หน้าแรกมือถือ > รวมข่าวมือถือ > หน้าบทความ ข่าวมือถือ
   
Date : 27/12/2560

7 ฟีเจอร์ระดับพรีเมียมของสมาร์ทโฟนในอดีตที่ไม่มีอีกแล้วในปัจจุบัน

 

การแข่งขันอันดุเดือดทำให้อุตสาหกรรมสมาร์ทโฟนพัฒนาและเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว ผู้ผลิตแต่ละรายต่างก็พยายามคิดค้นนวัตกรรมและฟีเจอร์ใหม่ๆ ใส่เข้าไปในสมาร์ทโฟนของตนเอง ทำให้เราได้เห็นอะไรใหม่ๆ อยู่เสมอ แต่ก็ไม่ใช่ว่าทุกนวัตกรรมใหม่ๆ จะสามารถยืนหยัดอยู่ในวงการไปได้ตลอด หลายอย่างที่ไม่ตอบโจทย์หรือหมดกระแสต่างก็ล้มหายตายจากกันไปอย่างเงียบๆ ซึ่งในบทความนี้เราจะพาทุกท่านไปย้อนดูฟีเจอร์ของสมาร์ทโฟนในอดีตที่เคยเป็นที่ฮือฮาแต่หาไม่ได้อีกแล้วในปัจจุบันกัน ซึ่งหลายคนน่าจะเคยสัมผัสมาแล้วอย่างน้อยก็ 1-2 อย่างครับ

 

1. FM Transmitter


Nokia 808 PureView

เชื่อว่าหลายคนคงจะงงแน่ๆ ว่า FM Transmitter คืออะไร ใช่แอปฟังวิทยุ FM หรือเปล่า ซึ่งจริงๆ แล้ว FM Transmitter คือตัวส่งสัญญาณวิทยุ FM ที่มีไว้สำหรับส่งสัญญาณเสียงจากสมาร์ทโฟนผ่านคลื่นวิทยุไปยังเครื่องเสียงอื่นๆ เช่นเครื่องเสียงภายในบ้านหรือเครื่องเสียงติดรถยนต์ โดยต้องตั้งค่าความถี่ในสมาร์ทโฟนและเครื่องเสียงให้ตรงกัน จะเรียกว่าเป็น Bluetooth รุ่นโบราณก็ได้ ส่วนการฟังวิทยุจะใช้ตัวรับสัญญาณ FM ซึ่งเป็นคนละอย่างกัน

สมาร์ทโฟนรุ่นสุดท้ายที่มี FM Transmitter ในตัวคือ Nokia 808 PureView ที่เปิดตัวออกมาเมื่อปี 2002 ก่อนที่ FM Transmitter จะหายไปจากวงการสมาร์ทโฟนโดยสมบูรณ์ เหตุผลก็เพราะการสตรีมเพลงด้วยสัญญาณวิทยุ FM นั้นให้คุณภาพเสียงแย่กว่าการฟังจากเครื่องเล่น CD หรือแฟลชไดรฟ์ อีกทั้งเครื่องเสียงรถยนต์รุ่นใหม่ๆ ในปัจจุบันยังรองรับการเชื่อมต่อ Bluetooth ซึ่งเสถียรและมีคุณภาพเสียงดีกว่าการเชื่อมต่อด้วยสัญญาณวิทยุมากนั่นเอง
 

2. พอร์ต micro HDMI


BlackBerry Porsche Design P'9983

การเชื่อมต่อโทรทัศน์ผ่านพอร์ต HDMI เคยเป็นฟีเจอร์ที่หลายแบรนด์ให้ความสำคัญ มีไว้สำหรับเปิดดูรูปภาพและวิดีโอบนจอใหญ่เพื่อให้ได้อรรถรสความบันเทิงมากขึ้น แต่เอาเข้าจริงฟีเจอร์นี้กลับไม่ค่อยได้รับความสนใจจากผู้ใช้เท่าไหร่ เพราะดูเหมือนคนทั่วไปจะเลือกใช้ Chromecast หรืออุปกรณ์ที่คล้ายๆ กันมากกว่า และยังมีวิธีอื่นที่สะดวกกว่าเช่นการเชื่อมต่อผ่าน WiFi และสมาร์ทโฟนรุ่นสุดท้ายที่มีพอร์ตเชื่อมต่อ micro HDMI ก็คือ BlackBerry Porsche Design P'9983

 

3. สมาร์ทโฟนเสียบแท็บเล็ต


PadFone X

หลายปีก่อน Asus เคยมีสมาร์ทโฟนตระกูล PadFone เป็นสมาร์ทโฟนพรีเมียมที่มีจุดเด่นคือสามารถ dock เข้ากับฐานแท็บเล็ต และ dock กับแป้นคีย์บอร์ดอีกทีหนึ่งได้ ทำให้เป็นได้ทั้งสมาร์ทโฟน แท็บเล็ต และแล็ปท็อปเครื่องย่อมๆ ได้ตามสถานการณ์ ช่วยให้การทำงานออฟฟิศมีความยืดหยุ่นมากขึ้น แต่ดูเหมือนว่าจะไม่นิยมเท่าที่ควร และหลังจากที่ PadFone S เปิดตัวออกมาในปี 2014 เราก็ไม่ได้เห็นสมาร์ทโฟนตระกูล PadFone อีกเลยจวบจนปัจจุบัน

อย่างไรก็ตาม ผู้ผลิตสมาร์ทโฟนในปัจจุบันเริ่มหันไปให้ความสำคัญกับความยืดหยุ่นในการใช้งานของสมาร์ทโฟนอีกครั้งในรูปแบบที่ต่างออกไป นั่นคือ PC Mode ที่ช่วยให้สมาร์ทโฟนเชื่อมต่อกับหน้าจอมอนิเตอร์ เมาส์ และคีย์บอร์ดได้เพื่อให้มีการทำงานแบบคอมพิวเตอร์ PC แต่ฟีเจอร์นี้จะได้รับความนิยมแค่ไหนต้องรอดูกันต่อไปในปีหน้า

 

4. ไฟแฟลชซีนอน


Samsung Galaxy K zoom

ไฟแฟลชซีนอนเคยเป็นฟีเจอร์ที่ฮิตกันในวงการมือถืออยู่พักหนึ่ง เพราะแฟลชซีนอนยิงแสงได้สว่างและไกลกว่า LED มาก ช่วยให้ภาพถ่ายกลางคืนสว่างคมชัดและมี noise น้อยลง แต่ถึงแม้จะดีกว่าแฟลช LED สุดท้ายแฟลซีนอนก็ไม่ได้ไปต่อในวงการสมาร์ทโฟนด้วยเหตุผล 2 ข้อใหญ่ๆ คือสูบแบตเตอรีเป็นว่าเล่นและทำให้ตัวเครื่องหนาเกินไป ซึ่งสมาร์ทโฟนรุ่นสุดท้ายที่มีไฟแฟลชซีนอน คือ Samsung Galaxy K zoom ปี 2014

 

5. เลนส์ซูม


Asus Zenfone Zoom

ในยุคที่วงการสมาร์ทโฟนแข่งขันด้านกล้องถ่ายภาพกันอย่างดุเดือด แบรนด์มือถือทั้งหลายต่างก็พยายามสรรหาวิธีนำเทคโนโลยีบนกล้องถ่ายรูปมาติดตั้งลงบนสมาร์ทโฟน หนึ่งในนั้นคือเลนส์ซูมที่สามารถซูมแบบ Optical ได้สูงสุดถึง 3 เท่า ซึ่งเป็นฟีเจอร์ที่น่าสนใจมากทีเดียว แต่น่าเสียดายที่หลังปี 2015 เป็นต้นมาเราก็ไม่ได้เห็นสมาร์ทโฟนเลนส์ซูมอีกเลย โดยรุ่นสุดท้ายคือ Asus Zenfone Zoom ZX551ML อาจเป็นเพราะขนาดของโมดูลที่ใหญ่เกินไปไม่เข้ากับดีไซน์บางเฉียบของสมาร์ทโฟนยุคใหม่ อย่างไรก็ตามเทคโนโลยีกล้องคู่ได้เข้ามาช่วยให้กล้องสมาร์ทโฟนสามารถซูมแบบ Optical ได้ 2 เท่าแล้ว เชื่อว่าอีกไม่นานจะต้องทำได้ดีกว่าเลนส์ซูมอย่างแน่นอน

 

6. กล้องหมุนได้


Oppo N3

กล้องหมุนได้เป็นคุณสมบัติที่มีในโทรศัพท์มือถือมานานแล้วตั้งแต่ยุคระบบปฏิบัติการ Symbian ซึ่งมีประโยชน์มากเพราะช่วยผู้ใช้มีอิสระในการถ่ายภาพในมุมต่างๆ มากขึ้น สามารถเซลฟีได้โดยไม่ต้องมีกล้องหน้า และถ่ายภาพพาโนราม่าโดยไม่ต้องหมุนตัวให้เมื่อย แต่แล้วคุณสมบัตินี้ก็ถูกแทนที่ด้วยกล้องหน้าตามยุคสมัยที่เปลี่ยนแปลงไป โดยสมาร์ทโฟนรุ่นสุดท้ายที่มีคุณสมบัตินี้คือ Oppo N3 ที่เปิดตัวเมื่อต้นฟี 2015

 

7. กล้อง+จอ 3D


LG Optimus 3D Max

ช่วงปี 2010-2012 เป็นช่วงที่เทรนด์ 3D กำลังมาแรง ทำให้เราได้เห็นสมาร์ทโฟนที่มีกล้องถ่ายรูป 3D และหน้าจอแสดงผล 3D เปิดตัวออกมา นับว่าเป็นเทคโนโลยีที่ล้ำมากในเวลานั้นเพราะกล้อง 3D สามารถเก็บภาพที่มีมิติตื้นลึกได้อย่างไม่เคยมีมาก่อน ไม่เป็นแค่ภาพเรียบๆ แบนๆ อีกต่อไป

ถึงแม้จะเป็นที่ฮือฮา แต่เอาเข้าจริงแล้วกล้อง 3D ไม่ได้ช่วยให้ภาพสวยขึ้นกว่ากล้องมือถือทั่วๆ ไปเท่าไหร่ และยังต้องเปิดดูบนหน้าจอ 3D เท่านั้นถึงจะรับชมแบบ 3 มิติได้ คุณสมบัติเหล่านี้จึงกลายเป็นลูกเล่นที่ไม่ค่อยจะมีประโยชน์อะไร ประกอบกับกระแส 3D ที่ซาลงตามกาลเวลา ในที่สุดกล้องและจอ 3D จึงหายไปจากวงการตั้งแต่ปี 2012 โดยมี LG Optimus 3D Max เป็นสมาร์ทโฟนรุ่นสุดท้ายที่มีคุณสมบัตินี้ และเชื่อว่าคงจะไม่กลับมาอีกแล้วเพราะเทคโนโลยีกล้องคู่สามารถเก็บระยะความตื้นลึกของภาพนิ่งได้ดีกว่ามาก แถมเทคโนโลยี VR และ AR ก็ยังน่าตื่นตาตื่นใจกว่าหลายเท่า

สำหรับในปี 2018 ที่กำลังจะมาถึง เชื่อว่าเราจะได้เห็นนวัตกรรมใหม่ๆ ในวงการสมาร์ทโฟนอีกแน่นอน และอาจจะมีนวัตกรรมบางอย่างที่พลิกวงการไปเลยก็ได้ คิดๆ ดูแล้วก็น่าตื่นเต้นอยู่ไม่น้อยครับ สุดท้ายนี้ขอให้ผู้อ่านทุกท่านบอกลาปี 2017 อย่างมีความสุข และเริ่มต้นปี 2018 อย่างสวยงามกันถ้วนหน้า สำหรับโอกาสนี้ สวัสดีปีใหม่ครับ

 

ที่มา : GSM Arena


วันที่ : 27/12/2560

Tags :
  

Cookie Consent

Our website uses cookies to provide your browsing experience and relavent informations.Before continuing to use our website, you agree & accept of our Cookie Policy & Privacy