รีวิว (Review) Samsung Galaxy Note5
Galaxy Note ที่สวยล้ำที่สุดเท่าที่เคยมีมา ด้วยดีไซน์แบบ Dual-Glass ขอบหลังโค้งมน กับบอดี้อะลูมิเนียมเกรดพรีเมียม พร้อมปากกาที่ดีกว่าเดิม และการต่อยอดฟีเจอร์ไฮเอนด์ให้สมบูรณ์แบบกว่าที่เคย
Review
Date (8-ตุลาคม-2558)
กลับมาอีกครั้งตามสัญญา หลังจากที่ทุกท่านได้อุ่นเครื่องด้วยการติดตามชม พรีวิว (Preview) สัมผัสแรกของ Samsung Galaxy Note5 สมาร์ทโฟนเรือธงเพื่อการขีดเขียนรุ่นใหม่ล่าสุดกันไปแล้ว วันนี้เพื่อความต่อเนื่อง ทีมงานก็ขอนำเอา รีวิว (Review) ฉบับเต็มของ Samsung Galaxy Note5 มาให้ชมกันบ้าง
สำหรับ Samsung Galaxy Note 5 รุ่นนี้ก็ต้องยอมรับว่าเป็นสมาร์ทโฟนเรือธงรุ่นหนึ่งที่มีคนเฝ้ารอคอยมากที่สุด ด้วยการที่เป็นตัวตายตัวแทนของรุ่นพี่อย่าง Samsung Galaxy Note 4 รวมถึง Galaxy Note ทุกรุ่นที่ผ่านมา ซึ่งล้วนสร้างความประทับใจให้กับผู้ใช้มาอย่างยาวนาน และในที่สุดเมื่อค่ำคืนของวันที่ 13 สิงหาคม 2558 ที่ผ่านมา ซัมซุง ก็ได้ฤกษ์เปิดตัว Samsung Galaxy Note 5 รุ่นนี้ออกมาสู่สายตาชาวโลก พร้อมกับรุ่นคู่ขวัญอย่าง Samsung Galaxy S6 edge+ ซึ่งเป็นรุ่นอัปเกรดจากเรือธงจอขอบโค้งรุ่นเดิมอย่าง Samsung Galaxy S6 edge ให้มีจอที่ใหญ่ขึ้น และคุณสมบัติบางส่วนที่ดีขึ้น โดยวันนี้ก็นับเป็นฤกษ์งามยามดีที่ทีมงานของเราจะได้นำเอาประสบการณ์จากการใช้งาน Galaxy Note5 มาแบ่งปันให้กับทุกท่านได้รับชมกันแบบเจาะลึกทุกซอกทุกมุม
สำหรับพัฒนาการของ Samsung Galaxy Note5 รุ่นนี้ อย่างแรกที่เห็นได้ชัดเจนก็คือการออกแบบดีไซน์ที่สวยหรูดูพรีเมียมมากกว่า Samsung Galaxy Note 4 รุ่นเดิมอย่างเห็นได้ชัด ด้วยบอดี้โลหะอะลูมิเนียมสุดแกร่งที่ ซัมซุง ให้ข้อมูลว่าเป็นอะลูมิเนียมเกรดดีกว่า Samsung Galaxy S6 edge ไปอีกขั้น รวมไปถึงกระจกขอบโค้งที่ด้านหลังของตัวเครื่อง ที่ถูกเคลือบฟิล์มเอาไว้อีกชั้น จึงทำให้เมื่อตกกระทบกับแสงในมุมต่างๆ โทนสีที่เห็นจะมีความแตกต่างกันไป ซึ่งจะเห็นว่าดีไซน์โดยรวมได้รับแรงบันดาลใจมาจาก Samsung Galaxy S6 กับ Galaxy S6 edge มากพอสมควร และนอกจากวัสดุจะอัปเกรดขึ้นแล้ว น้ำหนักตัวก็เบาลง และมีความบางเฉียบมากกว่าเดิมอีกต่างหาก แต่ก็ต้องแลกมาด้วยความจุของแบตเตอรี่ที่น้อยลงด้วยเช่นกัน
นอกจากในเรื่องของดีไซน์แล้ว ความสามารถอื่นๆ ก็ถูกพัฒนาขึ้นมาไม่น้อย ไม่ว่าจะเป็นปากกา S Pen แบบใหม่ที่ใช้งานได้สมจริงเป็นธรรมชาติมากยิ่งขึ้น พร้อมสปริงด้านท้ายที่ถูกเพิ่มเข้ามาเพื่อการเก็บ และนำออกมาใช้งานได้อย่างสะดวกคล่องตัวมากขึ้น, ฟังก์ชัน Air Command แบบใหม่ที่สามารถปรับแต่งเองได้ และจะมีทางลัดค้างอยู่บนหน้าจอตลอดเวลา เพื่อการเรียกใช้งานได้อย่างรวดเร็วทันใจ, ฟังก์ชัน Scrapbook แบบใหม่, ฟังก์ชัน Screen Write ที่สามารถจับภาพหน้าจอยาวๆ ได้ในภายในรูปเดียว, ฟังก์ชัน Screen Off Memo ที่ใช้ปากกาเขียนจดบันทึกได้แม้ในขณะที่ล็อกหน้าจอ, รองรับบริการ Samsung Pay อย่างเต็มรูปแบบ, รองรับเทคโนโลยี Fast Wireless Charging, เทคโนโลยี UHQ Upscaler ที่ช่วยเพิ่มคุณภาพเสียงเพลง และอีกมากมาย
ส่วนคุณสมบัติทางด้านฮาร์ดแวร์ แม้หน้าจอแสดงผลจะมีขนาดเท่าเดิม, ใช้เทคโนโลยีเดิม และมีความละเอียดเท่าเดิม แต่ตัวเครื่องกลับดูผอมเพรียวลง ด้วยขอบของหน้าจอที่เล็กลงนั่นเอง รวมถึงมีกล้องหน้าที่ละเอียดมากขึ้น, ระบบกันสั่นที่ดีขึ้น, หน่วยประมวลผลที่ดีขึ้น, ระบบปฏิบัติการที่สดใหม่ขึ้น, หน่วยความจำที่มากขึ้น, การเชื่อมต่อที่รวดเร็วขึ้น และเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือแบบใหม่ที่มีประสิทธิภาพมากกว่าเดิม ซึ่งรายละเอียดเพิ่มเติมในแต่ละส่วนจะเป็นอย่างไร ในรีวิวด้านล่างนี้จะแจกแจงให้ทุกท่านได้ทราบ รวมไปถึงข้อมูลราคา และการวางจำหน่ายของ Galaxy Note 5 ในประเทศไทยด้วยเช่นเดียวกัน
สรุปคุณสมบัติโดยรวมของ Samsung Galaxy Note5 พร้อมเปรียบเทียบคุณสมบัติกับ Samsung Galaxy Note 4
ก่อนที่เราจะไปชมรายละเอียดในเบื้องลึกของ Samsung Galaxy Note5 กัน ในเบื้องต้นก็ขอนำเอาข้อมูลเปรียบเทียบคุณสมบัติระหว่าง Samsung Galaxy Note 4 รุ่นเก่า กับ Samsung Galaxy Note5 รุ่นใหม่รุ่นนี้มาให้ชมกันก่อน ซึ่งจากตารางเปรียบเทียบด้านล่างนี้จะเห็นว่า Galaxy Note5 นั้นจะมีหน้าจอแบบ Super AMOLED เช่นเดิม บนขนาดเท่าเดิม และความละเอียดเท่าเดิม, มีการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตที่เร็วขึ้น, มีกล้องหน้าที่ละเอียดมากขึ้น, กล้องหลังมีความละเอียดเท่าเดิม แต่ทำงานได้เร็วขึ้น และมีเทคโนโลยี HDR กับระบบกันสั่นที่ดีขึ้น, มีแบตเตอรี่ความจุน้อยลง, รองรับการชาร์จแบตเตอรี่แบบไร้สายได้ในตัว, มีเทคโนโลยี UHQ Upscaler พร้อมลำโพงเสียงที่ดีขึ้น, มีหน่วยประมวลผลที่ดีขึ้น, มีหน่วยความจำ ROM ที่ใหญ่ขึ้นเท่าตัว, มีหน่วยความจำ RAM ที่มากขึ้น และเร็วขึ้น ตลอดจนมีตัวเครื่องที่บางเฉียบลง และมีน้ำหนักที่เบากว่าเดิม
ส่วนราคาเปิดตัวอย่างเป็นทางการในประเทศไทยของ Samsung Galaxy Note5 นั้นยังคงเท่ากันกับราคาเปิดตัวของ Samsung Galaxy Note 4 คือจะมีราคาอยู่ที่ 25,900 บาท (รุ่นความจุ 32GB) ซึ่งก็นับว่าเป็นเรื่องที่ดีที่ไม่มีการอัปราคาขึ้น แต่จะมีโปรโมชั่นลดราคาพิเศษเหลือ 24,900 บาท เช่นเดียวกันกับงาน Thailand Mobile Expo เมื่อปีที่ผ่านมาหรือไม่ ก็คงต้องติดตามข่าวคราวกันอีกครั้งหนึ่ง
แกะกล่อง พร้อมส่องรูปลักษณ์ภายนอกตัวเครื่อง และการออกแบบดีไซน์ของ Samsung Galaxy Note5
กล่องบรรจุภัณฑ์ของ Galaxy Note5 เรียกได้ว่าเหมือนกับรูปที่หลุดออกมาก่อนเปิดตัวไม่มีผิดเพี้ยน
อุปกรณ์มาตรฐานที่มีมาให้ในกล่องจะประกอบไปด้วย ตัวเครื่อง Galaxy Note5, หูฟัง, สาย microUSB, อะแดปเตอร์ชาร์จแบตเตอรี่ซึ่งรองรับการชาร์จแบบเร็ว, หัวปากกา S Pen, แหนบคีบหัวปากกา, SIM Door Key และคู่มือการใช้งานอย่างย่อ
เมื่อมองที่ด้านหน้าของตัวเครื่อง จะรู้สึกได้ว่ามีความเพรียวบางกว่า Galaxy Note4 รุ่นพี่ แม้จะมีหน้าจอขนาด 5.7 นิ้วเท่ากันก็ตาม เนื่องจากขอบของหน้าจอที่บางลงนั่นเอง แต่ในทางตรงกันข้ามด้วยขอบของหน้าจอที่บางลงนี้ก็อาจทำให้นิ้วไปสัมผัสโดนหน้าจอแบบไม่ตั้งใจได้บ่อยครั้งเช่นเดียวกัน
โดยที่ด้านหน้าของตัวเครื่องนี้จะประกอบไปด้วยเซ็นเซอร์ Proximity, ลำโพงหูฟังสำหรับการสนทนา, เลนส์กล้องความละเอียด 5 ล้านพิกเซล, จอแสดงผลแบบ Super AMOLED ขนาด 5.7 นิ้ว ความละเอียดระดับ 2K QHD ที่ยังคงคมชัด สีสันสดใสเช่นเดิม พร้อมกระจก Gorilla Glass 4 สุดแกร่ง
ปุ่ม Recent Apps กับปุ่มย้อนกลับแบบสัมผัส พร้อมไฟ Backlight และปุ่มโฮมแบบ Hard Key ซึ่งมีเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือในตัว สำหรับใช้ปลดล็อกหน้าจอ หรือใช้งานร่วมกับบริการ Samsung Pay
ที่ด้านหลังของตัวเครื่องสวยหรูกว่าเดิมด้วยกระจกขอบโค้งสองด้าน ซึ่งหากเป็นตัวเครื่องสีทองดังในภาพ ก็จะให้ความรู้สึกที่เหมือนกำลังถือทองแท่งอยู่เลยทีเดียว พร้อมกับการเคลือบด้วยชั้นฟิล์มเช่นเดียวกันกับ Galaxy S6 ซึ่งเมื่อมีแสงตกกระทบในมุมต่างๆ โทนสีที่เห็นก็จะมีความแตกต่างกันไปด้วย ทำให้บางมุมมองอาจออกเป็นสีเงิน โดยที่ด้านหลังนี้จะประกอบไปด้วยกล้องดิจิทัลความละเอียด 16 ล้านพิกเซล, ไฟแฟลช LED และเซ็นเซอร์ตรวจวัดอัตราการเต้นของหัวใจ
ด้วยกระจกขอบโค้งที่ด้านหลังของตัวเครื่อง นอกจากจะช่วยในเรื่องของความสวยงามแล้ว ก็ยังช่วยให้การจับถือมีความกระชับเข้ามือมากขึ้นด้วยเช่นกัน
กรอบตัวเครื่องทำมาจากโลหะอะลูมิเนียมเกรดพรีเมียม ซึ่งจากข้อมูลที่ทาง ซัมซุง ให้มา ระบุไว้ว่าเป็นอะลูมิเนียมเกรดที่ดีกว่า Galaxy S6 ไปอีกขั้นหนึ่ง ซึ่งมีความแข็งแรงทนทานมากกว่า
ที่ด้านซ้ายของตัวเครื่องประกอบไปด้วยปุ่มเพิ่ม-ลดเสียง โดยตัวเครื่อง Galaxy Note5 จะมีความบางเฉียบกว่า Galaxy Note 4 อยู่ราวๆ 0.9 มิลลิเมตร รวมถึงมีน้ำหนักที่เบากว่าเล็กน้อย
ที่ด้านขวาของตัวเครื่องมีเพียงปุ่มเปิด-ปิดเครื่อง หรือล็อกหน้าจอ
ที่ด้านบนของตัวเครื่องประกอบไปด้วยไมโครโฟนสำหรับการตัดเสียงรบกวน และช่องใส่ซิมการ์ดแบบ nanoSIM โดยจะเห็นว่าเซ็นเซอร์ Infrared ที่เคยมีมาใน Galaxy Note4 ถูกตัดออกไป
เมื่อใช้เข็ม SIM Door Key จิ้มลงไป ถาดใส่ซิมการ์ดก็จะดันตัวออกมา
รองรับการใช้งานซิมการ์ดแบบ nanoSIM (ซิมเดียว)
แต่ก็น่าเสียดายที่ Galaxy Note5 ไม่สามารถรองรับการ์ดหน่วยความจำแบบ microSD หรือแบบอื่นๆ ได้อีกต่อไป
ที่ด้านล่างของตัวเครื่องประกอบไปด้วยช่องต่อสายหูฟังมาตรฐานขนาด 3.5 มิลลิเมตร, ช่องเชื่อมต่อแบบ microUSB สำหรับการชาร์จแบตเตอรี่ หรือการโอนถ่ายข้อมูล, ลำโพงเสียง, ไมโครโฟนสำหรับการสนทนา หรือบันทึกเสียง และช่องเก็บปากกา S Pen แบบใหม่
สำหรับปากกา S Pen แบบใหม่นี้ จะเป็นระบบสปริง ซึ่งการนำออกมาใช้งาน ต้องใช้นิ้วดันเข้าไปเล็กน้อย
เมื่อใช้นิ้วดันเข้าไป ก้นปากกาก็จะเด้งออกมา พร้อมให้เราดึงออกมาใช้งาน
ปากกา S Pen ของ Galaxy Note5 ถูกดีไซน์ขึ้นมาใหม่ทั้งหมด ทั้งระบบสปริง และโทนสีที่ดูหรูหรามากขึ้น
เมื่อเทียบตัวต่อตัวกับรุ่นพี่อย่าง Galaxy Note 4 ก็จะเห็นว่า Galaxy Note5 ดูมีความเพรียวบางมากกว่า และดูสวยหรูลงตัวมากกว่าอย่างเห็นได้ชัด
Galaxy Note5 จะไม่สามารถถอดฝาหลังออกมาได้ ซึ่งต่างจาก Galaxy Note 4 และด้วยพื้นผิวแบบกระจกที่มันวาว แม้จะดูสวยหรูสะดุดตามากกว่า แต่ก็ทำให้เกิดคราบเปื้อน หรือรอยนิ้วมือได้ง่ายกว่าด้วยเช่นกัน
ปุ่มเพิ่ม-ลดเสียงอยู่ที่ด้านซ้ายเช่นเดิม แต่มีดีไซน์ที่เปลี่ยนไป รวมถึงมีวัสดุที่ดีกว่า และมีชิ้นงานที่ดูละเอียดประณีตมากกว่า
ปุ่มเปิด-ปิดเครื่อง หรือล็อกหน้าจออยู่ที่ด้านขวาของตัวเครื่องเช่นเดิม
ที่ด้านบนของตัวเครื่องถูกเพิ่มช่องใส่ซิมการ์ดเข้ามา แต่ก็ตัดเซ็นเซอร์ Infrared ออกไป และย้ายช่องเสียบสายหูฟังไปไว้ที่ด้านล่าง
ช่องเสียบสายหูฟังขนาด 3.5 มิลลิเมตร รวมถึงลำโพงเสียงจะถูกย้ายมาไว้ที่ด้านล่าง ส่วนไมโครโฟนด้านล่างจะเหลือเพียงตัวเดียว และช่องเก็บปากกา S Pen ก็ดูสวยเนียนลงตัวมากขึ้น
ปากกา S Pen ดีไซน์ใหม่ที่สวยหรูกว่าเดิม พร้อมระบบสปริงที่ด้านท้าย
เปิดเครื่องใช้งาน พร้อมการทดสอบฟีเจอร์ และแอปพลิเคชันต่างๆ ใน Samsung Galaxy Note5
Samsung Galaxy Note5 จะเลือกใช้หน่วยประมวลผลตัวใหม่ล่าสุดของ ซัมซุง เอง นั่นคือชิปเซ็ต 64-bit Octa-Core Exynos 7420 (ซีพียู Quad-Core ARM Cortex-A57 ความเร็ว 2.1 GHz และ Quad-Core ARM Cortex-A53 ความเร็ว 1.5 GHz) ซึ่งใช้เทคโนโลยีการผลิตในระดับ 14 นาโนเมตร พร้อมหน่วยประมวลผลกราฟิกแบบ Mali-T760
Galaxy Note5 โมเดลที่ได้มาทดสอบนี้คือโมเดล SM-N920C ซึ่งเป็นโมเดลเดียวกันกับที่จะวางจำหน่ายในประเทศไทย และมาพร้อมกับระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์เวอร์ชันใหม่ล่าสุดอย่าง Android 5.1.1 Lollipop
มีเซ็นเซอร์ต่างๆ แบบจัดเต็ม เท่าที่จะใส่มาได้ในสมาร์ทโฟนยุคใหม่ โดยเซ็นเซอร์ที่เด่นๆ ก็เห็นจะเป็นเซ็นเซอร์ตรวจวัดอัตราการเต้นของหัวใจ กับเซ็นเซอร์ตรวจนับก้าว ซึ่งเหมาะสำหรับคนที่ดูแลรักษาสุขภาพ หรือคนที่ชอบออกกำลังกาย
รุ่นที่ทดสอบอยู่นี้จะเป็นรุ่นความจุ 32 GB ซึ่งจะมีพื้นที่เหลือให้ใช้งานจริงอยู่ประมาณ 24.57 GB (ในกรณีที่ยังไม่ได้ติดตั้งแอปพลิเคชันใดๆ เพิ่มเติมด้วยตนเอง) แต่นอกจากรุ่นความจุ 32 GB แล้ว ในบ้านเราก็มีรุ่นความจุ 64 GB จำหน่ายด้วยเช่นกัน
สำหรับผู้ใช้งาน Samsung Galaxy Note5 รับพื้นที่เก็บข้อมูลแบบ Cloud Storage บน OneDrive เพิ่มได้ฟรีถึง 100GB และใช้งานได้เป็นระยะเวลานานถึง 2 ปี
Air Command แบบใหม่ ซึ่งฟังก์ชันหลักจะประกอบไปด้วยฟังก์ชัน Action Memo, Smart Select และ Screen White แต่ที่พิเศษกว่าเดิมก็คือเราสามารถเพิ่มทางลัดไปยังแอปพลิเคชันต่างๆ ได้ด้วยตนเอง และมีไอคอนทางลัดสำหรับการเรียกใช้ฟังก์ชัน Air Command ปรากฏอยู่บนทุกๆ หน้าจอ เพื่อการเรียกใช้งานที่รวดเร็วทันใจ
สามารถเลือกแอปพลิเคชันโปรดไปไว้ที่ Air Command ได้ทั้งหมด 3 แอปพลิเคชันด้วยกัน
มีไอคอนทางลัดสำหรับเรียกใช้ Air Command ปรากฏอยู่บนทุกๆ หน้าจอ ช่วยให้สามารถเรียกใช้งาน Air Command ได้แบบทันทีทันใด และเราสามารถลากย้ายตำแหน่งของไอคอนทางลัดนี้ได้อย่างอิสระ
อีกหนึ่งฟังก์ชันใหม่สำหรับการใช้งานปากกา S Pen ก็คือฟังก์ชัน Screen Off Memo ที่ช่วยให้เราสามารถใช้ปากกาขีดเขียน หรือจดบันทึกได้ทันทีในขณะที่กำลังล็อกหน้าจออยู่ ซึ่งนับว่าสะดวก และมีประโยชน์มากเลยทีเดียว และปากกามีการตอบนองที่เร็วขึ้น ตามข้อมูลคือเร็วขึ้นประมาณ 20 ms
ทุกๆ ช่องข้อความ เราสามารถใช้ปากกาเขียนเป็นลายมือได้โดยตรง (Direct Pen Input) เช่นหากเราต้องการค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับ Galaxy Note5 ก็เพียงแค่เขียนคำว่า Galaxy Note5 ลงไปในช่องได้ทันที โดยไม่ต้องเสียเวลาพิมพ์ด้วยคีย์บอร์ดแต่อย่างใด
ด้วยฟังก์ชัน Action Memo เพียงแค่เราเขียนตัวเลข หรือข้อความลงไป เครื่องก็จะมีทางเลือกสำหรับกระทำกับข้อความนั้นๆ ให้เลือกหลากหลายรูปแบบ ทั้งการโทรออก, การบันทึกผู้ติดต่อ, การส่งข้อความ, การส่งอีเมล, การค้นหาข้อมูลในอินเทอร์เน็ต, การค้นหาแผนที่ และการบันทึกข้อมูลในรายการงานที่ต้องทำ
ตัวอย่างของการนำหมายเลขโทรศัพท์มาใช้เพื่อการโทรออก และการเก็บบันทึกในสมุดโทรศัพท์
ตัวอย่างของการนำชื่อของสถานที่มาค้นหาตำแหน่งในแผนที่ Google Maps
ด้วยฟังก์ชัน Smart Select เมื่อเราเจอสิ่งที่น่าสนใจใดๆ ปรากฏอยู่บนหน้าจอ ไม่ว่าจะเป็นรูปภาพ หรือข้อความ เราก็เพียงแค่ลากปากกาล้อมกรอบส่วนที่เราต้องการเก็บบันทึกเอาไว้ โดยมีรูปแบบของการล้อมกรอบทั้งหมด 4 รูปแบบด้วยกัน ได้แก่แบบสี่เหลี่ยม, แบบอิสระ, แบบวงกลม และแบบอัตโนมัติ ซึ่งส่วนที่เราเลือกเอาไว้ก็จะถูกเก็บบันทึกไว้ใน Scrapbook นั่นเอง
ด้วยฟังก์ชัน Screen Write จะช่วยให้เราสามารถจับภาพหน้าจอที่เราต้องการ แล้วนำมาขีดเขียน หรือตกแต่งในภายหลังได้ตามใจชอบ
อีกหนึ่งฟังก์ชันใหม่ที่มาพร้อมกับฟังก์ชัน Screen Write ใน Galaxy Note5 ก็คือฟังก์ชัน Scroll Capture ซึ่งเป็นการจับภาพหน้าจอที่มีความยาวมากๆ ได้ในภาพเดียว ยกตัวอย่างเช่นหน้าเว็บไซต์ที่มีเนื้อหาเยอะๆ ที่เรามักจะเห็นกันอยู่ทั่วไป โดยฟังก์ชัน Screen Write นี้สามารถเก็บบันทึกได้มากถึง 22 หน้าภายในภาพเดียวกันเลยทีเดียว
แอปพลิเคชัน S Note สำหรับการวาด การเขียน ที่คุ้นเคยกันดี ซึ่งหากเทียบกับรุ่นเดิมอย่าง Galaxy Note 4 จะพบว่าแอปพลิเคชัน S Note บน Galaxy Note5 จะมีอินเตอร์เฟสที่ดูสวยงามทันสมัยน่าใช้งานมากขึ้น และปากกามีการตอบสนองที่ดีขึ้น
นอกจากจะรองรับการขีดเขียนด้วยปากกาได้แล้ว ก็ยังสามารถรองรับการสร้างข้อความด้วยการพิมพ์ผ่านคีย์บอร์ดได้เช่นเดิม
นอกจากในหน้าจดบันทึก เราจะสามารถขีดเขียนด้วยปากกา และใส่ข้อความด้วยคีย์บอร์ดได้แล้ว เราก็ยังสามารถเรียกใช้ฟังก์ชันเพิ่มรูปภาพ, ถ่ายรูป, Photo Note, บันทึกเสียง, รูปทรงพิเศษ, คลิปบอร์ด และ Scrapbook ได้
หากไม่ชอบพื้นหลังเรียบๆ ที่อาจจะดูไร้สีสัน เราก็สามารถเปลี่ยนรูปพื้นหลังให้สวยงามเตะตาขึ้นได้ตามใจชอบ
สามารถใส่รูปทรงพิเศษได้มากมายหลายรูปแบบ เพื่อตกแต่งสมุดโน้ตให้ดูมีความน่าสนใจมากยิ่งขึ้น
ใน Scrapbook เราสามารถสร้างหมวดหมู่ของเนื้อหาเอาไว้ได้ตามต้องการ เพื่อให้สามารถค้นหาข้อมูลได้ง่าย และนำมาใช้งานได้อย่างสะดวกรวดเร็ว
สามารถปรับการแสดงผลให้เป็นแบบรายการที่มีคอลัมน์เดียว หรือจะให้เป็นแบบ 2 คอลัมน์ก็ได้เช่นกัน
มีวิดเจ็ตสำหรับการใช้งานร่วมกับแอปพลิเคชัน S Note โดยเฉพาะ
ฟังก์ชัน Air View ยังคงมีให้ใช้งานอยู่เช่นเดิม ไม่ต่างจาก Galaxy Note รุ่นก่อนหน้านี้ โดยเมื่อเราเอาปากกาไปจ่อใกล้ๆ กับส่วนใดส่วนหนึ่งหน้าจอ ก็จะมีข้อมูลอย่างย่อ หรือคำสั่งอย่างย่อของส่วนนั้นๆ แสดงขึ้นมา
อีกฟังก์ชันที่ถูกถ่ายทอดมาจาก Galaxy Note 4 รุ่นพี่ก็คือฟังก์ชัน Pen Mouse ซึ่งรองรับการลากปากกาล้อมกรอบเพื่อเลือกบางสิ่งพร้อมๆ กันหลายรายการ และสั่งให้กระทำการบางอย่างได้ในคราวเดียว เช่นหากต้องการเลือกลบรูปภาพหลายๆ รูปพร้อมกัน ก็สามารถทำได้โดยง่าย
การตั้งค่าสำหรับการใช้งานปากกาที่ยืดหยุ่น และหลากหลาย
การตั้งค่าเพิ่มเติมสำหรับการใช้งานฟังก์ชัน Air Command
เชื่อว่าหลายๆ คนคงยังไม่ถูกใจกับประสิทธิภาพของเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือแบบเก่าบน Galaxy Note 4 มากนัก ดังนั้นบน Galaxy Note 5 จึงมาพร้อมกับเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือแบบใหม่ ซึ่งเป็นระบบสัมผัสที่มีประสิทธิภาพมากกว่าเดิม ไม่ต้องคอยรูดนิ้วให้ยากเหมือนรุ่นพี่ โดยก่อนใช้งานเราต้องทำการลงทะเบียนลายนิ้วมือให้เรียบร้อยเสียก่อน พร้อมกำหนดรหัสผ่านสำรอง เผื่อไว้ในกรณีที่เกิดเหตุสุดวิสัยที่เราไม่สามารถใช้นิ้วมือของเราสแกนได้
แค่แตะนิ้วเบาๆ ลงบนเซ็นเซอร์ ก็สามารถปลดล็อกหน้าจอ หรือสามารถเข้าถึงฟังก์ชันอื่นๆ ที่รองรับได้อย่างรวดเร็ว เรียกว่ามีความแม่นยำมากพอที่จะทำให้ไม่ต้องคอยลุ้นว่าจะสแกนติด หรือไม่ติด
แถบ Notification Bar ที่ดูไม่แตกต่างไปจาก Galaxy Note4
มีวิดเจ็ตให้เลือกใช้งานมากมายหลากหลายเช่นเดิม
ที่หน้าโฮม เราสามารถปรับอัตราส่วนของการแสดงผลได้ 3 รูปแบบด้วยกัน ได้แก่ 4x4, 4x5 และ 5x5
เมื่อสไลด์เลื่อนมาที่ด้านซ้ายสุดของหน้าโฮม ก็จะพบกับส่วนของ Flipboard Briefing ซึ่งเป็นหน้าที่รวบรวมข่าวสารต่างๆ เอาไว้ภายในที่เดียวกัน
มีแอปพลิเคชันจาก Google ติดตั้งมาให้พร้อมใช้งานอย่างครบครัน ไม่ว่าจะเป็น Search, Chrome, Gmail, Maps, YouTube, Drive, Play Music, Play Movies & TV, Hangouts และ Photos
ทางลัด หรือไอคอนของแอปพลิเคชันพื้นฐานต่างๆ ถูกดีไซน์ใหม่ทั้งหมด มีความโค้งมนมากกว่า และดูสวยงามน่าใช้งานมากขึ้น
มีแอปพลิเคชันตัวเด่นของ ซัมซุง อย่าง Galaxy Gift, Galaxy Rewards และอื่นๆ ติดตั้งมาให้พร้อมใช้งาน
สามารถปรับแต่งแก้ไขหน้ารวมแอปพลิเคชันได้อย่างอิสระเช่นเคย ทั้งการย้ายตำแหน่ง, การถอนการติดตั้ง, การจัดกลุ่ม และอื่นๆ
หากไม่อยากใช้อินเตอร์เฟสแบบเดิมๆ ก็สามารถเปลี่ยนธีมได้เองตามใจชอบ ซึ่งสามารถเข้าไปดาวน์โหลดธีมมาติดตั้งเพิ่มเติมได้มากมาย
หากคิดว่าอินเตอร์เฟสมาตรฐานดูซับซ้อน หรือใช้ยากจนเกินไป ก็สามารถปรับเปลี่ยนให้เป็นโหมดใช้ง่ายได้
รองรับฟังก์ชันการใช้งานด้วยมือข้างเดียว (One-Handed Operation) และฟังก์ชัน Smart Stay
สำหรับฟังก์ชัน One-Handed Operation จะเป็นการลดขนาดหน้าจอของแอปพลิเคชันบางอย่างลงมา เพื่อให้เราสามารถจับถือใช้งานด้วยมือข้างเดียวได้ถนัดคล่องตัวมากขึ้น
รองรับทั้งแอปพลิเคชันทั่วไป รวมไปถึงหน้ารวมแอปพลิเคชัน อีกทั้งยังสามารถรองรับการใช้งานทั้งมือด้านซ้าย และมือด้านขวา
ยังมาพร้อมกับฟังก์ชัน Adaptive Display เช่นเคย ซึ่งช่วยปรับช่วงสี, ระดับสี และความคมชัดของการแสดงผลให้เหมาะกับการใช้งานต่างๆ โดยอัตโนมัติ หรืออยากจะกำหนดเองก็ได้เช่นกัน
มีระบบรักษาความปลอดภัยอย่างเต็มรูปแบบ เช่นการล็อกหน้าจอจะสามารถเลือกใช้ได้ทั้งแบบ Swipe, Pattern, PIN, Password และที่ล้ำสุดๆ ก็คือการสแกนลายนิ้วมือ (Fingerprints)
อีกฟีเจอร์ดีๆ ที่ถูกถ่ายทอดมาจาก Galaxy Note 4 ก็คือการย่อหน้าต่างของแอปพลิเคชันให้มีขนาดที่เล็กลง หรือที่เรียกว่าฟังก์ชัน Pop-Up Window ซึ่งทำให้เราสามารถใช้งานหลายๆ แอปพลิเคชันพร้อมกันได้อย่างสะดวกคล่องตัว สามารถย้ายตำแหน่งของหน้าต่างได้อย่างอิสระ อีกทั้งยังสามารถย่อหน้าต่างของแอปพลิเคชัน ให้เป็นไอคอนขนาดเล็กเพื่อประหยัดพื้นที่ และพร้อมให้เรียกใช้งานอยู่ตลอดเวลา
รองรับฟังก์ชัน Drag and Drop Content ซึ่งช่วยให้เราสามารถลากเอาข้อความ หรือรูปภาพจากหน้าต่างหนึ่ง ไปยังอีกหน้าต่างหนึ่งได้ทันที เรียกว่าเป็นการแชร์ข้อมูลระหว่างสองแอปพลิเคชันที่ชาญฉลาด
สามารถใช้งานฟังก์ชัน Split-Window (Multi-Window) เพื่อแบ่งหน้าจอออกเป็นสองส่วนได้เช่นเดิม
เมื่อกดปุ่มที่ด้านซ้ายของปุ่มโฮม ก็จะพบกับหน้า Recent Apps แบบใหม่ ที่ดูสวยงามลงตัวมากขึ้น
ในกรณีที่เผลอทำเครื่อง Galaxy Note5 หาย เราก็สามารถใช้ฟีเจอร์ Find My Mobile เพื่อติดตาม และควบคุมเครื่อง Galaxy Note5 จากระยะไกลได้จากทุกที่
ด้วยโหมดการทำงานแบบ Private Mode จะช่วยให้เราสามารถซ่อนเนื้อหาส่วนตัวที่ไม่ต้องการให้ผู้อื่นเห็นได้ ทั้งรูปภาพ, วิดีโอ, เพลง, เสียงที่บันทึก, ไฟล์ทั่วไป, อินเทอร์เน็ต และการจดบันทึกใน S Note
กล้องดิจิทัลด้านหลังรองรับการถ่ายภาพได้ที่ความละเอียดสูงสุด 16 ล้านพิกเซล (5312x2988 พิกเซล) ในอัตราส่วนแบบ 16:9
เปรียบเทียบระหว่างการปิดโหมด HDR (ภาพบน) และการเปิดโหมด HDR (ภาพล่าง) จะเห็นว่าภาพด้านล่างที่เปิดโหมด HDR จะมีรายละเอียดในส่วนมืดที่ดีกว่า
สามารถตั้งเวลาถ่ายภาพล่วงหน้าได้ที่ 2, 5 และ 10 วินาที
มีโหมดมาตรฐานให้เลือกทั้งหมด 9 โหมดด้วยกัน ได้แก่ อัตโนมัติ, โปร, โฟกัสที่เลือก, พาโนราม่า, วิดีโอคอลลาจ, Live Broadcast, เคลื่อนไหวช้า, เคลื่อนไหวเร็ว และช็อตเสมือนจริง โดยเราสามารถเข้าไปดาวน์โหลดโหมดถ่ายภาพอื่นๆ มาติดตั้งเพิ่มเติมได้
ด้วยโหมดโปร เราสามารถปรับแต่งค่าต่างๆ ได้เองแบบ Manual ทั้งค่าชดเชยแสง, ความเร็วชัตเตอร์, ความไวแสง, สมดุลสีขาว, ระยะโฟกัส และเอฟเฟกต์สี
ด้วยโหมดถ่ายวิดีโอแบบใหม่ที่เรียกว่า Video Collage จะช่วยให้เราสามารถถ่ายวิดีโอในช็อตต่างๆ มารวมอยู่ในคลิปเดียวกันได้ ในลักษณะของกรอบรูป และสามารถเลือกเพลงที่เล่นเป็นพื้นหลังได้ตามใจชอบ
สามารถกำหนดช่วงเวลาของแต่ละคลิปวิดีโอได้ตั้งแต่ 3, 6, 9 และ 15 วินาที
สามารถกำหนดรูปแบบของกรอบ หรือลักษณะของคลิปวิดีโอได้ทั้งหมด 3 รูปแบบหลักๆ ด้วยกัน ได้แก่ Collage (1:1 และ 4:3), Series (1:1 และ 4:3) และ Slow Motion
ฟีเจอร์ใหม่ล่าสุดที่มาพร้อมกับกล้องถ่ายวิดีโอบน Galaxy Note5 ก็คือ Live Broadcast ซึ่งช่วยให้เราสามารถถ่ายทอดสดภาพเคลื่อนไหวขึ้นไปบน YouTube ให้เพื่อนๆ ได้ติดตามกันได้โดยตรง แต่ก่อนจะใช้งานก็ต้องมีการยืนยันตัวตนหลายขั้นตอนสักหน่อย
โหมด Virtual Shot ที่มีอยู่ในเรือธงรุ่นก่อนหน้านี้อย่าง Galaxy S6 ก็ถูกนำมาใส่ไว้ใน Galaxy Note5 ด้วยเช่นกัน ซึ่งจะช่วยให้เราสามารถถ่ายภาพวัตถุ แล้วนำมาเปิดดูในภายหลังได้แบบ 360 องศา
โหมดถ่ายภาพแบบ Selective Focus คือโหมดที่ผู้ใช้งานสามารถถ่ายภาพไว้ก่อน แล้วนำมาเลือกจุดโฟกัสในภายหลังได้ ทั้งการโฟกัสระยะใกล้ (หน้าชัดหลังเบลอ), โฟกัสระยะไกล (หน้าเบลอหลังชัด) และโฟกัสทั้งภาพ (ชัดทั้งภาพ)
โหมดถ่ายภาพแบบ Panorama ช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถถ่ายภาพในแนวกว้างได้แบบ 360 องศา
กล้องหลังรองรับการถ่ายวิดีโอได้ที่ความละเอียดสูงสุดระดับ 4K UHD (3840x2160 พิกเซล) แต่ในกรณีที่ผู้ใช้งานกำหนดความละเอียดไว้ที่ระดับ UHD, QHD และ Full HD (60fps) จะไม่สามารถใช้งานบางฟังก์ชันได้ เช่น HDR หรือระบบป้องกันการสั่น
ฟีเจอร์ใหม่ที่น่าสนใจ ก็เห็นจะเห็นระบบกันสั่นแบบใหม่ ที่เป็นการทำงานร่วมกันระหว่างระบบ OIS และ VDIS ซึ่งจะช่วยให้ภาพถ่าย และวิดีโอมีความสั่นไหวน้อยลงไปอีกขั้น และนอกจากนั้นก็ยังรองรับการถ่ายภาพเป็นไฟล์ RAW ที่สามารถนำเอาไปปรับแต่งในภายหลังได้ง่าย และยืดหยุ่นกว่าไฟล์รูปภาพพื้นฐานทั่วๆ ไป ทั้งแสง, สี และรายละเอียดต่างๆ
มีเอฟเฟกต์สีให้เลือกมากมาย เพื่อให้ได้ภาพถ่ายในสไตล์ที่ต้องการ
นอกจากเอฟเฟกต์แบบมาตรฐานที่มีติดตั้งมาให้ภายในเครื่องแล้ว ผู้ใช้งานก็ยังสามารถเข้าไปดาวน์โหลดเอฟเฟกต์อื่นๆ มาติดตั้งเพิ่มเติมได้มากมายนับไม่ถ้วน
รองรับการสั่งถ่ายภาพด้วยเสียงพูด โดยให้พูดออกเสียงคำว่า Smile, Cheese, Capture หรือ Shoot ส่วนการถ่ายวิดีโอให้พูดคำว่า Record Video
ผู้ใช้งานสามารถกำหนดให้ใช้ปุ่มเพิ่ม-ลดเสียงเพื่อสั่งถ่ายภาพ, ถ่ายวิดีโอ และซูมได้
กล้องดิจิทัลด้านหน้ามีความละเอียดมากขึ้นเป็น 5 ล้านพิกเซล (2592x1944 พิกเซล) ในอัตราส่วนแบบ 4:3 (จากเดิม 3.7 ล้านพิกเซล ใน Galaxy Note 4)
ไม่ว่าใครก็สวยหล่อได้ด้วยกล้องหน้าของ Galaxy Note5 ซึ่งมาพร้อมฟังก์ชันปรับสีผิว, ปรับตาโต, ปรับหน้าเพรียว และการแก้ไขรูปหน้าอัตโนมัติ
สามารถตั้งเวลาถ่ายภาพล่วงหน้าได้ที่ 2, 5 และ 10 วินาที
กล้องหน้าก็สามารถเลือกใช้เอฟเฟกต์สีได้เช่นเดียวกัน รวมถึงสามารถดาวน์โหลดเอฟเฟกต์มาติดตั้งเพิ่มเติมได้อีกมากมาย
โหมดมาตรฐานของกล้องหน้าจะประกอบไปด้วยโหมด Selfie, Wide Selfie, Video Collage, Live Broadcast, Virtual Shot และ Interval Shot โดยสามารถดาวน์โหลดโหมดอื่นๆ มาติดตั้งเพิ่มเติมได้เช่นกัน
กล้องหน้ารองรับการถ่ายวิดีโอได้ที่ความละเอียดสูงสุดระดับ 2K QHD แต่ในกรณีที่เลือกใช้ความละเอียด QHD จะไม่สามารถเปิดใช้งานบางฟังก์ชันได้ เช่น HDR หรือระบบป้องกันการสั่น
มีฟังก์ชันเด็ดตัวใหม่อย่าง Palm Selfie ติดตั้งมาให้ใช้งานด้วย โดยเพียงแค่ยกฝ่ามือขึ้นมา ก็สั่งให้ถ่ายภาพได้แล้ว รวมถึงฟังก์ชันการสั่งถ่ายภาพด้วยเสียง โดยพูดคำว่า Smile, Cheese, Capture หรือ Shoot ส่วนการถ่ายวิดีโอให้พูดคำว่า Record Video
อีกหนึ่งแอปพลิเคชันคู่สร้างคู่สมของสมาร์ทโฟนเรือธงแบรนด์ ซัมซุง รุ่นใหม่หลายๆ รุ่นที่ผ่านมา รวมถึง Galaxy Note5 ก็คือแอปพลิเคชัน S Health ซึ่งเหมาะเป็นอย่างยิ่งสำหรับผู้ใช้งานที่ชื่นชอบในการดูแลรักษาสุขภาพ หรือชอบการออกกำลังกาย โดยรองรับตั้งแต่การออกกำลังเบาๆ อย่างการเดิน ไปจนถึงการออกกำลังกายแบบจริงจัง ซึ่งแอปพลิเคชัน S Health จะคอยดูแลในเรื่องของอาหารการกินไปพร้อมๆ กัน
แอปพลิเคชัน S Health รองรับการทำงานร่วมกับอุปกรณ์เสริมจากแบรนด์ ซัมซุง มากมายหลายรุ่น รวมไปถึงอุปกรณ์เสริมรุ่นดังๆ จากแบรนด์อื่น ก็สามารถรองรับได้เช่นเดียวกัน
Samsung Galaxy Note5 นั้นมาพร้อมกับเซ็นเซอร์ตรวจวัดอัตราการเต้นของหัวใจ (Heart Rate Sensor) ที่ด้านหลังของตัวเครื่อง เพียงแค่เราเอานิ้วชี้ไปแตะบนเซ็นเซอร์เบาๆ เครื่องก็จะวิเคราะห์อัตราการเต้นของหัวใจให้อย่างรวดเร็ว
แอปพลิเคชัน Smart Manager สำหรับการจัดการกับแบตเตอรี่, พื้นที่เก็บบันทึกข้อมูล, หน่วยความจำแรม และระบบป้องกันอุปกรณ์
แน่นอนว่า Galaxy Note5 ก็จะมาพร้อมกับโหมดประหยัดพลังงานประสิทธิภาพสูงอย่าง Ultra Power Saving Mode ซึ่งจะปรับเปลี่ยนการแสดงผลเป็นสีขาว-ดำ และจะปิดการทำงานบางแอปพลิเคชันที่ไม่จำเป็น ดังอัตราการบริโภคพลังงานจึงน้อยเป็นพิเศษ
ถึงจะมีหัวใจเป็นแอนดรอยด์ แต่ก็มาพร้อมกับแอปพลิเคชันตัวเก่งจากฝั่งไมโครซอฟท์ด้วยเช่นกัน ทั้ง Word, Excel, PowerPoint, OneNote, OneDrive และ Skype
ตัวอย่างของการใช้งานแอปพลิเคชัน Word ซึ่งจะเห็นว่ามีเครื่องไม้เครื่องมือต่างๆ ครบครันไม่แพ้การใช้งานบนเครื่องคอมพิวเตอร์
ตัวอย่างของการใช้งานแอปพลิเคชัน Excel ซึ่งก็มีเครื่องไม้เครื่องมือพื้นฐานให้ใช้งานครบครันเช่นกัน
สำหรับการฟังเพลง เราสามารถปรับระดับของเสียงทุ้ม, เสียงแหลม, เสียงเครื่องดนตรี และเสียงร้อง ได้ด้วยตนเอง
รวมถึงการปรับความถี่เสียงในย่านต่างๆ ของอีควอไลเซอร์ได้อย่างอิสระ และกำหนดเอฟเฟกต์เสียงรูปแบบต่างๆ ได้ตามต้องการ
มีเทคโนโลยี UHQ Upscaler ถูกใส่เพิ่มเข้ามา ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่ช่วยปรับปรุงคุณภาพเสียงของไฟล์เพลง หรือไฟล์วิดีโอ ให้มีรายละเอียดที่ดีขึ้นโดยอัตโนมัติ แต่ต้องใช้งานร่วมกับหูฟังที่รองรับเท่านั้น (หูฟังที่แถมมาให้ และหูฟังไร้สายบางรุ่นที่รองรับ สามารถใช้งานฟีเจอร์นี้ได้)
ไมโครโฟนสำหรับการบันทึกเสียงใน Galaxy Note5 จะมีน้อยกว่ารุ่นพี่อย่าง Galaxy Note 4 ดังนั้นจะเห็นว่าโหมดการบันทึกเสียงแบบการประชุม (Meeting) ที่เคยมีอยู่ใน Galaxy Note 4 ที่วิเคราะห์เสียงได้ 8 ทิศทางนั้นจะถูกตัดออกไป
เมื่อต้องการเรียกใช้งานฟังก์ชัน S Voice เราก็เพียงพูดคำว่า Hi Galaxy หรือ Hi There แต่ก่อนอื่นเราต้องบันทึกเสียงของเราเองให้เรียบร้อยเสียก่อน
การตั้งค่าอื่นๆ ของฟังก์ชัน S Voice
รองรับการสั่งงานด้วยท่าทาง หรือการเคลื่อนไหว ทั้งการยกเครื่องแนบหูเพื่อโทรออก, การแจ้งเตือนเมื่อยกเครื่องขึ้นมา, การคว่ำเครื่องเพื่อปิดเสียง และการปาดสันมือเพื่อจับภาพหน้าจอ
Galaxy Note5 รองรับการใช้งานอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงผ่านระบบเครือข่ายทุกรูปแบบทั้ง 4G LTE, 3G และ 2G (EDGE/GPRS) พร้อมรองรับการใช้งานทุกคลื่นความถี่ในประเทศไทย
รองรับเทคโนโลยี Download Booster ซึ่งเป็นการเพิ่มความเร็วอินเทอร์เน็ต ด้วยการทำงานร่วมกันของระบบ WiFi และ 4G LTE
ป้องกันการใช้ข้อมูลอินเทอร์เน็ตเกินขีดจำกัด ด้วยฟังก์ชันที่ช่วยตรวจสอบการใช้งานอินเทอร์เน็ต
รองรับเทคโนโลยีการเชื่อมต่อไร้สายระยะใกล้แบบ NFC ซึ่งสามารถใช้งานร่วมกับบริการจ่ายเงินผ่านมือถือ, การโอนถ่ายข้อมูล, การอ่านแท็ก และการเขียนแท็ก
ทางเลือกสำหรับการค้นหาตำแหน่ง หรือพิกัดของเรา มีอยู่ 3 รูปแบบด้วยกัน ซึ่งหากเปิดใช้งานทั้ง GPS, Wi-Fi และเครือข่ายพร้อมกัน ก็จะสามารถค้นหาตำแหน่งได้รวดเร็วมากที่สุด
รองรับการเชื่อมต่อกับอุปกรณ์อื่นๆ ด้วยแอปพลิเคชัน SideSync เช่นหากเราเชื่อมต่อ Galaxy Note5 กับเครื่องโน๊ตบุ๊คผ่านแอปพลิเคชัน SideSync เราก็จะสามารถใช้งานฟังก์ชัน หรือแอปพลิเคชันต่างๆ บน Galaxy Note5 ผ่านทางหน้าจอของโน๊ตบุ๊คได้ทันที
รองรับการใช้งานร่วมกับบัญชีของบริการยอดนิยมต่างๆ มากมาย
สามารถกำหนดแอปพลิเคชันเริ่มต้นสำหรับการใช้งานประเภทต่างๆ ได้ตามต้องการ
มีส่วนของการจัดการกับแอปพลิเคชันไว้ให้ใช้งาน เช่นการตรวจสอบว่า ณ ขณะนั้นแอปพลิเคชันต่างๆ ใช้พื้นที่บนหน่วยความจำแรม (RAM) ไปมากน้อยขนาดไหน
มีแอปพลิเคชันสำหรับจัดการไฟล์มาให้ใช้งาน ซึ่งมีมุมมองทั้งแบบที่แบ่งเป็นหมวดหมู่ของไฟล์ และแบบที่แบ่งเป็นโฟลเดอร์
มีการตั้งค่าเกี่ยวกับเสียง และการแจ้งเตือนที่ยืดหยุ่นหลากหลาย
มีฟังก์ชันสำหรับการสำรองข้อมูล และการรีเซ็ตเครื่องมาให้ใช้งานแบบง่ายๆ
เมื่อกดปุ่มโฮมค้างเอาไว้ ก็จะเป็นการเข้าสู่แอปพลิเคชัน Google Now
Galaxy Apps คือศูนย์กลางที่รวบรวมเอาแอปพลิเคชันดีๆ ที่ซัมซุงได้คัดสรรค์เอาไว้ ให้อยู่ภายในที่เดียวกัน รวมถึงแอปพลิเคชันแนะนำที่เหมาะกับสมาร์ทโฟน Samsung Galaxy มากเป็นพิเศษ
Galaxy Gift คืออีกหนึ่งแอปพลิเคชันที่โดนใจชาว Samsung Galaxy สุดๆ เนื่องจากมีสิทธิพิเศษสุดคุ้มให้เลือกรับมากมาย ทั้งอาหาร, ขนม, เครื่องดื่ม, การท่องเที่ยว, อุปกรณ์เสริม, เสื้อผ้า, สันทนาการ และอื่นๆ
หากใครชอบทำภารกิจเพื่อนำคะแนนไปแลกกับของรางวัล หรือสิทธิพิเศษต่างๆ ต้องไม่พลาดแอปพลิเคชัน Galaxy Rewards
PrimeTime คือแอปพลิเคชันที่รวมเอาภาพยนตร์ และซีรีส์เรื่องดังเอาไว้ภายในที่เดียวกัน เรียกได้ว่าสามารถรับชมความบันเทิงผ่าน Galaxy Note5 ได้ทุกที่ทุกเวลา
Samsung Playback คือแอปพลิเคชันที่ช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถฟังเพลง, ดูซีรีส์ และดูรายการโทรทัศน์ได้ทุกที่ทุกเวลาผ่านทางหน้าจอสมาร์ทโฟน หรือจะดูผ่านทางหน้าจอโทรทัศน์ Samsung Smart TV ก็ได้เช่นกัน
หากติดปัญหาในการใช้งาน หรืออยากทราบว่าฟังก์ชัน กับแอปพลิเคชันต่างๆ ใช้งานอย่างไร ก็สามารถเปิดดูวิธีการใน User Manual ได้ ซึ่งภายในนั้นมีเนื้อหาให้ศึกษาอยู่อย่างละเอียดครบถ้วน
ด้วยชิปเซ็ต Exynos 7420 ที่ทำงานร่วมกับหน่วยประมวลผลกราฟิก Mali-T760 และหน่วยความจำแรม (RAM) ที่มีขนาดใหญ่ถึง 4 GB จึงทำให้ประสิทธิภาพในเรื่องของการเล่นเกมอยู่ในระดับสูง เรียกได้ว่าไม่ว่าจะเป็นเกมที่มีกราฟิกระดับไหน Galaxy Note5 ก็สามารถตอบสนองได้อย่างยอดเยี่ยมสมบูรณ์แบบ
รองรับการสัมผัสที่หน้าจอพร้อมกัน (Multi-Touch) สูงสุด 10 จุด
ประสิทธิภาพของการรับสัญญาณ GPS นั้นนับว่ายอดเยี่ยมเช่นเดียวกันกับสมาร์ทโฟนเรือธงของ ซัมซุง หลายๆ รุ่นที่ผ่านมา อีกทั้งยังสามารถรองรับการทำงานร่วมกับระบบดาวเทียม GLONASS ของรัสเซีย กับระบบดาวเทียม Beidou ของจีนได้อีกด้วย และหากยิ่งได้ทำงานร่วมกับระบบเครือข่าย และสัญญาณ Wi-Fi ก็จะยิ่งช่วยให้จับสัญญาณได้เร็วทันใจมากขึ้น
เมื่อทำการทดสอบประสิทธิภาพของการประมวลผลด้วยแอปพลิเคชัน Geekbench 3 ก็พบว่าจะได้คะแนนในส่วนของ Single-Core อยู่ที่ 1,454 คะแนน และได้คะแนนในส่วนของ Multi-Core อยู่ที่ 5,141 คะแนน
เมื่อทดสอบประสิทธิภาพของการทำงานโดยรวมด้วยแอปพลิเคชัน AnTuTu Benchmark แบบ 64-bit ผลคะแนนที่ได้จะอยู่ที่ 70,896 คะแนน ซึ่งถือว่าเป็นคะแนนที่สูงกว่ารุ่นเดิมอย่าง Galaxy Note 4 มากพอสมควร และผลการจัดอันดับคะแนนทดสอบของ Galaxy Note5 อยู่ในระดับสูงสุด สมฐานะสมาร์ทโฟนเรือธงรุ่นใหม่ล่าสุด
เมื่อทดสอบประสิทธิภาพของการทำงานโดยรวมด้วยแอปพลิเคชัน PCMark ผลคะแนนรวมที่ได้จะออกมาอยู่ที่ 5,372 คะแนน
เมื่อทดสอบประสิทธิภาพของการประมวลผลกราฟิกด้วยแอปพลิเคชัน 3DMark ผลคะแนนรวมที่ได้จะออกมาอยู่ที่ 1,277 คะแนน
เมื่อทดสอบประสิทธิภาพของการประมวลผลกราฟิกด้วยแอปพลิเคชัน GPU Benchmark 3D ผลคะแนนรวมที่ได้จะออกมาอยู่ที่ 30,530 คะแนน
เมื่อทดสอบประสิทธิภาพของการประมวลผลกราฟิกด้วยแอปพลิเคชัน GFXBench GL Benchmark 3.1 ผลคะแนนในส่วนของ High-Level, Low-Level และ Special จะเป็นดังภาพข้างต้น
เมื่อทดสอบประสิทธิภาพของการประมวลผลกราฟิกด้วยแอปพลิเคชัน Seascape Benchmark ผลคะแนนเฉลี่ยที่ได้จะอยู่ที่ 27.0 เฟรมต่อวินาที (FPS)
เมื่อทดสอบประสิทธิภาพของการประมวลผลกราฟิกด้วยแอปพลิเคชัน Epic Citadel ผลคะแนนเฉลี่ยที่ได้จะอยู่ที่ 47.9 เฟรมต่อวินาที (FPS) พร้อมได้คุณภาพอยู่ที่ระดับ Ultra High
ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องดิจิทัลความละเอียด 16 ล้านพิกเซล ของ Samsung Galaxy Note5
ตัวอย่างภาพถ่ายในโหมดอัตโนมัติ และไม่มีการปรับแต่งเพิ่มเติมใดๆ
เปรียบเทียบภาพที่ถ่ายโดยไม่ได้เปิดโหมด HDR (ภาพซ้าย) และภาพที่ถ่ายโดยเปิดโหมด HDR (ภาพขวา)
สรุปผลการทดสอบในเบื้องต้น พร้อมราคาอย่างเป็นทางการ และข้อมูลการวางจำหน่ายของ Samsung Galaxy Note5 ในประเทศไทย
หากให้เปรียบเทียบกับความรู้สึกจากเมื่อครั้งที่ได้สัมผัสแรกกับ Samsung Galaxy Note5 รุ่นนี้ในช่วงระยะเวลาสั้น และได้นำพรีวิวมาให้ทุกท่านได้ชมกันไปแล้ว พอได้กลับมาลองเล่นลองใช้งานแบบเต็มๆ อีกครั้งในบทความรีวิวนี้ ก็ต้องยอมรับว่า Galaxy Note5 รุ่นนี้ยังคงสร้างความประทับใจได้ดีเป็นพิเศษไม่แตกต่างไปจากครั้งแรก ด้วยดีไซน์ที่สวยหรูดูสะดุดตาเป็นอย่างยิ่ง เรียกว่าสวยหรูดูพรีเมียมไม่แพ้ Samsung Galaxy S6 edge+ ที่เปิดตัวมาพร้อมๆ กัน เพียงแต่ Galaxy Note5 จะไม่มีหน้าจอขอบโค้งเหมือนกับ Galaxy S6 edge+ แต่ก็มีส่วนของกระจกขอบโค้งที่ด้านหลังตัวเครื่องเข้ามาแทนที่
ความโดดเด่นในเรื่องของการออกแบบดีไซน์ หลักๆ แล้วก็คงต้องยกความดีความชอบให้กับการเลือกใช้วัสดุเกรดพรีเมียมอย่างบอดี้โลหะอะลูมิเนียมเกรดสูง และกระจกขอบโค้งที่ด้านหลังของตัวเครื่อง พร้อมชั้นฟิล์มที่ให้โทนสีอันหลากหลาย กับตัวเครื่องที่บางเบากว่าเดิม, ขอบหน้าจอที่เล็กลง และปากกา S Pen ดีไซน์ใหม่ ซึ่งคงไม่แปลกใจหากใครจะยกให้เป็น Galaxy Note ที่สวยหรูลงตัวที่สุดเท่าที่ ซัมซุง เคยมีมา
ส่วนความสามารถอื่นๆ ก็พัฒนาต่อยอดมาจาก Galaxy Note 4 ซึ่งถือเป็นสมาร์ทโฟนที่มีความสมบูรณ์แบบอยู่แล้ว ให้มีความสมบูรณ์แบบยิ่งขึ้นไปอีก เริ่มตั้งแต่การใช้งานปากกาที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น, Air Command แบบใหม่, ลูกเล่นปากกาแบบใหม่ๆ เช่น Screen Off Memo, หน่วยประมวลผลที่เร็วแรงมากขึ้น, ระบบปฏิบัติการที่สดใหม่ที่สุด, หน่วยความจำที่ใหญ่ขึ้น, เซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือแบบใหม่ที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น, การเชื่อมต่อที่เร็วขึ้น, กล้องหน้าที่ละเอียดมากขึ้น, ระบบกันสั่นแบบใหม่ที่ลดการสั่นไหวได้ดีขึ้น, รองรับบริการ Samsung Pay อย่างเต็มรูปแบบ, เทคโนโลยี Fast Wireless Charging, เทคโนโลยี UHQ Upscaler และอีกมากมายแทบนับไม่ถ้วน
สำหรับราคาจำหน่ายอย่างเป็นทางการในประเทศไทยของ Samsung Galaxy Note5 ทาง ซัมซุง จะแบ่งออกเป็น 2 รุ่น 2 ความจุ ได้แก่ Galaxy Note5 ความจุ 32 GB ราคา 25,900 บาท (เท่ากับราคาเปิดตัวของ Galaxy Note 4) และ Galaxy Note5 ความจุ 64 GB ราคา 29,900 โดยเริ่มวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการไปเรียบร้อยแล้วตั้งแต่วันที่ 21 สิงหาคม 2558 ที่ผ่านมา ส่วนสีของตัวเครื่องจะมีให้เลือกทั้งหมด 4 สีด้วยกันได้แก่ สีทอง, สีเงิน, สีดำ และสีขาว ซึ่งดูสวยหรูไปคนละแบบ
และล่าสุดภายในงาน Thailand Mobile Expo 2015 Showcase ระหว่างวันที่ 1-4 ตุลาคม 2558 ที่เพิ่งผ่านมาสดๆ ร้อนๆ ก็จะเห็นว่ากระแสตอบรับของ Galaxy Note5 รุ่นนี้นับว่าดีเกินคาด หากจะบอกว่าเป็นพระเอกของงานครั้งนี้ก็คงจะไม่ผิดนัก เพราะไม่ว่าจะเดินไปทางไหนก็มักจะเห็นมีคนเดินถือเครื่อง Galaxy Note5 พร้อมของแถมชุดใหญ่อยู่ทั่วงาน ซึ่งเป็นสิ่งที่บ่งบอกได้ชัดเจนถึงความสำเร็จด้านยอดขายที่ทะลุเป้าเกินหน้าเกินตาสมาร์ทโฟนรุ่นอื่นๆ ภายในงานเดียวกัน
สรุปโดยรวมแล้ว Samsung Galaxy Note5 รุ่นนี้น่าจะเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการสมาร์ทโฟนที่มีความสมบูรณ์แบบในทุกๆ ด้าน ทั้งในเรื่องของดีไซน์, ประสิทธิภาพในการทำงาน, คุณสมบัติภายใน, ลูกเล่นที่หลากหลาย, นวัตกรรมล้ำๆ, ระบบปฏิบัติการที่สดใหม่ และโดยเฉพาะอย่างยิ่งคือต้องการใช้งานปากกาเพื่อการจดบันทึก, ขีดเขียน หรือวาดรูปแบบจริงจัง แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ต้องมีงบประมาณที่ค่อนข้างสูงด้วยเช่นเดียวกัน และอย่างไรก็ดีสำหรับท่านที่ใช้ Galaxy Note 4 เรือธงรุ่นก่อนหน้านี้มาก่อน ก็อาจจะยังไม่รู้สึกถึงความแตกต่างมากนักเนื่องจากยังคงมีความสดใหม่อยู่พอประมาณ แต่สำหรับท่านที่ใช้รุ่นที่เก่ากว่านั้นอย่าง Galaxy Note 1, Note 2 และ Note 3 ก็น่าจะสัมผัสได้ชัดเจนถึงความแตกต่าง รวมไปถึงท่านที่ไม่เคยสัมผัสกับสมาร์ทโฟนตระกูล Galaxy Note มาก่อน ก็น่าจะเกิดความประทับใจได้ไม่ยาก สุดท้ายนี้ก็ต้องขอขอบคุณทุกท่านที่ติดตามชม พบกันได้ใหม่ในโอกาสถัดไป สำหรับวันนี้ต้องขอลาไปก่อน สวัสดีครับ
สรุปอุปกรณ์เสริมสำหรับ Samsung Galaxy Note5 พร้อมราคาอย่างเป็นทางการ
นอกจากในบ้านเราจะมี Samsung Galaxy Note 5 วางจำหน่ายรวดเร็วทันใจไม่แพ้ประเทศใดในโลกแล้ว ก็ยังมีอุปกรณ์เสริมสำหรับ Samsung Galaxy Note 5 วางจำหน่ายด้วยเช่นกัน โดยจะมีรายละเอียดดังต่อไปนี้
- S View ราคา 1,490 บาท มี 4 สีให้เลือก ได้แก่ ดำ, ทอง, เงิน และขาว วางจำหน่ายใน Samsung Brandshop ตั้งแต่วันที่ 15 สิงหาคม 2558
- Clear View Cover ราคา 1,690 บาท มี 3 สีให้เลือก ได้แก่ ดำ, ทอง และเงิน วางจำหน่ายใน Samsung Brandshop ตั้งแต่วันที่ 17 สิงหาคม 2558
- Clear Cover ราคา 890 บาท มี 3 สีให้เลือก ได้แก่ ดำ, ทอง และเงิน วางจำหน่ายใน Samsung Brandshop ตั้งแต่วันที่ 17 สิงหาคม 2558
- Glitter Cover ราคา 890 บาท มี 4 สีให้เลือก ได้แก่ น้ำเงิน, ทอง, เงิน และชมพู วางจำหน่ายใน Samsung Brandshop ตั้งแต่วันที่ 17 สิงหาคม 2558
- Fast Charging Wireless Charger ราคา 1,690 บาท มี 2 สีให้เลือก ได้แก่ ขาว และดำ วางจำหน่ายใน Samsung Brandshop ตั้งแต่วันที่ 15 สิงหาคม 2558
จุดเด่นของ Samsung Galaxy Note5
- ตัวเครื่องมีการออกแบบดีไซน์ที่สวยหรูดูสะดุดตาเป็นพิเศษ ด้วยวัสดุเกรดพรีเมียมอย่างบอดี้โลหะอะลูมิเนียม (เกรดดีกว่า Galaxy S6) และกระจกขอบโค้งที่ด้านหลังของตัวเครื่อง พร้อมการเคลือบชั้นฟิล์มที่ทำให้เกิดโทนสีที่แตกต่างกันในแต่ละมุมมอง
- ตัวเครื่องมีความบางเฉียบกว่าเดิม และมีน้ำหนักเบากว่าเดิม
- ปากกา S Pen ดีไซน์ใหม่ที่สวยกว่าเดิม กับประสิทธิภาพในการเขียนที่ดีกว่าเดิม (ระยะเวลาในการตอบสนองเร็วขึ้น 20 ms) พร้อมระบบสปริงที่ช่วยให้การจัดเก็บ และการนำออกมาใช้งานสะดวกง่ายดายมากขึ้น
- Air Command แบบใหม่ที่สามารถเพิ่มทางลัดของแอปพลิเคชันโปรดได้ตามที่ต้องการ และมีทางลัดเข้าสู่ Air Command ปรากฏอยู่บนทุกๆ หน้าจอ
- ฟังก์ชัน Screen Off Memo รองรับการขีดเขียน หรือจดบันทึกได้ทันทีบนหน้าจอ Lock Screen
- ฟังก์ชัน Scrapbook ที่ปรับปรุงใหม่ และฟังก์ชัน Screen White ใหม่ที่สามารถจับภาพหน้าจอยาวๆ ได้ในครั้งเดียว
- รองรับการใช้งานฟังก์ชัน Multi Window และ Popup Window
- หน้าจอแสดงผลแบบ Super AMOLED ขนาด 5.7 นิ้ว ความละเอียดระดับ 2K QHD (2560x1440 พิกเซล : 518 ppi) พร้อมขอบหน้าจอที่บางลง, กระจกหน้าจอแบบ Corning Gorilla Glass 4 และหน่วยประมวลผลกราฟิก Mali-T760
- ประมวลผลการทำงานด้วยชิปเซ็ต 64-bit Octa-Core Exynos 7420 (ซีพียู Quad-Core ARM Cortex-A57 ความเร็ว 2.1 GHz และ Quad-Core ARM Cortex-A53 ความเร็ว 1.5 GHz)
- ขับเคลื่อนการทำงานด้วยระบบปฏิบัติการ Android 5.1.1 Lollipop
- เซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือ (Fingerprint Scanner) แบบใหม่ (ระบบสัมผัส) ที่มีประสิทธิภาพมากกว่าเดิม
- หน่วยความจำภายในสำหรับเก็บบันทึกข้อมูลขนาด 32 GB หรือ 64 GB พร้อมเทคโนโลยี UFS 2.0
- หน่วยความจำแรม (RAM : LPDDR4) ขนาด 4 GB
- กล้องดิจิทัลตัวหลักที่ด้านหลังของตัวเครื่อง ความละเอียดระดับ 16 ล้านพิกเซล พร้อมไฟแฟลช LED, ระบบป้องกันการสั่นไหวแบบ VDIS+OIS, รูรับแสง F/1.9, การถ่ายภาพไฟล์ RAW, โหมด Video Collage, รองรับการถ่ายวิดีโอที่ความละเอียดสูงสุดระดับ 4K UHD
- กล้องดิจิทัลขนาดเล็กที่ด้านหน้าของตัวเครื่อง ความละเอียดระดับ 5 ล้านพิกเซล พร้อมระบบป้องกันการสั่นไหว, รูรับแสง F/1.9, ฟังก์ชันปรับแต่งใบหน้า และรองรับการถ่ายวิดีโอที่ความละเอียดสูงสุดระดับ 2K QHD
- รองรับการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตผ่านทางระบบ WiFi, 4G LTE Cat9, 3G, EDGE และ GPRS
- รองรับเทคโนโลยีการเชื่อมต่อไร้สายระยะใกล้แบบ NFC (Near Field Communication)
- ระบบ GPS+A-GPS ในตัว พร้อมรองรับระบบดาวเทียม GLONASS ของรัสเซีย และ Beidou ของจีน
- เซ็นเซอร์ตรวจวัดอัตราการเต้นของหัวใจ (Heart Rate Sensor)
- รองรับการชาร์จไร้สายในตัว พร้อมเทคโนโลยี Fast Wireless Charging (ชาร์จเร็วกว่าการชาร์จไร้สายทั่วไป 33%)
- เทคโนโลยี UHQ Upscaler ที่ช่วยเพิ่มคุณภาพของเสียงเพลง และเสียงวิดีโอ
จุดที่อาจจะต้องพิจารณาเพิ่มเติมของ Samsung Galaxy Note5
- มีความจุของแบตเตอรี่ที่น้อยลงเหลือเพียง 3,000 mAh (เดิม 3,220 mAh)
- ไม่สามารถเพิ่มหน่วยความจำด้วยการ์ด microSD หรือการ์ดแบบอื่นๆ ได้
- พื้นผิวกระจกที่ด้านหลังของตัวเครื่องเกิดรอยคราบเปื้อน หรือรอยนิ้วมือได้ง่าย
- ไฟแฟลชยังคงเป็นแบบ Single-LED
- ถูกตัดเซ็นเซอร์ Infrared ออกไป (เดิมมีใน Galaxy Note 4)
- ถูกตัดไมโครโฟนบางตัวออกไป (บางตัวที่เคยมีใน Galaxy Note 4)
- ไม่มีวิทยุ FM ในตัว
สรุปคุณสมบัติของ Samsung Galaxy Note5
ท่านสามารถตรวจสอบคุณสมบัติแบบสรุป (Specification) ของ Samsung Galaxy Note5 ได้โดยการคลิกที่ลิงก์ด้านล่างนี้
Samsung Galaxy Note5 Specification
สรุปข้อมูล และข่าวอัปเดตล่าสุดของ Samsung Galaxy Note5
ท่านสามารถตรวจสอบข้อมูล และติดตามข่าวคราวความเคลื่อนไหวอัปเดตล่าสุดของ Samsung Galaxy Note5 ได้โดยการคลิกที่ลิงก์ด้านล่างนี้
Samsung Galaxy Note5 News
:: ไปหน้าแรกเว็บไซต์ Thaimobilecenter
| ไปหน้าแรก
Mobile Focus ::
|