ตอนนี้คุณอยู่ที่ >> หน้าแรก >> หน้ารวม รีวิวมือถือ mobile review >> รีวิวมือถือ Mobile Review
   
Date : 08/08/2023

รีวิว Samsung Galaxy Tab S9+ ยอดแท็บเล็ตเรือธงกันน้ำรุ่นแรก พร้อมปากกา S Pen, จอ 120Hz Dynamic AMOLED 2X, ชิป Snapdragon 8 Gen 2, ลำโพง Quad AKG และแอปสร้างงานชั้นเลิศ บนบอดี้ Armor Aluminum สวยแกร่งบางเฉียบ
 

ในงาน Galaxy Unpacked 2023 วันที่ 26 กรกฎาคม 2566 ที่ผ่านมา นอกจากจะมีการเปิดตัวสมาร์ตโฟนจอพับเรือธงอย่าง Samsung Galaxy Z Fold5 และ Samsung Galaxy Z Flip5 แล้ว ทาง ซัมซุง ประเทศไทย ยังได้ส่งแท็บเล็ตเรือธงรุ่นใหม่ นั่นก็คือ Samsung Galaxy Tab S9 Series เข้ามาทำตลาดในบ้านเราด้วยเช่นกัน โดย Galaxy Tab S9 Series ที่จะนำมารีวิวให้ชมกันในวันนี้ก็คือ Samsung Galaxy Tab S9+ นั่นเอง

สำหรับ Samsung Galaxy Tab S9 Series นั้น ถูกอัปเกรดใหม่หลายอย่างให้มีความสมบูรณ์และน่าใช้งานมากยิ่งขึ้น โดยชูจุดเด่นในเรื่องของความสามารถในการกันน้ำและกันฝุ่นระดับ IP68 ที่รองรับบน Galaxy Tab S9 Series และปากกา S Pen เป็นครั้งแรก รวมถึงหน้าจอแสดงผลแบบ Dynamic AMOLED 2X, ฟีเจอร์ Vision Booster ช่วยตรวจจับแสงสว่างอัตโนมัติและปรับหน้าจอให้มีความสว่างอยู่เสมอ, การแสดงผลแบบ HDR10+ และอัตรารีเฟรช 120Hz ให้ความสมจริงด้านความบันเทิง ทั้งการเล่นเกมหรือรับชมวิดีโอ อีกทั้งยังขับเคลื่อนด้วยชิปเซ็ต Snapdragon 8 Gen 2 ซึ่งเป็นชิปประมวลผลรุ่นที่เร็วที่สุดของซัมซุง และเป็นรุ่นเดียวกับที่ใช้บนมือถือเรือธงรุ่นล่าสุดของซัมซุงอีกด้วย

 

นอกจากนี้ Samsung Galaxy Tab S9+ ยังมาพร้อมกับฟีเจอร์และเครื่องมือต่าง ๆ ที่ช่วยทำให้การใช้งานสะดวกมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็น ฟีเจอร์ Multi Window ที่สามารถใช้งานแอปพลิเคชันได้มากถึง 3 แอป, GoodNotes แอปพลิเคชันใหม่สำหรับการจดโน้ตและการจดบันทึกประจำวัน, ฟีเจอร์ Multi Control สามารถคัดลอก วาง ลากข้อความและรูปภาพจากแท็บเล็ตสู่สมาร์ตโฟนแบบไร้รอยต่อ ส่วนแบตเตอรี่มีขนาดความจุมากถึง 10,090 mAh อึดทนใช้งานได้นานตลอดวัน ซึ่ง Galaxy Tab S9+ เคาะราคาจำหน่ายในไทยเริ่มต้นที่ 35,900 บาท ส่วนรายละเอียดอื่น ๆ จะเป็นอย่างไรนั้น มารับชมไปพร้อม ๆ กันกับ รีวิว Samsung Galaxy Tab S9+ ได้เลยครับ

 

บอดี้สุดแกร่ง Armor Aluminum พร้อมใช้งานทุกสถานการณ์

ดีไซน์โดยรวมของ Galaxy Tab S9+ จะแทบไม่แตกต่างจากรุ่นก่อนหน้ามากนัก โดยมีขนาดตัวเครื่องอยู่ที่ 185.4x285.4x5.7 มิลลิเมตร น้ำหนัก 581 กรัม (Wi-Fi) และ 586 กรัม (5G) เสริมความแข็งแกร่งด้วยวัสดุ Armor Aluminum ซึ่งมีคุณสมบัติในการรองรับการกระแทก ป้องกันการบิดงอ และป้องกันการเกิดรอยขีดข่วนได้เป็นอย่างดี ทำให้ Galaxy Tab S9+ รุ่นนี้ สามารถพกพาและพร้อมใช้งานทุกสถานการณ์

 

สำหรับ Galaxy Tab S9+ รุ่นที่นำมารีวิวนี้ เป็นรุ่น Wi-Fi ตัวเครื่องสี Graphite ด้านข้างตัวเครื่องเป็นขอบแบน บางเฉียบเพียง 5.7 มิลลิเมตร มีลำโพงเสียงมากถึง 4 ตัว อยู่ในตำแหน่งซ้ายและขวาเมื่อใช้งานแบบแนวนอน, พอร์ตการเชื่อมต่อแบบ USB-C, ถาดสำหรับ microSD Card รองรับสูงสุด 1TB และ POGO PIN สำหรับเชื่อมต่อกับเคสคีย์บอร์ด

 

และสำหรับผู้ที่สั่งจอง Galaxy Tab S9+ ผ่านช่องทางหน้าร้านค้า จะได้รับฟรีเคสคีย์บอร์ด Book Cover Keyboard Slim ซึ่งนอกจากจะปกป้องตัวเครื่องทั้งด้านหน้าและด้านหลังแล้ว ยังมีคีย์บอร์ดในตัว สามารถเปลี่ยน Galaxy Tab S9+ ให้กลายเป็นแล็ปท็อปได้ทันที อีกทั้งยังมาพร้อมกับปุ่มฟังก์ชัน และสลับไปใช้งานโหมด DeX ง่าย ๆ แค่กดปุ่มที่คีย์บอร์ดอีกด้วย

 

จอใหญ่ 12.4 นิ้ว แบบ Dynamic AMOLED 2X พร้อมขอบจอบางเฉียบ

Samsung Galaxy Tab S9+ มาพร้อมกับหน้าจอแสดงผลแบบ Dynamic AMOLED 2X ขนาด 12.4 นิ้ว ความละเอียด 1752 x 2800 พิกเซล รองรับการแสดงผลแบบ HDR10+ และอัตรา Refresh Rate 120Hz ทำให้ตอบสนองได้อย่างลื่นไหล

นอกจากหน้าจอแสดงผลที่สวยสมจริงแล้ว Galaxy Tab S9 ทุกรุ่น ยังมีฟีเจอร์ Eye Comfort Shield ที่ลดอาการปวดตา ด้วยการลดแสงสีฟ้ากว่า 70% อีกทั้งยังแสดงผลได้อย่างคมชัด ด้วยฟีเจอร์ Vision Booster ที่เป็นตัวช่วยในการตรวจจับแสงสว่างโดยอัตโนมัติ และปรับหน้าจอให้มีความสว่างอยู่เสมอ

 

ครั้งแรกกับความสามารถในการกันน้ำและกันฝุ่นระดับ IP68

Samsung Galaxy Tab S9 Series ทั้ง 3 รุ่น เป็นแท็บเล็ตในตระกูล Galaxy Tab S Series รุ่นแรกที่รองรับคุณสมบัติในการกันน้ำและกันฝุ่นที่ระดับ IP68 สามารถอยู่ในน้ำจืดลึก 1.5 เมตร ได้นานสูงสุด 30 นาที หมดกังวลเรื่องตัวเครื่องจะได้รับความเสียหายเมื่อโดนน้ำฝน หรือละอองน้ำต่าง ๆ แต่ทั้งนี้ ไม่แนะนำให้นำไปใช้งานในน้ำทะเล รวมถึงสระว่ายน้ำ เพราะจะสร้างความเสียหายกับตัวเครื่องได้

 

ปากกา S Pen กันน้ำได้ แถมให้ในกล่อง ไม่ต้องซื้อเพิ่ม

นอกจากตัวเครื่อง Galaxy Tab S9+ จะมีคุณสมบัติในการกันน้ำและกันฝุ่นตามมาตรฐาน IP68 แล้ว ปากกา S Pen เองก็รองรับคุณสมบัติดังกล่าวด้วยเช่นกัน จึงเหมาะอย่างมากกับการใช้งานในช่วงหน้าฝน พกพาไปได้ทุกแห่งอย่างสบายใจ

สำหรับปากกา S Pen นั้น มีขนาดใกล้เคียงกับปากกาจริง ผิวสัมผัสด้าน จับถนัดมือ ซึ่งตัวปากกาจะมีด้านหนึ่งที่มีลักษณะแบนราบ เพื่อให้สามารถวางกับโต๊ะได้โดยไม่กลิ้งหล่นพื้นนั่นเอง อีกทั้งยังสามารถแปะกับตัวเครื่องด้านหลังเพื่อชาร์จแบตเตอรี่ได้ หรือแปะวางไว้บนตัวเครื่องก็ได้เช่นกัน

 

ปุ่มกดบนตัวปากกา มีไว้เพื่อใช้เรียกคำสั่งลัดอย่าง Air Command สำหรับสายจดบันทึก ซึ่งมาพร้อมกับเมนูการใช้งานที่คุ้นเคยกันดี ไม่ว่าจะเป็น การสร้างบันทึก, การเลือกอัจฉริยะ (Smart Select), เขียนบนหน้าจอ (Screen Write), Live Messages, AR Doodle, แปลภาษา (Translate), PENUP และรองรับเมนูอื่นเพิ่มเติม

 

นอกจากนี้ ยังรองรับการใช้งานร่วมกับแอปพลิเคชันจดโน้ตยอดนิยมอย่าง GoodNotes ที่ถูกพัฒนามาเพื่อใช้กับแท็บเล็ต Galaxy Tab โดยเฉพาะ ซึ่งจากการทดสอบใช้งานพบว่า เป็นแอปจดโน้ตที่ใช้งานได้สะดวกอีกแอปหนึ่ง สามารถกดที่ปุ่มปากกาเพื่อสลับเป็นยางลบได้เลย และกดอีกครั้งเพื่อกลับมาเป็นโหมดปากกา นอกจากนี้ โน้ตที่ถูกสร้างบน GoodNotes สามารถแชร์และแก้ไขแบบข้ามแพลตฟอร์มได้อีกด้วย อีกทั้งยังใช้ฟรีในปีแรกให้ทุกคนได้ลองใช้กันอีกด้วย

 

ระบบความปลอดภัยครบครัน ทั้งสแกนใบหน้า และสแกนนิ้ว

Samsung Galaxy Tab S9 Series มาพร้อมกับระบบรักษาความปลอดภัย ที่มีมาให้ครบทั้งระบบการสแกนใบหน้า และระบบการสแกนลายนิ้วมือบนหน้าจอ เมื่อใช้งานตัวเครื่องแบบแนวนอน ตำแหน่งของการสแกนลายนิ้วมือจะอยู่ด้านขวาของตัวเครื่อง และอยู่ด้านล่างเมื่อใช้งานในแนวตั้ง ซึ่งจากการทดสอบพบว่า สามารถสแกนและปลดล็อคตัวเครื่องได้อย่างรวดเร็ว

 

ฟีเจอร์ Multi Window แบ่งจอทำงานได้สูงสุด 3 หน้าจอ

รองรับฟีเจอร์ Multi Window แบ่งการทำงานได้สูงสุดถึง 3 หน้าจอ ทำให้สามารถเปิดเบราว์เซอร์ค้นหาข้อมูลต่าง ๆ ได้พร้อม ๆ กับการจดโน้ตบน Samsung Notes และดูหนังฟังเพลงได้พร้อมกัน รวมถึงปรับขนาดหน้าจอได้ตามใจด้วย

 

ฟีเจอร์ Multi Control ลากไฟล์ส่งข้ามอุปกรณ์

Multi Control อีกหนึ่งฟีเจอร์ที่ช่วยทำให้การใช้งานแบบข้ามอุปกรณ์สะดวกมากขึ้น เหมาะสำหรับผู้ที่มีทั้งมือถือและแท็บเล็ต Samsung Galaxy สามารถคัดลอก, วาง หรือลากข้อความ-รูปภาพ จากแท็บเล็ตไปยังสมาร์ตโฟน หรือจากสมาร์ตโฟนไปยังแท็บเล็ตได้แบบไร้รอยต่อ

 

รองรับการใช้งาน DeX Mode

นอกจาก Galaxy Tab S9 Series จะมีอุปกรณ์เสริมอย่างเคสคีย์บอร์ด Book Cover Keyboard Slim ที่สามารถเปลี่ยนแท็บเล็ตให้กลายเป็นแล็ปท็อปได้แล้ว อีกหนึ่งฟีเจอร์ที่ทำให้ Galaxy Tab S9 Series รุ่นนี้ มีความสามารถเหมือนแล็ปท็อปมากขึ้นไปอีก นั่นก็คือ DeX Mode ซึ่งจะเปลี่ยนอินเตอร์เฟสของตัวเครื่องให้คล้ายกับคอมพิวเตอร์พีซีนั่นเอง สามารถเปิดแอปได้หลายหน้าต่าง, รองรับ Taskbar และอื่น ๆ ด้วยหน้าจอของ Galaxy Tab S9+ ที่มีขนาดใหญ่ถึง 12.4 นิ้ว ทำให้ใช้งานได้สะดวกมากขึ้นด้วย

 

Galaxy Tab S9 Series ให้ RAM/ROM เริ่มต้นที่ 12/256GB และด้วยชิปเซ็ตตัวท็อป Snapdragon 8 Gen 2 ทำให้พร้อมรองรับฟีเจอร์ RAM Plus เพิ่มหน่วยความจำเสมือนได้สูงสุด 8GB เป็น RAM สูงสุดถึง 20GB

ในด้านการประมวลผลนั้น Samsung Galaxy Tab S9 Series มาพร้อมชิปเซ็ต Qualcomm Snapdragon 8 Gen 2 ซึ่งเป็นรุ่นเดียวกับที่ใช้บน Galaxy Z Fold5 และ Z Flip5 นั่นเอง โดยชิปเซ็ตระดับนี้ นอกจากจะรองรับการทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพแล้ว ยังสามารถเล่นเกมกราฟิกระดับสูงได้อย่างสบาย ๆ อีกทั้งยังเป็นครั้งแรกที่มีการนำเทคโนโลยี Vapor Chamber ระบบระบายความร้อนขั้นสูงมาใช้ ทำให้สามารถใช้งานได้อย่างยาวนานต่อเนื่องอีกด้วย

นอกเหนือจากชิปเซ็ตตัวแรงแล้ว Samsung Galaxy Tab S9+ ยังมาพร้อมกับหน่วยความจำ RAM มากถึง 12GB ซึ่งรองรับฟีเจอร์ RAM Plus ที่สามารถนำเอา ROM มาทำเป็น Virtual ROM เพิ่มได้อีกสูงสุด 8GB จึงเสมือนมี RAM รวมในระบบเป็น 20GB จึงรองรับการทำงานได้อย่างไหลลื่น รวมทั้งรองรับการเปิดแอปพลิเคชันแบบเบื้องหลังได้มากขึ้นด้วย

 

และด้วยประสิทธิภาพของชิปประมวลผลที่มี ทำให้ Galaxy Tab S9 Series รองรับการเล่นเกมได้ทุกเกม และเล่นได้อย่างลื่นไหล อย่างเช่น เกม PUBG MOBILE และเกม ROV สามารถเลือกปรับค่ากราฟิกสูงสุดได้ทุกหัวข้อ อีกทั้งอุณหภูมิตัวเครื่องก็ไม่ร้อนจัดเพราะระบบระบายความร้อน Vapor Chamber ที่ติดตั้งมาให้

 

เมื่อทดสอบประสิทธิภาพการทำงานของ CPU ด้วยแอปพลิเคชัน Geekbench 6 พบว่า Galaxy Tab S9+ สามารถทำคะแนนการประมวลผลแบบ Single-Core อยู่ที่ 1,988 คะแนน และคะแนนการประมวลผลแบบ Multi-Core อยู่ที่ 5,362 คะแนน ส่วนการทดสอบประสิทธิภาพของหน่วยประมวลผลกราฟิก (GPU) ได้คะแนนรวมที่ 9,435 คะแนน

 

กล้องหลังคู่ 13+8MP และกล้องหน้ามุมกว้าง 12MP

ถึงแม้ว่า Galaxy Tab S9+ จะเป็นแท็บเล็ตที่เน้นใช้งานด้านขีด ๆ เขียน ๆ รวมถึงสายบันเทิงเป็นหลัก แต่ก็ยังใส่กล้องคู่หลังมาให้ ซึ่งประกอบด้วย กล้องหลัก ความละเอียด 13 ล้านพิกเซล และกล้อง Ultra Wide ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล รวมถึงมีโหมดถ่ายภาพให้เลือกมากมาย ทั้งการถ่ายภาพนิ่ง, ถ่ายวิดีโอ, โหมดโปร, โหมดถ่ายภาพกลางคืน, โหมดอาหาร, พาโนรามา, Hyperlapse รวมถึงโหมดการถ่ายวิดีโอแบบ Portrait ซึ่งถือว่าเป็นโหมดเดียวกับมือถือซัมซุงเลยนั่นเอง

สำหรับกล้องด้านหน้านั้น เป็นกล้องมุมกว้าง ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล เหมาะกับการใช้สนทนาแบบวิดีโอ

 

ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องหลังของ Galaxy Tab S9+

 

ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องหน้าของ Galaxy Tab S9+

ตัวอย่างภาพถ่ายเซลฟี่จากระยะปกติ (1x)

 

ตัวอย่างภาพถ่ายเซลฟี่แบบมุมกว้าง

 

แบตเตอรี่ 10,090 mAh ใช้งานอึดทนทั้งวัน พร้อมชาร์จไว 45W

Galaxy Tab S9+ มาพร้อมกับแบตเตอรี่ขนาดความจุมากถึง 10,090 mAh ซึ่งรองรับการใช้งานได้อย่างยาวนานตลอดวัน อีกทั้งยังรองรับระบบชาร์จแบตเตอรี่ความเร็วสูงแบบ 45W Super Fast Charging และโหมดประหยัดพลังงานอีกด้วย

 

ทำงานบนระบบปฏิบัติการ Android 13 รองรับการอัปเกรดถึง 4 รุ่น

Galaxy Tab S9+ ทำงานบนระบบปฏิบัติการ Android 13 พร้อมครอบทับด้วย One UI เวอร์ชัน 5.1.1 ซึ่งรองรับการอัปเกรดระบบ One UI และระบบ Android ถึง 4 รุ่น รวมทั้งอัปเกรดระบบความปลอดภัยนานถึง 5 ปีเลยทีเดียว

 

สรุปประสบการณ์หลังใช้งาน Galaxy Tab S9+

หลังจากที่ได้มีโอกาสใช้งาน Galaxy Tab S9+ มาพักใหญ่ ก็ถือว่าเป็นรุ่นที่ถูกพัฒนาขึ้นมาเพื่อเติมเต็มสิ่งที่ขาดหายไปบน Galaxy Tab S8+ รุ่นก่อนหน้าหลายอย่างด้วยกัน โดยจุดขายของรุ่นนี้ ก็คงเป็นเรื่องของคุณสมบัติในการกันน้ำและกันฝุ่น ตามมาตรฐาน IP68 ซึ่งถือว่าเป็นแท็บเล็ตในตระกูล Galaxy Tab S รุ่นแรกที่รองรับคุณสมบัติดังกล่าว นอกจากตัวเครื่องจะมีคุณสมบัติในการกันน้ำแล้ว ปากกา S Pen ก็รองรับคุณสมบัติดังกล่าวเช่นกัน อีกทั้งตัวเครื่องยังทำมาจากวัสดุ Armor Aluminum ที่มีคุณสมบัติในการรองรับการกระแทก ป้องกันการบิดงอ รวมถึงป้องกันรอยขีดข่วน เรียกได้ว่า สามารถพกพา Galaxy Tab S9+ รุ่นนี้ ไปใช้งานได้ทุกที่ทุกสถานการณ์ได้อย่างมั่นใจเลยทีเดียว

สำหรับการประมวลผลนั้น มาพร้อมกับชิปเซ็ตตัวท็อปรุ่นใหม่ล่าสุดอย่าง Snapdragon 8 Gen 2 พร้อมหน่วยความจำ RAM ขนาด 12GB และฟีเจอร์ RAM Plus เพิ่มได้สูงสุดอีก 8GB รวมถึงพื้นที่จัดเก็บภายในตัวเครื่องที่มากสูงสุดถึง 256GB และรองรับการ์ดหน่วยความจำเสริมแบบ microSD ได้สูงสุดอีก 1TB เรียกว่ารองรับทุกรูปแบบการใช้งานได้ในระดับสูงสุด ไม่ว่าจะเป็นการทำงานทั่วไป, เล่นเกมกราฟิกระดับสูง รวมถึงการดูหนังฟังเพลงก็ยังตอบโจทย์อย่างเต็มรูปแบบ เนื่องจากมีลำโพงเสียงมาให้ถึง 4 ตัว ที่ได้มิติของเสียงแบบสเตอริโอ และปรับจูนเสียงโดย AKG รวมทั้งมีระบบเสียงแบบ Dolby Atmos

หน้าจอแสดงผลเองก็ได้รับการอัปเกรดให้ดีขึ้นเช่นกัน ซึ่งมาพร้อมกับหน้าจอแสดงผลแบบ Dynamic AMOLED 2X ขนาด 12.4 นิ้ว, รองรับอัตราการรีเฟรชสูงสุด 120Hz และการแสดงผลคอนเทนต์แบบ HDR10+ อีกทั้งยังมีฟีเจอร์ Eye Comfort Shield ที่ช่วยถนอมสายตาด้วยการลดแสงสีฟ้ากว่า 70% รวมถึงฟีเจอร์ Vision Booster ที่ช่วยเพิ่มความสว่างให้เพียงพอสำหรับการใช้งานกลางแจ้ง

และสิ่งที่ขาดไม่ได้ที่ถือว่าเป็นอุปกรณ์คู่ใจ Galaxy Tab S Series นั่นก็คือ ปากกา S Pen ที่มีให้ในชุดจำหน่ายมาตรฐาน ไม่ต้องไปเสียเงินซื้อเพิ่ม ซึ่งขนาดของปากกา S Pen นั้น เทียบเท่ากับปากกาจริง ทำให้จับใช้งานได้ถนัดมือ ตรวจจับแรงกดได้ถึง 4096 ระดับ ทำให้การขีด ๆ เขียน ๆ สมจริงเป็นธรรมชาติ ไหลลื่นไม่สะดุด นอกจากนี้ ยังมีคำสั่งลัดอย่าง Air Command ที่มีเมนูการใช้งานให้เลือกอย่างจุใจ อีกทั้งยังสามารถเปลี่ยนแท็บเล็ตให้กลายเป็นแล็ปท็อปได้ด้วยฟีเจอร์ Samsung DeX ปรับอินเตอร์เฟสการใช้งานให้เหมือนพีซี เปิดแอปพลิเคชันได้หลายหน้าต่าง ตอบโจทย์การใช้งานได้อย่างครบครันในเครื่องเดียว

โดย Galaxy Tab S9+ จะมีให้เลือก 2 รุ่นคือ รุ่น Wi-Fi และรุ่น 5G ซึ่งมีคุณสมบัติโดยรวมที่เหมือนกัน ต่างกันที่น้ำหนักตัวเครื่อง และการรองรับเครือข่าย 5G

 

ราคา และโปรโมชันของ Samsung Galaxy Tab S9 Series

Samsung Galaxy Tab S9 Series จะเปิดให้ทำการสั่งซื้อล่วงหน้าตั้งแต่วันที่ 26 กรกฎาคม 2566 เป็นต้นไป และวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการในวันที่ 11 สิงหาคม 2566 มีให้เลือก 2 สี ได้แก่ สี Beige (เฉพาะรุ่น Galaxy Tab S9) และสี Graphite ซึ่งราคาของ Galaxy Tab S9 Series ทั้ง 3 รุ่นที่วางจำหน่ายในไทย มีรายละเอียดดังนี้

- Galaxy Tab S9 Wi-Fi (8/128GB) ราคา 28,900 บาท
- Galaxy Tab S9 5G (8/128GB) ราคา 32,900 บาท
- Galaxy Tab S9+ Wi-Fi (12/256GB) ราคา 35,900 บาท
- Galaxy Tab S9+ 5G (12/256GB) ราคา 39,900 บาท
- Galaxy Tab S9 Ultra 5G (12/256GB) ราคา 49,900 บาท

สำหรับโปรโมชั่นการสั่งซื้อล่วงหน้าตั้งแต่วันที่ 26 กรกฎาคม - 10 สิงหาคม 2566 แบ่งออกเป็น 2 ช่องทาง ดังนี้

1. สำหรับลูกค้าที่จองและซื้อที่ Samsung Experience Store และร้านค้าที่ร่วมรายการ (ไม่รวมช่องทางออนไลน์) : รับฟรี! Book Cover Keyboard Slim มูลค่าสูงสุด 6,990 บาท

- จอง Galaxy Tab S9 รับฟรี Book Cover Keyboard Slim มูลค่า 4,990 บาท
- จอง Galaxy Tab S9+ รับฟรี Book Cover Keyboard Slim มูลค่า 5,990 บาท
- จอง Galaxy Tab S9 Ultra รับฟรี Book Cover Keyboard Slim มูลค่า 6,990 บาท

2. สำหรับลูกค้าที่จองและซื้อที่ samsung.com, Samsung Thailand บน Shopee Mall และ Samsung Official Store บน Lazada จะได้รับสิทธิ์เพิ่มหน่วยความจำ 2 เท่าฟรีทันที มูลค่าสูงสุด 6,000 บาท

- ซื้อ Galaxy Tab S9 8/128GB อัปเกรดฟรีเป็น 12/256GB
- ซื้อ Galaxy Tab S9+ 12/256GB อัปเกรดฟรีเป็น 12/512GB
- ซื้อ Galaxy Tab S9 Ultra 12/256GB อัปเกรดฟรีเป็น 12/512GB

นอกจากนี้ Samsung Galaxy Tab S9 Series ยังรองรับการอัปเกรดระบบ One UI และระบบ Android ถึง 4 รุ่น รวมทั้งอัปเกรดระบบความปลอดภัยนานถึง 5 ปี ซึ่งสามารถรับข้อเสนอ, ส่วนลดพิเศษ และสิทธิประโยชน์ต่าง ๆ ได้ในช่วงพรีออเดอร์

 

สรุปคุณสมบัติเด่นของ Samsung Galaxy Tab S9+

- ตัวเครื่องผลิตจากโลหะ Armor Aluminum
- ตัวเครื่องมีคุณสมบัติของการทนน้ำ และทนฝุ่น ตามมาตรฐาน IP68 ทั้งตัวเครื่อง และปากกา S Pen
- ระบบระบายความร้อนแบบ Advanced Vapor Chamber และ Two-Way Heat Dissipation

-----------------------

- จอแสดงผลแบบ Dynamic AMOLED 2X ขนาด 12.4 นิ้ว ความละเอียดระดับ WQXGA+ (2800x1752 พิกเซล : 266 PPI)
- อัตราการรีเฟรช (Refresh Rate) สูงสุดที่ 120Hz
- รองรับการแสดงผลคอนเทนต์แบบ HDR10+
- เทคโนโลยี Vision Booster สำหรับการเพิ่มความสว่างของหน้าจอเมื่อใช้งานกลางแจ้ง
- ครอบทับด้วยกระจก Corning Gorilla Glass
- เซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือแบบฝังใต้หน้าจอ (In-Display Fingerprint Sensor)

----------------------

- ประมวลผลด้วยชิปเซ็ต Qualcomm Snapdragon 8 Gen 2 (SM8550-AB)
- หน่วยประมวลผลกราฟิก (GPU) Adreno 740
-  หน่วยความจำแรม (RAM) ขนาด 12GB พร้อมฟีเจอร์ RAM Plus สำหรับช่วยเพิ่มขนาดหน่วยความจำ RAM เสมือน (Virtual RAM) ได้สูงสุด 8 GB
- หน่วยความจำภายในสำหรับเก็บบันทึกข้อมูล (ROM) ขนาด 256GB หรือ 512GB
- รองรับการ์ดหน่วยความจำเสริมแบบ microSD ได้สูงสุดที่ขนาด 1TB
- แบตเตอรี่ความจุ 10090 mAh
- ระบบชาร์จแบตเตอรี่ความเร็วสูงแบบ 45W Super Fast Charging
- ทำงานอยู่บนระบบปฏิบัติการ Android 13 พร้อมครอบทับด้วย One UI 5.1.1

-----------------------

กล้องตัวหลักด้านหลัง 2 ตัว (Dual Camera) ประกอบด้วย

- กล้อง Wide (Main) ความละเอียด 13 ล้านพิกเซล พร้อมเซนเซอร์รับภาพขนาด 1/3.4 นิ้ว, เม็ดพิกเซลขนาด 1.0 ไมครอน, รูรับแสงขนาด f2.0, ทางยาวโฟกัส 26 มิลลิเมตร และระบบโฟกัสอัตโนมัติ
- กล้อง Ultra Wide ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล พร้อมรูรับแสงขนาด f2.2

พร้อมไฟแฟลชในตัว (LED Flash) และรองรับการบันทึกวิดีโอที่ความละเอียดระดับ 4K UHD (30 fps)

กล้องด้านหน้าความละเอียด 12 ล้านพิกเซล

พร้อมรูรับแสงขนาด f2.4, มุมรับภาพ 120° และรองรับการบันทึกวิดีโอที่ความละเอียดระดับ 4K UHD (30 fps)

------------------------

- เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตผ่านทางระบบ Wi-Fi 6E, 5G, 4G LTE, 3G WCDMA และ 2G EDGE/GPRS
- เชื่อมต่อข้อมูลแบบไร้สายผ่านทาง Bluetooth 5.3
- ระบุตำแหน่ง และนำทางผ่านระบบดาวเทียม GPS+A-GPS, Glonass, BeiDou, Galileo และ QZSS
- พอร์ต USB Type-C (USB 3.2 Gen1)

------------------------

- รองรับการทำงานร่วมกับปากกา S Pen (แถมมาพร้อมชุดจำหน่ายมาตรฐาน)
- ลำโพงเสียง 4 ตัว (Quad Stereo Speakers) พร้อมการปรับแต่งเสียงโดย AKG และระบบเสียง Dolby Atmos
- รองรับ DeX Mode เพื่อใช้งานความสามารถในแบบ Second Screen (สะท้อน หรือขยายหน้าจอของ PC ไปยังแท็บเล็ต)
- รองรับแอปพลิเคชัน GoodNotes, LumaFusion, Clip Studio Paint และ ArcSite (พร้อมมีโปรโมชันให้ทดลองใช้)
- ฟังก์ชัน Multi Control และ Multi Window

 

จุดที่อาจจะต้องพิจารณาเพิ่มเติมของ Samsung Galaxy Tab S9+

- ไม่มีพอร์ตหูฟังขนาด 3.5 มิลลิเมตร
- พื้นผิวตัวเครื่อง ติดรอยนิ้วมือได้ง่าย แต่สามารถเช็ดทำความสะอาดได้ง่ายเช่นกัน

 

วันที่ : 08/08/2023

Cookie Consent

Our website uses cookies to provide your browsing experience and relavent informations.Before continuing to use our website, you agree & accept of our Cookie Policy & Privacy