รีวิว (Review) Vivo Y20
รุ่นเล็ก แบตใหญ่ ใส่จอสวย พร้อม 3 กล้อง AI และสแกนนิ้วด้านข้าง ในราคาแค่ 5 พัน ด้วยจอ Halo FullView ใหญ่ 6.51 นิ้ว, แบตเตอรี่จุใจ 5000 mAh, กล้องหลัง AI Triple Macro Camera, ชิปเซ็ต Snapdragon 460, ROM 64GB+RAM 4GB และ Side-Mounted Fingerprint Scanner บนตัวเครื่องสวยโค้งมนบางเฉียบ ในราคา 5,299 บาท
3 กันยายน 2020 - เปิดตัวมาสมทบซีรีส์ยอดนิยมอีกรุ่นแล้วกับ Vivo Y20 สมาร์ทโฟนรุ่นเล็กน้องใหม่ในตระกูล Y Series ที่มีจุดเด่นเป็นแบตเตอรี่ขนาดใหญ่พิเศษถึง 5000 mAh จึงช่วยให้ใช้งานได้ยาวนานตลอดวันแบบหายห่วง พร้อมเทคโนโลยี AI สำหรับช่วยจัดการพลังงาน รวมถึงแปลงเป็น Power Bank ให้สมาร์ทโฟนเครื่องอื่นได้ด้วยฟังก์ชัน Reverse Charging พร้อมปรับโฉมดีไซน์ด้านหลังใหม่หมดจดที่มีความสวยงามกว่าเดิม ด้วยความเงางามแบบกระจก สะท้อนเล่นกับแสงในมุมตกกระทบต่างๆ โดยได้แรงบันดาลใจมาจากธรรมชาติ และติดตั้งกล้องหลัง 3 ตัว (Triple Camera) ดีไซน์ใหม่เทียบชั้นรุ่นใหญ่ สำหรับหน้าจอเป็นแบบไร้ขอบทรงหยดน้ำในชื่อ Halo FullView Display ขนาด 6.51 นิ้ว คมชัดระดับ HD+ ในอัตราส่วนแบบ 20:9 โดยมีเซนเซอร์สแกนลายนิ้วมืออยู่ที่ด้านข้างตัวเครื่อง (Side-Mounted Fingerprint)
คุณสมบัติภายในครบครันด้วยชิปเซ็ตรุ่นใหม่ของปีอย่าง Qualcomm Snapdragon 460 แบบ 8-แกน จับคู่กับหน่วยความจำแรม (RAM) ขนาด 4GB พร้อมหน่วยความจำภายใน (ROM) ขนาด 64GB ที่สามารถเพิ่มการ์ด microSD ได้อีกสูงสุด 256GB บนระบบปฏิบัติการ Android 10 ที่ครอบทับด้วย Funtouch OS 10.5 เวอร์ชันใหม่
จากข้อมูลในข้างต้นก็กล่าวได้ว่า Vivo Y20 มีจุดเด่นที่น่าสนใจอยู่หลายด้านเลยทีเดียว ไม่ว่าจะเป็นการดีไซน์ตัวเครื่องที่ดูเรียบหรูพรีเมียม พร้อมกล้อง 4 ตัวในเครื่องเดียว ที่มีฟังก์ชันครบครัน รวมไปถึงฟีเจอร์ที่พร้อมตอบโจทย์การใช้งานในปัจจุบัน กับราคาวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการในประเทศไทยเบาๆ เพียงแค่ 5,299 บาท ส่วนการใช้งานจริงจะเป็นอย่างไร ดีไซน์ตัวเครื่องจะสวยงามขนาดไหน และฟีเจอร์ที่มีอยู่จะตอบโจทย์การใช้งานได้ดีเพียงใด ขอเชิญทุกท่านรับชมรีวิว Vivo Y20 ไปพร้อมกันได้เลยค่ะ
รูปลักษณ์ภายนอกตัวเครื่อง และการออกแบบดีไซน์
Vivo Y20 มาในแพ็กเกจสีน้ำเงินตัดขาว พร้อมระบุชื่อรุ่น และความจุไว้อย่างชัดเจน
ภายในกล่องมีอุปกรณ์พื้นฐานมาให้อย่างครบครัน ไม่ว่าจะเป็น อะแดปเตอร์ 10W (5V/2A), สายเชื่อมต่อแบบ microUSB, เคสใส, เข็มสำหรับถอดถาดซิมการ์ด และคู่มือการใช้งาน
ภาพตัวอย่างการสวมใส่เคสใสที่แถมมาให้ภายใน แพ็กเกจ
Vivo Y20 มาพร้อมหน้าจอแสดงผล IPS LCD Halo FullView Display ขนาด 6.51 นิ้ว ในอัตราส่วน 20:9 ความละเอียดระดับ HD+ (720x1600 พิกเซล : 269 ppi) และครอบทับด้วยกระจกขอบโค้งแบบ 2.5D บนตัวเครื่องมีขนาด 164.41×76.32×8.41 มิลลิเมตร และมีน้ำหนัก 192.3 กรัม
ที่ด้านบนมีรอยบากทรงหยดน้ำติดตั้งกล้องหน้า สำหรับเซลฟี่ ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล ที่มีรูรับแสง F/1.8 รองรับเทคโนโลยี AI Face Beauty สำหรับปรับแต่งใบหน้าของตัวแบบให้มีความสวยงามเป็นธรรมชาติ ผ่านการวิเคราะห์โดยปัญญาประดิษฐ์
พร้อมลำโพงสำหรับสนทนา และเซ็นเซอร์ Proximity สำหรับปิดหน้าจอแบบอัตโนมัติขณะสนทนา เพื่อประหยัดพลังงาน กับเซ็นเซอร์ Ambient Light สำหรับตรวจวัดระดับความสว่างของสภาพแวดล้อม เพื่อปรับความสว่างของหน้าจอ และแผงปุ่มกดให้เหมาะสม
รองรับระบบสแกนใบหน้าแบบ Face Access ในการปลดล็อกตัวเครื่อง
ด้านหน้าส่วนล่างประกอบด้วย ปุ่มกดแบบ On-Screen ประกอบด้วย ปุ่ม Recent App, ปุ่มโฮม และปุ่มย้อนกลับ
หรือเลือกใช้งานวิธีควบคุมแบบ Gestures ซึ่งเป็นการลาก และปัดบริเวณขอบหน้าจอเพื่อสั่งการได้ด้วย
ที่ด้านบนของตัวเครื่องไม่มีปุ่มสั่งการ หรือช่องใดๆ
ที่ด้านล่างประกอบด้วย ลำโพงเสียงตัวหลัก, พอร์ตเชื่อมต่อแบบ microUSB, ไมโครโฟนสำหรับสนทนา และช่องสำหรับเชื่อมต่อหู ฟังขนาด 3.5 มิลลิเมตร
ด้านซ้ายของตัวเครื่องมีถาดใส่ซิมการ์ด nanoSIM แบบ Triple-Slot ซึ่งรองรับการใช้งาน 2 ซิมการ์ด และการ์ดหน่วยความจำภายนอกแบบ microSD ที่ความจุสูงสุด 256GB ได้ในเวลาเดียวกัน
ด้านขวาของตัวเครื่องมีเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือ พร้อมเป็นปุ่มเปิด-ปิดเครื่อง หรือล็อกหน้าจอในตัว และปุ่มปรับระดับเสียง
ด้านหลังของ Vivo Y20 ดีไซน์ลงโค้ง 2.5D รับกับฝ่ามือขณะถือใช้งาน พร้อมเงางามเล่นกับแสงในมุมตกกระทบต่างๆ ซึ่งได้แรงบันดาลใจมาจากธรรมชาติ และสีที่ทางทีมงานนำมาพรีวิวให้ได้ชมกันนั้นเป็นสีขาว (Dawn White)
กล้องหลังของ Vivo Y20 มีทั้งหมด 3 ตัว (AI Triple Camera) ในดีไซน์ใหม่ภายในกรอบสี่เหลี่ยมผืนผ้าสีดำ โดยประกอบด้วย
- กล้องตัวหลัก (Main) ความละเอียด 13 ล้านพิกเซล (F/2.2) พร้อมระบบโฟกัสภาพอัตโนมัติแบบ PDAF
- กล้องตัวที่สองแบบ Bokeh ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล (F/2.4)
สำหรับทำภาพหน้าชัดหลังเบลอ
- กล้องตัวที่สามแบบ Super Macro ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล (F/2.4)
สามารถถ่ายภาพระยะใกล้สุดที่ 4 เซนติเมตร
เปิดเครื่องใช้งาน พร้อมการทดสอบฟังก์ชัน และแอปพลิเคชันต่างๆ
Vivo Y20 Vivo Y20 ทำงานอยู่บนระบบปฏิบัติการ Android 10 ครอบทับด้วย Funtouch OS 10.5 เวอร์ชันใหม่ และสามารถใช้งานได้พร้อมกัน 2 ซิมการ์ด พร้อมรองรับการใช้งานบนเครือข่าย 4G LTE ทั้ง 2 ซิมการ์ด (Dual 4G)
มาพร้อมหน่วยความจำแรม (RAM) ขนาด 4GB และหน่วยความจำภายใน (ROM) ขนาด 64GB ที่สามารถเพิ่ม microSD Card ได้อีก 256GB
เมื่อกดปุ่ม Recent Apps จะพบกับหน้าแอปพลิเคชันทั้งหมดที่เปิดใช้งานเอาไว้ ซึ่งผู้ใช้สามารถเลือกปิดแอปพลิเคชันที่เปิดค้างเอาไว้ได้ เพียงแค่เลื่อนหน้าต่างแอปนั้นๆ ไปยังด้านบน หรือปิดแอปพลิเคชันทั้งหมดภายในครั้งเดียวได้อย่างง่ายดาย ด้วยการกดปุ่มไอคอน X ที่ด้านล่าง
เมื่อกดค้างที่หน้าจอจะเป็นการเข้าสู่เมนูการ ปรับแต่งหน้าจอ โดยผู้ใช้สามารถปรับตำแหน่งของไอคอน พร้อมเลือกใช้งาน Widget และเอฟเฟ็กต์ในการเลื่อนหน้าจอที่ต้องการได้
เมื่อลากจากขอบด้านบนของหน้าจอลงมาจะพบกับ Notification Center ซึ่งเป็นหน้ารวมสำหรับการแสดงแจ้งเตือนต่างๆ และเมื่อปัดลงอีกหนึ่งครั้งจะเป็นการขยายหน้าจอ Toggle Switch ปุ่มลัดสำหรับการเปิด-ปิดฟังก์ชัน ต่างๆ มากมาย เช่น การใช้งานอินเทอร์เน็ต, Bluetooth หรือการเปิด-ปิด Dark Mode
นอกจากนี้ผู้ใช้ยังสามารถปรับแต่งตำแหน่งของ คีย์ลัดเองได้ด้วย
รวมถึง Jovi Smart Scene ที่จะแสดงภาพรวมการใช้งานตัวเครื่อง, Event, การแจ้งเตือนให้ดื่มน้ำ และการนับก้าว พร้อมสรุปพลังงานที่เผาผลาญในเบื้องต้น
เมื่อปัดไปทางด้านขวาจากหน้าโฮมสกรีน จะพบกับ Google Discover หน้าที่รวบรวมข่าวสารที่ได้รับความนิยมในโลกออนไลน์ โดยอ้างอิงจากการค้นหาของผู้ใช้
มีแอปพลิเคชัน i Manager เครื่องมือสำหรับจัดการประสิทธิภาพภายในตัวเครื่อง ทั้งการล้างพื้นที่ (การเคลียร์แรม), ตั้งค่าการใช้งานอินเทอร์เน็ตของแต่ละแอปพลิเคชัน หรือการจำกัดความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้
Vivo Y20 สามารถปรับตั้งค่าการแสดงผลของหน้าจอได้อย่างหลากหลาย ได้แก่ การปรับความสว่างแบบอัตโนมัติ, โหมด Eye Protection และการปรับอุณหภูมิสีของหน้าจอที่เลือกระดับได้ตามที่ต้องการ
และ Dark Mode ในการเปลี่ยนพื้นหลังให้กลายเป็นสีดำ
ตัวอย่างการใช้งาน Dark Mode
พร้อมปรับรูปแบบ Font และขนาดของตัวอักษรได้
สามารถปรับอุณห๓มิสีของหน้าจอได้ และด้วยดีไซน์ที่เป็นแบบ Halo FullView Display ในอัตราส่วน 20:9 จึงสามารถปรับให้บางแอปพลิเคชันสามารถแสดงผลในสัดส่วนแบบเต็มหน้าจอได้ด้วย
และเลือกการแสดงผลของรอยบากที่ด้านบนในแต่ละแอ ปพลิเคชันได้
สามารถตั้งค่าต่างๆ ในเมนู Home Screen ได้
สามารถเลือกการแสดงผลของ Home Screen Layouts ได้ 2 แบบ ตามความถนัดของผู้ใช้ ได้แก่ Standard และ Drawer (ค่าเริ่มต้น)
ในเมนู Home Screen สามารถตั้งค่าจำนวนการแสดงผลของไอคอนบนหน้าจอได้ 3 รูปแบบ ได้แก่ 4x5, 4x6 และ 5x6 (ค่าเริ่มต้น)
สามารถปรับรูปแบบ และขนาดของไอคอนได้
สามารถเปิด-ปิด ฟังก์ชัน Lockscreen Magazine ในการเปลี่ยนภาพล็อกหน้าจอทุกครั้งที่เปิดการทำงาน และรูปแบบของหน้า Lockscreen
สามารถเปลี่ยนธีม และภาพพื้นหลังได้
และยังสามารถเปลี่ยนภาพพื้นหลัง, ธีม รวมถึง Font ตัวอักษรรูปแบบต่างๆ ได้ผ่านแอปพลิเคชัน Theme
รวมถึงรองรับการใช้งานแบบ Simple Mode ที่ออกแบบมาเพื่อผู้สูงอายุโดยเฉพาะ
ผู้ใช้สามารถสลับตำแหน่งของปุ่ม Navigation Buttons ให้เหมาะกับการใช้งานของผู้ใช้แต่ละคนได้
หรือเลือกใช้งานวิธีควบคุมแบบ Navigation Gestures ซึ่งเป็นการลาก และปัดบริเวณขอบหน้าจอเพื่อสั่งการได้
พร้อมกับเลือก Navigation Gestures Style ได้ หรือเลือกไม่แสดงปุ่มใดๆ
สำหรับระบบรักษาความปลอดภัยของ Vivo Y20 เป็นเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือที่อยู่ด้านข้างตัวเครื่อง (Side-Mounted Fingerprint) โดยสามารถตั้งค่าการใช้งานเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือสำหรับปลุกการทำงานของเครื่อง หรือปลดล็อกหน้าจอได้ พร้อมทั้งสามารถเพิ่มลายนิ้วมือได้มากกว่า 1 ลายนิ้วมือ ซึ่งทาง Vivo ระบุว่าใช้เวลาในการปลดล็อกเพียง 0.22 วินาที และจากการทดสอบตัวเซ็นเซอร์ก็สามารถปลดล็อกหน้าจอได้รวดเร็วทันใจ
โดยสามารถเลือกรูปแบบ Animation เมื่อมีการเข้าสู่หน้าโฮมจากการปลดล็อกหน้าจอได้ 4 รูปแบบ ที่เมนู Dynamic effects
และระบบการปลดล็อกด้วยใบหน้า (Face Access) ที่สามารถปลดล็อกได้อย่างรวดเร็ว โดยสามารถลงทะเบียนได้เพียง 1 ใบหน้าเท่านั้น
โดยสามารถเลือกรูปแบบ Animation ขณะปลดล็อกได้เช่นกัน โดยมีให้เลือกทั้งหมด 5 รูปแบบ
Vivo Y20 มาพร้อมแบตเตอรี่ความจุ 5000 mAh ที่รองรับฟังก์ชัน Reverse Charging สำหรับแปลงร่างเป็น Power Bank ให้สมาร์ทโฟนเครื่องอื่นผ่านสาย OTG โดยมาพร้อมระบบจัดการพลังงานภายในเครื่อง และโหมดประหยัดพลังงานแบบ Low Power Mode ที่เมื่อเปิดใช้งานสัญลีกษณ์แบตเตอรี่จะเปลี่ยนเป็นสีเหลือง
รวมถึงโหมดประหยัดพลังงานขั้นสุดอย่าง Super Saver ที่ช่วยยืดระยะเวลาในการใช้งานให้นานมากขึ้น แต่แลกกับการใช้งานได้เพียงฟังก์ชันพื้นฐานเท่านั้น
และสามารถตรวจสอบเวลาที่ใช้ไปในแต่ละแอปพลิเค ชัน รวมถึงกำหนดระยะเวลาในการใช้งานในแต่ละแอปพลิเคชันได้
รวมถึงรองรับฟังก์ชัน Focus Mode สำหรับช่วยตัดผู้ใช้ออกจากโลกภายนอก โดยระบบจะปิดแอปพลิเคชันที่ตั้งค่าไว้แบบชั่วคราว พร้อมเปิดเพลงสบายๆ โดยผู้ใช้สามารถเลือก Theme ของเพลงได้ และเปิดโหมดห้ามรบกวน (Do Not Disturb) เพื่อปิดการแจ้งเตือนต่างๆ ตอบโจทย์เวลาที่ผู้ใช้ต้องการสมาธิ หรือเข้านอนนั่นเอง
Vivo Y20 สามารถบันทึกภาพสกรีนช็อตได้อย่างรวดเร็วเพียงลาก 3 นิ้ว จากบริเวณด้านบนหน้าจอลงไปยังด้านล่าง หรือกดปุ่ม Power พร้อมกับปุ่มลดเสียง
และยังสามารถบันทึกภาพสกรีนช็อตแบบยาวได้ด้วย
พร้อมฟังก์ชัน Smart Split สำหรับแบ่งหน้าจอการใช้งานพร้อมกัน 2 แอปพลิเคชัน โดยเน้นไปที่แอปพลิเคชันเกี่ยวกับ Message โดยสามารถตอบแชทได้โดยไม่ต้องออกจากหน้าแอปพลิเคชันที่ใช้งานอยู่
และมีฟังก์ชัน Screen-Split ที่สามารถแบ่งหน้าจอเพื่อใช้งานสองแอปพลิเคชันได้พร้อมๆ กัน โดยสามารถเปิดใช้งานได้ทั้งหมด 3 รูปแบบ
ตัวอย่างการใช้งานฟังก์ชัน Screen-Split ที่รองรับทั้งในแนวตั้ง และแนวนอน
รวมถึงฟังก์ชันการใช้งานอัจฉริยะ Smart Motion ประกอบด้วย Auto screen on/off การเปิด-ปิด หน้าจอแบบอัจฉริยะ โดยสามารถตั้งค่าให้หน้าจอติดเมื่อยกตัวเครื่องขึ้น หรือสัมผัสหน้าจอ 2 ครั้งติดกันเพื่อเป็นการล็อกหน้าจอ และการล้อกความสว่างหน้าจอขณะถือใช้งาน
Smart Wake การวาดตามรูปแบบต่างๆ เพื่อเปิดใช้งานคีย์ลัด เช่น การวาดตัวอักษร C เพื่อเข้าสู่ฟังก์ชันการโทรศัพท์ หรือการวาดตัวอักษร m เพื่อเข้าสู่แอปพลิเคชัน Music สำหรับฟังเพลง และ Smart Calling การโทรอัจฉริยะ ที่สามารถตั้งค่าให้สามารถโทรออกได้ทันทีเมื่อเปิดหน้ารายชื่อคนที่ต้องการ และยกโทรศัพท์ขึ้นแนบหู หรือรับสายได้ทันทีเมื่อยกโทรศัพท์แนบหู รวมถึงใช้มือปิดหน้าจอเมื่อมีสายเข้าเพื่อเป็นการปิดเสียงแจ้งเตือน
Smart Click ในการตั้งค่าคีย์ลัดเข้าสู่เมนูที่ต้องการ เมื่อกดค้างที่ปุ่มลดเสียงขณะปิดหน้าจอ ทั้งการเปิดไฟแฟลช, บันทึกเสียง หรือเปิดใช้งานกล้องถ่ายภาพ
และสามารถเปิดใช้ฟังก์ชัน Easy Touch ปุ่มคีย์ลัดที่สามารถเลื่อนเปลี่ยนตำแหน่งได้
รวมทั้งยังมีโหมดการใช้งานมือเดียว One-handed ซึ่งเป็นการปรับขนาดของแผงตัวเลขโทรศัพท์, แป้นพิมพ์รหัสผ่านให้เล็กลง ซึ่งช่วยให้ใช้งานมือถือด้วยมือเดียวอย่างสะดวกขึ้น
นอกจากนี้ยังรองรับฟังก์ชัน App Clone สำหรับโคลนนิ่งแอปพลิเคชัน ซึ่งในเบื้องต้นนั้นสามารถโคลนนิ่งได้เฉพาะแอปพลิเคชันโซเชียลเน็ตเวิร์ก เช่น Facebook และ Line จึงทำให้ผู้ใช้สามารถล็อกอินแอปพลิเคชันเหล่านี้ได้พร้อมกันถึง 2 แอคเคานท์
รองรับการเล่นเพลง และไฟล์เสียงต่างๆ ผ่านแอปพลิเคชัน Music พร้อมเทคโนโลยี DeepField สำหรับช่วยขับเสียงร้องให้มีความชัดเจน พร้อมปรับเสียงเบสให้มีอิมแพคมากยิ่งขึ้น
สามารถปรับค่า Equalizer และเลือกใช้หูฟังต่างๆ ของ Vivo ได้
รวมถึงตั้งค่าเสียงให้เหมาะกับระดับความสามารถ ในการฟังของแต่ละวัยได้ด้วย
Vivo Y20 ยังมาพร้อมกับฟังก์ชัน Ultra Game Mode ซึ่งเป็นโหมดพิเศษที่ถูกออกแบบมาสำหรับการเล่นเกมโดยเฉพาะ พร้อมรองรับระบบที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการเล่นเกม ป้องกันปัญหาเฟรมเรตตกระหว่างเล่นเกมได้ดีขึ้น และฟังก์ชัน 4D Game Vibration ในการสั่นตามเหตุการณ์ในเกม ซึ่งช่วยเพิ่มอรรถรสให้กับการเล่นเกมอีกด้วย
รวมถึงป้องกันการโดนขัดจังหวะขณะเล่นเกม ยกตัวอย่างเช่น การโชว์เบอร์โทรสายเรียกเข้าในรูปแบบป็อบอัปเท่านั้น ทำให้เกมไม่ถูกสลับไปยังหน้ารับสายสนทนา
สำหรับเซ็นเซอร์ในเครื่อง Vivo Y20 นั้นประกอบด้วย Accelerometer Sensor, Light Sensor, Orientation Sensor, Proximity Sensor, Gyroscope Sensor, Sound Sensor และ Magnetic Sensor
สามารถจับสัญญาณดาวเทียม GPS พร้อมรองรับระบบดาวเทียม GLONASS ของรัสเซีย โดยจากภาพตัวอย่างการทดสอบข้างต้นจะเห็นว่าสามารถจับสัญญาณดาวเทียมได้ทั้งหมด 34 ดวง และมีความแม่นยำในระดับบวกลบ 3 เมตร แต่อย่างไรก็ดีคุณภาพของสัญญาณดาวเทียม GPS ก็ขึ้นอยู่กับพื้นที่ ที่กำลังใช้งานอยู่ หรือสภาพอากาศด้วยนั่นเอง
Vivo Y20 มาพร้อมชิปเซ็ตประมวลผล Qualcomm Snapdragon 460 แบบ 8-แกน (Octa-Core) ที่มีความเร็วในการประมวลผลสูงสุดที่ 1.8 GHz โดยมีหน่วยประมวลผลกราฟิก (GPU) Adreno 610, หน่วยความจำแรม (RAM) ขนาด 4GB, หน่วยความจำภายใน (ROM) ขนาด 64GB ที่สามารถเพิ่ม microSD ได้อีก 256GB และทำงานอยู่บนระบบปฏิบัติการ Android 10 ที่ครอบทับด้วย Funtouch OS 10.5 เวอร์ชันใหม่
และ Vivo Y20 รองรับเทคโนโลยี Multi-Turbo 3.0 สำหรับเร่งการประมวลผลด้านต่างๆ ของตัวเครื่อง ไม่ว่าจะเป็น CPU, กราฟิก และการเล่นเกม, การเชื่อมต่อเครือข่าย และการจัดการความร้อน
Vivo Y20 มีผลทดสอบจากแอปพลิเคชัน AnTuTu Benchmark ที่ 149,690 คะแนน และผลทดสอบจาก Geekbench 5 ในด้านการประมวลผลแบบแกนเดี่ยว (Single-Core) ที่ 255 คะแนน และในด้านการประมวลผลหลายแกน (Multi-Core) ที่ 1,137 คะแนน
สำหรับผลทดสอบการประมวลผลด้านกราฟิกจากแอปพลิเค ชัน 3DMark แบบ OpenGL ES 3.1 อยู่ที่ 852 คะแนน และแบบ Vulkan ได้ 806 คะแนน
Vivo Y20 รองรับการสัมผัสได้พร้อมกันสูงสุด 10 จุด
จากการทดสอบด้วยการเล่นเกมที่มีกราฟิกแบบสาม มิติอย่าง Marvel Future Fight, Dragon Raja และ V4 ก็พบว่า Vivo Y20 นั้นสามารถตอบสนองต่อการใช้งานได้ในระดับดี เมื่อเปิดกราฟิกระดับกลาง หรือต่ำสุด แต่หากเปิดกราฟิกระดับสูงสุดก็จะมีอาการกระตุก และหน่วงเป็นระยะ รวมถึงการสะสมความร้อนให้เห็นบ้าง แต่ก็เพียงแค่อุ่นมือเท่านั้น
Vivo Y20 มาพร้อมกับหน้าจอแสดงผลแบบ IPS LCD Halo FullView Display ขนาด 6.51 นิ้ว ในอัตราส่วน 20:9 ความละเอียดระดับ HD+ (720x1600 พิกเซล : 269 ppi) จึงสามารถเปิดเล่นไฟล์วิดีโอความละเอียดระดับ HD 7200p ได้ และให้มุมมองที่กว้างเต็มตาเป็นพิเศษ
การใช้งานกล้องสำหรับถ่ายภาพ และภาพวิดีโอ
Vivo Y20 มาพร้อมระบบกล้องหลัง 3 ตัว (AI Triple Camera) แบ่งออกเป็น
- กล้องตัวหลัก (Main) ความละเอียด 13 ล้านพิกเซล (F/2.2) พร้อมระบบโฟกัสภาพอัตโนมัติแบบ PDAF
- กล้องตัวที่สองแบบ Bokeh ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล (F/2.4)
สำหรับทำภาพหน้าชัดหลังเบลอ
- กล้องตัวที่สามแบบ Super Macro ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล (F/2.4)
สามารถถ่ายภาพระยะใกล้สุดที่ 4 เซนติเมตร
โดย Interface ของแอปพลิเคชันกล้องมีการดีไซน์เรียบหรู สบายตา และมีเมนูให้ได้เลือกใช้อย่างชัดเจน ได้แก่ เปิด-ปิด ไฟแฟลช พร้อมโหมด HDR
สามารถเลือก Filter และ Portrait Light Effect ทั้งหมด 5 รูปแบบ
รวมถึงสัดส่วนภาพถ่าย และตั้งค่าเพิ่มเติม โดยสามารถกดที่เมนู More เพื่อเลือกโหมดถ่ายภาพอื่นๆ
และในโหมดการถ่ายภาพปกติ มีฟังก์ชัน AI Scene Recognition ที่เป็นการนำเอาระบบปัญญาประดิษฐ์ (AI) เข้ามาช่วยวิเคราะห์สภาพแวดล้อม และวัตถุที่อยู่ตรงหน้า เพื่อปรับแต่งการตั้งค่าของกล้องให้เหมาะสมแบบอัตโนมัติ
Vivo Y20 รองรับการถ่ายภาพแบบ Super Macro ระยะใกล้สุดที่ 4 เซนติเมตร
พร้อมโหมด Bokeh ที่สามารถปรับค่าความเบลอได้ระหว่าง F0.95 - F16
และสามารถปรับเลือกจุดโฟกัสใหม่ รวมถึงค่าความเบลอในภายหลังได้ด้วย
พร้อมโหมด Beauty ที่สามารถเลือกปรับโครงสร้างบนใบหน้าได้อย่างอิสระ
รองรับการถ่ายภาพมุมกว้างในโหมด PANO และโหมด Live Photo
รวมถึงโหมด Pro ที่มาพร้อมกับรายละเอียดการตั้งค่าต่างๆ ครบครัน และครอบคลุมสำหรับช่างภาพแทบทั้งหมด
การถ่ายวิดีโอบน Vivo Y20 สามารถบันทึกความละเอียดสูงสุดที่ระดับ Full HD 1080p พร้อมโหมด Beauty ที่สามารถเลือกปรับโครงสร้างบนใบหน้าได้อย่างอิสระ (เฉพาะความคมชัดระดับ HD 720p)
และรองรับฟังก์ชัน SLO-MO รวมถึง Time-Lapse
ทางด้านกล้องดิจิทัลด้านหน้าความละเอียด 8 ล้านพิกเซล มีรูรับแสง F/1.8
โดยมีหน้าตา Interface ที่สามารถใช้งานได้ง่ายเช่นเดียวกัน พร้อมทั้งแสดงไอคอนเอาไว้ให้ใช้งานได้ทันที และสามารถปรับค่าต่างๆ ได้ที่เมนูตั้งค่า
เพิ่ม Filter ได้
รวมถึงเลือก Portrait Light Effect ได้ทั้งหมด 6 รูปแบบ
พร้อมโหมด Bokeh ละลายฉากหลัง
และโหมด Beauty ที่สามารถเลือกปรับโครงสร้างบนใบหน้าได้อย่างอิสระ
ฟังก์ชันสำหรับถ่ายเซลฟี่ในมุมกว้างแบบ PANO ก็มีให้ใช้งานบน Vivo Y20 ด้วยเช่นกัน
การถ่ายวิดีโอด้วยกล้องหน้าของ Vivo Y20 สามารถบันทึกความละเอียดสูงสุดที่ระดับ Full HD 1080p
พร้อมโหมด Beauty ที่สามารถเลือกปรับโครงสร้างบนใบหน้าได้อย่างอิสระ (เฉพาะความคมชัดระดับ HD 720p)
ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องหลัง 3 ตัว (AI Triple Camera) ความละเอียดระดับ 13+2+2 ล้านพิกเซล ของ Vivo Y20
ภาพถ่ายจากโหมดปกติ
ภาพถ่ายจากโหมด Portrait Bokeh ที่ F2.0
ภาพถ่ายจากโหมด Portrait Bokeh ที่ F8.0
ภาพถ่ายจากโหมด Portrait Bokeh ที่ F2.0
ภาพถ่ายจากโหมด Portrait Bokeh ที่ F4.0
ภาพถ่ายจากโหมดปกติ
ภาพถ่ายจากโหมด Portrait พร้อม Portrait Lighting Effect แบบ Studio Light
ภาพถ่ายจากโหมด Portrait พร้อม Portrait Lighting Effect แบบ Stereo Light
ภาพถ่ายจากโหมด Portrait พร้อม Portrait Lighting Effect แบบ Loop Light
ภาพถ่ายจากโหมด Portrait พร้อม Portrait Lighting Effect แบบ Rainbow Light
ภาพถ่ายจากโหมด Portrait พร้อม Portrait Lighting Effect แบบ Monochrome Background
ภาพถ่ายจากโหมด Super Macro
ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องหน้า ความละเอียด 8 ล้านพิกเซลของ Vivo Y20
ภาพถ่ายเซลฟี่ในโหมดปกติ
ภาพถ่ายเซลฟี่ในโหมด Beauty
ภาพถ่ายเซลฟี่ในโหมด Portrait Bokeh
ภาพถ่ายเซลฟี่จากโหมดปกติ
ภาพถ่ายเซลฟี่จากโหมด Portrait พร้อม Portrait Lighting Effect แบบ Natural Light
ภาพถ่ายเซลฟี่จากโหมด Portrait พร้อม Portrait Lighting Effect แบบ Studio Light
ภาพถ่ายเซลฟี่จากโหมด Portrait พร้อม Portrait Lighting Effect แบบ Stereo Light
ภาพถ่ายเซลฟี่จากโหมด Portrait พร้อม Portrait Lighting Effect แบบ Loop Light
ภาพถ่ายเซลฟี่จากโหมด Portrait พร้อม Portrait Lighting Effect แบบ Rainbow Light
ภาพถ่ายเซลฟี่จากโหมด Portrait พร้อม Portrait Lighting Effect แบบ Monochrome Background
สรุปผลการทดสอบของ Vivo Y20
จากการทดสอบทั้งหมดในข้างต้นก็พอจะสรุปได้ว่า Vivo Y20 เป็นอีกหนึ่งสมาร์ทโฟนรุ่นเล็กที่น่าสนใจ ด้วยแบตเตอรี่ที่มากถึง 5000 mAh พร้อมนำเทคโนโลยี AI มาช่วยการจัดการพลังงาน จึงสามารถใช้งานได้ยาวนานตลอดวัน และรองรับฟังก์ชัน Reverse Charging สำหรับชาร์จให้สมาร์ทโฟนเครื่องอื่นผ่านสาย OTG (สาย OTG ต้องซื้อแยก) แต่ก็น่าเสียดายที่ไม่รองรับเทคโนโลยีชาร์จเร็ว
Vivo Y20 ยังมาพร้อมการดีไซน์ที่พรีเมียมเกินราคา ด้วยฝาหลังขอบโค้งแบบ 2.5D กระชับกับฝ่ามือขณะถือใช้งาน พร้อมความเงางาม และลวดลายสวยงามเมื่อแสงตกกระทบ ซึ่งได้แรงบันดาลใจมาจากธรรมชาติ อีกทั้งยังติดตั้งกล้องหลังทั้งหมด 3 ตัว (AI Triple Camera) ที่รองรับฟังก์ชันการถ่ายภาพที่น่าสนใจหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็น Portrait Bokeh พร้อม Light Effect ที่เพิ่มอารมณ์ต่างๆ ให้กับภาพ และสามารถปรับค่าความเบลอของถาพได้ทั้งก่อน และหลังถ่ายภาพ, โหมด Super Macro สำหรับถ่ายภาพระยะใกล้สุดที่ 4 เซนติเมตร และเทคโนโลยี AI Scene Recognition ในการตรวจจับซีนต่างๆ พร้อมปรับภาพให้สวยแบบอัตโนมัติ
สำหรับหน้าจอเป็นแบบไร้ขอบทรงหยดน้ำในชื่อ Halo FullView Display ขนาด 6.51 นิ้ว ความละเอียดระดับ HD+ (720x1600 พิกเซล : 269 ppi) ในอัตราส่วนแบบ 20:9 ครอบทับด้วยกระจกขอบโค้งแบบ 2.5D โดยรองรับการชมคอนเทนต์คมชัดระดับ HD 720p ในมุมมองที่กว้างเต็มตาเป็นพิเศษ โดยมีเซนเซอร์สแกนลายนิ้วมืออยู่ที่ด้านข้างตัวเครื่อง (Side-Mounted Fingerprint) ที่ใช้เวลาในการปลดล็อกเพียง 0.22 วินาที
ด้านการประมวลผลเลือกใช้ชิปเซ็ต Qualcomm Snapdragon 460 แบบ 8-แกน (Octa-Core) ที่มีความเร็ว 1.8GHz พร้อมหน่วยประมวลผลกราฟิก Adreno 610 และรองรับ เทคโนโลยี Multi Turbo 3.0 ที่ช่วยเร่งประสิทธิภาพการทำงานด้านต่างๆ ให้ดียิ่งขึ้น โดยจับคู่กับ RAM ขนาด 4GB พร้อม ROM ขนาด 64GB ที่เพิ่ม microSD Card ได้อีก 256GB ซึ่งสามารถเก็บไฟล์ข้อมูล, ไฟล์ภาพถ่าย, แอปพลิเคชัน หรือเกมได้อย่างเต็มที่ รวมถึงหมดปัญหาการเลือกใช้งานในช่องซิมการ์ดที่ 2 เนื่องจาก Vivo Y20 มาพร้อมกับถาดใส่ซิมการ์ด nanoSIM แบบ Triple-Slot ที่ สามารถใช้งาน 2 ซิมการ์ด + 1 microSD Card ได้ในเวลาเดียวกัน โดยทำงานอยู่บนระบบปฏิบัติการ Android 10 ที่ครอบทับด้วย Funtouch OS 10.5 เวอร์ชันใหม่ กับ User Interface ดีไซน์เรียบหรูสบายตา โดยผู้ใช้สามารถปรับเปลี่ยนรูปแบบของไอคอนแอปพลิเคชันได้ตามที่ต้องการ และมีฟีเจอร์ที่น่าสนใจอย่าง Dark Mode ในการปรับการแสดงผลพื้นหลังหน้าจอให้เป็นสีดำ และฟังก์ชัน Focus Mode สำหรับช่วยตัดผู้ใช้ออกจากโลกภายนอก โดยระบบจะปิดแอปพลิเคชันที่ตั้งค่าไว้แบบชั่วคราว พร้อมเปิดเพลงสบายๆ โดยผู้ใช้สามารถเลือก Theme ของเพลงได้ และเปิดโหมดห้ามรบกวน (Do Not Disturb) เพื่อปิดการแจ้งเตือนต่างๆ ตอบโจทย์เวลาที่ผู้ใช้ต้องการสมาธิ หรือเข้านอนนั่นเอง
นอกจากนี้ Vivo Y20 ยังตอบโจทย์การใช้งานด้านความบันเทิงโดยเฉพาะการเล่นเกมได้เป็นอย่างดี ด้วยฟีเจอร์เอาใจเกมเมอร์อย่าง Ultra Game Mode โหมดพิเศษที่ถูกออกแบบมาสำหรับการเล่นเกมโดยเฉพาะ ยกตัวอย่างเช่น การโชว์เบอร์โทรสายเรียกเข้าในรูปแบบป็อบอัปเท่านั้น ทำให้เกมไม่ถูกสลับไปยังหน้ารับสายสนทนา และการย่อขนาดคีย์บอร์ดภายในเกมให้มีขนาดเล็กลง เพื่อป้องกันปัญหาคีย์บอร์ดบดบังการแสดงผล นอกจากนี้ยังมาพร้อมกับระบบที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการเล่นเกม และป้องกันปัญหาเฟรมเรตตกระหว่างเล่นเกมได้ดีขึ้นอีกด้วย นอกจากนี้ยังรองรับฟีเจอร์ 4D Game Vibration ในการสั่น ตามเหตุการณ์ในเกม ซึ่งช่วยเพิ่มอรรถรสให้กับการเล่นเกมนั่นเอง
รวมถึงรองรับฟีเจอร์ที่ช่วยอำนวยความสะดวกในด้าน อื่นๆ อย่างครบครัน ไม่ว่าจะเป็น รองรับการเชื่อมต่อบนเครือข่าย 4G LTE ได้ทั้ง 2 ซิมการ์ด แบบ Dual 4G, ฟีเจอร์ App Clone สำหรับใช้งานแอปพลิเคชันประเภทโซเชียลมีเดียได้พร้อมกัน 2 แอคเคานท์ อย่างเช่น เช่น Facebook หรือ Line ที่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถล็อกอินแอปพลิเคชันเหล่านี้ได้พร้อมกันถึง 2 แอคเคานท์ในเวลาเดียวกัน, รวมถึงฟังก์ชัน Screen-Split ในการใช้งานพร้อมกัน 2 แอปพลิเคชันได้พร้อมกัน และยังสามารถบันทึกภาพสกรีนช็อตแบบยาวได้
จากการทดสอบทั้งหมดพอจะสรุปได้ว่า Vivo Y20 เหมาะสำหรับผู้ที่กำลังมองหาสมาร์ทโฟนในงบประมาณราว 5 พันบาท ที่สามารถใช้งานได้ยาวนานตลอดวัน บนการดีไซน์สวยพรีเมียมเกินราคา มีกล้องถ่ายภาพที่ดี และมีฟีเจอร์ต่างๆ ที่ตอบโจทย์คนรุ่นใหม่
สำหรับ Vivo Y20 เปิดราคาวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการในประเทศไทยที่ 5,299 บาท กับตัวเลือก 2 สี 2 สไตล์อย่าง Nebula Blue และ Dawn White โดยพร้อมวางจำหน่ายแล้ววันนี้ที่ร้าน Vivo Brand Shop และร้านตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศ รวมถึงช่องทางออนไลน์ที่ Lazada และ JD Central
สุดท้ายนี้ ต้องขอขอบคุณทาง Vivo ประเทศไทย ที่ให้ความไว้วางใจส่งเครื่อง Vivo Y20 มาให้ทางทีมงานได้ทำการรีวิวให้ท่านผู้อ่านได้รับชมกัน สำหรับวันนี้ต้องขอลาไปก่อน พบกันได้ใหม่ในโอกาสหน้า สวัสดีค่ะ
จุดเด่นของ Vivo Y20
- ตัวเครื่องโค้งแบบ 2.5D โค้งมนกระชับฝ่ามือ พร้อมเงางามคล้ายกระจกแบบ Mirror
Finish เล่นกับแสงในมุมตกกระทบต่างๆ โดยได้แรงบันดาลใจมาจากธรรมชาติ
- หน้าจอแสดงผล Halo FullView Display (IPS : In-Cell) ขนาด 6.51 นิ้ว ในอัตราส่วนแบบ
20:9 ความละเอียดระดับ HD+ (1600x720 พิกเซล) พร้อมโหมดปกป้องสายตา และ Dynamic Effects
- ชิปเซ็ตประมวลผล Octa-Core Qualcomm Snapdragon 460 ความเร็ว 1.8 GHz
- หน่วยประมวลผลกราฟิก (GPU) แบบ Adreno 610
- หน่วยความจำแรม (RAM) ขนาด 4GB
- หน่วยความจำภายใน (ROM) ขนาด 64GB
- รองรับการ์ดหน่วยความจำเสริมภายนอกแบบ microSD Card (TransFlash) ความจุ
256GB
- ทำงานอยู่บนระบบปฏิบัติการ Android 10 พร้อมครอบทับด้วย Funtouch OS 10.5
- ฟังก์ชัน Multi-Turbo 3.0 (Center Turbo และ AI Turbo)
- ฟังก์ชัน Ultra Game Mode 8.0, 4D Game Vibration 2.0 และ Game Countdown
กล้องดิจิทัลด้านหลังทั้งหมด 3 ตัว (AI Triple Camera)
ประกอบด้วย
- กล้องตัวหลัก (Main) ความละเอียด 13 ล้านพิกเซล (F/2.2) พร้อมระบบโฟกัสภาพอัตโนมัติแบบ PDAF
- กล้องตัวที่สองแบบ Bokeh ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล (F/2.4)
สำหรับทำภาพหน้าชัดหลังเบลอ
- กล้องตัวที่สามแบบ Super Macro ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล (F/2.4)
สามารถถ่ายภาพระยะใกล้สุดที่ 4 เซนติเมตร
พร้อมรองรับการโฟกัสภาพแบบ PDAF, ฟีเจอร์ HDR, ฟังก์ชัน AI Scene Recognition
ในการตรวจจับซีนต่างๆ พร้อมปรับภาพให้สวยแบบอัตโนมัติ, โหมด Portrait Bokeh
พร้อม Portrait Light Effect และฟังก์ชัน Portrait Framing
ในการแนะนำมุมถ่ายภาพ รวมถึง AI Face Beauty
ปรับแต่งโครงสร้างใบหน้าได้อย่างอิสระ
กล้องดิจิทัลด้านหน้าความละเอียด 8 ล้านพิกเซล
พร้อมขนาดรูรับแสงกว้างสูงสุดที่ f/1.8 โดยรองรับเทคโนโลยี AI Face Beauty สำหรับปรับแต่งใบหน้าของตัวแบบให้มีความสวยงามเป็นธรรมชาติ ผ่านการวิเคราะห์โดยปัญญาประดิษฐ์ พร้อม Portrait Light Effect และ Bokeh
- เซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือที่ด้านข้างตัวเครื่อง (Side-Mounted Fingerprint) ที่สามารถสแกนได้ภายในเวลา 0.22 วินาที
- ระบบปลดล็อกด้วยใบหน้า (Face Wake)
- ระบบ Jovi Smart Scene
- ฟังก์ชัน App Clone สำหรับใช้งานแอปพลิเคชันประเภทโซเชียลมีเดียได้พร้อมกัน
2 แอคเคานท์
- ฟังก์ชัน Split Screen สำหรับใช้งานพร้อมกัน 2 หน้าจอ
- ช่องเสียบหูฟังมาตรฐานแบบ 3.5 มิลลิเมตร
- แบตเตอรี่ความจุ 5000 mAh พร้อมระบบประหยัดพลังงานด้วย AI และรองรับการใช้งาน Reverse Charging สำหรับชาร์จแบตเตอรี่ให้กับอุปกรณ์อื่นผ่านสาย OTG (สาย OTG ต้องซื้อแยกต่างหาก)
- ถาดใส่ซิมการ์ดแบบ Triple-Slot รองรับการใส่ซิมการ์ดแบบ nanoSIM จำนวน 2
ซิม และการ์ดหน่วยความจำแบบ microSD ได้พร้อมกัน
- รองรับการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตผ่านทางระบบ 4G LTE, 3G, EDGE, GPRS และ
WiFi (2.4/5 GHz)
- รองรับการเชื่อมต่อข้อมูลแบบไร้สายผ่านทาง Bluetooth 5.0
- ระบบ GPS+A-GPS ในตัว พร้อมรองรับระบบดาวเทียม GLONASS ของประเทศรัสเซีย,
ระบบ Beidou ของประเทศจีน และระบบ GALILEO ของสหภาพยุโรป
- พอร์ตเชื่อมต่อแบบ microUSB (USB 2.0) พร้อมรองรับการใช้งาน OTG (USB On-the-Go)
- วิทยุ FM ในตัว
- ฟังก์ชัน Easy Share และ iManager
- มี 2 สีมาตรฐานให้เลือก (Dawn White และ Nebula Blue)
- ราคา 5,299 บาท พร้อมแถมเคส และฟิล์มกันรอยมาให้ในกล่อง
จุดที่อาจจะต้องพิจารณาเพิ่มเติมของ Vivo
Y20
- ไม่รองรับเทคโนโลยีชาร์จเร็ว
- หน้าจอคมชัดระดับ HD+ ซึ่งอาจไม่มากนักเมื่อเทียบกับขนาดใหญ่ 6.51
นิ้ว
- พอร์ตการเชื่อมต่อยังคงเป็นแบบ microUSB (USB 2.0) ไม่ใช่ USB Type-C ที่เป็นมาตรฐานใหม่
โปรดทราบ
* โทรศัพท์มือถือที่ท่านเห็นในบทความรีวิวนี้เป็นเพียงเครื่องทดสอบจากทางศูนย์ เพราะฉะนั้นคุณสมบัติบางอย่างอาจมีความแตกต่างจากเครื่องที่วางจำหน่ายจริง บ้างไม่มากก็น้อย รวมถึงจุดด้อยบางประการที่พบในเครื่องทดสอบ อาจจะถูกแก้ไขปรับปรุงให้ดีขึ้นในเครื่องที่วางจำหน่ายจริง ดังนั้นหากท่านสนใจซื้อโทรศัพท์มือถือรุ่นนี้ ควรตรวจสอบหรือทดลองใช้งานสินค้าด้วยตนเองอีกครั้งหนึ่ง *
สรุปคุณสมบัติเครื่อง
ท่านสามารถตรวจสอบคุณสมบัติ (สเปก) และราคา ของ Vivo Y20 ได้โดยการคลิกที่ลิงก์ด้านล่างนี้
สรุปคุณสมบัติ (สเปก) และราคา ของ Vivo Y20
วันที่ : 03/09/2020