รีวิว (Review) Vivo V21 5G
สมาร์ทโฟนกล้องเซลฟี่ 44MP มี OIS รุ่นแรกของโลก พร้อมจอ 90Hz E3 AMOLED บวก RAM ขยายได้ และแบตชาร์จไว 33W บนบอดี้บางเฉียบที่สุดในค่าย ในราคาเริ่มที่ 12,999 บาท
12 พฤษภาคม 2021 - ใครที่กำลังมองหา สมาร์ทโฟน 5G ราคาดี ที่มากับกล้องเซลฟี่ชั้นยอด ต้องไม่พลาดรุ่นนี้ สำหรับมือถือตระกูล V Series รุ่นล่าสุดอย่าง Vivo V21 5G ที่เพิ่งเปิดตัวแบบสด ๆ ร้อน ๆ ในประเทศไทย โดยมากับสโลแกน OIS Night Selfie, For Your Best Moment ชูโรงการถ่ายภาพเซลฟี่ในเวลากลางคืน และในที่แสงน้อย
Vivo V21 5G มีจุดขายสำคัญที่กล้องหน้าความละเอียดสูงถึง 44 ล้านพิกเซล รุ่นแรกของโลก ที่มีระบบป้องกันการสั่นแบบ OIS (Optical Image Stabilization) โดยรองรับโหมดถ่ายเซลฟี่กลางคืนอย่าง Super Night Selfie พร้อม Dual Selfie Spotlight ไฟ LED ขนาดเล็ก 2 ดวงที่ด้านข้างลำโพงหูฟังด้านบน ที่ช่วยเพิ่มความสว่างให้ใบหน้าขณะถ่ายเซลฟี่ในเวลากลางคืน และรองรับการถ่ายวิดีโอที่ความละเอียดสูงสุดระดับ 4K UHD อีกด้วย
ทางด้านกล้องหลังก็จัดเต็มไม่แพ้กันด้วยชุดกล้อง 3 ตัว (AI Triple Camera) ประกอบด้วย กล้องหลักความละเอียด 64 ล้านพิกเซล ที่มีระบบป้องกันการสั่นแบบ OIS พร้อมกล้อง Multi-Function (Wide Angle + Bokeh) และกล้อง Super Macro ที่รองรับการถ่ายภาพในทุกระยะ รวมถึงมีโหมดถ่ายภาพที่น่าสนใจครบครัน ไม่ว่าจะเป็นระบบการโฟกัสดวงตา Eye Autofocus, โหมด Portrait Bokeh พร้อม Light Effect, โหมด Double Exposure และถ่ายวิดีโอที่ความละเอียดสูงสุดระดับ 4K UHD พร้อมระบบ Ultra Stable Video โหมดกันสั่นด้วยเทคโนโลยี OIS+EIS รวมถึง Dual-View Video สำหรับการบันทึกวิดีโอจากกล้องหน้า และกล้องหลังพร้อมกัน
Vivo V21 5G มาพร้อมกับพลังการประมวลผลของชิปเซ็ต MediaTek Dimensity 800U ที่รองรับการใช้งานเครือข่าย 5G แบบ Dual-Mode (SA/NSA) และสแตนด์บายได้ทั้งสองซิมการ์ดแบบ 5G Dual SIM ซึ่งสามารถใช้งานได้ทันทีหลังแกะกล่อง โดยทำงานร่วมกับเทคโนโลยี Multi-Turbo อีกทั้งมี RAM 8GB + Extended RAM 3GB พร้อมกับแบตเตอรี่ความจุ 4000 mAh ที่รองรับเทคโนโลยีชาร์จเร็ว 33W Vivo FlashCharge 2.0 บนการดีไซน์จอไร้ขอบทรงหยดน้ำเทคโนโลยี E3 AMOLED ขนาด 6.44 นิ้ว ความคมชัดระดับ Full HD+ ที่รองรับค่า Refresh Rate ระดับสูงสุด 90Hz พร้อมรองรับการแสดงผลคอนเทนต์แบบ HDR10+ และมีฝาหลังกระจกผิวด้านแบบ AG Matte Glass กับตัวเครื่อง Ultra Slim Design ที่บางเฉียบเพียง 7.29 มิลลิเมตร (สี Dusk Blue) หรือ 7.39 มิลลิเมตร (สี Sunset Dazzle และ Arctic White) เรียกว่าเป็นสมาร์ทโฟน 5G ที่บางเฉียบที่สุดในค่าย Vivo
จากข้อมูลในข้างต้นก็กล่าวได้ว่า Vivo V21 5G มีจุดเด่นที่น่าสนใจอยู่หลายด้านเลยทีเดียว โดยเฉพาะในส่วนของกล้องเซลฟี่ รวมทั้งการดีไซน์ตัวเครื่องสุดพรีเมียมบางเฉียบเทียบชั้นเรือธง พร้อมฟีเจอร์ดีครบเครื่องที่พร้อมตอบโจทย์การใช้งานในปัจจุบัน กับราคาวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการในประเทศไทยเริ่มต้นที่ 12,999 บาท (รุ่น RAM 8GB + ROM 128GB) ส่วนการใช้งานจริงจะเป็นอย่างไร ดีไซน์ตัวเครื่องจะสวยงามขนาดไหน และฟีเจอร์ที่มีอยู่จะตอบโจทย์การใช้งานได้ดีเพียงใด ขอเชิญทุกท่านรับชม รีวิว Vivo V21 5G ไปพร้อมกันได้เลยค่ะ
รูปลักษณ์ภายนอกตัวเครื่อง และการออกแบบดีไซน์
Vivo V21 5G มาในแพ็กเกจสีน้ำเงิน พร้อมกลิตเตอร์ และริ้วลวดลายเป็นตัว V โดยมีการระบุชื่อรุ่น V21 5G และขนาดของ RAM + ROM ไว้อย่างชัดเจนที่มุมบนขวา
ภายในกล่องมีอุปกรณ์พื้นฐานมาให้อย่างครบครัน ไม่ว่าจะเป็น อะแดปเตอร์ Vivo FlashCharge (11V/3A), สายเชื่อมต่อแบบ USB Type-C, สายแปลง USB Type-C เป็นพอร์ตหูฟัง 3.5 มิลลิเมตร, เคสใส, หูฟัง, เข็มสำหรับถอดถาดซิมการ์ด และคู่มือการใช้งาน
ภาพตัวอย่างการสวมใส่เคสใสที่แถมมาให้ภายในแพ็กเกจ
Vivo V21 5G มาพร้อมหน้าจอแสดงผลแบบ E3 AMOLED ขนาด 6.44 นิ้ว ในอัตราส่วนแบบ 20:9 ความละเอียดระดับ FHD+ (2400x1080 พิกเซล : 409 ppi) พร้อมรองรับการแสดงผลคอนเทนต์แบบ HDR10+ และครอบทับด้วยกระจกขอบนูนแบบ 2.5D บนตัวเครื่องขนาด 159.68x73.9x7.39 มิลลิเมตร (หรือ 7.29 มิลลิเมตร สำหรับสี Dusk Blue) และมีน้ำหนัก 177 กรัม (หรือ 176 กรัม สำหรับสี Dusk Blue)
รองรับค่า Refresh Rate ระดับสูงสุดที่ 90Hz ซึ่งช่วยให้การแสดงผลลื่นไหลมากขึ้นกว่าเดิม
พร้อมฟังก์ชัน Always-On Display
ที่ด้านบนหน้าจอมีรอยบากทรงหยดน้ำ โดยกล้องหน้าเซลฟี่ตรงนี้นับเป็นจุดขายอันดับหนึ่งประจำรุ่น ด้วยการที่เป็นกล้องหน้าที่มีความละเอียดสูงถึง 44 ล้านพิกเซล รุ่นแรกของโลก ที่มาพร้อมกับระบบป้องกันการสั่นแบบ OIS พร้อมโหมด Super Night Selfie และเทคโนโลยี AI Face Beauty สำหรับปรับแต่งใบหน้าของตัวแบบให้มีความสวยงามเป็นธรรมชาติ ผ่านการวิเคราะห์โดยปัญญาประดิษฐ์
ส่วนลำโพงสำหรับสนทนาจะอยู่ถัดขึ้นไป พร้อม Dual Selfie Spotlight ไฟ LED ขนาดเล็ก 2 ดวง ที่ด้านข้างลำโพงหูฟัง (จะติดเมื่อเปิดใช้งานโหมด Super Night Selfie) และมีการติดตั้งเซนเซอร์ Proximity สำหรับปิดหน้าจอแบบอัตโนมัติขณะสนทนา เพื่อประหยัดพลังงาน กับเซนเซอร์ Ambient Light สำหรับตรวจวัดระดับความสว่างของสภาพแวดล้อม เพื่อปรับความสว่างของหน้าจอให้เหมาะสม
พร้อมรองรับระบบสแกนใบหน้าแบบ Face Access ในการปลดล็อกตัวเครื่อง
ด้านหน้าส่วนล่างประกอบด้วย ปุ่มกดแบบ On-Screen ประกอบด้วย ปุ่มย้อนกลับ, ปุ่มโฮม และปุ่ม Recent Apps
หรือเลือกใช้งานวิธีควบคุมแบบ Gestures ซึ่งเป็นการลาก และปัดบริเวณขอบหน้าจอเพื่อสั่งการได้ด้วย
ฟีเจอร์เด่นอีกอย่างก็คือมีเซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือใต้หน้าจอ (In-Display Fingerprint Scanner)
ที่ด้านบนของตัวเครื่องมีไมโครโฟนตัวที่สอง
ที่ด้านล่างประกอบด้วยลำโพงเสียงตัวหลัก, พอร์ตเชื่อมต่อแบบ USB Type-C, ไมโครโฟนสำหรับสนทนา และถาดใส่ซิมการ์ดแบบ Hybrid Slot แต่ไม่มีพอร์ตหูฟังขนาด 3.5 มิลลิเมตร
ด้านซ้ายของตัวเครื่องเป็นพื้นผิวเรียบ ๆ ไม่มีพอร์ตเชื่อมต่อ หรือปุ่มสั่งการใด ๆ
ด้านขวาของตัวเครื่อง มีปุ่มปรับระดับเสียง พร้อมปุ่ม Power สำหรับล็อกหน้าจอ, เปิด-ปิด เครื่อง หรือเรียกใช้ Google Assistant
Vivo V21 5G ครอบทับฝาหลังด้วยกระจกแบบด้าน (AG Matte Glass) พร้อมการไล่เฉดสี กระทบกับแสงเป็นสีสันต่าง ๆ บนตัวเครื่องดีไซน์ Ultra Slim Design บางเฉียบเพียง 7.39 มิลลิเมตร (หรือ 7.29 มิลลิเมตร ในสี Dusk Blue) โดยตัวเครื่องที่นำมารีวิวให้ทุกท่านได้ชมกันในวันนี้เป็นสี Sunset Dazzle ที่ได้แรงบันดาลใจมาจากกลุ่มก้อนเมฆสีแดงที่เคลื่อนผ่านท้องฟ้าอย่างช้า ๆ ท่ามกลางแสงอาทิตย์ยามเย็น
กล้องหลังของ Vivo V21 5G มีทั้งหมด 3 ตัว (AI Triple Camera) พร้อมการจัดวางแบบ Dual Tone Step แบบสมมาตร บนดีไซน์แบบ Flat Frame โดยแบ่งออกเป็น
- กล้อง Main ความละเอียด 64 ล้านพิกเซล พร้อมรูรับแสงขนาด f1.79, เซนเซอร์รับภาพขนาด 1/1.72 นิ้ว, เม็ดพิกเซลขนาด 0.8 ไมครอน, ทางยาวโฟกัส 26 มิลลิเมตร, ระบบป้องกันการสั่นแบบ OIS (4-Axis OIS) และระบบโฟกัสอัตโนมัติแบบ PDAF
- กล้อง Multi-Function (Wide-Angle + Bokeh) ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล พร้อมรูรับแสงขนาด f2.2, เซนเซอร์รับภาพขนาด 1/4.0 นิ้ว, เม็ดพิกเซลขนาด 1.12 ไมครอน, ทางยาวโฟกัส 16 มิลลิเมตร, มุมรับภาพ 120 องศา
- กล้อง Super Macro ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล พร้อมรูรับแสงขนาด f2.4 และระยะโฟกัสที่ 4 เซนติเมตร
โดยรองรับโหมดถ่ายภาพที่น่าสนใจแบบครบครัน ไม่ว่าจะเป็น ระบบการโฟกัสดวงตา Eye Autofocus, โหมดความละเอียดสูง High resolution, โหมด Portrait Bokeh พร้อม Light Effect, โหมดถ่ายภาพกลางคืน Super Night Mode พร้อมฟีลเตอร์แบบต่าง ๆ , โหมด Double Exposure, เทคโนโลยี AI Beauty และถ่ายวิดีโอคมชัดระดับ 4K พร้อม Ultra Stable Video ระบบป้องกันการสั่นสำหรับการถ่ายวิดีโอด้วยเทคโนโลยี OIS+EIS รวมถึง Dual-View Video ในการบันทึกวิดีโอจากกล้องหน้า และกล้องหลังพร้อมกัน
เปิดเครื่องใช้งาน พร้อมการทดสอบฟังก์ชัน และแอปพลิเคชันต่าง ๆ
Vivo V21 5G ขับเคลื่อนการทำงานด้วยระบบปฏิบัติการ Android 11 ครอบทับด้วย Funtouch OS 11.1 เวอร์ชันใหม่ โดยมี RAM 8GB + Extended RAM 3GB ที่ช่วยให้การใช้งานรวดเร็วมากยิ่งขึ้น
สามารถใช้งานได้พร้อมกัน 2 ซิมการ์ด พร้อมรองรับการใช้งานบนเครือข่าย 5G แบบ Dual-Mode (SA/NSA) พร้อมการสแตนด์บายได้ทั้งสองซิมการ์ดแบบ Dual 5G SIM ซึ่งสามารถใช้งานได้ทันทีหลังแกะกล่อง
เมื่อกดปุ่ม Recent Apps จะพบกับหน้าแอปพลิเคชันทั้งหมดที่เปิดใช้งานเอาไว้ ซึ่งผู้ใช้สามารถเลือกปิดแอปพลิเคชันที่เปิดค้างเอาไว้ได้ เพียงแค่เลื่อนหน้าต่างแอปนั้น ๆ ไปยังด้านบน หรือปิดแอปพลิเคชันทั้งหมดภายในครั้งเดียวได้อย่างง่ายดาย ด้วยการกดปุ่ม Clear all ที่ด้านล่าง
เมื่อลากจากขอบด้านบนของหน้าจอลงมาจะพบกับ Notification Center ซึ่งเป็นหน้ารวมสำหรับการแสดงแจ้งเตือนต่าง ๆ และเมื่อปัดลงอีกหนึ่งครั้งจะเป็นการขยายหน้าจอ Toggle Switch ปุ่มลัดสำหรับการเปิด-ปิดฟังก์ชัน ต่าง ๆ
โดยผู้ใช้ยังสามารถปรับแต่งตำแหน่งของคีย์ลัด เองได้ด้วย
พร้อมหน้า Jovi Home Smart Life ที่จะแสดงภาพรวมการใช้งานตัวเครื่อง, Event, การแจ้งเตือนให้ดื่มน้ำ และการนับก้าว พร้อมสรุปพลังงานที่เผาผลาญในเบื้องต้น
เมื่อกดค้างที่หน้าจอจะเป็นการเข้าสู่เมนูการ ปรับแต่งหน้าจอ โดยผู้ใช้สามารถปรับตำแหน่งของไอคอน พร้อมตั้งค่า Home, Widgets และเปลี่ยน Wallpaper ได้
เมื่อปัดไปทางด้านขวาจากหน้าโฮมสกรีน จะพบกับ Google Discover หน้าที่รวบรวมข่าวสารที่ได้รับความนิยมในโลกออนไลน์ โดยอ้างอิงจากการค้นหาของผู้ใช้
แอปพลิเคชัน iManager เครื่องมือสำหรับจัดการประสิทธิภาพภายในตัวเครื่อง ทั้งการล้างพื้นที่ (การเคลียร์แรม), ตั้งค่าการใช้งานอินเทอร์เน็ตของแต่ละแอปพลิเคชัน หรือการจำกัดความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้
Vivo V21 5G สามารถปรับตั้งค่าการแสดงผลของหน้าจอได้อย่างหลากหลาย ได้แก่ การปรับความสว่างแบบอัตโนมัติ พร้อมโหมด Eye Protection
และ Dark Mode ในการเปลี่ยนพื้นหลังให้กลายเป็นสีดำ
เลือกการแสดงผลสีของหน้าจอได้ 3 รูปแบบ ได้แก่ Standard (ค่าเริ่มต้น), Professional และ Bright พร้อมปรับอุณหภูมิสีหน้าจอได้
Vivo V21 5G สามารถเลือกใช้งานค่า Refresh Rate สูงสุดที่ระดับ 90Hz (ค่าเริ่มต้นจะอยู่ที่ 60Hz) โดยจะช่วยให้การใช้งานต่าง ๆ โดยเฉพาะการเล่นเกมลื่นไหลกว่าเดิม ซึ่งถือเป็นคุณสมบัติที่ค่อนข้างหาได้ยากบนสมาร์ทโฟนระดับใกล้เคียงกัน
สำหรับ Refresh Rate เป็นค่าความเร็วในการเปลี่ยนภาพของหน้าจอแสดงผล กล่าวคืออัตราความเร็วในการเปลี่ยนภาพนิ่งที่เรียงต่อกันจนกลายมาเป็นภาพเคลื่อนไหว ซึ่งแน่นอนว่ายิ่งค่า Refresh Rate มาก ก็จะทำให้การเปลี่ยนภาพของหน้าจอมีความลื่นไหลมากยิ่งขึ้นไปด้วยนั่นเอง และโดยปกติแล้วหน้าจอสมาร์ทโฟนที่เราใช้งานกันจะมีค่า Refresh Rate อยู่ที่ประมาณ 60Hz
ในส่วนของการตั้งค่า Lock Screen & Wallpaper สามารถเบือกเปิด-ปิดฟังก์ชัน Always-On Display ได้ ในการแสดงวันที่, เวลา และการแจ้งเตือนต่างๆ ขณะล็อกหน้าจอ
สามารถเปลี่ยนธีม และภาพพื้นหลังได้
และยังสามารถเปลี่ยนธีมกับภาพพื้นหลังของตัว เครื่อง รวมถึง Font ตัวอักษรรูปแบบต่าง ๆ ได้ผ่านแอปพลิเคชัน iTheme
รองรับฟังก์ชัน Ambient Light Effect การแจ้งเตือนสายเข้า หรือข้อความ ด้วยไฟวิ่งรอบขอบหน้าจอ ที่สามารถตั้งค่าการแจ้งเตือน พร้อมปรับแต่งรูปแบบ และสีของไฟตามที่ชอบได้อีกด้วย
สามารถตั้งค่า Animation เมื่อมีการเข้าสู่หน้าโฮมจากการปลดล็อกหน้าจออีกด้วย
สามารถเลือกใช้งานปุ่ม Navigation Buttons หรือเลือกใช้งานวิธีควบคุมแบบ Navigation Gestures ซึ่งเป็นการลาก และปัดบริเวณขอบหน้าจอเพื่อสั่งการได้ ให้เหมาะกับการใช้งานของผู้ใช้แต่ละคนได้
สำหรับระบบรักษาความปลอดภัยของ Vivo V21 5G มีทั้งเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือที่อยู่บนหน้าจอ (In-Display Fingerprint) โดยสามารถตั้งค่าการใช้งานเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือสำหรับปลุกการทำงานของเครื่อง หรือปลดล็อกหน้าจอได้ พร้อมทั้งสามารถเพิ่มลายนิ้วมือได้มากกว่า 1 ลายนิ้วมือ ซึ่งจากการทดสอบตัวเซ็นเซอร์ก็สามารถปลดล็อกหน้าจอได้รวดเร็วทันใจ
โดยสามารถเลือกรูปแบบ icon และ Animation ในการสแกนลายนิ้วมือได้
รองรับระบบการปลดล็อกด้วยใบหน้า (Face Wake) ที่สามารถปลดล็อกได้อย่างรวดเร็ว โดยสามารถลงทะเบียนได้เพียง 1 ใบหน้าเท่านั้น
และสามารถเลือกรูปแบบ Animation ขณะปลดล็อกด้วยใบหน้าได้
Vivo V21 5G มาพร้อมแบตเตอรี่ความจุ 4000 mAh พร้อมโหมดประหยัดพลังงานแบบ Battery Saver ที่เมื่อเปิดใช้งานสัญลักษณ์แบตเตอรี่จะเปลี่ยนเป็นสีส้ม พร้อมสัญลักษณ์ + ที่ด้านใน พร้อมปรับการแสดงผลให้เป็น Dark Mode และปรับมาใช้งานอินเทอร์เน็ตสูงสุดที่ระดับ 4G+
และรองรับเทคโนโลยีชาร์จเร็วแบบ 33W Vivo FlashCharge 2.0 ที่ช่วยย่นระยะเวลาในการชาร์จให้เร็วยิ่งขึ้น โดยสามารถชาร์จแบตเตอรี่ระดับ 0-63% ได้ในเวลา 30 นาที
โดยสามารถตั้งค่า Animation การชาร์จได้
และสามารถตรวจสอบเวลาที่ใช้ไปในแต่ละแอปพลิเค ชัน รวมถึงกำหนดระยะเวลาในการใช้งานในแต่ละแอปพลิเคชันได้
รองรับฟังก์ชัน Focus Mode สำหรับช่วยตัดผู้ใช้ออกจากโลกภายนอก โดยระบบจะปิดแอปพลิเคชันที่ตั้งค่าไว้แบบชั่วคราว พร้อมเปิดเพลงสบายๆ โดยผู้ใช้สามารถเลือก Theme ของเพลงได้ และเปิดโหมดห้ามรบกวน (Do Not Disturb) เพื่อปิดการแจ้งเตือนต่าง ๆ ตอบโจทย์เวลาที่ผู้ใช้ต้องการสมาธิ หรือเข้านอนนั่นเอง
รองรับฟังก์ชัน App Clone สำหรับโคลนนิ่งแอปพลิเคชัน ซึ่งในเบื้องต้นนั้นสามารถโคลนนิ่งได้เฉพาะแอปพลิเคชันโซเชียลเน็ตเวิร์ก เช่น Facebook และ Line จึงทำให้ผู้ใช้สามารถล็อกอินแอปพลิเคชันเหล่านี้ได้พร้อมกันถึง 2 แอคเคานท์
สามารถบันทึกภาพสกรีนช็อต S-capture ได้อย่างรวดเร็วเพียงลาก 3 นิ้ว จากบริเวณด้านล่างหน้าจอไปยังด้านบน หรือกดปุ่ม Power พร้อมกับปุ่มลดเสียง
และยังสามารถบันทึกภาพสกรีนช็อตแบบยาวได้ด้วย
และมีฟังก์ชัน Screen-Split ที่สามารถแบ่งหน้าจอเพื่อใช้งานสองแอปพลิเคชันได้พร้อม ๆ กัน โดยสามารถเปิดใช้งานได้ทั้งหมด 3 รูปแบบ
ตัวอย่างการใช้งานฟังก์ชัน Screen-Split ที่รองรับทั้งในแนวตั้ง และแนวนอน
สำหรับฟังก์ชันการใช้งานอัจฉริยะ Smart Motion มาให้ใช้งานบน Vivo V21 5G ด้วยเช่นกัน ซึ่งประกอบไปด้วย โหมด Smart turn on/off screen, Smart Wake และ Smart Call
Smart turn on/off screen การเปิด-ปิด หน้าจอแบบอัจฉริยะ โดยสามารถตั้งค่าให้หน้าจอติดเมื่อยกตัวเครื่องขึ้น หรือสัมผัสหน้าจอ 2 ครั้งติดกันเพื่อเป็นการล็อกหน้าจอ
Smart Wake เป็นการวาดตามรูปแบบต่าง ๆ เพื่อเปิดใช้งานคีย์ลัด เช่น การวาดตัวอักษร C เพื่อเข้าสู่ฟังก์ชันการโทรศัพท์ หรือการวาดตัวอักษร m เพื่อเข้าสู่แอปพลิเคชัน Music สำหรับฟังเพลง
และ Smart Call การโทรอัจฉริยะ ที่สามารถตั้งค่าให้สามารถโทรออกได้ทันทีเมื่อเปิดหน้ารายชื่อคนที่ต้องการ และยกโทรศัพท์ขึ้นแนบหู หรือรับสายได้ทันทีเมื่อยกโทรศัพท์แนบหู รวมถึงใช้มือปิดหน้าจอเมื่อมีสายเข้าเพื่อเป็นการปิดเสียงแจ้งเตือน
รวมทั้งยังมีโหมดการใช้งานมือเดียว One-handed ซึ่งเป็นการปรับขนาดของแผงตัวเลขโทรศัพท์, แป้นพิมพ์รหัสผ่านให้เล็กลง ซึ่งช่วยให้ใช้งานมือถือด้วยมือเดียวอย่างสะดวกขึ้น และ Smart Click ในการเปิดใช้งานฟังก์ชันเฉพาะในขณะล็อกหน้าจอ ทั้งการเปิดไฟแฟลช, บันทึกเสียง หรือเปิดใช้งานกล้องถ่ายภาพ
Vivo V21 5G รองรับระบบเสียง Hi-Res Audio พร้อมเล่นเพลง และไฟล์เสียงต่าง ๆ ผ่านแอปพลิเคชัน Music รองรับเทคโนโลยี DeepField สำหรับช่วยขับเสียงร้องให้มีความชัดเจน พร้อมปรับเสียงเบสให้มีอิมแพคมากยิ่งขึ้น
สามารถปรับค่า Equalizer และเลือกใช้หูฟังต่าง ๆ ของ Vivo ได้
รวมถึงตั้งค่าเสียงให้เหมาะกับระดับความสามารถ ในการฟังของแต่ละวัยได้ด้วย
Vivo V21 5G ยังมาพร้อมกับฟังก์ชัน Ultra Game Mode ซึ่งเป็นโหมดพิเศษที่ถูกออกแบบมาสำหรับการเล่นเกมโดยเฉพาะ พร้อมรองรับระบบที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการเล่นเกม ป้องกันปัญหาเฟรมเรตตกระหว่างเล่นเกมได้ดีขึ้น และฟังก์ชัน 4D Game Vibration ในการสั่นตามเหตุการณ์ในเกม ซึ่งช่วยเพิ่มอรรถรสให้กับการเล่นเกมอีกด้วย
รวมถึงป้องกันการโดนขัดจังหวะขณะเล่นเกม ยกตัวอย่างเช่น การโชว์เบอร์โทรสายเรียกเข้าในรูปแบบป็อบอัปเท่านั้น ทำให้เกมไม่ถูกสลับไปยังหน้ารับสายสนทนา
สำหรับเซ็นเซอร์ในเครื่อง Vivo V21 5G นั้นประกอบด้วย Accelerometer Sensor, Light Sensor, Orientation Sensor, Proximity Sensor, Gyroscope Sensor, Sound Sensor และ Magnetic Sensor
สามารถจับสัญญาณดาวเทียม GPS พร้อมรองรับระบบดาวเทียม GLONASS ของรัสเซีย โดยจากภาพตัวอย่างการทดสอบข้างต้นจะเห็นว่าสามารถจับสัญญาณดาวเทียมได้ทั้งหมด 44 ดวง และมีความแม่นยำในระดับบวกลบ 1 เมตร แต่อย่างไรก็ดีคุณภาพของสัญญาณดาวเทียม GPS ก็ขึ้นอยู่กับพื้นที่ ที่กำลังใช้งานอยู่ หรือสภาพอากาศด้วยนั่นเอง
Vivo V21 5G มาพร้อมชิปเซ็ตประมวลผล MediaTek Dimensity 800U 5G แบบ 8-แกน (Octa-Core) ผลิตบนเทคโนโลยีระดับ 7nm ที่มีความเร็วในการประมวลผลสูงสุดที่ 2.4 GHz โดยมีหน่วยประมวลผลกราฟิก (GPU) Mali-G57 MC3, หน่วยความจำแรม (RAM) ขนาด 8GB + Extended RAM 3GB, หน่วยความจำภายใน (ROM) แบบ UFS 2.2 ขนาด 128GB (มีรุ่นความจุ 256GB จำหน่ายด้วยเช่นกัน) และทำงานอยู่บนระบบปฏิบัติการ Android 11 ที่ครอบทับด้วย Funtouch OS 11.1 เวอร์ชันใหม่
และ Vivo V21 5G รองรับเทคโนโลยี Multi-Turbo สำหรับเร่งการประมวลผลด้านต่าง ๆ ของตัวเครื่อง ไม่ว่าจะเป็น CPU, กราฟิก และการเล่นเกม, การเชื่อมต่อเครือข่าย และการจัดการความร้อน
Vivo V21 5G มีผลทดสอบจากแอปพลิเคชัน AnTuTu Benchmark ที่ 311,797 คะแนน และจากทาง Geekbench 5 ในด้านการประมวลผลแบบแกนเดี่ยว (Single-Core) ที่ 536 คะแนน และในด้านการประมวลผลหลายแกน (Multi-Core) ที่ 1,586 คะแนน
สำหรับผลทดสอบการประมวลผลด้านกราฟิกจากแอปพลิเค ชัน 3DMark แบบ OpenGL ES 3.1 อยู่ที่ 3,254 คะแนน
Vivo V21 5G รองรับการสัมผัสได้พร้อมกันสูงสุด 10 จุด
จากการทดสอบด้วยการเล่นเกมที่มีกราฟิกแบบสาม มิติอย่าง Marvel Future Fight, A3 : Still Alive และ League of Legends : Wild Rift ก็พบว่า Vivo V21 5G นั้นสามารถตอบสนองต่อการใช้งานได้อย่างไหลลื่น และสามารถเล่นได้ยาวนานต่อเนื่องด้วยแบตเตอรี่ความจุ 4000 mAh อีกทั้งยังรองรับเทคโนโลยีชาร์จเร็ว 33W Vivo FlashCharge 2.0 ที่ช่วยย่นระยะเวลาในการชาร์จให้เร็วยิ่งขึ้น แต่ก็มีการสะสมความร้อนให้ได้เห็นบ้างเมื่อใช้งานเวลานาน หรือใช้งานขณะชาร์จ
Vivo V21 5G มาพร้อมกับหน้าจอแสดงผล E3 AMOLED ขนาด 6.44 นิ้ว ความละเอียดระดับ Full HD+ (1080x2400 พิกเซล : 409 ppi) ในอัตราส่วนแบบ 20:9 จึงสามารถเปิดเล่นไฟล์วิดีโอความละเอียดระดับ Full HD 1080p ได้อย่างเต็มอรรถรส และให้มุมมองที่กว้างเต็มตาเป็นพิเศษ
การใช้งานกล้องสำหรับถ่ายภาพ และวิดีโอ
Vivo V21 5G มาพร้อมกับชุดกล้องหลัง 3 ตัว (AI Triple Camera) ซึ่งประกอบไปด้วย
- กล้อง Main ความละเอียด 64 ล้านพิกเซล พร้อมรูรับแสงขนาด f1.79, เซนเซอร์รับภาพขนาด 1/1.72 นิ้ว, เม็ดพิกเซลขนาด 0.8 ไมครอน, ทางยาวโฟกัส 26 มิลลิเมตร, ระบบป้องกันการสั่นแบบ OIS (4-Axis OIS) และระบบโฟกัสอัตโนมัติแบบ PDAF
- กล้อง Multi-Function (Wide-Angle + Bokeh) ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล พร้อมรูรับแสงขนาด f2.2, เซนเซอร์รับภาพขนาด 1/4.0 นิ้ว, เม็ดพิกเซลขนาด 1.12 ไมครอน, ทางยาวโฟกัส 16 มิลลิเมตร, มุมรับภาพ 120 องศา
- กล้อง Super Macro ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล พร้อมรูรับแสงขนาด f2.4 และระยะโฟกัสที่ 4 เซนติเมตร
โดย Interface ของแอปพลิเคชันกล้องมีการดีไซน์เรียบหรู สบายตา และมีเมนูให้ได้เลือกใช้อย่างชัดเจน ได้แก่ เปิด-ปิด ไฟแฟลช พร้อมโหมด HDR และรองรับการโฟกัสดวงตา (Eye Autofocus)
โดยสามารถเลือกฟิลเตอร์และ Portrait Light Effect ทั้งหมด 5 รูปแบบ ได้แก่ Studio Light, Stereo Light, Loop Light, Rainbow Light และ Monochrome Background
รวมถึงสัดส่วนภาพถ่าย และตั้งค่าเพิ่มเติม โดยสามารถกดที่เมนู More เพื่อเลือกโหมดถ่ายภาพอื่น ๆ
รองรับการถ่ายภาพมุมกว้างแบบ Super-Wide Angle เก็บภาพมุมกว้างสุด 120 องศา และแบบ Super Macro ระยะใกล้สุดที่ 4 เซนติเมตร
พร้อมโหมด Bokeh ที่สามารถปรับค่าความเบลอได้ระหว่าง F0.95 - F16 และสามารถปรับ Bokek effect ในรูปแบบต่าง ๆ ได้ ไม่ว่าจะเป็น วงกลม, หัวใจ หรือดาว
พร้อมโหมด AI Beauty ที่สามารถเลือกปรับโครงสร้างบนใบหน้าได้อย่างอิสระ และฟังก์ชัน Posture สำหรับแนะนำท่าโพสต์ต่าง ๆ ให้
และโหมด Style ให้เลือกใช้หลายรูปแบบ ที่ให้อารมณ์ของภาพต่างกันออกไป
โดยสามารถเพิ่มฟิลเตอร์แบบต่าง ๆ ได้ รวมถึง Portrait Light Effect ทั้งหมด 5 รูปแบบ ได้แก่ Studio Light, Stereo Light, Loop Light, Rainbow Light และ Monochrome Background
นอกจากนี้ยังรองรับโหมดถ่ายภาพในเวลากลางคืนโดย เฉพาะอย่าง Super Night Mode ที่สามารถถ่ายภาพในมุมกว้างแบบ Super-Wide ได้
พร้อมเพิ่มฟิลเตอร์ทั้งหมด 4 รูปแบบ ได้แก่ Black & Gold, Blue Ice, Green Orange และ Cyberpunk
รองรับการถ่ายภาพมุมกว้างในโหมด PANO และโหมด Live Photo
โหมด High resolution สำหรับถ่ายภาพความละเอียดสูง 6912x9216 พิกเซล
และโหมด Double Exposure คล้ายการรวม 2 ภาพให้เป็น 1 ซึ่งช่วยเพิ่มความ Art ให้กับภาพถ่ายได้เป็นอย่างดี
โดยมีพื้นหลังให้เลือก 3 รูปแบบ พร้อมทำงานร่วมกับโหมด AI Beauty ได้
และเลือกฟิลเตอร์ได้ 3 รูปแบบ
รวมถึงโหมด Pro ที่มาพร้อมกับรายละเอียดการตั้งค่าต่าง ๆ ครบครัน และครอบคลุมสำหรับช่างภาพแทบทั้งหมด
การถ่ายวิดีโอบน Vivo V21 5G สามารถบันทึกความละเอียดสูงสุดที่ระดับ 4K UHD พร้อมระบบกันสั่นแบบ Ultra Stable Video ด้วยเทคโนโลยี OIS+EIS และสามารถเก็บภาพในมุมกว้างแบบ Super-Wide ได้
พร้อมโหมด Beauty ที่สามารถเลือกปรับโครงสร้างบนใบหน้าได้อย่างอิสระ (เฉพาะความคมชัดระดับ HD และ Full HD)
สามารถใส่ฟิลเตอร์เพิ่มเติมได้
รองรับฟีเจอร์ Dual-View Video ในการบันทึกภาพทั้งจากกล้องหน้า และกล้องหลังพร้อมกัน โดยสามารถเลือกได้ 3 รูปแบบ
และรองรับฟังก์ชัน SLO-MO รวมถึง Time-Lapse
ทางด้านกล้องดิจิทัลด้านหน้านั้นเป็นกล้องความละเอียด 44 ล้านพิกเซล (f2.0) รุ่นแรกของโลก ที่มีระบบป้องกันการสั่นแบบ OIS
โดยมีหน้าตา Interface ที่สามารถใช้งานได้ง่ายเช่นเดียวกัน พร้อมทั้งแสดงไอคอนเอาไว้ให้ใช้งานได้ทันที และสามารถปรับค่าต่าง ๆ ได้ที่เมนูตั้งค่า โดยรองรับระบบการโฟกัสดวงตา (Eye Autofocus) ด้วยเช่นกัน
พร้อมเพิ่มฟิลเตอร์แบบต่าง ๆ ได้ และเลือก Portrait Light Effect ได้ทั้งหมด 6 รูปแบบ ได้แก่ Natural Light, Studio Light, Stereo Light, Loop Light, Rainbow Light และ Monochrome Background
ในเมนู Portrait มีโหมด Bokeh ที่สามารถปรับค่าความเบลอได้ระหว่าง F1.0 - F16
รองรับโหมด AI Beauty ที่สามารถเลือกปรับโครงสร้างบนใบหน้าได้อย่างอิสระ พร้อมโหมด Make Up ที่คล้ายกับการแต่งหน้าให้
และฟังก์ชัน Posture สำหรับแนะนำท่าโพสต์ต่าง ๆ ให้ รองรับฟังก์ชัน Style ที่ให้อารมณ์ของภาพต่างกันออกไป
นอกจากนี้กล้องหน้าของ Vivo V21 5G ยังมาพร้อมโหมดการถ่ายเซลฟี่ในเวลากลางคืนอย่าง Super Night Mode พร้อม Selfie Fill Light ไฟจากหน้าจอที่ช่วยให้ภาพเซลฟี่ในเวลากลางคืนมีความสว่าง และคมชัด
และใช้งานร่วมกับเทคโนโลยี AI Beauty ได้
เมื่อเลือกโหมดไฟแฟลชแบบ Spotlight ไฟ LED ที่ด้านข้างลำโพงแบบ Dual Selfie Spotlight จะติดอัตโนมัติ ซึ่งช่วยเพิ่มความสว่างให้ใบหน้าได้เป็นอย่างดี
โหมด Double Exposure คล้ายการรวม 2 ภาพให้เป็น 1 ซึ่งช่วยเพิ่มความ Art ให้กับภาพถ่ายได้เป็นอย่างดี โดยมีพื้นหลัง หรือฟิลเตอร์ให้เลือก 3 รูปแบบ พร้อมทำงานร่วมกับโหมด AI Beauty ได้
การถ่ายวิดีโอด้วยกล้องหน้าของ Vivo V21 5G สามารถบันทึกความละเอียดสูงสุดที่ระดับ 4K UHD พร้อมโหมดกันสั่นไหวแบบ Steadiface และรองรับการบันทึกวิดีโอด้วยกล้องหน้าในเวลากลางคืน หรือที่แสงน้อยด้วย Spotlight Selfie Video
รองรับโหมด Beauty ที่สามารถเลือกปรับโครงสร้างบนใบหน้าได้อย่างอิสระ (เฉพาะความคมชัดระดับ HD และ Full HD)
สามารถใส่ฟิลเตอร์เพิ่มเติมได้
รองรับฟีเจอร์ Dual-View Video ในการบันทึกภาพทั้งจากกล้องหน้า และกล้องหลังพร้อมกัน โดยสามารถเลือกได้ 3 รูปแบบ
และรองรับฟังก์ชัน SLO-MO
ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องหลัง 3 ตัว (AI
Triple Camera) ความละเอียด 64+8+2 ล้านพิกเซล ของ Vivo V21 5G
ภาพถ่ายจากโหมดปกติ
ภาพถ่ายมุมกว้างแบบ Super-Wide
ภาพถ่ายจากโหมดปกติ
ภาพถ่ายมุมกว้างแบบ Super-Wide
ภาพถ่ายจากโหมดปกติ
ภาพถ่ายมุมกว้างแบบ Super-Wide
ภาพถ่ายจากโหมดปกติ
ภาพถ่ายมุมกว้างแบบ Super-Wide
ภาพถ่ายจากโหมด Portrait Bokeh
ภาพถ่ายจากโหมด Portrait Bokeh รูปแบบดาว
ภาพถ่ายจากโหมด Portrait Bokeh รูปแบบหัวใจ
ภาพถ่ายจากโหมด Portrait Bokeh พร้อม Portrait Effect แบบ Loop Light
ภาพถ่ายจากโหมด Portrait Bokeh พร้อม Portrait Effect แบบ Rainbow Light
ภาพถ่ายจากโหมด Portrait Bokeh พร้อม Portrait Effect แบบ Monochrome Background
ภาพถ่ายจากโหมด Dual Exposure
ภาพถ่ายจากโหมด Super Macro
ภาพถ่ายในเวลากลางคืนจากโหมด Super Night
ภาพถ่ายในเวลากลางคืนจากโหมด Super Night มุมกว้างแบบ Super-Wide
ภาพถ่ายในเวลากลางคืนจากโหมด Super Night
ภาพถ่ายในเวลากลางคืนจากโหมด Super Night มุมกว้างแบบ Super-Wide
ภาพถ่ายในเวลากลางคืนจากโหมด Super Night พร้อมฟิลเตอร์แบบ Black & Gold
ภาพถ่ายในเวลากลางคืนจากโหมด Super Night พร้อมฟิลเตอร์แบบ Blue Ice
ภาพถ่ายในเวลากลางคืนจากโหมด Super Night พร้อมฟิลเตอร์แบบ Green Orange
ภาพถ่ายในเวลากลางคืนจากโหมด Super Night พร้อมฟิลเตอร์แบบ Cyberpunk
ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องหน้าความละเอียด 44 ล้านพิกเซล พร้อมระบบป้องกันการสั่นแบบ OIS บน Vivo V21 5G
ภาพถ่ายจากโหมดปกติ
ภาพถ่ายจากโหมด AI Beauty
ภาพถ่ายจากโหมด Portrait Bokeh
ภาพถ่ายจากโหมด Portrait Bokeh พร้อม Portrait Effect แบบ Rainbow Light
ภาพถ่ายจากโหมด Portrait Bokeh พร้อม Portrait Effect แบบ Monochrome Background
ภาพถ่ายเซลฟี่ในเวลากลางคืนจากโหมด Super Night Selfie
สรุปผลการทดสอบของ Vivo V21 5G
จากการทดสอบทั้งหมดในข้างต้นพอจะกล่าวได้ว่า Vivo V21 5G เป็นสมาร์ทโฟน 5G ใหม่ล่าสุดอีกหนึ่งรุ่นที่มีความน่าสนใจ โดยเฉพาะสายเซลฟี่ตัวจริง ด้วยกล้องหน้าความละเอียดสูงถึง 44 ล้านพิกเซล รุ่นแรกของโลก ที่มีระบบป้องกันการสั่นแบบ OIS พร้อมโหมดถ่ายภาพในเวลากลางคืน หรือในที่แสงน้อยโดยเฉพาะโหมด Super Night Selfie และมาพร้อมไฟแฟลช LED 2 ดวง แบบ Dual Selfie Spotlight สำหรับช่วยเพิ่มความสว่างให้กับใบหน้า เพื่อเพิ่มความคมชัด รวมถึงรองรับการถ่ายวิดีโอที่ความละเอียดสูงสุดระดับ 4K UHD พร้อมโหมดกันสั่น และโหมด Spotlight Selfie Video สำหรับการบันทึกวิดีโอด้วยกล้องหน้าในเวลากลางคืน หรือที่แสงน้อย อีกทั้งยังรองรับโหมดการถ่ายภาพที่เป็นที่นิยม ไม่ว่าจะเป็นระบบการโฟกัสดวงตา (Eye Autofocus), โหมด Portrait Bokeh พร้อม Portrait Bokeh Effect ทั้งหมด 6 รูปแบบ ที่ให้อารมรณ์ต่างกันออกไป, เทคโนโลยี AI Beauty ที่ส่ามารถปรับสัดส่วนบนใบหน้าได้ทุกส่วนอย่างอิสระ
ทางด้านกล้องหลังก็น่าสนใจไม่แพ้กันด้วยชุดกล้อง 3 ตัว (AI Triple Camera) ที่มีกล้องหลักความละเอียดสูงถึง 64 ล้านพิกเซล พร้อมระบบป้องกันการสั่นแบบ OIS ผสานกับกล้อง Multi-Function (Wide-Angle + Bokeh) ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล สำหรับเก็บภาพมุมกว้างสุด 120 องศา กับการถ่ายภาพหน้าชัดหลังเบลอ และกล้อง Super Macro ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล สำหรับเก็บภาพระยะใกล้สุดที่ 4 เซนติเมตร เรียกได้ว่ารองรับการถ่ายภาพครบทุกระยะ และมีลูกเล่นการถ่ายภาพที่น่าสนใจ ไม่ว่าจะเป็นระบบการโฟกัสดวงตา Eye Autofocus, โหมดความละเอียดสูง High Resolution, โหมด Portrait Bokeh พร้อม Light Effect ทั้งหมด 5 รูปแบบ, โหมดถ่ายภาพกลางคืน Super Night Mode พร้อมฟิลเตอร์ทั้งหมด 4 แบบ, โหมด Double Exposure ที่คล้ายการนำภาพถ่าย 2 ภาพมารวมกันเป็น 1 โดยสามารถเลือกพื้นหลัง และฟิลเตอร์แบบต่าง ๆ ได้, เทคโนโลยี AI Beauty และถ่ายวิดีโอที่ความละเอียดสูงสุดระดับ 4K UHD พร้อม Ultra Stable Video โหมดกันสั่นสำหรับการถ่ายวิดีโอด้วยเทคโนโลยี OIS+EIS รวมถึง Dual-View Video ในการบันทึกวิดีโอจากกล้องหน้า และกล้องหลังพร้อมกัน เรียกได้ว่า Vivo V21 5G เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่น่าสนใจของสายเซลฟี่ และสายกล้องตัวจริง
Vivo V21 5G ยังมาพร้อมคุณสมบัติยุคใหม่ของปี 2021 อย่างการเชื่อมต่อเครือข่าย 5G ด้วยชิปเซ็ต MediaTek Dimenaity 800U ที่มีความเร็วในการประมวลผลสูงสุด 2.4GHz โดยรองรับการใช้งานบนเครือข่าย 5G แบบ Dual-Mode (SA/NSA) พร้อมการสแตนด์บายได้ทั้งสองซิมการ์ดแบบ 5G Dual SIM ซึ่งสามารถใช้งานได้ทันทีหลังแกะกล่อง จับคู่กับหน่วยความจำ RAM 8GB + Extended RAM 3GB ที่ช่วยให้การใช้งานรวดเร็วมากยิ่งขึ้น ผสานเทคโนโลยี Multi-Turbo จึงสามารถใช้งานด้านต่างๆ ได้อย่างรวดเร็ว โดยมี ROM แบบ UFS 2.2 ขนาด 128GB กับ 256GB ให้เลือก ซึ่งมีอัตราความเร็วในการเขียนข้อมูลเร็วกว่าเดิม 110% และอัตราการอ่านข้อมูลเร็วกว่าเดิม 95%
การดีไซน์ของ Vivo V21 5G พรีเมียมด้วยหน้าจอทรงหยดน้ำเทคโนโลยี E3 AMOLED ขนาด 6.44 นิ้ว ความละเอียดระดับ Full HD+ (2400x1080 พิกเซล : 409 ppi) พร้อมรองรับการแสดงผลคอนเทนต์แบบ HDR10+ ในอัตราส่วนแบบ 20:9 จึงสามารถเปิดเล่นไฟล์วิดีโอความละเอียดสูงได้อย่างเต็มอรรถรส และให้มุมมองที่กว้างเต็มตาเป็นพิเศษ อีกทั้งยังรองรับค่า Refresh Rate ระดับสูงสุดที่ 90Hz ซึ่งช่วยให้การใช้งานลื่นไหลกว่าเดิม และมีเซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือใต้หน้าจอ (In-Display Fingerprint Scanner) ที่ทำงานร่วมกับระบบสแกนใบหน้า (Face Wake) บนตัวเครื่อง Ultra Slim Design บางเฉียบเพียง 7.29 มิลลิเมตร พร้อมฝาหลังกระจกแบบด้าน (AG Matte Glass) มีการไล่เฉดสี กระทบกับแสงเป็นสีสันต่าง ๆ
ซึ่งทั้งหมดนี้ทำงานอยู่บนระบบปฏิบัติการ Android 11 ที่ถูกครอบทับด้วย Funtouch OS 11.1 เวอร์ชันใหม่ โดยมากับ UI/UX ดีไซน์เรียบหรูสบายตา ที่ผู้ใช้สามารถปรับเปลี่ยนรูปแบบของไอคอนแอปพลิเคชันได้ตามที่ต้องการ และมีฟีเจอร์ที่น่าสนใจอย่าง Dark Mode ในการปรับการแสดงผลพื้นหลังหน้าจอให้เป็นสีดำสำหรับใช้งานในที่มืดได้อย่างสบายตา นอกจากนี้ยังตอบโจทย์การใช้งานด้านความบันเทิงโดยเฉพาะการเล่นเกมได้เป็นอย่างดี ด้วยฟีเจอร์เอาใจเกมเมอร์อย่าง Ultra Game Mode โหมดพิเศษที่ถูกออกแบบมาสำหรับการเล่นเกมโดยเฉพาะ ยกตัวอย่างเช่น การโชว์เบอร์โทรสายเรียกเข้าในรูปแบบ Pop-Up เท่านั้น ทำให้เกมไม่ถูกสลับไปยังหน้ารับสายสนทนา และการย่อขนาดคีย์บอร์ดภายในเกมให้มีขนาดเล็กลง เพื่อป้องกันปัญหาคีย์บอร์ดบดบังการแสดงผล นอกจากนี้ยังมาพร้อมกับระบบที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการเล่นเกม และป้องกันปัญหาเฟรมเรตตกระหว่างเล่นเกมได้ดีขึ้นอีกด้วย นอกจากนี้ยังรองรับฟีเจอร์ 4D Game Vibration ในการสั่นตามเหตุการณ์ในเกม ซึ่งช่วยเพิ่มอรรถรสให้กับการเล่นเกมนั่นเอง
Vivo V21 5G เปิดราคาวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการในประเทศไทยแล้วที่ 12,999 บาท (รุ่น 8GB+128GB) และ 14,999 บาท (รุ่น 8GB+256GB) กับตัวเลือก 3 สี ได้แก่ Dusk Blue, Sunset Dazzle และ Arctic White โดยเปิดให้สั่งจองล่วงหน้า (Pre-Order) แล้วตั้งแต่วันนี้ ถึงวันที่ 19 พฤษภาคม 2564 ที่ Vivo Brand Shop ทุกสาขา และตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศ พร้อมรับฟรีลำโพงบลูทูธมูลค่า 1,199 บาท และ VIP Card รับประกันตัวเครื่อง 1 ปี + หน้าจอแตก 1 ปี มูลค่า 3,999 บาท
สำหรับ Vivo V21 5G รุ่น 8GB+128GB มาพร้อมโปรโมชั่นราคาพิเศษเริ่มเพียง 4,989 บาท เมื่อสั่งจองผ่านทาง 3 ผู้ให้บริการเครือข่ายทั้ง AIS, TrueMove H และ dtac (เงื่อนไขเป็นไปตามผู้ให้บริการเครือข่ายกำหนด)
และผู้ที่สั่งจอง Vivo V21 5G รุ่น 8GB+256GB ในช่วงเวลาที่กำหนด มีสิทธิ์ลุ้นรับเครื่องเป่าผม Dyson Supersonic มูลค่า 15,900 บาทฟรี
สุดท้ายนี้ ต้องขอขอบคุณทาง Vivo ประเทศไทย ที่ให้ความไว้วางใจส่งเครื่อง
Vivo V21 5G มาให้ทางทีมงานได้ทำการรีวิวให้ท่านผู้อ่านได้รับชมกัน
และขอขอบคุณสถานที่สวย ๆ ของร้าน HARIO CAFE Bangkok
สำหรับวันนี้ทางทีมงานต้องขอลาไปก่อน พบกันได้ใหม่ในโอกาสหน้า สวัสดีค่ะ
จุดเด่นของ Vivo V21 5G
- ดีไซน์ตัวเครื่องแบบ Ultra-Slim Matte Glass ที่บางเฉียบเพียง 7.29 มิลลิเมตร (สี Dusk Blue) หรือ 7.39 มิลลิเมตร (สี Sunset Dazzle และสี Arctic White)
- ดีไซน์กล้องแบบ Flat Frame กับ Dual Tone Step ที่มีความสมมาตรสวยงาม
- มี 3 สีมาตรฐานให้เลือก Sunset Dazzle, Arctic White และ Dusk Blue
- หน้าจอแสดงผลแบบ E3 AMOLED ขนาด 6.44 นิ้ว ความละเอียดระดับ FHD+ (2400x1080 พิกเซล : 409 PPI) พร้อมอัตราการรีเฟรชหน้าจอที่ 90 Hz, รองรับการแสดงผลคอนเทนต์แบบ HDR10+, ค่าความสว่างสูงสุดที่ 800 nits, ค่า Contrast Ratio ที่ 6,000,000:1, อัตราส่วนการแสดงผลแบบ 20:9, และครอบทับด้วยกระจกขอบนูนแบบ 2.5D
- เซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือใต้หน้าจอ (In-Display Fingerprint Scanner) พร้อมระบบปลดล็อกด้วยใบหน้า (Face Unlock)
- ชิปเซ็ตประมวลผล MediaTek Dimensity 800U (MT6853) ความเร็ว 2.4 GHz บนสถาปัตยกรรมการผลิตระดับ 7 nm พร้อมเทคโนโลยี Multi-Turbo
- หน่วยประมวลผลกราฟิก (GPU) Mali-G57 MC3
- หน่วยความจำแรม (RAM) ขนาด 8GB พร้อมฟีเจอร์ Extended RAM ที่สามารถขยาย RAM เพิ่มได้อีก 3GB ด้วย Internal Storage (ROM)
- หน่วยความจำภายใน (ROM) แบบ UFS 2.2 ขนาด 128GB และ 256GB
- รองรับการ์ดหน่วยความจำเสริมแบบ microSD (บนถาดแบบ Hybrid Slot)
- แบตเตอรี่ความจุ 4000 mAh พร้อมเทคโนโลยีชาร์จแบตเตอรี่ความเร็วสูงแบบ 33W Vivo FlashCharge
2.0 (11V/3A) ที่สามารถชาร์จแบตเตอรี่ระดับ 0-63% ได้ในเวลา 30 นาที
- ทำงานอยู่บนระบบปฏิบัติการ Android 11 พร้อมครอบทับด้วย Funtouch OS 11.1
กล้องดิจิทัลด้านหน้าความละเอียด 44 ล้านพิกเซล รุ่นแรกของโลก ที่มีระบบป้องกันการสั่นแบบ OIS
พร้อมรูรับแสงขนาด f2.0 พร้อมระบบการโฟกัสดวงตา (Eye
Autofocus), ระบบโฟกัสอัตโนมัติ, เทคโนโลยี AI Face Beauty
สำหรับปรับแต่งใบหน้าของตัวแบบให้มีความสวยงามเป็นธรรมชาติ
ผ่านการวิเคราะห์โดยปัญญาประดิษฐ์, โหมด Portrait Bokeh พร้อม Portrait Light
Effect ทั้งหมด 6 รูปแบบ รวมถึงฟังก์ชัน Make Up ในการแต่งหน้าให้, โหมด Pose
Master ในการแนะนำท่าโพสต์ที่สวยงามให้กับผู้ถ่าย, โหมด Super Night พร้อม
Selfie Fill Light
การใช้ความสว่างจากหน้าจอเพื่อให้การถ่ายเซลฟี่ในที่แสงน้อย
หรือเวลากลางคืนคมชัดมากขึ้น รวมถึง Dual Selfie Spotlight ไฟ LED
2 ดวงที่ด้านข้างลำโพง
ที่ช่วยเพิ่มความสว่างให้ใบหน้าขณะถ่ายเซลฟี่ในเวลากลางคืน
และรองรับการถ่ายวิดีโอที่ความละเอียดสูงสุดระดับ 4K UHD (30 fps) พร้อมระบบป้องกันการสั่น Super Stable Selfie Video (OIS+EIS), โหมด
Spotlight Selfie Video การบันทึกวิดีโอด้วยกล้องหน้าในเวลากลางคืน
หรือที่แสงน้อยด้วยไฟแฟลชคู่ Dual Selfie Spotlight และโหมด Dual-View Video
กล้องดิจิทัลด้านหลัง 3 ตัว (AI Triple Camera) ประกอบด้วย
> กล้อง Main ความละเอียด 64 ล้านพิกเซล พร้อมรูรับแสงขนาด f1.79, เซนเซอร์รับภาพขนาด 1/1.72 นิ้ว, เม็ดพิกเซลขนาด 0.8 ไมครอน, ทางยาวโฟกัส 26 มิลลิเมตร, ระบบป้องกันการสั่นแบบ OIS (4-Axis OIS) และระบบโฟกัสอัตโนมัติแบบ PDAF
> กล้อง Multi-Function (Wide-Angle + Bokeh) ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล พร้อมรูรับแสงขนาด f2.2, เซนเซอร์รับภาพขนาด 1/4.0 นิ้ว, เม็ดพิกเซลขนาด 1.12 ไมครอน, ทางยาวโฟกัส 16 มิลลิเมตร, มุมรับภาพ 120 องศา
> กล้อง Super Macro ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล พร้อมรูรับแสงขนาด f2.4 และระยะโฟกัสที่ 4 เซนติเมตร
โดยรองรับระบบการโฟกัสดวงตา Eye Autofocus, โหมดความละเอียดสูง High
resolution, โหมด Portrait Bokeh พร้อม Light Effect, โหมดถ่ายภาพกลางคืน
Super Night Mode พร้อมฟิลเตอร์ทั้งหมด 4 แบบ, โหมด Double Exposure
คล้ายการนำภาพถ่าย 2 ภาพมารวมกันเป็น 1 โดยสามารถเลือกพื้นหลัง
และฟิลเตอร์แบบต่าง ๆ ได้, เทคโนโลยี AI Beauty และถ่ายวิดีโอที่ความละเอียดสูงสุดระดับ 4K
UHD (30 fps) พร้อมฟีเจอร์ Ultra Stable Video ระบบป้องกันการสั่นสำหรับการถ่ายวิดีโอด้วยเทคโนโลยี
OIS+EIS รวมถึง Dual-View Video ในการบันทึกวิดีโอจากกล้องหน้า
และกล้องหลังพร้อมกัน
- รองรับการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตผ่านทางระบบ 5G แบบ Dual-Mode (SA/NSA), 4G
LTE, 3G, EDGE, GPRS และ Wi-Fi 802.11 a/b/g/n/ac (2.4/5.0 GHz)
- รองรับเทคโนโลยี 5G Dual SIM (5G+5G) บนถาดซิมการ์ดแบบ Hybrid Slot
- รองรับการเชื่อมต่อข้อมูลแบบไร้สายผ่านทาง Bluetooth 5.1
- พอร์ตเชื่อมต่อแบบ USB Type-C พร้อมรองรับ OTG (USB On-the-Go)
- รองรับการระบุตำแหน่งด้วยระบบดาวเทียม GPS+A-GPS ของประเทศสหรัฐอเมริกา, GLONASS ของประเทศรัสเซีย,
Beidou ของประเทศจีน และ GALILEO ของสหภาพยุโรป
- ฟังก์ชัน App Clone สำหรับใช้งานแอปพลิเคชันประเภทโซเชียลมีเดียได้พร้อมกัน
2 แอคเคานท์
- ระบบผู้ช่วยอัจฉริยะ Jovi AI Assistant
- ราคา 12,999 บาท (รุ่น 8GB+128GB) กับ 14,999 บาท (รุ่น 8GB+256GB) ถือว่าเหมาะสมเมื่อเทียบกับคุณสมบัติโดยรวม
จุดที่อาจจะต้องพิจารณาเพิ่มเติมของ Vivo
V21 5G
- ลำโพงเป็นแบบเดี่ยว
- ตัวเครื่องไม่มีคุณสมบัติของการป้องกันน้ำ หรือป้องกันฝุ่น
- ไม่มีพอร์ตเชื่อมต่อหูฟังขนาด 3.5 มิลลิเมตร (แต่มีการแถมตัวแปลงพอร์ต USB
Type-C เป็นพอร์ตหูฟังขนาด 3.5 มิลลิเมตรมาในแพ็กเกจ)
- ตัวเครื่องมีการสะสมความร้อนเมื่อใช้งานติดต่อกันเป็นเวลานาน
โปรดทราบ
* โทรศัพท์มือถือที่ท่านเห็นในบทความรีวิวนี้เป็นเพียงเครื่องทดสอบจากทางผู้ผลิต เพราะฉะนั้นคุณสมบัติบางอย่างอาจมีความแตกต่างจากเครื่องที่วางจำหน่ายจริงบ้างไม่มากก็น้อย รวมถึงจุดด้อยบางประการที่พบในเครื่องทดสอบ อาจจะถูกแก้ไขปรับปรุงให้ดีขึ้นในเครื่องที่วางจำหน่ายจริง ดังนั้นหากท่านสนใจซื้อโทรศัพท์มือถือรุ่นนี้ ควรตรวจสอบ หรือทดลองใช้งานสินค้าด้วยตนเองอีกครั้งหนึ่ง *
วันที่ : 12/05/2021