เทียบภาพถ่ายระหว่าง Huawei Y9 2018 มือถือ 4 กล้องในราคาไม่ถึงหมื่น กับ iPhone X มือถือกล้องคู่ระดับเรือธง จะแตกต่างกันอย่างไร ไปดูกัน!
Huawei Y9 2018 เรียกได้ว่าเป็นสมาร์ทโฟนที่มีความน่าสนใจด้านกล้องถ่ายภาพอีกหนึ่งรุ่นเลยทีเดียว เนื่องจากมือถือรุ่นดังกล่าวมาพร้อมกับกล้องดิจิทัลสำหรับถ่ายภาพถึง 4 ตัว รวมทั้งยังรองรับการถ่ายภาพแบบหน้าชัดหลังเบลอได้จากทั้งกล้องหน้า และกล้องหลังด้วย โดย Huawei Y9 2018 เปิดราคาวางจำหน่ายเอาไว้ที่ 6,990 บาทเท่านั้น
ซึ่งภายในวันนี้ทางทีมงาน Thaimobilecenter จึงได้นำ Huawei Y9 2018 ไปถ่ายภาพเปรียบเทียบกับมือถือระดับเรือธงที่มีความโดดเด่นด้านกล้องถ่ายภาพอย่าง iPhone X กันดูซักหน่อย เพื่อทดสอบว่ากล้องทั้ง 4 ตัวของ Huawei Y9 2018 จะมีประสิทธิภาพเป็นอย่างไร สามารถเทียบชั้นกับสมาร์ทโฟนที่มีค่าตัวหลักหมื่นได้หรือไม่ หากพร้อมแล้วไปติดตามกันเลยครับ
เริ่มต้นที่การถ่ายภาพแบบหน้าชัดหลังเบลอด้วยกล้องหลัง โดยหากมองจากภาพรวมแล้วจะเห็นได้ว่าสมาร์ทโฟนทั้งสองรุ่นสามารถตัดขอบของตัวแบบได้อย่างเนียนตา และเบลอฉากหลังได้เป็นธรรมชาติ แต่ทั้งสองรุ่นจะมีความแตกต่างในเรื่องของสีสัน และความคมชัด ที่ทางฝั่ง Huawei Y9 2018 จะปรับโทนสีให้มีความสว่าง รวมถึงมีการปรับโทนสีผิวของตัวแบบให้มีความเนียนอยู่ในระดับที่เหมาะสม พร้อมเอฟเฟ็กต์โบเก้ที่ออกมาเป็นดวงกลมชัด ส่วนทาง iPhone X มีจุดเด่นในเรื่องของสีสันที่ตรงเป็นธรรมชาติ พร้อมการตัดขอบที่แม่นยำ ซึ่งจะสังเกตได้จากบริเวณปลายผมของตัวแบบ ที่จะไม่ถูกเบลอกลืนไปกับฉากหลังด้วย
นอกจากนี้ จะเห็นได้ว่าทั้งสองรุ่นมีความแตกต่างในเรื่องของระยะการถ่ายภาพเมื่อถ่ายด้วยโหมดหน้าชัดหลังเบลอ หรือ Portrait โดย Huawei Y9 2018 จะให้ภาพมุมมองที่กว้างกว่า เนื่องจากวิธีการทำงานของระบบกล้องคู่ของ Huawei นั้นจะใช้กล้องตัวหลักซึ่งมีระยะโฟกัสที่กว้างในการเก็บภาพ ส่วนกล้องตัวที่สองนั้นจะใช้เพื่อเก็บข้อมูลด้านระยะชัดลึก เพื่อนำมาประมวลผลการตัดขอบของตัวแบบ และการเบลอฉากหลังนั่นเอง ส่วนกล้องของ iPhone X จะให้มุมมองภาพที่แคบกว่า เนื่องจากเมื่อถ่ายภาพด้วยโหมด Portrait จะมีการสลับไปใช้งานกล้องตัวที่สองที่เป็นแบบ Telephoto ที่มีระยะโฟกัสแคบกว่า ซึ่งทำให้ผู้ถ่ายต้องยืนถอยออกห่างจากตัวแบบให้อยู่ในระยะที่เหมาะสม เพื่อให้โหมด Portrait ทำงาน และจัดตัวแบบให้อยู่ในเฟรม ต่างจากกล้องคู่ของ Huawei Y9 2018 ที่สามารถกดถ่ายได้เลยทันที ไม่ต้องถอยออกห่างจากตัวแบบแต่อย่างใด ทำให้สามารถเก็บภาพถ่ายหน้าชัดหลังเบลอได้สะดวกกว่า
ข้ามมาที่กล้องหน้ากันซักหน่อย ซึ่งจะเห็นได้ว่า Huawei Y9 2018 มีการเร่งแสงให้สีผิวของตัวแบบให้มีความสว่าง และความเรียบเนียนในเวลาเดียวกัน รวมทั้งยังมาพร้อมกับเลนส์ที่มีมุมมองที่กว้างกว่า ทำให้เก็บรายละเอียดของฉากหลังได้มากกว่า ซึ่งมีประโยชน์ในด้านการถ่ายภาพเซลฟี่แบบกลุ่ม ในขณะที่ iPhone X จะให้ภาพไปในโทนสีที่เป็นธรรมชาติ ไม่มีการปรับแสง หรือสีผิวของตัวแบบแต่อย่างใด ซึ่งท่านใดที่ชอบภาพในโทนสีสว่างสดใส อาจต้องมีการนำไปปรับแต่งในแอปพลิเคชันอื่นเพิ่มเติม
ลองทดสอบการถ่ายภาพเซลฟี่แบบหน้าชัดหลังเบลอกันดูบ้าง ซึ่งก็พบว่าทั้งสองรุ่นสามารถตัดขอบได้อย่างแม่นยำ พร้อมมีการละลายฉากหลังเพื่อเสริมให้ตัวแบบดูมีความโดดเด่นมากขึ้น โดยทั้งสองรุ่นยังคงมีความแตกต่างในเรื่องของโทนสี และแสงอยู่เช่นเดิม
แต่ในโหมดการถ่ายภาพหน้าชัดหลังเบลอของ Huawei Y9 2018 มีจุดได้เปรียบตรงที่ผู้ใช้สามารถเลือกปรับจุดโฟกัสในภายหลังจากถ่ายภาพได้ เพียงแค่กดแตะบริเวณจุดที่ต้องการโฟกัสเท่านั้น รวมทั้งยังสามารถปรับระดับความเบลอหลังจากถ่ายภาพไปแล้วได้ด้วย ต่างจาก iPhone X ที่ไม่สามารถปรับระดับความเบลอของฉากหลังได้แต่อย่างใด
นอกจากนี้ กล้องของ Huawei Y9 2018 ยังมีลูกเล่นที่น่าสนใจอย่าง AR Lens ซึ่งจะเป็นการเพิ่มสติ๊กเกอร์รูปแบบต่างๆ เช่น หูกระต่าย หรือหัวใจ บนใบหน้าของผู้ถ่าย รวมไปถึงการปรับเปลี่ยนภาพพื้นหลัง เพื่อช่วยเสริมความโดดเด่นในการถ่ายภาพเซลฟี่ให้มากยิ่งขึ้น
เมื่อลองทดสอบการถ่ายภาพในเวลากลางคืน ก็พบว่าทั้งสองรุ่นยังมีความแตกต่างเช่นเคย โดย Huawei Y9 2018 มีการวัดแสงที่ค่อนข้างตรง และให้สีสันที่ดูเป็นธรรมชาติมากกว่า ต่างจาก iPhone X ที่ภาพถ่ายมีอาการติดโทนเหลืองให้เห็นแบบชัดเจน
Crop 200%
แต่หากลองซูมเข้าไปดูรายละเอียดจะเห็นได้ว่า iPhone X จะได้เปรียบในเรื่องของการเก็บรายละเอียด รวมทั้งยังจัดการ Noise ได้ดีกว่าเมื่อเทียบกับ Huawei Y9 2018
ในซีนนี้ยังเป็นทางฝั่งของ iPhone X ที่ให้ภาพไปในโทนที่สว่าง และมีสีสันที่จัดจ้านกว่า Huawei Y9 2018 อยู่เช่นเดิม แต่ก็ยังคงปรากฏอาการติดเหลืองให้เห็น รวมทั้งรายละเอียดบางส่วนของภาพถ่ายถูกแสงกลืนหายไป อย่างเช่น ป้ายไฟทางด้านขวา ที่ Huawei Y9 2018 สามารถมองเห็นตัวอักษรบนป้ายได้ง่ายกว่า
ปิดท้ายด้วยการถ่ายภาพเซลฟี่ตอนกลางคืนกันดูบ้าง โดย Huawe Y9 2018 จะให้ภาพที่สว่างกว่า ทำให้มองเห็นรายละเอียดต่างๆ บนตัวแบบได้อย่างชัดเจน นอกจากนี้ ยังมีการเกลี่ยสีผิวของใบหน้าให้มีความเรียบเนียนแบบอัตโนมัติ ในขณะที่ iPhone X แม้ว่าจะให้ภาพที่อยู่ในโทนมืด แต่ก็มีจุดเด่นในเรื่องสีสันที่เป็นธรรมชาติ ส่วนทางด้านการถ่ายภาพเซลฟี่หน้าชัดหลังเบลอในตอนกลางคืนนั้น จะเห็นได้ว่า iPhone X เริ่มมีการตัดขอบที่ผิดพลาดให้เห็น ซึ่งจะสังเกตได้จากบริเวณเส้นผมของตัวแบบที่ถูกเบลอกลืนไปกับฉากหลัง อย่างไรก็ดีเนื่องจากความกว้างของเลนส์ที่ต่างกันทำให้ไม่สามารถตัดสินได้เพราะฉากหลังของ Y9 มีการตัดของสีพื้นกับตัวแบบอย่างชัดเจน
สรุปการถ่ายภาพเปรียบเทียบระหว่าง Huawei Y9 2018 และ iPhone X
ก่อนอื่นต้องบอกก่อนว่า การทดสอบนี้เป็นการทดสอบแบบข้ามรุ่น ดังนั้นในเรื่องของความคมชัดและคุณภาพของภาพถ่าย iPhone X ทำได้ดีกว่าในหลายๆด้าน แต่ก็ถือว่า Huawei Y9 2018 ทำได้ดีเหมาะสมกับราคามีบางจุดที่ถ่ายภาพออกมาได้ดีกว่าที่เราคาดไว้ด้วยซ้ำโดยเฉพาะภาพถ่ายกลางคืนในที่แสงน้อย จุดเด่นของกล้องจะอยู่ที่โทนสีของตัวกล้องที่เน้นไปที่การใช้ ซอฟแวร์ช่วยปรับความสว่าง และมีการใช้ซอฟท์แวร์ปรับแต่งผิวหน้าของตัวแบบให้มีความสดใสแบบอัตโนมัติน่าจะถูกใจผู้ที่ชื่นชอบการถ่ายภาพเพื่อนำไปแชร์ให้แก่เพื่อนๆ ในโซเชียลโดยไม่ต้องนำไปปรับแต่งต่อในแอปพลิเคชันอื่นๆ ในส่วนของ iPhone X ก็สามารถทำผลงานได้ดีกว่าในหลายส่วนตามคาด ไม่ว่าจะเป็น การเก็บรายละเอียดของภาพ การตัดขอบของตัวแบบที่มีความแม่นยำ รวมถึงการถ่ายทอดสีสันที่ตรงตามธรรมชาติมากกว่า ซึ่งถือเป็นเอกลักษณ์ของ iPhone X
อย่างไรก็ตาม หากพูดถึงลูกเล่นด้านกล้องถ่ายภาพแล้วกลายเป็นว่า Huawei Y9 2018 มีโหมดการถ่ายภาพให้เลือกใช้งานหลายรูปแบบมากกว่า ไม่ว่าจะเป็น AR Lens สำหรับใส่สติ๊กเกอร์ หรือเปลี่ยนภาพหลังให้แก่ตัวแบบ การเลือกจุดโฟกัสได้ในภายหลัง เพื่อปรับเปลี่ยนจุดที่ต้องการเบลอ หรือจุดที่ต้องการให้มีึความคมชัดได้ รวมไปถึงการปรับระดับความเบลอของฉากหลังได้ แม้ว่าจะถ่ายภาพไปแล้วก็ตาม ซึ่งหากเทียบกับราคาวางจำหน่ายที่ 6,990 บาทแล้ว ก็ถือว่าเป็นมือถือที่มีความน่าสนใจเรื่องกล้องถ่ายภาพรุ่นหนึ่งเลยทีเดียว โดย Huawei Y9 2018 พร้อมวางจำหน่ายแล้วตั้งแต่วันนี้ ณ หัวเว่ย แบรนด์ช็อป และร้านค้าตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศ ซึ่งหากใครที่สนใจก็สามารถเข้าไปทดลองใช้งานเบื้องต้นได้
อย่างไรก็ตาม ความสวยของภาพถ่ายอาจจะไม่สามารถตัดสินได้ด้วยข้อมูลหรือการทดสอบใดๆ เพราะขึ้นอยู่กับรสนิยมของแต่ละท่านด้วยเช่นเดียวกัน จุดประสงค์ในการเทียบภาพถ่ายให้ชมกันในครั้งนี้ก็เพื่อให้ทุกท่านได้รับทราบ และเป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจกันว่า สมาร์ทโฟนเรือธงแต่ละรุ่นในขณะนี้มีกล้องถ่ายภาพที่ถ่ายออกมาในเบื้องต้นแล้วเป็นอย่างไรบ้าง ภาพจากรุ่นใดสวยงามถูกใจผู้ใช้มากที่สุดทุกท่านคงต้องตัดสินกันด้วยตัวเอง ก็หวังว่าบทความนี้จะช่วยไขข้อสงสัยของทุกท่านกันได้นะครับ สำหรับวันนี้ทีมงาน Thaimobilecenter ต้องขอลาไปก่อน แล้วพบกันใหม่ในบทความหน้า สวัสดีครับ
นำเสนอบทความโดย : thaimobilecenter.com
วันที่ : 30/3/2561