รีวิว vivo V23e 5G ยอดมือถือเซลฟี่กล้องหน้า 44MP มีโฟกัสดวงตา พร้อมชาร์จไว 44W และสเปกเร็วลื่นสดใหม่ ในราคาเอื้อมถึง
23 พฤศจิกายน 2021 - ก่อนหน้านี้ vivo มีสมาร์ทโฟนที่โดดเด่นด้านการถ่ายภาพเซลฟี่เปิดตัวออกมาให้ได้เลือกใช้งานกันอย่างต่อเนื่องภายใต้ซีรีส์ V โดยล่าสุดก็ได้เปิดตัวรุ่นใหม่อย่าง vivo V23e 5G ออกมาเพิ่มเติมแล้ว ซึ่งชูจุดขายด้านการเซลฟี่ พร้อมทั้งรองรับเครือข่าย 5G เหมาะกับการใช้งานในปัจจุบัน ในราคาที่จับต้องได้
vivo V23e 5G มากับสโลแกน คมชัดทุกโมเมนต์ที่เป็นคุณ : 44MP Natural Portrait Selfie ด้วยกล้องหน้า Ultra HD ความละเอียดสูง 44MP เก็บทุกรายละเอียกได้คมชัด พร้อมระบบการโฟกัสดวงตา (Eye Autofocus) รองรับโหมด Natural Portrait ในการถ่ายภาพบุคคลให้สวยงาม ดูเป็นธรรมชาติ ด้วยฟีเจอร์ Face Beauty และ Portrait Bokeh ที่สามารถปรับระดับความเบลอได้ พร้อมด้วยโหมดถ่ายเซลฟี่เวลากลางคืนอย่าง AI Extreme Night และโหมดกันสั่นเวลาถ่ายวิดีโออย่าง Steadiface Selfie Video ที่เหมาะสำหรับการถ่าย vlog
ด้านชุดกล้องหลังเป็นแบบ 3 ตัว (Triple Camera) ประกอบด้วยกล้องหลัก 50MP (f1.8) + กล้อง Super Wide Angle 8MP (f2.2) 120 องศา + กล้อง Super Macro 2MP (f2.4) โดยรองรับโหมดการถ่ายภาพที่น่าสนใจครบครัน ไม่ว่าจะเป็นระบบการโฟกัสดวงตา (Eye Autofocus) และฟีเจอร์ Bokeh Flare Portrait โหมดถ่ายบุคคลที่สามารถปรับระดับความเบลอได้ รวมถึงเปลี่ยนรูปแบบของ Bokeh ให้ภาพมีความน่าสนใจมากขึ้น รวมถึงระบบกันสั่นแบบ Ultra Stable Video + EIS และฟีเจอร์ Dual-View Video 3.0 ในการบันทึกวิดีโอจากกล้องหน้า-หลังได้พร้อมกัน
vivo V23e 5G รองรับการเชื่อมต่อ 5G แบบ Dual Mode (SA/NSA) พร้อมกันทั้ง 2 ซิมการ์ด (Dual 5G SIM) ด้วยชิปเซ็ต Dimensity 810 พร้อมการออกแบบเสารับสัญญาณรอบทิศทางแบบ 360 องศา โดยทำงานร่วมกับ RAM 8GB + เทคโนโลยี Extended RAM 2.0 ที่สามารถขยาย RAM เพิ่มได้อีก 4GB และมี ROM ขนาด 128GB โดยสามารถเพิ่ม microSD Card ได้สูงสุดที่ขนาด 1TB รวมทั้งมีแบตเตอรี่ความจุ 4050 mAh ที่รองรับเทคโนโลยีชาร์จเร็วแบบ 44W vivo FlashCharge บนระบบปฏิบัติการ Android 11 ที่ถูกครอบทับด้วย Funtouch OS 12 เวอร์ชันใหม่ล่าสุด
การดีไซน์ของ vivo V23e 5G ก็ถือว่าน่าสนใจไม่แพ้กัน ด้วยดีไซน์แบบ Ultra-Slim Glass Design พร้อมฝาหลังพื้นผิวแบบกระจก Satin AG Glass ที่เคลือบเม็ดสีแบบ 2 ชั้นในตัวเลือกสี Sunshine Coast ส่วนตัวเลือกสี Moonlight Shadow ใช้เทคโนโลยีการเคลือบเม็ดสีด้วยฟิล์มเซรามิกนวัตกรรมใหม่ ผ่านกระบวนการเคลือบสีระดับนาโน จึงทำให้ตัวเครื่องมีการไล่เฉดสีสวยงาม และมีหน้าจอไร้ขอบแบบ Halo FullView Display (AMOLED) ขนาด 6.44 นิ้ว ความละเอียดระดับ Full HD+ (2400x1080 พิกเซล) ที่มีเซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือฝังไว้ใต้หน้าจอ (In-Display Fingerprint Scanner)
จากข้อมูลในข้างต้นก็กล่าวได้ว่า vivo V23e 5G
มีจุดเด่นที่น่าสนใจอยู่หลายด้านเลยทีเดียว
ไม่ว่าจะเป็นการดีไซน์ตัวเครื่องสุดพรีเมียม รองรับการถ่ายเซลฟี่ได้ดีเป็นพิเศษ
พร้อมฟีเจอร์ที่เหมาะกับทุกการใช้งานในปัจจุบัน
กับราคาวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการในประเทศไทย 12,999 บาท
ซึ่งถือเป็นราคาที่จับต้องได้ ส่วนการใช้งานจริงจะเป็นอย่างไร ดีไซน์ตัวเครื่องจะสวยงามขนาดไหน
และฟีเจอร์ที่มีอยู่จะตอบโจทย์การใช้งานได้ดีเพียงใด ไปรับชมรีวิว
vivo V23e 5G พร้อมกันได้เลยค่ะ
รูปลักษณ์ภายนอกตัวเครื่อง และการออกแบบดีไซน์
vivo V23e 5G มาในแพ็กเกจสีกรมท่า พร้อมลูกเล่นกลิตเตอร์เป็นประกาย ระบุชื่อรุ่น และความจุ RAM + ROM ไว้อย่างชัดเจน
ภายในกล่องมีอุปกรณ์พื้นฐานมาให้อย่างครบครัน ไม่ว่าจะเป็น อะแดปเตอร์ชาร์จเร็ว 44W vivo FlashCharge (11V/4A), สายเชื่อมต่อแบบ USB Type-C, เคสใส, หูฟัง, สายแปลงพอร์ต USB Type-C เป็นรูหูฟังขนาด 3.5 มิลลิเมตร, เข็มสำหรับถอดถาดซิมการ์ด และคู่มือการใช้งาน
ภาพตัวอย่างการสวมใส่เคสใสที่แถมมาให้ภายในแพ็กเกจ
vivo V23e 5G มาพร้อมหน้าจอแสดงผล Halo FullView Display (AMOLED) ขนาด 6.44 นิ้ว ในอัตราส่วนแบบ 20:9 ความละเอียดระดับ Full HD+ (2400x1080 พิกเซล : 408 ppi) บนตัวเครื่องขนาด 160.87x74.28x7.41 มิลลิเมตร และมีน้ำหนัก 172 กรัม
ที่ด้านบนหน้าจอมีรอยบากทรงหยดน้ำ สำหรับกล้องหน้าเซลฟี่ Ultra HD ความละเอียด 44 ล้านพิกเซล (f2.0) รองรับระบบการโฟกัสดวงตา Eye Autofocus, โหมดถ่ายบุคคล (Portrait) และ Face Beauty สำหรับปรับแต่งใบหน้าของตัวแบบให้มีความสวยงามเป็นธรรมชาติ
โดยมีลำโพงสำหรับสนทนาอยู่ถัดด้านบน พร้อมติดตั้งเซนเซอร์ Proximity สำหรับปิดหน้าจอแบบอัตโนมัติขณะสนทนาเพื่อประหยัดพลังงาน กับเซนเซอร์ Ambient Light สำหรับตรวจวัดระดับความสว่างของสภาพแวดล้อม เพื่อปรับความสว่างของหน้าจอ และแผงปุ่มกดให้เหมาะสม
ด้านหน้าส่วนล่างประกอบด้วย ปุ่มกดแบบ On-Screen ประกอบด้วย ปุ่มย้อนกลับ, ปุ่มโฮม และปุ่ม Recent Apps (ค่าเริ่มต้น)
หรือเลือกใช้งานวิธีควบคุมแบบ Gestures ซึ่งเป็นการลาก และปัดบริเวณขอบหน้าจอเพื่อสั่งการได้ด้วย
ที่ด้านบนของตัวเครื่องมีไมโครโฟนตัวที่สอง
ที่ด้านล่างประกอบด้วยลำโพงเสียงตัวหลัก, พอร์ตเชื่อมต่อแบบ USB Type-C, ไมโครโฟนสำหรับสนทนา และถาดใส่ซิมการ์ด nanoSIM แบบ Hybrid-Slot ที่ต้องเลือกใช้งานในช่องที่สองระหว่างซิมการ์ดที่สอง หรือหน่วยความจำภายนอกแบบ microSD Card (ขนาดสูงสุด 1TB) โดยไม่มีช่องเชื่อมต่อหูฟังขนาด 3.5 มิลลิเมตร
ด้านซ้ายของตัวเครื่องไม่มีช่อง หรือปุ่มสั่งการใด ๆ
ด้านขวาของตัวเครื่องมีปุ่มปรับระดับเสียง และปุ่ม Power สำหรับล็อกหน้าจอ/เปิด-ปิด เครื่อง
vivo V23e 5G ที่ทางทีมงานนำมารีวิวให้ได้ชมกันนั้นเป็นสี Sunshine Coast ที่ผลิตจากเทคโนโลยีใหม่มีพื้นผิวแบบกระจก Satin AG Glass พร้อมเคลือบเม็ดสีแบบ 2 ชั้นจึงทำให้ฝาหลังมีความสวยงามพรีเมียม
vivo V23e 5G มีกล้องหลัง 3 ตัว (Triple Camera) แบ่งออกเป็น
- กล้องตัวหลัก (Main) ความละเอียด 50 ล้านพิกเซล
พร้อมรูรับแสงขนาด f1.8, ทางยาวโฟกัส 26 มิลลิเมตร และระบบโฟกัสอัตโนมัติแบบ PDAF
- กล้อง Super Wide Angle ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล พร้อมเซนเซอร์รับภาพขนาด 1/4.0 นิ้ว, เม็ดพิกเซลขนาด 1.12 ไมครอน, รูรับแสงขนาด f2.2 และมุมรับภาพ 120 องศา (16 มิลลิเมตร)
- กล้อง Super Macro ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล พร้อมรูรับแสงขนาด f2.4
พร้อมไฟแฟลชแบบ Dual LED, ระบบการโฟกัสดวงตา Eye Autofocus, โหมดถ่ายภาพความละเอียดสูง 50MP UHD, โหมดบุคคล Portrait ที่สามารถปรับระดับความเบลอได้ (f.16-f0.95) พร้อมรูปแบบ Bokeh รวมถึงปรับ Light effect ได้ทั้งหมด 6 รูปแบบ, โหมด Face Beauty ปรับทุกส่วนบนใบหน้าได้อย่างอิสระ พร้อมฟังก์ชัน Pose Master ในการแนะนำท่าทางในการโพส, โหมด Super Macro โฟกัสวัตถุระยะใกล้สุด 4 เซนติเมตร, โหมด Night สำหรับถ่ายภาพเวลากลางคืน พร้อมโหมดมุมกว้างแบบ Super Wide และรองรับการบันทึกวิดีโอความละเอียดสูงสุดที่ระดับ Full HD 1080P (60fps) พร้อมระบบกันสั่นแบบ Ultra Stable Video และ EIS รวมถึงโหมด Face Beauty
เปิดเครื่องใช้งาน พร้อมการทดสอบฟังก์ชัน และแอปพลิเคชันต่าง ๆ
vivo V23e 5G ขับเคลื่อนการทำงานด้วยระบบปฏิบัติการ Android 11 ครอบทับด้วย Funtouch OS 12 เวอร์ชันใหม่ โดยมี RAM ขนาด 8GB พร้อมเทคโนโลยี Extended RAM 2.0 ที่สามารถขยาย RAM เพิ่มได้อีก 4GB และมี ROM ขนาด 128GB โดยสามารถเพิ่ม microSD Card ได้สูงสุดที่ขนาด 1TB
สามารถใช้งานได้พร้อมกัน 2 ซิมการ์ด (Dual nanoSIM) พร้อมรองรับการใช้งานบนเครือข่าย 5G ในประเทศไทย แบบ Dual 5G (SA/NSA) ด้วยการออกแบบเสารับสัญญาณรอบทิศทางแบบ 360 องศา
เมื่อกดค้างที่หน้าจอจะเป็นการเข้าสู่เมนูการ ปรับแต่งหน้าจอ โดยผู้ใช้สามารถปรับตำแหน่งของไอคอน พร้อมตั้งค่า Home, Widgets และเปลี่ยน Wallpaper ได้
เมื่อลากจากขอบด้านบนของหน้าจอลงมาจะพบกับ Notification Center ซึ่งเป็นหน้ารวมสำหรับการแสดงแจ้งเตือนต่าง ๆ และเมื่อปัดลงอีกหนึ่งครั้งจะเป็นการขยายหน้าจอ Toggle Switch ปุ่มลัดสำหรับการเปิด-ปิดฟังก์ชัน ต่าง ๆ
โดยผู้ใช้ยังสามารถปรับแต่งตำแหน่งของคีย์ลัด เองได้ด้วย
พร้อมหน้า Jovi Home ผู้ช่วยอัจฉริยะ ที่มีเมนู Shortcut ทางลัดสำหรับเข้าถึงการเคลียร์พื้นที่จัดเก็บข้อมูล หรือแอปพลิเคชันต่าง ๆ , Suggestions คำแนะนำช่วยเตือนความจำอันชาญฉลาดเกี่ยวกับสภาพอากาศ การเดินทาง และการพักผ่อนในแต่ละวัน, My Services ช่วยจัดสรรกิจกรรมให้สะดวกสบายมากยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็น แจ้งเตือนการดื่มน้ำ, รายงานสภาพอากาศ และแจ้งเตือนรายการบันเทิงใหม่ ๆ
เมื่อปัดไปทางด้านขวาจากหน้าโฮมสกรีน จะพบกับ Google Discover หน้าที่รวบรวมข่าวสารที่ได้รับความนิยมในโลกออนไลน์ โดยอ้างอิงจากการค้นหาของผู้ใช้
vivo V23e 5G สามารถปรับตั้งค่าการแสดงผลของหน้าจอได้อย่างหลากหลาย ได้แก่ การปรับความสว่างแบบอัตโนมัติ พร้อมโหมด Eye Protection
รวมถึงการปรับโทนสีได้ 3 รูปแบบ และอุณหภูมิสีของหน้าจอ
และ Dark theme ในการเปลี่ยนพื้นหลังให้กลายเป็นสีดำ
สามารถเลือกใช้งานปุ่ม Navigation Buttons ที่สามารถปรับตามความถนัดของผู้ใช้
หรือเลือกใช้งานวิธีควบคุมแบบ Navigation Gestures ซึ่งเป็นการลาก และปัดบริเวณขอบหน้าจอเพื่อสั่งการได้ ให้เหมาะกับการใช้งานของผู้ใช้แต่ละคนได้
vivoShare สามารถโอนถ่ายข้อมูลทั้งหมดในเครื่องเก่าไปยังโทรศัพท์เครื่องใหม่ได้อย่างง่ายดาย เพียงแค่คลิกเดียว และแชร์ภาพยนตร์ หรือเพลงให้เพื่อนได้รวดเร็วยิ่งขึ้น
สำหรับระบบรักษาความปลอดภัยของ vivo V23e 5G มีทั้งเซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือที่ฝังอยู่ใต้หน้าจอ (In-Display Fingerprint Scanner) โดยสามารถตั้งค่าการใช้งานเซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือสำหรับปลุกการทำงานของ เครื่อง หรือปลดล็อกหน้าจอได้ พร้อมทั้งสามารถเพิ่มลายนิ้วมือได้มากกว่า 1 ลายนิ้วมือ ซึ่งจากการทดสอบตัวเซนเซอร์ก็สามารถปลดล็อกหน้าจอได้รวดเร็วทันใจ
และระบบการปลดล็อกด้วยใบหน้า (Face Unlock) ที่สามารถปลดล็อกได้อย่างรวดเร็ว โดยสามารถลงทะเบียนได้เพียง 1 ใบหน้าเท่านั้น
vivo V23e 5G มาพร้อมแบตเตอรี่ความจุ 4050 mAh พร้อมโหมดประหยัดพลังงานแบบ Battery Saver ที่เมื่อเปิดใช้งานสัญลักษณ์แบตเตอรี่จะเปลี่ยนเป็นสีส้ม พร้อมสัญลักษณ์ + ที่ด้านใน พร้อมปรับการแสดงผลให้เป็น Dark Mode ละใช้งานอินเทอร์เน็ตได้ความเร็วสูงสุดที่ 4G+
และรองรับเทคโนโลยีชาร์จเร็วแบบ 44W Vivo FlashCharge ที่ช่วยย่นระยะเวลาในการชาร์จให้เร็วยิ่งขึ้น โดยสามารถชาร์จแบตเตอรี่ระดับ 1 - 69% ได้ในเวลาเพียง 30 นาที
สามารถเปลี่ยนรูปแบบ Animation ได้ที่ Dynamic effect ไม่ว่าจะเป็น การเข้าสู่หน้า Home, การสแกนใบหน้า, การชาร์จ และเมื่อเสียบสาย USB
รองรับฟังก์ชัน App Clone สำหรับโคลนนิ่งแอปพลิเคชัน ซึ่งในเบื้องต้นนั้นสามารถโคลนนิ่งได้เฉพาะแอปพลิเคชันโซเชียลเน็ตเวิร์ก เช่น Facebook, Line และ Instagram จึงทำให้ผู้ใช้สามารถล็อกอินแอปพลิเคชันเหล่านี้ได้พร้อมกันถึง 2 แอคเคานท์
สามารถบันทึกภาพสกรีนช็อตแบบยาวได้
และมีฟังก์ชัน Screen-Split ที่สามารถแบ่งหน้าจอเพื่อใช้งานสองแอปพลิเคชันได้พร้อม ๆ กัน โดยรองรับทั้งในแนวตั้ง และแนวนอน
vivo V23e 5G ยังมาพร้อมกับฟังก์ชัน Ultra Game Mode ซึ่งเป็นโหมดพิเศษที่ถูกออกแบบมาสำหรับการเล่นเกมโดยเฉพาะ พร้อมรองรับระบบที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการเล่นเกม ป้องกันปัญหาเฟรมเรตตกระหว่างเล่นเกมได้ดีขึ้น และฟังก์ชัน 4D Game Vibration ในการสั่นตามเหตุการณ์ในเกม ซึ่งช่วยเพิ่มอรรถรสให้กับการเล่นเกมอีกด้วย (รองรับเฉพาะเกม PUBG Mobile)
รวมถึงมี Performance Mode สำหรับเร่งประสิทธิภาพให้อยู่ในขั้นสูงสุด เพื่อการเล่นเกมอย่างลื่นไหล พร้อมฟีเจอร์ป้องกันการโดนขัดจังหวะขณะเล่นเกม โดยการโชว์เบอร์โทรสายเรียกเข้าในรูปแบบ Pop-up ทำให้เกมไม่ถูกสลับไปยังหน้ารับสายสนทนา
สำหรับเซนเซอร์ในเครื่อง vivo V23e 5G นั้นประกอบด้วย Accelerometer Sensor, Light Sensor, Orientation Sensor, Proximity Sensor, Gyroscope Sensor, Sound Sensor และ Magnetic Sensor
สามารถจับสัญญาณดาวเทียม GPS พร้อมรองรับระบบดาวเทียม GLONASS ของรัสเซีย ซึ่งคุณภาพของสัญญาณดาวเทียม GPS จะขึ้นอยู่กับพื้นที่ ที่กำลังใช้งานอยู่ หรือสภาพอากาศ ณ ตอนนั้น
vivo V23e 5G มาพร้อมชิปเซ็ตประมวลผล MediaTek Dimensity 810 แบบ 8-แกน (Octa-Core) มีความเร็วในการประมวลผลสูงสุดที่ 2.4 GHz โดยมีหน่วยประมวลผลกราฟิก (GPU) Mali-G57 MC2, หน่วยความจำแรม (RAM) ขนาด 8GB + เทคโนโลยี Extended RAM 2.0 อีก 4GB, หน่วยความจำภายใน (ROM) ขนาด 128GB สามารถเพิ่มหน่วยความจำภายนอกแบบ microSD ได้สูงสุดขนาด 1TB และทำงานอยู่บนระบบปฏิบัติการ Android 11 ที่ครอบทับด้วย Funtouch OS 12 เวอร์ชันใหม่
และ vivo V23e 5G รองรับเทคโนโลยี Multi-Turbo 5.0 สำหรับเร่งการประมวลผลด้านต่าง ๆ ของตัวเครื่อง ไม่ว่าจะเป็น CPU, กราฟิก และการเล่นเกม, การเชื่อมต่อเครือข่าย และการจัดการความร้อน
vivo V23e 5G มีผลทดสอบจากแอปพลิเคชัน AnTuTu Benchmark ที่ 324,699 คะแนน และจากทาง Geekbench 5 ในด้านการประมวลผลแบบแกนเดี่ยว (Single-Core) ที่ 605 คะแนน และในด้านการประมวลผลหลายแกน (Multi-Core) ที่ 1,634 คะแนน
สำหรับผลทดสอบการประมวลผลด้านกราฟิกจากแอปพลิเค ชัน 3DMark แบบ OpenGL ES 3.1 อยู่ที่ 2,585 คะแนน
vivo V23e 5G รองรับการสัมผัสได้พร้อมกันสูงสุด 10 จุด
จากการทดสอบด้วยการเล่นเกมที่มีกราฟิกแบบสาม มิติอย่าง Marvel Future Fight, 7Knight 2 และ Cookie Run : Kingdom พรอ้มเปิดการตั้งค่ากราฟิกระดับสูงสุดเท่าที่ตัวเครื่องรองรับ ก็พบว่า vivo V23e 5G นั้นสามารถตอบสนองต่อการใช้งานได้เป็นอย่างดี มีความลื่นไหลกับกราฟิกในระดับสูง โดยไม่มีการหน่วง หรือกระตุกให้ได้เห็น แต่มีการสะสมความร้อนในระดับหนึ่งเมื่อเล่นเกมติดต่อกันเป็นเวลานาน
vivo V23e 5G มาพร้อมกับหน้าจอแสดงผล Halo FullView Display (AMOLED) ขนาด 6.44 นิ้ว ความละเอียดระดับ Full HD+ (2400x1080 พิกเซล : 408 PPI) ในอัตราส่วนแบบ 20:9 จึงสามารถรับชมคอนเทนต์ต่าง ๆ ที่ความละเอียด Full HD 1080P ได้อย่างคมชัดเต็มอรรถรส และให้มุมมองที่กว้างเต็มตาเป็นพิเศษ
การใช้งานกล้องสำหรับถ่ายภาพ และวิดีโอ
vivo V23e 5G มาพร้อมกับกล้องหลัง 3 ตัว (Triple Camera) โดยแบ่งออกเป็น
- กล้องตัวหลัก (Main) ความละเอียด 50 ล้านพิกเซล
พร้อมรูรับแสงขนาด f1.8, ทางยาวโฟกัส 26 มิลลิเมตร และระบบโฟกัสอัตโนมัติแบบ PDAF
- กล้อง Super Wide Angle ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล พร้อมเซนเซอร์รับภาพขนาด 1/4.0 นิ้ว, เม็ดพิกเซลขนาด 1.12 ไมครอน, รูรับแสงขนาด f2.2 และมุมรับภาพ 120 องศา (16 มิลลิเมตร)
- กล้อง Super Macro ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล พร้อมรูรับแสงขนาด f2.4
โดย Interface ของแอปพลิเคชันกล้องมีการดีไซน์เรียบหรู สบายตา และมีเมนูให้ได้เลือกใช้อย่างชัดเจน ซึ่งรองรับฟังก์ชันพื้นฐานครบครัน โดยรองรับโหมด HDR, ฟังก์ชัน AI Scene Recognition ในการตรวจจับซีนต่างๆ และโหมด Super Macro สำหรับถ่ายภาพระยะใกล้ รวมถึงรองรับการถ่ายภาพมุมกว้าง แบบ Ultra-Wide (0.6x) ไปจนถึงการซูมไกลสุดที่ 10 เท่า (10x)
รองรับการถ่ายภาพบุคคล Portrait Bokeh ในการละลายฉากหลัง เสริมความโดดเด่นให้ผู้ถ่าย
พร้อมฟีเจอร์ Bokeh Flare Portrait ในการปรับรูปแบบ Bokeh ได้ทั้งหมด 5 แบบ ได้แก่ ปกติ (วงกลม), Heart, Star, Butterfly และ Cherry Blossom และสามารถปรับระดับความเบลอได้ที่ระหว่าง f0.95-f16 (ค่าเริ่มต้นจะอยู่ที่ f2.0)
มีโหมด Face Beauty ปรับให้ผิวเนียนสวยเป็นธรรมชาติ
พร้อมฟังก์ชัน Pose Master ในการแนะนำท่าโพสที่สวยงามให้กับผู้ถ่าย
โหมด Style ในการปรับโทนสีของการถ่าย Portrait
และโหมด Light effect ในการปรับรูปแบบแสงของภาพทั้งหมด 6 รูปแบบ
รวมถึงโหมดที่น่าสนใจอย่าง Double exposure 2.0 ที่คล้ายกับการถ่ายภาพซ้อนกัน ช่วยเพิ่มความน่าสนใจให้กับภาพที่ได้เป็นอย่างดี
โหมด Night สำหรับถ่ายภาพเวลากลางคืน รองรับการถ่ายมุมกว้างแบบ Super Wide
พร้อมด้วย Night Style ฟิลเตอร์สำหรับปรับโทนสีของภาพให้มีความน่าสนใจมากขึ้น ทั้งหมด 4 รูปแบบด้วยกัน ได้แก่
Black & Gold - ถ่ายภาพโดยเน้นโทนสีดำ
และสีทอง
Blue Ice - ถ่ายภาพโดยเน้นโทนสีน้ำเงินเย็น
Green Orange - ถ่ายภาพโดยเน้นโทนสีเขียว และส้ม
Cyberpunk - ถ่ายภาพโดยเน้นโทนสีม่วง และน้ำเงิน คล้ายกับโลกอนาคต
vivo V23e 5G มาพร้อมกับรายละเอียดการตั้งค่าต่างๆ ที่ครบครัน และครอบคลุมสำหรับช่างภาพแทบทั้งหมด โดยรองรับการถ่ายภาพไฟล์ RAW ซึ่งสามารถเก็บข้อมูลภาพได้มากกว่าเดิม ตอบโจทย์การนำไปปรับแต่งในโปรแกรมต่างๆ อย่างเช่น Lightroom โดยไม่สูญเสียคุณภาพไฟล์
โดย vivo V23e 5G รองรับการบันทึกวิดีโอความละเอียดสูงสุดที่ระดับ Full HD 1080P (60 fps) พร้อมเทคโนโลยีกันสั่นแบบ Ultra Stable Video + EIS โดยเลือกได้ 2 รูปแบบ ได้แก่ Standard stabilization และ Ultra
พร้อมโหมด Face Beauty ปรับผิวให้เนียนสวย (รองรับที่ความละเอียดสูงสุดระดับ HD 720p 30fps)
และรองรับฟังก์ชัน Dual-View Video 3.0 ในการบันทึกวิดีโอทั้งจากกล้องหน้า และกล้องหลังได้พร้อม ๆ กัน
ทางด้านกล้องหน้า vivo V23e 5G มีความละเอียด 44 ล้านพิกเซล (f2.0) รองรับระบบการโฟกัสดวงตา (Eye Autofocus)
รองรับโหมดยอดนิยมอย่าง Portrait Bokeh ที่สามารถปรับระดับความเบลอได้ที่ระหว่าง f0.95-f16
มีโหมด Face Beauty ปรับให้ผิวเนียนสวยเป็นธรรมชาติ
พร้อมฟังก์ชัน Makeup สำหรับช่วยแต่งหน้าให้กับแบบ
ฟังก์ชัน Pose Master ในการแนะนำท่าโพสที่สวยงามให้กับผู้ถ่าย
โหมด Style ในการปรับโทนสีของการถ่าย Portrait
และโหมด Light effect ในการปรับรูปแบบแสงของภาพทั้งหมด 6 รูปแบบ
รวมถึง AI Extreme Night สำหรับถ่ายภาพเซลฟี่ในเวลากลางคืน ที่เป็นการประมวลภาพหลายเฟรมรวมกันเพื่อลดการเกิดนอยส์ และนำระบบ AI อัลกอริทึมมาช่วยแก้ไขลักษณะเฉพาะของใบหน้า จึงทำให้การถ่ายเซลฟี่ตอนกลางคืนสามารถเก็บรายละเอียดของภาพได้ดีขึ้น คล้ายถ่ายในเวลากลางวัน
ที่สามารถทำงานร่วมกับ Face Beauty ในการปรับผิวเนียน
โดยรองรับการบันทึกวิดีโอด้วยกล้องหน้าความ ละเอียดสูงสุดที่ระดับ Full HD 1080P (60 fps) พร้อมระบบกันสั่นแบบ Steadiface selfie VDO ตัวช่วยที่น่าสนใจสำหรับสายคอนเทนต์ในการทำ vlog
พร้อมโหมด Face Beauty สำหรับปรับผิวให้เนียนสวย
รองรับฟังก์ชัน Dual-View Video 3.0 ในการบันทึกวิดีโอทั้งจากกล้องหน้า และกล้องหลังได้พร้อม ๆ กัน
ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องหลัง 3 ตัว (Triple Camera) ความละเอียด 50+8+2 ล้านพิกเซล
ของ vivo V23e 5G
ภาพถ่ายจากโหมดปกติ
ภาพถ่ายมุมกว้างแบบ Super Wide
ภาพถ่ายจากโหมดปกติ
ภาพถ่ายมุมกว้างแบบ Super Wide
ภาพถ่ายจากโหมด Portrait
ภาพถ่ายจากโหมด Portrait Bokeh รูปวงกลม
ภาพถ่ายจากโหมด Portrait Bokeh รูปหัวใจ
ภาพถ่ายจากโหมด Super Macro
ภาพถ่ายเวลากลางคืนจากโหมด Night
ภาพถ่ายเวลากลางคืนจากโหมด Night มุมกว้างแบบ Super Wide
ภาพถ่ายเวลากลางคืนจากโหมด Night
ภาพถ่ายเวลากลางคืนจากโหมด Night มุมกว้างแบบ Super Wide
ภาพถ่ายเวลากลางคืนจากโหมด Night พร้อม Night Style แบบต่าง ๆ
ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องหน้าความละเอียด 44 ล้านพิกเซลของ vivo V23e 5G
ภาพถ่ายเซลฟี่ในโหมดปกติ
ภาพถ่ายเซลฟี่ในโหมด Face Beauty
ภาพถ่ายเซลฟี่ในโหมด Portrait พร้อมเลือก Style แบบ Texture
ภาพถ่ายเซลฟี่ในโหมด Portrait พร้อมเลือก Style แบบ 1980s
ภาพถ่ายเซลฟี่ในโหมด Portrait พร้อมเลือก Style แบบ Fresh
ภาพถ่ายเซลฟี่ในโหมด Portrait Bokeh
ภาพถ่ายเซลฟี่ในที่แสงน้อยจากโหมด Night
ตัวอย่างวิดีโอเปรียบเทียบระบบป้องกันภาพสั่นไหวแบบ Steadiface Selfie VDO บนกล้องหน้าของ vivo V23e 5G
สรุปผลการทดสอบของ vivo V23e 5G
จากที่มีโอกาสได้ลองใช้ตัวเครื่อง vivo V23e 5G มาได้สักระยะหนึ่ง ก็พอจะกล่าวได้ว่า vivo V23e 5G ต่อยอดความโดดเด่นที่กล้องหน้าให้ดีขึ้นไปอีกขั้น ด้วยความคมชัด Ultra HD ที่ 44MP พร้อมฟีเจอร์ต่าง ๆ ที่สามารถตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ในยุคปัจจุบันได้เป็นอย่างดี ทั้งระบบโฟกัสดวงตา (Eye Autofocus) ที่ช่วยให้การจับภาพรวดเร็วทันใจ พร้อมเก็บรายละเอียดต่าง ๆ ได้คมชัด อีกทั้งยังมีโหมดยอดนิยมอย่าง Natural Portrait ในการถ่ายภาพบุคคลให้สวยงาม ดูเป็นธรรมชาติ ด้วยฟีเจอร์ Face Beauty และ Portrait Bokeh ที่สามารถปรับระดับความเบลอได้ พร้อมด้วยโหมดถ่ายเซลฟี่เวลากลางคืนอย่าง AI Extreme Night ที่ ช่วยให้การถ่ายภาพเซลฟี่ในที่แสงน้อย หรือเวลากลางคืนสว่างคล้ายถ่ายในเวลากลางวัน และโหมดกันสั่นเวลาถ่ายวิดีโออย่าง Steadiface Selfie Video รวมถึง Dual View 3.0 ในการถ่ายวิดีโอจากทั้งกล้องหน้า และกล้องหลังพร้อมกัน ซึ่งเหมาะสำหรับการถ่าย vlog และสายคอนเทนต์ตัวจริง
ด้านกล้องหลังก็ทำออกมาได้ดีเช่นเดียวกัน กับชุดกล้อง 3 ตัว (Triple Camera) ที่มีกล้องตัวหลัก 50MP (f1.8) + กล้อง Super Wide 8MP (f2.2) 120 องศา + กล้อง Super Macro 2MP (f2.4) เรียกได้ว่ารองรับการถ่ายภาพครบทุกระยะ และมีลูกเล่นการถ่ายภาพที่น่าสนใจ เริ่มตั้งแต่ระบบการโฟกัสดวงตา (Eye Autofocus) ช่วยจับตัวแบบได้รวดเร็วฉับไว พร้อม Bokeh Flare Portrait โหมดถ่ายบุคคลที่สามารถปรับระดับความเบลอได้ระหว่าง f.16-f0.95 กับเปลี่ยนรูปแบบของ Bokeh ให้ภาพมีความน่าสนใจมากขึ้น และปรับ Light effect ได้ทั้งหมด 6 รูปแบบ, โหมด Double Exposure 2.0 ที่คล้ายกับการถ่ายภาพซ้อนกัน ช่วยเพิ่มความน่าสนใจให้กับภาพที่ได้เป็นอย่างดี, โหมด Night สำหรับถ่ายภาพเวลากลางคืน พร้อมโหมดมุมกว้างแบบ Super Wide ไปจนถึงการบันทึกวิดีโอความละเอียดสูงสุดที่ระดับ Full HD 1080P 60fps พร้อมระบบกันสั่นแบบ Ultra Stable Video + EIS และ Dual-View Video 3.0 ในการบันทึกวิดีโอทั้งจากกล้องหน้า และกล้องหลังได้พร้อม ๆ กัน ซึ่ง vivo V23e 5G เหมาะสำหรับสายกล้อง และสายเซลฟี่ตัวจริง
vivo V23e 5G ยังตอบโจทย์การใช้งานในปัจจุบันด้วยการรองรับเครือข่าย 5G แบบ Dual Mode (SA/NSA) ที่สามารถสแตนด์บายได้พร้อมกัน 2 ซิมการ์ด (Dual 5G SIM) ซึ่งสามารถใช้งานได้ทันทีหลังแกะกล่องจากชิปเซ็ต Dimensity 810 พร้อมการออกแบบเสารับสัญญาณรอบทิศทางแบบ 360 องศา โดยทำงานร่วมกับ RAM ขนาด 8GB บวกกับเทคโนโลยี Extended RAM 2.0 ที่สามารถขยาย RAM เพิ่มได้อีก 4GB จากพื้นที่ ROM จึงสามารถใช้งานแบบ Multi-Task รวมถึงเล่นเกมที่เน้นกราฟิก 3 มิติในระดับสูงได้อย่างลื่นไหล และมี ROM ขนาด 128GB ที่สามารถเพิ่มพื้นที่เก็บข้อมูลด้วยการ์ดแบบ microSD ได้สูงสุดถึง 1TB จึงสามารถเก็บข้อมูลต่าง ๆ ได้เต็มที่ ไม่ต้องกังวลว่าจะเต็มเร็ว นอกจากนี้ก็ยังมีแบตเตอรี่ความจุ 4050 mAh ที่สามารถใช้งานได้ยาวนาน พร้อมรองรับเทคโนโลยีชาร์จเร็ว 44W vivo FlashCharge สำหรับย่นระยะเวลาในการชาร์จได้เป็นอย่างดี เพียง 30 นาทีก็สามารถชาร์จได้ถึงระดับ 69% ซึ่งทั้งหมดนี้ทำงานอยู่บนระบบปฏิบัติการ Android 11 ที่ถูกครอบทับด้วย Funtouch OS 12 ใหม่ล่าสุด
การดีไซน์ของ vivo V23e 5G ก็ถือว่าพรีเมียมเกินราคา ด้วยดีไซน์แบบ Ultra-Slim Glass Design พร้อมฝาหลังพื้นผิวแบบกระจก Satin AG Glass ที่เคลือบเม็ดสีแบบ 2 ชั้นในตัวเลือกสี Sunshine Coast กับตัวเลือกสี Moonlight Shadow ที่ใช้เทคโนโลยีการเคลือบเม็ดสีด้วยฟิล์มเซรามิกนวัตกรรมใหม่ ผ่านกระบวนการเคลือบสีระดับนาโน จึงทำให้ตัวเครื่องมีการไล่เฉดสีสวยงาม พร้อมป้องกันการเกิดรอยนิ้วมือได้เป็นอย่างดี และด้วยตัวเครื่องที่บางเพียง 7.41 มิลลิเตร (สี Sunshine Coast) และ 7.36 (สี Moonlight Shadow) น้ำหนัก 172 กรัม จึงช่วยให้จับถือใช้งานได้สะดวก โดยมีหน้าจอไร้ขอบแบบ Halo FullView Display (AMOLED) ขนาด 6.44 นิ้ว ความละเอียดระดับ Full HD+ (2400x1080 พิกเซล : 408 PPI) ในอัตราส่วน 20:9 จึงสามารถเปิดเล่นไฟล์วิดีโอความละเอียดสูงได้อย่างเต็มอรรถรส และให้มุมมองที่กว้างเต็มตาเป็นพิเศษ รวมถึงมีเซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือฝังใต้จอ (In-Display Fingerprint Scanner)
สรุปแล้ว vivo V23e 5G นั้นเหมาะเป็นอย่างยิ่งกับผู้ที่กำลังมองหามือถือ 5G ราคาจับต้องได้ ที่โดดเด่นด้านการถ่ายเซลฟี่ ผสานกล้องหลังที่ถ่ายดีครบทุกระยะ, ประสิทธิภาพการใช้งานที่รวดเร็วลื่นไหล, จอใหญ่แสดงผลสวยงาม และมีฟีเจอร์ครบครัน บนดีไซน์ตัวเครื่องที่สวยพรีเมียมบางเฉียบ
สำหรับ vivo V23e 5G ประกาศราคาในประเทศไทยแล้วที่ 12,999 บาท กับตัวเลือก 2 สี ได้แก่ Sunshine Coast และ Moonlight Shadow โดยจะเริ่มวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคม 2564 เป็นต้นไป พร้อมรับฟรี V23e 5G Premium Gift มูลค่า 999 บาท
พิเศษ! สำหรับท่านที่สั่งจอง (Pre-Order) ตั้งแต่วันที่ 23-30 พฤศจิกายน 2564 รับฟรี V Series Premium Gift และ V23e Premium Gift มูลค่ารวมกว่า 2,998 บาท ที่ vivo Brand Shop ทุกสาขา, ตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศ และช่องทางออนไลน์
และสำหรับท่านที่ซื้อเครื่อง vivo V23e 5G พร้อมแพ็กเกจกับผู้ให้บริการเครือข่าย ทั้ง AIS, TrueMove H และ dtac รับสิทธิ์ซื้อได้ในราคาพิเศษ เริ่มเพียง 5,789 บาท
สุดท้ายนี้ ต้องขอขอบคุณทาง Vivo ประเทศไทย ที่ให้ความไว้วางใจส่งเครื่อง vivo V23e 5G มาให้ทางทีมงานได้ทำการรีวิวให้ท่านผู้อ่านได้รับชมกัน สำหรับวันนี้ต้องขอลาไปก่อน พบกันได้ใหม่ในโอกาสหน้า สวัสดีค่ะ
จุดเด่นของ
vivo V23e 5G
- ตัวเครื่องดีไซน์พรีเมียมบางเฉียบแบบ Ultra-Slim Glass Design พร้อมกระจก Satin AG Glass (สี Sunshine Coast)
ที่ใช้เทคนิคการเคลือบพื้นผิวใหม่ล่าสุดแบบ 2 ชั้น ซึ่งช่วยให้เกิดความเงางาม
พร้อมการไล่เฉดสีแบบใหม่
- ตัวเครื่องสี Sunshine Coast มีขนาด 160.87x74.28x7.41 มิลลิเมตร
- ตัวเครื่องสี Moonlight Shadow มีขนาด 160.87x74.28x7.36 มิลลิเมตร
- หน้าจอแสดงผลแบบ Halo FullView Display (AMOLED) ขนาด 6.44 นิ้ว
ความละเอียดระดับ Full HD+ (2400x1080 พิกเซล : 408 PPI) ในอัตราส่วนแบบ 20:9
และครอบทับด้วยกระจกขอบนูนแบบ 2.5D
- เซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือแบบฝังใต้หน้าจอ (In-Display Fingerprint Scanner) พร้อมระบบปลดล็อกด้วยใบหน้า (Face Unlock)
- ชิปเซ็ตประมวลผล Octa-Core MediaTek Dimensity 810 ความเร็ว 2.4 GHz
- หน่วยประมวลผลกราฟิก (GPU) Mali-G57 MC2
- หน่วยความจำแรม (RAM) ขนาด 8 GB พร้อมเทคโนโลยี Extended RAM 2.0
ที่สามารถขยาย RAM เพิ่มได้อีก 4GB ด้วย Internal Storage (ROM)
- หน่วยความจำภายใน (ROM) ขนาด 128 GB
- รองรับการ์ดหน่วยความจำเสริมแบบ microSD ได้สูงสุดที่ขนาด 1TB (บนถาดแบบ Hybrid Slot)
- แบตเตอรี่ความจุ 4050 mAh พร้อมระบบชาร์จแบตเตอรี่ความเร็วสูงแบบ 44W vivo FlashCharge (11V/4A) ที่สามารถชาร์จแบตเตอรี่ได้ 69% ภายในเวลา 30 นาที
- ทำงานอยู่บนระบบปฏิบัติการ Android 11 พร้อมครอบทับด้วย Funtouch OS 12
กล้องดิจิทัลด้านหน้า Ultra HD ความละเอียด 44 ล้านพิกเซล
พร้อมรูรับแสงขนาด f2.0, รองรับระบบการโฟกัสดวงตา (Eye Autofocus), โหมด Face Beauty
ปรับผิวให้สวยเป็นธรรมชาติ พร้อม Pose Master
ในการแนะนำท่าโพสที่สวยงามให้กับผู้ถ่าย, โหมดถ่ายภาพบุคคล Portrait พร้อม
Portrait Light Effect ทั้งหมด 6 รูปแบบ, ฟีเจอร์ AI Extreme Night
สำหรับถ่ายเซลฟี่เวลากลางคืน หรือที่แสงน้อย พร้อมทำงานร่วมกับโหมด Beauty
และการบันทึกวิดีโอความละเอียดสูงสุดที่ระดับ Full HD 1080P
พร้อมระบบกันสั่นแบบ Steadiface selfie VDO, โหมด Face Beauty และโหมด
Dual-View Video 3.0 ในการบันทึกวิดีโอทั้งจากกล้องหน้า และกล้องหลังได้พร้อม
ๆ กัน
กล้องดิจิทัลด้านหลัง 3 ตัว (Triple Camera)
ประกอบด้วย
- กล้องตัวหลัก (Main) ความละเอียด 50 ล้านพิกเซล
พร้อมรูรับแสงขนาด f1.8, ทางยาวโฟกัส 26 มิลลิเมตร และระบบโฟกัสอัตโนมัติแบบ PDAF
- กล้อง Super Wide Angle ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล พร้อมเซนเซอร์รับภาพขนาด 1/4.0 นิ้ว, เม็ดพิกเซลขนาด 1.12 ไมครอน, รูรับแสงขนาด f2.2 และมุมรับภาพ 120 องศา (16 มิลลิเมตร)
- กล้อง Super Macro ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล พร้อมรูรับแสงขนาด f2.4
พร้อมไฟแฟลช Dual LED, ระบบการโฟกัสดวงตา
Eye Autofocus, โหมดถ่ายภาพความละเอียดสูง 50MP UHD, โหมดบุคคล
Portrait ที่สามารถปรับระดับความเบลอได้ (f.16-f0.95) พร้อมรูปแบบ
Bokeh รวมถึงปรับ Light effect ได้ทั้งหมด 6 รูปแบบ, โหมด Face Beauty
ปรับทุกส่วนบนใบหน้าได้อย่างอิสระ พร้อมฟังก์ชัน Pose Master
ในการแนะนำท่าทางในการโพส, โหมด Super Macro โฟกัสวัตถุระยะใกล้สุด 4
เซนติเมตร, โหมด Night สำหรับถ่ายภาพเวลากลางคืน พร้อมโหมดมุมกว้างแบบ Super
Wide และรองรับการบันทึกวิดีโอความละเอียดสูงสุดที่ระดับ Full HD 1080P (60fps)
พร้อมระบบกันสั่นแบบ Ultra Stable Video และ EIS รวมถึงโหมด Face Beauty และ
Dual-View Video 3.0 ในการบันทึกวิดีโอทั้งจากกล้องหน้า และกล้องหลังได้พร้อม
ๆ กัน
- รองรับการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตผ่านทางระบบ 5G Dual Mode (SA/NSA) แบบ 2
ซิม (Dual 5G), 4G LTE, 3G, EDGE, GPRS และ Wi-Fi 802.11 a/b/g/n/ac (Dual Band : 2.4/5.0 GHz)
- รองรับการใช้งานระบบซิมคู่ (Dual SIM) บนถาดแบบ Hybrid Slot
- เชื่อมต่อข้อมูลแบบไร้สายผ่านทาง Bluetooth 5.0
- ระบุตำแหน่ง และนำทางด้วยระบบดาวเทียม GPS+A-GPS, BeiDou, Glonass และ Galileo
- พอร์ตเชื่อมต่อแบบ USB Type-C พร้อมรองรับ OTG (USB On-the-Go)
- ฟังก์ชัน App Clone สำหรับใช้งานแอปพลิเคชันประเภทโซเชียลมีเดียได้พร้อมกัน
2 แอคเคานท์
- รองรับไฟล์เสียงความละเอียดสูง (Hi-Res Audio)
- ฟีเจอร์ Multi-Turbo
- ระบบผู้ช่วยอัจฉริยะ Jovi Home
จุดที่อาจจะ
ต้องพิจารณาเพิ่มเติมของ vivo V23e 5G
- หน้าจอมีค่า Refresh Rate ระดับ 60Hz
- ตัวเครื่องมีการสะสมความร้อนเมื่อใช้งานติดต่อกันเป็นเวลานาน
- ไม่มีพอร์ตหูฟังขนาด 3.5 มิลลิเมตร (แต่มีสายแปลง USB Type-C เป็น 3.5
มิลลิเมตรแถมมาให้ในกล่อง)
- ลำโพงเสียงเป็นแบบเดี่ยว
- ใช้ถาดซิมการ์ดแบบ Hybrid Slot
- ไม่รองรับการถ่ายวิดีโอที่ความละเอียดระดับ 4K UHD
โปรดทราบ
* โทรศัพท์มือถือที่ท่านเห็นในบทความรีวิวนี้เป็นเพียงเครื่องทดสอบจากทางผู้ผลิต เพราะฉะนั้นคุณสมบัติบางอย่างอาจมีความแตกต่างจากเครื่องที่วางจำหน่ายจริงบ้างไม่มากก็น้อย รวมถึงจุดด้อยบางประการที่พบในเครื่องทดสอบ อาจจะถูกแก้ไขปรับปรุงให้ดีขึ้นในเครื่องที่วางจำหน่ายจริง ดังนั้นหากท่านสนใจซื้อโทรศัพท์มือถือรุ่นนี้ ควรตรวจสอบ หรือทดลองใช้งานสินค้าด้วยตนเองอีกครั้งหนึ่ง *
วันที่ : 23/11/2021