ตอนนี้คุณอยู่ที่ >> หน้าแรก >> หน้ารวม รีวิวมือถือ mobile review >> รีวิวมือถือ Mobile Review
   
Date : 21/03/2024
รีวิว Xiaomi 14 | Xiaomi 14 Ultra

รีวิว Xiaomi 14 | Xiaomi 14 Ultra สมาร์ตโฟนเรือธงกล้อง Leica รุ่นล่าสุด โปรทุกช็อตด้วยเซนเซอร์ 1 นิ้ว และเลนส์ Vario Summilux พร้อมสเปกระดับท็อป บนดีไซน์หรูพรีเมียม


วงการสมาร์ตโฟนเมืองไทยตอนนี้เรียกได้ว่าร้อนพอ ๆ กับสภาพอากาศเลยทีเดียว เพราะค่ายใหญ่ ๆ ต่างก็พากันเปิดตัวสมาร์ตโฟนเรือธงออกมาในเวลาไล่เลี่ยกัน แถมทุกรุ่นยังชูจุดขายที่การถ่ายภาพเหมือนกันอีกด้วย และล่าสุด Xiaomi ก็ได้ส่งเรือธงใหม่ล่าสุดของตัวเองมาลงสนามด้วยเช่นกัน นั่นคือ Xiaomi 14 และ Xiaomi 14 Ultra ซึ่งเราได้นำมารีวิวให้ได้ชมกันในวันนี้นั่นเอง

Xiaomi 14 และ Xiaomi 14 Ultra ยังคงมีจุดเด่นอยู่ที่กล้อง Leica เหมือนเดิม แต่มีการเพิ่มเทคโนโลยีใหม่ ๆ เข้าไป และปรับปรุงคุณสมบัติภายในให้ทันสมัยยิ่งขึ้น โดยเฉพาะรุ่นท็อปอย่าง Xiaomi 14 Ultra ที่ยกระดับการถ่ายภาพให้ดีกว่าเดิมด้วยเซนเซอร์รับภาพรุ่นใหม่ล่าสุด Sony LYT-900 ความละเอียด 50MP ขนาด 1 นิ้วเต็ม ๆ พร้อมด้วยเทคโนโลยีใหม่อย่าง Dual Native ISO Fusion Max ที่ช่วยดึงรายละเอียดของไฮไลต์ และเงา, รูรับแสงปรับได้แบบ Stepless, เลนส์เทเลโฟโต้แบบลอยตัว (Floating Lens) และอื่น ๆ อีกหลายอย่างที่จะทำให้การถ่ายภาพ และวิดีโอ “โปร” ขึ้นอย่างไม่เคยมีมาก่อน

ส่วนเรือธงรุ่นมาตรฐานอย่าง Xiaomi 14 นั้น จัดว่าเป็นสมาร์ตโฟนเรือธงไซส์กะทัดรัด (Compact) ซึ่งหาได้ยากในปัจจุบัน ด้วยหน้าจอขนาด 6.36 นิ้ว โดยคุณสมบัติพื้นฐานส่วนใหญ่ก็จะอยู่ในระดับท็อปเหมือนกับรุ่น Ultra แต่คุณสมบัติของกล้องหลักจะต่างจากรุ่น Ultra อยู่พอสมควร โดยใช้เซนเซอร์รับภาพ Light Fusion 900 ที่ Xiaomi พัฒนาขึ้นเองเพื่อทำงานร่วมกับเลนส์ของ Leica โดยเฉพาะ นอกจากนี้ยังเปลี่ยนจากเลนส์ Summicron ในรุ่นก่อน มาเป็นเลนส์ Summilux ซึ่งมีรูรับที่แสงกว้าง ช่วยให้รับแสงได้มากขึ้น และเก็บรายละเอียดได้มากขึ้น

แค่คุณสมบัติบางส่วนก็ดูน่าสนใจขนาดนี้แล้ว ดังนั้นเพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา เราไปดูรายละเอียดแบบเจาะลึกใน รีวิว Xiaomi 14 และ Xiaomi 14 Ultra โดยทีมงาน Thaimobilecenter กันต่อได้เลยครับ


ดีไซน์ภายนอกของ Xiaomi 14 Ultra

Xiaomi 14 Ultra เป็นสมาร์ตโฟนเรือธงที่มีน้ำหนักพอสมควร แต่ก็ไม่ถึงกับหนักเกินไป โดยมากับหน้าจอแสดงผลแบบ C8 AMOLED รุ่นปรับแต่งพิเศษ ขนาด 6.73 นิ้ว ความละเอียด 3200x1440 (WQHD+) พร้อมอัตราการรีเฟรชแบบปรับอัตโนมัติ 1-120Hz และเร่งความสว่างได้สูงสุด 3,000 nits นอกจากนี้ยังรองรับการแสดงผลคอนเทนต์แบบ Pro HDR, Dolby Vision และ HDR10+ พร้อมครอบทับด้วยกระจกนิรภัย Xiaomi Shield Glass


หน้าจอนี้จะมีดีไซน์ที่เรียกว่า All Around Liquid Display ซึ่งขอบจอรอบด้านจะมีความโค้งเล็กน้อย แต่จะไม่โค้งลงไปถึงขอบเครื่อง ทำให้ดูคล้ายกับถูกยกนูนขึ้นมา ช่วยให้ขอบจอดูบางลง แต่ยังให้ความรู้สึกในการใช้งานคล้ายกับจอขอบแบนทั่วไป


ฝาหลังของตัวเครื่องเป็นหนังเทียม (Vegan Leather) ผลิตด้วยเทคโนโลยีนาโน ทนต่อรอยขีดข่วนมากขึ้น 6 เท่า และดูหรูหราสมเป็นสมาร์ตโฟนเรือธง


เฟรมรอบตัวเครื่องเป็นอลูมีเนียม 6M42 มีความทนทานสูง และขยายไปถึงด้านหลังของตัวเครื่อง ช่วยเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับตัวเครื่องได้มากยิ่งขึ้นเมื่อเทียบกับรุ่นที่แล้ว โดยปุ่มล็อกหน้าจอ และปุ่มปรับระดับเสียง จะอยู่ที่ด้านขวาทั้งหมด


ระบบเสียงของ Xiaomi 14 Ultra เป็นแบบสเตอริโอ จึงมีช่องลำโพง 2 ด้าน อยู่ที่ด้านบน และด้านล่าง โดยด้านล่างจะมีถาดใส่ซิมการ์ด, ไมโครโฟน และพอร์ตเชื่อมต่อแบบ USB 3.2 Gen 2 ด้วย


สำหรับกล้องหลังยังคงมีดีไซน์แบบวงกลมขนาดใหญ่ที่โดดเด่นสะดุดตาเป็นพิเศษเหมือนกับรุ่นก่อน โดยเป็นกล้อง 4 ตัวที่ใช้ชุดเลนส์ LEICA VARIO-SUMMILUX 1:1.63-2.5/12-120 ASPH พร้อมไฟแฟลช 2 ดวง และไมโครโฟน โดยกล้องแต่ละตัวประกอบด้วย

- กล้อง Wide ความละเอียด 50 ล้านพิกเซล พร้อมเซนเซอร์รับภาพ Sony LYT-900 ขนาด 1.0 นิ้ว, เม็ดพิกเซลขนาด 1.6 ไมครอน (หรือ 3.2 ไมครอนในแบบ 4-in-1 Super Pixel), เทคโนโลยีการเคลือบแบบ ALD Coating, รูรับแสงขนาด f1.63-f4.0, ทางยาวโฟกัส 23 มิลลิเมตร, ระบบโฟกัสอัตโนมัติแบบ Multi-Directional PDAF+Laser AF, ระบบป้องกันการสั่นแบบ OIS และโครงสร้างแบบ 8 ชิ้นเลนส์
- กล้อง Floating Telephoto ความละเอียด 50 ล้านพิกเซล พร้อมเซนเซอร์รับภาพ Sony IMX858 ขนาด 1/2.51 นิ้ว, เม็ดพิกเซลขนาด 0.7 ไมครอน, รูรับแสงขนาด f1.8, ทางยาวโฟกัส 75 มิลลิเมตร, ระบบซูมแบบ 3.2x Optical Zoom, ระบบโฟกัสอัตโนมัติแบบ Dual Pixel PDAF (10 เซนติเมตร - ระยะอนันต์), โหมด Macro (10 เซนติเมตร), ระบบป้องกันการสั่นแบบ OIS และโครงสร้างแบบ 6 ชิ้นเลนส์
- กล้อง Periscope Telephoto ความละเอียด 50 ล้านพิกเซล พร้อมเซนเซอร์รับภาพ Sony IMX858 ขนาด 1/2.51 นิ้ว, เม็ดพิกเซลขนาด 0.7 ไมครอน, รูรับแสงขนาด f2.5, ทางยาวโฟกัส 120 มิลลิเมตร, ระบบซูมแบบ 5x Optical Zoom, ระบบโฟกัสอัตโนมัติแบบ Dual Pixel PDAF, (30 เซนติเมตร - ระยะอนันต์), โหมด Macro (30 เซนติเมตร) และระบบป้องกันการสั่นแบบ OIS
- กล้อง Ultra Wide ความละเอียด 50 ล้านพิกเซล พร้อมเซนเซอร์รับภาพ Sony IMX858 ขนาด 1/2.51 นิ้ว, เม็ดพิกเซลขนาด 0.7 ไมครอน, รูรับแสงขนาด f1.8, ทางยาวโฟกัส 12 มิลลิเมตร (มุมรับภาพ 122°), ระบบโฟกัสอัตโนมัติแบบ Dual Pixel PDAF, โหมด Macro (5 เซนติเมตร) และโครงสร้างแบบ 7 ชิ้นเลนส์

รวมทั้งมีเทคโนโลยี Xiaomi Imaging Engine, ระบบโฟกัสแบบ Xiaomi ProFocus (Motion Tracking Focus/Eye Tracking Focus/Motion Capture), ไฟแฟลชแบบ Dual LED (Dual Tone), ซูมแบบดิจิทัลได้สูงสุด 120 เท่า (120x Digital Zoom), โหมด UltraRAW (16-bit), บันทึกวิดีโอที่ความละเอียดสูงสุดระดับ 8K (30fps) และบันทึกวิดีโอแบบ 10-bit Dolby Vision HDR

ส่วนกล้องด้านหน้า เป็นกล้องความละเอียด 32 ล้านพิกเซล พร้อมเซนเซอร์รับภาพขนาด 1/3.14 นิ้ว, เม็ดพิกเซลขนาด 0.7 ไมครอน, รูรับแสงขนาด f2.0, ทางยาวโฟกัส 22 มิลลิเมตร (มุมรับภาพ 90°) และบันทึกวิดีโอที่ความละเอียดสูงสุดระดับ 4K (60fps)


ถาดใส่ซิมของ Xiaomi 14 Ultra เป็น Dual-Slot ใส่ซิมได้พร้อมกัน 2 ใบ แต่ไม่รองรับการ์ด microSD หรือหน่วยความจำเสริมแบบอื่น ๆ


ดีไซน์ภายนอกของ Xiaomi 14

ดีไซน์ของ Xiaomi 14 จะแตกต่างจากรุ่น Ultra อย่างชัดเจน โดยมีหน้าจอขอบแบนที่มีขอบบางเป็นพิเศษ โดยเป็นจอ C8 AMOLED รุ่นปรับแต่งพิเศษเหมือนกับที่ใช้ในรุ่น Ultra แต่จะมีขนาด 6.36 นิ้ว ความละเอียด 1200x2670 พิกเซล ความหนาแน่น 460 PPI ส่วนคุณบัติอื่น ๆ จะเหมือนกัน ได้แก่ อัตราการรีเฟรชแบบปรับอัตโนมัติ 1-120Hz, ความสว่างสูงสุด 3000 nits, รองรับการแสดงผลคอนเทนต์แบบ Pro HDR, Dolby Vision และ HDR10+ พร้อมครอบทับด้วยกระจกนิรภัย Xiaomi Shield Glass


เฟรมรอบตัวเครื่องเป็นโลหะ และดูเป็นสันแบนชัดกว่ารุ่น Ultra โดยมีปุ่มล็อกหน้าจอ และปุ่มปรับระดับเสียงอยู่ที่ด้านขวาทั้งหมด

 

ระบบเสียงของ Xiaomi 14 เป็นแบบสเตอริโอเช่นกัน โดยเสียงจะออกจากช่องลำโพงด้านล่าง และลำโพงสนทนาด้านบน และด้านล่างยังมีถาดใส่ซิมการ์ด, ไมโครโฟน และพอร์ตเชื่อมต่อแบบ USB 3.2 Gen 1


ฝาหลังของตัวเครื่องเป็นสีพื้นผิวแบบด้าน ยกนูนขึ้นจากเฟรมเล็กน้อย โดยดีไซน์กล้องหลังเป็นสี่เหลี่ยมขนาดค่อนข้างใหญ่ ติดตั้งชุดกล้อง 3 ตัว ที่ใช้เลนส์ LEICA VARIO-SUMMILUX 1:1.6-2.2/14-75  ASPH พร้อมไฟแฟลช 1 ดวง และไมโครโฟน โดยกล้องแต่ละตัวประกอบด้วย

- กล้อง Wide ความละเอียด 50 ล้านพิกเซล พร้อมเซนเซอร์รับภาพ Light Fusion 900 ขนาด 1/1.31 นิ้ว, เม็ดพิกเซลขนาด 1.2 ไมครอน (หรือ 2.4 ไมครอนในแบบ 4-in-1 Super Pixel), เทคโนโลยีการเคลือบแบบ ALD Coating, รูรับแสงขนาด f1.6, ทางยาวโฟกัส 23 มิลลิเมตร, ระบบโฟกัสอัตโนมัติแบบ Dual Pixel PDAF+Laser AF, ระบบป้องกันการสั่นแบบ OIS และโครงสร้างแบบ 7 ชิ้นเลนส์
- กล้อง Floating Telephoto ความละเอียด 50 ล้านพิกเซล พร้อมรูรับแสงขนาด f2.0, ทางยาวโฟกัส 75 มิลลิเมตร, ระบบซูมแบบ 3.2x Optical Zoom, ระบบโฟกัสอัตโนมัติแบบ PDAF (10 เซนติเมตร - ระยะอนันต์), ระบบป้องกันการสั่นแบบ OIS, โหมด Macro (10 เซนติเมตร) และโครงสร้างแบบ 6 ชิ้นเลนส์
- กล้อง Ultra Wide ความละเอียด 50 ล้านพิกเซล พร้อมรูรับแสงขนาด f2.2, ทางยาวโฟกัส 14 มิลลิเมตร (มุมรับภาพ 115°) และโครงสร้างแบบ 6 ชิ้นเลนส์

รวมทั้งใช้ชุดเลนส์ LEICA VARIO-SUMMILUX 1:1.6-2.2/14-75 ASPH., เทคโนโลยี Xiaomi Imaging Engine, ระบบโฟกัสแบบ Xiaomi ProFocus (Motion Tracking Focus/Eye Tracking Focus/Motion Capture), ไฟแฟลชแบบ Dual LED (Dual Tone), ซูมแบบดิจิทัลได้สูงสุด 60 เท่า (60x Digital Zoom), บันทึกวิดีโอที่ความละเอียดสูงสุดระดับ 8K (24fps), บันทึกวิดีโอแบบ HDR10+/10-bit Dolby Vision HDR/10-bit LOG)

ส่วนกล้องด้านหน้า เป็นกล้องความละเอียด 32 ล้านพิกเซล พร้อมเม็ดพิกเซลขนาด 0.7 ไมครอน, รูรับแสงขนาด f2.0, ทางยาวโฟกัส 22 มิลลิเมตร (มุมรับภาพ 89.6°), รองรับการบันทึกวิดีโอที่ความละเอียดสูงสุดระดับ 4K (60fps) และโครงสร้างแบบ 5 ชิ้นเลนส์


ถาดใส่ซิมของ Xiaomi 14 เป็นแบบ Dual-Slot ที่ใส่ซิมได้พร้อมกัน 2 ใบ แต่ไม่รองรับการ์ด microSD หรือหน่วยความจำเสริมแบบอื่น ๆ


ทั้งนี้ภายในกล่องของ Xiaomi 14 และ Xiaomi 14 Ultra จะมีอุปกรณ์พื้นฐานอย่างคู่มือ, เคส, เข็มถอดถาดใส่ซิมการ์ด และสายชาร์จ USB-C แต่ไม่มีอแดปเตอร์ชาร์จแบตเตอรี่มาให้


ซอฟต์แวร์ และประสิทธิภาพการทำงานทั่วไป

ในแง่ของการใช้งานทั่วไป Xiaomi 14 และ Xiaomi 14 Ultra มีประสิทธิภาพที่ยอดเยี่ยมพอ ๆ กัน เพราะใช้ชิปเซ็ต Snapdragon 8 Gen 3 เหมือนกัน อีกทั้งยังใช้หน่วยความจำ RAM แบบ LPDDR5X และ ROM แบบ UFS 4.0 เหมือนกันด้วย


ส่วนระบบปฏิบัติการของทั้งคู่เป็น HyperOS เวอร์ชันใหม่ล่าสุด ที่พัฒนาขึ้นมาแทนที่ MIUI เดิม โดยหน้าตาของ UI ไม่ได้เปลี่ยนไปจากเดิมมากนัก แต่เน้นการจัดการทรัพยากรฮาร์ดแวร์ที่มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น, ปรับปรุงการใช้งานแบบ Multi-Tasking และการเรนเดอร์ภาพคุณภาพสูง พร้อมระบบรักษาความปลอดภัยแบบ End-to-End โดยรวมมีความเสถียรมากขึ้นจากเวอร์ชันก่อน

ด้วยความที่เป็นเรือธงที่มีคุณสมบัติอยู่ในระดับไฮเอนด์ เรื่องการใช้งานทั่วไปจึงไม่มีปัญหา สามารถทำงานทุกอย่างได้รวดเร็ว และลื่นไหล การแสดงผลมีคุณภาพสูงในระดับที่น่าประทับใจ และสามารถสู้แสงแดดกลางแจ้งได้ค่อนข้างดี


ส่วนการเล่นเกม เราได้ทดสอบด้วยเกม PUBG Mobile บนกราฟิกระดับ Ultra HDR และเฟรมเรตระดับ Ultra กับเกม Genshin Impact บนกราฟิกระดับสูง เฟรมเรต 60fps ซึ่งทั้งสองรุ่นทำได้ดีมาก โดยสามารถรันเกมได้อย่างลื่นไหล และมีเฟรมเรตคงที่ตลอดการเล่น ขณะเดียวกันก็สามารถจัดการความร้อนได้ดี แต่ด้วยโมดูลกล้องหลังขนาดใหญ่ของ Xiaomi 14 Ultra อาจทำให้รู้สึกว่าจับไม่ค่อยถนัดมือ ซึ่งต้องใช้เวลาสักพักก็จะชินมือไปเองตามลำดับ


แบตเตอรี่ และการชาร์จ

Xiaomi 14 มีแบตเตอรี่ขนาด 4,610 mAh ส่วน Xiaomi 14 Ultra มีแบตเตอรี่ขนาด 5,000 mAh ซึ่งถือว่าไม่มากไม่น้อยสำหรับสมาร์ตโฟนเรือธง สามารถใช้งานได้ข้ามวันแบบสบาย ๆ หากไม่ได้เล่นเกมติดต่อกันเป็นเวลานาน

ส่วนระบบการชาร์จ Xiaomi 14 และ Xiaomi 14 Ultra รองรับเทคโนโลยีชาร์จไวแบบ 90W HyperCharge ผ่านสาย ซึ่งสามารถชาร์จจนเต็ม 100% ได้ในเวลาไม่เกิน 40 นาที

ถึงแม้ว่าทั้งสองรุ่นจะไม่ได้ให้อแดปเตอร์ชาร์จมาในกล่อง แต่หากสั่งจองเครื่องระหว่างวันที่ 14-22 มีนาคม 2567 จะมีการแถมอแดปเตอร์ชาร์จแบตเตอรี่แบบ 120W มาให้ด้วย ซึ่งสามารถชาร์จได้ไวเต็มสปีดแน่นอน แต่ถ้าสั่งจองไม่ทันก็จำเป็นต้องหาอแดปเตอร์ชาร์จไวระดับ 90W ขึ้นไปเพื่อให้ชาร์จไวได้อย่างเต็มสปีด


การถ่ายภาพนิ่ง และวิดีโอของ Xiaomi 14 Ultra

ความพิเศษอย่างหนึ่งของกล้อง Xiaomi 14 Ultra คือ ในโหมดอัตโนมัติ เราสามารถเลือกโปรไฟล์ภาพถ่าย 2 แบบ ได้แก่ Leica Vibrant และ Leica Authentic ซึ่งจะให้โทนสีที่ต่างกัน สามารถเปลี่ยนได้ตลอดเวลาที่แถบเมนูมุมขวาบน โดยสามารถซูมแบบ Optical ได้ไกลสุด 5 เท่า ซึ่งเป็นการซูมโดยไม่สูญเสียรายละเอียด และซูมแบบ Digital ไกลสุดถึง 120 เท่า

 

นอกจากนี้ยังสามารถปรับค่าชดเชยแสง (EV) ได้มากถึง +-4 ทั้งภาพนิ่งและวิดีโออีกด้วย


ในโหมดภาพบุคคล สามารถเลือกโปรไฟล์การถ่ายภาพได้เช่นกัน ได้แก่ Leica Portrait และ Master Portrait โดยแบบแรกจะมีคอนทราสต์จัดกว่า ส่วนแบบหลังจะลดคอนทราสต์ลง เหมาะกับการถ่ายภาพบุคคลในสภาวะที่มีแสงเงาเข้ม ซึ่งจะช่วยดึงรายละเอียดในเงาออกมาได้มากขึ้น และมีเอฟเฟกต์การถ่ายภาพให้เลือก 5 แบบ คือ มาตรฐาน, สารคดี (35 มม.), โบเก้หมุนวน (50 มม.), พอร์ตเทรต (75 มม.) และซอฟต์โฟกัส (90 มม.)


และมี โหมดถ่ายเร็ว ที่สามารถเปิดใช้งานได้อย่างรวดเร็วด้วยการกดปุ่มปรับระดับเสียงสองครั้ง โดยเราสามารถเลือกระยะโฟกัสได้ล่วงหน้าตั้งแต่ 23 - 135 มม. ทำให้ใช้เทคนิคการถ่ายภาพที่เรียกว่า “Zone Focus” ได้ นิยมใช้กับการถ่ายภาพแนวสตรีท เพราะสามารถจับภาพได้เลยโดยไม่ต้องรอโฟกัส


สำหรับ โหมดกลางคืน จะสามารถซูมแบบ Optical ได้ครบทุกระยะ และมี โหมดถ่ายดวงจันทร์ ให้ใช้งานด้วย


การถ่ายวิดีโอด้วยกล้องหลังทำได้ที่ความละเอียดสูงสุด 4K (30fps) และมีโหมด Master Cinema ที่มีการอ้างอิงสีตามหลักภาพยนตร์ และเข้ารหัสเป็น Rec.2020 10-bit พร้อมรองรับ Dual Native ISO Fusion Max ทำให้เก็บรายละเอียดเงา และไฮไลท์ได้มากขึ้น เหมาะสำหรับการนำไปเกรดสี และตัดต่อในภายหลัง


นอกจากการถ่ายวิดีโอทั่วไปยังมี โหมดผู้กำกับ ซึ่งเป็นการถ่ายวิดีโอแบบ Log ที่มีการแสดงพารามิเตอร์ต่าง ๆ บนจอแบบมืออาชีพ ช่วยให้ควบคุมการถ่ายทำได้ง่ายขึ้น และยังสามารถเชื่อมต่อกับ Xiaomi 14 Ultra เครื่องอื่น ๆ เพื่อซิงค์จอภาพ และควบคุมแบบไร้สายได้


สำหรับกล้องหน้าของ Xiaomi 14 Ultra มีฟีเจอร์ให้เลือกใช้พอสมควร โดยสามารถปรับเอฟเฟกต์บิวตี้ และระดับความชัดลึกได้ ส่วนวิดีโอรองรับความละเอียดสูงสุด 4K (30fps) เช่นเดียวกับกล้องหลัง


การถ่ายภาพนิ่ง และวิดีโอของ Xiaomi 14

ฟังก์ชันการถ่ายภาพของ Xiaomi 14 ส่วนใหญ่จะเหมือนกับรุ่น Ultra ทั้งโปรไฟล์ Leica Vibrant / Authentic, การถ่ายวิดีโอ 4K 30fps, เอฟเฟกต์เลนส์กล้อง 5 แบบสำหรับภาพบุคคล และโหมดผู้กำกับ แต่จะมีความแตกต่างกันดังนี้

- ระยะซูมใกล้กว่ารุ่น Ultra มาก โดยซูมแบบ Optical ได้ 3.2 เท่า และแบบ Digital สูงสุด 60 เท่า
- ไม่มี Master Mode สำหรับการถ่ายวิดีโอ
- ไม่มี Master Portrait สำหรับการถ่ายภาพบุคคล และเลือกถ่ายได้ 2 ระยะคือกว้าง และแคบ
- ไม่มีโหมดถ่ายเร็ว


คุณสมบัติอื่น ๆ ที่ซ่อนอยู่ในกล้องของ Xiaomi 14 | Xiaomi 14 Ultra

นอกจากฮาร์ดแวร์ระดับไฮเอนด์แล้ว กล้องของ Xiaomi 14 และ Xiaomi 14 Ultra ยังมีเทคโนโลยีอื่น ๆ ซ่อนอยู่ด้วย โดยมีเทคโนโลยีที่สำคัญดังนี้

เลนส์ลอยตัว (Leica floating lens)

กล้อง Telephoto ของ Xiaomi 14 และ Xiaomi 14 Ultra มีการจัดวางชิ้นเลนส์แบบ Leica floating lens หรือ “เลนส์ลอยตัว” ซึ่งเป็นเทคโนโลยีการจัดวางเลนส์แบบใหม่ที่ช่วยให้เลนส์ Telephoto มีระยะโฟกัสกว้างขึ้น จนถึงขั้นนำไปถ่ายแบบ Macro ได้ ซึ่งจะดีกว่าการถ่ายด้วยเลนส์ Ultrawide แบบเดิม ๆ เพราะไม่ทำให้มุมมองของภาพผิดเพี้ยนไป นอกจากนี้ยังช่วยให้ภาพถ่ายทั่วไปมีคุณภาพดีขึ้นด้วย เพราะสามารถเข้าถึงทางยาวโฟกัสออพติคอล 75 มม. ได้อย่างเต็มรูปแบบ จึงไม่มีการคร็อปตัดภาพบนเซนเซอร์

เลนส์ Leica Summilux

ทั้งสองรุ่นได้อัปเกรดมาใช้เลนส์ Leica Summilux แทนที่เลนส์ Summicron ในรุ่นก่อน  ทำให้เลนส์มีรูรับแสงที่ใหญ่ขึ้น เพิ่มการรับแสงได้ 36% สำหรับรุ่น Ultra และ 80% สำหรับรุ่นธรรมดา ช่วยให้เก็บรายละเอียดของภาพได้ดียิ่งขึ้นโดยไม่ต้องดันค่า ISO โดยเฉพาะในสภาวะแสงน้อย และยังช่วยให้แยกวัตถุออกจากพื้นหลังได้ดีขึ้นด้วย

ไมค์จับเสียงรอบทิศทาง 4-Mic Array

Xiaomi 14 และ Xiaomi 14 Ultra มีไมโครโฟนถึง 4 ตัวติดตั้งไว้โดยรอบ กลายเป็น 4-Mic Array ที่เก็บเสียงได้ทุกทิศทาง ชัดเจนไม่ว่าจะถ่ายด้วยกล้องหลัง หรือกล้องหน้า และยังสามารถซูมไปจับเสียงที่อยู่ไกลออกไปพร้อมกับการซูมของกล้องได้ด้วย อีกทั้งยังให้เสียงเซอร์ราวด์รอบทิศทางที่สมจริงเมื่อเปิดเล่นอีกด้วย

รูรับแสงปรับได้แบบ Stepless (เฉพาะ Xiaomi 14 Ultra)

กล้องของ XIaomi 14 Ultra มีกลไกรูรับแสงที่สามารถปรับให้เข้ากับการเปลี่ยนแปลงของแสงได้โดยอัตโนมัติ และมีการปรับแบบไร้รอยต่อที่ระหว่าง f/1.63 และ f/4.0 นอกจากนี้ ยังทำให้ผู้ใช้มีลูกเล่นมากขึ้นในการควบคุมระยะชัดลึก และค่าแสงเมื่อถ่ายในโหมดโปร


ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องของ Xiaomi 14 Ultra

ตัวอย่างภาพถ่ายจากโหมดอัตโนมัติ


ตัวอย่างภาพถ่ายด้วยการซูมในระยะต่าง ๆ


ตัวอย่างภาพถ่ายโหมดภาพบุคคล


ตัวอย่างภาพถ่ายจากโหมดซูเปอร์มาโคร


ตัวอย่างภาพถ่ายจากโหมดกลางคืน


ตัวอย่างภาพถ่ายจากโหมดถ่ายดวงจันทร์


ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องหน้าด้วยโหมดภาพบุคคล


ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องของ Xiaomi 14

ตัวอย่างภาพถ่ายจากโหมดอัตโนมัติ


ตัวอย่างภาพถ่ายจากโหมดภาพบุคคล


ตัวอย่างภาพถ่ายจากโหมดซูเปอร์มาโคร



ตัวอย่างภาพถ่ายจากโหมดกลางคืน


ตัวอย่างภาพถ่ายจากโหมดถ่ายดวงจันทร์


ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องหน้าด้วยโหมดภาพบุคคล

 

ราคา และการวางจำหน่าย

สำหรับท่านใดที่สนใจจับจองเป็นเจ้าของ ขณะนี้ทาง Xiaomi (ประเทศไทย) ก็ได้ประกาศราคาวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการของ Xiaomi 14 Series ออกมาแล้ว ดังนี้

- Xiaomi 14 Ultra รุ่น RAM 16GB+ROM 512GB ราคา 40,990 บาท
- Xiaomi 14 รุ่น RAM 12GB+ROM 512GB ราคา 29,990 บาท

โดยจะเริ่มวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการตั้งแต่วันที่ 23 มีนาคม 2567 เป็นต้นไปที่ Xiaomi Store, Xiaomi Zone, ร้านค้าที่ร่วมรายการ และช่องทางออนไลน์

 

พร้อมทั้งมีโปรโมชันพิเศษดังนี้

- Trade in Plan รับสิทธิ์เครื่องเก่าแลกใหม่ลดเพิ่มสูงสุด 4,000 บาท
- VIP Service บริการพิเศษสำหรับลูกค้าวีไอพี นาน 24 เดือน
- ประกันหน้าจอ 6 เดือน รับประกันเปลี่ยนหน้าจอฟรี หรือซ่อมแซมหน้าจอ 1 ครั้ง ภายใน 6 เดือนแรก นับจากวันที่ซื้อผลิตภัณฑ์
- Google One Cloud Storage 100GB นาน 6 เดือน
- บริการโทรศัพท์สำรองใช้ระหว่างการซ่อมแซม ภายใน 24 เดือน
- ซ่อมแซม ฟรีบริการรับ-ส่ง (อำนวยความสะดวกในบริการซ่อมแซม ฟรีบริการรับ-ส่งเครื่องซ่อม 24 เดือน นับจากวันที่ซื้อผลิตภัณฑ์)


สรุปประสบการณ์หลังใช้งาน Xiaomi 14 | Xiaomi 14 Ultra

จากที่มีโอกาสได้ใช้งานสมาร์ตโฟนเรือธงทั้ง 2 เครื่องนี้มาพักใหญ่ ก็สามารถกล่าวได้ว่า Xiaomi 14 และ Xiaomi 14 Ultra เป็นสมาร์ตโฟนที่น่าประทับใจในหลาย ๆ ด้าน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องทั่วไปอย่างประสิทธิภาพ ไปจนถึงจุดเด่นประจำซีรีส์อย่างการถ่ายรูป อีกทั้งสองรุ่นนี้ก็ยังมีคุณสมบัติเฉพาะตัวบางอย่างที่ไม่เหมือนกันด้วย

ในเรื่องประสิทธิภาพการใช้งานทั่วไป ทั้งสองรุ่นทำได้ดีสมฐานะเรือธง และยอดเยี่ยมพอ ๆ กัน โดยสามารถตอบสนองต่อการทำงานทุกประเภทได้อย่างรวดเร็ว ไม่มีอาการแอปเด้ง หรือค้าง ขณะเดียวกัน ยังสามารถจัดการความร้อนได้ดี แม้จะเล่นเกมที่มีกราฟิกระดับสูง ๆ ก็ไม่มีปัญหา การใช้งานเพียงอย่างเดียวที่รู้สึกถึงความร้อนได้ชัดเจนคือการเปิดใช้งานกล้องเป็นเวลานาน แต่ก็ยังอยู่ในเกณฑ์ที่รับได้

 

ด้านการถ่ายภาพ Xiaomi 14 และ Xiaomi 14 Ultra ทำได้อย่างยอดเยี่ยมไม่แพ้สมาร์ตโฟนเรือธงรุ่นอื่นในตลาดตอนนี้ และยังมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่ชัดเจน ซึ่งก็คือโปรไฟล์ภาพสไตล์ Leica ที่โดดเด่นในเรื่องของคอนทราสต์ และโทนสีที่สมจริงเป็นธรรมชาติ

ทั้งสองรุ่นมีระบบ HDR ที่ดี และจัดการแสงเงาเวลาถ่ายย้อนแสงได้ค่อนข้างน่าประทับใจ แม้ว่าบางครั้งคอนทราสต์ในภาพจะจัดมากก็ตาม ส่วน Xiaomi 14 จะมีปัญหาเรื่อง Halo Effect หรือเอฟเฟกต์แสงรอบตัวแบบเวลาถ่ายย้อนแสงตรง ๆ จึงแนะนำให้หลีกเลี่ยงการถ่ายย้อนแสง

Xiaomi 14 Ultra สามารถซูมได้ไกลสุด 120 เท่า (120x Digital Zoom) ส่วนระยะการซูมแบบ Optical จะอยู่ที่ 5 เท่า (5x Optical Zoom) และซูมแบบไม่เสียรายละเอียดได้ที่ 10 เท่า หากเป็นการใช้งานทั่วไป ระยะซูม 5-10 เท่าจะครอบคลุมการใช้งานทั้งหมดอยู่แล้ว และยังรักษาคุณภาพของรูปถ่ายได้ดี อย่างไรก็ตาม การซูมตั้งแต่ระยะ 30 เท่าขึ้นไปคุณภาพจะลดลงมาก และแทบจะนำไปใช้งานไม่ได้ จึงไม่เหมาะสำหรับการนำไปซูมถ่ายศิลปินในคอนเสิร์ต

 

กล้อง Xiaomi 14 มีประสิทธิภาพที่ใกล้เคียงกับ Ultra แต่ดูเหมือนว่าการทำงานของ HDR จะต่างออกไป ทำให้บางภาพดูมืดลง ส่วนการประมวลผลสีสัน โทนสีผิว การเบลอฉากหลัง ทำได้ดีพอ ๆ กันภายใต้สถานการณ์ส่วนใหญ่ แต่จะถูกจำกัดฟีเจอร์บางอย่าง เช่น การซูมแบบ Optical ที่ได้แค่ 3.5 เท่า, การซูมในโหมดพอร์ตเทรต และเมนูปรับค่า EV เป็นต้น ถึงกระนั้นก็ตาม Xiaomi 14 ยังคงตอบโจทย์การถ่ายรูปทั่ว ๆ ไปได้เป็นอย่างดี จึงเป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับผู้ที่ต้องการประหยัดงบ

จุดเด่นที่สำคัญอีกอย่างหนึ่งของ Xiaomi 14 คือตัวเครื่องที่มีขนาดเล็ก ความยาวประมาณ 1 ฝ่ามือเท่านั้น นับว่าเป็นสมาร์ตโฟนเรือธงแบบ Compact ซึ่งไม่ค่อยมีให้เห็นนักในปัจจุบัน ดังนั้นใครที่ชอบสมาร์ตโฟนขนาดกะทัดรัด พกพาง่าย หยิบใช้สะดวก Xiaomi 14 ก็เป็นตัวเลือกที่ดี

 

โดยรวมแล้ว ทั้ง Xiaomi 14 และ Xiaomi 14 Ultra เป็นสมาร์ตโฟนเรือธงที่น่าประทับใจทั้งคู่ โดยมากับคุณสมบัติระดับท็อปสมฐานะเรือธง และการถ่ายรูปสไตล์ Leica ที่ปรับปรุงให้ดีขึ้นจากรุ่นก่อน เหมาะสำหรับการถ่ายภาพทุกสไตล์ ไม่ว่าจะเป็นการถ่ายรูปทั่ว ๆ ไป, พอร์ตเทรต, สตรีท หรืออื่น ๆ และเป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับผู้ที่ต้องการสมาร์ตโฟนเรือธงที่เน้นถ่ายรูป

 

สรุปคุณสมบัติเด่นของ Xiaomi 14 Ultra

- ดีไซน์พรีเมียมด้วยฝาหลังหนังเทียม และทนทานเป็นพิเศษด้วยเฟรมอลูมีเนียมแบบ Xiaomi Guardian Structure
- ตัวเครื่องมีคุณสมบัติของการทนน้ำ และทนฝุ่น ตามมาตรฐาน IP68
- หน้าจอแบบ All Around Liquid Display โค้งมนคล้ายจอขอบโค้ง แต่ไม่ทำให้มือลั่นไปโดนขอบ
- หน้าจอแสดงผล C8 AMOLED รุ่นปรับแต่งพิเศษ ขนาด 6.73 นิ้ว ความละเอียด 3200 x 1440 (WQHD+), 522 ppi พร้อมอัตราการรีเฟรช 1-120Hz, เทคโนโลยี AdaptiveSync Pro, ความสว่างสูงสุด 3000 nits, รองรับการแสดงผลคอนเทนต์แบบ Pro HDR/Dolby Vision/HDR10+/HDR10/HLG และครอบทับด้วยกระจกนิรภัย Xiaomi Shield Glass

- ประมวลผลด้วยชิปเซ็ต Snapdragon 8 Gen 3
- ระบบระบายความร้อนแบบ Xiaomi Dual-IceLoop Technology
- หน่วยความจำ RAM แบบ LPDDR5X ขนาด 16GB
- หน่วยความจำ ROM แบบ UFS 4.0 ขนาด 512GB
- ทำงานอยู่บนระบบปฏิบัติการ HyperOS ที่พัฒนาบนพื้นฐานของ Android 14

-------------------------------------

กล้องหลัง 4 ตัว (Leica Quad Camera) พร้อมเลนส์ออปติคัล LEICA VARIO-SUMMILUX 1:1.63-2.5/12-120 ASPH ประกอบด้วย

- กล้อง Wide ความละเอียด 50 ล้านพิกเซล พร้อมเซนเซอร์รับภาพ Sony LYT-900 ขนาด 1.0 นิ้ว, เม็ดพิกเซลขนาด 1.6 ไมครอน (หรือ 3.2 ไมครอนในแบบ 4-in-1 Super Pixel), เทคโนโลยีการเคลือบแบบ ALD Coating, รูรับแสงขนาด f1.63-f4.0, ทางยาวโฟกัส 23 มิลลิเมตร, ระบบโฟกัสอัตโนมัติแบบ Multi-Directional PDAF+Laser AF, ระบบป้องกันการสั่นแบบ OIS และโครงสร้างแบบ 8 ชิ้นเลนส์
- กล้อง Floating Telephoto ความละเอียด 50 ล้านพิกเซล พร้อมเซนเซอร์รับภาพ Sony IMX858 ขนาด 1/2.51 นิ้ว, เม็ดพิกเซลขนาด 0.7 ไมครอน, รูรับแสงขนาด f1.8, ทางยาวโฟกัส 75 มิลลิเมตร, ระบบซูมแบบ 3.2x Optical Zoom, ระบบโฟกัสอัตโนมัติแบบ Dual Pixel PDAF (10 เซนติเมตร - ระยะอนันต์), โหมด Macro (10 เซนติเมตร), ระบบป้องกันการสั่นแบบ OIS และโครงสร้างแบบ 6 ชิ้นเลนส์
- กล้อง Periscope Telephoto ความละเอียด 50 ล้านพิกเซล พร้อมเซนเซอร์รับภาพ Sony IMX858 ขนาด 1/2.51 นิ้ว, เม็ดพิกเซลขนาด 0.7 ไมครอน, รูรับแสงขนาด f2.5, ทางยาวโฟกัส 120 มิลลิเมตร, ระบบซูมแบบ 5x Optical Zoom, ระบบโฟกัสอัตโนมัติแบบ Dual Pixel PDAF, (30 เซนติเมตร - ระยะอนันต์), โหมด Macro (30 เซนติเมตร) และระบบป้องกันการสั่นแบบ OIS
- กล้อง Ultra Wide ความละเอียด 50 ล้านพิกเซล พร้อมเซนเซอร์รับภาพ Sony IMX858 ขนาด 1/2.51 นิ้ว, เม็ดพิกเซลขนาด 0.7 ไมครอน, รูรับแสงขนาด f1.8, ทางยาวโฟกัส 12 มิลลิเมตร (มุมรับภาพ 122°), ระบบโฟกัสอัตโนมัติแบบ Dual Pixel PDAF, โหมด Macro (5 เซนติเมตร) และโครงสร้างแบบ 7 ชิ้นเลนส์

รวมทั้งมีเทคโนโลยี Xiaomi AISP, ระบบโฟกัสแบบ Xiaomi ProFocus (Motion Tracking Focus/Eye Tracking Focus/Motion Capture), ไฟแฟลชแบบ Dual LED (Dual Tone), ซูมแบบดิจิทัลได้สูงสุด 120 เท่า (120x Digital Zoom), โหมด UltraRAW (16-bit), บันทึกวิดีโอที่ความละเอียดสูงสุดระดับ 8K (30fps) และบันทึกวิดีโอแบบ 10-bit Dolby Vision HDR

กล้องด้านหน้าความละเอียด 32 ล้านพิกเซล

พร้อมเซนเซอร์รับภาพขนาด 1/3.14 นิ้ว, เม็ดพิกเซลขนาด 0.7 ไมครอน, รูรับแสงขนาด f2.0, ทางยาวโฟกัส 22 มิลลิเมตร (มุมรับภาพ 90°) และบันทึกวิดีโอที่ความละเอียดสูงสุดระดับ 4K (60fps)

รองรับการใช้งานร่วมกับ Photography Kit ที่ช่วยเสริมความกระชับคล่องตัวในการจับถือ พร้อมความสามารถในการควบคุมการถ่ายรูป และวิดีโอที่สะดวกขึ้น (จำหน่ายแยกต่างหาก แถมฟรีเฉพาะผู้ที่สั่งจองล่วงหน้า)

-------------------------------------

- เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตผ่านทางระบบ Wi-Fi 7, 5G, 4G LTE, 3G WCDMA และ 2G EDGE/GPRS
- เทคโนโลยี 2x2 MIMO, 8x8 Sounding สำหรับ MU-MIMO และ WiFi Direct
- เชื่อมต่อข้อมูลแบบไร้สายผ่านทาง Bluetooth 5.4
- ระบบดาวเทียม GPS L1+L5, Galileo, GLONASS, Beidou และ NavIC
- พอร์ตเชื่อมต่อแบบ USB Type-C (USB 3.2 Gen 2 : 10 Gbps)
- แบตเตอรี่ความจุ 5,000 mAh พร้อมระบบชาร์จไว 90W HyperCharge และ 80W Wireless HyperCharge
- ชิปรักษาความปลอดภัยขณะชาร์จ Xiaomi Surge P2
- ชิปช่วยจัดสรรการจ่ายพลังงาน Xiaomi Surge G1
- ลำโพงเสียงแบบคู่ พร้อมระบบเสียง Dolby Atmos และรองรับไฟล์เสียงความละเอียดสูงแบบ Hi-Res & Hi-Res Audio Wireless
- ไมโครโฟน 4 ตัว รับเสียงได้ทุกทิศทาง และแยกทิศทางของเสียงได้


สรุปคุณสมบัติเด่นของ Xiaomi 14

- ดีไซน์กะทัดรัดเหมาะมือ พกพาสะดวก ถือใช้งานง่าย
- ตัวเครื่องมีคุณสมบัติของการทนน้ำ และทนฝุ่น ตามมาตรฐาน IP68
- หน้าจอแสดงผล C8 AMOLED รุ่นปรับแต่งพิเศษ ขนาด 6.36 นิ้ว ความละเอียด 1200x2670 (460PPI) พร้อมอัตราการรีเฟรช 1-120Hz, เทคโนโลยี AdaptiveSync Pro, ความสว่างสูงสุด 3000 nits, รองรับการแสดงผลคอนเทนต์แบบ Pro HDR/Dolby Vision/HDR10+/HDR10/HLG และครอบทับด้วยกระจกนิรภัย Xiaomi Shield Glass

- ชิปเซ็ต Snapdragon 8 Gen 3 รุ่นใหม่ล่าสุด
- ระบบระบายความร้อนแบบ Xiaomi Loop LiquidCool Technology
- หน่วยความจำ RAM แบบ LPDDR5X ขนาด 12GB
- หน่วยความจำ ROM แบบ UFS 4.0 ขนาด 256/512GB
- ทำงานอยู่บนระบบปฏิบัติการ HyperOS ที่พัฒนาบนพื้นฐานของ Android 14

-----------------------------------

กล้องหลัง 3 ตัว (Leica Triple Camera) พร้อมเลนส์ออปติคัล LEICA VARIO-SUMMILUX 1:1.6-2.2/14-75 ASPH ประกอบด้วย

- กล้อง Wide ความละเอียด 50 ล้านพิกเซล พร้อมเซนเซอร์รับภาพ Light Fusion 900 ขนาด 1/1.31 นิ้ว, เม็ดพิกเซลขนาด 1.2 ไมครอน (หรือ 2.4 ไมครอนในแบบ 4-in-1 Super Pixel), เทคโนโลยีการเคลือบแบบ ALD Coating, รูรับแสงขนาด f1.6, ทางยาวโฟกัส 23 มิลลิเมตร, ระบบโฟกัสอัตโนมัติแบบ Dual Pixel PDAF+Laser AF, ระบบป้องกันการสั่นแบบ OIS และโครงสร้างแบบ 7 ชิ้นเลนส์
- กล้อง Floating Telephoto ความละเอียด 50 ล้านพิกเซล พร้อมรูรับแสงขนาด f2.0, ทางยาวโฟกัส 75 มิลลิเมตร, ระบบซูมแบบ 3.2x Optical Zoom, ระบบโฟกัสอัตโนมัติแบบ PDAF (10 เซนติเมตร - ระยะอนันต์), ระบบป้องกันการสั่นแบบ OIS, โหมด Macro (10 เซนติเมตร) และโครงสร้างแบบ 6 ชิ้นเลนส์
- กล้อง Ultra Wide ความละเอียด 50 ล้านพิกเซล พร้อมรูรับแสงขนาด f2.2, ทางยาวโฟกัส 14 มิลลิเมตร (มุมรับภาพ 115°) และโครงสร้างแบบ 6 ชิ้นเลนส์

รวมทั้งใช้ชุดเลนส์ LEICA VARIO-SUMMILUX 1:1.6-2.2/14-75 ASPH., เทคโนโลยี Xiaomi Imaging Engine, ระบบโฟกัสแบบ Xiaomi ProFocus (Motion Tracking Focus/Eye Tracking Focus/Motion Capture), ไฟแฟลชแบบ Dual LED (Dual Tone), ซูมแบบดิจิทัลได้สูงสุด 60 เท่า (60x Digital Zoom), บันทึกวิดีโอที่ความละเอียดสูงสุดระดับ 8K (24fps), บันทึกวิดีโอแบบ HDR10+/10-bit Dolby Vision HDR/10-bit LOG)

กล้องด้านหน้าความละเอียด 32 ล้านพิกเซล

พร้อมเม็ดพิกเซลขนาด 0.7 ไมครอน, รูรับแสงขนาด f2.0, ทางยาวโฟกัส 22 มิลลิเมตร (มุมรับภาพ 89.6°), รองรับการบันทึกวิดีโอที่ความละเอียดสูงสุดระดับ 4K (60fps) และโครงสร้างแบบ 5 ชิ้นเลนส์

------------------------------------

- เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตผ่านทางระบบ Wi-Fi 7, 5G, 4G LTE, 3G WCDMA และ 2G EDGE/GPRS
- เทคโนโลยี 2x2 MIMO, 8x8 Sounding สำหรับ MU-MIMO และ WiFi Direct
- เชื่อมต่อข้อมูลแบบไร้สายผ่านทาง Bluetooth 5.4
- ระบบดาวเทียม GPS L1+L5, Galileo, GLONASS, Beidou และ NavIC
- พอร์ตเชื่อมต่อแบบ USB Type-C (USB 3.1 Gen 1 : 5 Gbps)
- แบตเตอรี่ความจุ 4,610 mAh พร้อมระบบชาร์จไว 90W HyperCharge และ 50W wireless HyperCharge
- ชิปรักษาความปลอดภัยขณะชาร์จ Xiaomi Surge P2
- ชิปช่วยจัดสรรการจ่ายพลังงาน Xiaomi Surge G1
- ลำโพงเสียงแบบคู่ พร้อมระบบเสียง Dolby Atmos และรองรับไฟล์เสียงความละเอียดสูงแบบ Hi-Res & Hi-Res Audio Wireless
- ไมโครโฟน 4 ตัว รับเสียงได้ทุกทิศทาง และแยกทิศทางของเสียงได้


จุดที่อาจจะต้องพิจารณาเพิ่มเติมของ Xiami 14 | Xiaomi 14 Ultra

- ทั้งสองรุ่นไม่รองรับการใส่การ์ดหน่วยความจำแบบ microSD หรือแบบอื่น ๆ
- ทั้งสองรุ่นไม่มีพอร์ตหูฟังขนาด 3.5 มิลลิเมตร
- ไม่มีอแดปเตอชาร์จแบตเตอรี่แถมมาให้พร้อมชุดจำหน่ายมาตรฐาน (แถมเฉพาะผู้ที่สั่งจองล่วงหน้า)

 

วันที่ : 21/03/2024

Cookie Consent

Our website uses cookies to provide your browsing experience and relavent informations.Before continuing to use our website, you agree & accept of our Cookie Policy & Privacy