic

 

ยังรองรับโหมดประหยัดพลังงานขั้นสูงแบบ Ultra Power Saving เช่นเคย

 

ยกตัวอย่างเช่น หากมีแบตเตอรี่เหลืออยู่ที่ 91% เมื่อเปิดโหมดประหยัดพลังงานขั้นสูง ก็จะสามารถใช้งานต่อได้นานถึงประมาณ 35-36 ชั่วโมงเลยทีเดียว

 

สำหรับระบบเสียง จะรองรับการปรับอีควอไลเซอร์, การปรับเสียงเบส, การปรับเสียงสูง, การปรับเสียงเครื่องดนตรี, การปรับเสียงร้อง, การเปิดการปรับคุณภาพเสียงด้วยเทคโนโลยี UHQ (เฉพาะหูฟังที่รองรับ), การเปิดเอฟเฟกต์เสียงรอบทิศทาง และการเปิดโหมดแอมป์หลอด

 

รองรับการเปิดโหมดเสียงแบบคอนเสิร์ตฮอลล์ และการปรับเสียงด้วยฟังก์ชัน Adapt Sound

 

สามารถปรับอีควอไลเซอร์เองได้ทั้งหมด 7 ย่านความถี่

 

หรือจะเลือกใช้อีควอไลเซอร์แบบพื้นฐานที่มีมาให้แล้วก็ได้เช่นกัน

 

รองรับการใช้งานเทคโนโลยีการเชื่อมต่อไร้สายระยะใกล้แบบ NFC

 

รองรับการใช้งานฟังก์ชัน Mirror Link และ Download Booster

 

Download Booster คือฟังก์ชันที่ช่วยเพิ่มความเร็วของการดาวน์โหลดด้วยการเปิดใช้งานทั้งระบบ 4G LTE และ WiFi ไปพร้อมๆ กัน

 

แอปพลิเคชัน Smart Manager คือแอปพลิเคชันสำหรับจัดการกับแบตเตอรี่, หน่วยความจำภายใน, หน่วยความจำแรม และระบบรักษาความปลอดภัย

 

สามารถกำหนดรูปแบบของการสั่นได้ทั้งหมด 5 รูปแบบด้วยกัน

 

สามารถปรับระดับความหนักเบาของการสั่นได้

 

หากต้องการความสงบ หรือไม่ต้องการให้ใครมารบกวน ก็สามารถเปิดใช้งาน โหมดห้ามรบกวน ได้ทันที

 

สำหรับ โหมดพักหน้าจออัจฉริยะ ตราบใดที่ผู้ใช้งานยังคงจ้องมองที่หน้าจออยู่ หน้าจอก็จะไม่ดับลง

 

รองรับการใช้งานมือเดียว, การเปิดกล้องด่วน, การใช้งาน Pop-Up View, การจับภาพหน้าจออัจฉริยะ, การใช้ฝ่ามือปัดเพื่อจับภาพหน้าจอ, การโทรโดยตรง

 

รองรับการเตือนอัจฉริยะ และการปิดเสียงอย่างง่าย

 

ปรับให้เหมาะกับการใช้งานมือเดียว ด้วยการลดขนาดของหน้าจอให้เล็กลง โดยการกดปุ่มโฮมติดๆ กันอย่างรวดเร็ว 3 ครั้ง

 

รองรับการปรับขนาดของแป้นพิมพ์ให้เล็กลง เพื่อให้สามารถพิมพ์ด้วยมือเดียวได้สะดวกมากขึ้น ซึ่งรองรับทั้งมือซ้าย และมือขวา

 

สามารถย่อหน้าต่างของแอปพลิเคชันให้เล็กลงในลักษณะของ Pop-Up View โดยการลากจากมุมซ้ายบน ทแยงเฉียงลงมาทางด้านขวา

 

รองรับการจับภาพหน้าจอแบบยาวๆ ให้อยู่ภายในภาพเดียวกันได้ เช่นเดียวกันกับ Galaxy Note5

 

รองรับการปัดฝ่ามือไปทางซ้ายเพื่อจับภาพหน้าจอเช่นเคย

 

รองรับการโทรออกไปยังหมายเลขที่ปรากฏอยู่บนหน้าจอโดยอัตโนมัติ ด้วยการยกตัวเครื่องขึ้นมาแนบหู

 

หากมีสายที่ไม่ได้รับ หรือมีข้อความใหม่ถูกส่งเข้ามา เมื่อผู้ใช้งานยกเครื่องขึ้นมา เครื่องจะมีการสั่นเล็กน้อยเพื่อแจ้งเตือนให้ทราบ

 

สามารถปิดเสียงได้ง่ายๆ เพียงแค่คว่ำหน้าจอลงเท่านั้น

 

สำหรับผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับเรื่องของประสาทสัมผัส ก็มีฟังก์ชันที่ช่วยเหลือให้สามารถใช้งานได้สะดวกมากขึ้น

 

มีฟังก์ชัน Smart Switch สำหรับการย้ายข้อมูลจากเครื่องเก่า ไปสู่เครื่องใหม่ได้แบบง่ายๆ รวมถึงมีฟังก์ชันสำรองข้อมูลด้วยเช่นกัน

 

 

อุปกรณ์เสริมที่น่าสนใจของ Samsung Galaxy S7 edge และ Galaxy S7

ไม่ใช่ว่าความน่าสนใจจะอยู่ที่ตัวเครื่องของ Samsung Galaxy S7 edge กับ Galaxy S7 แต่เพียงอย่างเดียวเท่านั้น เพราะอุปกรณ์เสริมที่เปิดตัวมาพร้อมกับสมาร์ทโฟนเรือธงสองรุ่นใหม่นี้ ก็นับว่ามีความน่าสนใจไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน ดังนั้นเราจึงได้นำภาพอุปกรณ์เสริมต่างๆ ของ Samsung Galaxy S7 edge และ Galaxy S7 มาให้ชมกันด้วย

Lens Cover เคสพร้อมเลนส์เสริม ซึ่งมีให้เลือกทั้งเลนส์มุมกว้าง และเลนส์เทเล

 

LED View Cover เคสพร้อมฝาปิด และไฟ LED สำหรับการแจ้งข้อมูลพื้นฐาน

 

Clear View Cover เคสพร้อมฝาปิดแบบโปร่งแสง ซึ่งสามารถมองเห็นรายละเอียดที่ปรากฏอยู่บนหน้าจอด้านในได้

 

S View Cover เคสพร้อมฝาปิด ซึ่งเจาะช่องมองขนาดใหญ่เอาไว้ เพื่อให้สามารถมองเห็นข้อมูล หรือการแจ้งเตือนต่างๆ ได้ทันทีโดยไม่ต้องเปิดฝาเคส

 

Leather Cover เคสหนังดีไซน์เรียบหรู เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการความคล่องตัวพร้อมรูปลักษณ์ที่ดูดี

 

Flip Waller เคสพร้อมฝาปิด และช่องใส่นามบัตรในตัว

 

Clear Cover เคสใสที่เผยให้เห็นดีไซน์ตัวเครื่องภายในที่สวยหรูได้อย่างชัดเจน

 

Keyboard Cover เคสสุดล้ำที่มาพร้อมกับคีย์บอร์ดแบบ Full QWERTY ในตัว ซึ่งช่วยให้การพิมพ์ข้อความต่างๆ มีความสะดวกรวดเร็วกว่าการพิมพ์บนหน้าจอ

 

Wireless Charger แท่นชาร์จแบตเตอรี่แบบไร้สาย ซึ่งรองรับเทคโนโลยีการชาร์จแบตเตอรี่ไร้สายความเร็วสูง (Fast Wireless Charging)

 

Battery Pack แบตเตอรี่พกพาที่มีให้เลือกสองความจุด้วยกัน ได้แก่ 10,200 mAh และ 5,100 mAh

 

Backpack เคสแบตเตอรี่เสริม ที่ช่วยเพิ่มความจุของแบตเตอรี่ เพื่อให้สามารถรองรับการใช้งานที่หนักหน่วงตลอดทั้งวัน โดยไม่ต้องกังวลว่าแบตเตอรี่จะหมดเสียก่อน

 

และสุดท้ายที่เป็นไฮไลท์สำคัญก็คือแว่น Gear VR ที่ช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถเข้าถึงคอนเทนท์, มัลติมีเดีย หรือความบันเทิงต่างๆ ได้อย่างเต็มอรรถรส

 

 

ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องดิจิทัล Dual Pixel ความละเอียดระดับ 12 ล้านพิกเซล ของ Samsung Galaxy S7 edge

ตัวอย่างภาพถ่ายที่ยังไม่ผ่านการปรับแต่งใดๆ

 

ตัวอย่างภาพถ่ายที่ยังไม่ผ่านการปรับแต่งใดๆ

 

ตัวอย่างภาพถ่ายที่ยังไม่ผ่านการปรับแต่งใดๆ

 

ตัวอย่างภาพถ่ายที่ยังไม่ผ่านการปรับแต่งใดๆ

 

ตัวอย่างภาพถ่ายที่ยังไม่ผ่านการปรับแต่งใดๆ

 

ตัวอย่างภาพถ่ายที่ยังไม่ผ่านการปรับแต่งใดๆ

 

ตัวอย่างภาพถ่ายที่ยังไม่ผ่านการปรับแต่งใดๆ

 

สรุปผลการทดสอบในเบื้องต้น พร้อมราคา และข้อมูลการวางจำหน่ายของ Samsung Galaxy S7 edge และ Galaxy S7

ดูเหมือนว่าการสัมผัสแรกกับ Samsung Galaxy S7 edge และ Galaxy S7 ในครั้งนี้ จะมีรายละเอียดมากกว่าที่คาดเอาไว้พอสมควร ด้วยฟีเจอร์เด่นที่อัดแน่นในทุกด้าน อีกทั้งแต่ละฟีเจอร์ล้วนเป็นความโดดเด่นของ Galaxy S7 ที่อดพูดถึงไม่ได้ และอยากให้ท่านผู้อ่านได้ทราบรายละเอียดที่ครบถ้วนที่สุดเท่าที่เวลาจะเอื้ออำนวย

ในภาพรวมของทั้ง Samsung Galaxy S7 edge และ Galaxy S7 นั้น ถือว่าเป็นสมาร์ทโฟนเรือธงที่ถูกนำมาปรับแต่ง และพัฒนาให้มีความสมบูรณ์แบบมากขึ้นในทุกด้าน ทั้งในด้านของรูปลักษณ์ภายนอกที่สวยหรูดูพรีเมียมมากขึ้น ด้วยดีไซน์ใหม่ที่ผสานโครงสร้างตัวเครื่องแบบโลหะ เข้ากับกระจก 3D Glass ได้อย่างลงตัว และในด้านของฟีเจอร์ หรือคุณสมบัติต่างๆ ด้านในที่จัดเต็มไฮเอนด์ครบเครื่องยิ่งกว่าเดิม โดยเฉพาะสิ่งสำคัญที่เคยขาดหายไปใน Samsung Galaxy S6 รุ่นพี่นั้น เมื่อมาถึงรุ่นน้องอย่าง Samsung Galaxy S7 ก็ได้ถูกเติมเต็มอย่างครบถ้วน เรียกได้ว่าเข้ามาลบจุดอ่อนของ Galaxy S6 รุ่นเดิมได้โดยสมบูรณ์ ที่เห็นได้ชัดก็คงหนีไม่พ้นตัวเครื่องที่ถูกพัฒนาให้มีคุณสมบัติในการป้องกันน้ำ-ป้องกันฝุ่นตามมาตรฐาน IP68, รองรับการเพิ่มหน่วยความจำด้วย microSD Card ได้สูงสุดขนาด 200 GB, รองรับการใช้งานสองซิมการ์ด ด้วยถาดใส่แบบ Hybrid Slot

 

ส่วนคุณสมบัติในด้านอื่นๆ นั้น ก็ถูกอัปเกรดให้มีความไฮเอนด์ครบเครื่องมากยิ่งขึ้น เพื่อให้สามารถตอบโจทย์การใช้งานในระดับสูงได้ดียิ่งขึ้นกว่าเดิม เริ่มตั้งแต่หน้าจอแสดงผลที่มีขนาดใหญ่ขึ้น (Galaxy S7 edge), หน้าจอ Edge Screen ที่มีพื้นที่มากขึ้น และมีฟังก์ชันที่หลากหลายยืดหยุ่นมากกว่าเดิม (Galaxy S7 edge), ฟังก์ชัน Always-On Display ที่ใช้ประโยชน์ได้ดีในชีวิตประจำวัน, ชิปเซ็ต 64-bit Exynos 8 Octa 8890 หน่วยประมวลผลตัวเรือธงรุ่นใหม่ล่าสุดของ ซัมซุง เอง ที่เร็วแรงกว่าเดิม, หน่วยความจำ RAM ที่ใหญ่ขึ้นเป็นขนาด 4 GB ซึ่งแน่นอนว่าจะช่วยให้การใช้งานโดยรวมมีความลื่นไหลมากกว่าเดิม, นวัตกรรมกล้องแบบ Dual Pixel ที่แม้จะมีความละเอียดที่น้อยกว่าเดิม แต่การถ่ายภาพกลับดีขึ้นกว่าเดิม ด้วยรูรับแสงที่กว่าถึงระดับ F/1.7 พร้อมขนาดของเม็ดพิดเซลที่ใหญ่ขึ้นเป็น 1.4 ไมครอน และระบบโฟกัสภาพความเร็วสูงแบบ PDAF (Phase Detection Autofocus) ที่โฟกัสได้เร็วเหลือเชื่อ, แบตเตอรี่ที่มีความจุมากกว่าเดิม, เทคโนโลยีการชาร์จแบตเตอรี่ไร้สายความเร็วสูง (Fast Wireless Charging) และการเชื่อมต่อเครือข่าย 4G LTE ที่เร็วขึ้นกว่าเดิม

ส่วนราคา และกำหนดการวางจำหน่ายของทั้ง Samsung Galaxy S7 และ Galaxy S7 edge นั้น ทาง ซัมซุง (ประเทศไทย) ก็ได้ประกาศออกมาอย่างเป็นทางการเรียบร้อยแล้ว โดย Samsung Galaxy S7 นั้นมีราคาอยู่ที่ 23,900 บาท เท่ากับ Galaxy S6 รุ่นเดิม ส่วน Galaxy S7 edge จะมีราคาอยู่ที่ 26,900 บาท ซึ่งเป็นราคาที่ถูกลงกว่า Galaxy S6 edge รุ่นเดิมอยู่ 1,000 บาท (Galaxy S6 edge รุ่นเดิมมีราคาเปิดตัวอยู่ที่ 27,900 บาท) และพร้อมวางจำหน่ายในวันที่ 18 มีนาคม 2559 โดยมีให้เลือก 3 สี ได้แก่ สีทอง, สีดำ และสีเงิน ส่วนจะมีสีขาวตามมาในภายหลังหรือไม่นั้น คงต้องรอติดตามข่าวกันต่อไป

และคราวนี้ ซัมซุง ก็มาพร้อมกับเซอร์ไพรส์เช่นเคย โดยลูกค้าท่านใดที่สั่งจอง Galaxy S7 หรือ Galaxy S7 edge ตั้งแต่วันที่ 9-15 มีนาคม นี้ รับส่วนลดทันที 2,000 บาท และหากจองผ่าน Samsung Brand Shop จะได้รับฟรีแท่นชาร์จแบตเตอรี่ไร้สาย (Stand Wireless Charger) มูลค่า 1,690 บาท ส่วนลูกค้าท่านใดที่จองผ่าน S-eStore จะได้รับส่วนลดแว่นตาอัจฉริยะ Gear VR มากถึง 50% กล่าวคือ จากราคาปกติที่ 3,500 บาท จะสามารถซื้อได้ราคาเพียง 1,750 บาท (เฉพาะ 300 ท่านแรก) และไม่เพียงเท่านั้น ผู้ให้บริการเครือข่ายยักษ์ใหญ่ในบ้านเราก็มีโปรโมชั่นสุดพิเศษมายั่วใจด้วยเช่นกัน ซึ่งทุกท่านสามารถเข้าไปดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ สรุปโปรโมชั่น และข้อมูลของ Samsung Galaxy S7 และ Galaxy S7 edge

ซึ่งโดยรวมแล้ว Samsung Galaxy S7 edge และ Galaxy S7 นั้นก็น่าจะเหมาะสำหรับผู้ที่กำลังมองหาสมาร์ทโฟนเรือธงที่สมบูรณ์แบบ และสดใหม่ที่สุด ณ ชั่วโมงนี้ บนตัวเครื่องดีไซน์สวยหรู กับแบรนด์ใหญ่ที่เชื่อถือได้ รวมถึงมั่นใจได้ว่าจะได้รับการอัปเดตระบบปฏิบัติการเวอร์ชันใหม่ๆ ต่อไปในอนาคต และแน่นอนว่าทุกท่านสามารถติดตามรีวิวฉบับเต็มของ Samsung Galaxy S7 edge และ Galaxy S7 จากทีมงานเว็บไซต์ไทยโมบายเซ็นเตอร์ของเราได้อีกครั้งในเร็วๆ นี้ สำหรับวันนี้ต้องขอลาไปก่อน ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามชม พบกันได้ใหม่ในบทความรีวิวครั้งต่อไป สวัสดีครับ

 

จุดเด่นของ Samsung Galaxy S7 edge และ Galaxy S7

- ตัวเครื่องมีคุณสมบัติในการป้องกันน้ำ และป้องกันฝุ่น ตามมาตรฐาน IP68 พร้อมเทคโนโลยี Rubber Seal และ Gortex
- เทคโนโลยีการผลิตตัวเครื่องแบบ Unibody (กรอบตัวเครื่องโลหะถูกขึ้นรูปเป็นชิ้นเดียวกัน) พร้อมกระจกขอบโค้งแบบ 3D Glass ที่ด้านหลังของตัวเครื่อง
- จอแสดงผลแบบ Super AMOLED Capacitive Touchscreen 16,700,000 สี ความละเอียด 2560x1440 Pixels (2K QHD : กว้าง 5.1 นิ้ว : 577 ppi) พร้อมกระจกหน้าจอแบบ 2.5D Glass (Galaxy S7)
- จอแสดงผลแบบ Dual Edge Curved Super AMOLED Capacitive Touchscreen 16,700,000 สี ความละเอียด 2560x1440 Pixels (2K QHD : กว้าง 5.5 นิ้ว : 534 ppi) (Galaxy S7 edge)
- หน่วยประมวลผลภาพกราฟิกโดยเฉพาะ (GPU : Graphics Processing Unit) แบบ Mali-T880 MP12 พร้อมรองรับ API กราฟิกแบบ Vulkan
- ฟังก์ชัน People edge, Apps edge, Tasks edge, Quick Tools (Galaxy S7 edge)
- ฟังก์ชัน Always On Display สำหรับแสดงข้อมูล หรือการแจ้งเตือนต่างๆ ขณะอยู่ที่หน้าจอ Lock Screen
- ประมวลผลการทำงานด้วยชิปเซ็ต 64-bit Exynos 8 Octa 8890 ความเร็วในการประมวลผล 2.3 GHz (ซีพียู Quad-Core Exynos M1 Mongoose ความเร็ว 2.3 GHz และซีพียู Quad-Core Cortex-A53 ความเร็ว 1.6 GHz)
- ขับเคลื่อนการทำงานด้วยระบบปฏิบัติการ Android OS เวอร์ชัน 6.0 (Marshmallow)
- หน่วยความจำภายในสำหรับเก็บบันทึกข้อมูล (UFS 2.0 : Universal Flash Storage) ขนาด 32 GB หรือ 64 GB
- หน่วยความจำ RAM (LPDDR4) ขนาด 4 GB
- รองรับการ์ดหน่วยความจำเสริมภายนอกแบบ microSD Card (TransFlash) ได้สูงสุดขนาด 200 GB
- กล้องดิจิทัลตัวหลักแบบ Dual Pixel ที่ด้านหลังของตัวเครื่อง ความละเอียดระดับ 12 ล้าน Pixels พร้อมเซ็นเซอร์รับภาพ Sony IMX260, ขนาดของรูรับแสงกว้างสูงสุดที่ F/1.7, ระบบป้องกันการสั่นแบบ Smart OIS, ระบบโฟกัสภาพอัตโนมัติแบบ Phase Detection Autofocus, รองรับการถ่ายวิดีโอที่ความละเอียดสูงสุดระดับ 4K UHD และโหมดถ่ายวิดีโอแบบ Hyperlapse
- กล้องดิจิทัลขนาดเล็กที่ด้านหน้าของตัวเครื่อง ความละเอียดระดับ 5 ล้าน Pixels พร้อมขนาดของรูรับแสงกว้างสูงสุดที่ F/1.7, ฟังก์ชัน Selfie Flash และ ฟังก์ชัน Spotlight
- รองรับการใช้งานอินเทอร์เน็ตผ่านทางระบบเครือข่าย 4G LTE, 3G HSPA+, EDGE, GPRS และ WiFi
- รองรับการเชื่อมต่อข้อมูลแบบไร้สายผ่านทาง NFC, Bluetooth และ ANT+
- ระบบ GPS ในตัว (Global Positioning System : ระบบดาวเทียมนำร่อง) พร้อมรองรับการใช้งานร่วมกับระบบดาวเทียม Glonass และ Beidou
- เซ็นเซอร์ตรวจวัดอัตราการเต้นของหัวใจ (Heart Rate Sensor)
- เซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือ (Fingerprint Sensor) สำหรับตรวจสอบสิทธิ์ของการเข้าใช้งานเครื่อง และการเข้าถึงข้อมูลภายใน
- รองรับการใช้งาน 2 ซิมการ์ดพร้อมกันภายในเครื่องเดียว (Dual SIM) พร้อมช่องใส่ซิมการ์ดแบบ Hybrid Slot
- แบตเตอรี่ Li-Ion 3000 mAh (Galaxy S7) หรือ Li-Ion 3600 mAh (Galaxy S7 edge)
- รองรับเทคโนโลยีการชาร์จแบตเตอรี่ความเร็วสูง (Quick Charge 3.0 : Fast Battery Charging) (ชาร์จแบตเตอรี่จาก 0-100% ภายในเวลา 90 นาที สำหรับ Galaxy S7 หรือ 100 นาที สำหรับ Galaxy S7 edge)
- รองรับเทคโนโลยีการชาร์จแบตเตอรี่แบบไร้สายความเร็วสูง (Fast Wireless Charging : WPC, PMA)
- Samsung Galaxy S7 มีราคาเปิดตัวอยู่ที่ 23,900 บาท ซึ่งยังคงเท่ากับรุ่นเดิม และ Galaxy S7 edge มีราคาเปิดตัวอยู่ที่ 26,900 บาท ซึ่งถูกกว่ารุ่นเดิม 1,000 บาท

 

จุดที่อาจจะต้องพิจารณาเพิ่มเติมของ Samsung Galaxy S7 edge และ Galaxy S7

- ด้วยพื้นผิวที่เป็นกระจกบริเวณด้านหน้า และด้านหลังของตัวเครื่อง จึงเกิดรอยคราบเปื้อน หรือรอยนิ้วมือได้ง่าย
- ตัวเครื่องมีความหนา และหนักมากกว่า Galaxy S6 edge และ Galaxy S6 เรือธงรุ่นเดิม
- การใส่การ์ดหน่วยความจำแบบ microSD ต้องใช้งานร่วมกับช่องใส่ซิมการ์ดที่สอง ไม่สามารถใช้งานพร้อมกันได้
- ไฟแฟลชยังคงเป็นแบบ Single-LED
- มีลำโพงเสียงเพียงตัวเดียว
- ไม่มีวิทยุ FM ในตัว

 

โปรดทราบ

* โทรศัพท์มือถือที่ท่านเห็นในบทความรีวิวนี้เป็นเพียงเครื่องทดสอบจากทางศูนย์ เพราะฉะนั้นคุณสมบัติบางอย่างอาจมีความแตกต่างจากเครื่องที่วางจำหน่ายจริงบ้างไม่มากก็น้อย รวมถึงจุดด้อยบางประการที่พบในเครื่องทดสอบ อาจจะถูกแก้ไขปรับปรุงให้ดีขึ้นในเครื่องที่วางจำหน่ายจริง ดังนั้นหากท่านสนใจซื้อโทรศัพท์มือถือรุ่นนี้ ควรตรวจสอบหรือทดลองใช้งานสินค้าด้วยตนเองอีกครั้งหนึ่ง *

 

สรุปข้อมูล และคุณสมบัติของ Samsung Galaxy S7 edge และ Galaxy S7

ท่านสามารถตรวจสอบข้อมูล, ข่าวคราวความเคลื่อนไหวอัปเดตล่าสุด พร้อมคุณสมบัติโดยละเอียดของ Samsung Galaxy S7 edge และ Galaxy S7 ได้โดยการคลิกที่ลิงก์ด้านล่างนี้

สรุปข้อมูล และข่าวอัปเดตล่าสุดของ Samsung Galaxy S7 edge และ Galaxy S7
สรุปคุณสมบัติโดยละเอียดของ Samsung Galaxy S7 edge
สรุปคุณสมบัติโดยละเอียดของ Samsung Galaxy S7

  title="Sony Xperia ZL Specification">

 

:: ไปหน้าแรกเว็บไซต์ Thaimobilecenter | ไปหน้าแรก Mobile Focus ::

 

 

 


 













 รีวิว OPPO A5x | Enco Buds3
สมาร์ตโฟนแบตอึด 6000 mAh พร้อมชาร์จไว 45W SUPERVOOC บนบอดี้สวยแกร่ง ในราคาไม่ถึง 4 พัน และ OPPO Enco Buds3 หูฟังไร้สายตัวคุ้ม

[รายละเอียด]
 รีวิว Alldocube iPlay60 Pad Pro
แท็บเล็ตจอใหญ่ 12.1 นิ้ว โทรได้ พร้อมคีย์บอร์ด ปากกา และรองรับ PC Mode ครบจบในเครื่องเดียว ในราคาไม่ถึง 9 พันบาท

[รายละเอียด]
 รีวิว OPPO Find N5
สมาร์ตโฟนจอพับบางที่สุดในโลก พร้อมกล้อง Hasselblad 3x Optical Zoom ชิปเซ็ต Snapdragon 8 Elite พลังชาร์จไว 80W และฟีเจอร์ AI ใหม่ล่าสุด

[รายละเอียด]
 รีวิว POCO F7 Pro | F7 Ultra
สมาร์ตโฟนทรงพลังที่สุดของค่าย แรงระดับเรือธง ฟีเจอร์ AI พร้อมใช้ ในราคาแค่ครึ่งเดียว เริ่มเพียง 15,990 บาท

[รายละเอียด]
 รีวิว Xiaomi 15 | Xiaomi 15 Ultra
เรือธงกล้อง Leica ที่น่าจับจองกว่าเดิม เพิ่มกล้อง 200MP ใหม่ซูมได้ 120x พร้อมฟีเจอร์ AI จัดเต็ม

[รายละเอียด]
 รีวิว Alldocube iPlay 50 mini
แท็บเล็ตไซส์มินิสุดคุ้ม โทรได้ มี GPS พร้อมฟีเจอร์ตอบโจทย์คนชอบดูหนัง และอ่าน e-Book ในราคาประหยัดเพียง 3,990 บาท

[รายละเอียด]
รายการรีวิวมือถือทั้งหมด








วางจำหน่ายแล้ว OPPO Enco Buds3 หูฟังไร้สาย แบตอึด 48 ชม. น้ำหนัก 3.8 กรัม ราคา 799 บาท
วางจำหน่ายแล้ว OPPO Enco Buds3 หูฟังไร้สาย แบตอึด 48 ชม. น้ำหนัก  
วางจำหน่ายแล้ว หูฟังไร้สายรุ่นใหม่ “OPPO Enco Buds3” พร้อมมอบการใช้งานที่ดื่มดำเต็มอรรถรสได้ตลอดวัน ในราค
realme Neo7 Turbo เตรียมเปิดตัวที่จีน 29 พฤษภาคมนี้ พร้อมดีไซน์ฝาหลังใสและชิป Dimensity 9400e
realme Neo7 Turbo เตรียมเปิดตัวที่จีน 29 พฤษภาคมนี้ พร้อมดีไซน์ฝา 
realme Neo7 Turbo สมาร์ตโฟนรุ่นใหม่ล่าสุดเตรียมเปิดตัวในประเทศจีนวันที่ 29 พฤษภาคมนี้ โดยล่าสุดได้เผยภาพเ
iPhone 7 Plus และ iPhone 8 ถูกจัดเป็นผลิตภัณฑ์รุ่นเก่า (Vintage) แล้ววันนี้
iPhone 7 Plus และ iPhone 8 ถูกจัดเป็นผลิตภัณฑ์รุ่นเก่า (Vintage)  
Apple ได้อัปเดตรายการผลิตภัณฑ์เก่า (Vintage) และผลิตภัณฑ์ล้าสมัย (Obsolete) อีกครั้งในวันนี้ โดยมีการเปลี
เทคนิคตั้งค่ากล้องมือถือให้ถ่ายสวยระดับโปร ทำอย่างไรไปดู!
เทคนิคตั้งค่ากล้องมือถือให้ถ่ายสวยระดับโปร ทำอย่างไรไปดู! 
ในปัจจุบันกล้องถ่ายภาพของสมาร์ทโฟนได้รับการอัปเกรดให้ล้ำกว่าแต่ก่อนมาก ไม่ว่าจะเป็นจำนวนกล้องที่มากขึ้น,
AirPods หายข้างเดียวทำไงดี ซื้อใหม่ข้างเดียวได้ไหม?
AirPods หายข้างเดียวทำไงดี ซื้อใหม่ข้างเดียวได้ไหม? 
ฝันร้ายของคนที่ใช้ AirPods คงจะหนีไม่พ้นการที่หูฟังหาย ซึ่งเท่าที่เคยพบเจอมาส่วนใหญ่แล้วจะไม่ได้หายทั้งเค
มือถือราคาไม่เกิน 10,000 ปี 2025 อัปเดตล่าสุดเดือน มี.ค. 2025 มีรุ่นไหนบ้างไปดู!
มือถือราคาไม่เกิน 10,000 ปี 2025 อัปเดตล่าสุดเดือน มี.ค. 2025 มีร 
ปัจจุบันสมาร์ทโฟนมีหลายรุ่นหลายราคาให้เลือกสรรกันตามกำลังทรัพย์ โดยรุ่นที่มักจะเป็นที่ต้องการอยู่เสมอคือร
มือถือเล่นเกมราคาไม่เกิน 10,000 บาท สเปกคุ้มค่า อัปเดตราคาล่าสุด ก.พ. 2025
มือถือเล่นเกมราคาไม่เกิน 10,000 บาท สเปกคุ้มค่า อัปเดตราคาล่าสุด  
สมาร์ทโฟนเกมมิ่ง หรือมือถือเล่นเกมยังคงได้รับความสนใจอยู่เสมอ โดยเฉพาะกลุ่มที่มีราคาไม่เกิน 10,000 บาท สำ
Samsung เปิดตัว Galaxy S25 Series ในไทย โชว์พลัง Galaxy AI ผ่านงานดนตรีสุดล้ำ ในงาน Here AI am Music Fest
Samsung เปิดตัว Galaxy S25 Series ในไทย โชว์พลัง Galaxy AI ผ่านงา 
ซัมซุงเปิดตัว Galaxy S25 Series สุดยิ่งใหญ่ในไทย โชว์ความเก่ง Galaxy AI ผู้ช่วยส่วนตัวคนใหม่ ผ่านงานดนตร
HMD Skyline วางขายในไทยแล้ววันนี้ในราคา 14,990 บาท มากับชิป Snapdragon 7s Gen 2, จอ 144Hz, ชาร์จไร้สาย และกล้องซูม
HMD Skyline วางขายในไทยแล้ววันนี้ในราคา 14,990 บาท มากับชิป Snapd 
HMD Skyline สมาร์ทโฟนผู้สืบทอดทางจิตวิญญาณของ Nokia Lumia ในตำนานเปิดตัวและวางจำหน่ายในประเทศไทยเรียบร้อย
อินฟินิกซ์ โปรกลางเดือน สมาร์ทโฟนรุ่นฮิต สเปคเทพ ราคาพิเศษ ส่วนลดจัดเต็ม [สิงหาคม 2024]
อินฟินิกซ์ โปรกลางเดือน สมาร์ทโฟนรุ่นฮิต สเปคเทพ ราคาพิเศษ ส่วนลด 
อินฟินิกซ์ อัดโปรฯ แรงกลางเดือน ขนสมาร์ทโฟนรุ่นฮิต สเปคเทพ ราคาโดน มาให้เลือกช้อป พร้อมส่วนลดจัดเต็มอีกเพ
รายการอัพเดททั้งหมด



ราคามือถือ อัพเดทล่าสุด !!


OPPO Reno13 5G 16,999 บาท ราคาลดลง 1,000 บาท จากราคาเดิม 17,999  บาท
Samsung Galaxy S25+ 34,900 บาท ราคาลดลง 2,000 บาท จากราคาเดิม 36,900  บาท
Samsung Galaxy S25 27,900 บาท ราคาลดลง 2,000 บาท จากราคาเดิม 29,900  บาท
Samsung Galaxy S25 Ultra 44,900 บาท ราคาลดลง 2,000 บาท จากราคาเดิม 46,900  บาท
Samsung Galaxy S24 FE 17,900 บาท ราคาลดลง 2,000 บาท จากราคาเดิม 19,900  บาท
OPPO Find N5 69,999 บาท
iPhone 13 128GB 15,900 บาท
iPhone 15 20,900 บาท ราคาลดลง 6,000 บาท จากราคาเดิม 26,900  บาท
OPPO Reno13 F 5G 12,999 บาท
Samsung Galaxy Z Fold6 58,900 บาท
Samsung Galaxy Z Flip6 34,900 บาท
POCO F6 Pro 13,490 บาท ราคาลดลง 2,500 บาท จากราคาเดิม 15,990  บาท
Samsung Galaxy A05s 4,499 บาท ราคาลดลง 500 บาท จากราคาเดิม 4,999  บาท
iPhone 15 Pro Max 39,500 บาท ราคาลดลง 7,400 บาท จากราคาเดิม 46,900  บาท
iPhone 15 Pro 35,400 บาท ราคาลดลง 3,100 บาท จากราคาเดิม 38,500  บาท
iPhone 15 Plus 29,900 บาท ราคาลดลง 3,300 บาท จากราคาเดิม 33,200  บาท
Redmi Pad SE 4,999 บาท
Samsung Galaxy Tab S9+ 35,900 บาท
vivo Y27 5G 6,999 บาท
รายการ ราคามือถือ ทั้งหมด



อัพเดท ข่าวสารล่าสุด (New update)

Xbox ปล่อย Copilot for Gaming (Beta) บนอุปกรณ์มือถือ พร้อมรองรับทั้ง iOS และ Android ผู้ช่วยเกมเมอร์อัจฉริยะ
Xbox ปล่อย Copilot for Gaming (Beta) บนอุปกรณ์มือถือ พร้อมรอ 
Xbox เปิดให้เหล่าเกมเมอร์ได้ทดลองใช้งานฟีเจอร์ใหม่ล่าสุด Copilot for Gaming (Beta) ที่ถูกออกแบบมาเพื่อยกร
LINE อัปเดตฟีเจอร์ “รีแอคชั่น” ใหม่! เพิ่มสีสันให้การแชทผ่านการส่งรีแอคชั่นข้อความด้วย LINE Emoji ได้ทุกรูปแบบแล้ววันนี้
LINE อัปเดตฟีเจอร์ “รีแอคชั่น” ใหม่! เพิ่มสีสันให้การแชทผ่าน 
LINE อัปเดตฟีเจอร์ “รีแอคชั่น” ใหม่ ผู้ใช้งานทุกท่านสามารถเลือกใช้ LINE Emoji ทุกรูปแบบในการส่งรีแอคชั่นต
MAHAJAK สบายใจ สบายจ่าย ผ่อน 0% นานสูงสุด 10 เดือน อยู่ที่ไหนก็ผ่อนได้ กับบัตรเครดิตที่ร่วมรายการ
MAHAJAK สบายใจ สบายจ่าย ผ่อน 0% นานสูงสุด 10 เดือน อยู่ที่ไห 
มหาจักรดีเวลอปเมนท์ จัดให้กับโปรโมชันผ่อนได้นานสูงสุดถึง 10 เดือน พร้อมให้ทุกคนได้เป็นเจ้าของเครื่องเสียง
Samsung เปิดตัวทีวี AI รุ่นใหม่ การันตีอัปเดต OS ฟรี 7 ปี พร้อมรับโปรพิเศษ 7 ต่อ
Samsung เปิดตัวทีวี AI รุ่นใหม่ การันตีอัปเดต OS ฟรี 7 ปี พร 
ซัมซุง มอบความมั่นใจให้ลูกค้า การันตีอัปเดต OS ฟรีนาน 7 ปี บนไลน์อัปทีวี AI รุ่นใหม่
Xiaomi รายได้พุ่งทะลุ 111.3 พันล้านหยวน ไตรมาสแรกปี 2025 กำไรโต 64.5%
Xiaomi รายได้พุ่งทะลุ 111.3 พันล้านหยวน ไตรมาสแรกปี 2025 กำไ 
เสียวหมี่ทำรายรับทะลุ 111.3 พันล้านหยวนในไตรมาสแรกของปี 2568 ซึ่งทำยอดทะลุ 1 แสนล้านหยวนเป็นไตรมาสที่สองต
รายการอัพเดททั้งหมด


    Catalog มือถือ     market     Review มือถือ      ราคามือถือ     forum
Catalog มือถือ
Catalog มือถือ Nokia
Catalog มือถือ Samsung
Catalog มือถือ SonyEricsson
Catalog มือถือ i-mobile
Catalog มือถือ LG
Catalog มือถือ BlackBerry
ลงประกาศสินค้ามือถือ
สมัครสมาชิก
หน้าแรกตลาดซื้อขายมือถือ
 
หน้าแรกรีวิว
รีวิว มือถือ Nokia
รีวิว มือถือ Samsung
รีวิว มือถือ Motorola
รีวิว มือถือ LG
 

ราคามือถือ Samsung
ราคามือถือ iPhone
ราคามือถือ Huawei
ราคามือถือ OPPO
ราคามือถือ Vivo
   
   
หน้าแรก cafe
Nokia club
ตั้งหัวข้อใหม่
 

© Copyright all rights reserved : ThaiMobileCenter.com