หน้าแรกมือถือ > รวมข่าวมือถือ > หน้าบทความ ข่าวมือถือ
   
Date : 25/5/2561

ทดสอบกล้อง OPPO R15 Pro มือถือกล้องคู่พลัง AI ตัวท็อป พร้อมโหมด AI Portrait และกล้องหน้าเซลฟี่ AI Beauty 2.0 รุ่นล่าสุดจากตระกูล R-Series ในราคา 19,990 บาท

 

สมาร์ทโฟน R-Series ของแบรนด์ OPPO ถือว่าเป็นมือถืออีกหนึ่งตระกูลที่ได้รับความนิยมจากผู้ใช้งาน ซึ่งในรุ่น R9s ที่เคยบุกตลาดประเทศต่างๆ รวมไปถึงประเทศไทย ก็ถือว่ามีเสียงตอบรับที่ดีเช่นเดียวกัน จนขึ้นแท่นสมาร์ทโฟน Android ที่ขายดีที่สุดเมื่อช่วงไตรมาสที่ 1 ประจำปี 2017 ตามข้อมูลจาก Strategy Analytics บริษัทวิจัยด้านการตลาดชั้นนำระดับโลก

ล่าสุดนี้ทาง OPPO ได้มีการพัฒนาต่อยอดสมาร์ทโฟนภายใต้ไลน์ผลิตภัณฑ์ R-Series พร้อมกับส่ง OPPO R15 Pro สมาร์ทโฟนตัวท็อปรุ่นใหม่ล่าสุด ที่มาพร้อมกับจุดเด่นด้านการดีไซน์ด้วยหน้าจอไร้ขอบแบบ Super Full Screen Display และระบบกล้องหลังคู่ (Dual Camera) ที่เลือกใช้งานเซ็นเซอร์รับภาพระดับเรือธงรุ่นล่าสุดในชื่อ IMX519 ซึ่งเป็นเซ็นเซอร์ที่ทาง OPPO ได้จับมือพัฒนาร่วมกับแบรนด์ผู้ผลิตกล้องชั้นนำอย่าง Sony โดยมาพร้อมกับจุดเด่นด้านประสิทธิภาพการประมวลผลของตัวเซ็นเซอร์ที่ช่วยให้ภาพถ่ายบุคคล หรือ Portrait มีความโดดเด่นยิ่งขึ้น นอกจากนี้ ยังมาพร้อมกับเทคโนโลยี AI-Enhanced Camera ที่ช่วยให้การถ่ายภาพในสถานการณ์ต่างๆ เป็นไปอย่างสะดวกมากยิ่งขึ้น

สำหรับเทคโนโลยี AI-Enhanced Camera ของ OPPO R15 Pro ถูกออกแบบมาสำหรับถ่ายภาพ Portrait โดยเฉพาะ ด้วยฟังก์ชัน AI Portrait Mode สำหรับถ่ายภาพหน้าชัดหลังเบลอ พร้อมฟังก์ชัน 3D Portrait Lighting สำหรับช่วยปรับแสงแบบ 3 มิติ ให้แก่ตัวแบบเพื่อเปลี่ยนโทน และอารมณ์ของภาพถ่าย

ดังนั้นในวันนี้ทางทีมงาน Thaimobilecenter จึงได้นำ OPPO R15 Pro ไปทดสอบการถ่ายภาพ โดยเน้นไปที่การถ่ายภาพบุคคล หรือ Portrait เป็นหลัก เพื่อทดสอบโหมดถ่ายภาพแบบ AI Portrait Mode และ 3D Portrait Lighting ซึ่งถือเป็นฟีเจอร์ชูโรงของสมาร์ทโฟนรุ่นนี้ โดยภาพที่ได้จาก OPPO R15 Pro จะมีความสวยงามมากน้อยขนาดไหน เราไปติดตามกันเลยดีกว่าครับ

 

ตัวอย่างภาพถ่ายด้วยโหมด AI Portrait (หน้าชัดหลังเบลอ) จากกล้องหลังคู่ของ OPPO R15 Pro

สำหรับระบบกล้องหลังคู่ของ OPPO R15 Pro จะแบ่งออกเป็น กล้องตัวหลักความละเอียด 20 ล้านพิกเซล และกล้องตัวรองความละเอียด 16 ล้านพิกเซล รูรับแสงกว้างสูงสุดที่ f/1.7 พร้อมระบบโฟกัสภาพแบบ PDAF ส่งผลให้กล้องสามารถจับโฟกัสใบหน้าของตัวแบบได้อย่างรวดเร็ว ส่วนโหมดถ่ายภาพแบบหน้าชัดหลังเบลอ AI Portrait ก็สามารถตัดขอบระหว่างตัวแบบ และฉากหลังได้ค่อนข้างแม่นยำ ซึ่งจะสังเกตุจากบริเวณปลายผมของตัวแบบที่ไม่ถูกตัดกลืนไปกับฉากหลังมากนัก

เมื่อลองไปทดสอบการถ่ายภาพที่มีระยะห่างระหว่างตัวแบบ และ Object ก็พบว่า OPPO R15 Pro สามารถแยกแยะระยะชัดตื้นบนภาพได้ด้วย พร้อมกับทำการเบลอได้อย่างมีมิติ ภาพไม่ดูแบนเป็นระนาบเดียวกัน ซึ่งสังเกตได้จากการไล่ระดับการเบลอระหว่างวัตถุด้านหน้า และแบ็กกราวด์ที่อยู่ด้านหลังของตัวแบบ

ลองถ่ายภาพแบบย้อนแสงผ่านโหมด HDR กันดูซักหน่อย ซึ่งนับว่าเป็นซีนที่ค่อนข้างยากสำหรับกล้องถ่ายภาพของมือถือ เนื่องจากหากตัวซอฟท์แวร์ประมวลผลภาพ หรือเซ็นเซอร์กล้อง มีประสิทธิภาพด้านการจัดการแสงที่ไม่ดีพอ จะส่งผลให้ภาพที่ได้อาจดูสว่างมากจนเกินไป (Overexposed) หรือบางครั้งใบหน้าของตัวแบบอาจดูมืดจนไม่เห็นรายละเอียด แต่สำหรับโหมด HDR ของ OPPO R15 Pro ถือว่าสามารถจัดการแสงโดยรอบได้เป็นได้อย่างดี สามารถเก็บรายละเอียดของใบหน้าตัวแบบได้ค่อนข้างครบถ้วน รวมทั้งยังมีการจัดแสงอยู่ในระดับที่เหมาะสม ไม่มืดจนไม่เห็นรายละเอียด หรือสว่างจนรายละเอียดบางส่วนขาดหายไป

นอกจากนี้ OPPO R15 Pro ยังมีฟังก์ชันที่เอื้อต่อการถ่ายภาพ Portrait อย่างการปรับระยะโฟกัสของกล้องถ่ายภาพให้เข้าไปใกล้ตัวแบบมากยิ่งขึ้น (Close-up) เพียงแค่แตะที่ไอคอนบริเวณด้านซ้ายบนเท่านั้น ซึ่งนับว่าเหมาะกับการถ่ายภาพ Portrait ที่ต้องการเน้นอารมณ์ หรือรายละเอียดของใบหน้าของตัวแบบ

เปรียบเทียบภาพถ่าย Portrait จากระยะปกติ และภาพถ่ายที่เปิดฟังก์ชัน Close-up


ตัวอย่างภาพถ่ายพร้อมปรับระยะโฟกัสแบบ Close-up

 

ทดสอบฟังก์ชัน 3D Portrait Lighting


(กดเพื่อดูภาพขนาดใหญ่)

อย่างที่กล่าวไปด้านต้นว่า OPPO R15 Pro มาพร้อมกับลูกเล่นที่น่าสนใจสำหรับถ่ายภาพ Portrait นั่นก็คือ 3D Portrait Lighting สำหรับจัดแสงในรูปแบบต่างๆ ให้กับตัวแบบ โดยสามารถปรับแสงได้ทั้งหมด 5 รูปแบบ รายละเอียดดังนี้

 

  • Natural Light - ปรับแสงเป็นโทนธรรมชาติ
  • Film Light - ปรับแสงให้มีโทนคล้ายกับภาพยนตร์แนวฟิล์ม
  • Tone Light - ปรับแสงให้อยู่ในโทนสีขาว-ดำ
  • Rim Light - ปรับแสงให้มีประกายรอบๆ ตัวแบบ และไรผม
  • Bi-Color Light - จัดแสงเข้าใบหน้าตัวแบบ โดยเน้นไปที่โทนสีแดง และน้ำเงิน

 

ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องหลัง พร้อมเปิดฟังก์ชัน 3D Portrait Lighting


โหมดแสงแบบ Film Light


โหมดแสงแบบ Rim Light


โหมดแสงแบบ Tone Light


โหมดแสงแบบ Bi-Color Light

 

ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องหน้า พร้อมโหมด AI Beauty 2.0

ด้านกล้องหน้าของ OPPO R15 Pro ก็ถือว่าน่าสนใจเช่นเดียวกัน เนื่องจากมาพร้อมกับความละเอียดสูงถึง 20 ล้านพิกเซล พร้อมเทคโนโลยี AI Beauty 2.0 ที่เป็นการนำเอาเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) เข้ามาช่วยวิเคราะห์ลักษณะใบหน้าของผู้ใช้งานกว่า 296 จุด พร้อมนำไปปรับแต่งให้มีความสวยงาม รวมทั้งยังมาพร้อมกับฟีเจอร์การถ่ายภาพเซลฟี่แบบหน้าชัดหลังเบลอ โดยจากภาพตัวอย่างจะเห็นได้ว่า AI Beauty 2.0 ของ OPPO R15 Pro มีการเกลี่ยสีผิวของใบหน้าตัวแบบได้ค่อนข้างเป็นธรรมชาติ พร้อมกับลดริ้วรอยบริเวณใต้ดวงตา และปรับให้คิ้วได้รูปมากยิ่งขึ้น รวมทั้งเพิ่มเอฟเฟ็กต์ให้ดวงตาดูมีประกาย ในขณะที่ยังรักษารายละเอียดแสงเงาที่ตกกระทบใบหน้าเอาไว้ได้ค่อนข้างครบถ้วน ทำให้ใบหน้าของตัวแบบดูมีมิติ และไม่แบน

ส่วนด้านการตัดขอบด้วยกล้องหน้านั้น ถือว่าทำผลงานได้น่าประทับใจ ซึ่งแม้ว่าจะในบางซีนที่แบ็กกราวด์มีความซับซ้อนอย่างเช่น ต้นไม้ หรือกิ่งไม้ เหมือนกับภาพด้านต้น แต่ซอฟท์แวร์ก็ยังสามารถแยกแยะรายละเอียดระหว่างตัวแบบ และวัตถุด้านหลังได้ค่อนข้างดี แม้จะมีบางส่วนอย่างเช่นบริเวณขอบแขนเสื้อด้านบน ที่ยังเบลอได้ไม่ดีเท่าที่ควร แต่เนื่องมาจากเทคโนโลยีกล้องถ่ายภาพบนสมาร์ทโฟนในปัจจุบัน ที่ยังมีการนำซอฟท์แวร์มาช่วยประมวลผลด้านการเบลอฉากหลัง และการตัดขอบ ซึ่งต่างจากกล้องใหญ่ หรือ DSLR ที่ใช้เลนส์ และเซ็นเซอร์รับภาพขนาดใหญ่ ในการเบลอฉากหลัง 


ตัวอย่างภาพถ่ายจาก AI Scene Recognition

นอกเหนือจากความโดดเด่นด้านโหมดถ่ายภาพแบบ AI Portrait หรือโหมด AI Beauty 2.0 แล้ว OPPO R15 Pro ยังมาพร้อมกับฟีเจอร์ที่น่าสนใจอย่าง AI Scene Recognition ที่ใช้ปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI ในการจำแนกฉาก และวัตถุต่างๆ ที่อยู่บนเฟรม เพื่อนำไปปรับแต่งการตั้งค่ากล้องให้เหมาะสมแบบอัตโนมัติ โดยสามารถจำแนกได้ทั้งหมด 16 หมวดหมู่ รวมแล้วกว่า 120 ซีน เช่น ภาพอาหาร หรือภาพวิว เป็นต้น ซึ่งจะปรากฏไอคอนสัญลักษณ์ให้เห็นบริเวณด้านขวาบนของกล้องถ่ายภาพ

 

สรุปผลการทดสอบ

เป็นอย่างไรกันบ้างครับ สำหรับการทดสอบกล้องถ่ายภาพทั้งด้านหน้า และด้านหลังของ OPPO R15 Pro ซึ่งจากภาพตัวอย่างจะเห็นได้ว่า กล้องหลังแบบคู่ (Dual Camera) ของ OPPO R15 Pro มีความโดดเด่นในเรื่องของการถ่ายภาพบุคคล หรือ Portrait เป็นอย่างมาก ด้วยฟังก์ชัน AI Portrait Mode ที่ออกแบบมาสำหรับถ่ายภาพบุคคลโดยเฉพาะ โดยมีการตัดขอบระหว่างตัวแบบ และอย่างฉากหลังได้ค่อนข้างเนียนตา พร้อมทั้งเบลอฉากหลังได้อย่างเป็นธรรมชาติ แม้ว่าในบางซีนจะมีการตัดขอบที่ไม่ดีเท่าที่ควรให้เห็นอยู่บ้าง แต่ก็ถือว่าทำได้ดีสมกับกล้องคู่บนสมาร์ทโฟน นอกจากนี้ ยังมีฟังก์ชัน 3D Portrait Lighting ที่ช่วยปรับโทนสีของภาพได้อย่างหลากหลายยิ่งขึ้น ทำให้ผู้ใช้ไม่ต้องนำภาพไปปรับแต่งในแอปพลิเคชันอื่นๆ ภายหลังแต่อย่างใด ส่วนทางด้านกล้องหน้าก็ทำผลงานได้ดีไม่แพ้กัน ด้วยฟังก์ชัน AI Beauty 2.0 ที่ปรับโทนสีของตัวแบบได้อย่างเรียบเนียน ไม่ปรับภาพให้สว่างจนเกินไปจนสูญเสียรายละเอียด นอกจากนี้ ยังมีฟังก์ชันถ่ายภาพเซลฟี่แบบหน้าชัดหลังเบลอ ซึ่งช่วยเสริมความโดดเด่นให้กับภาพถ่ายมากยิ่งขึ้น

นอกเหนือจากความโดดเด่นด้านกล้องหน้า และกล้องหลังคู่แล้ว OPPO R15 Pro ยังมาพร้อมกับจุดเด่นด้านคุณสมบัติตัวเครื่องที่ตอบโจทย์การใช้งานรอบด้าน ไม่ว่าจะเป็น หน้าจอแสดงผลไร้ขอบแบบ Super Full Screen ขนาด 6.28 นิ้ว ความละเอียดระดับ Full HD+ พร้อมสัดส่วนในการแสดงผลแบบ 19:9 ทำให้รับชมคอนเทนต์ต่างๆ ได้อย่างเต็มตา เต็มอารมณ์ รวมไปถึงชิปเซ็ตประมวลผล Qualcomm Snapdragon 660 AIE ที่ทำงานควบคู่กับหน่วยความจำแรม (RAM) ขนาด 6GB พร้อมหน่วยความจำภายในให้เก็บข้อมูลอย่างจุใจถึง 128GB และแบตเตอรี่ขนาด 3430mAh ที่รองรับเทคโนโลยีชาร์จเร็ว VOOC Flash Charge นอกจากนี้ ยังมีจุดเด่นที่น่าสนใจอย่าง ตัวเครื่องกระจกโค้งแบบ 3 มิติ ที่ได้รับการออกแบบด้วยดีไซน์เนอร์ระดับโลกอย่าง Karim Rashid รวมไปถึงระบบปฏิบัติการ ColorOS 5.0 บนพื้นฐานของ Android 8.1 Oreo เวอร์ชันล่าสุดจาก OPPO

สำหรับ OPPO R15 Pro เปิดราคาวางจำหน่ายในประเทศไทยเอาไว้ที่ 19,990 บาท โดยจะเปิดให้สั่งจองล่วงหน้า (Pre-Order) ตั้งแต่วันที่ 24 พฤษภาคม - 1 มิถุนายน ปี 2561 ซึ่งผู้ที่สั่งจองในช่วงเวลาดังกล่าว จะได้รับบัตร VIP Card ซึ่งเป็นการรับประกันหน้าจอแตกนาน 1 ปี และ Gift Box มูลค่ากว่า 3,000 บาท ประกอบไปด้วย สายชาร์จที่รองรับเทคโนโลยีชาร์จไวแบบ VOOC พร้อมหัวชาร์จความเร็วสูงสำหรับชาร์จแบตเตอรี่สมาร์ทโฟนภายในรถยนต์ นอกจากนี้ ผู้ที่สั่งซื้อ OPPO R15 Pro ทุกท่าน จะได้รับ Premium Service ซึ่งเป็นบริการพิเศษสำหรับเปลี่ยนเครื่องได้ทันที่ที่ศูนย์บริการ หากตัวเครื่องมีปัญหาอันมาจากการผลิต และสำหรับใครที่สนใจ OPPO R15 Pro ก็สามารถแวะเวียนไปทดลองใช้งานเบื้องต้นได้ที่ OPPO Brand Shop และร้านค้าตัวแทนจำหน่ายใกล้บ้านได้ครับ

นำเสนอบทความโดย : thaimobilecenter.com


วันที่ : 25/5/2561

Tags :
  

Cookie Consent

Our website uses cookies to provide your browsing experience and relavent informations.Before continuing to use our website, you agree & accept of our Cookie Policy & Privacy