ส่องทริกเล็กๆ ที่ช่วยให้ใช้งานฟีเจอร์เด็ดของ Galaxy Note7 ได้บน Galaxy Note5 โดยไม่ต้องเปลี่ยนเครื่องใหม่ แม้เป็นเครื่องรุ่นพี่ แต่ก็ใช้งานได้ไม่แพ้รุ่นล่าสุด จะมีฟีเจอร์อะไรบ้าง มาดูกัน!

หลังจากที่ Samsung ออกมาประกาศอย่างเป็นทางการแล้วว่า Samsung Galaxy Note7 สมาร์ทโฟนเรือธงรุ่นใหม่ล่าสุดจะยุติการวางจำหน่ายทั่วโลก พร้อมทั้งให้ผู้ใช้นำตัวเครื่องไปแลกเงินคืน หรือแลกซื้อสมาร์ทโฟนรุ่นอื่นเป็นการทดแทน ซึ่งผู้ใช้หลายคนที่เฝ้ารอคอยจะได้ใช้งาน Galaxy Note7 ก็อาจจะต้องผิดหวังไปตามๆ กัน เพราะ Galaxy Note7 นั้นมาพร้อมกับฟีเจอร์เด่นมากมายที่กระตุ้นความสนใจของผู้ใช้ได้เป็นอย่างดีทีเดียว

สำหรับผู้ที่สนใจ Galaxy Note7 แต่ไม่ได้จริงจังกับการใช้ปากกา S-Pen เท่าใดนัก ก็สามารถเปลี่ยนไปใช้งาน Samsung Galaxy S7 และ Galaxy S7 edge ได้ เพราะคุณสมบัติตัวเครื่องก็มีความคล้ายคลึงกันเกือบทั้งหมด แต่ถ้าหากใครที่เป็นเจ้าของ Samsung Galaxy Note5 ที่ต้องการใช้ปากกา S-Pen และฟีเจอร์บางอย่างของ Galaxy Note7 ก็ไม่ต้องเสียใจไป เพราะว่าวันนี้เราได้นำทริกเล็กๆ สำหรับการใช้งานฟีเจอร์ของ Galaxy Note7 บน Galaxy Note5 มาฝากทุกๆ ท่านกันแล้ว จะมีฟีเจอร์ใดบ้างนั้น ติดตามชมไปพร้อมกันได้เลยครับ

Samsung Galaxy Note5 ก็สามารถใช้ Edge Panel ได้

ฟีเจอร์หนึ่งที่ถูกพัฒนาขึ้นมาบน Galaxy Note7 ก็คือ หน้าจอขอบโค้งสองด้าน (Dual-Edge) ที่มาพร้อมกับฟีเจอร์ Edge Panel โดยผู้ใช้สามารถใช้เป็นทางลัดในการเข้าถึงแอปพลิเคชันต่างๆ ได้ทันทีเพียงการปัดนิ้วจากขอบจอเท่านั้น แต่แม้ว่า Samsung Galaxy Note5 จะไม่ได้ใช้งานหน้าจอขอบโค้ง แต่ก็สามารถใช้งาน Edge Panel ได้เช่นกัน ด้วยการดาวน์โหลด Launcher เพิ่มเติม คือ Ivy Sidebar หรือ Everywhere Launcher โดย Launcher แบบแรกจะเน้นความเรียบง่าย และใช้งานสะดวก ซึ่งหน้าตาของ Ivy Sidebar ก็ออกแบบมาคล้ายคลึงกับ UI บน Galaxy S7 edge อีกด้วย ส่วน Launcher แบบที่สองจะสามารถปรับแต่งส่วนต่างๆ ได้มากขึ้น เหมาะสำหรับผู้ใช้ที่มีความเชี่ยวชาญ หรือชำนาญในการใช้มือถือพอสมควร ซึ่งทุกท่านสามารถดาวน์โหลดจากลิงก์ด้านล่างนี้

ดาวน์โหลด Ivy Sidebar
ดาวน์โหลด Everywhere Launcher

Samsung Galaxy Note5 ก็สร้างไฟล์ภาพ GIF ได้

หนึ่งในฟีเจอร์ที่น่าสนใจบน Galaxy Note7 ก็คือ การใช้ปากกา S-Pen สร้างไฟล์ภาพเคลื่อนไหวแบบ GIF ได้ภายในไม่กี่ขั้นตอน แต่หลังจาก Samsung ประกาศให้หยุดวางจำหน่าย Galaxy Note7 อย่างเป็นทางการ ก็ไม่ทราบแน่ชัดว่าฟีเจอร์นี้จะถูกใส่มาด้วยในตอนอัปเดตเวอร์ชัน Android ของ Samsung หรือไม่ แต่ถ้าหากไม่มีซอฟต์แวร์อัปเดตผู้ใช้ Galaxy Note5 ก็สามารถดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน AZ Screen Recorder มาใช้งานไปพลางๆ ก่อนได้เช่นกัน โดยถ้าหากจะใช้งานจริงจัง หรือใช้บ่อยๆ ตัวแอปพลิเคชันก็มีราคาอยู่ที่ประมาณ 3 ดอลลาร์ (ประมาณ 105 บาท) เท่านั้น ซึ่งวิธีการใช้งานก็ไม่ยากจนเกินไปด้วย

ดาวน์โหลด AZ Screen Recorder

ปากกา S-Pen แบบใหม่ของ Galaxy Note7

ถ้าหากคุณรู้สึกว่าปากกา S-Pen ของ Galaxy Note5 มีหัวปากกาที่หนาไป และอยากใช้ปากกา S-Pen ของ Galaxy Note7 จริงๆ ก็สามารถหาซื้อได้เช่นกัน โดยปากกา S-Pen ของ Galaxy Note7 สามารถใช้งานร่วมกับ Galaxy Note5 ได้อย่างสบายๆ และที่สำคัญคือสามารถใส่ในช่องเก็บปากกาของ Galaxy Note5 ได้ด้วย สนนราคาประมาณ 30 ดอลลาร์ (ประมาณ 1,100 บาท) โดยสามารถซื้อผ่านเว็บไซต์ Amazon ได้ทันที ตามลิงก์ด้านล่างนี้

Amazon Store

Samsung Galaxy Note5 ก็ใช้ Night Mode ได้เหมือนกัน

ก่อนหน้านี้บน Galaxy Note7 มีการแสดงฟีเจอร์ Night Mode ที่เป็นการลดแสงสีฟ้าบนหน้าจอลง สำหรับการใช้งานกลางคืน ที่ช่วยถนอมสายตาของผู้ใช้มากยิ่งขึ้น ซึ่งในอนาคตอาจมีซอฟต์แวร์อัปเดตที่เพิ่มฟีเจอร์นี้เข้ามาเพิ่มเติมก็เป็นได้ แต่ถ้าหากใครอยากใช้ก่อน ก็สามารถดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน Twilight มาใช้งานได้เช่นกัน โดยฟังก์ชันการทำงานหลักๆ ของแอปพลิเคชันดังกล่าวก็คล้ายกับการทำงาน Night Mode นั่นเอง

ดาวน์โหลด Twilight

Samsung Galaxy Note5 ก็มีฟีเจอร์ Always-On Display

สำหรับฟีเจอร์ไฮไลต์อย่างหนึ่งของ Galaxy Note7 ก็คือ Always-On Display ที่อำนวยความสะดวกให้ผู้ใช้ได้เห็นการแจ้งเตือน หรือดูเวลาได้ทันทีโดยไม่ต้องกดเปิดหน้าจอขึ้นมาแบบเต็มรูปแบบ แต่สำหรับแอปพลิเคชันที่มีการทำงานในลักษณะนี้นั้นค่อนข้างจะก่อให้เกิดความยุ่งยากกับผู้ใช้เล็กน้อย ดังนั้น ทางเราจึงขอแนะนำเป็นแอปพลิเคชัน SmartWake ที่สามารถเปิดหน้าจอได้เองโดยอัตโนมัติหลังจากหยิบตัวเครื่องขึ้นมา (Raise to Wake)  และล็อกหน้าจอได้ทันทีที่วางลงกับโต๊ะ หรือเก็บใส่กระเป๋า

ดาวน์โหลด SmartWake

Samsung Galaxy Note5 ก็แปลภาษาได้ แถมทำได้มากกว่าด้วย Google Translate

แม้ว่าหนึ่งในฟีเจอร์ที่น่าสนใจมากที่สุดอย่าง Quick Translation ของ Galaxy Note7 ที่เพียงแค่นำปากกาไปวางไว้บนคำศัพท์ก็จะมีการแปลความหมายทันที แต่ข้อจำกัดก็คือ สามารถแปลได้ทีละคำเท่านั้น ซึ่งปํญหานี้จะหมดไปเมื่อคุณใช้งานแอปพลิเคชัน Google Translate ทดแทน เพราะนอกจากผู้ใช้จะสามารถแปล Text ได้เป็นประโยคยาวๆ แล้ว ยังสามารถแปลข้อความจากรูปภาพต่างๆ ได้อีกด้วย

ดาวน์โหลด Google Translate

อย่างไรก็ตาม แม้ทุกฟีเจอร์ที่กล่าวมาทั้งหมดข้างต้น จะไม่ใช่ฟีเจอร์หลักที่ติดตัวเครื่องมาก็ตามที แต่ก็เป็นการใช้แอปพลิเคชันช่วยเหลือเรื่องการใช้งานในรูปแบบต่างๆ ให้ใกล้เคียงกับฟีเจอร์ของ Samsung Galaxy Note7 มากที่สุด และหวังว่าฟีเจอร์ที่เป็นประโยชน์อย่าง Always-On Display จะถูกเพิ่มเข้ามาในการอัปเดตระบบครั้งต่อไป เพราะมีผู้ใช้หลายคนชื่นชอบฟีเจอร์ดังกล่าวเป็นอย่างมาก ก็ต้องติดตามกันต่อไปว่า Samsung Galaxy Note5 จะมีโอกาสได้ใช้งานฟีเจอร์เด็ดๆ บางอย่างจาก Galaxy Note7 บ้างหรือไม่

ที่มา : PhoneArena