รีวิว OPPO Reno7 5G สมาร์ทโฟนกล้องพอร์ตเทรตถ่ายภาพเสมือนกล้อง DSLR พร้อมฟีเจอร์ครบเครื่อง ในราคา 16,990 บาท
14 กุมภาพันธ์ 2022 - ในที่สุดเทศกาลแห่งความรักก็มาถึงอีกครั้งแล้ว หลายคนยึดเอาวันนี้เป็นฤกษ์ดีในการริเริ่มทำสิ่งต่าง ๆ
หลายแบรนด์เลือกที่จะเปิดตัวสินค้าใหม่ในวันนี้ หนึ่งในนั้นคือแบรนด์ดังอย่าง
OPPO ที่เลือกเปิดตัวสมาร์ทโฟน OPPO Reno7 5G และ Reno7
Pro 5G ในประเทศไทยอย่างเป็นทางการ ซึ่งในวันนี้ OPPO
Reno7 5G ก็ได้มาอยู่ในมือของทีมงาน Thaimobilecenter
แล้วเรียบร้อย และพร้อมที่จะนำมารีวิวให้ทุกท่านได้ชมกันครับ
OPPO Reno7 5G ยังคงเป็นสมาร์ทโฟนที่เน้นคุณสมบัติด้านการถ่ายภาพแบบ
Portrait และดีไซน์ภายนอกที่จับตาต้องใจเหมือนเดิม ซึ่งคราวนี้มาในฉายา Portrait
Expert ที่อาศัยพลังจากกล้องหลัง 3 ตัว และ AI
ขั้นสูงที่พัฒนาขึ้นเอง ทำให้สามารถสร้างเอฟเฟกต์ดวงไฟโบเก้แบบกล้อง
DSLR ขึ้นมาได้ และยังควบคุมความชัดลึก, ปรับเปลี่ยนขนาด
และคุณสมบัติอื่น ๆ ของดวงไฟโบเก้ได้ดั่งใจ นอกจากนี้
ยังสามารถสร้างสรรค์วิดีโอโบเก้สวย ๆ ออกมาได้อย่างง่ายดายโดยไม่ต้องตั้งค่า
หรือใช้อุปกรณ์เสริมใด ๆ ให้ยุ่งยาก
กล้องของ OPPO Reno7 5G เป็นชุดกล้องหลัง 3 ตัว
ประกอบด้วยกล้องหลักความละเอียด 64 MP, กล้อง Ultra Wide ความละเอียด 8 MP
และกล้อง Macro ความละเอียด 2 MP สำหรับกล้องหน้ามีความละเอียด 32 MP
นอกเหนือจากการถ่ายภาพ Portrait แล้ว ยังมีโหมดการถ่ายภาพ และเอฟเฟกต์อื่น ๆ
ให้เลือกอีกมากมาย อาทิเช่น โหมดกลางคืน, โหมดความละเอียดสูง, โหมดโปร,
Retouching Effects และ Highlight Video เป็นต้น
นอกเหนือจากเรื่องกล้อง คุณสมบัติด้านอื่น ๆ ของ OPPO Reno7 5G
ก็น่าสนใจไม่แพ้กัน โดย OPPO Reno7 5G นั้นประมวลผลด้วยชิปเซ็ต MediaTek
Dimensity 900 รุ่นใหม่ที่รองรับ 5G และ Wi-Fi 6
จึงมอบประสบการณ์ที่รวดเร็วทั้งการทำงาน และการเชื่อมต่อ โดยมีหน่วยความจำ RAM ขนาด
8 GB และหน่วยความจำ ROM ขนาด 256GB อีกทั้งยังมีเทคโนโลยี RAM Expansion ที่สามารถเพิ่ม
RAM แบบเสมือนในเครื่องได้อีกสูงสุด 5GB รวมแล้วจึงสามารถมี RAM ได้ถึง 13 GB
ดังนั้นไม่ว่าจะเปิดกี่แอป หรือเล่นเกมกี่แมตช์ ก็ไม่ต้องกลัวว่า RAM
จะไม่พออีกต่อไป
สำหรับหน้าจอแสดงผล OPPO Reno7 5G เลือกใช้จอแบบ Rigid LTPS AMOLED ขนาด 6.4 นิ้ว
ที่มีอัตราการรีเฟรชสูงสุดที่ 90 Hz จึงสามารถถ่ายทอดคอนเทนต์ได้สวยงามลื่นไหลสบายตา
และแม้ OPPO Reno7 5G จะมีดีไซน์บางเบา แต่ยังมากับแบตเตอรี่ขนาดใหญ่
4500 mAh ที่รองรับเทคโนโลยีชาร์จไวแบบ 65W SUPERVOOC
ทำให้ชาร์จแบตเตอรี่ 100% ได้ภายในเวลาประมาณ 31 นาทีเท่านั้น
หรือถ้ากำลังรีบ การชาร์จเพียง 5 นาที ก็สามารถเล่นเกมได้นานถึง 2
ชั่วโมงเลยทีเดียว
ยิ่งไปกว่านั้น OPPO Reno7 5G ยังเป็นสมาร์ทโฟนรุ่นแรกที่ได้รับการรับรองมาตรฐาน TÜV
SÜD 36-Month Fluency Rating A
หรือการรับรองว่าสมาร์ทโฟนเครื่องนี้จะทำงานได้อย่างราบรื่นหลังจากใช้งาน 36
เดือนอีกด้วย
จากที่กล่าวมา OPPO Reno7 5G
ยังคงรักษาจุดเด่นของตัวเองเอาไว้อย่างเหนียวแน่น ส่วนรายละเอียดเชิงลึกจะเป็นอย่างไร เราไปรับชม รีวิว OPPO Reno7 5G
โดยทีมงาน Thaimobilecener กันได้เลยครับ
รูปลักษณ์ภายนอกตัวเครื่อง และการออกแบบดีไซน์
OPPO Reno7 5G มีหน้าจอแบบ Rigid LTPS AMOLED ในดีไซน์ไร้ขอบ เจาะรูฝังกล้องหน้า (Punch-hole) ที่มุมซ้ายบน โดยหน้าจอมีความกว้าง 6.4 นิ้ว กับความละเอียดระดับ FHD+ (2400x1080 พิกเซล : 409 PPI) พร้อมอัตราการรีเฟรชสูงสุด 90Hz, มีค่า Touch Sampling Rate สูงสุด 180Hz และสามารถเร่งความสว่างได้สูงสุด 820 nits สำหรับกล้องหน้ามีความละเอียด 32 MP พร้อมรูรับแสงขนาด f2.4
ด้านหลังตัวเครื่องออกแบบในดีไซน์ที่เรียกว่า OPPO Glow ซึ่งใช้กันมาตั้งแต่ Reno Series รุ่นแรก ทำให้มีพื้นผิวเป็นประกาย ดูระยิบระยับ สำหรับเครื่องที่เรานำมารีวิวในครั้งนี้เป็นสี Starry Black ที่มีการไล่เฉดสีดำ-น้ำเงิน เมื่อผสมผสานกับความระยิบระยับของดีไซน์ OPPO Glow ทำให้ดูคล้ายกับดวงดาวที่เคลื่อนไหวไปมาอย่างแผ่วเบาท่ามกลางจักรวาลอันกว้างใหญ่
กล้องหลังของ OPPO Reno7 5G เป็นชุดกล้อง 3 ตัว โดยมีเลนส์ขนาดใหญ่ 2 ตัว และขนาดเล็ก 1 ตัว พร้อมด้วยไฟแฟลช LED โดยกล้องแต่ละตัวมีคุณสมบัติดังนี้ :
- กล้อง Wide (Main) ความละเอียด 64 ล้านพิกเซล พร้อมเซนเซอร์รับภาพขนาด 1/2.0 นิ้ว, เม็ดพิกเซลขนาด 0.7 ไมครอน, รูรับแสงขนาด f1.7, มุมรับภาพ 80.5 องศา (ทางยาวโฟกัส 26 มิลลิเมตร), ระบบโฟกัสอัตโนมัติแบบ PDAF, มอเตอร์ Closed-Loop Focus และโครงสร้างแบบ 6 ชิ้นเลนส์
- กล้อง Ultra Wide ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล พร้อมรูรับแสงขนาด f2.25, มุมรับภาพ 118.9 องศา และโครงสร้างแบบ 5 ชิ้นเลนส์
- กล้อง Macro ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล พร้อมรูรับแสงขนาด f2.4, มุมรับภาพ 88.8 องศา, ระยะโฟกัสใกล้สุดที่ 4 เซนติเมตร และโครงสร้างแบบ 3 ชิ้นเลนส์
OPPO Reno7 5G มีความบางเพียง 7.81 มิลลิเมตร และมีน้ำหนัก 173 กรัม เฟรมรอบตัวเครื่องมีความโค้งมนสอดรับกับอุ้งมือ โดยมีปุ่ม Power อยู่ที่ด้านขวา และมีปุ่มปรับระดับเสียง กับช่องใส่ซิมการ์ดอยู่ที่ด้านซ้าย
ด้านกว้างของตัวเครื่องมีความยาว 73.2 มิลลิเมตร ด้านบนมีไมโครโฟนตัดเสียงรบกวน ส่วนด้านล่างมีช่องลำโพง, พอร์ต USB Type-C, ไมโครโฟน และพอร์ตหูฟังขนาด 3.5 มิลลิเมตร
สำหรับถาดใส่ซิมการ์ดจะเป็นแบบ Dual-Slot รองรับซิมการ์ดแบบ Nano SIM ได้พร้อมกัน 2 ใบ แต่ไม่รองรับการ์ดหน่วยความจำเสริม microSD หรือแบบอื่น ๆ
สำหรับสิ่งที่ให้มาด้วยในกล่อง จะมีคู่มือการใช้งาน, เข็มถอดถาดใส่ซิมการ์ด, เคสซิลิโคน และอแดปเตอร์ชาร์จไว 65W พร้อมสายชาร์จแบบ USB Type-C จึงสามารถชาร์จด้วยระบบชาร์จความเร็วสูง 65W SUPERVOOC ได้ทันทีโดยไม่ต้องซื้ออุปกรณ์อื่นใดเพิ่มเติม
เปิดเครื่อง พร้อมทดสอบการใช้งานด้านซอฟต์แวร์
OPPO Reno7 5G มาพร้อมกับระบบปฏิบัติการ Android 11 ที่ถูกครอบทับด้วย ColorOS 12 ฟีเจอร์ต่าง ๆ ได้รับการอัปเดตให้สดใหม่พร้อมใช้งาน บนดีไซน์แบบ Flat Art ที่ดูเรียบง่ายสบายตา และการควบคุมที่ง่ายกว่าเดิม
OPPO Reno7 5G ให้อิสระแก่ผู้ใช้ในการปรับแต่งคุณลักษณะของหน้าจออย่างเต็มที่ ไม่ว่าจะเป็นวอลเปเปอร์, ไอคอน, ธีม ไปจนถึงการปรับขนาดของรูปแบบตัวอักษร และโปรไฟล์สีของหน้าจอ
ในส่วนของวอลเปเปอร์ และธีมจะมีร้านค้าของทาง OPPO โดยเฉพาะให้เลือกซื้อมาใช้มากมายหลายแบบ ส่วนใหญ่จะมีราคาอยู่ที่ 30 บาท แต่สามารถทดลองใช้ฟรีเพื่อดูตัวอย่างก่อนซื้อได้
และยังสามารถเลือกคู่สีที่จะใช้ในธีม, เปลี่ยนรูปทรงของไอคอนในแถบการตั้งค่าด่วน และไอคอนแอปพลิเคชันบนหน้าจอเริ่มต้นได้
สำหรับฟอนต์ตัวอักษรก็เปลี่ยนได้เช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นขนาด หรือรูปแบบ โดยสามารถดาวน์โหลดฟอนต์สวย ๆ ได้บนร้านค้าของ OPPO เช่นเดียวกับธีมและวอลเปเปอร์
เอฟเฟกต์แอนิเมชันการสแกนลายนิ้วมือบนหน้าจอก็เปลี่ยนได้เช่นกัน โดยมีให้เลือก 8 แบบ
สำหรับ การแสดงผลหน้าจอตลอดเวลา หรือ Always-on Display นั้น จะแสดงเวลา, การแจ้งเตือนแบบย่อ และแอนิเมชันบนหน้าจอในขณะที่ปิดหน้าจอ ช่วยให้เราดูเวลา และการแจ้งเตือนบางอย่างได้โดยไม่ต้องปลดล็อกตัวเครื่อง และยังทำหน้าที่เป็น Screen Saver ช่วยป้องกันอาการจอเบิร์นได้ด้วย โดยผู้ใช้สามารถเลือกเปลี่ยนลักษณะของนาฬิกา, แอนิเมชัน และสีสันของตัวหนังสือได้หลายรูปแบบเช่นกัน
สำหรับใครที่รู้สึกว่าแถบควบคุม (Navigation Bar) ยังใช้งานไม่ค่อยถนัด ก็สามารถมาปรับได้เช่นกัน โดยมีแบบ 3 ปุ่มมาตรฐาน และแบบที่ใช้การปัดนิ้วให้เลือกใช้
สำหรับ โหมดกลางคืน ถือเป็นฟีเจอร์มาตรฐานที่สมาร์ทโฟนยุคใหม่ต้องมี แน่นอนว่า OPPO Reno7 5G ก็มีเช่นกัน และยังสามารถตั้งเวลาเปิด-ปิดการใช้งานอัตโนมัติได้อีก
หากรู้สึกไม่ถูกใจสีสันของหน้าจอ สามารถเข้าไปปรับได้ที่การตั้งค่า โหมดสีหน้าจอ และปรับอุณหภูมิสีได้ตามต้องการ
สำหรับ ตัวปรับสีวิดีโอ จะช่วยให้สีสันของคลิปวิดีโอดูสด และอิ่มขึ้น โดยใช้เทคโนโลยี SDR-to-HDR ในการเพิ่มขอบเขตสีให้กว้างยิ่งขึ้น แต่ก็จะกินแบตเตอรีมากขึ้นด้วยเช่นกัน
OPPO Reno7 5G มีหน้าจอที่รองรับอัตรารีเฟรชสูงสุด 90Hz หากรู้สึกว่าปวดตา หรือต้องการประหยัดแบตเตอรี ก็สามารถปรับเป็นค่ามาตรฐานที่ 60Hz ได้ทุกเมื่อ
ด้านความปลอดภัย OPPO Reno7 5G รองรับทั้งการสแกนลายนิ้วมือบนหน้าจอ และการสแกนใบหน้า
เป็นเครื่องมือบำรุงรักษาระบบ สามารถล้างไฟล์ขยะ และสแกนหาไวรัสได้ และยังมีเครื่องมืออื่น ๆ ให้เลือกใช้อีกหลายอย่างด้วย
สำหรับเครื่องมือที่น่าสนใจ จะเป็นเครื่องมือเกี่ยวกับการรักษาความเป็นส่วนตัว ได้แก่ การล็อคแอป, ซ่อนแอป, ความปลอดภัยส่วนตัว และการโคลนระบบ
การล็อคแอป จะเป็นการใส่รหัสผ่านให้แก่แอปพลิเคชัน เพื่อป้องกันไม่ให้คนนอกเปิดใช้งานแอปได้ ส่วนการซ่อนแอป แอปนั้นจะหายไปจากหน้าจอเริ่มต้น และไม่แสดงแจ้งเตือนใด ๆ หากต้องการเรียกดูแอป จะต้องกดรหัสที่เราได้ตั้งไว้จากแป้นตัวเลขให้ถูกต้องเสียก่อน
การโคลนระบบ คือการสร้างระบบใหม่ขึ้นมาบนสมาร์ทโฟนเครื่องเดียวกัน โดยทั้ง 2 ระบบจะแยกจากกันอย่างสิ้นเชิง ไม่สามารถเข้าถึงไฟล์ หรือใช้แอปข้ามระบบกันได้ เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการแยกระบบสำหรับการทำงาน และเรื่องส่วนตัวออกจากกัน โดยไม่ต้องซื้อมือถือ 2 เครื่อง
ด้านการฟังเพลง OPPO Reno7 5G มีแอปพลิเคชันมาให้อยู่แล้ว และมีฟีเจอร์ Real Sound ที่ให้ผู้ใช้ปรับเปลี่ยนโปรไฟล์เสียงได้ตามลักษณะการใช้งาน
อย่างไรก็ดี การเล่นวิดีโอยังไม่มีแอปพลิเคชันที่รองรับโดยเฉพาะ แต่ยังรับชมได้ผ่านตัวเล่นพื้นฐานของระบบ ซึ่งมีฟังก์ชันการใช้งานไม่มากนัก แต่ภาพและเสียงมีคุณภาพสูง ไม่มีปัญหาในการเล่นไฟล์วิดีโอที่มีความละเอียดสูง ๆ แต่อย่างใด
ในส่วนของการเล่นเกม OPPO Reno7 5G จะมีพื้นที่สำหรับการเล่นเกมที่จะเก็บเกมต่าง ๆ เอาไว้ และทำให้สามารถใช้ โหมดโฟกัสเกม ได้ ซึ่งจะปิดกั้นการแจ้งเตือนทุกประเภท, สายโทรเข้า, นาฬิกาปลุก รวมไปถึงตัวช่วยเหลือในการเล่นเกมด้วย เพื่อให้เราได้โฟกัสกับการเล่นเกมจริง ๆ เหมาะสำหรับแมตช์การเล่นที่จริงจัง และต้องการใช้สมาธิ
สำหรับเครื่องมือช่วยเหลือขณะเล่นเกมนั้น มีอินเทอร์เฟซที่เรียบง่าย ไม่เกะกะ สามารถเลือกปิดกั้นการแจ้งเตือนแต่ละรายการ และปรับแสงหน้าจอได้ทันทีจากแถบเมนูลับที่ซ่อนอยู่บริเวณขอบจอด้านซ้าย อีกทั้งยังสามารถแสดงข้อมูลการทำงานของ CPU และ GPU รวมถึงตัวเลข FPS นอกจากนี้ยังมีลูกเล่นในการเปลี่ยนเสียงขณะแชทอีกด้วย
ในการทดสอบประสิทธิภาพการเล่นเกมของ OPPO Reno7 5G ทางทีมงานได้เลือกทดสอบด้วยเกม 2 เกม ได้แก่ RoX และ PUBG New State โดยตั้งค่ากราฟิกของตัวเกมไว้ดังนี้ :
การตั้งค่าของเกม RoX
การตั้งค่าของเกม PUBG New State
จากการทดสอบด้วยทั้ง 2 เกม พบว่า OPPO Reno7 5G ที่ขับเคลื่อนด้วยชิปเซ็ต MediaTek Dimensity 900 ทำได้ดีกว่าที่คาดไว้ โดยสามารถตอบสนองต่อการควบคุมได้อย่างไหลลื่น และให้เฟรมเรตสูง ระหว่างเล่นไม่มีอาการกระตุกแต่อย่างใด ระบบการทัชมีความแม่นยำ ไว้ใจได้ เหมาะสำหรับเล่นเกมทุกประเภท รวมไปถึงเกมที่ต้องการความแม่นยำในการควบคุมสูงอย่าง PUBG ที่สำคัญตัวเครื่องยังควบคุมความร้อนได้ดีมากอีกด้วย โดยรวมแล้ว OPPO Reno7 5G เป็นสมาร์ทโฟนอีกรุ่นหนึ่งที่เล่นเกมได้ดี เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการมือถือ 5G ที่เล่นเกมได้เพลิน ๆ ในราคาไม่แพงครับ
จากการตรวจสอบด้วยแอปพลิเคชัน OPPO Reno7 5G ใช้ชิปเซ็ตประมวลผล MediaTek Dimensity 900 ที่มีหน่วยประมวลผล 8-แกน (Octa-Core) และมีความเร็วในการประมวลผลสูงสุดที่ 2.4 GHz มากับหน่วยประมวลผลกราฟิก (GPU) Mali-G68 MC4, หน่วยความจำแรม (RAM) 8 GB และหน่วยความจำภายใน (ROM) 256 GB
OPPO Reno7 5G วัดค่า benchmark จากแอปพลิเคชัน AnTuTu ได้ 436698 คะแนน และจากแอปพลิเคชัน Geekbench 5 ได้ 710 คะแนนสำหรับการประมวลผลแกนเดี่ยว (Single-Core) และ 2110 คะแนนสำหรับการประมวลผลหลายแกน (Multi-Core)
OPPO Reno7 5G มีเซ็นเซอร์ Accelerometer Sensor, Light Sensor, Orientation Sensor, Proximity Sensor, Gyroscope Sensor, Sound Sensor และ Magnetic Sensor ส่วนหน้าจอแสดงผลรองรับการสัมผัสได้พร้อมกันได้อย่างน้อย 10 จุด
การระบุตำแหน่ง และนำทาง สามารถจับสัญญาณได้รวดเร็ว และมีความแม่นยำ ด้วยการรองรับระบบดาวเทียมที่ครบครันทั้งระบบ GPS, A-GPS, BeiDou, Glonass, Galileo และ QZSS
การใช้งานกล้องสำหรับถ่ายภาพ และวิดีโอ
สำหรับการถ่ายภาพนั้น OPPO Reno7 5G ยังคงมากับ AI Dazzle Color ที่ช่วยเพิ่มความสดใสให้กับภาพถ่ายเช่นเคย โดยสามารถเลือกเปิด หรือปิดได้จากเมนูด้านบน และมีเมนูลัดสำหรับสลับระยะการถ่ายภาพ ตั้งแต่ระยะปกติ, มุมมองกว้าง (0.6x) และซูม 2 เท่า
ใน โหมดรูปคน หรือโหมด Portrait สามารถเลือกปรับความเข้มของการเบลอฉากหลังได้อย่างอิสระ ซึ่งดวงไฟบนฉากหลังจะปรับเปลี่ยนไปตามความเบลอ ยิ่งเบลอมากก็ยิ่งเห็นดวงไฟชัดขึ้น
และยังมี เอฟเฟกต์รีทัช ที่จะช่วยลดริ้วรอย และตกแต่งรูปให้สวยขึ้นโดยอัตโนมัติ โดยสามารถปรับได้ 100 ระดับ จะเรียกว่าเป็น AI Beauty เวอร์ชันอัปเกรดก็ได้ นอกจากนี้ยังมีฟิลเตอร์ให้ใช้งานอีกหลายแบบ หลายอารมณ์
ไม่เพียงแค่ในภาพนิ่ง การถ่ายวิดีโอก็มีเอฟเฟกต์เบลอหลังแบบโบเก้ (Bokeh Flare Portrait Video) และเอฟเฟกต์รีทัชให้ใช้เช่นกัน ทำให้ผลลัพธ์ที่ออกมาดูดีราวกับถ่ายด้วยกล้องโปรราคาแพงเลยทีเดียว
สำหรับ โหมดมาโคร จะเป็นการถ่ายรูปในระยะใกล้ไม่เกิน 4 เซนติเมตร เพื่อเน้นรายละเอียดของวัตถุ เหมาะสำหรับการถ่ายสิ่งของที่มีขนาดเล็ก เช่น แมลง, ดอกไม้, เหรียญ และอื่น ๆ
อีกฟังก์ชันหนึ่งคือ โหมดกลางคืน ที่ช่วยให้ภาพถ่ายแสงสียามค่ำคืนดูสดใสมีชีวิตชีวา โดยสามารถถ่ายได้ทั้งในมุมมองปกติ, มุมมองกว้าง และแบบซูม 2 เท่า อีกทั้งยังใส่ฟิลเตอร์เพื่อเสริมอารมณ์ของภาพได้
นอกจากนี้ OPPO Reno7 5G ยังมีโหมดการถ่ายรูปอื่น ๆ อีกหลายโหมด อาทิเช่น โหมดผู้เชี่ยวชาญ ที่ผู้ใช้ปรับแต่งค่าต่าง ๆ ได้, โหมด HD พิเศษ สำหรับถ่ายภาพที่ความละเอียด 64 MP, โหมดพาโนรามา และโหมดมุมมองคู่ เป็นต้น
ในส่วนของกล้องหน้า มีความละเอียด 32 MP สามารถถ่ายเซลฟี่ด้วยเอฟเฟกต์โบเก้ได้สวยงามไม่แพ้กล้องหลัง แต่พิเศษกว่าตรงที่เอฟเฟกต์รีทัชสามารถปรับแต่งได้ละเอียดขึ้น ตั้งแต่ลักษณะผิว, แก้ม, ตา, จมูก, ปาก เรียกได้ว่าแทบจะไม่ต้องแต่งหน้าเลย
ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องหลัง 3 ตัว ความละเอียด 64+8+2 ล้านพิกเซล ของ OPPO Reno7 5G
ตัวอย่างภาพถ่ายจากโหมดพอร์ตเทรต (Portrait)
ตัวอย่างภาพถ่ายจากโหมดอัตโนมัติ + AI Dazzle Color
ตัวอย่างภาพถ่ายจากโหมดมาโคร (Macro)
ตัวอย่างภาพถ่ายจากโหมดกลางคืน
ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องหน้าความละเอียด 32 ล้านพิกเซล ของ OPPO Reno7 5G
สรุปผลการทดสอบของ OPPO Reno7 5G
หลังจากที่ทางทีมงานได้ทดสอบใช้งานฟีเจอร์ต่าง ๆ ของ OPPO Reno7 5G มาได้พักใหญ่ ก็สามารถบอกได้ว่าสมาร์ทโฟนรุ่นนี้เป็นสมาร์ทโฟนที่ดีอีกรุ่นหนึ่ง ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของประสิทธิภาพ และการถ่ายรูป
เริ่มจากดีไซน์ภายนอก OPPO Reno7 5G มีขนาดและน้ำหนักเหมาะมือกำลังดี ฝาหลังยังคงยึดดีไซน์แบบ OPPO Glow ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ที่สืบทอดกันมาตั้งแต่รุ่นแรกของซีรีส์ ให้ผิวสัมผัสที่ดี ไม่ลื่น ไม่มัน และมีการไล่เฉดสีสวยงาม อย่างไรก็ดี ดีไซน์โดยรวมของรุ่นก่อนหน้าอย่าง OPPO Reno6 5G รวมทั้งรุ่น Reno7 Pro 5G ก็อาจจะดูโดดเด่นกว่าในระดับหนึ่ง
ในเรื่องของประสิทธิภาพ OPPO Reno7 5G นั้นใช้ชิปเซ็ต MediaTek Dimensity 900 ซึ่งสามารถขับเคลื่อนการทำงานทุกรูปแบบได้อย่างราบรื่น ไม่ว่าจะเป็นงานเบา ๆ อย่างการเล่นโซเชียล ดูหนัง ไปจนถึงงานหนักอย่างการถ่ายวิดีโอ หรือเล่นเกม ขณะเดียวกัน ตัวเครื่องยังมีเทคโนโลยี RAM Expansion ที่เพิ่ม RAM ยามฉุกเฉินได้อีกสูงสุดถึง 5GB รวมกับที่มีในเครื่อง 8GB กลายเป็น 13GB ซึ่งไม่ว่าจะใช้งานหนักแค่ไหนก็มี RAM ให้ใช้อย่างเหลือเฟือ ดังนั้นเรื่องสมรรถนะสำหรับการทำงานเรียกได้ว่าหายห่วง
ด้านการเล่นเกม แม้ไม่ใช่จุดเด่นของสมาร์ทโฟนรุ่นนี้ แต่ก็ยังทำได้ดีกว่าที่คาดไว้ โดยสามารถเล่นเกมแบบปรับสุด และเปิดเฟรมเรตสูงได้แบบสบาย ๆ และด้วยความที่เป็นหน้าจอแบบ Rigid LTPS AMOLED จึงมีสีสัน และความสว่างค่อนข้างดี ส่วนการตอบสนองก็จัดว่ารวดเร็วฉับไว ไว้ใจได้ ด้วยอัตราการรีเฟรชสูงสุดที่ 90 Hz กับอัตราการตอบสนองต่อการสัมผัสสูงสุดที่ 180 Hz และที่สำคัญคือชิปเซ็ต MediaTek Dimensity 900 สามารถจัดการกับความร้อนได้ดีมาก หากใครกำลังมองหามือถือเอาไว้เล่นเกมเพลิน ๆ OPPO Reno7 5G ไม่น่าจะทำให้ผิดหวัง
OPPO Reno7 5G มากับแบตเตอรี่ความจุ 4500 mAh ซึ่งนับว่าอึดพอสมควรเมื่อเทียบกับสมาร์ทโฟนรุ่นอื่นในปัจจุบัน ส่วนตัวระบบปฏิบัติการ ColorOS 12 ก็มีการจัดสรรพลังงานได้ค่อนข้างดี จึงสามารถใช้งานได้ตลอดทั้งวันโดยไม่ต้องชาร์จ เว้นแต่ว่าจะเล่นเกมหนักจริง ๆ แต่ถึงจะเผลอใช้จนแบตเตอรีหมดก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่ เพราะ OPPO Reno7 5G รองรับระบบชาร์จไว 65W SUPERVOOC ทำให้ชาร์จจนเต็มได้ภายในเวลาเพียงแค่ 30-40 นาทีเท่านั้น จึงแทบไม่เป็นปัญหาเลย
สำหรับการถ่ายรูปซึ่งเป็นจุดขายหลักของ OPPO Reno7 5G นั้น เลือกใช้ชุดกล้องหลัง 3 ตัว ความละเอียด 64 MP และมีเลนส์เสริมเป็น Ultra Wide กับ Macro จึงจัดว่าครอบคลุมการถ่ายรูปได้ครบถ้วนทุกระยะสำหรับสมาร์ทโฟนระดับกลาง โดยมีโหมดภาพถ่ายบุคคล หรือโหมด Portrait เป็นตัวชูโรง ซึ่งเอฟเฟกต์เบลอฉากหลัง และดวงไฟโบเก้ในโหมดนี้ ก็ทำออกมาได้สวยงามเป็นธรรมชาติ อีกทั้งฟีเจอร์รีทัชที่มาแทนโหมดบิวตี้เดิมก็ใช้งานง่าย หากกะจังหวะแสง และเลือกระดับการรีทัชดี ๆ ก็สามารถถ่ายออกมาได้สวยงามเหมือนกล้อง DSLR ได้ไม่ยาก
นอกจากการถ่ายภาพนิ่ง การถ่ายวิดีโอแบบโบเก้ หรือ Bokeh Flare Portrait Video ก็ทำได้ดีเช่นกัน โดยสามารถแยกแยะตัวแบบ และฉากหลังได้อย่างแนบเนียนแม้จะมีการเคลื่อนไหวตลอดเวลา และยังปรับความเบลอกับดวงไฟโบเก้ได้ตามต้องการ นอกจากจะใช้ง่ายแล้ว ผลลัพธ์ยังออกมาดูดีอีกด้วย
สำหรับโหมดการถ่ายรูปทั่วไป โดยรวมอยู่ในระดับที่ดี โทนสีของภาพจะค่อนข้างสว่าง และดูนวลตา ตามแบบฉบับของ OPPO แต่การถ่ายในที่ร่ม หรือในอาคาร ยังคุม Noise ได้ไม่ดีนัก ทำให้ภาพไม่ค่อยคม และจะยิ่งเห็น Noise ได้ชัดขึ้นเมื่อถ่ายในมุมมอง Ultra Wide ส่วนโหมดมาโครยังคงต้องอาศัยแสงสว่างค่อนข้างมากเพื่อทำให้ภาพออกมาคมชัด ซึ่งเป็นเรื่องปกติสำหรับสมาร์ทโฟนส่วนใหญ่อยู่แล้ว จึงไม่ถือว่าเป็นจุดด้อย แต่ก็ไม่ถึงกับเป็นจุดเด่นเช่นกัน
ในโหมดกลางคืน OPPO Reno7 5G ยังคงทำได้ดีเช่นเคย โดยสามารถดึงสีสัน และความสว่างของไฟยามค่ำคืนออกมาได้อย่างสวยงาม คมชัด และควบคุม Noise ได้ดี จึงนับเป็นอีกรุ่นหนึ่งที่ถ่ายแสงไฟยามราตรีได้สนุก
ด้วยคุณสมบัติที่กล่าวมาข้างต้น ก็พอจะสรุปได้ว่า OPPO Reno7 5G นั้น เป็นสมาร์ทโฟน 5G ระดับกลางที่มีความโดดเด่นด้านการถ่ายรูปภาพ และวิดีโอแบบโบเก้ โดยยังสามารถตอบสนองการใช้งานทุกด้านได้เป็นอย่างดี เหมาะสำหรับผู้ที่กำลังมองหาสมาร์ทโฟน 5G ที่มีความสามารถรอบด้าน ในราคาที่ไม่สูงจนเกินไปครับ
สำหรับ OPPO Reno7 5G เปิดราคาจำหน่ายอย่างเป็นทางการในประเทศไทยแล้วที่ 16,990 บาท ส่วน OPPO Reno7 Pro 5G มีราคาอยู่ที่ 22,990 บาท โดยมาพร้อมโปรโมชั่นในช่วงพรีออเดอร์ โดยผู้ที่สั่งจอง OPPO Reno7 5G ระหว่างวันที่ 14-18 กุมภาพันธ์ 2565 จะได้รับของสมนาคุณเป็นมูลค่ารวมกว่า 6,999 บาท ประกอบไปด้วย หูฟังไร้สาย OPPO Enco Buds และบัตร E-VIP Card
ส่วนผู้ที่สั่งจอง OPPO Reno7 Pro 5G จะได้รับของสมนาคุณมูลค่ารวมกว่า 10,499 บาท ประกอบไปด้วย หูฟัง OPPO Enco Air2 ซึ่งเป็นหูฟังรุ่นใหม่ที่เตรียมวางจำหน่ายในเร็ว ๆ นี้ และบัตร E-VIP Card
โดยผู้ที่สั่งจองจะได้รับเครื่องในวันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2565 ท่านใดที่สนใจ ก็สามารถสั่งจอง OPPO Reno7 5G และ OPPO Reno7 Pro 5G ได้แล้ววันนี้ที่ OPPO Brand Shop และตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศ รวมทั้งช่องทางออนไลน์ที่ Shopee, Lazada, JD Central และ Thisshop
สุดท้ายนี้ ต้องขอขอบคุณ OPPO ประเทศไทย ที่ให้ความไว้วางใจส่งเครื่อง OPPO Reno7 5G มาให้ทางทีมงานได้รีวิวกันในโอกาสนี้ สำหรับวันต้องขอลาไปก่อน แล้วพบกันได้ใหม่ในรีวิวรุ่นต่อไป สวัสดีครับ
จุดเด่นของ OPPO Reno7 5G
-
ดีไซน์ภายนอกดูสวยงามทันสมัย และเรียบหรู เหมาะกับผู้ใช้ทุกเพศทุกวัย
และสามารถป้องกันการเกิดรอยนิ้วมือได้ดี
- ตัวเครื่องมีความบางเบา สามารถพกพาได้อย่างคล่องตัว
- ระบบระบายความร้อนแบบ Multi-Cooling System ด้วยฉนวนกันความร้อน Borazon เกรดเดียวกับที่ใช้สร้างยานอวกาศ, แผ่นกราไฟต์ประสิทธิภาพสูง และเซนเซอร์ตรวจจับความร้อน 5 ตัว
- จอแสดงผลแบบ Rigid LTPS AMOLED Display ขนาด 6.4 นิ้ว ความละเอียดระดับ FHD พร้อมอัตราการรีเฟรชสูงสุดที่ 90 Hz, อัตราการตอบสนองของระบบสัมผัสสูงสุดที่ 180 Hz, รองรับช่วงสีแบบ DCI-P3 ได้สูงสุด 100%, รองรับช่วงสีแบบ sRGB ได้สูงสุด 135%, ความสว่างสูงสุด 820 nits และครอบทับด้วยกระจก Corning Gorilla Glass 5
- เซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือแบบฝังใต้หน้าจอ (In-Screen Fingerprint Sensor) พร้อมระบบจดจำใบหน้า (Face Recognition)
- ประมวลผลด้วยชิปเซ็ต MediaTek Dimensity 900 5G ความเร็ว 2.4 GHz ซึ่งมีประสิทธิภาพสูง และมีความร้อนต่ำ
- หน่วยประมวลผลกราฟิก (GPU) Mali-G68 MC4
- หน่วยความจำแรม (RAM) แบบ LPDDR4X ขนาด 8 GB พร้อมระบบ RAM Expansion สำหรับช่วยขยายขนาด RAM เพิ่มเติมได้อีก 5 GB
- หน่วยความจำภายในสำหรับเก็บบันทึกข้อมูล (ROM) แบบ UFS 2.2 ขนาด 256 GB
- แบตเตอรี่ความจุ 4500 mAh พร้อมระบบชาร์จแบตเตอรี่ความเร็วสูงแบบ 65W SUPERVOOC ที่สามารถชาร์จแบตเตอรี่ได้เต็ม 100% ภายในเวลา 31 นาที
- ทำงานอยู่บนระบบปฏิบัติการ ColorOS 12 (พัฒนาอยู่บนพื้นฐานของระบบปฏิบัติการ Android 11)
----------------------------
กล้องดิจิทัลด้านหลัง 3 ตัว (AI Triple Camera) ประกอบด้วย
- กล้อง Wide (Main) ความละเอียด 64 ล้านพิกเซล พร้อมเซนเซอร์รับภาพขนาด 1/2.0 นิ้ว, เม็ดพิกเซลขนาด 0.7 ไมครอน, รูรับแสงขนาด f1.7, มุมรับภาพ 80.5 องศา (ทางยาวโฟกัส 26 มิลลิเมตร), ระบบโฟกัสอัตโนมัติแบบ PDAF, มอเตอร์ Closed-Loop Focus และโครงสร้างแบบ 6 ชิ้นเลนส์
- กล้อง Ultra Wide ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล พร้อมรูรับแสงขนาด f2.25, มุมรับภาพ 118.9 องศา และโครงสร้างแบบ 5 ชิ้นเลนส์
- กล้อง Macro ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล พร้อมรูรับแสงขนาด f2.4, มุมรับภาพ 88.8 องศา, ระยะโฟกัสใกล้สุดที่ 4 เซนติเมตร และโครงสร้างแบบ 3 ชิ้นเลนส์
พร้อมปรับค่ารูรับแสงได้ 25 ระดับ (โหมด Portrait), ฟังก์ชัน Flash Snapshot (1/20 ms), โหมด Ultra-Clear 108MP, รองรับการถ่ายวิดีโอที่ความละเอียดสูงสุดระดับ 4K UHD (30 fps), โหมด AI Highlight Video, Ultra Night Video, AI Color Portrait Video, Live HDR, ระบบโฟกัสแบบติดตามวัตถุ และระบบป้องกันการสั่นแบบ EIS กับ Ultra Steady Video
กล้องดิจิทัลด้านหน้าความละเอียด 32 ล้านพิกเซล
พร้อมเซนเซอร์รับภาพขนาด 1/2.74 นิ้ว, เม็ดพิกเซลขนาด 0.8 ไมครอน, รูรับแสงขนาด f2.4 และรองรับการถ่ายวิดีโอที่ความละเอียดสูงสุดระดับ 1080P FHD (30 fps)
----------------------------
- ใช้งานอินเทอร์เน็ตผ่านทางระบบ Wi-Fi 6, 5G, 4G LTE, 3G WCDMA, EDGE และ GPRS
- เชื่อมต่อข้อมูลแบบไร้สายผ่านทาง Bluetooth 5.2 และ NFC
- ระบุตำแหน่ง และนำทางด้วยระบบดาวเทียม GPS+A-GPS, BeiDou, Glonass, Galileo และ QZSS
- พอร์ตเชื่อมต่อแบบ USB Type-C (USB 2.0)
- พอร์ตหูฟังขนาด 3.5 มิลลิเมตร
- ฟีเจอร์ Game Space สำหรับบล็อกการแจ้งเตือน Pop-up ต่าง ๆ
พร้อมกับเร่งประสิทธิภาพการทำงานของตัวเครื่องขณะเล่นเกม
- ฟังก์ชัน HyperBoost (AI Frame Rate Stabilizer)
- ฟังก์ชัน Air Gestures, Adaptive Sleep และ Anti-Peeping (สำหรับการแจ้งเตือน)
- มี 2 สีมาตรฐานให้เลือก (Starry Black และ Startrails Blue)
จุดที่อาจจะต้องพิจารณาเพิ่มเติมของ OPPO Reno7 5G
- หน้าจอไม่รองรับอัตราการรีเฟรชที่ 120 Hz
- กล้องหลังยังคุม Noise ได้ไม่ค่อยดีนัก และไม่มีระบบป้องกันการสั่นแบบ OIS
- ไม่รองรับการ์ดหน่วยความจำเสริมแบบ microSD หรือแบบอื่น ๆ
- ลำโพงเสียงเป็นแบบเดี่ยว
โปรดทราบ
* โทรศัพท์มือถือที่ท่านเห็นในบทความรีวิวนี้เป็นเครื่องทดสอบจากศูนย์บริการ คุณสมบัติบางอย่างอาจแตกต่างจากเครื่องที่วางจำหน่ายจริง รวมถึงจุดด้อยบางประการที่พบในเครื่องทดสอบ อาจถูกแก้ไขให้ดีขึ้นแล้วในเครื่องที่วางจำหน่ายจริง ดังนั้นหากท่านสนใจซื้อโทรศัพท์มือถือรุ่นนี้ ควรตรวจสอบ หรือทดลองใช้งานสินค้าด้วยตนเองเพื่อความมั่นใจครับ *
สรุปคุณสมบัติของ OPPO Reno7 5G
ท่านสามารถตรวจสอบคุณสมบัติ (สเปก) และราคา ของ OPPO Reno7 5G ได้โดยการคลิกที่ลิงก์ด้านล่างนี้
สรุปคุณสมบัติ (สเปก) และราคา ของ OPPO Reno7 5G
วันที่ : 14/02/2022