รีวิว Samsung Galaxy Z Fold5 ยอดเรือธงจอพับรุ่นใหญ่อัปเกรดใหม่ พับได้สนิท บางเบากว่า แกร่งขึ้น แรงขึ้น และยกเครื่องฟีเจอร์ภายใน ให้พร้อมจบทุกโจทย์การใช้งาน
สำหรับบางคน นวัตกรรมจอพับได้บนสมาร์ตโฟนอาจจะเหมือนเพิ่งเริ่มเข้าที่เข้าทาง และเข้าถึงผู้บริโภคในวงกว้างได้อย่างเต็มตัว แต่สำหรับหนึ่งในผู้บุกเบิกอย่าง Samsung นี่ก็นับเป็นรุ่นที่ 5 แล้ว ดังนั้นตลอดหลายรุ่นที่ผ่านมา ทุกเทคโนโลยีจึงถูกพัฒนามาอย่างต่อเนื่องให้ลงตัวที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ โดยล่าสุดก็เป็นสมาร์ตโฟนเรือธงจอพับที่ดีที่สุดแห่งปี 2 รุ่นใหม่จากแบรนด์ Samsung ที่เพิ่งเปิดตัวมาอย่าง Samsung Galaxy Z Fold5 และ Galaxy Z Flip5 ซึ่งแน่นอนว่าในภาพรวมแล้ว รุ่นที่ดูจะมีความเปลี่ยนแปลงชัดเจนกว่าก็คือฝั่งของ Galaxy Z Flip5 ส่วนในฝั่งของรุ่นใหญ่อย่าง Galaxy Z Fold5 แม้ดูกันผิวเผินอาจจะเหมือนไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงที่ชัดเจนมากนักเมื่อเทียบกับรุ่นพี่อย่าง Galaxy Z Fold4 โดยเฉพาะในเรื่องของรูปลักษณ์ภายนอก แต่ถ้ามาดูกันในรายละเอียดแล้ว ก็จะเห็นได้ว่ามีการปรับปรุงให้ดีขึ้นในหลาย ๆ จุด เพื่อให้เป็นสมาร์ตโฟนจอพับที่มีความสมบูรณ์แบบมากยิ่งขึ้น และแน่นอนว่าด้วยการที่เป็นเรือธงจอพับรุ่นใหญ่ ก็ย่อมจะทำอะไรได้เยอะกว่า โดยจุดที่ถูกปรับปรุงใหม่ก็จะมีทั้งเรื่องของ กลไกบานพับใหม่แบบ Double Rail Hinge ที่พับกันได้แนบสนิทมากขึ้น ทำให้ไม่มีฝุ่นเล็ดลอดเข้าไป และยังช่วยทำให้ตัวเครื่องบางเบากว่าเดิม อีกทั้งยังมีการปรับปรุงรอยพับให้ดูสวยเนียนกว่าเดิม รวมทั้งมีการอัปเกรดวัสดุของหน้าจอใหม่ให้รับแรงกระแทกได้ดีกว่าเดิม
ด้านการประมวลผลก็มีการอัปเกรดขึ้นด้วยเช่นกัน โดยเลือกใช้ชิปเซ็ตรุ่นล่าสุดอย่าง Snapdragon 8 Gen 2 Mobile Platform for Galaxy ที่รองรับการใช้งานระดับสูงได้อย่างดีเยี่ยม และจัดการกับพลังงานได้ดีขึ้น ผสานกับหน่วยความจำ ROM ที่เปลี่ยนมาเป็นแบบ UFS 4.0 อีกทั้งตัวเครื่องยังแกร่งขึ้นกว่าเดิม เพราะมีการอัปเกรดมาใช้กระจก Gorilla Glass Victus 2 ทั้งที่จอด้านนอก และฝาด้านหลัง จึงสามารถทนต่อการตกกระแทกได้ดีมากกว่าเดิม ซึ่งนอกจากจะมีการอัปเกรดฮาร์ดแวร์ให้ดีขึ้นแล้ว ในด้านของซอฟต์แวร์ หรือฟีเจอร์ต่าง ๆ ก็ถูกปรับปรุงเพิ่มเติมให้มีความครบเครื่องยิ่งขึ้น จนสามารถตอบโจทย์การใช้งานได้มากขึ้นอีกขั้นด้วยเช่นกัน
โดยก่อนหน้านี้ ณ วันเปิดตัว (26 กรกฎาคม 2566) เราก็ได้นำ พรีวิว Samsung Galaxy Z Fold5 | Z Flip5 มาให้ชมกันไปแล้วในเบื้องต้น และในวันนี้หลังจากที่ทีมงานของเรามีโอกาสได้ใช้งาน Galaxy Z Fold5 รุ่นนี้มาร่วมเดือน ก็ขอแวะมาสรุปสิ่งที่น่าสนใจต่าง ๆ มาแชร์ให้ทุกท่านได้ทราบกันอีกครั้ง ว่ารายละเอียดลึก ๆ แล้วนั้นเป็นอย่างไร ดีไซน์ในส่วนต่าง ๆ ของ Galaxy Z Fold5 จะเปลี่ยนไปแค่ไหน มีฟีเจอร์ที่ช่วยอำนวยความสะดวกในการใช้งานอะไรใส่มาให้บ้าง และราคาจะต่างจากเดิมหรือไม่ มาติดตามไปพร้อม ๆ กันได้เลยกับ รีวิว Samsung Galaxy Z Fold5
ต่อยอดดีไซน์ ใส่บานพับใหม่ ปรับมอดูลกล้อง และชุดสีใหม่
สำหรับดีไซน์ของ Galaxy Z Fold5 นั้น ยังคงต่อยอดมาจาก Galaxy Z Fold4 รุ่นที่แล้ว ที่มีรูปแบบการพับที่คุ้นเคยกันเป็นอย่างดี แต่มีการปรับปรุงองค์ประกอบต่าง ๆ ที่อาจจะยังไม่ลงตัวนักในรุ่นที่แล้ว ให้มีความสมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น อย่างแรกก็คือ ขนาดตัวเครื่องมีความบางลง และน้ำหนักเบากว่าเดิม ซึ่งปัจจัยที่ทำให้ Galaxy Z Fold5 มีความบาง และน้ำหนักที่เบากว่ารุ่นก่อน เป็นเพราะทางซัมซุงได้เปลี่ยนมาใช้บานพับ Flex Hinge แบบใหม่ ที่มีกลไกการพับแบบรางคู่ (Double Rail Hinge) ซึ่งนับเป็นกลไกบานพับรุ่นที่ 3 ที่ Samsung พัฒนาขึ้นมา ทำให้หน้าจอสามารถพับกันได้แนบสนิท ไม่มีช่องว่างตอนพับเหมือนรุ่น Z Fold4 ทำให้ตัวเครื่องตอนพับบางลงกว่าเดิม เหลือเพียง 13.4 มิลลิเมตร เทียบกับ 14.2-15.8 มิลลิเมตร ในรุ่นก่อนหน้า
อีกทั้งยังมีความแข็งแรงทนทานมากขึ้น รวมทั้งขณะที่พับจอในองศาต่าง ๆ ก็จะรู้สึกหนืดมือ หรือรู้สึกแน่นหนามากขึ้น
เปรียบเทียบระหว่าง Samsung Galaxy Z Fold5 (บน) ที่พับได้แนบสนิททั้งหน้าจอ กับ Samsung Galaxy Z Fold4 (ล่าง) ที่ยังมีช่องว่างเหลือ โดยเฉพาะในฝั่งที่เป็นแกนพับ
นอกจากตัวเครื่องจะมีความบางลงตอนพับแล้ว ตอนกางหน้าจอออกมา ก็บางลงกว่ารุ่นก่อนเช่นกัน เหลือเพียง 6.1 มิลลิเมตร จากเดิม 6.3 มิลลิเมตร รวมถึงน้ำหนักตัวเครื่องก็เบาลงเหลือ 253 กรัม หรือเบากว่ารุ่นก่อนหน้า 10 กรัม
หากสังเกตดี ๆ ที่ชุดกล้องหลังก็จะเห็นว่าเลนส์กล้องนั้นนูนขึ้นมามากกว่า และไฟแฟลชถูกย้ายขึ้นไปอยู่ที่ด้านข้างแทน ทำให้มอดูลกล้องดูกะทัดรัดกว่าเดิม
ส่วนสีใหม่ที่เป็นไฮไลท์ของ Galaxy Z Fold5 ก็คือสี Icy Blue พร้อมมีอีก 2 สีให้เลือกคือ Phantom Black และ Cream
กรอบตัวเครื่อง Armor Aluminum และกระจก Gorilla Glass Victus 2 แข็งแกร่งรอบตัว
แม้ว่าตัวเครื่องของ Galaxy Z Fold5 จะมีความบางลงกว่าเดิม แต่ยังคงคุณสมบัติในเรื่องของความแข็งแกร่งไว้เหมือนเช่นเคย ซึ่งวัสดุที่นำมาใช้ทำบานพับ และกรอบตัวเครื่องยังคงเป็น Armor Aluminum ที่มีความทนทาน รวมถึงหน้าจอด้านนอกและฝาด้านหลัง ก็อัปเกรดมาใช้กระจก Gorilla Glass Victus 2 เช่นกัน ทำให้ทนทานต่อการตกกระแทกได้ดียิ่งขึ้น
นอกจากนี้ Galaxy Z Fold5 ยังมีคุณสมบัติการทนน้ำได้ตามมาตรฐาน IPX8 จึงสามารถใช้งานในช่วงหน้าฝนนี้ได้อย่างหมดห่วง หรือแม้แต่การเผลอทำเครื่องตกน้ำก็ยังมั่นใจได้ว่า ตัวเครื่องจะไม่เกิดความเสียหายใด ๆ
จอนอกแกร่งขึ้น กางออกเป็นจอใหญ่ 7.6 นิ้ว รองรับปากกา S Pen
Galaxy Z Fold5 ยังคงคอนเซ็ปต์การเป็นสมาร์ตโฟนจอพับลูกผสม ที่สามารถใช้งานได้ในรูปแบบสมาร์ตโฟน หรือกางออกเพื่อใช้งานเป็นแท็บเล็ต ด้วยกลไกการพับที่เหมือนกับการเปิด-ปิดหนังสือ ซึ่งจอด้านนอกของ Galaxy Z Fold5 แม้ว่าจะเป็นจอ Dynamic AMOLED 2X ขนาด 6.2 นิ้วเหมือนเดิม แต่มีความแข็งแกร่งมากขึ้นเพราะเปลี่ยนมาใช้กระจก Gorilla Glass Victus 2 ซึ่งสามารถทนทานต่อการตกกระแทกจากที่สูง 1-2 เมตรได้มากขึ้น โดยเฉพาะกับพื้นผิวที่มีความแข็งสูง เช่นพื้นคอนกรีต หรือพื้นยางมะตอย รวมถึงป้องกันรอยขีดข่วนได้อย่างดีเยี่ยม จึงหมดกังวลเรื่องหน้าจอเป็นรอยขณะใช้งาน หรือเก็บในกระเป๋า
ส่วนจอหลักที่ด้านในจะมีขนาดใหญ่ถึง 7.6 นิ้ว ซึ่งเป็นจอ Dynamic AMOLED 2X เช่นเดียวกับจอด้านนอก ส่วนความละเอียดอยู่ที่ 2176x1812 พิกเซล รองรับอัตราการรีเฟรชสูงสุดที่ 120Hz (Adaptive Refresh Rate : 1-120Hz) โดยคราวนี้จอหลักของ Galaxy Z Fold5 นั้นถูกปรับปรุงให้มีความแข็งแรงทนทานมากขึ้นด้วยวัสดุบัฟเฟอร์ที่อัปเกรดขึ้นใหม่ให้สามารถรับแรงกระแทกได้ดีกว่าเดิม
และเรื่องรอยพับบนหน้าจอหลักนั้นก็ถูกปรับปรุงให้ดีขึ้น นั่นคือจากเดิมเราอาจจะเห็นเป็น 3 รอย แต่ตอนนี้จะเหลือให้เห็นเพียงแค่ 1 รอยเท่านั้น อย่างไรก็ดีเราก็ยังคงเห็นรอยพับได้ค่อนข้างชัดเจน แต่ถ้าหากใช้งานในมุมมอง และองศาที่ถูกต้อง รอยพับจะถูกกลืนเป็นเนื้อเดียวกับหน้าจอ จนเกือบจะลืมไปเลยว่ามีรอยพับอยู่ แต่ทั้งนี้รอยพับไม่ส่งผลใด ๆ ต่อการใช้งาน เพียงแค่ทำให้รู้สึกสะดุดตา กับสะดุดนิ้วเวลาเลื่อนผ่านเท่านั้น
แม้ว่า Galaxy Z Fold5 จะรองรับการใช้งานร่วมกับปากกา S Pen แต่ปากกา S Pen ที่จะใช้งานร่วมกันได้จะต้องเป็น S Pen Fold Edition เท่านั้น ไม่สามารถใช้งานกับปากกา S Pen รุ่นปกติ เนื่องจากไม่ได้ถูกออกแบบมาให้ใช้กับสมาร์ตโฟนจอพับนั่นเอง
ทั้งนี้ Galaxy Z Fold5 ไม่มีช่องสำหรับเก็บปากกาในตัว จึงต้องใช้ร่วมกับเคส Galaxy Z Fold5 Slim S Pen Case ซึ่งจะมีช่องสำหรับเก็บปากกาที่ด้านหลัง ที่ถูกออกแบบใหม่ให้มีความเรียบง่ายมากขึ้น และดูเพรียวบางกว่าเดิม โดยราคาของ Galaxy Z Fold5 Slim S Pen Case อยู่ที่ 2,790 บาท มีให้เลือก 3 สีคือ Graphite, Sand และ Icy Blue
สลับจอเล็กไปใช้งานจอใหญ่แบบไร้รอยต่อ จอใหญ่ก็ทำอะไรได้เยอะกว่าเดิม
อีกหนึ่งฟีเจอร์ที่น่าสนใจบน Galaxy Z Fold5 ก็คือ สามารถสลับใช้งานจากจอเล็กด้านนอกไปยังจอใหญ่ด้านในได้อย่างราบรื่นไร้รอยต่อมากขึ้น เช่นขณะที่เราเปิดชมคลิปจากแอป YouTube อยู่ที่จอด้านนอก แล้วอยากจะชมในขนาดหน้าจอที่ใหญ่ขึ้น ก็เพียงแค่กางหน้าจอออก คลิปบน YouTube ที่รับชมอยู่ก็จะเล่นต่อบนหน้าจอใหญ่ทันที โดยไม่ต้องเปิดแอป YouTube ใหม่ให้เสียเวลา
แต่ถ้าหากต้องการสลับไปใช้งานหน้าจอเล็กด้านนอกเหมือนเดิม จะต้องเปิดแอปนั้นใหม่อีกครั้ง เนื่องจากการพับหน้าจอเหมือนกับการปิดหน้าจอแล้วนั่นเอง
ด้วยหน้าจอขนาดใหญ่ 7.6 นิ้ว ตอนกางออกจึงสามารถทำอะไรได้เยอะกว่าสมาร์ตโฟนทั่วไป ราวกับมีแท็บเล็ตพกติดตัวอยู่ตลอดเวลา โดยเฉพาะผู้ที่ต้องใช้งานแบบ Multitasking อยู่เป็นประจำ รวมถึงมีการพัฒนาฟีเจอร์ที่ช่วยอำนวยความสะดวกในการใช้งานอีกหลายอย่าง เช่น แบ่งหน้าจอแบบ Multi Window ได้สูงสุด 3 หน้าจอ, แถบ Taskbar ที่รองรับแอปพลิเคชันได้สูงสุด 12 รายการ, การไดคัทรูปภาพจากเว็บไซต์มาใช้งาน และ Drag and Drop สามารถส่งรูปข้ามแอปได้เลย เรียกได้ว่าสะดวกมากทีเดียว
นอกจากนี้ที่น่าสนใจอีกอย่างก็คือขณะนี้สามารถใช้งานแอปพลิเคชัน GoodNotes ได้แล้ว และก็มีข้อมูลที่น่าสนใจอย่างหนึ่งก็คือ กว่าครึ่งของผู้ใช้งาน Galaxy Z Fold รุ่นที่ผ่านมานั้นเป็นผู้หญิง ซึ่งเน้นใช้เสพคอนเทนต์ด้านความบันเทิง เพราะด้วยจอที่ใหญ่ 7.6 นิ้ว จึงเหมือนกับมีแท็บเล็ต หรือโรงภาพยนตร์ขนาดย่อม ๆ ที่พับเก็บไปไหนมาไหนได้สะดวกกว่านั่นเอง
Flex Mode แบ่งการทำงานของหน้าจอเมื่ออยู่ในโหมดพับ
เมื่อมีการใช้งาน Galaxy Z Fold5 ในรูปแบบโน้ตบุ๊ก หรือ Flex Mode จะมีการแบ่งหน้าจอการทำงานออกเป็น 2 ส่วน โดยหน้าจอส่วนบนจะเป็นการแสดงผลปกติ ในขณะที่หน้าจอส่วนล่างจะเป็นหน้าจอสำหรับควบคุมการใช้งานแอปนั้น ๆ ยกตัวอย่างเช่น แอป Samsung Notes หน้าจอส่วนล่างจะเป็นคีย์บอร์ด หรือแอป YouTube หน้าจอส่วนล่างจะเป็นพาเนลสำหรับควบคุมวิดีโอ เป็นต้น
รองรับ Samsung DeX เชื่อมต่อกับจอมอนิเตอร์ หรือทีวีได้
ความสะดวกสบายในการใช้งานอีกอย่างก็คือ สามารถเชื่อมต่อ Galaxy Z Fold5 แบบไร้สายกับหน้าจอมอนิเตอร์ หรือทีวีรุ่นที่รองรับได้ ทำให้สามารถใช้งานสมาร์ตโฟนจอพับรุ่นนี้ทำงานแบบ Multitasking ได้ต่อในระหว่างที่กำลังใช้งานโทรศัพท์ แต่ในกรณีที่จอมอนิเตอร์ หรือทีวีไม่รองรับการเชื่อมต่อไร้สาย ก็สามารถใช้สายเคเบิลเชื่อมต่อได้เช่นกัน
ชิปเซ็ต Snapdragon 8 Gen 2 Mobile Platform for Galaxy พร้อมฟีเจอร์ RAM Plus เพิ่มหน่วยความจำเสมือนได้สูงสุด 8GB
ในด้านการประมวลผลนั้น Galaxy Z Fold5 มาพร้อมชิปเซ็ต Qualcomm Snapdragon 8 Gen 2 Mobile Platform for Galaxy ซึ่งชิปเซ็ตระดับนี้ นอกจากจะรองรับการทำงานทุกรูปแบบได้อย่างเต็มประสิทธิภาพแล้ว ยังสามารถเล่นเกมกราฟิกระดับสูงได้อย่างสบาย ๆ
นอกเหนือจากชิปเซ็ตตัวแรงแล้ว Samsung Galaxy Z Fold5 ยังมาพร้อมกับหน่วยความจำ RAM มากถึง 12GB อีกทั้งยังรองรับฟีเจอร์ RAM Plus ที่สามารถนำเอา ROM มาทำเป็น Virtual RAM เพิ่มได้อีกสูงสุด 8GB จึงเสมือนมี RAM รวมในระบบเป็น 20GB จึงรองรับการทำงานได้อย่างไหลลื่น รวมทั้งรองรับการเปิดแอปพลิเคชันแบบเบื้องหลังได้มากขึ้นด้วย
เมื่อทดสอบประสิทธิภาพการทำงานของหน่วยประมวลผลด้วยแอปพลิเคชัน Geekbench 6 พบว่า Galaxy Z Fold5 สามารถทำคะแนนการประมวลผลแบบ Single-Core ได้ที่ 1,992 คะแนน และคะแนนการประมวลผลแบบ Multi-Core ได้ที่ 5,203 คะแนน ส่วนการทดสอบประสิทธิภาพของหน่วยประมวลผลกราฟิก (GPU) ได้คะแนนรวมที่ 9,347 คะแนน
และด้วยประสิทธิภาพของชิปประมวลผลที่มี ทำให้ Galaxy Z Fold5 รองรับการเล่นเกมได้ทุกเกม และเล่นได้อย่างลื่นไหล อย่างเช่น เกม PUBG MOBILE และเกม ROV สามารถเลือกปรับค่ากราฟิกสูงสุดได้ทุกหัวข้อ อีกทั้งอุณหภูมิตัวเครื่องก็ไม่ร้อนจัดด้วยระบบระบายความร้อน Vapor Chamber ที่ติดตั้งมาให้
แต่ข้อสังเกตจากการเล่นเกมทั้ง PUBG MOBILE และ ROV เมื่อเล่นด้วยจอใหญ่ด้านใน จะเห็นว่า มุมมองของเกมแคบกว่าสมาร์ตโฟนทั่วไป เนื่องจากมีอัตราส่วนของหน้าจออยู่ที่ 21.6:18 ซึ่งใกล้เคียงกับสี่เหลี่ยมจัตุรัส ต่างจากสมาร์ตโฟนที่จะเป็นจอทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้า ดังนั้นอาจเป็นข้อเสียเปรียบสำหรับเกมที่เน้นจัดการศัตรู ทำให้ผู้เล่นมองไม่เห็นศัตรูก่อน ซึ่งถ้าหากสลับมาเล่นที่จอด้านนอก จะเห็นว่ามุมมองของภาพกว้างกว่าอย่างเห็นได้ชัด
ระบบความปลอดภัยครบครัน ทั้งสแกนใบหน้า และสแกนนิ้ว
Samsung Galaxy Z Fold5 มาพร้อมกับระบบรักษาความปลอดภัยที่มีมาให้ครบทั้งระบบการสแกนใบหน้า และระบบการสแกนลายนิ้วมือที่ปุ่มด้านข้างตัวเครื่อง ซึ่งจากการทดสอบพบว่าสามารถสแกนและปลดล็อกตัวเครื่องได้อย่างรวดเร็ว แต่ก็ยังไม่มีระบบสแกนลายนิ้วมือบนหน้าจอติดตั้งมาให้แต่อย่างใด
กล้อง 5 ตัว ความละเอียดสูงสุด 50MP พร้อมเก็บภาพทุกระยะ
สำหรับกล้องถ่ายรูปของ Galaxy Z Fold5 ทั้งกล้องด้านหน้าและด้านหลัง ยังคงใช้กล้องชุดเดิมของ Galaxy Z Fold4 ซึ่งจริง ๆ กล้องชุดเดิมก็ถือว่า ประสิทธิภาพดีเยี่ยมมากแล้วสำหรับสมาร์ตโฟนตระกูลจอพับที่ไม่ได้เน้นกล้องเป็นหลัก และถึงแม้จะใช้ฮาร์ดแวร์กล้องชุดเดิม อย่างน้อยก็มีการปรับปรุงซอฟต์แวร์บางส่วนให้ใช้งานได้สะดวกขึ้น เช่นการที่เราสามารถเลือกโทนสีผิวได้เลย, การควบคุมการทำงานกล้องผ่านนาฬิกา Galaxy Watch6 Series, โหมด Portrait ที่เลือกเอฟเฟกต์การเบลอฉากหลังได้ง่ายขึ้น และมีโหมดการถ่ายดาวเพิ่มเข้ามา
โดย Galaxy Z Fold5 ยังคงมาพร้อมกับกล้องด้านหลัง 3 ตัว ซึ่งประกอบด้วย
- กล้อง Ultra Wide ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล พร้อมเม็ดพิกเซลขนาด 1.12 ไมครอน, รูรับแสงขนาด f2.2 และมุมรับภาพ 123° (ทางยาวโฟกัส 12 มิลลิเมตร)
- กล้อง Wide ความละเอียด 50 ล้านพิกเซล พร้อมเม็ดพิกเซลขนาด 1.0 ไมครอน (หรือ 2.0 ไมครอน ที่ความละเอียด 12MP), รูรับแสงขนาด f1.8, มุมรับภาพ 85° (ทางยาวโฟกัส 24 มิลลิเมตร), ระบบโฟกัสอัตโนมัติแบบ Dual Pixel AF และระบบป้องกันการสั่นแบบ OIS
- กล้อง Telephoto ความละเอียด 10 ล้านพิกเซล พร้อมเม็ดพิกเซลขนาด 1.0 ไมครอน, รูรับแสงขนาด f2.4, มุมรับภาพ 36° (ทางยาวโฟกัส 67 มิลลิเมตร), ระบบซูมแบบ 3x Optical Zoom, ระบบซูมแบบ 30x Space Zoom (เทคโนโลยี AI Super Resolution), ระบบโฟกัสอัตโนมัติแบบ PDAF และระบบป้องกันการสั่นแบบ OIS
อีกทั้งยังสามารถบันทึกวิดีโอได้ที่ความละเอียดสูงสุดถึงระดับ 8K (30fps) เลยทีเดียว
สำหรับกล้องด้านหน้า มีทั้งกล้องที่หน้าจอหลักด้านใน ความละเอียด 4 ล้านพิกเซล กับกล้องที่หน้าจอด้านนอก ความละเอียด 10 ล้านพิกเซล และด้วยดีไซน์ตัวเครื่องที่เป็นสมาร์ตโฟนจอพับ ทำให้สามารถพับจอในองศาต่าง ๆ ด้วย Flex Mode แล้วตั้งเครื่องไว้เสมือนเป็นขาตั้งกล้อง ใช้งานได้ทั้งกล้องด้านหน้า และกล้องด้านหลัง ช่วยเพิ่มความสะดวกในการใช้งานได้มากกว่าที่สมาร์ตโฟนทั่วไปจะทำได้
นอกจากนี้แอปกล้องยังมีฟีเจอร์ที่น่าสนใจอีกหลายอย่าง เช่น ฟีเจอร์ Capture View สำหรับแบ่งหน้าจอออกเป็น 2 ส่วนในขณะใช้งานกล้อง ซึ่งฝั่งขวาจะเป็นเครื่องมือควบคุมการทำงานของกล้อง ส่วนฝั่งซ้ายจะเป็นรายการภาพถ่ายล่าสุด ซึ่งจะช่วยให้เราเห็นผลลัพธ์ได้ทันทีว่าภาพที่ถ่ายมาสวยถูกใจแล้วหรือไม่
และแม้ในขณะที่พับฝาอยู่เราก็ยังสามารถควบคุมกล้องได้ด้วยจอด้านนอก, กดปุ่ม Power ติด ๆ กัน 2 ครั้งเพื่อเรียกใช้งานกล้องได้ และกดชัตเตอร์ด้วยการกดปุ่มเพิ่มเสียง หรือยกฝ่ามือขึ้นมาก็ได้ รวมทั้งมีฟีเจอร์ Dual Preview ที่สามารถพรีวิวรูปภาพก่อนถ่ายทั้งจากหน้าจอหลักด้านใน หรือหน้าจอด้านนอก ยกตัวอย่างเช่น หากเราต้องการถ่ายรูปให้เพื่อนด้วยกล้องหลักด้านหลัง ก็สามารถเปิดพรีวิวที่จอด้านนอก ให้เพื่อนสามารถเห็นตัวเองในกล้องได้ เป็นต้น
ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องหลังของ Galaxy Z Fold5
ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องหน้าของ Galaxy Z Fold5
ตัวอย่างภาพถ่ายเซลฟี่จากกล้องซ่อนใต้จอหลักด้านใน ความละเอียด 4 ล้านพิกเซล
ตัวอย่างภาพถ่ายเซลฟี่จากกล้องที่หน้าจอด้านนอก ความละเอียด 10 ล้านพิกเซล
ตัวอย่างภาพถ่ายเซลฟี่จากกล้องหลักที่ด้านหลัง
แบตเตอรี่ 4400 mAh รองรับชาร์จเร็ว 25W
สำหรับชิปเซ็ต Snapdragon 8 Gen 2 บน Galaxy Z Fold5 นอกจากจะมีประสิทธิภาพที่เร็วและแรงแล้ว อีกหนึ่งความสามารถของชิปเซ็ตตัวนี้ที่พ่วงมาด้วย ก็คือสามารถจัดการกับพลังงานได้ดีกว่าเดิม โดย Galaxy Z Fold5 มาพร้อมกับแบตเตอรี่ขนาดความจุ 4400 mAh ที่รองรับการใช้งานได้อย่างยาวนานตลอดวัน ซึ่งตามข้อมูลคือจะใช้งานได้นานขึ้นกว่าเดิมราว 1.3 ชั่วโมง ส่วนระบบชาร์จแบตเตอรี่ความเร็วสูงยังคงเป็นแบบ 25W Super Fast Charging เช่นเดิม รวมทั้งเทคโนโลยี 15W Fast Wireless Charging 2.0 และ 4.5W Wireless PowerShare
สรุปประสบการณ์หลังใช้งาน Galaxy Z Fold5
และข้างต้นก็คือประเด็นที่น่าสนใจทั้งหมดของ Samsung Galaxy Z Fold5 หลังจากที่ทีมงานของเรามีโอกาสได้ใช้งานมาร่วม 1 เดือน และอยากจะนำมาแชร์ให้ทุกท่านได้ทราบกัน ซึ่งแม้ว่าในปีนี้ ดีไซน์ของ Samsung Galaxy Z Fold5 อาจจะไม่ได้แตกต่างจากรุ่นก่อนหน้าจนถึงขั้นพลิกโฉม แต่ด้วยการพัฒนาอย่างต่อเนื่องทำให้มีการปรับปรุงแต่ละส่วนให้มีความสมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น โดยจุดที่มีความเปลี่ยนแปลงอย่างชัดเจน และเคยเป็นปัญหาบน Galaxy Z Fold4 ถูกแก้ไขให้ดีขึ้นแล้วในรุ่นนี้ ก็คงจะเป็นกลไกบานพับแบบใหม่ ซึ่งเป็นบานพับ Flex Hinge ที่ใช้กลไกการพับแบบรางคู่ (Double Rail Hinge) ทำให้หน้าจอสามารถพับกันได้แนบสนิท ไม่มีช่องว่างตอนพับเหมือนรุ่น Galaxy Z Fold4 อีกทั้งยังบางลงกว่าเดิม ทำให้พกพาได้สะดวกมากขึ้น
สำหรับจุดขายหลักของ Galaxy Z Fold5 ยังคงจะเป็นเรื่องของฟังก์ชันการใช้งานที่หลากหลาย ซึ่งหน้าจอหลักด้านในขนาดใหญ่ถึง 7.6 นิ้ว สามารถใช้งาน Multitasking ได้อย่างเต็มรูปแบบ โดยสามารถแบ่งหน้าจอแบบ Multi Window ได้สูงสุด 3 หน้าจอ, แถบ Taskbar รองรับแอปพลิเคชันได้สูงสุด 12 รายการ, การไดคัทรูปภาพจากเว็บไซต์มาใช้งาน หรือจะเป็นการ Drag and Drop ส่งรูปข้ามแอป ก็ทำได้ง่าย ๆ แค่ปลายนิ้ว
นอกเหนือจากการใช้เพื่อทำงานแบบจริงจังแล้ว Galaxy Z Fold5 ยังรองรับการใช้งานด้านความบันเทิงได้อย่างดีเยี่ยมเช่นกัน ทั้งการดูหนัง, ฟังเพลง หรือเล่นเกมกราฟิกระดับสูง เนื่องจากรุ่นนี้มาพร้อมกับชิปประมวลผล Qualcomm Snapdragon 8 Gen 2 Mobile Platform for Galaxy รุ่นล่าสุด พร้อมหน่วยความจำ RAM ขนาด 12GB กับฟีเจอร์ RAM Plus ที่สามารถนำเอา ROM มาทำเป็น Virtual RAM เพิ่มได้อีกสูงสุด 8GB เสมือนมี RAM รวมในระบบเป็น 20GB รวมทั้งมีการอัปเกรด ROM ให้เป็นแบบ UFS 4.0 ดังนั้นประสิทธิ าพโดยรวมจึงไหลลื่นมากขึ้น ในขณะที่ใช้พลังงานน้อยลงกว่าเดิม
ด้านกล้องถ่ายถ่ายภาพ แม้ว่าจะยกฮาร์ดแวร์ชุดเดิมของ Galaxy Z Fold4 มาใช้งานทั้งหมด แต่ในด้านประสิทธิภาพของกล้องก็ถือว่าดีเยี่ยมแล้วสำหรับสมาร์ตโฟนในตระกูลนี้ที่ไม่ได้เน้นเรื่องกล้องเป็นหลัก ประกอบกับมีการพัฒนาซอฟต์แวร์ให้ใช้งานได้สะดวกขึ้น รวมถึงดีไซน์ตัวเครื่องแบบจอพับ ที่มาพร้อมกับฟีเจอร์ Flex Mode ทำให้สามารถพับจอในองศาต่าง ๆ แล้วตั้งเครื่องไว้เสมือนเป็นขาตั้งกล้อง เหมือนกับคอยมีคนมาถ่ายรูปให้อยู่ตลอดเวลา
สำหรับใครที่เคยใช้ Galaxy Z Fold Series มาก่อน และอยากอัปเกรดมาใช้ Galaxy Z Fold5 เพื่อสัมผัสประสบการณ์ที่สมบูรณ์แบบขึ้นไปอีกขั้น รวมถึงผู้ที่ไม่เคยใช้งานสมาร์ตโฟนจอพับมาก่อน และกำลังมองหาสมาร์ตโฟนจอพับระดับท็อปมาใช้งานสักเครื่องหนึ่ง โดยไม่ตัดขัดเรื่องราคาค่าตัว Galaxy Z Fold5 ก็ถือว่าเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจอันดับต้น ๆ ในชั่วโมงนี้
ราคา และโปรโมชันของ Samsung Galaxy Z Fold5
สำหรับ Samsung Galaxy Z Fold5 ก็มีวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการในประเทศไทยแล้ว มีให้เลือก 3 สี ได้แก่ Icy Blue, Phantom Black และ Cream โดยแบ่งออกเป็น 3 รุ่นย่อย 3 ราคาดังนี้
- Galaxy Z Fold5 (12GB/256GB) ราคา 59,900 บาท
- Galaxy Z Fold5 (12GB/512GB) ราคา 65,900 บาท
- Galaxy Z Fold5 (12GB/1TB) ราคา 75,900 บาท
พร้อมโปรโมชันรับฟรี Samsung Care+ นาน 1 ปี มูลค่า 11,990 บาท
สรุปคุณสมบัติเด่นของ Samsung Galaxy Z Fold5
- กลไกฝาพับ (Flex Hinge) แบบ Dual Rail Hinge
- ด้านหลังตัวเครื่องครอบทับด้วยกระจก Corning Gorilla Glass Victus 2
- กรอบตัวเครื่องผลิตจากโลหะ Armor Aluminum
- ตัวเครื่องมีคุณสมบัติของการทนน้ำตามมาตรฐาน IPX8 (ทนน้ำได้ลึกสูงสุด 1.5 เมตร นานต่อเนื่องสูงสุด 30 นาที)
-------------------------------
- จอแสดงผลหลักด้านใน (Main Screen) แบบ Foldable Dynamic AMOLED 2X Infinity Flex Display ขนาด 7.6 นิ้ว ความละเอียดระดับ QXGA+ (2176x1812 พิกเซล : 374 PPI)
- อัตราการรีเฟรช (Refresh Rate) สูงสุดที่ 120Hz (Adaptive Refresh Rate : 1-120Hz)
- ความสว่างสูงสุด 1750 nits (Peak)
- กระจกแบบ Ultra Thin Glass
-------------------------------
- จอแสดงผลด้านนอก (Cover Screen) แบบ Dynamic AMOLED 2X Display ขนาด 6.2 นิ้ว ความละเอียดระดับ HD+ (2316x904 พิกเซล : 402 PPI)
- อัตราการรีเฟรช (Refresh Rate) สูงสุดที่ 120Hz (Adaptive Refresh Rate : 48-120Hz)
- ความสว่างสูงสุด 1750 nits
- ครอบทับด้วยกระจก Corning Gorilla Glass Victus 2
-------------------------------
- ประมวลผลด้วยชิปเซ็ต Qualcomm Snapdragon 8 Gen 2 Mobile Platform for Galaxy (SM8550-AC)
- หน่วยประมวลผลกราฟิก (GPU) Adreno 740
- หน่วยความจำแรม (RAM) ขนาด 12GB
- หน่วยความจำภายในสำหรับเก็บบันทึกข้อมูล (ROM) แบบ UFS 4.0 ขนาด 256GB, 512GB หรือ 1TB
- ทำงานอยู่บนระบบปฏิบัติการ Android 13 พร้อมครอบทับด้วย One UI 5.1.1
-------------------------------
- แบตเตอรี่ความจุ 4400 mAh (Dual Battery)
- ระบบชาร์จแบตเตอรี่ความเร็วสูงแบบ 25W Super Fast Charging
- ระบบชาร์จแบตเตอรี่ไร้สายความเร็วสูงแบบ 15W Fast Wireless Charging 2.0
- ฟีเจอร์ 4.5W Wireless PowerShare (4.5W Reverse Wireless Charging)
-------------------------------
กล้องตัวหลักด้านหลัง 3 ตัว (Triple Camera) ประกอบด้วย
- กล้อง Ultra Wide ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล พร้อมเม็ดพิกเซลขนาด 1.12 ไมครอน, รูรับแสงขนาด f2.2 และมุมรับภาพ 123° (ทางยาวโฟกัส 12 มิลลิเมตร)
- กล้อง Wide ความละเอียด 50 ล้านพิกเซล พร้อมเม็ดพิกเซลขนาด 1.0 ไมครอน (หรือ 2.0 ไมครอน ที่ความละเอียด 12MP), รูรับแสงขนาด f1.8, มุมรับภาพ 85° (ทางยาวโฟกัส 24 มิลลิเมตร), ระบบโฟกัสอัตโนมัติแบบ Dual Pixel AF และระบบป้องกันการสั่นแบบ OIS
- กล้อง Telephoto ความละเอียด 10 ล้านพิกเซล พร้อมเม็ดพิกเซลขนาด 1.0 ไมครอน, รูรับแสงขนาด f2.4, มุมรับภาพ 36° (ทางยาวโฟกัส 67 มิลลิเมตร), ระบบซูมแบบ 3x Optical Zoom, ระบบซูมแบบ 30x Space Zoom (เทคโนโลยี AI Super Resolution), ระบบโฟกัสอัตโนมัติแบบ PDAF และระบบป้องกันการสั่นแบบ OIS
รวมทั้งมีการปกป้องเลนส์กล้องด้วยกระจก Super Clear Glass พร้อม Corning Gorilla Glass with DX, รองรับการบันทึกวิดีโอที่ความละเอียดสูงสุดระดับ 8K UHD (30 fps), ระบบป้องกันการสั่นแบบ Super Steady กับ VDIS, โหมด Astro Hyperlapse, รองรับการบันทึกไฟล์วิดีโอแบบ HEVC และฟีเจอร์ Super HDR
กล้องด้านหน้า (Cover Camera) ความละเอียด 10 ล้านพิกเซล
พร้อมเซนเซอร์รับภาพขนาด 1/3 นิ้ว, เม็ดพิกเซลขนาด 1.22 ไมครอน และรูรับแสงขนาด f2.2
กล้องซ่อนใต้หน้าจอ (Under Display Camera) ความละเอียด 4 ล้านพิกเซล
พร้อมเม็ดพิกเซลขนาด 2.0 ไมครอน และรูรับแสงขนาด f1.8
------------------------------
- รองรับการใช้งานร่วมกับปากกา S Pen Fold Edition
- ลำโพงเสียงแบบคู่ (Stereo Speakers)
- ระบบเสียงแบบ Dolby Atmos, Dolby Digital และ Dolby Digital Plus
- รองรับการใช้งานแบบ Flex Mode
- เซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือที่ด้านข้างตัวเครื่อง (Side Mounted Fingerprint Sensor : Capacitive Fingerprint Sensor) พร้อมระบบจดจำใบหน้า (Face Recognition)
- เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตผ่านทางระบบ Wi-Fi 6E, 5G, 4G LTE, 3G WCDMA และ 2G EDGE/GPRS
- เชื่อมต่อข้อมูลแบบไร้สายผ่านทาง Bluetooth 5.3, NFC และ UWB (Ultra Wide Band)
- ระบุตำแหน่ง และนำทางผ่านระบบดาวเทียม GPS+A-GPS, Galileo, Glonass, BeiDou และ QZSS
- พอร์ต USB Type-C (USB 3.2 Gen 1)
- รองรับการใช้งาน Samsung DeX
จุดที่อาจจะต้องพิจารณาเพิ่มเติมของ Samsung Galaxy Z Fold5
- ไม่มีพอร์ตหูฟังขนาด 3.5 มิลลิเมตร
- ไม่มีเซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือแบบฝังใต้หน้าจอ
- รอยพับบนหน้าจอยังคงสังเกตเห็นได้ชัดเจนอยู่
- เมื่อเล่นเกมด้วยหน้าจอหลักด้านใน มุมมองของเกมจะแคบกว่าการเล่นเกมด้วยสมาร์ตโฟนทั่วไป โดยเฉพาะเกมแนวที่ต้องจัดการคู่ต่อสู้ หรือซุ่มยิง เนื่องจากผู้เล่นมองไม่เห็นศัตรูก่อน
- ไม่มีช่องเก็บปากกา S Pen ในตัว
- ปากกา S Pen ไม่มีแถมมาให้ในชุดจำหน่ายมาตรฐาน และรองรับการใช้งานร่วมกับปากกา S Pen Fold Edition เท่านั้น
- ไม่แถมอะแดปเตอร์ชาร์จแบตเตอรี่มาให้พร้อมชุดจำหน่ายมาตรฐาน
- ตัวเครื่องใหญ่กว่าสมาร์ตโฟนทั่วไป และเหมาะกับการใช้งาน 2 มือมากกว่ามือเดียว
- ยังคงใช้ระบบชาร์จแบตเตอรี่ความเร็วสูงแบบ 25W Super Fast Charging เช่นเดิม
วันที่ : 02/09/2023