ตอนนี้คุณอยู่ที่ >> หน้าแรก >> หน้ารวม mobile review >> พรีวิว (Preview) Samsung Galaxy S6 และ Galaxy S6 edge


พรีวิว (Preview) Samsung Galaxy S6 และ Galaxy S6 edge :: รีวิว ทดสอบ มือถือ :: Thaimobilecenter.com


 
TMC Point

  8.5

การออกแบบดีไซน์

  9.0

ใช้งานง่ายและสะดวก

  8.0

คุณสมบัติเครื่อง

  9.0

ฟังก์ชันการใช้งาน

9.0

เสถียรภาพและประสิทธิภาพ

  9.0

ความคุ้มค่าต่อราคา

  7.0

 
   

พรีวิวสัมผัสแรก Samsung Galaxy S6 และ Samsung Galaxy S6 edge

การเดิมพันครั้งใหม่ของ ซัมซุง กับการพลิกโฉมดีไซน์ตัวเครื่องให้พรีเมียมหรูหราสมราคา ด้วยการผสานโลหะ และกระจกเข้ากันอย่างลงตัว พร้อมฟีเจอร์ไฮเอนด์ที่ตอบโจทย์การใช้งานทุกระดับได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ

Review Date (27-มีนาคม-2558)

สวัสดีครับ เมื่อช่วงค่ำคืนของวันพุธที่ 25 มีนาคม 2558 ที่ผ่านมา ทีมงานไทยโมบายเซ็นเตอร์ได้รับโอกาสอันดีจากทาง ซัมซุง (ประเทศไทย) ด้วยการเชิญทีมงานของเราไปร่วมสัมผัสกับตัวจริงเสียงจริงของ Samsung Galaxy S6 และ Samsung Galaxy S6 edge สองสมาร์ทโฟนเรือธงรุ่นใหม่ล่าสุดจากทาง ซัมซุง นั่นเอง โดยสมาร์ทโฟนทั้งสองรุ่นถือได้ว่ามีกระแสตอบรับที่ดีกว่ารุ่นที่ผ่านมาๆ ซึ่งปัจจัยหลักไม่ใช่ด้วยคุณสมบัติระดับไฮเอนด์ แต่เป็นการออกแบบดีไซน์ที่พรีเมียมที่สุดเท่าที่เคยมีมาสำหรับสมาร์ทโฟนตระกูล Galaxy S โดยเฉพาะ Samsung Galaxy S6 edge นั้นถูกพลิกโฉมหน้าการดีไซน์ให้ใหม่หมดจด ด้วยจอขอบโค้งสองด้านแบบ Dual Curved Edge ส่วนคุณสมบัติของตัวเครื่องทั้งสองรุ่นนี้เหมือนกันแทบทั้งหมด เช่น หน่วยประมวลผลแบบ Octa-Core 64-bit Exynos 7420 (ซีพียู Quad-Core Cortex-A57 ความเร็ว 2.1 GHz และ Quad-Core Cortex-A53 ความเร็ว 1.5 GHz), หน่วยประมวลผลกราฟิกแบบ Mali-T760, หน่วยความจำแรม (RAM) ขนาด 3 GB, หน่วยความจำภายในขนาด 32 GB, 64 GB หรือ 128 GB, ขับเคลื่อนการทำงานด้วยระบบปฏิบัติการ Android 5.0.2 (Lollipop) และกล้องดิจิตอลความละเอียด 16 ล้านพิกเซล พร้อมระบบป้องกันการสั่นแบบ OIS (Optical Image Stabilization) เป็นต้น  แต่สมาร์ทโฟนทั้งสองรุ่นก็มีจุดแตกต่างสำคัญที่ดีไซน์ภายนอก โดยเฉพาะในเรื่องของขอบจอโค้งสองด้าน ที่มีอยู่บน Galaxy S6 edge เท่านั้น ซึ่งแน่นอนว่าทางทีมงานก็ไม่พลาดที่จะเก็บภาพ กับข้อมูลบางส่วนของ Samsung Galaxy S6 และ Samsung Galaxy S6 edge สรุปจุดเด่น กับฟังก์ชันที่น่าสนใจ และจุดที่แตกต่างกันระหว่างสมาร์ทโฟนทั้งสองรุ่น มาให้ท่านผู้อ่านได้รับชมกัน และเพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา ขอเชิญทุกท่านไปชมพรีวิวสัมผัสแรกกับ Samsung Galaxy S6 และ Samsung Galaxy S6 edge พร้อมกันได้เลยครับ

 

รูปลักษณ์ภายนอกตัวเครื่อง และการออกแบบดีไซน์

ตัวเครื่องของ Samsung Galaxy S6 กับ Samsung Galaxy S6 edge จะมีดีไซน์ตัวเครื่องแบบ Dual-Glass Design พร้อมกระจกแบบ Corning Gorilla Glass 4 ที่ด้านหน้า และด้านหลังของตัวเครื่อง ซึ่งช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการป้องกันแรงกระแทก หรือรอยขีดข่วน โดยจะมีความแข็งแกร่งมากกว่ากระจกรุ่นเดิมอย่าง Gorilla Glass 3 ถึง 1.5 เท่า ส่วนกรอบตัวเครื่องจะเป็นแบบโลหะ (Metal Frame) เกรด 6013 โดยจะเป็นอลูนิเนียมเกรดเดียวกับที่ใช้ผลิตรถยนต์, เครื่องบิน หรือจักรยานเสือภูเขา ซึ่งจะมีความแข็งแรงกว่าเดิมถึง 1.5 เท่า และทนทานต่อรอยขีดข่วนมากกว่าเดิมถึง 1.2 เท่า เมื่อเทียบกับโลหะเกรด 6063 ที่นิยทใช้ผลิตสมาร์ทโฟนในปัจจุบัน นอกจากนี้ ด้านหลังของตัวเครื่องยังมีเทคโนโลยีการผลิตที่มีชื่อว่า Dynamic Reflective Surface ซึ่งเป็นการนำเทคโนโลยีเดียวกับหน้าจอทีวี High-Definition มาผลิตด้านหลังของตัวเครื่องนั่นเอง และยังมีการเคลือบพื้นผิวด้วยเทคโนโลยี Nano-Thin Multi-Coating ซึ่งเมื่อตกกระทบกับแสง จะทำให้ด้านหลังของตัวเครื่องสะท้อนสีสันที่แตกต่างกันออกมา ทำให้ดูพรีเมียมหรูหรามากยิ่งขึ้น

สำหรับ Samsung Galaxy S6 จะมาพร้อมกับหน้าจอแสดงผลแบบ Super AMOLED Capacitive Touchscreen 16,700,000 สี ความละเอียด 2560x1440 พิกเซล ขนาด 5.1 นิ้ว ซึ่งเป็นกระจกหน้าจอแบบ Corning Gorilla Glass 4 ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการป้องกันแรงกระแทก หรือรอยขีดข่วนได้ดี พร้อมด้วยขนาดของตัวเครื่อง 143.4x70.5x6.8 มิลลิเมตร กับน้ำหนัก 138 กรัม ส่วน Samsung Galaxy S6 edge จะมาพร้อมกับหน้าจอแสดงผลแบบ Dual Curved Edge Super AMOLED Capacitive Touchscreen 16,700,000 สี ความละเอียด 2560x1440 พิกเซล ขนาด 5.1 นิ้ว พร้อมตัวเครื่องขนาด 142.1x70.1x7.0 มิลลิเมตร กับน้ำหนักตัวเครื่อง 132 กรัม

ด้านหน้าส่วนบน : จะประกอบไปด้วย กล้องดิจิตอลความละเอียด 5 ล้านพิกเซล ที่มีขนาดรูรับแสง F/1.9, ระบบ Accelerometer Sensor ช่วยหมุนหรือปรับเปลี่ยนทิศทางการแสดงผลของหน้าจอให้แบบอัตโนมัติ ตามลักษณะการจับถือของผู้ใช้, ระบบ Proximity Sensor สำหรับการปิดหน้าจอแบบอัตโนมัติขณะสนทนา เพื่อประหยัดพลังงาน และลำโพงสำหรับฟังขณะทำการสนทนา ซึ่งจะเหมือนกันทั้ง Samsung Galaxy S6 และ Samsung Galaxy S6 edge

ด้านหน้าส่วนล่าง : จะประกอบไปด้วยปุ่มการสั่งงานแบบสัมผัส (Touch Panel) ได้แก่ ปุ่ม Recent Apps, ปุ่มโฮม และปุ่มย้อนกลับ ซึ่งจะเหมือนกันทั้ง Samsung Galaxy S6 และ Samsung Galaxy S6 edge

ด้านบนของตัวเครื่อง : สำหรับ Samsung Galaxy S6 จะประกอบไปด้วย ไมโครโฟนตัวที่สอง สำหรับตัดเสียงรบกวน ขณะทำการสนทนา, บันทึกเสียง หรือบันทึกวีดีโอ และอินฟราเรด สำหรับสั่งงาน หรือควบคุมเครื่องใช้ไฟฟ้าอื่นๆ ส่วน Samsung Galaxy S6 edge จะประกอบไปด้วย ไมโครโฟนตัวที่สอง สำหรับตัดเสียงรบกวน ขณะทำการบันทึกเสียง หรือบันทึกวีดีโอ, ถาดใส่ซิมการ์ด และอินฟราเรด สำหรับสั่งงาน หรือควบคุมเครื่องใช้ไฟฟ้าอื่นๆ

ด้านล่างของตัวเครื่อง : จะประกอบไปด้วย ช่องสำหรับเชื่อมต่อกับหูฟังแบบมาตรฐานขนาด 3.5 มิลลิเมตร, ช่องแบบ microUSB สำหรับเชื่อมต่อกับสายชาร์จแบตเตอรี่ หรือส่งผ่านข้อมูล, ไมโครโฟน และลำโพงเสียงภายนอก ซึ่งจะเหมือนกันทั้ง Samsung Galaxy S6 และ Samsung Galaxy S6 edge

ด้านขวาของตัวเครื่อง : สำหรับ Samsung Galaxy S6 จะประกอบไปด้วย ปุ่ม เปิด-ปิด เครื่อง หรือล็อคหน้าจอ และถาดใส่ซิมการ์ด ส่วน Samsung Galaxy S6 edge จะมีปุ่ม เปิด-ปิด เครื่อง หรือล็อคหน้าจอเพียงอย่างเดียว

ด้านซ้ายของตัวเครื่อง : จะมีปุ่ม เพิ่ม-ลด ระดับของเสียง ซึ่งจะเหมือนกันทั้ง Samsung Galaxy S6 และ Samsung Galaxy S6 edge

ด้านหลังของตัวเครื่อง : จะประกอบไปด้วย กล้องดิจิตอลความละเอียด 16 ล้านพิกเซล พร้อมเซ็นเซอร์รับภาพแบบ ISOCELL, ระบบป้องกันการสั่นแบบ OIS และขนาดรูรับแสง F/1.9, ไฟแฟลช LED และเซ็นเซอร์ตรวจวัดอัตราการเต้นของหัวใจ โดยตัวฝาหลังของตัวเครื่องจะไม่สามารถเปิดออกได้ ซึ่งภายในจะมีแบตเตอรี่ขนาด 2550 mAh พร้อมรองรับเทคโนโลยีการชาร์จแบตเตอรี่แบบไร้สาย และหากชาร์จแบตเตอรี่ผ่านทางสายชาร์จเพียง 10 นาที จะสามารถใช้งานได้นาน 4 ชั่วโมง ซึ่งจะเหมือนกันทั้ง Samsung Galaxy S6 และ Samsung Galaxy S6 edge

ซึ่งความพิเศษของกล้องดิจิตอลด้านหลัง คือ พร้อมถ่ายถาพได้ภายในเวลา 0.7 วินาที เท่านั้น

นอกจากนี้ Samsung Galaxy S6 กับ Samsung Galaxy S6 edge ยังรองรับการใช้งานร่วมกับเคสที่ผลิตขึ้นมาโดยเฉพาะอย่าง Clear View Cover และ Clear Cover อีกด้วย

ตัวอย่างของ Clear View Cover สำหรับ Samsung Galaxy S6 edge

ตัวอย่างของ Clear View Cover สำหรับ Samsung Galaxy S6

ตัวอย่างของ Clear Cover สำหรับ Samsung Galaxy S6 edge

ตัวอย่างของ Clear Cover สำหรับ Samsung Galaxy S6

 

เปรียบเทียบ Samsung Galaxy S6 edge กับ Samsung Galaxy Note edge

คงจะมีหลายท่านที่อยากทราบว่าสมาร์ทโฟนจอขอบโค้งรุ่นใหญ่ที่เปิดตัวมาก่อนหน้านี้อย่าง Samsung Galaxy Note Edge เมื่อนำมาเปรียบเทียบกับ Samsung Galaxy S6 edge แล้วจะมีความแตกต่างกันอย่างไร ซึ่งทีมงานก็ไม่พลาดที่จะนำมาเปรียบเทียบให้ทุกท่านได้ชมกันพอสังเขป โดย Samsung Galaxy S6 edge มีหน้าจอแสดงผลแบบ Dual Curved Edge Super AMOLED Capacitive Touchscreen 16,700,000 สี ความละเอียด 2560x1440 พิกเซล ส่วน Samsung Galaxy Note Edge จะมีหน้าจอแสดงผลแบบ Super AMOLED Curved Edge Screen ความละเอียด 2560x1600 พิกเซล ขนาด 5.6 นิ้ว ซึ่งถ้าสังเกตดีๆ จะเห็นว่า Samsung Galaxy S6 edge จะเป็นจอโค้งทั้งด้านซ้าย และด้านขวา ส่วน Samsung Galaxy Note Edge จะเป็นจอโค้งทางด้านขวาเพียงฝั่งเดียวเท่านั้น นอกจากนี้ กล้องดิจิตอลด้านหน้าก็มีความแตกต่างกัน โดยกล้องดิจิตอลด้านหน้าของ Samsung Galaxy Note edge จะมีความละเอียดอยู่ที่ 3.7 ล้านพิกเซล ในขณะที่ Samsung Galaxy S6 edge มีความละเอียดกล้องดิจิตอลด้านหน้าถึง 5 ล้านพิกเซล ส่วนขนาดของตัวเครื่องก็แน่นอนว่า Samsung Galaxy Note Edge จะมีขนาดที่ใหญ่กว่าอยู่พอสมควร ดังนั้นเรื่องความคล่องตัวในการใช้งาน Samsung Galaxy S6 edge ก็จะได้เปรียบกว่าอยู่บ้าง

ส่วนด้านหลังของตัวเครื่องก็มีความแตกต่างเช่นเดียวกัน โดยด้านหลังของ Samsung Galaxy S6 edge จะมีดีไซน์ตัวเครื่องแบบ Dual-Glass Design พร้อมกระจกแบบ Corning Gorilla Glass 4 ที่ด้านหน้า และด้านหลังของตัวเครื่อง แต่ไม่สามารถเปิดฝาหลังของตัวเครื่องได้ ส่วนด้านหลังของ Samsung Galaxy Note Edge จะเป็นพื้นผิวแบบหนังเทียม (Faux Leather) และสามารถเปิดฝาหลังออกได้ นั่นหมายความว่า Samsung Galaxy Note Edge สามารถเปลี่ยนแบตเตอรี่ได้ ซึ่งถือว่าเป็นข้อได้เปรียบกว่า Samsung Galaxy S6 edge อยู่เล็กน้อย

ด้านซ้ายของตัวเครื่อง : ทั้งสองรุ่นจะมีปุ่ม เพิ่ม-ลด ระดับของเสียงเหมือนกัน แต่จะแตกต่างกันตรงที่ดีไซน์ของปุ่มกดเท่านั้น

ด้านขวาของตัวเครื่อง : ด้วยดีไซน์หน้าจอแสดงผลแบบ Super AMOLED Curved Edge Screen ที่โค้งมาจนถึงขอบล่าง และฟังก์ชันสำหรับขอบจอโค้งที่จัดเต็มมากกว่า จึงทำให้ Samsung Galaxy Note Edge ไม่นำปุ่มการสั่งงานใดๆ มาใส่ในด้านนี้ แต่ในขณะที่ Samsung Galaxy S6 edge ยังคงมีปุ่ม เปิด-ปิด หรือล็อคหน้าจออยู่

ด้านบนของตัวเครื่อง : จะเห็นได้ว่าหน้าจอของ Samsung Galaxy Note Edge มีส่วนของขอบจอโค้งมากกว่า Samsung Galaxy S6 edge และนอกจากดีไซน์ที่แตกต่างกันแล้ว ฟังก์ชัน หรือปุ่มการใช้งานก็แตกต่างกันด้วย โดย Samsung Galaxy Note Edge จะมี ปุ่ม เปิด-ปิด เครื่อง หรือล็อคหน้าจอ, ไมโครโฟนตัวที่สอง สำหรับตัดเสียงรบกวน, อินฟราเรด และช่องสำหรับเชื่อมต่อหูฟังแบบมาตรฐานขนาด 3.5 มิลลิเมตร ส่วน Samsung Galaxy S6 edge จะประกอบไปด้วย ไมโครโฟนตัวที่สอง สำหรับตัดเสียงรบกวน, ถาดใส่ซิมการ์ด และอินฟราเรด

ด้านล่างของตัวเครื่อง : ในส่วนนี้ฟังก์ชันต่างๆ ก็มีความแตกต่างอยู่พอสมควร โดย Samsung Galaxy Note Edge จะประกอบไปด้วย ไมโครโฟน, ช่องแบบ microUSB สำหรับเชื่อมต่อกับสายชาร์จแบตเตอรี่ หรือส่งผ่านข้อมู, ไมโครโฟนสำหรับการสนทนา หรือบันทึกเสียง และปากกา S Pen ส่วน Samsung Galaxy S6 edge จะประกอบไปด้วย ช่องสำหรับเชื่อมต่อกับหูฟังแบบมาตรฐานขนาด 3.5 มิลลิเมตร, ช่องแบบ microUSB สำหรับเชื่อมต่อกับสายชาร์จแบตเตอรี่ หรือส่งผ่านข้อมูล, ไมโครโฟน สำหรับการสนทนา หรือบันทึกเสียง และลำโพงเสียงภายนอก

ส่วนการใช้งานขอบจอโค้ง ในฝั่งของ Samsung Galaxy Note Edge จะมีฟังก์ชันให้ใช้งานมากกว่า เช่น Quick Application Access, Notifications without Interruption, Quick Tools และ Always Updated  ส่วน Samsung Galaxy S6 edge จะมีฟีเจอร์ที่มีชื่อว่า People Edge ที่สามารถปักหมุดเบอร์คนสำคัญได้สูงสุด 5 คนไว้ที่ขอบจอ ซึ่งเวลาที่ต้องการจะโทรออก, ส่งข้อความ หรือส่งอีเมล ก็สามารถใช้นิ้วปัดที่ขอบจอ เพื่อเปิดใช้งานฟีเจอร์ดังกล่าว นอกจากนี้ ขอบจอโค้งยังสามารถแสดงการแจ้งเตือนจากแอปพลิเคชันต่างๆ ได้ โดยจะมีแถบแสงเล็กๆ ปรากฏที่ขอบจอด้านขวา และเมื่อผู้ใช้ลากแถบสีจากซ้ายไปขวา ก็จะแสดงรายละเอียดการแจ้งเตือนเพิ่มเติม

นอกจากนี้ Samsung Galaxy S6 edge มีฟีเจอร์สำคัญอีกอย่างหนึ่งก็คือ Edge Lighting Notification โดยเมื่อผู้ใช้คว่ำหน้าจอลง ก็จะสามารถแจ้งเตือนสายเรียกเข้า ได้ด้วยแถบสีที่ปรากฏขึ้นมา โดยสามารถกำหนดแถบสีดังกล่าวให้กับ เบอร์สำคัญ 5 เบอร์โทรที่ปักหมุดเอาไว้ได้ว่าจะให้เบอร์ใดเป็นสีอะไร ฉะนั้น ต่อให้หน้าจอคว่ำลง ก็สามารถทราบได้ทันทีว่า มีสายโทรเข้ามานั่นเอง

 

เปิดเครื่องใช้งาน พร้อมการทดสอบฟังก์ชัน และแอปพลิเคชันต่างๆ

โดยทั้ง Samsung Galaxy S6 และ Samsung Galaxy S6 edge จะมาพร้อมกับระบบปฏิบัติการ Android 5.0.2 (Lollipop)

มีการติดตั้งแอปพลิเคชันพื้นฐานมาให้ใช้งานมากมายในหน้า App Drawer

ส่วน Flipboard Launcher ก็มีให้ใช้งานด้วยเช่นกัน

นอกจากนี้ ยังมีโหมด Ultra Power Saving สำหรับการประหยัดพลังงานให้ใช้งานอีกด้วย (ซึ่งตัวสมาร์ทโฟนจะล็อคการใช้งานบางฟีเจอร์ที่ไม่จำเป็น และเปลี่ยนสีของหน้าจอเป็น ขาว-ดำ : แบตเตอรี่ 10% สามารถใช้งานต่อได้นานประมาณ 24 ชั่วโมง)

Samsung Galaxy S6 กับ Samsung Galaxy S6 edge ยังมาพร้อมกับเซ็นเซอร์ตรวจวัดอัตราการเต้นของหัวใจ (Heart Rate Sensor)

มีเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือ (Fingerprint Scanner) ซึ่งใช้งานได้ง่าย และแม่นยำกว่าเดิม เนื่องจากไม่ต้องใช้การรูดนิ้วลงมาเหมือนกับ Galaxy S5, Galaxy Note 4, หรือ Galaxy Note Edge โดยใช้การแตะนิ้วค้างไว้แทน

ในส่วนของ Interface กล้องถ่ายภาพก็มีหน้าตาที่ใช้งานได้ง่าย พร้อมทั้งแสดงไอคอนฟังก์ชันต่างๆ ไว้อย่างชัดเจน

มีโหมดการถ่ายภาพให้เลือกใช้งานหลากหลาย เช่น อัตโนมัติ, พาโนรามา, โปร และช็อตเสมือนจริง เป็นต้น

ซึ่งในโหมดโปรสามารถปรับตั้งค่าการถ่ายภาพได้เองแบบ Manual ไม่ว่าจะเป็น การชดเชยแสง, การปรับค่า ISO, การปรับค่าสมดุลสีขาว, การปรับระยะโฟกัส และการเลือกใช้งานเอฟเฟกต์ต่างๆ

สำหรับในโหมดช็อตเสมือนจริงเหมาะสำหรับการถ่ายภาพรอบวัตถุ เช่น ถ่ายภาพสินค้า เป็นต้น ซึ่งใช้งานได้ทั้งกล้องหลัง และกล้องหน้า

นอกจากนี้ ยังมีโหมดการถ่ายภาพ Real-Time HDR คือ ซึ่งเราจะสามารถเห็นผลลัพธ์ของการเปิดใช้งานฟังก์ชัน HDR ได้ทันทีแม้จะยังไม่กดถ่ายภาพ โดยสามารถปรับค่าได้ 3 แบบ คือ เปิดใช้งาน, ปิดการใช้งาน และอัตโนมัติ

มาต่อกันที่กล้องดิจิตอลด้านหน้ากันบ้าง ซึ่งก็มีโหมดการถ่ายภาพ Real-Time HDR ให้ใช้งานเช่นเดียวกัน ซึ่งสามารถปรับค่าได้ 3 แบบ คือ เปิดใช้งาน, ปิดการใช้งาน และอัตโนมัติ

และยังมาพร้อมกับโหมดการถ่ายให้เลือกใช้งานอีกมากมาย เช่น ถ่ายภาพตนเองแบบกว้าง หรือช็อตเสมือนจริง รวมถึงสามารถดาวน์โหลดโหมดถ่ายภาพอื่นๆ มาติดตั้งเพิ่มเติมได้

กล้องดิจิตอลด้านหลังสามารถเลือกความละเอียดของการถ่ายวีดีโอได้ 6 ระดับ ได้แก่ UHD (3820x2160 พิกเซล), QHD (2560x1440 พิกเซล), FHD (1920x1080 พิกเซล), FHD 60fps (1920x1080 พิกเซล), HD (1280x720 พิกเซล) และ VGA (640x480 พิกเซล)

ส่วนกล้องดิจิตอลด้านหน้าสามารถเลือกความละเอียดสำหรับถ่ายวีดีโอได้ 4 ระดับ คือ QHD (2560x1440 พิกเซล), FHD (1920x1080 พิกเซล), HD (1280x720 พิกเซล) และ VGA (640x480 พิกเซล)

นอกจากนี้ กล้องดิจิตอลด้านหลังยังสามารถตั้งค่าการใช้งานอื่นๆ ได้อีกหลายอย่างด้วยกัน เช่น การเลือกความละเอียดของกล้องถ่ายภาพ, การ เปิด-ปิด ระบบโฟกัสตามวัตถุที่เคลื่อนไหว, เปิด-ปิด การใช้งานตาราง 9 ช่อง และการ เปิด-ปิด การแท็กสถานที่ เป็นต้น

 

สรุปผลการทดสอบในเบื้องต้นของ Samsung Galaxy S6 กับ Samsung Galaxy S6 edge

จากการพรีวิวแรกสัมผัสที่ผ่านไปข้างต้น ทุกท่านก็คงจะได้เห็นฟีเจอร์เด่นต่างๆ ของ Samsung Galaxy S6 กับ Samsung Galaxy S6 edge กันไปพอสมควร ไม่ว่าจะเป็น ในเรื่องของการออกแบบดีไซน์ที่เป็นเอกลักษณ์ ดูสวยหรูพรีเมียมมากกว่าสมาร์ทโฟน ซัมซุง ทุกรุ่นที่ผ่านๆ มา โดยเฉพาะดีไซน์ตัวเครื่องแบบ Dual-Glass และกรอบตัวเครื่องโลหะ นอกจากนี้ ตัวเครื่องยังมีขนาดที่ไม่เล็ก และไม่ใหญ่จนเกินไป สามารถถือใช้งานด้วยมือเดียวได้อย่างคล่องตัว แม้จะเป็นผู้หญิงก็ตาม และนอกจากตัวเครื่องจะดูพรีเมียมแล้ว ในเรื่องของคุณสมบัติตัวเครื่องก็ไฮเอนด์จัดเต็มเช่นเคย ไม่ว่าจะเป็น หน้าจอแสดงผลแบบ Dual Curved Edge Super AMOLED (Samsung Galaxy S6 edge) หรือแบบ Super AMOLED (Samsung Galaxy S6) ขนาด 5.1 นิ้ว ความละเอียด 2560x1440 พิกเซล, หน่วยประมวลผลแบบ Octa-Core 64-bit Exynos 7420 (ซีพียู Quad-Core Cortex-A57 ความเร็ว 2.1 GHz และ Quad-Core Cortex-A53 ความเร็ว 1.5 GHz), หน่วยประมวลผลกราฟิกแบบ Mali-T760, หน่วยความจำแรม (RAM) ขนาด 3 GB, หน่วยความจำภายในสำหรับเก็บบันทึกข้อมูลขนาด 32 GB, 64 GB หรือ 128 GB, ขับเคลื่อนการทำงานด้วยระบบปฏิบัติการ Android OS 5.0.2 (Lollipop), เซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือที่ปรับปรุงใหม่, เซ็นเซอร์ตรวจวัดอัตราการเต้นของหัวใจ และเทคโนโลยีการชาร์จแบตเตอรี่แบบไร้สาย

นอกจากนี้ กล้องดิจิตอลด้านหลังความละเอียด 16 ล้านพิกเซล กับกล้องดิจิตอลด้านหน้าความละเอียด 5 ล้านพิกเซล ก็มีฟังก์ชัน และโหมดการถ่ายภาพที่น่าสนใจไม่น้อย รวมถึงมีโหมดถ่ายภาพใหม่ๆ เพิ่มเข้ามา เช่น โหมดช็อตเสมือนจริง ซึ่งทั้งกล้องดิจิตอลด้านหน้า และกล้องดิจิตอลด้านหลัง จะมีขนาดรูรับแสง F/1.9 ที่สามารถ่ายภาพในที่มีสภาพน้อยได้ดีเป็นพิเศษ โดย Samsung Galaxy S6 กับ Samsung Galaxy S6 edge จะเปิดให้จองกันอย่างเป็นทางการในวันที่ 1 เมษายน 2558 ตั้งแต่เวลา 7.00 น. เป็นต้นไป ทั้ง 3 เครือข่ายชั้นนำ ได้แก่ ดีแทค (dtac) (7.00 น.), ทรูมูฟเอช (TrueMove H) (8.00 น.) และเอไอเอส (AIS) (9.00 น.) ซึ่งการเปิดจองล่วงหน้าครั้งนี้คาดว่าจะเป็นการสั่งจองแบบออนไลน์ และจะเริ่มวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการช่วงหลังสงกรานต์ หรือช่วงกลางเดือนเมษายนนี้

โดย Samsung Galaxy S6 32GB จะมีราคาอยู่ที่ 23,900 บาท, Samsung Galaxy S6 edge 32GB จะมีราคาอยู่ที่ 27,900 บาท และ Samsung Galaxy S6 edge 64GB จะมีราคาอยู่ที่ 30,900 บาท ซึ่ง Samsung Galaxy S6 และ Galaxy S6 edge ที่วางจำหน่ายในประเทศไทย จะมีตัวเครื่องให้เลือก 3 สี ได้แก่ White Pearl, Black Sapphire และ Gold Platinum 

อย่างไรก็ดี ด้วยเวลาที่ค่อนข้างจำกัด ทีมงานจึงยังไม่ได้ทดสอบการใช้งาน Samsung Galaxy S6 กับ Samsung Galaxy S6 edge อย่างเต็มที่ ดังนั้นเนื้อหาที่ทุกท่านเห็นกันไปจึงเป็นเพียงแค่การทดสอบในเบื้องต้นเท่านั้น ซึ่งทั้ง Samsung Galaxy S6 กับ Samsung Galaxy S6 edge ยังมีฟีเจอร์ และฟังก์ชันที่น่าสนใจอีกมากมาย โดยทางทีมงานจะกล่าวถึงโดยละเอียดอีกครั้งในรีวิวฉบับเต็ม สำหรับวันนี้ต้องลาไปก่อน พบกันใหม่ในโอกาสหน้า สวัสดีครับ

 

จุดเด่นของ Samsung Galaxy S6 กับ Samsung Galaxy S6 edge

- ดีไซน์ตัวเครื่องแบบ Dual-Glass Design ด้วยกระจกแบบ Gorilla Glass ทั้งด้านหน้า และด้านหลังของตัวเครื่อง พร้อมการเคลือบพื้นผิวด้วยเทคโนโลยี Nano-Thin Multi-Coating
- กรอบตัวเครื่องแบบโลหะ (Metal Frame) ด้วยวัสดุแบบอลูมิเนียมเกรด 6013 ซึ่งมีความแข็งแรงทนทานเป็นพิเศษ
- จอแสดงผลแบบ Super AMOLED Capacitive Touchscreen 16,700,000 สี ความละเอียด 2560x1440 Pixels (2K QHD : กว้าง 5.1 นิ้ว : 577 ppi) พร้อมหน่วยประมวลผลภาพกราฟฟิคโดยเฉพาะ (GPU : Graphics Processing Unit) แบบ Mali-T760 สำหรับ Samsung Galaxy S6
-
จอแสดงผลแบบ Dual Curved Edge Super AMOLED Capacitive Touchscreen 16,700,000 สี ความละเอียด 2560x1440 Pixels (2K QHD : กว้าง 5.1 นิ้ว : 577 ppi) พร้อมหน่วยประมวลผลภาพกราฟฟิคโดยเฉพาะ (GPU : Graphics Processing Unit) แบบ Mali-T760 สำหรับ Samsung Galaxy S6 edge
- ฟังก์ชัน People Edge และ Edge Lighting Notification บน Samsung Galaxy S6 edge
- กระจกแบบ Corning Gorilla Glass 4 ที่ด้านหน้า และด้านหลังของตัวเครื่อง ที่สามารถป้องกันแรงกระแทก หรือรอยขีดข่วน ได้ดีกว่า Gorilla Glass 3 ประมาณ 1.5 เท่า
- ประมวลผลการทำงานด้วยชิปเซ็ต Octa-Core 64-bit Exynos 7420 (ซีพียู Quad-Core Cortex-A57 ความเร็ว 2.1 GHz และ Quad-Core Cortex-A53 ความเร็ว 1.5 GHz)
- เทคโนโลยีการผลิตระดับ 14 นาโนเมตร (14 nm)
- ขับเคลื่อนการทำงานด้วยระบบปฏิบัติการ Android OS เวอร์ชัน 5.0.2 (Lollipop)
- หน่วยความจำ RAM ขนาด 3 GB
- หน่วยความจำภายในสำหรับเก็บบันทึกข้อมูลขนาด 32 GB, 64 GB หรือ 128 GB (รุ่นที่จำหน่ายในประเทศไทย มีเฉพาะความจุ 32 GB และ 64 GB) พร้อมเทคโนโลยี UFS เวอร์ชัน 2.0 (Universal Flash Storage) (เร็วกว่า eMMC 5.0 ประมาณ 2.7 เท่า)
- กล้องดิจิตอลตัวหลักที่ด้านหลังของตัวเครื่อง ความละเอียดระดับ 16 ล้าน Pixels พร้อมเซ็นเซอร์รับภาพแบบ ISOCELL, ไฟแฟลชแบ LED, ระบบป้องกันการสั่นแบบ OIS, ระบบโฟกัสภาพแบบติดตามวัตถุ (Object Tracking AF) , ขนาดของรูรับแสง (Aperture) กว้างสูงสุดที่ F/1.9, โหมดถ่ายภาพแบบ Auto Real-Time HDR
- กล้องดิจิตอลที่ด้านหลังของตัวเครื่อง รองรับการถ่ายวีดีโอได้ที่ความละเอียดสูงสุดระดับ 4K UHD (2160p : 3840x2160 Pixels : 30 fps)
- กล้องดิจิตอลขนาดเล็กที่ด้านหน้าของตัวเครื่อง ความละเอียดระดับ 5 ล้าน Pixels พร้อมขนาดของรูรับแสง (Aperture) กว้างสูงสุดที่ F/1.9 และโหมดถ่ายภาพแบบ Auto Real-Time HDR
- กล้องดิจิตอลที่ด้านหน้าของตัวเครื่อง รองรับการถ่ายวีดีโอได้ที่ความละเอียดสูงสุดระดับ 2K QHD (2560x1440 Pixels)
- เซ็นเซอร์ตรวจวัดอัตราการเต้นของหัวใจ (Heart Rate Sensor)
- เซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือ (Fingerprint Sensor)
- รองรับเทคโนโลยีการเชื่อมต่อไร้สายแบบ NFC (Near Field Communication), MST (Magnetic Secure Transmission), Bluetooth, ANT+ และ Infrared
- รองรับการจ่ายเงินผ่านบริการ Samsung Pay (รองรับการใช้งานร่วมกับ Visa และ MasterCard)
- รองรับการใช้งานอินเทอร์เน็ตผ่านทางระบบ WiFi, 4G LTE Cat6, 3G, EDGE, GPRS
- ระบบ GPS ในตัว (Global Positioning System : ระบบดาวเทียมนำร่อง) พร้อมรองรับระบบดาวเทียม GLONASS และ Beidou
- แบตเตอรี่ Li-Ion Polymer 2550 mAh
- รองรับเทคโนโลยี Fast Charging ชาร์จแบตเตอรี่เพียง 10 นาที สามารถใช้งานได้นาน 4 ชั่วโมง
- รองรับเทคโนโลยีการชาร์จแบตเตอรี่แบบไร้สาย (Wireless Charging : รองรับมาตรฐาน PMA 1.0 และ WPC 1.1)

 

จุดที่อาจจะต้องพิจารณาเพิ่มเติมของ Samsung Galaxy S6 กับ Samsung Galaxy S6 edge

- ถูกตัดความสามารถของการป้องกันน้ำ และป้องกันฝุ่น ที่เคยมีอยู่ใน Samsung Galaxy S5 ออกไป
- ไม่สามารถเปิดฝาหลังออกได้ จึงทำให้ไม่สามารถทำการเปลี่ยนแบตเตอรี่ได้
- ไม่สามารถใส่การ์ดหน่วยความจำเพิ่มเติมได้
- ลำโพงเสียงยังคงเป็นแบบทิศทางเดียว (Mono)
- ไม่มีวิทยุ FM ในตัว

 

โปรดทราบ

* โทรศัพท์มือถือที่ท่านเห็นในบทความรีวิวนี้เป็นเพียงเครื่องทดสอบจากทางศูนย์ เพราะฉะนั้นคุณสมบัติบางอย่างอาจมีความแตกต่างจากเครื่องที่วางจำหน่ายจริงบ้างไม่มากก็น้อย รวมถึงจุดด้อยบางประการที่พบในเครื่องทดสอบ อาจจะถูกแก้ไขปรับปรุงให้ดีขึ้นในเครื่องที่วางจำหน่ายจริง ดังนั้นหากท่านสนใจซื้อโทรศัพท์มือถือรุ่นนี้ ควรตรวจสอบหรือทดลองใช้งานสินค้าด้วยตนเองอีกครั้งหนึ่ง *

 

สรุปคุณสมบัติเครื่อง

ท่านสามารถตรวจสอบคุณสมบัติแบบสรุป (Specification) ของ Samsung Galaxy S6 และ Samsung Galaxy S6 edge ได้โดยการคลิกที่ลิงก์ด้านล่างนี้

Samsung Galaxy S6 Specification
Samsung Galaxy S6 edge Specification title="Sony Xperia ZL Specification">

 

:: ไปหน้าแรกเว็บไซต์ Thaimobilecenter | ไปหน้าแรก Mobile Focus ::

 

 

 














 รีวิว OPPO A5x | Enco Buds3
สมาร์ตโฟนแบตอึด 6000 mAh พร้อมชาร์จไว 45W SUPERVOOC บนบอดี้สวยแกร่ง ในราคาไม่ถึง 4 พัน และ OPPO Enco Buds3 หูฟังไร้สายตัวคุ้ม

[รายละเอียด]
 รีวิว Alldocube iPlay60 Pad Pro
แท็บเล็ตจอใหญ่ 12.1 นิ้ว โทรได้ พร้อมคีย์บอร์ด ปากกา และรองรับ PC Mode ครบจบในเครื่องเดียว ในราคาไม่ถึง 9 พันบาท

[รายละเอียด]
 รีวิว OPPO Find N5
สมาร์ตโฟนจอพับบางที่สุดในโลก พร้อมกล้อง Hasselblad 3x Optical Zoom ชิปเซ็ต Snapdragon 8 Elite พลังชาร์จไว 80W และฟีเจอร์ AI ใหม่ล่าสุด

[รายละเอียด]
 รีวิว POCO F7 Pro | F7 Ultra
สมาร์ตโฟนทรงพลังที่สุดของค่าย แรงระดับเรือธง ฟีเจอร์ AI พร้อมใช้ ในราคาแค่ครึ่งเดียว เริ่มเพียง 15,990 บาท

[รายละเอียด]
 รีวิว Xiaomi 15 | Xiaomi 15 Ultra
เรือธงกล้อง Leica ที่น่าจับจองกว่าเดิม เพิ่มกล้อง 200MP ใหม่ซูมได้ 120x พร้อมฟีเจอร์ AI จัดเต็ม

[รายละเอียด]
 รีวิว Alldocube iPlay 50 mini
แท็บเล็ตไซส์มินิสุดคุ้ม โทรได้ มี GPS พร้อมฟีเจอร์ตอบโจทย์คนชอบดูหนัง และอ่าน e-Book ในราคาประหยัดเพียง 3,990 บาท

[รายละเอียด]
รายการรีวิวมือถือทั้งหมด








วางจำหน่ายแล้ว OPPO Enco Buds3 หูฟังไร้สาย แบตอึด 48 ชม. น้ำหนัก 3.8 กรัม ราคา 799 บาท
วางจำหน่ายแล้ว OPPO Enco Buds3 หูฟังไร้สาย แบตอึด 48 ชม. น้ำหนัก  
วางจำหน่ายแล้ว หูฟังไร้สายรุ่นใหม่ “OPPO Enco Buds3” พร้อมมอบการใช้งานที่ดื่มดำเต็มอรรถรสได้ตลอดวัน ในราค
realme Neo7 Turbo เตรียมเปิดตัวที่จีน 29 พฤษภาคมนี้ พร้อมดีไซน์ฝาหลังใสและชิป Dimensity 9400e
realme Neo7 Turbo เตรียมเปิดตัวที่จีน 29 พฤษภาคมนี้ พร้อมดีไซน์ฝา 
realme Neo7 Turbo สมาร์ตโฟนรุ่นใหม่ล่าสุดเตรียมเปิดตัวในประเทศจีนวันที่ 29 พฤษภาคมนี้ โดยล่าสุดได้เผยภาพเ
iPhone 7 Plus และ iPhone 8 ถูกจัดเป็นผลิตภัณฑ์รุ่นเก่า (Vintage) แล้ววันนี้
iPhone 7 Plus และ iPhone 8 ถูกจัดเป็นผลิตภัณฑ์รุ่นเก่า (Vintage)  
Apple ได้อัปเดตรายการผลิตภัณฑ์เก่า (Vintage) และผลิตภัณฑ์ล้าสมัย (Obsolete) อีกครั้งในวันนี้ โดยมีการเปลี
เทคนิคตั้งค่ากล้องมือถือให้ถ่ายสวยระดับโปร ทำอย่างไรไปดู!
เทคนิคตั้งค่ากล้องมือถือให้ถ่ายสวยระดับโปร ทำอย่างไรไปดู! 
ในปัจจุบันกล้องถ่ายภาพของสมาร์ทโฟนได้รับการอัปเกรดให้ล้ำกว่าแต่ก่อนมาก ไม่ว่าจะเป็นจำนวนกล้องที่มากขึ้น,
AirPods หายข้างเดียวทำไงดี ซื้อใหม่ข้างเดียวได้ไหม?
AirPods หายข้างเดียวทำไงดี ซื้อใหม่ข้างเดียวได้ไหม? 
ฝันร้ายของคนที่ใช้ AirPods คงจะหนีไม่พ้นการที่หูฟังหาย ซึ่งเท่าที่เคยพบเจอมาส่วนใหญ่แล้วจะไม่ได้หายทั้งเค
มือถือราคาไม่เกิน 10,000 ปี 2025 อัปเดตล่าสุดเดือน มี.ค. 2025 มีรุ่นไหนบ้างไปดู!
มือถือราคาไม่เกิน 10,000 ปี 2025 อัปเดตล่าสุดเดือน มี.ค. 2025 มีร 
ปัจจุบันสมาร์ทโฟนมีหลายรุ่นหลายราคาให้เลือกสรรกันตามกำลังทรัพย์ โดยรุ่นที่มักจะเป็นที่ต้องการอยู่เสมอคือร
มือถือเล่นเกมราคาไม่เกิน 10,000 บาท สเปกคุ้มค่า อัปเดตราคาล่าสุด ก.พ. 2025
มือถือเล่นเกมราคาไม่เกิน 10,000 บาท สเปกคุ้มค่า อัปเดตราคาล่าสุด  
สมาร์ทโฟนเกมมิ่ง หรือมือถือเล่นเกมยังคงได้รับความสนใจอยู่เสมอ โดยเฉพาะกลุ่มที่มีราคาไม่เกิน 10,000 บาท สำ
Samsung เปิดตัว Galaxy S25 Series ในไทย โชว์พลัง Galaxy AI ผ่านงานดนตรีสุดล้ำ ในงาน Here AI am Music Fest
Samsung เปิดตัว Galaxy S25 Series ในไทย โชว์พลัง Galaxy AI ผ่านงา 
ซัมซุงเปิดตัว Galaxy S25 Series สุดยิ่งใหญ่ในไทย โชว์ความเก่ง Galaxy AI ผู้ช่วยส่วนตัวคนใหม่ ผ่านงานดนตร
HMD Skyline วางขายในไทยแล้ววันนี้ในราคา 14,990 บาท มากับชิป Snapdragon 7s Gen 2, จอ 144Hz, ชาร์จไร้สาย และกล้องซูม
HMD Skyline วางขายในไทยแล้ววันนี้ในราคา 14,990 บาท มากับชิป Snapd 
HMD Skyline สมาร์ทโฟนผู้สืบทอดทางจิตวิญญาณของ Nokia Lumia ในตำนานเปิดตัวและวางจำหน่ายในประเทศไทยเรียบร้อย
อินฟินิกซ์ โปรกลางเดือน สมาร์ทโฟนรุ่นฮิต สเปคเทพ ราคาพิเศษ ส่วนลดจัดเต็ม [สิงหาคม 2024]
อินฟินิกซ์ โปรกลางเดือน สมาร์ทโฟนรุ่นฮิต สเปคเทพ ราคาพิเศษ ส่วนลด 
อินฟินิกซ์ อัดโปรฯ แรงกลางเดือน ขนสมาร์ทโฟนรุ่นฮิต สเปคเทพ ราคาโดน มาให้เลือกช้อป พร้อมส่วนลดจัดเต็มอีกเพ
รายการอัพเดททั้งหมด



ราคามือถือ อัพเดทล่าสุด !!


OPPO Reno13 5G 16,999 บาท ราคาลดลง 1,000 บาท จากราคาเดิม 17,999  บาท
Samsung Galaxy S25+ 34,900 บาท ราคาลดลง 2,000 บาท จากราคาเดิม 36,900  บาท
Samsung Galaxy S25 27,900 บาท ราคาลดลง 2,000 บาท จากราคาเดิม 29,900  บาท
Samsung Galaxy S25 Ultra 44,900 บาท ราคาลดลง 2,000 บาท จากราคาเดิม 46,900  บาท
Samsung Galaxy S24 FE 17,900 บาท ราคาลดลง 2,000 บาท จากราคาเดิม 19,900  บาท
OPPO Find N5 69,999 บาท
iPhone 13 128GB 15,900 บาท
iPhone 15 20,900 บาท ราคาลดลง 6,000 บาท จากราคาเดิม 26,900  บาท
OPPO Reno13 F 5G 12,999 บาท
Samsung Galaxy Z Fold6 58,900 บาท
Samsung Galaxy Z Flip6 34,900 บาท
POCO F6 Pro 13,490 บาท ราคาลดลง 2,500 บาท จากราคาเดิม 15,990  บาท
Samsung Galaxy A05s 4,499 บาท ราคาลดลง 500 บาท จากราคาเดิม 4,999  บาท
iPhone 15 Pro Max 39,500 บาท ราคาลดลง 7,400 บาท จากราคาเดิม 46,900  บาท
iPhone 15 Pro 35,400 บาท ราคาลดลง 3,100 บาท จากราคาเดิม 38,500  บาท
iPhone 15 Plus 29,900 บาท ราคาลดลง 3,300 บาท จากราคาเดิม 33,200  บาท
Redmi Pad SE 4,999 บาท
Samsung Galaxy Tab S9+ 35,900 บาท
vivo Y27 5G 6,999 บาท
รายการ ราคามือถือ ทั้งหมด



อัพเดท ข่าวสารล่าสุด (New update)

Xbox ปล่อย Copilot for Gaming (Beta) บนอุปกรณ์มือถือ พร้อมรองรับทั้ง iOS และ Android ผู้ช่วยเกมเมอร์อัจฉริยะ
Xbox ปล่อย Copilot for Gaming (Beta) บนอุปกรณ์มือถือ พร้อมรอ 
Xbox เปิดให้เหล่าเกมเมอร์ได้ทดลองใช้งานฟีเจอร์ใหม่ล่าสุด Copilot for Gaming (Beta) ที่ถูกออกแบบมาเพื่อยกร
LINE อัปเดตฟีเจอร์ “รีแอคชั่น” ใหม่! เพิ่มสีสันให้การแชทผ่านการส่งรีแอคชั่นข้อความด้วย LINE Emoji ได้ทุกรูปแบบแล้ววันนี้
LINE อัปเดตฟีเจอร์ “รีแอคชั่น” ใหม่! เพิ่มสีสันให้การแชทผ่าน 
LINE อัปเดตฟีเจอร์ “รีแอคชั่น” ใหม่ ผู้ใช้งานทุกท่านสามารถเลือกใช้ LINE Emoji ทุกรูปแบบในการส่งรีแอคชั่นต
MAHAJAK สบายใจ สบายจ่าย ผ่อน 0% นานสูงสุด 10 เดือน อยู่ที่ไหนก็ผ่อนได้ กับบัตรเครดิตที่ร่วมรายการ
MAHAJAK สบายใจ สบายจ่าย ผ่อน 0% นานสูงสุด 10 เดือน อยู่ที่ไห 
มหาจักรดีเวลอปเมนท์ จัดให้กับโปรโมชันผ่อนได้นานสูงสุดถึง 10 เดือน พร้อมให้ทุกคนได้เป็นเจ้าของเครื่องเสียง
Samsung เปิดตัวทีวี AI รุ่นใหม่ การันตีอัปเดต OS ฟรี 7 ปี พร้อมรับโปรพิเศษ 7 ต่อ
Samsung เปิดตัวทีวี AI รุ่นใหม่ การันตีอัปเดต OS ฟรี 7 ปี พร 
ซัมซุง มอบความมั่นใจให้ลูกค้า การันตีอัปเดต OS ฟรีนาน 7 ปี บนไลน์อัปทีวี AI รุ่นใหม่
Xiaomi รายได้พุ่งทะลุ 111.3 พันล้านหยวน ไตรมาสแรกปี 2025 กำไรโต 64.5%
Xiaomi รายได้พุ่งทะลุ 111.3 พันล้านหยวน ไตรมาสแรกปี 2025 กำไ 
เสียวหมี่ทำรายรับทะลุ 111.3 พันล้านหยวนในไตรมาสแรกของปี 2568 ซึ่งทำยอดทะลุ 1 แสนล้านหยวนเป็นไตรมาสที่สองต
รายการอัพเดททั้งหมด


    Catalog มือถือ     market     Review มือถือ      ราคามือถือ     forum
Catalog มือถือ
Catalog มือถือ Nokia
Catalog มือถือ Samsung
Catalog มือถือ SonyEricsson
Catalog มือถือ i-mobile
Catalog มือถือ LG
Catalog มือถือ BlackBerry
ลงประกาศสินค้ามือถือ
สมัครสมาชิก
หน้าแรกตลาดซื้อขายมือถือ
 
หน้าแรกรีวิว
รีวิว มือถือ Nokia
รีวิว มือถือ Samsung
รีวิว มือถือ Motorola
รีวิว มือถือ LG
 

ราคามือถือ Samsung
ราคามือถือ iPhone
ราคามือถือ Huawei
ราคามือถือ OPPO
ราคามือถือ Vivo
   
   
หน้าแรก cafe
Nokia club
ตั้งหัวข้อใหม่
 

© Copyright all rights reserved : ThaiMobileCenter.com