พรีวิว (Preview) Samsung Galaxy Note5
สัมผัสแรก กับ Galaxy Note ที่สวยล้ำที่สุดเท่าที่เคยมีมา ด้วยดีไซน์แบบ Dual-Glass ขอบหลังโค้งมน กับบอดี้อะลูมิเนียมเกรดพรีเมียม พร้อมปากกาที่ดีกว่าเดิม และการต่อยอดฟีเจอร์ไฮเอนด์ให้สมบูรณ์แบบกว่าที่เคย
Preview
Date (15-สิงหาคม-2558)

เมื่อค่ำคืนที่ผ่านมา (13 สิงหาคม 2558) ในช่วงเวลาประมาณ 22.00 น. ตามเวลาประเทศไทย ถือเป็นฤกษ์งามยามดีที่ ซัมซุง ได้ทำการเผยโฉมสมาร์ทโฟนเรือธงรุ่นใหม่ล่าสุดอย่าง Samsung Galaxy Note5 และ Samsung Galaxy S6 edge+ สู่สายตาชาวโลก โดยเฉพาะ Galaxy Note5 นั้นถือว่าเป็นสมาร์ทโฟนรุ่นหนึ่งที่มีคนเฝ้ารอคอยมากที่สุด ด้วยอานิสงส์จากความสำเร็จอย่างงดงามของ Galaxy Note ทั้ง 4 รุ่นที่ผ่านมาในอดีต ซึ่งในวันนี้ทีมงานไทยโมบายเซ็นเตอร์ของเราก็มีโอกาสได้สัมผัสกับตัวจริงเสียงจริงของ Galaxy Note5 มาในระยะเวลาสั้นๆ จึงไม่พลาดที่จะแวะมาพรีวิวในเบื้องต้นให้ทุกท่านได้ติดตามกัน
สำหรับพัฒนาการของ Samsung Galaxy Note5 รุ่นนี้ อย่างแรกที่เห็นได้ชัดเจนก็คือการออกแบบดีไซน์ที่สวยหรูดูพรีเมียมมากกว่า Samsung Galaxy Note 4 รุ่นเดิมอย่างเห็นได้ชัด ด้วยบอดี้โลหะอะลูมิเนียมสุดแกร่งที่ ซัมซุง ให้ข้อมูลว่าเป็นอะลูมิเนียมเกรดดีกว่า Samsung Galaxy S6 edge ไปอีกขั้น รวมไปถึงกระจกขอบโค้งที่ด้านหลังของตัวเครื่อง ที่ถูกเคลือบฟิล์มเอาไว้อีกชั้น จึงทำให้เมื่อตกกระทบกับแสงในมุมต่างๆ โทนสีที่เห็นจะมีความแตกต่างกันไป ซึ่งจะเห็นว่าดีไซน์โดยรวมได้รับแรงบันดาลใจมาจาก Samsung Galaxy S6 กับ Galaxy S6 edge มากพอสมควร และนอกจากวัสดุจะอัพเกรดขึ้นแล้ว น้ำหนักตัวก็เบาลง และมีความบางเฉียบมากกว่าเดิมอีกต่างหาก แต่ก็ต้องแลกมาด้วยความจุของแบตเตอรี่ที่น้อยลงด้วยเช่นกัน
นอกจากในเรื่องของดีไซน์แล้ว ความสามารถอื่นๆ ก็ถูกพัฒนาขึ้นมาไม่น้อย ไม่ว่าจะเป็นปากกา S Pen แบบใหม่ที่ใช้งานได้สมจริงเป็นธรรมชาติมากยิ่งขึ้น พร้อมสปริงด้านท้ายที่ถูกเพิ่มเข้ามาเพื่อการเก็บ และนำออกมาใช้งานได้อย่างสะดวกคล่องตัวมากขึ้น, ฟังก์ชัน Air Command แบบใหม่ที่สามารถปรับแต่งเองได้ และจะมีทางลัดค้างอยู่บนหน้าจอตลอดเวลา เพื่อการเรียกใช้งานได้อย่างรวดเร็วทันใจ, ฟังก์ชัน Scrapbook แบบใหม่, ฟังก์ชัน Screen Write ที่สามารถจับภาพหน้าจอยาวๆ ในภายในรูปเดียว, ฟังก์ชัน Screen Off Memo ที่ใช้ปากกาเขียนจดบันทึกได้แม้ในขณะที่ล็อกหน้าจอ, รองรับบริการ Samsung Pay อย่างเต็มรูปแบบ, รองรับเทคโนโลยี Fast Wireless Charging, เทคโนโลยี UHQ Upscaler ที่ช่วยเพิ่มคุณภาพเสียงเพลง และอีกมากมาย

ส่วนคุณสมบัติทางด้านฮาร์ดแวร์ แม้หน้าจอแสดงผลจะมีขนาดเท่าเดิม, ใช้เทคโนโลยีเดิม และมีความละเอียดเท่าเดิม แต่ตัวเครื่องกลับดูผอมเพรียวลง ด้วยขอบของหน้าจอที่เล็กลงนั่นเอง รวมถึงมีกล้องหน้าที่ละเอียดมากขึ้น, ระบบกันสั่นที่ดีขึ้น, หน่วยประมวลผลที่ดีขึ้น, ระบบปฏิบัติการที่สดใหม่ขึ้น, หน่วยความจำที่มากขึ้น, การเชื่อมต่อที่รวดเร็วขึ้น และเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือแบบใหม่ที่มีประสิทธิภาพมากกว่าเดิม ซึ่งรายละเอียดเพิ่มเติมในแต่ละส่วนจะเป็นอย่างไร ในพรีวิวด้านล่างนี้จะแจกแจงให้ทุกท่านได้ทราบ รวมไปถึงข้อมูลราคา และการวางจำหน่ายของ Galaxy Note 5 ในประเทศไทยด้วยเช่นเดียวกัน
แกะกล่อง พร้อมส่องรูปลักษณ์ภายนอกตัวเครื่อง และการออกแบบดีไซน์ของ Samsung Galaxy Note5

กล่องบรรจุภัณฑ์ของ Galaxy Note5 เรียกได้ว่าเหมือนกับรูปที่หลุดออกมาก่อนเปิดตัวไม่มีผิดเพี้ยน

อุปกรณ์มาตรฐานที่มีมาให้ในกล่องจะประกอบไปด้วย ตัวเครื่อง Galaxy Note5, หูฟัง, สาย microUSB, อะแดปเตอร์ชาร์จแบตเตอรี่ซึ่งรองรับการชาร์จแบบเร็ว, หัวปากกา S Pen, แหนบคีบหัวปากกา, SIM Door Key และคู่มือการใช้งานอย่างย่อ

เมื่อมองที่ด้านหน้าของตัวเครื่อง จะรู้สึกได้ว่ามีความเพรียวบางกว่า Galaxy Note4 รุ่นพี่ แม้จะมีหน้าจอขนาด 5.7 นิ้วเท่ากันก็ตาม เนื่องจากขอบของหน้าจอที่บางลงนั่นเอง โดยที่ด้านหน้าของตัวเครื่องนี้จะประกอบไปด้วยเซ็นเซอร์ Proximity, ลำโพงหูฟังสำหรับการสนทนา, เลนส์กล้องความละเอียด 5 ล้านพิกเซล, จอแสดงผลแบบ Super AMOLED ขนาด 5.7 นิ้ว ความละเอียดระดับ 2K QHD ที่ยังคงคมชัด สีสันสดใสเช่นเดิม พร้อมกระจก Gorilla Glass 4 สุดแกร่ง, ปุ่ม Recent Apps กับปุ่มย้อนกลับแบบสัมผัส พร้อมไฟ Backlight และปุ่มโฮมแบบ Hard Key ซึ่งมีเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือในตัว สำหรับใช้ปลดล็อกหน้าจอ หรือใช้งานร่วมกับบริการ Samsung Pay

ที่ด้านหลังของตัวเครื่องสวยหรูกว่าเดิมด้วยกระจกขอบโค้งสองด้าน ซึ่งหากเป็นตัวเครื่องสีทองดังในภาพ ก็จะให้ความรู้สึกที่เหมือนกำลังถือทองแท่งอยู่เลยทีเดียว พร้อมกับการเคลือบด้วยชั้นฟิล์มเช่นเดียวกันกับ Galaxy S6 ซึ่งเมื่อมีแสงตกกระทบในมุมต่างๆ โทนสีที่เห็นก็จะมีความแตกต่างกันไปด้วย ทำให้บางมุมมองอาจออกเป็นสีเงิน โดยที่ด้านหลังนี้จะประกอบไปด้วยกล้องดิจิทัลความละเอียด 16 ล้านพิกเซล, ไฟแฟลช LED และเซ็นเซอร์ตรวจวัดอัตราการเต้นของหัวใจ

ด้วยกระจกขอบโค้งที่ด้านหลังของตัวเครื่อง นอกจากจะช่วยในเรื่องของความสวยงามแล้ว ก็ยังช่วยให้การจับถือมีความกระชับเข้ามือมากขึ้นด้วยเช่นกัน

กรอบตัวเครื่องทำมาจากโลหะอะลูมิเนียมเกรดพรีเมียม ซึ่งจากข้อมูลที่ทาง ซัมซุง ให้มา ระบุไว้ว่าเป็นอะลูมิเนียมเกรดที่ดีกว่า Galaxy S6 ไปอีกขั้นหนึ่ง ซึ่งมีความแข็งแรงทนทานมากกว่า

ที่ด้านซ้ายของตัวเครื่องประกอบไปด้วยปุ่มเพิ่ม-ลดเสียง โดยตัวเครื่อง Galaxy Note5 จะมีความบางเฉียบกว่า Galaxy Note 4 อยู่ราวๆ 0.9 มิลลิเมตร รวมถึงมีน้ำหนักที่เบากว่าเล็กน้อย

ที่ด้านขวาของตัวเครื่องมีเพียงปุ่มเปิด-ปิดเครื่อง หรือล็อกหน้าจอ

ที่ด้านบนของตัวเครื่องประกอบไปด้วยไมโครโฟนสำหรับการตัดเสียงรบกวน และช่องใส่ซิมการ์ดแบบ nanoSIM โดยจะเห็นว่าเซ็นเซอร์ Infrared ที่เคยมีมาใน Galaxy Note4 ถูกตัดออกไป

เมื่อใช้เข็ม SIM Door Key จิ้มลงไป ถาดใส่ซิมการ์ดก็จะดันตัวออกมา

รองรับการใช้งานซิมการ์ดแบบ nanoSIM (ซิมเดียว)

แต่ก็น่าเสียดายที่ Galaxy Note5 ไม่สามารถรองรับการ์ดหน่วยความจำแบบ microSD หรือแบบอื่นๆ ได้อีกต่อไป

ที่ด้านล่างของตัวเครื่องประกอบไปด้วยช่องต่อสายหูฟังมาตรฐานขนาด 3.5 มิลลิเมตร, ช่องเชื่อมต่อแบบ microUSB สำหรับการชาร์จแบตเตอรี่ หรือการโอนถ่ายข้อมูล, ลำโพงเสียง, ไมโครโฟนสำหรับการสนทนา หรือบันทึกเสียง และช่องเก็บปากกา S Pen แบบใหม่

สำหรับปากกา S Pen แบบใหม่นี้ จะเป็นระบบสปริง ซึ่งการนำออกมาใช้งาน ต้องใช้นิ้วดันเข้าไปเล็กน้อย

เมื่อใช้นิ้วดันเข้าไป ก้นปากกาก็จะเด้งออกมา พร้อมให้เราดึงออกมาใช้งาน

ปากกา S Pen ของ Galaxy Note5 ถูกดีไซน์ขึ้นมาใหม่ทั้งหมด ทั้งระบบสปริง และโทนสีที่ดูหรูหรามากขึ้น

เมื่อเทียบตัวต่อตัวกับรุ่นพี่อย่าง Galaxy Note 4 ก็จะเห็นว่า Galaxy Note5 ดูมีความเพรียวบางมากกว่า และดูสวยหรูลงตัวมากกว่าอย่างเห็นได้ชัด

Galaxy Note5 จะไม่สามารถถอดฝาหลังออกมาได้ ซึ่งต่างจาก Galaxy Note 4 และด้วยพื้นผิวแบบกระจกที่มันวาว แม้จะดูสวยหรูสะดุดตามากกว่า แต่ก็ทำให้เกิดคราบเปื้อน หรือรอยนิ้วมือได้ง่ายกว่าด้วยเช่นกัน

ปุ่มเพิ่ม-ลดเสียงอยู่ที่ด้านซ้ายเช่นเดิม แต่มีดีไซน์ที่เปลี่ยนไป รวมถึงมีวัสดุที่ดีกว่า และมีชิ้นงานที่ดูละเอียดประณีตมากกว่า

ปุ่มเปิด-ปิดเครื่อง หรือล็อกหน้าจออยู่ที่ด้านขวาของตัวเครื่องเช่นเดิม

ที่ด้านบนของตัวเครื่องถูกเพิ่มช่องใส่ซิมการ์ดเข้ามา แต่ก็ตัดเซ็นเซอร์ Infrared ออกไป และย้ายช่องเสียบสายหูฟังไปไว้ที่ด้านล่าง

ช่องเสียบสายหูฟังขนาด 3.5 มิลลิเมตร รวมถึงลำโพงเสียงจะถูกย้ายมาไว้ที่ด้านล่าง ส่วนไมโครโฟนด้านล่างจะเหลือเพียงตัวเดียว และช่องเก็บปากกา S Pen ก็ดูสวยเนียนลงตัวมากขึ้น

ปากกา S Pen ดีไซน์ใหม่ที่สวยหรูกว่าเดิม พร้อมระบบสปริงที่ด้านท้าย
สรุปคุณสมบัติโดยรวมของ Samsung Galaxy Note5 พร้อมเปรียบเทียบคุณสมบัติกับ Samsung Galaxy Note 4

เปิดเครื่องใช้งาน พร้อมการทดสอบฟีเจอร์ และแอปพลิเคชันต่างๆ ในเบื้องต้น

Samsung Galaxy Note5 จะเลือกใช้หน่วยประมวลผลตัวใหม่ล่าสุดของ ซัมซุง เอง นั่นคือชิปเซ็ต 64-bit Octa-Core Exynos 7420 (ซีพียู Quad-Core ARM Cortex-A57 ความเร็ว 2.1 GHz และ Quad-Core ARM Cortex-A53 ความเร็ว 1.5 GHz) ซึ่งใช้เทคโนโลยีการผลิตในระดับ 14 นาโนเมตร พร้อมหน่วยประมวลผลกราฟิกแบบ Mali-T760

Galaxy Note5 โมเดลที่ได้มาทดสอบนี้คือโมเดล SM-N920C ซึ่งเป็นโมเดลเดียวกันกับที่จะวางจำหน่ายในประเทศไทย

มาพร้อมกับระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์เวอร์ชันใหม่ล่าสุดอย่าง Android 5.1.1 Lollipop

มีเซ็นเซอร์ต่างๆ แบบจัดเต็ม เท่าที่จะใส่มาได้ในสมาร์ทโฟนยุคใหม่

เซ็นเซอร์ที่เด่นๆ ก็เห็นจะเป็นเซ็นเซอร์ตรวจวัดอัตราการเต้นของหัวใจ กับเซ็นเซอร์ตรวจนับก้าว ซึ่งเหมาะสำหรับคนที่ดูแลรักษาสุขภาพ หรือคนที่ชอบออกกำลังกาย

รุ่นที่ทดสอบอยู่นี้จะเป็นรุ่นความจุ 32 GB ซึ่งจะมีพื้นที่เหลือให้ใช้งานจริงอยู่ประมาณ 24.57 GB แต่นอกจากรุ่นความจุ 32 GB แล้ว ในบ้านเราก็มีรุ่นความจุ 64 GB จำหน่ายด้วยเช่นกัน

Air Command แบบใหม่ ซึ่งฟังก์ชันหลักจะประกอบไปด้วยฟังก์ชัน Action Memo, Smart Select และ Screen White แต่ที่พิเศษกว่าเดิมก็คือเราสามารถเพิ่มทางลัดไปยังแอปพลิเคชันต่างๆ ได้ด้วยตนเอง และมีไอคอนทางลัดสำหรับการเรียกใช้ฟังก์ชัน Air Command ปรากฏอยู่บนทุกๆ หน้าจอ เพื่อการเรียกใช้งานที่รวดเร็วทันใจ

สามารถเลือกแอปพลิเคชันโปรดไปไว้ที่ Air Command ได้ทั้งหมด 3 แอปพลิเคชันด้วยกัน

มีไอคอนทางลัดสำหรับเรียกใช้ Air Command ปรากฏอยู่บนทุกๆ หน้าจอ ช่วยให้สามารถเรียกใช้งาน Air Command ได้แบบทันทีทันใด และเราสามารถลากย้ายตำแหน่งของไอคอนทางลัดนี้ได้อย่างอิสระ

อีกหนึ่งฟังก์ชันใหม่สำหรับการใช้งานปากกา S Pen ก็คือฟังก์ชัน Screen Off Memo ที่ช่วยให้เราสามารถใช้ปากกาขีดเขียน หรือจดบันทึกได้ทันทีในขณะที่กำลังล็อกหน้าจออยู่ ซึ่งนับว่าสะดวก และมีประโยชน์มากเลยทีเดียว และปากกามีการตอบนองที่เร็วขึ้น ตามข้อมูลคือเร็วขึ้นประมาณ 20 ms

การตั้งค่าสำหรับการใช้งานปากกาที่ยืดหยุ่น และหลากหลาย

เชื่อว่าหลายๆ คนคงยังไม่ถูกใจกับประสิทธิภาพของเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือแบบเก่าบน Galaxy Note 4 มากนัก ดังนั้นบน Galaxy Note 5 จึงมาพร้อมกับเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือแบบใหม่ ซึ่งเป็นระบบสัมผัสที่มีประสิทธิภาพมากกว่าเดิม ไม่ต้องคอยรูดนิ้วให้ยากเหมือนรุ่นพี่

แค่แตะนิ้วเบาๆ ลงบนเซ็นเซอร์ ก็สามารถปลดล็อกหน้าจอ หรือสามารถเข้าถึงฟังก์ชันอื่นๆ ที่รองรับได้อย่างรวดเร็ว เรียกว่ามีความแม่นยำมากพอที่จะทำให้ไม่ต้องคอยลุ้นว่าจะสแกนติด หรือไม่ติด

แถบ Notification Bar ที่ดูไม่แตกต่างไปจาก Galaxy Note4

ทางลัด หรือไอคอนของแอปพลิเคชันพื้นฐานต่างๆ ถูกดีไซน์ใหม่ทั้งหมด มีความโค้งมนมากกว่า และดูสวยงามน่าใช้งานมากขึ้น

มีแอปพลิเคชันตัวเด่นของ ซัมซุง อย่าง Galaxy Gift, Galaxy Rewards และอื่นๆ ติดตั้งมาให้พร้อมใช้งาน

สามารถปรับแต่งแก้ไขหน้ารวมแอปพลิเคชันได้อย่างอิสระเช่นเคย ทั้งการย้ายตำแหน่ง, การถอนการติดตั้ง, การจัดกลุ่ม และอื่นๆ

หากไม่อยากใช้อินเตอร์เฟสแบบเดิมๆ ก็สามารถเปลี่ยนธีมได้เองตามใจชอบ ซึ่งสามารถเข้าไปดาวน์โหลดธีมมาติดตั้งเพิ่มเติมได้มากมาย

หากคิดว่าอินเตอร์เฟสมาตรฐานดูซับซ้อน หรือใช้ยากจนเกินไป ก็สามารถปรับเปลี่ยนให้เป็นโหมดใช้ง่ายได้

ยังมาพร้อมกับฟังก์ชัน Adaptive Display เช่นเคย ซึ่งช่วยปรับช่วงสี, ระดับสี และความคมชัดของการแสดงผลให้เหมาะกับการใช้งานต่างๆ โดยอัตโนมัติ หรืออยากจะกำหนดเองก็ได้เช่นกัน

กล้องดิจิทัลด้านหลังรองรับการถ่ายภาพได้ที่ความละเอียดสูงสุด 16 ล้านพิกเซล (5312x2988 พิกเซล) ในอัตราส่วนแบบ 16:9

มีโหมดมาตรฐานให้เลือกทั้งหมด 9 โหมดด้วยกัน ได้แก่ อัตโนมัติ, โปร, โฟกัสที่เลือก, พาโนราม่า, วิดีโอคอลลาจ, Live Broadcast, เคลื่อนไหวช้า, เคลื่อนไหวเร็ว และช็อตเสมือนจริง โดยเราสามารถเข้าไปดาวน์โหลดโหมดถ่ายภาพอื่นๆ มาติดตั้งเพิ่มเติมได้

ด้วยโหมดโปร เราสามารถปรับแต่งค่าต่างๆ ได้เองแบบ Manual ทั้งค่าชดเชยแสง, ความเร็วชัตเตอร์, ความไวแสง, สมดุลสีขาว, ระยะโฟกัส และเอฟเฟกต์สี

ด้วยโหมดถ่ายวิดีโอแบบใหม่ที่เรียกว่า Video Collage จะช่วยให้เราสามารถถ่ายวิดีโอในช็อตต่างๆ มารวมอยู่ในคลิปเดียวกันได้ ในลักษณะของกรอบรูป

กล้องหลังรองรับการถ่ายวิดีโอได้ที่ความละเอียดสูงสุดระดับ 4K UHD (3840x2160 พิกเซล)

ฟีเจอร์ใหม่ที่น่าสนใจ ก็เห็นจะเห็นระบบกันสั่นแบบใหม่ ที่เป็นการทำงานร่วมกันระหว่างระบบ OIS และ VDIS ซึ่งจะช่วยให้ภาพถ่าย และวิดีโอมีความสั่นไหวน้อยลงไปอีกขั้น และนอกจากนั้นก็ยังรองรับการถ่ายภาพเป็นไฟล์ RAW ที่สามารถนำเอาไปปรับแต่งในภายหลังได้ง่าย และยืดหยุ่นกว่าไฟล์รูปภาพพื้นฐานทั่วๆ ไป ทั้งแสง, สี และรายละเอียดต่างๆ

มีเอฟเฟกต์สีให้เลือกมากมาย เพื่อให้ได้ภาพถ่ายในสไตล์ที่ต้องการ

กล้องดิจิทัลด้านหน้ามีความละเอียดมากขึ้นเป็น 5 ล้านพิกเซล (2592x1944 พิกเซล) ในอัตราส่วนแบบ 4:3 (จากเดิม 3.7 ล้านพิกเซล)

ไม่ว่าใครก็สวยหล่อได้ด้วยกล้องหน้าของ Galaxy Note5 ซึ่งมาพร้อมฟังก์ชันปรับสีผิว, ปรับตาโต, ปรับหน้าเพรียว และการแก้ไขรูปร่าง

กล้องหน้าก็สามารถเลือกใช้เอฟเฟกต์สีได้เช่นเดียวกัน

โหมดมาตรฐานของกล้องหน้าจะประกอบไปด้วยโหมดถ่ายภาพตนเอง, ถ่ายภาพตนเองแบบกว้าง, วิดีโอคอลลาจ, Live Broadcast, ช็อตเสมือนจริง และช็อตเว้นช่วง โดยสามารถดาวน์โหลดโหมดอื่นๆ มาติดตั้งเพิ่มเติมได้เช่นกัน

กล้องหน้ารองรับการถ่ายวิดีโอได้ที่ความละเอียดสูงสุดระดับ 2K QHD

มีฟังก์ชันเด็ดตัวใหม่อย่าง Palm Selfie ติดตั้งมาให้ใช้งานด้วย แค่ยกมือขึ้นมา ก็สั่งถ่ายภาพได้แล้ว

แอปพลิเคชัน Smart Manager สำหรับการจัดการกับแบตเตอรี่, พื้นที่เก็บบันทึกข้อมูล, หน่วยความจำแรม และระบบป้องกันอุปกรณ์

ถึงจะมีหัวใจเป็นแอนดรอยด์ แต่ก็มาพร้อมกับแอปพลิเคชันตัวเก่งจากฝั่งไมโครซอฟท์ด้วยเช่นกัน ทั้ง Excel, PowerPoint, OneNote, OneDrive และ Skype

สำหรับการฟังเพลง เราสามารถปรับระดับของเสียงทุ้ม, เสียงแหลม, เสียงเครื่องดนตรี และเสียงร้อง ได้ด้วยตนเอง

รวมถึงการปรับความถี่เสียงในย่านต่างๆ ของอีควอไลเซอร์ได้อย่างอิสระ และกำหนดเอฟเฟกต์เสียงรูปแบบต่างๆ ได้ตามต้องการ

มีเทคโนโลยี UHQ Upscaler ถูกใส่เพิ่มเข้ามา ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่ช่วยปรับปรุงคุณภาพเสียงของไฟล์เพลง หรือไฟล์วิดีโอ ให้มีรายละเอียดที่ดีขึ้นโดยอัตโนมัติ แต่ต้องใช้งานร่วมกับหูฟังที่รองรับเท่านั้น (หูฟังที่แถมมาให้ และหูฟังไร้สายบางรุ่นที่รองรับ สามารถใช้งานฟีเจอร์นี้ได้)

ไมโครโฟนสำหรับการบันทึกเสียงใน Galaxy Note5 จะมีน้อยกว่ารุ่นพี่อย่าง Galaxy Note 4 ดังนั้นจะเห็นว่าโหมดการบันทึกเสียงแบบการประชุม (Meeting) ที่เคยมีอยู่ใน Galaxy Note 4 ที่วิเคราะห์เสียงได้ 8 ทิศทางนั้นจะถูกตัดออกไป

รองรับการสั่งงานด้วยท่าทาง หรือการเคลื่อนไหว ทั้งการยกเครื่องแนบหูเพื่อโทรออก, การแจ้งเตือนเมื่อยกเครื่องขึ้นมา, การคว่ำเครื่องเพื่อปิดเสียง และการปาดสันมือเพื่อจับภาพหน้าจอ

รองรับเทคโนโลยี Download Booster ซึ่งเป็นการเพิ่มความเร็วอินเทอร์เน็ต ด้วยการทำงานร่วมกันของระบบ WiFi และ 4G LTE

เมื่อทดสอบประสิทธิภาพของการทำงานโดยรวมด้วยแอปพลิเคชัน AnTuTu Benchmark แบบ 64-bit ผลคะแนนที่ได้จะอยู่ที่ 69,956 คะแนน ซึ่งถือว่าเป็นคะแนนที่สูงกว่ารุ่นเดิมอย่าง Galaxy Note 4 มากพอสมควร

ผลการจัดอันดับคะแนนทดสอบของ Galaxy Note5 อยู่ในระดับสูงสุด สมฐานะสมาร์ทโฟนเรือธงรุ่นใหม่ล่าสุด
สรุปผลการทดสอบในเบื้องต้น พร้อมราคาอย่างเป็นทางการ และข้อมูลการวางจำหน่ายของ Samsung Galaxy Note5 ในประเทศไทย

จากการที่ได้สัมผัส และทดลองใช้งาน Samsung Galaxy Note5 ในช่วงระยะเวลาสั้นๆ สมาร์ทโฟนเรือธงรุ่นนี้สามารถสร้างความประทับใจได้ตั้งแต่แรกเห็น ด้วยดีไซน์ที่สวยหรูดูสะดุดตาเป็นอย่างยิ่ง คล้ายกับความรู้สึกที่ได้เห็น Galaxy S6 edge เป็นครั้งแรกอย่างไรก็อย่างนั้น ซึ่งก็คงต้องยกความดีความชอบให้กับการเลือกใช้วัสดุเกรดพรีเมียมอย่างบอดี้โลหะอะลูมิเนียมเกรดสูง และกระจกขอบโค้งที่ด้านหลังของตัวเครื่อง พร้อมชั้นฟิล์มที่ให้โทนสีอันหลากหลาย กับตัวเครื่องที่บางเบากว่าเดิม, ขอบหน้าจอที่เล็กลง และปากกา S Pen ดีไซน์ใหม่ ซึ่งคงไม่แปลกใจหากใครจะยกให้เป็น Galaxy Note ที่สวยหรูลงตัวที่สุดเท่าที่ ซัมซุง เคยมีมา
ส่วนความสามารถอื่นๆ ก็พัฒนาต่อยอดมาจาก Galaxy Note 4 ซึ่งถือเป็นสมาร์ทโฟนที่มีความสมบูรณ์แบบอยู่แล้ว ให้มีความสมบูรณ์แบบยิ่งขึ้นไปอีก เริ่มตั้งแต่การใช้งานปากกาที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น, Air Command แบบใหม่, ลูกเล่นปากกาแบบใหม่ๆ เช่น Screen Off Memo, หน่วยประมวลผลที่เร็วแรงมากขึ้น, ระบบปฏิบัติการที่สดใหม่ที่สุด, หน่วยความจำที่ใหญ่ขึ้น, เซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือแบบใหม่ที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น, การเชื่อมต่อที่เร็วขึ้น, กล้องหน้าที่ละเอียดมากขึ้น, ระบบกันสั่นแบบใหม่ที่ลดการสั่นไหวได้ดีขึ้น, รองรับบริการ Samsung Pay อย่างเต็มรูปแบบ, เทคโนโลยี Fast Wireless Charging, เทคโนโลยี UHQ Upscaler และอีกมากมายแทบนับไม่ถ้วน

สำหรับราคาจำหน่ายอย่างเป็นทางการในประเทศไทยของ Samsung Galaxy Note5 ทาง ซัมซุง ได้ประกาศออกมาแล้ว โดยแบ่งออกเป็น 2 รุ่น 2 ความจุ ได้แก่ Galaxy Note5 ความจุ 32 GB ราคา 25,900 บาท (เท่ากับราคาเปิดตัวของ Galaxy Note 4) และ Galaxy Note5 ความจุ 64 GB ราคา 29,900 โดยจะเริ่มวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการในวันที่ 21 สิงหาคม 2558 แต่ล่าสุดดูเหมือนว่าวันนี้บางร้านจะเริ่มวางจำหน่ายกันแล้ว เรียกว่ารวดเร็วทันใจเกินคาด แต่ในช่วงแรกจะมีเพียง 2 สีให้เลือกกันก่อน ได้แก่ สีทอง และสีเงิน ส่วนสีดำคาดว่าจะมาในเดือนตุลาคม แต่สีขาวยังไม่มีกำหนด
และนอกจากนี้ยังมีโปรโมชั่นสำหรับลูกค้าที่ซื้อ Samsung Galaxy Note5 ในช่วงนี้คือ สามารถซื้อ Wireless Charger ได้ในราคาพิเศษเพียงแค่ 1,190 บาท (จากปกติ 1,690 บาท) โดยสามารถแลกซื้อได้ตั้งแต่วันที่ 15 สิงหาคม 2558 ถึงวันที่ 13 กันยายน 2558 ที่ Samsung Experience Shop ทุกสาขาทั่วประเทศ ซึ่งวิธีการก็คือให้เข้าแอปพลิเคชัน Galaxy Gift เพื่อกดรับสิทธิ์ และโชว์ Code ที่หน้าร้าน (ได้ 1 สิทธิ์ต่อเครื่อง) และต้องกดรับสิทธิ์ที่หน้าร้านเท่านั้น ไม่สามารถ Capture หน้าจอมาแสดงได้ รวมถึง Code จะมีอายุเพียง 1 ชั่วโมงหลังจากกดรับสิทธิ์
สำหรับเนื้อหาข้างต้นก็เป็นเพียงพรีวิวสัมผัสแรกกับ Samsung Galaxy Note5 แบบคร่าวๆ เท่านั้น ทุกท่านสามารถติดตามรีวิวฉบับเต็มของ Galaxy Note5 ได้อีกครั้งในเร็วๆ นี้ กับข้อมูลที่เจาะลึกมากขึ้น และรายละเอียดที่ครบถ้วนกว่าเดิม
สรุปอุปกรณ์เสริมสำหรับ Samsung Galaxy Note5 พร้อมราคาอย่างเป็นทางการ

นอกจากในบ้านเราจะมี Samsung Galaxy Note 5 วางจำหน่ายรวดเร็วทันใจไม่แพ้ประเทศใดในโลกแล้ว ก็ยังมีอุปกรณ์เสริมสำหรับ Samsung Galaxy Note 5 วางจำหน่ายด้วยเช่นกัน โดยจะมีรายละเอียดดังต่อไปนี้
- S View ราคา 1,490 บาท มี 4 สีให้เลือก ได้แก่ ดำ, ทอง, เงิน และขาว วางจำหน่ายใน Samsung Brandshop ตั้งแต่วันที่ 15 สิงหาคม 2558
- Clear View Cover ราคา 1,690 บาท มี 3 สีให้เลือก ได้แก่ ดำ, ทอง และเงิน วางจำหน่ายใน Samsung Brandshop ตั้งแต่วันที่ 17 สิงหาคม 2558
- Clear Cover ราคา 890 บาท มี 3 สีให้เลือก ได้แก่ ดำ, ทอง และเงิน วางจำหน่ายใน Samsung Brandshop ตั้งแต่วันที่ 17 สิงหาคม 2558
- Glitter Cover ราคา 890 บาท มี 4 สีให้เลือก ได้แก่ น้ำเงิน, ทอง, เงิน และชมพู วางจำหน่ายใน Samsung Brandshop ตั้งแต่วันที่ 17 สิงหาคม 2558
- Fast Charging Wireless Charger ราคา 1,690 บาท มี 2 สีให้เลือก ได้แก่ ขาว และดำ วางจำหน่ายใน Samsung Brandshop ตั้งแต่วันที่ 15 สิงหาคม 2558
จุดเด่นของ Samsung Galaxy Note5
- ตัวเครื่องมีการออกแบบดีไซน์ที่สวยหรูดูสะดุดตาเป็นพิเศษ ด้วยวัสดุเกรดพรีเมียมอย่างบอดี้โลหะอะลูมิเนียม (เกรดดีกว่า Galaxy S6) และกระจกขอบโค้งที่ด้านหลังของตัวเครื่อง พร้อมการเคลือบชั้นฟิล์มที่ทำให้เกิดโทนสีที่แตกต่างกันในแต่ละมุมมอง
- ตัวเครื่องมีความบางเฉียบกว่าเดิม และมีน้ำหนักเบากว่าเดิม
- ปากกา S Pen ดีไซน์ใหม่ที่สวยกว่าเดิม กับประสิทธิภาพในการเขียนที่ดีกว่าเดิม (ระยะเวลาในการตอบสนองเร็วขึ้น 20 ms) พร้อมระบบสปริงที่ช่วยให้การจัดเก็บ และการนำออกมาใช้งานสะดวกง่ายดายมากขึ้น
- Air Command แบบใหม่ที่สามารถเพิ่มทางลัดของแอปพลิเคชันโปรดได้ตามที่ต้องการ และมีทางลัดเข้าสู่ Air Command ปรากฏอยู่บนทุกๆ หน้าจอ
- ฟังก์ชัน Screen Off Memo รองรับการขีดเขียน หรือจดบันทึกได้ทันทีบนหน้าจอ Lock Screen
- ฟังก์ชัน Scrapbook ที่ปรับปรุงใหม่ และฟังก์ชัน Screen White ใหม่ที่สามารถจับภาพหน้าจอยาวๆ ได้ในครั้งเดียว
- รองรับการใช้งานฟังก์ชัน Multi Window และ Popup Window
- หน้าจอแสดงผลแบบ Super AMOLED ขนาด 5.7 นิ้ว ความละเอียดระดับ 2K QHD (2560x1440 พิกเซล : 518 ppi) พร้อมขอบหน้าจอที่บางลง, กระจกหน้าจอแบบ Corning Gorilla Glass 4 และหน่วยประมวลผลกราฟิก Mali-T760
- ประมวลผลการทำงานด้วยชิปเซ็ต 64-bit Octa-Core Exynos 7420 (ซีพียู Quad-Core ARM Cortex-A57 ความเร็ว 2.1 GHz และ Quad-Core ARM Cortex-A53 ความเร็ว 1.5 GHz)
- ขับเคลื่อนการทำงานด้วยระบบปฏิบัติการ Android 5.1.1 Lollipop
- เซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือ (Fingerprint Scanner) แบบใหม่ (ระบบสัมผัส) ที่มีประสิทธิภาพมากกว่าเดิม
- หน่วยความจำภายในสำหรับเก็บบันทึกข้อมูลขนาด 32 GB หรือ 64 GB พร้อมเทคโนโลยี UFS 2.0
- หน่วยความจำแรม (RAM : LPDDR4) ขนาด 4 GB
- กล้องดิจิทัลตัวหลักที่ด้านหลังของตัวเครื่อง ความละเอียดระดับ 16 ล้านพิกเซล พร้อมไฟแฟลช LED, ระบบป้องกันการสั่นไหวแบบ VDIS+OIS, รูรับแสง F/1.9, การถ่ายภาพไฟล์ RAW, โหมด Video Collage, รองรับการถ่ายวิดีโอที่ความละเอียดสูงสุดระดับ 4K UHD
- กล้องดิจิทัลขนาดเล็กที่ด้านหน้าของตัวเครื่อง ความละเอียดระดับ 5 ล้านพิกเซล พร้อมระบบป้องกันการสั่นไหว, รูรับแสง F/1.9, ฟังก์ชันปรับแต่งใบหน้า และรองรับการถ่ายวิดีโอที่ความละเอียดสูงสุดระดับ 2K QHD
- รองรับการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตผ่านทางระบบ WiFi, 4G LTE Cat9, 3G, EDGE และ GPRS
- รองรับเทคโนโลยีการเชื่อมต่อไร้สายระยะใกล้แบบ NFC (Near Field Communication)
- ระบบ GPS+A-GPS ในตัว พร้อมรองรับระบบดาวเทียม GLONASS ของรัสเซีย และ Beidou ของจีน
- เซ็นเซอร์ตรวจวัดอัตราการเต้นของหัวใจ (Heart Rate Sensor)
- รองรับการชาร์จไร้สายในตัว พร้อมเทคโนโลยี Fast Wireless Charging (ชาร์จเร็วกว่าการชาร์จไร้สายทั่วไป 33%)
- เทคโนโลยี UHQ Upscaler ที่ช่วยเพิ่มคุณภาพของเสียงเพลง และเสียงวิดีโอ
จุดที่อาจจะต้องพิจารณาเพิ่มเติมของ Samsung Galaxy Note5
- มีความจุของแบตเตอรี่ที่น้อยลงเหลือเพียง 3,000 mAh (เดิม 3,220 mAh)
- ไม่สามารถเพิ่มหน่วยความจำด้วยการ์ด microSD หรือการ์ดแบบอื่นๆ ได้
- พื้นผิวกระจกที่ด้านหลังของตัวเครื่องเกิดรอยคราบเปื้อน หรือรอยนิ้วมือได้ง่าย
- ไฟแฟลชยังคงเป็นแบบ Single-LED
- ถูกตัดเซ็นเซอร์ Infrared ออกไป (เดิมมีใน Galaxy Note 4)
- ถูกตัดไมโครโฟนบางตัวออกไป (บางตัวที่เคยมีใน Galaxy Note 4)
- ไม่มีวิทยุ FM ในตัว
โปรดทราบ
* โทรศัพท์มือถือที่ท่านเห็นในบทความรีวิวนี้เป็นเพียงเครื่องทดสอบจากทางศูนย์ เพราะฉะนั้นคุณสมบัติบางอย่างอาจมีความแตกต่างจากเครื่องที่วางจำหน่ายจริงบ้างไม่มากก็น้อย รวมถึงจุดด้อยบางประการที่พบในเครื่องทดสอบ อาจจะถูกแก้ไขปรับปรุงให้ดีขึ้นในเครื่องที่วางจำหน่ายจริง ดังนั้นหากท่านสนใจซื้อโทรศัพท์มือถือรุ่นนี้ ควรตรวจสอบหรือทดลองใช้งานสินค้าด้วยตนเองอีกครั้งหนึ่ง *
สรุปข้อมูล และข่าวอัปเดตล่าสุดของ Samsung Galaxy Note5
ท่านสามารถตรวจสอบข้อมูล และติดตามข่าวคราวความเคลื่อนไหวอัปเดตล่าสุดของ Samsung Galaxy Note5 ได้โดยการคลิกที่ลิงก์ด้านล่างนี้
Samsung Galaxy Note5 News
title="Sony Xperia ZL Specification">

:: ไปหน้าแรกเว็บไซต์ Thaimobilecenter
| ไปหน้าแรก
Mobile Focus ::
|