พรีวิว (Preview) OPPO R15 Pro มือถือกล้องคู่ตัวท็อปพร้อมจอไร้ขอบใหม่ล่าสุด กับความครบเครื่องด้วย RAM 6GB จับคู่ชิป Snapdragon 660 AIE พร้อมบอดี้กระจก 3D Glass ไล่เฉดสีสุดพรีเมียม ในราคา 19,990 บาท!

เปิดตัวในประเทศไทยอย่างเป็นทางการแล้ว สำหรับ OPPO R15 Pro มือถือตัวท็อปในตระกูล R-Series รุ่นใหม่ล่าสุด ที่มาพร้อมกับจุดเด่นหลายต่อหลายด้าน ไล่ตั้งแต่ หน้าจอแสดงผลแบบไร้ขอบไซส์ใหญ่เต็มตา ไปจนถึงประสิทธิภาพการทำงานที่เร็วแรงด้วย RAM 6GB จับคู่กับชิปเซ็ตประมวลผล Qualcomm Snapdragon 660 AIE พร้อมหน่วยความจำภายในจุใจถึง 128GB ซึ่งทาง OPPO เปิดราคาวางจำหน่าย OPPO R15 Pro ในประเทศไทยเอาไว้ที่ 19,990 บาท โดยจะเริ่มเปิดให้พรีออเดอร์ระหว่างวันที่ 24 พฤษภาคม - 1 มิถุนายน 2561 นี้ และจะมีการวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการตั้งแต่วันที่ 2 มิถุนายน 2561 เป็นต้นไป

แต่ก่อนที่ OPPO R15 Pro จะเริ่มวางขายในบ้านเราอย่างเป็นทางการนั้น ในวันนี้ทางทีมงาน Thaimobilecenter ได้มีโอกาสสัมผัส พร้อมทดลองใช้งาน OPPO R15 Pro ในเบื้องต้นมาบ้างแล้ว ดังนั้นจึงขอโอกาสเก็บภาพตัวเครื่องมาทำพรีวิวให้ทุกท่านได้รับชมกัน หากพร้อมแล้วไปติดตามกันเลยครับ

สำหรับ OPPO R15 Pro มาพร้อมกับหน้าจอแสดงผล OLED แบบ Super-V Display ขนาด 6.28 นิ้ว ที่มีความละเอียดคมชัดระดับ Full HD+ พร้อมสัดส่วนในการแสดงผลแบบ 19:9 ซึ่งมีพื้นที่ในการแสดงผลสูงถึง 90% เลยทีเดียว ทำให้เราสามารถรับชมคอนเทนต์ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น คลิปวิดีโอ หรือท่องเว็บไซต์ ได้อย่างกว้างเต็มตายิ่งกว่าเดิม

ที่ด้านบนของหน้าจอมีการขยายพื้นที่ในการแสดงผลให้ชิดกับขอบของตัวเครื่อง พร้อมเว้นพื้นที่หน้าจอตรงกลาง หรือ Notch สำหรับติดตั้งกล้องดิจิทัลด้านหน้าความละเอียด 20 ล้านพิกเซล ที่มาพร้อมกับเทคโนโลยี AI Beauty เพื่อช่วยปรับแต่งใบหน้าผู้ใช้งานให้มีความสวยงามเป็นธรรมชาติ ถัดมาเป็นลำโพงสำหรับสนทนา และเซ็นเซอร์สำคัญต่างๆ

ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องหน้าของ OPPO R15 Pro

ที่ด้านล่างของหน้าจอมาพร้อมกับปุ่มควบคุมแบบสัมผัสบนหน้าจอ (On-Screen Navigation Buttons) ประกอบด้วย ปุ่ม Recent Apps สำหรับเรียกดูแอปพลิเคชันที่ทำงานอยู่เบื้องหลัง, ปุ่ม Home และปุ่ม Back สำหรับย้อนกลับ

ที่ด้านบนของตัวเครื่องมีไมโครโฟนตัวที่สองสำหรับตัดเสียงรบกวนติดตั้งเอาไว้

ที่ด้านล่างของตัวเครื่อง มาพร้อมกับลำโพงหลักของตัวเครื่อง, พอร์ตเชื่อมต่อแบบ microUSB และช่องเสียบหูฟังมาตรฐานขนาด 3.5 มิลลิเมตร

ที่ด้านซ้ายของตัวเครื่องมีปุ่มปรับระดับเสียงติดตั้งเอาไว้

ที่ด้านขวาของตัวเครื่องมาพร้อมกับถาดใส่ซิมการ์ดแบบ Hybrid Slot ซึ่งรองรับการใช้งานแบบ 2 ซิมการ์ด และสามารถใส่หน่วยความจำเสริมภายนอกแบบ microSD Card ได้ (ใช้ร่วมกับช่องใส่ซิมการ์ดที่สอง) ถัดลงมาเป็นปุ่ม Power สำหรับเปิด-ปิด เครื่อง หรือล็อกหน้าจอ

สำหรับบอดี้ของ OPPO R15 Pro ผลิตมาจากวัสดุประเภทกระจกแบบ 3D Glass พร้อมกับสีสันที่มีการไล่เฉด ทำให้ตัวเครื่องดูมีความงางามสะดุดตา พร้อมติดตั้งเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือเอาไว้ที่บริเวณตรงกลางของตัวเครื่อง

ซึ่งที่ด้านบนของตัวเครื่องมาพร้อมกับระบบกล้องหลังคู่ (Dual Camera) ความละเอียด 16 + 20 ล้านพิกเซล รูรับแสงกว้างสูงสุดที่ f/1.7 พร้อมไฟแฟลชแบบ LED

กล้องคู่ของ OPPO R15 Pro มาพร้อมกับเทคโนโลยีที่น่าสนใจอย่าง AI Scene Recognition ที่เป็นการนำเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) เข้ามาช่วยวิเคราะห์ฉาก และวัตถุที่อยู่ในเฟรม เพื่อทำการปรับแต่งการตั้งค่ากล้องถ่ายภาพให้เหมาะสมแบบอัตโนมัติ ซึ่งนับว่าเหมาะกับผู้ใช้งานที่อาจไม่คุ้นชินกับการปรับแต่งค่ากล้องด้วยตัวเองมากนัก

นอกจากนี้ ยังมาพร้อมกับฟีเจอร์ Artistic Portrait Mode สำหรับถ่ายภาพแบบหน้าชัดหลังเบลอ รวมไปถึงฟีเจอร์ 3D Lighting Effects ซึ่งเป็นการจัดแสงให้แก่ตัวแบบคล้ายกับการจัดแสงไฟในสตูดิโอ

ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องหลังคู่ของ OPPO R15 Pro

สำหรับทางด้านประสิทธิภาพการทำงาน OPPO R15 Pro ขับเคลื่อนด้วยชิปเซ็ต Qualcomm Snapdragon 660 AIE แบบ Octa-Core Processor ซึ่งจะคอยทำงานควบคู่กับหน่วยความจำแรม (RAM) ขนาด 6GB พร้อมหน่วยความจำภายในความจุ 128GB ที่สามารถเพิ่มหน่วยความจำเสริมภายนอกแบบ microSD Card ได้อีกถึง 256GB และรันด้วยระบบปฏิบัติการ Android 8.1 Oreo ครอบทับด้วย UI ที่ทาง OPPO พัฒนาขึ้นมาเองอย่าง Color OS 5.0 ตั้งแต่แกะกล่อง

สำหรับ OPPO R15 Pro มีให้เลือกทั้งหมด 2 เฉดสีด้วยกัน ได้แก่ สีแดง Ruby Red และสีม่วง Cosmic Purple โดยเปิดราคาวางจำหน่ายในประเทศไทยเอาไว้ที่ 19,990 บาท ซึ่งสำหรับใครที่สนใจสามารถพรีออเดอร์ได้ระหว่างวันที่ 24 พฤษภาคม - 1 มิถุนายน 2561 พร้อมรับฟรี Special Gift Box และ VIP Card จาก OPPO มูลค่ารวมกว่า 3,000 บาท นอกจากนี้ ผู้ที่สั่งซื้อ OPPO R15 Pro จะได้รับ Premium Service ซึ่งเป็นสิทธิในการเปลี่ยนเครื่องทันทีเมื่อมีปัญหา ส่วนกำหนดการขายจริงจะเริ่มตั้งแต่วันที่ 2 มิถุนายน 2561 เป็นต้นไป

ข้อมูลเพิ่มเติม