เปรียบเทียบ OnePlus 5T และ Google Pixel 2 XL สองมือถือเรือธงจอไร้ขอบโฉมใหม่ รุ่นไหนมีจุดเด่นอย่างไร มาดูกัน!
เปิดตัวอย่างเป็นทางการแล้ว สำหรับ OnePlus 5T เจ้าของฉายานักฆ่าเรือธงโฉมใหม่ ที่รอบนี้ไม่ได้เพียงแค่จัดเต็มทางด้านสเปกสุดแรง หรือด้านการถ่ายภาพด้วยระบบกล้องคู่เท่านั้น แต่ยังปรับโฉมดีไซน์โดยรวมใหม่หมดจด ด้วยหน้าจอแทบเต็มพื้นที่ เพื่อช่วยให้รับชมคอนเทนต์ได้อย่างเต็มตามากกว่าที่เคย
และหากพูดถึงอีกหนึ่งสมาร์ทโฟนตัวท็อปของทางฝั่ง Android ที่จัดเต็มทั้งในเรื่องดีไซน์ สเปกแบบไฮเอนด์ครบเครื่อง และกล้องถ่ายภาพที่ไม่เป็นรองใคร คงหนีไม่พ้น Pixel 2 XL มือถือระดับเรือธงจากแบรนด์ยักษ์ใหญ่ Google อย่างแน่นอน แต่ทั้งสองรุ่นจะมีความโดดเด่นแตกต่างกันอย่างไรบ้างนั้น เราลองไปดูกันเลยดีกว่าครับ
ดีไซน์
สำหรับทั้งสองรุ่นถือว่ามีรูปร่างหน้าตาโดยรวมที่ค่อนข้างคล้ายคลึงกันเป็นอย่างมาก ด้วยการเลือกใช้งานดีไซน์จอแทบไร้ขอบ ที่ลดพื้นที่ขอบให้เหลือน้อยที่สุด พร้อมขยายสัดส่วนขอให้กว้างขึ้นเป็นแบบ 18:9 แต่จะมีความแตกต่างกันในเรื่องของวัสดุที่ใช้มาประกอบตัวเครื่อง โดยบอดี้ของ OnePlus 5T ผลิตมาจากอะลูนิเมียมชุบผิว (Anodized Aluminum) ที่ขึ้นรูปเป็นชิ้นเดียวกัน (Unibody) ทำให้ตัวเครื่องดูมีความเรียบหรู และให้ความรู้สึกที่แข็งแกร่ง ส่วนบอดี้ของ Google Pixel 2 XL เป็นดีไซน์แบบ Metal-Glass ซึ่งเป็นการผสมผสานระหว่างวัสดุประเภทโลหะ และกระจกที่พาดยาวบริเวณส่วนหัวของตัวเครื่อง พร้อมพกพาคุณสมบัติกันน้ำกันฝุ่นระดับ 67 (กันน้ำได้ลึกสุด 1 เมตร เป็นเวลานานสุด 30 นาที) ต่างจาก OnePlus 5T ที่ยังไม่สามารถกันน้ำได้
ส่วนคุณสมบัติด้านอื่น ก็ถือว่ามีความใกล้เคียงกัน ไม่ว่าจะเป็น การเลือกใช้พอร์ตเชื่อมต่อแบบ USB Type-C หรือการติดตั้งระบบเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือเอาไว้ที่ด้านหลังของตัวเครื่อง แต่ OnePlus 5T อาจได้เปรียบกว่าเล็กน้อยตรงที่ยังติดตั้งช่องเสียบหูฟังขนาด 3.5 มม. มาให้ ต่างจาก Google Pixel 2 XL ที่ตัดช่องหูฟังออกไปแล้ว ทำให้ผู้ใช้ต้องพก Adapter สำหรับแปลงพอร์ต USB Type-C เป็น 3.5 มม. หรือหันไปใช้หูฟังที่เป็นพอร์ต USB Type-C โดยเฉพาะ แต่ Google Pixel 2 XL ก็ได้เปรียบตรงที่ติดตั้งระบบลำโพงแบบคู่ที่ด้านหน้ามาให้ด้วย ต่างจาก OnePlus 5T ที่มีลำโพงหลักเพียงแค่ตัวเดียวเท่านั้น
หน้าจอแสดงผล
แม้จะเลือกใช้งานดีไซน์จอแทบไร้ขอบเหมือนกัน และมีขนาดหน้าจอเท่ากันที่ 6 นิ้ว แต่จริงๆ แล้วหน้าจอของทั้งสองรุ่นมีความแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง โดย Google Pixel 2 XL เลือกใช้แผงหน้าจอแบบ P-OLED ความละเอียด 2880x1440 พิกเซล หรือ 2K+ ส่วน OnePlus 5T มาพร้อมกับแผงหน้าจอแบบ AMOLED พร้อมความละเอียดจอน้อยกว่าที่ 2160x1080 พิกเซล หรือ Full HD+ อย่างไรก็ดี ด้วยความที่พื้นฐานของหน้าจอทั้งสองรุ่นมาจากจอแบบ OLED ทำให้ทั้งคู่สามารถแสดงสีสันได้อย่างจัดจ้าน แต่ OnePlus 5T จะมีจุดเด่นตรงที่มุมมองของการแสดงผล (Viewing Angle) กว้างกว่า Google Pixel 2 XL เล็กน้อย
อินเทอร์เฟสการใช้งาน
OxygenOS บน OnePlus 5T
ทั้ง Google Pixel 2 XL และ OnePlus 5T มาพร้อมกับระบบปฏิบัติการเวอร์ชันใหม่ในขณะนี้อย่าง Android 8.0 Oreo เหมือนกันทั้งคู่ ทำให้สามารถใช้งานฟีเจอร์ใหม่ๆ ที่มีอยู่บนระบบ Android OS ได้แทบไม่แตกต่างกัน แต่ตัว OS ที่ติดตั้งอยู่บน OnePlus 5T นั้น จะมีการครอบทับด้วย UI ที่ทาง OnePlus ขึ้นมาเองอีกหนึ่งชั้นอย่าง OxygenOS ซึ่งจะเน้นไปที่ความสะอาดตาใกล้เคียงกับระบบ Android ที่ไม่มีการปรับแต่ง ส่วน Google Pixel 2 XL มาพร้อมกับ Pure Android แบบแท้ๆ นอกจากนี้ มือถือจาก Google ส่วนมากจะได้รับอัปเดตทั้งแพทซ์ความปลอดภัย และเวอร์ชันของ Android ก่อนใครเพื่อน ทำให้ Google Pixel 2 XL อาจดูได้เปรียบในจุดนี้ไป
Android 8.0 Oreo บน Google Pixel 2
อย่างไรก็ดี OxygenOS ที่ติดตั้งเอาไว้บน OnePlus 5T ก็ได้มีการเพิ่มลูกเล่นใหม่ๆ ที่ค่อนข้างน่าสนใจไม่ใช่น้อย ไม่ว่าจะเป็น ฟีเจอร์ Face Unlock สำหรับยืนยันตัวตนเข้าใช้งานมือถือ ผ่านการสแกนใบหน้าของผู้ใช้งาน หรือ Parallel Apps ที่ช่วยโคลนแอปพลิเคชัน เพื่อแยกทำงานอย่างอิสระ ทำให้เราสามารถเล่นแอปพลิเคชันได้แบบ 2 Account นั่นเอง ส่วน Google Pixel 2 XL แม้ว่าจะเป็น Pure Android แต่ก็แอบมีลูกเล่นที่ช่วยเสริมความโดดเด่นอย่าง ฟีเจอร์ Active Edge ที่เพียงแค่บีบบริเวณด้านข้างตัวเครื่อง ก็สามารถเรียกใช้งานผู้ช่วยอัจฉริยะอย่าง Google Assistant ได้ทันที หรือ
ฮาร์ดแวร์ภายใน
สำหรับมือถือทั้งสองรุ่นต่างก็ติดตั้งขุมพลังระดับไฮเอนด์ของปีนี้อย่าง Qualcomm Snapdragon 835 มาเป็นหัวใจหลักของการทำงานด้วยกันทั้งคู่ ทำให้ประสิทธิภารในการประมวลผลอาจไม่แตกต่างกันเท่าไหร่นัก แต่ทั้งสองรุ่นจะมีความแตกต่างในเรื่องของขนาด RAM และหน่วยความจำภายใน (ROM) โดย Pixel 2 XL นั้น มาพร้อมกับ RAM ขนาด 4GB และ ROM สองความจุ ได้แก่ 64GB และ 128GB ส่วน OnePlus 5T จะถูกแบ่งออกเป็นสองรุ่นย่อย ได้แก่ รุ่น RAM 6GB + ROM 64GB และรุ่น RAM 8GB + ROM 128GB
แต่หน่วยความจำ RAM ของ OnePlus 5T ที่มากกว่า Pixel XL 2 หนึ่งเท่าตัวนั้น จะช่วยให้ใช้งานได้อย่างลื่นไหลกว่าหรือไม่ คงไม่สามารถฟันธงจากตัวเลขเพียงอย่างเดียวได้ เพราะส่วนหนึ่งต้องขึ้นอยู่กับกระบวนการจัดการหน่วยความจำ หรือ Memory Management ของแต่มือถือแต่ละรุ่นด้วย (อ่านข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ RAM บนมือถือได้ที่นี่)
กล้องถ่ายภาพ
หากใครที่ติดตามข่าวสารมาโดยตลอด คงพอจะทราบว่า Pixel 2 และ Pixel 2 XL มีความโดดเด่นด้านกล้องถ่ายภาพเป็นอย่างมาก หลังกวาดคะแนนทดสอบจากผู้เชี่ยวชาญอย่าง DxOMark ไปได้สูงถึง 98 คะแนน ขึ้นแท่นมือถือที่มีกล้องยอดเยี่ยมที่สุด ณ ชั่วโมงนี้ แม้ว่าจะเลือกใช้งานกล้องหลังความละเอียด 12 ล้านพิกเซล เพียงแค่ตัวเดียวเท่านั้น
ขณะที่ OnePlus 5T ยังคงมาพร้อมกับระบบกล้องคู่ เหมือนกับรุ่นก่อน แต่ได้อัปเกรดความละเอียดของกล้องตัวหลักให้มากขึ้นเป็น 20 ล้านพิกเซล พร้อมเปลี่ยนเลนส์กล้องตัวที่สองเป็นแบบ Wide-Angle แทนที่เลนส์ Telephoto ที่เคยใช้บนรุ่น OnePlus 5 และขยายรูรับแสงให้กว้างขึ้นที่ f/1.7 ซึ่งจะช่วยให้สามารถเก็บแสงได้มากขึ้น และถ่ายภาพในสภาวะแสงน้อยได้ดีขึ้นนั่นเอง ส่วน Google Pixel 2 XL มีรูรับแสงแคบกว่าเล็กน้อยที่ f/1.8 แต่ความต่างทั้งในเรื่องระบบกล้อง และรูรับแสง จะส่งผลต่อการถ่ายรูปจริงมากน้อยเพียงใดนั้น เชื่อว่าอีกไม่นานจะมีการทดสอบจากสื่อต่างๆ พิสูจน์ออกมาให้เห็นอย่างแน่นอน
ตัวอย่างภาพวิดีโอที่ได้บน Pixel 2 พร้อมเปิดใช้งาน OIS + EIS
สำหรับการถ่ายวิดีโอ ทั้งสองรุ่นก็มีข้อแตกต่างเช่นเดียวกัน โดย Google Pixel 2 XL ติดตั้งมาให้ทั้งระบบป้องกันภาพสั่นไหวแบบ OIS (Optical Image Stabilization) และระบบป้องกันภาพสั่นไหวแบบ EIS (Electronic Image Stabilization) ซึ่งทั้งสองระบบนี้จะคอยทำงานร่วมกันขณะถ่ายวิดีโอ เพื่อช่วยให้ภาพที่ได้ค่อนข้างมีความนิ่ง ส่วน OnePlus 5T ติดตั้งระบบป้องกันภาพสั่นไหวแบบ EIS มาให้อย่างเดียวเท่านั้น
ส่วนกล้องหน้าแม้ว่าทั้งสองรุ่นจะใช้กล้องเดี่ยวเหมือนกัน แต่ Google Pixel 2 XL ดูจะได้เปรียบกว่าตรงที่สามารถถ่ายภาพเซลฟี่แบบหน้าชัดหลังเบลอ ด้วยฟีเจอร์ Portrait Mode ได้ ซึ่งต่างจาก OnePlus 5T ที่มีโหมดดังกล่าวเฉพาะกล้องหลังเท่านั้น
แบตเตอรี่
Google Pixel 2 XL อาจดูได้เปรียบกว่าเล็กน้อยตรงที่ใส่แบตเตอรี่มาให้มากถึง 3520mAh ในขณะที่ OnePlus 5T มีแบตเตอรี่น้อยกว่าที่ 3300mAh แต่ต้องไม่ลืมว่า OnePlus 5T มีความละเอียดหน้าจอที่น้อยกว่า ซึ่งอาจส่งผลต่อการใช้พลังงานแบตเตอรี่ที่น้อยกว่าด้วย ส่วนระบบชาร์จเร็วทั้งสองรุ่นมีมาให้ใช้งานทั้งคู่ โดยสำหรับ Google Pixel 2 XL ชาร์จเพียง 15 นาที สามารถใช้งานได้ 7 ชั่วโมง ส่วน OnePlus 5T มีระบบ Dash Charge ที่ทางบริษัทเคลมว่า ชาร์จเพียง 30 นาที ก็เพียงพอต่อการใช้งานตลอดวันเลยทีเดียว
ราคาวางจำหน่าย
ปิดท้ายกันด้วยในเรื่องของราคา ซึ่ง OnePlus 5T นั้น เปิดราคาวางจำหน่ายเริ่มต้นเอาไว้ที่ 499 ดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 16,400 บาท สำหรับรุ่น RAM 6GB + ROM 64GB ส่วน Google Pixel 2 XL เปิดราคาวางจำหน่ายเริ่มต้นที่ 849 ดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 27,800 บาท สำหรับรุ่นความจุ 64GB ซึ่งจะเห็นได้ว่ามีส่วนต่างด้านราคากว่า 10,000 บาทเลยทีเดียว แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น มือถือรุ่นใดจะดีกว่ากัน ทางทีมงานคงไม่สามารถตัดสินได้ เพราะส่วนหนึ่งต้องขึ้นอยู่กับความชื่นชอบส่วนบุคคลของผู้ใช้งานด้วย เพราะหากได้ทดลองเล่นเบื้องต้นแล้วถูกใจ ก็ถือว่ามือถือรุ่นนั้นคุ้มค่าน่าจับจองเป็นเจ้าของแล้วครับ
ที่มา : PhoneArena
วันที่ : 20/11/2560
