รีวิว (Review) Vivo V20 Pro 5G
สมาร์ทโฟน 5G บางที่สุดในโลก กับกล้องหน้าคู่ 44MP ชิปเกมมิ่ง และพลังชาร์จ 33W ด้วยจอ AMOLED 6.44 นิ้ว กับสแกนนิ้วบนจอ, กล้องหลัง AI 3 ตัว 64MP ผสานกล้องหน้าคู่ Eye Autofocus, ชิปเซ็ต Snapdragon 765G, แบตเตอรี่ FlashCharge 33W จุใจ 4000 mAh และ ROM 128GB+RAM 8GB บนตัวเครื่องสวยพรีเมียมสุดบางเฉียบ 7.39 มิลลิเมตร ในราคา 14,999 บาท
21 กันยายน 2020 - เพิ่งเปิดตัวในประเทศไทยกันไปสดๆ ร้อนๆ เมื่อช่วงเย็นที่ผ่านมา สำหรับ Vivo V20 Pro 5G ทายาท V Series กับจุดขายสำคัญคือเป็นสมาร์ทโฟน 5G ที่มีตัวเครื่องบางเฉียบที่สุดในโลกเพียง 7.39 มิลลิเมตร ซึ่งสามารถใช้งาน 5G ในไทยได้ทันทีตั้งแต่แกะกล่อง และการดีไซน์เรียบหรูพรีเมียม พร้อมฟีเจอร์ที่จัดเต็มขึ้นกว่าเดิม
Vivo V20 Pro 5G รองรับเครือข่าย 5G ด้วยชิปเซ็ต Qualcomm Snapdragon 765G พร้อมเทคโนโลยี Multi-Turbo ที่ช่วยในการเร่งประสิทธิภาพการทำงานด้านต่างๆ และรองรับระบบระบายความร้อนด้วยของเหลว (Vapor Chamber Liquid Cooling) โดยจับคู่กับ RAM ขนาด 8GB + ROM ขนาด 128GB และมีแบตเตอรี่ความจุ 4000 mAh ซึ่งรองรับเทคโนโลยีชาร์จเร็ว vivo Energy Guardian FlashCharge 33W (11V/3A) (FlashCharge 2.0)
Vivo V20 Pro 5G มาในดีไซน์จอไร้ขอบพร้อมรอยบากขนาดเล็กที่ด้านบน ซึ่งเป็นจอ AMOLED ขนาด 6.44 นิ้ว ในอัตราส่วนแบบ 20:9 ที่มีค่า Contrast Ratio สูงสุดที่ระดับ 3,000,000:1 รวมทั้งรองรับการแสดงผลคอนเทนต์แบบ HDR10 และมีเซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือฝังอยู่ใต้หน้าจอ โดยรอยบากขนาดเล็กด้านบนนั้นเป็นพื้นที่สำหรับติดตั้งกล้องหน้าคู่ (Dual Selfie Camera) ที่มีความละเอียดสูงถึง 44 ล้านพิกเซล พร้อมกล้องรองแบบ Super Wide-Angle ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล ในการเก็บภาพเซลฟี่แบบมุมกว้างสูงสุด 105 องศา ส่วนที่ด้านหลังใช้ดีไซน์พื้นผิวแบบด้าน (AG Matte Glass) พร้อมติดตั้งกล้องหลัง 3 ตัว (AI Triple Camera) ในดีไซน์ใหม่แบบ Dual Tone Step กับกล้องหลักที่มีความละเอียดสูงสุด 64 ล้านพิกเซล
จากข้อมูลในข้างต้นก็กล่าวได้ว่า Vivo V20 Pro 5G
มีจุดเด่นที่น่าสนใจอยู่หลายด้านเลยทีเดียว
ไม่ว่าจะเป็นการดีไซน์ตัวเครื่องสุดพรีเมียมบางเฉียบเทียบชั้นเรือธง กล้องถ่ายภาพที่ยอดเยี่ยมทั้งด้านหน้า-ด้านหลัง
พร้อมฟีเจอร์ที่พร้อมตอบโจทย์การใช้งานในปัจจุบันทุกรูปแบบ
กับราคาวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการในประเทศไทยที่ 14,999 บาท
ซึ่งเป็นราคาที่เอื้อมถึงได้ไม่ยากจนเกินไป ส่วนการใช้งานจริงจะเป็นอย่างไร ดีไซน์ตัวเครื่องจะสวยงามขนาดไหน
และฟีเจอร์ที่มีอยู่จะตอบสนองต่อการใช้งานได้ดีเพียงใด ขอเชิญทุกท่านรับชมรีวิว
Vivo V20 Pro 5G พร้อมกันได้เลยค่ะ
รูปลักษณ์ภายนอกตัวเครื่อง และการออกแบบดีไซน์
Vivo V20 Pro 5G มาในแพ็กเกจสีน้ำเงิน พร้อมชื่อรุ่น ที่มีริ้วสีฟ้ารูปตัว V เมื่อกระทบกับแสง และระบุความจุ RAM + ROM ไว้อย่างชัดเจนที่มุมบนขวา
ภายในกล่องมีอุปกรณ์พื้นฐานมาให้อย่างครบครัน ไม่ว่าจะเป็น หูฟัง, อะแดปเตอร์ Vivo FlashCharge 2.0 (11V/3A), สายเชื่อมต่อแบบ USB Type-C, เคสใส, สายแปลง USB Type-C เป็นรูหูฟัง 3.5 มิลลิเมตร, เข็มสำหรับถอดถาดซิมการ์ด และคู่มือการใช้งาน
ภาพตัวอย่างการสวมใส่เคสใสที่แถมมาให้ภายใน แพ็กเกจ
Vivo V20 Pro 5G มาพร้อมหน้าจอแสดงผล AMOLED ขนาด 6.44 นิ้ว ในอัตราส่วน 20:9 ความละเอียดระดับ Full HD+ (1080x2400 พิกเซล : 408 ppi) และครอบทับด้วยกระจกขอบโค้งแบบ 2.5D บนตัวเครื่องมีขนาด 158.82 X 74.20 X 7.39 มิลลิเมตร และมีน้ำหนัก 170 กรัม
พร้อมรองรับฟังก์ชัน Always On Display
ที่ด้านบนมีรอยบากขนาดเล็กที่ตรงกลาง เป็นพื้นที่สำหรับกล้องหน้าเซลฟี่ฝังอยู่บนหน้าจอที่มุมบนขวาแบบ Dual Selfie Camera ประกอบด้วย กล้องหลักความละเอียด 44 ล้านพิกเซล พร้อม Eye Autofocus และกล้องรองแบบ Ultra Wide ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล ที่สามารถถ่ายภาพเซลฟี่มุมกว้างสุดที่ 105 องศา และรองรับเทคโนโลยี AI Face Beauty สำหรับปรับแต่งใบหน้าของตัวแบบให้มีความสวยงามเป็นธรรมชาติ ผ่านการวิเคราะห์โดยปัญญาประดิษฐ์
ส่วนลำโพงสำหรับสนทนาจะอยู่ด้านบนสุด และมีการติดตั้งเซ็นเซอร์ Proximity สำหรับปิดหน้าจอแบบอัตโนมัติขณะสนทนา เพื่อประหยัดพลังงาน กับเซ็นเซอร์ Ambient Light สำหรับตรวจวัดระดับความสว่างของสภาพแวดล้อม เพื่อปรับความสว่างของหน้าจอ และแผงปุ่มกดให้เหมาะสม
พร้อมกับรองรับระบบสแกนใบหน้าแบบ Face Access ในการปลดล็อกตัวเครื่อง
ด้านหน้าส่วนล่างประกอบด้วย ปุ่มกดแบบ On-Screen ประกอบด้วย ปุ่มย้อนกลับ, ปุ่มโฮม และปุ่ม Recent Apps
หรือเลือกใช้งานวิธีควบคุมแบบ Gestures ซึ่งเป็นการลาก และปัดบริเวณขอบหน้าจอเพื่อสั่งการได้ด้วย
รวมถึงรองรับเทคโนโลยีสแกนลายนิ้วมือใต้หน้าจอ (In-Display Fingerprint)
ที่ด้านบนของตัวเครื่องมีไมโครโฟนตัวที่สอง
ที่ด้านล่างประกอบด้วย ลำโพงเสียงตัวหลัก, พอร์ตเชื่อมต่อแบบ USB Type-C, ไมโครโฟนสำหรับสนทนา และถาดใส่ซิมการ์ด nanoSIM พร้อมกัน 2 ซิมการ์ด โดยไม่รองรับหน่วยความจำภายนอกแบบ microSD และไม่มีช่องเชื่อมต่อหูฟังขนาด 3.5 มิลลิเมตร
ด้านซ้ายของตัวเครื่องไม่มีช่อง หรือปุ่มสั่งการใดๆ
ด้านขวาของตัวเครื่อง มีปุ่มเปิด-ปิดเครื่อง หรือล็อกหน้าจอ และปุ่มปรับระดับเสียง
ด้านหลังของ Vivo V20 Pro 5G ฝาหลังดีไซน์เรียบหรูแบบ AG Matte Glass กับพื้นผิวแบบด้าน พร้อมเทคโนโลยี AF ที่ช่วยป้องกันการเกิดรอยนิ้วมือ ซึ่งสีของตัวเครื่องได้แรงบันดาลใจมาจากธรรมชาติ โดยสีที่ทางทีมงานนำมารีวิวให้ได้ชมกันเป็นสี Moonlight Sonata
กล้องหลังของ Vivo V20 Pro 5G มีทั้งหมด 3 ตัว (AI Triple Camera) ในดีไซน์ใหม่อย่าง Dual Tone Step แบบสมมาตร โดยแบ่งออกเป็น
กล้องตัวหลักความละเอียด 64 ล้านพิกเซล
(F/1.89)
กล้องตัวที่สองแบบ Super Wide Angle ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล
สำหรับเก็บภาพมุมกว้างสุดที่ 120 องศา (F/2.2)
กล้องตัวที่สามแบบ Mono ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล (F/2.4)
เปิดเครื่องใช้งาน พร้อมการทดสอบฟังก์ชัน และแอปพลิเคชันต่างๆ
Vivo V20 Pro 5G ขับเคลื่อนการทำงานด้วยระบบปฏิบัติการ Android เวอร์ชัน 10 ซึ่งถูกครอบทับด้วย Funtouch OS 11 เวอร์ชันใหม่
และสามารถใช้งานได้พร้อมกัน 2 ซิมการ์ด พร้อมรองรับการใช้งานบนเครือข่าย 5G และใช้งานได้ทันที
(n1 : 2100 | n3 : 1800 | n41 : 2500 | n77 : 3700 | n78 : 3500)
เมื่อกดปุ่ม Recent Apps จะพบกับหน้าแอปพลิเคชันทั้งหมดที่เปิดใช้งานเอาไว้ ซึ่งผู้ใช้สามารถเลือกปิดแอปพลิเคชันที่เปิดค้างเอาไว้ได้ เพียงแค่เลื่อนหน้าต่างแอปนั้นๆ ไปยังด้านบน หรือปิดแอปพลิเคชันทั้งหมดภายในครั้งเดียวได้อย่างง่ายดาย ด้วยการกดปุ่มไอคอน X ที่ด้านล่าง
เมื่อกดค้างที่หน้าจอจะเป็นการเข้าสู่เมนูการ ปรับแต่งหน้าจอ โดยผู้ใช้สามารถปรับตำแหน่งของไอคอน พร้อมตั้งค่า Home, Widgets และเปลี่ยน Wallpaper ได้
เมื่อลากจากขอบด้านบนของหน้าจอลงมาจะพบกับ Notification Center ซึ่งเป็นหน้ารวมสำหรับการแสดงแจ้งเตือนต่างๆ และเมื่อปัดลงอีกหนึ่งครั้งจะเป็นการขยายหน้าจอ Toggle Switch ปุ่มลัดสำหรับการเปิด-ปิดฟังก์ชัน ต่างๆ
โดยผู้ใช้ยังสามารถปรับแต่งตำแหน่งของคีย์ลัด เองได้ด้วย
พร้อมหน้า Jovi Home ที่จะแสดงภาพรวมการใช้งานตัวเครื่อง, Event, การแจ้งเตือนให้ดื่มน้ำ และการนับก้าว พร้อมสรุปพลังงานที่เผาผลาญในเบื้องต้น
พร้อมตั้งค่าการแสดงผลได้
เมื่อปัดไปทางด้านขวาจากหน้าโฮมสกรีน จะพบกับ Google Discover หน้าที่รวบรวมข่าวสารที่ได้รับความนิยมในโลกออนไลน์ โดยอ้างอิงจากการค้นหาของผู้ใช้
แอปพลิเคชัน iManager เครื่องมือสำหรับจัดการประสิทธิภาพภายในตัวเครื่อง ทั้งการล้างพื้นที่ (การเคลียร์แรม), ตั้งค่าการใช้งานอินเทอร์เน็ตของแต่ละแอปพลิเคชัน หรือการจำกัดความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้
Vivo V20 Pro 5G สามารถปรับตั้งค่าการแสดงผลของหน้าจอได้อย่างหลากหลาย ได้แก่ การปรับความสว่างแบบอัตโนมัติ พร้อมโหมด Eye Protection
และ Dark Mode ในการเปลี่ยนพื้นหลังให้กลายเป็นสีดำ
ตัวอย่างการใช้งาน Dark Mode
และด้วยดีไซน์ของ Vivo V20 Pro 5G ที่มีหน้าจอในอัตราส่วน 20:9 จึงสามารถปรับให้บางแอปพลิเคชันสามารถแสดงผลในสัดส่วนแบบเต็มหน้าจอได้ด้วย และเลือกการแสดงผลของรอยบากที่ด้านบนในแต่ละแอปพลิเคชันได้
ในส่วนของการตั้งค่า Lock Screen & Wallpaper สามารถเปิด-ปิด ฟีเจอร์ Always On Display ในการแสดงวันที่ เวลา และการแจ้งเตือนต่างๆ บนหน้า Lockscreen
และสามารถเลือกรูปแบบได้หลากหลาย
สามารถเปลี่ยนธีม และภาพพื้นหลังได้
และยังสามารถเปลี่ยนธีม และภาพพื้นหลังของตัวเครื่องเพิ่มเติมได้ที่แอปพลิเคชัน Theme
รวมถึง Font ตัวอัปษรรูปแบบต่างๆ และการตั้งค่าอื่นๆ บนหน้าจอ
สามารถเปิด-ปิด ฟังก์ชัน Lockscreen Magazine ในการเปลี่ยนภาพล็อกหน้าจอทุกครั้งที่เปิดการทำงาน และรูปแบบของหน้า Lockscreen
นอกจากนี้ยังสามารถตั้งค่า Animation เมื่อมีการเข้าสู่หน้าโฮมจากการปลดล็อกหน้าจออีกด้วย
สามารถเลือกใช้งานปุ่ม Navigation Buttons หรือเลือกใช้งานวิธีควบคุมแบบ Navigation Gestures ซึ่งเป็นการลาก และปัดบริเวณขอบหน้าจอเพื่อสั่งการได้ ให้เหมาะกับการใช้งานของผู้ใช้แต่ละคนได้
สำหรับระบบรักษาความปลอดภัยของ Vivo V20 Pro 5G มีทั้งเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือที่ฝังอยู่ใต้หน้าจอ (In-Display Fingerprint) โดยสามารถตั้งค่าการใช้งานเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือสำหรับปลุกการทำงานของ เครื่อง หรือปลดล็อกหน้าจอได้ พร้อมทั้งสามารถเพิ่มลายนิ้วมือได้มากกว่า 1 ลายนิ้วมือ ซึ่งจากการทดสอบตัวเซ็นเซอร์ก็สามารถปลดล็อกหน้าจอได้รวดเร็วทันใจ
โดยสามารถตั้งค่ารูปแบบไอคอนที่หน้า Lockscreen และ Animation เมื่อมีการเข้าสู่หน้าโฮมจากการปลดล็อกหน้าจอได้อีกด้วย
และระบบการปลดล็อกด้วยใบหน้า (Face Access) ที่สามารถปลดล็อกได้อย่างรวดเร็ว โดยสามารถลงทะเบียนได้เพียง 1 ใบหน้าเท่านั้น
และสามารถเลือกรูปแบบ Animation ขณะปลดล็อกได้เช่นกัน
Vivo V20 Pro 5G มาพร้อมแบตเตอรี่ความจุ 4000 mAh พร้อมระบบจัดการพลังงานภายในเครื่อง และโหมดประหยัดพลังงานแบบ Battery Saver ที่เมื่อเปิดใช้งานสัญลักษณ์แบตเตอรี่จะเปลี่ยนเป็นสีส้ม พร้อมสัญลักษณ์ + ที่ด้านใน รวมถึงปรับการแสดงผลให้เป็น Dark Mode
และรองรับเทคโนโลยีชาร์จเร็วแบบ vivo Energy Guardian FlashCharge 33W (11V/3A) ที่ช่วยย่นระยะเวลาในการชาร์จให้เร็วยิ่งขึ้น
โดยสามารถตั้งค่า Animation การชาร์จได้
และสามารถตรวจสอบเวลาที่ใช้ไปในแต่ละแอปพลิเค ชัน รวมถึงกำหนดระยะเวลาในการใช้งานในแต่ละแอปพลิเคชันได้
รองรับฟังก์ชัน App Clone สำหรับโคลนนิ่งแอปพลิเคชัน ซึ่งในเบื้องต้นนั้นสามารถโคลนนิ่งได้เฉพาะแอปพลิเคชันโซเชียลเน็ตเวิร์ก เช่น Facebook และ Line จึงทำให้ผู้ใช้สามารถล็อกอินแอปพลิเคชันเหล่านี้ได้พร้อมกันถึง 2 แอคเคานท์
รองรับโหมด Multiple-user ที่สามารถสลับการใช้งานจากผู้ใช้หลายคนได้ โดยข้อมูลของผู้ใช้แต่ละคน และการรักษาความปลอดภัยต่างๆ จะถูกแยกออกจากกันอย่างสิ้นเชิง ซึ่งเหมาะสำหรับท่านที่ต้องการแยกการทำงาน และการใช้งานทั่วไปให้ชัดเจน
สามารถบันทึกภาพสกรีนช็อต S-capture ได้อย่างรวดเร็วเพียงลาก 3 นิ้ว จากบริเวณด้านล่างหน้าจอไปยังด้านบน หรือกดปุ่ม Power พร้อมกับปุ่มลดเสียง
และยังสามารถบันทึกภาพสกรีนช็อตแบบยาวได้ด้วย
และมีฟังก์ชัน Screen-Split ที่สามารถแบ่งหน้าจอเพื่อใช้งานสองแอปพลิเคชันได้พร้อมๆ กัน โดยสามารถเปิดใช้งานได้ทั้งหมด 3 รูปแบบ
ตัวอย่างการใช้งานฟังก์ชัน Screen-Split ที่รองรับทั้งในแนวตั้ง และแนวนอน
สำหรับฟังก์ชันการใช้งานอัจฉริยะ Smart Motion มาให้ใช้งานบน Vivo V20 Pro 5G ด้วยเช่นกัน ซึ่งประกอบไปด้วย โหมด Smart screen on, Smart Wake และ Smart Call
Smart screen on การเปิด-ปิด หน้าจอแบบอัจฉริยะ โดยสามารถตั้งค่าให้หน้าจอติดเมื่อยกตัวเครื่องขึ้น หรือสัมผัสหน้าจอ 2 ครั้งติดกันเพื่อเป็นการล็อกหน้าจอ
Smart Wake เป็นการวาดตามรูปแบบต่างๆ เพื่อเปิดใช้งานคีย์ลัด เช่น การวาดตัวอักษร C เพื่อเข้าสู่ฟังก์ชันการโทรศัพท์ หรือการวาดตัวอักษร m เพื่อเข้าสู่แอปพลิเคชัน Music สำหรับฟังเพลง
และ Smart Call การโทรอัจฉริยะ ที่สามารถตั้งค่าให้สามารถโทรออกได้ทันทีเมื่อเปิดหน้ารายชื่อคนที่ต้องการ และยกโทรศัพท์ขึ้นแนบหู หรือรับสายได้ทันทีเมื่อยกโทรศัพท์แนบหู รวมถึงใช้มือปิดหน้าจอเมื่อมีสายเข้าเพื่อเป็นการปิดเสียงแจ้งเตือน
รวมทั้งยังมีโหมดการใช้งานมือเดียว One-handed ซึ่งเป็นการปรับขนาดของแผงตัวเลขโทรศัพท์, แป้นพิมพ์รหัสผ่านให้เล็กลง ซึ่งช่วยให้ใช้งานมือถือด้วยมือเดียวอย่างสะดวกขึ้น
และ Smart Click ในการเปิดใช้งานฟังก์ชันเฉพาะในขณะล็อกหน้าจอ ทั้งการเปิดไฟแฟลช, บันทึกเสียง หรือเปิดใช้งานกล้องถ่ายภาพ
และสามารถเปิดใช้ฟังก์ชัน Easy Touch ปุ่มคีย์ลัดที่สามารถเลื่อนเปลี่ยนตำแหน่งได้
รองรับฟังก์ชัน Ambient Light Effect การแจ้งเตือนสายเข้า หรือข้อความ ด้วยไฟวิ่งรอบขอบหน้าจอ
ที่สามารถตั้งค่าการแจ้งเตือน พร้อมปรับแต่งรูปแบบ และสีของไฟตามที่ชอบได้อีกด้วย
ท่านที่ใช้งาน Vivo V20 Pro 5G เป็นสมาร์ทโฟนเครื่องใหม่แล้วอยากย้ายข้อมูลจากสมาร์ทโฟนเครื่องเดิม ก็สามารถโอนย้ายข้อมูลด้วยแอปพลิเคชัน Phone Clone ได้ทันที
Vivo V20 Pro 5G รองรับระบบเสียง Hi-Res Audio พร้อมเล่นเพลง และไฟล์เสียงต่างๆ ผ่านแอปพลิเคชัน Music รองรับเทคโนโลยี DeepField สำหรับช่วยขับเสียงร้องให้มีความชัดเจน พร้อมปรับเสียงเบสให้มีอิมแพคมากยิ่งขึ้น
สามารถปรับค่า Equalizer และเลือกใช้หูฟังต่างๆ ของ Vivo ได้
รวมถึงตั้งค่าเสียงให้เหมาะกับระดับความสามารถ ในการฟังของแต่ละวัยได้ด้วย
Vivo V20 Pro 5G ยังมาพร้อมกับฟังก์ชัน Ultra Game Mode ซึ่งเป็นโหมดพิเศษที่ถูกออกแบบมาสำหรับการเล่นเกมโดยเฉพาะ พร้อมรองรับระบบที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการเล่นเกม ป้องกันปัญหาเฟรมเรตตกระหว่างเล่นเกมได้ดีขึ้น และฟังก์ชัน 4D Game Vibration ในการสั่นตามเหตุการณ์ในเกม ซึ่งช่วยเพิ่มอรรถรสให้กับการเล่นเกมอีกด้วย
รวมถึงป้องกันการโดนขัดจังหวะขณะเล่นเกม ยกตัวอย่างเช่น การโชว์เบอร์โทรสายเรียกเข้าในรูปแบบป็อบอัปเท่านั้น ทำให้เกมไม่ถูกสลับไปยังหน้ารับสายสนทนา
สำหรับเซ็นเซอร์ในเครื่อง Vivo V20 Pro 5G นั้นประกอบด้วย Accelerometer Sensor, Light Sensor, Orientation Sensor, Proximity Sensor, Gyroscope Sensor, Sound Sensor และ Magnetic Sensor
สามารถจับสัญญาณดาวเทียม GPS พร้อมรองรับระบบดาวเทียม GLONASS ของรัสเซีย โดยจากภาพตัวอย่างการทดสอบข้างต้นจะเห็นว่าสามารถจับสัญญาณดาวเทียมได้ทั้งหมด 37 ดวง และมีความแม่นยำในระดับบวกลบ 3 เมตร แต่อย่างไรก็ดีคุณภาพของสัญญาณดาวเทียม GPS ก็ขึ้นอยู่กับพื้นที่ ที่กำลังใช้งานอยู่ หรือสภาพอากาศด้วยนั่นเอง
Vivo V20 Pro 5G มาพร้อมชิปเซ็ตประมวลผล Qualcomm Snapdragon 765G แบบ 8-แกน (Octa-Core) ที่มีความเร็วในการประมวลผลสูงสุดที่ 2.4 GHz โดยมีหน่วยประมวลผลกราฟิก (GPU) Adreno 620, หน่วยความจำแรม (RAM) ขนาด 8GB, หน่วยความจำภายใน (ROM) ขนาด 128GB และทำงานอยู่บนระบบปฏิบัติการ Android 10 ที่ครอบทับด้วย Funtouch OS 11 เวอร์ชันใหม่
และ Vivo V20 Pro 5G รองรับเทคโนโลยี Multi-Turbo สำหรับเร่งการประมวลผลด้านต่างๆ ของตัวเครื่อง ไม่ว่าจะเป็น CPU, กราฟิก และการเล่นเกม, การเชื่อมต่อเครือข่าย และการจัดการความร้อน
Vivo V20 Pro 5G มีผลทดสอบจากแอปพลิเคชัน AnTuTu Benchmark ที่ 318,899 คะแนน และจากทาง Geekbench 5 ในด้านการประมวลผลแบบแกนเดี่ยว (Single-Core) ที่ 626 คะแนน และในด้านการประมวลผลหลายแกน (Multi-Core) ที่ 1,932 คะแนน
สำหรับผลทดสอบการประมวลผลด้านกราฟิกจากแอปพลิเค ชัน 3DMark แบบ OpenGL ES 3.1 อยู่ที่ 3,267 คะแนน และแบบ Vulkan ได้ 3,025 คะแนน
Vivo V20 Pro 5G รองรับการสัมผัสได้พร้อมกันสูงสุด 10 จุด
จากการทดสอบด้วยการเล่นเกมที่มีกราฟิกแบบสาม มิติอย่าง Marvel Future Fight, Dragon Raja และ V4 พร้อมเปิดการแสดงผลกราฟิกขั้นสูงสุด ก็พบว่า Vivo V20 Pro 5G นั้นสามารถตอบสนองต่อการใช้งานได้อย่างไหลลื่น และสามารถเล่นได้ยาวนานต่อเนื่องด้วยแบตเตอรี่ความจุ 4000 mAh อีกทั้งยังรองรับเทคโนโลยีชาร์จเร็ว vivo Energy Guardian FlashCharge 33W (11V/3A) ที่ช่วยย่นระยะเวลาในการชาร์จให้เร็วยิ่งขึ้น แต่ก็มีการสะสมความร้อนให้ได้เห็นบ้างเมื่อใช้งานเวลานาน หรือใช้งานขณะชาร์จ แต่ก็เพียงอุ่นมือเท่านั้น ด้วยระบบระบายความร้อนด้วยของเหลว D5 ที่สามารถกระจายความร้อนจากตัว CPU ได้อย่างรวดเร็ว
Vivo V20 Pro 5G มาพร้อมกับหน้าจอแสดงผล AMOLED ขนาด 6.44 นิ้ว ความละเอียดระดับ Full HD+ (1080x2400 พิกเซล : 408 ppi) และมีอัตราส่วนแบบ 20:9 จึงสามารถเปิดเล่นไฟล์วิดีโอความละเอียดระดับ Full HD 1080p ได้อย่างเต็มอรรถรส และให้มุมมองที่กว้างเต็มตาเป็นพิเศษ
การใช้งานกล้องสำหรับถ่ายภาพ และวิดีโอ
Vivo V20 Pro 5G มาพร้อมกับกล้องหลัง 3 ตัว (AI Triple Camera) ประกอบไปด้วย
กล้องตัวหลักความละเอียด 64 ล้านพิกเซล
(F/1.89)
กล้องตัวที่สองแบบ Super Wide Angle ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล
สำหรับเก็บภาพมุมกว้างสุดที่ 120 องศา (F/2.2)
กล้องตัวที่สามแบบ Mono ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล (F/2.4)
โดย Interface ของแอปพลิเคชันกล้องมีการดีไซน์เรียบหรู สบายตา และมีเมนูให้ได้เลือกใช้อย่างชัดเจน ได้แก่ เปิด-ปิด ไฟแฟลช พร้อมโหมด HDR
รองรับการถ่ายภาพแบบมุมกว้าง Ultra-Wide และแบบ Super Macro ระยะใกล้สุดที่ 2.5 เซนติเมตร
สามารถเลือก Filter และ Portrait Light Effect ทั้งหมด 5 รูปแบบ
โดยสามารถกดที่เมนู More เพื่อเลือกโหมดถ่ายภาพอื่นๆ
พร้อมโหมด Portrait Bokeh ที่สามารถปรับค่าความเบลอได้ระหว่าง F0.95 - F16 และเลือกรูปแบบ Bokeh ได้ทั้งหมด 6 รูปแบบ
พร้อมโหมด Beauty ที่สามารถเลือกปรับโครงสร้างบนใบหน้าได้อย่างอิสระ และฟังก์ชัน Posture สำหรับแนะนำท่าโพสต์ต่างๆ ให้
และใน Portrait รองรับโหมด Style ให้เลือกใช้หลายรูปแบบ ที่ให้อารมณ์ของภาพต่างกันออกไป
โหมด AR Stickers สติกเกอร์น่ารักๆ ที่ช่วยเพิ่มสีสันให้กับการถ่ายภาพ
นอกจากนี้ยังรองรับโหมดถ่ายภาพในเวลากลางคืนโดย เฉพาะอย่าง Super Night Mode พร้อมรองรับการถ่ายในมุมกว้างแบบ Ultra-Wide และ Tripod Mode หรือโหมดขาตั้งกล้อง ที่จะช่วยยืดเวลาในการเก็บแสง เพื่อเพิ่มความคมชัดให้กับภาพ และมีเทคโนโลยี AI noise cancellation ลดสัญญาณรบกวนหรือการเกิดนอยส์ของภาพ และ Sky Divider ช่วยให้ภาพถ่ายท้องฟ้าดูเป็นธรรมชาติ
รองรับการถ่ายภาพมุมกว้างในโหมด PANO และโหมด Live Photo
โหมด 64MP สำหรับถ่ายภาพความละเอียดสูง 6912x9216 พิกเซล
รวมถึงโหมด Pro ที่มาพร้อมกับรายละเอียดการตั้งค่าต่างๆ ครบครัน และครอบคลุมสำหรับช่างภาพแทบทั้งหมด
การถ่ายวิดีโอบน Vivo Y20 สามารถบันทึกความละเอียดสูงสุดที่ระดับ 4K UHD 60fps พร้อมโหมดมุมกว้าง Ultra-Wide
รองรับโหมดกันสั่นแบบ Ultra Stable
พร้อมโหมด Beauty ที่สามารถเลือกปรับโครงสร้างบนใบหน้าได้อย่างอิสระ (เฉพาะความคมชัดระดับ Full HD และ HD ระดับ 30fps)
พร้อมใส่ Filter เพิ่มเติม
และ Art Portrait ในการถ่ายวิดีโอเบลอฉากหลังได้แบบ real-time หรือเปลี่ยนฉากหลังเป็นสีขาวดำ เพื่อให้ตัวแบบดูโดดเด่นยิ่งขึ้น
รองรับฟังก์ชัน SLO-MO รวมถึง Time-Lapse
รวมถึงฟังก์ชันใหม่อย่าง Dual-View ในการบันทึกวิดีโอพร้อมกันทั้งกล้องหน้า และกล้องหลัง
โดยสามารถเลือกรูปแบบ Picture in Picture ที่คล้ายกับการ Video call ได้ด้วย
ทางด้านกล้องดิจิทัลด้านหน้าเป็นแบบคู่ (Dual Selfie Camera) ความละเอียด 44 ล้านพิกเซล พร้อม Eye Autofocus ที่สามารถจับโฟกัสได้รวดเร็วยิ่งขึ้น พร้อมกล้องรอง 8 ล้านพิกเซลแบบ Ultra-Wide สำหรับเก็บภาพมุมกว้างสุด 105 องศา
โดยมีหน้าตา Interface ที่สามารถใช้งานได้ง่ายเช่นเดียวกัน พร้อมทั้งแสดงไอคอนเอาไว้ให้ใช้งานได้ทันที และสามารถปรับค่าต่างๆ ได้ที่เมนูตั้งค่า โดยรองรับการถ่ายภาพเซลฟี่มุมกว้างสุด 105 องศา จึงสามารถถ่ายภาพกลุ่มได้แบบสบายๆ
พร้อมเพิ่ม Filter แบบต่างๆ ได้
รวมถึงเลือก Portrait Light Effect ได้ทั้งหมด 5 รูปแบบ
พร้อมโหมด Portrait Bokeh ที่สามารถปรับระดับความเบลอได้ ระหว่าง F0.95 - F16 และเลือกรูปแบบ Bokeh ได้ทั้งหมด 6 รูปแบบ
และโหมด Beauty ที่สามารถเลือกปรับโครงสร้างบนใบหน้าได้อย่างอิสระ
โหมด Make Up สำหรับแต่งหน้าในแบบต่างๆ ได้
และฟังก์ชัน Posture สำหรับแนะนำท่าโพสต์ต่างๆ ให้
และใน Portrait รองรับโหมด Style ให้เลือกใช้หลายรูปแบบ ที่ให้อารมณ์ของภาพต่างกันออกไป
โหมด AR Stickers สติกเกอร์น่ารักๆ ที่ช่วยเพิ่มสีสันให้กับการถ่ายเซลฟี่
ฟังก์ชันสำหรับถ่ายเซลฟี่ในมุมกว้างแบบ PANO และโหมด Live Photo ก็มีให้ใช้งานด้วยเช่นกัน
การถ่ายวิดีโอด้วยกล้องหน้าของ Vivo V20 Pro 5G สามารถบันทึกความละเอียดสูงสุดที่ระดับ 4K UHD 60fps พร้อมโหมดมุมกว้าง Ultra-Wide
รองรับระบบกันสั่นแบบ Super Portrait Stabilization
พร้อมโหมด Beauty ที่สามารถเลือกปรับโครงสร้างบนใบหน้า และลำตัวได้อย่างอิสระ (เฉพาะความคมชัดระดับ Full HD และ HD ระดับ 30fps)
พร้อมใส่ Filter เพิ่มเติมได้
และ Art Portrait ในการถ่ายวิดีโอเบลอฉากหลังได้แบบ real-time หรือเปลี่ยนฉากหลังเป็นสีขาวดำ เพื่อให้ตัวแบบดูโดดเด่นยิ่งขึ้น
รวมถึงฟังก์ชันใหม่อย่าง Dual-View ในการบันทึกวิดีโอพร้อมกันทั้งกล้องหน้า และกล้องหลัง
โดยสามารถเลือกรูปแบบ Picture in Picture ที่ค้ายกับการ Video call ได้ด้วย
ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องหลัง 3 ตัว (AI
Triple Camera) ความละเอียดระดับ 64+8+2 ล้านพิกเซล ของ Vivo V20 Pro
5G
ภาพถ่ายจากโหมดปกติ
ภาพถ่ายมุมกว้างแบบ Ultra-Wide
ภาพถ่ายจากโหมดปกติ
ภาพถ่ายมุมกว้างแบบ Ultra-Wide
ภาพถ่ายจากโหมดปกติ
ภาพถ่ายมุมกว้างแบบ Ultra-Wide
ภาพถ่ายจากโหมด Portrait Bokeh ที่ F1.4
ภาพถ่ายจากโหมด Portrait Bokeh ที่ F4.0
ภาพถ่ายจากโหมด Portrait Bokeh ที่ F2.0
ภาพถ่ายจากโหมดปกติ
ภาพถ่ายจากโหมด Portrait พร้อม Portrait Lighting Effect แบบ Studio Light
ภาพถ่ายจากโหมด Portrait พร้อม Portrait Lighting Effect แบบ Stereo Light
ภาพถ่ายจากโหมด Portrait พร้อม Portrait Lighting Effect แบบ Loop Light
ภาพถ่ายจากโหมด Portrait พร้อม Portrait Lighting Effect แบบ Rainbow Light
ภาพถ่ายจากโหมด Portrait พร้อม Portrait Lighting Effect แบบ Monochrome Background
ภาพถ่ายจากโหมด Super Macro
ภาพถ่ายเวลากลางคืนในโหมด Super Night Mode
ภาพถ่ายเวลากลางคืนในโหมด Super Night Mode แบบมุมกว้าง Ultra-Wide
ภาพถ่ายเวลากลางคืนในโหมด Super Night Mode
ภาพถ่ายเวลากลางคืนในโหมด Super Night Mode แบบมุมกว้าง Ultra-Wide
ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องหน้าคู่ (Dual Selfie Camera) ความละเอียด 44+8
ล้านพิกเซลของ Vivo V20 Pro 5G
ภาพถ่ายเซลฟี่ในโหมดปกติ
ภาพถ่ายเซลฟี่แบบมุมกว้างแบบ Ultra-Wide
ภาพถ่ายเซลฟี่ในโหมด Beauty
ภาพถ่ายเซลฟี่ในโหมด Portrait Bokeh ที่ F5.6
ภาพถ่ายเซลฟี่ในโหมด Portrait Bokeh ที่ F2.0
ภาพถ่ายเซลฟี่จากโหมดปกติ
ภาพถ่ายเซลฟี่จากโหมด Portrait พร้อม Portrait Lighting Effect แบบ Studio Light
ภาพถ่ายเซลฟี่จากโหมด Portrait พร้อม Portrait Lighting Effect แบบ Stereo Light
ภาพถ่ายเซลฟี่จากโหมด Portrait พร้อม Portrait Lighting Effect แบบ Loop Light
ภาพถ่ายเซลฟี่จากโหมด Portrait พร้อม Portrait Lighting Effect แบบ Rainbow Light
ภาพถ่ายเซลฟี่จากโหมด Portrait พร้อม Portrait Lighting Effect แบบ Monochrome Background
ภาพถถ่ายเซลฟี่พร้อม AR Stickers
สรุปผลการทดสอบของ Vivo V20 Pro 5G
จากการทดสอบทั้งหมดในข้างต้นพอจะกล่าวได้ว่า Vivo V20 Pro 5G เป็นอีกหนึ่งสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ที่มีความน่าสนใจในงบหมื่นกลางๆ เริ่มที่การรองรับ 5G แบบใช้งานได้ทันทีตั้งแต่แกะกล่อง ที่สำคัญคือเป็นสมาร์ทโฟน 5G ที่บางเฉียบที่สุดในโลก ด้วยความหนาเพียง 7.39 มิลลิเมตร ซึ่งภายในถูกขับเคลื่อนการทำงานด้วยชิปเซ็ต Qualcomm Snapdragon 765G รุ่นรองท็อป พร้อมเทคโนโลยี Multi-Turbo ที่ช่วยเร่งประสิทธิภาพการทำงานด้านต่างๆ จับคู่กับ RAM ขนาด 8GB จึงสามารถใช้งานได้ลื่นไหล และมีหน่วยความจำภายในตัวเครื่องขนาด 128GB ซึ่งน่าจะเพียงพอสำหรับการใช้งาน แต่ก็น่าเสียดายเล็กน้อยที่ไม่สามารถใส่การ์ด microSD เพิ่มเติมได้ รวมถึงมีแบตเตอรี่ความจุ 4000 mAh ที่รองรับเทคโนโลยีชาร์จเร็ว vivo Energy Guardian FlashCharge 33W (11V/3A) (FlashCharge 2.0) ที่ช่วยย่นระยะเวลาการชาร์จแบตได้พอสมควร โดยทำงานอยู่บนระบบปฏิบัติการ Android 10 ที่ถูกครอบทับด้วย Funtouch OS 11 เวอร์ชันใหม่ล่าสุด กับ User Interface ดีไซน์เรียบหรูสบายตา โดยผู้ใช้สามารถปรับเปลี่ยนรูปแบบของไอคอนแอปพลิเคชันได้ตามที่ต้องการ และมีฟีเจอร์ที่น่าสนใจอย่าง Dark Mode ในการปรับการแสดงผลพื้นหลังหน้าจอให้เป็นสีดำ และฟังก์ชัน Focus Mode สำหรับช่วยตัดผู้ใช้ออกจากโลกภายนอก โดยระบบจะปิดแอปพลิเคชันที่ตั้งค่าไว้แบบชั่วคราว พร้อมเปิดเพลงสบายๆ โดยผู้ใช้สามารถเลือก Theme ของเพลงได้ และเปิดโหมดห้ามรบกวน (Do Not Disturb) เพื่อปิดการแจ้งเตือนต่างๆ ตอบโจทย์เวลาที่ผู้ใช้ต้องการสมาธิ หรือเข้านอนนั่นเอง
Vivo V20 Pro 5G ยังมีการดีไซน์แบบเรียบหรู ด้วยหน้าจอ AMOLED ไร้ขอบขนาดใหญ่ 6.44 นิ้ว พร้อมเซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือใต้หน้าจอ (In-Display Fingerprint) โดยมีรอยบากขนาดเล็กด้านบนสำหรับติดตั้งกล้องหน้าคู่ (Dual Selfie Camera) กับความละเอียดสูงถึง 44+8 ล้านพิกเซล พร้อม Eye Autofocus ที่รองรับการถ่ายภาพเซลฟี่มุมกว้างสุด 105 องศา และบันทึกวิดีโอความละเอียดสูงสุดที่ระดับ 4K UHD 60fps รวมถึงการถ่ายภาพเซลฟี่ในเวลากลางคืนด้วยโหมด Super Night
ส่วนที่ด้านหลังดีไซน์พื้นผิวด้านแบบ AG Matte Glass พร้อมเทคโนโลยี AF ที่ช่วยป้องกันการเกิดรอยนิ้วมือ ซึ่งสีของตัวเครื่องได้แรงบันดาลใจมาจากธรรมชาติ พร้อมติดตั้งกล้องหลังทั้งหมด 3 ตัว (AI Triple Camera) ดี ไซน์ใหม่แบบ Dual Tone Step ที่มีความสมมาตร โดยมีกล้องหลักความละเอียด 64 ล้านพิกเซล พร้อมกล้องตัวที่สองแบบ Multi-Function (Wide+Macro+Bokeh) ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล ที่มีมุมรับภาพกว้างสุดที่ 120 องศา (เก็บภาพจริง 108 องศา) และกล้องตัวที่สามแบบ Mono ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล ซึ่งรองรับฟังก์ชันการถ่ายภาพที่น่าสนใจหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็น Portrait Bokeh พร้อม Light Effect ที่เพิ่มอารมณ์ต่างๆ ให้กับภาพ และสามารถปรับค่าความเบลอของภาพได้ในโหมด Bokeh, โหมด Super Macro สำหรับถ่ายภาพระยะใกล้สุดที่ระยะ 2.5 เซนติเมตร, โหมด Super Night Mode สำหรับการถ่ายภาพในเวลากลางคืนโดยเฉพาะในเวอร์ชันใหม่ โดยนำภาพถ่ายในระดับแสงต่างๆ มารวมกัน พร้อมวิเคราะห์ และปรับแต่งความคมชัดด้วย AI รวมถึงสามารถใช้งานร่วมกับโหมด Portrait สำหรับถ่ายภาพหน้าชัดหลังเบลอในเวลากลางคืนได้อีกด้วย และเทคโนโลยี AI Scene Recognition ในการตรวจจับซีนต่างๆ พร้อมปรับภาพให้สวยแบบอัตโนมัติ รวมถึงการบันทึกวิดีโอความละเอียดสูงสุดที่ระดับ 4K UHD 60fps พร้อมระบบกันสั่น Super Stable, โหมด Art Portrait ในการเบลอฉากหลัง หรือเปลี่ยนฉากหลังให้เป็นสีขาว-ดำ เพื่อให้ตัวแบบโดดเด่นขึ้น รวมไปถึงโหมดใหม่อย่าง Dual-View Video ในการบันทึกวิดีโอพร้อมกันทั้งกล้องหน้า และกล้องหลัง
Vivo V20 Pro 5G ยังตอบโจทย์การใช้งานด้านความบันเทิงโดยเฉพาะการเล่นเกมได้เป็นอย่างดี ด้วยฟีเจอร์เอาใจเกมเมอร์อย่าง Ultra Game Mode โหมดพิเศษที่ถูกออกแบบมาสำหรับการเล่นเกมโดยเฉพาะ ยกตัวอย่างเช่น การโชว์เบอร์โทรสายเรียกเข้าในรูปแบบ Pop-up เท่านั้น ทำให้เกมไม่ถูกสลับไปยังหน้ารับสายสนทนา และการย่อขนาดคีย์บอร์ดภายในเกมให้มีขนาดเล็กลง เพื่อป้องกันปัญหาคีย์บอร์ดบดบังการแสดงผล นอกจากนี้ยังมาพร้อมกับระบบที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการเล่นเกม และป้องกันปัญหาเฟรมเรตตกระหว่างเล่นเกมได้ดีขึ้นอีกด้วย นอกจากนี้ยังรองรับฟีเจอร์ 4D Game Vibration ในการสั่นตามเหตุการณ์ในเกม ซึ่งช่วยเพิ่มอรรถรสให้กับการเล่นเกมนั่นเอง
รวมถึงรองรับฟีเจอร์ที่ช่วยอำนวยความสะดวกในด้านอื่นๆ อย่างครบครัน ไม่ว่าจะเป็นฟีเจอร์ App Clone สำหรับใช้งานแอปพลิเคชันประเภทโซเชียลมีเดียได้พร้อมกัน 2 แอคเคานท์ อย่างเช่น เช่น Facebook หรือ Line ที่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถล็อกอินแอปพลิเคชันเหล่านี้ได้พร้อมกันถึง 2 แอคเคานท์ในเวลาเดียวกัน รวมถึงฟังก์ชัน Screen-Split ในการใช้งานพร้อมกัน 2 แอปพลิเคชันได้พร้อมกัน และยังสามารถบันทึกภาพสกรีนช็อตแบบยาวได้
สำหรับ Vivo V20 Pro 5G เปิดราคาวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการในประเทศไทยแล้วที่ 14,999 บาท กับตัวเลือก 3 สี ได้แก่ สีขาว (Moonlight Sonata), สีดำ (Midnight Jazz) และสีชมพู-ฟ้าไล่เฉด (Sunset Melody) พร้อมเปิดจองแล้วตั้งแต่วันนี้ ถึงวันที่ 29 กันยายน 2563 ซึ่งผู้ที่สั่งจองล่วงหน้าจะได้รับฟรีลำโพงบลูทูธมูลค่า 1,399 บาท และเครื่องดูดฝุ่นมูลค่า 1,999 บาท รวมทั้งมีโปรโมชั่นจากทาง AIS และ TrueMove H กับราคาพิเศษเริ่มเพียง 4,989 บาท
สุดท้ายนี้ ต้องขอขอบคุณทาง Vivo ประเทศไทย ที่ให้ความไว้วางใจส่งเครื่อง Vivo V20 Pro 5G มาให้ทางทีมงานได้ทำการรีวิวให้ท่านผู้อ่านได้รับชมกัน สำหรับวันนี้ต้องขอลาไปก่อน พบกันได้ใหม่ในโอกาสหน้า สวัสดีค่ะ
จุดเด่นของ Vivo V20 Pro 5G
- เป็นสมาร์ทโฟน 5G ที่บางเฉียบที่สุดในโลก หนาเพียง 7.39 มิลลิเมตร ด้วยการปรับแต่ง 6 ส่วน
- ตัวเครื่องดีไซน์พรีเมียมด้วยพื้นผิวแบบด้าน (AG Matte Glass) พร้อมเทคโนโลยี AF สำหรับป้องกันรอยนิ้วมือ
- ระบบระบายความร้อนแบบ Vapor Chamber Liquid Cooling
- หน้าจอแสดงผล AMOLED ขนาด 6.44 นิ้ว ในอัตราส่วน 20:9 ความละเอียดระดับ Full
HD+ (1080x2400 พิกเซล : 408 ppi) พร้อมครอบทับด้วยกระจกขอบโค้งแบบ 2.5D, ค่า Contrast Ratio สูงสุด 3,000,000:1, รองรับ HDR10
และรองรับฟังก์ชัน Always On Display
- เซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือใต้หน้าจอ (In-Display Fingerprint)
- ชิปเซ็ตประมวลผล Octa-Core Qualcomm Snapdragon 765G ความเร็ว 2.4 GHz
- หน่วยประมวลผลกราฟิก (GPU) Adreno 620
- หน่วยความจำแรม (RAM) ขนาด 8GB
- หน่วยความจำภายใน (ROM) ขนาด 128GB
- ฟังก์ชัน Multi-Turbo Engine, ART++ Turbo และ Ultra Game Mode
กล้องดิจิทัลด้านหน้าแบบคู่ (Dual Selfie Camera) ประกอบด้วย
- กล้องตัวหลักความละเอียด 44 ล้านพิกเซล พร้อมระบบโฟกัสภาพอัตโนมัติ (Autofocus) และขนาดรูรับแสงกว้างสูงสุดที่ f/2.0
- กล้องรองแบบ Super Wide-Angle ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล พร้อมมุมรับภาพ 105 องศา
และขนาดรูรับแสงกว้างสูงสุดที่ f/2.28
โดยรองรับเทคโนโลยี Eye Autofocus, AI Face Beauty
สำหรับปรับแต่งใบหน้าของตัวแบบให้มีความสวยงามเป็นธรรมชาติ
ผ่านการวิเคราะห์โดยปัญญาประดิษฐ์ พร้อม Portrait Bokeh
ในการปรับระดับความเบลอได้ระหว่าง F0.95 - F16 และ Portrait Light Effect
รวมถึงฟังก์ชัน Pose Master ในการแนะนำท่าโพสที่สวยงามให้กับผู้ถ่าย
และรองรับการถ่ายวิดีโอคมชัดระดับ 4K UHD 60fps พร้อมฟังก์ชัน Art Portrait และ
Dual-View
กล้องดิจิทัลด้านหลัง 3 ตัว (AI Triple Camera) ประกอบด้วย
- กล้องตัวหลัก (Main) ความละเอียด 64 ล้านพิกเซล พร้อมระบบโฟกัสภาพอัตโนมัติ (Autofocus) และรูรับแสงขนาด f/1.89
- กล้องตัวที่สองแบบ Multi-Function (Wide+Macro+Bokeh) ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล
พร้อมระบบโฟกัสภาพอัตโนมัติ (Autofocus), รูรับแสงขนาด f/2.2, มุมรับภาพกว้างสุดที่ 120 องศา (เก็บภาพจริง 108 องศา) และระยะโฟกัสใกล้สุด 2.5 เซนติเมตร
- กล้องตัวที่สามแบบ Mono ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล พร้อมรูรับแสงขนาด f/2.4
รองรับการโฟกัสภาพแบบ PDAF, ฟีเจอร์ HDR, ฟังก์ชัน AI Scene Recognition
ในการตรวจจับซีนต่างๆ พร้อมปรับภาพให้สวยแบบอัตโนมัติ, โหมด Portrait Bokeh
สามารถปรับระดับความเบลอได้ระหว่าง F0.95 - F16 พร้อม Portrait Light Effect,
AI Face Beauty ปรับโครงสร้างใบหน้าได้อิสระ, ฟังก์ชัน Pose Master
ในการแนะนำท่าโพสต์ที่สวยงามให้กับผู้ถ่าย, Super Night Mode
สำหรับถ่ายภาพเวลากลางคืน, Tripod Night Mode, Motion Auto Focus และ 3D Sound Tracking รวมถึงบันทึกวิดีโอความละเอียดสูงสุดที่ระดับ 4K UHD
60fps ที่รองรับระบบกันสั่นแบบ Super Stable พร้อมฟังก์ชัน Dual-View
ที่สามารถบันทึกวิดีโอได้พร้อมกันทั้งกล้องหน้า และหลัง
- ระบบปลดล็อกด้วยใบหน้า (Face Access)
- ระบบผู้ช่วยอัจฉริยะ Jovi AI Assistant
- ฟังก์ชัน App Clone สำหรับใช้งานแอปพลิเคชันประเภทโซเชียลมีเดียได้พร้อมกัน 2
แอคเคานท์
- แบตเตอรี่ความจุ 4000 mAh พร้อมเทคโนโลยีชาร์จเร็วแบบ vivo Energy Guardian FlashCharge 33W (11V/3A) (FlashCharge 2.0)
- ทำงานอยู่บนระบบปฏิบัติการ Android 10 พร้อมครอบทับด้วย Funtouch OS 11
- รองรับการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตผ่านทางระบบ 5G, 4G LTE, 3G, EDGE, GPRS และ
WiFi (2.4/5GHz)
- ระบบ Dual Mode 5G (SA/NSA)
- ระบบ GPS+A-GPS ในตัว พร้อมรองรับระบบดาวเทียม GLONASS ของประเทศรัสเซีย,
ระบบ Beidou ของประเทศจีน และระบบ GALILEO ของสหภาพยุโรป
- เชื่อมต่อข้อมูลแบบไร้สายผ่านทาง Bluetooth 5.0
- พอร์ตเชื่อมต่อแบบ USB Type-C พร้อมรองรับ OTG (USB On-the-Go)
- รองรับไฟล์เสียงความละเอียดสูง (Hi-Res Audio)
- มี 3 สีมาตรฐานให้เลือก (Midnight Jazz, Midnight Sonata และ Sunset Melody)
- ราคา 14,999 บาท ถือว่าเป็นราคาที่เหมาะสมกับคุณสมบัติโดยรวม
จุดที่อาจจะต้องพิจารณาเพิ่มเติมของ Vivo
V20 Pro 5G
- ตัวเครื่องไม่มีคุณสมบัติของการป้องกันน้ำ หรือป้องกันฝุ่น
- ลำโพงเป็นแบบเดี่ยว
- ไม่รองรับการ์ดหน่วยความจำภายนอกแบบ microSD หรือแบบอื่นๆ
- ไม่มีช่องเชื่อมต่อหูฟังขนาด 3.5 มิลลิเมตร
โปรดทราบ
* โทรศัพท์มือถือที่ท่านเห็นในบทความรีวิวนี้เป็นเพียงเครื่องทดสอบจากทางผู้ผลิต เพราะฉะนั้นคุณสมบัติบางอย่างอาจมีความแตกต่างจากเครื่องที่วางจำหน่ายจริง บ้างไม่มากก็น้อย รวมถึงจุดด้อยบางประการที่พบในเครื่องทดสอบ อาจจะถูกแก้ไขปรับปรุงให้ดีขึ้นในเครื่องที่วางจำหน่ายจริง ดังนั้นหากท่านสนใจซื้อโทรศัพท์มือถือรุ่นนี้ ควรตรวจสอบหรือทดลองใช้งานสินค้าด้วยตนเองอีกครั้งหนึ่ง *
วันที่ : 21/09/2020