รีวิว (Review) Samsung Galaxy J7+
สมาร์ทโฟนกล้องคู่ (Dual Camera) น้องใหม่ ที่ถ่ายหน้าชัดหลังละลายได้ทั้งกล้องหน้า-กล้องหลัง! พร้อมระบบสแกนใบหน้า, เล่น Line / Facebook พร้อมกัน 2 แอคเคานท์, จอ Super AMOLED FHD ใหญ่เต็มตา 5.5 นิ้ว, กล้องหน้า 16 ล้านพิกเซล, ชิปเซ็ต Helio P20, RAM 4GB และ Android 7.1.1 Nougat ที่สดใหม่ ในราคา 12,900 บาท
Review
Date (20-กันยายน-2560)

เรียกได้ว่าสมาร์ทโฟนได้กลายเป็นอุปกรณ์ที่เราขาดไปไม่ได้เสียแล้ว ด้วยความสามารถในการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตความเร็วสูง รวมถึงรองรับการใช้งานในด้านต่างๆ ที่ช่วยอำนวยความสะดวกในการดำเนินชีวิต กล่าวได้ว่าเราสามารถจัดการทุกอย่างได้เพียงสัมผัสบนหน้าจอสมาร์ทโฟนเท่านั้น และหนึ่งในคุณสมบัติที่ได้รับความนิยมเป็นลำดับต้นๆ ได้แก่ กล้องถ่ายภาพ ที่ในปี 2017 นี้กระแสของสมาร์ทโฟนได้มุ่งพัฒนาขึ้นไปใช้งานกล้องถ่ายภาพแบบคู่ (Dual-Camera) ซึ่งจะเห็นได้จากการเปิดตัวสมาร์ทโฟนกล้องคู่จากทั้งหลายๆ แบรนด์ทั่วโลก และด้วยความสามารถในการถ่ายภาพที่พัฒนาขึ้นอย่างรวดเร็ว จึงทำให้ใครหลายคนมักจะพิจารณาเลือกซื้อสมาร์ทโฟนด้วยคุณภาพของกล้องถ่ายภาพเป็นอันดับต้นๆ
ในช่วงปลายเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา ทาง Samsung ก็ได้เปิดตัว Samsung Galaxy Note8 สมาร์ทโฟนรุ่นแรกของตนเองที่มาพร้อมกล้องคู่ (Dual-Camera) พร้อมกับมีการปรับเปลี่ยนดีไซน์มาเป็นแบบไร้ขอบไร้ปุ่มโฮมเช่นเดียวกับ Samsung Galaxy S8 รวมถึงอัปเกรดฟีเจอร์ให้ดีขึ้นจากในรุ่นก่อนในทุกด้าน โดยเปิดราคาวางจำหน่ายในบ้านเราที่ 33,900 บาท เรียกได้ว่าราคาสมกับฟีเจอร์ระดับไฮเอนด์ที่จัดมาให้แบบครบครัน

แต่สำหรับท่านที่อยากใช้งานสมาร์ทโฟนกล้องคู่ (Dual-Camera) ในราคาที่เอื้อมถึงได้ ทาง Samsung ก็ได้ส่ง Samsung Galaxy J7+ สมาร์ทโฟนกล้องคู่รุ่นที่สองของค่ายมาให้เป็นอีกหนึ่งตัวเลือก โดยมาพร้อมความละเอียด 13 ล้านพิกเซล (F/1.7) + 5 ล้านพิกเซล (F/1.9) และมีจุดเด่นในการถ่ายภาพละลายฉากหลังได้ทั้งจากกล้องหน้า-กล้องหลัง ด้วยฟีเจอร์ Live Focus และ Selfie Focus พร้อมปรับระดับความเบลอได้ตามที่ต้องการ อีกทั้งยังรองรับการปลดล็อกตัวเครื่องด้วยระบบสแกนใบหน้า พร้อมเซ็นเซอร์สแกนนิ้ว และมีผู้ช่วยอัจฉริยะอย่าง Bixby เหมือนกับเรือธงรุ่นพี่
นอกจากนี้ Samsung Galaxy J7+ ยังมีการดีไซน์ตัวเครื่องแบบ Metal Unibody ที่ผลิตจากวัสดุโลหะพร้อมขึ้นรูปเป็นชิ้นเดียวกัน เพื่อเพิ่มความแข็งแรงทนทาน และมอบความพรีเมียมให้ในทุกการสัมผัส

ส่วนคุณสมบัติในด้านอื่นๆ ของ Samsung Galaxy J7+ นั้นก็นับว่าครบเครื่องพอสมควร เริ่มตั้งแต่จอแสดงผล Super AMOLED Full HD ขนาด 5.5 นิ้ว, ชิปเซ็ต MediaTek Helio P20, ระบบปฏิบัติการ Android 7.1.1 Nougat, หน่วยความจำภายใน (ROM) ขนาด 32GB, หน่วยความจำแรม (RAM) ขนาด 4GB, รองรับการ์ดหน่วยความจำแบบ microSD ได้สูงสุดขนาด 256GB, รองรับการใช้งาน 4G LTE และ รองรับการใช้งานสองซิมการ์ด รวมถึงฟีเจอร์ Dual Messenger สำหรับโคลนแอปพลิเคชัน จึงทำให้ผู้ใช้ Galaxy J7+ สามารถแยกบัญชีโซเชียลมีเดียได้ถึง 2 บัญชี และปลอดภัยด้วย Secure Folder ที่เปรียบเสมือนสมาร์ทโฟนอีกเครื่องหนึ่งของผู้ใช้ และผู้ที่มีรหัสผ่านเท่านั้นจึงจะเข้าได้
ล่าสุดนี้ทาง Samsung ประเทศไทย ก็ได้เปิดตัว Samsung Galaxy J7+ เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ในราคา 12,900 บาท และเพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา เรามาดูกันต่อเลยดีกว่าว่า Samsung Galaxy J7+ รุ่นนี้จะมีความโดดเด่นในด้านใดบ้าง และจะมาพร้อมฟีเจอร์ที่คุ้มค่าต่อราคามากน้อยเพียงใด หากท่านผู้อ่านพร้อมแล้ว เชิญติดตามชมการรีวิว (Review) Samsung Galaxy J7+ ไปพร้อมกันได้เลยค่ะ
รูปลักษณ์ภายนอกตัวเครื่อง และการออกแบบดีไซน์


Samsung Galaxy J7+ มาพร้อมกับหน้าจอแสดงผลแบบ Super AMOLED ขนาด 5.5 นิ้ว ความละเอียดระดับ Full HD 1080p (1080x1920 พิกเซล) พร้อมฟีเจอร์ Always-On Display โดยตัวเครื่องมีขนาด 152.4x74.7x7.9 มิลลิเมตร
เปรียบเทียบตัวเครื่อง Samsung Galaxy J7+ สีดำ และสีทอง

ด้านหน้าส่วนบน : ประกอบไปด้วยกล้องดิจิทัลความละเอียด 16 ล้านพิกเซล พร้อมขนาดของรูรับแสง (Aperture) กว้างสูงสุดที่ F/1.9 และรองรับระบบการแสกนใบหน้า รวมถึงไฟแฟลชที่ด้านหน้า, สัญญาณไฟ LED สำหรับแจ้งเตือน, ลำโพงสำหรับการสนทนา, เซ็นเซอร์ Accelerometer ที่ช่วยหมุนหรือปรับเปลี่ยนทิศทางการแสดงผลของหน้าจอให้แบบอัตโนมัติ ตามลักษณะการจับถือของผู้ใช้ และเซ็นเซอร์ Proximity สำหรับการปิดหน้าจอแบบอัตโนมัติขณะสนทนา เพื่อประหยัดพลังงาน

ด้านหน้าส่วนล่าง : มีปุ่มสั่งการทั้งหมด 3 ปุ่ม ได้แก่ ปุ่ม Recent Apps, ปุ่ม Home พร้อมเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือ และปุ่ม Back

ด้านบนของตัวเครื่อง : มีไมโครโฟนสำหรับการตัดเสียงรบกวน

ด้านล่างของตัวเครื่อง : ประกอบด้วยไมโครโฟน, ช่องการเชื่อมต่อแบบ micro USB 2.0 สำหรับการชาร์จแบตเตอรี่ หรือโอนถ่ายข้อมูล และช่องสำหรับเชื่อมต่อหูฟังขนาดมาตรฐานที่ 3.5 มิลลิเมตร


ด้านขวา : ปุ่ม เปิด-ปิด เครื่อง หรือล็อกหน้าจอ และลำโพงเสียงภายนอก


ด้านซ้าย : ปุ่มเพิ่ม-ลด ระดับเสียง และช่องสำหรับใส่ซิมการ์ดแบบ nanoSIM ซึ่งรองรับการใช้งานได้สองซิมการ์ด และรองรับหน่วยความจำภายนอกแบบ microSD

สำหรับถาดใส่ซิมการ์ดของ Samsung Galaxy J7+ เป็นแบบ Hybrid Slot โดยในช่องแรกเป็นช่องสำหรับซิมการ์ดแบบ nano ส่วนช่องที่สองต้องเลือกใช้งานระหว่างซิมการ์ดที่ 2 หรือการ์ดหน่วยความจำภายนอกแบบ microSD
ด้านหลังของตัวเครื่อง : ประกอบไปด้วยกล้องดิจิทัลแบบคู่ (Dual-Camera) ความละเอียด 13 ล้านพิกเซล (F/1.7) + 5 ล้านพิกเซล (F/1.9) พร้อมฟังก์ชัน Live Focus สำหรับการถ่ายแบบละลายฉากหลัง และไฟแฟลช LED ในตัว โดยตัวเครื่องผลิตจากวัสดุโลหะทั้งเครื่อง พร้อมขึ้นรูปเป็นชิ้นเดียวกันในลักษณะการดีไซน์แบบ Metal-Unibody เพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งทนทานให้มากยิ่งขึ้น
เปิดเครื่องใช้งาน พร้อมการทดสอบฟังก์ชัน และแอปพลิเคชันต่างๆ

Samsung Galaxy J7+ ทำงานอยู่บนระบบปฏิบัติการ Android เวอร์ชัน 7.1.1 Nougat พร้อมรองรับการใช้งานได้พร้อมกัน 2 ซิมการ์ด และสามารถรองรับการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตผ่านระบบ 4G LTE กับ 3G ได้ รวมถึงรองรับการสนทนาผ่านระบบ VoLTE

Samsung Galaxy J7+ มี Interface เรียบง่าย ดูสบายตา และไอคอนแอปพลิเคชันต่างๆ ที่มีความกลมมน และมีฟังก์ชันการแจ้งเตือนให้ใช้งาน รวมถึงสามารถเปิด-ปิด ฟังก์ชันลัดได้หลากหลาย เช่น การใช้งานอินเทอร์เน็ต หรือการหมุนหน้าจออัตโนมัติ

อีกทั้งยังรองรับการปรับแต่งหน้าจอโฮมสกรีนได้ตามความชอบ ไม่ว่าจะเป็น การนำวิดเจ็ต หรือแอปพลิเคชันที่ใช้งานบ่อย มาไว้ที่หน้าจอโฮมสกรีน และยังสามารถเข้าสู่การตั้งค่าของหน้าจอจากส่วนนี้ได้อีกด้วย


Samsung Galaxy J7+ มาพร้อมแอปพลิเคชัน Samsung และบริการดีๆ จากทาง Google ให้ได้ใช้งานกันอย่างครบถ้วน ไม่ว่าจะเป็น Gmail, YouTube, Chrome, Play Music, Play ภาพยนตร์, Duo และ Photo รวมไปถึงแอปพลิเคชัน Office ด้วยเช่นกัน

สำหรับฟังก์ชันโทรศัพท์ก็สามารถใช้งานได้อย่างง่ายดาย ด้วย Interface แบบเรียบง่าย และยังสามารถค้นหารายชื่อโทรศัพท์ได้ทันที

หนึ่งในความน่าสนใจของ Samsung Galaxy J7+ คือ สามารถเปิดใช้งานฟังก์ชัน Always On Display ได้ นอกจากนี้ ยังสามารถเลือกรูปแบบ สำหรับแสดงรายละเอียดต่างๆ ได้อีกด้วย

สามารถปรับโหมดหน้าจอให้เหมาะสมกับการใช้งานในแต่ละประเภทได้ ไม่ว่าจะเป็น Adaptive Display, AMOLED Cinema, AMOLED Photo และ Basic

ไม่เพียงเท่านั้น สำหรับฟังก์ชันการถนอมสายตาด้วยการลดแสงสีฟ้า ก็มีให้ใช้งานบน Samsung Galaxy J7+ ด้วยเช่นกัน

Samsung Galaxy J7+ รองรับฟังก์ชัน Multi-Windows สำหรับใช้งานพร้อมกันสองแอปพลิเคชันบนสองหน้าต่าง พร้อมทั้งรองรับฟังชัน Pop up Windows ซึ่งผู้ใช้สามารถเปิดหน้าต่างแอปพลิเคชันเพื่อใช้งานได้พร้อมกันสูงสุดถึง 5 แอปพลิเคชันด้วยกัน

อีกหนึ่งในความพิเศษของ Samsung Galaxy J7+ ได้แก่ ความสามารถในการโคลนนิ่งแอปพลิเคชัน Line, Facebook และ Skype ได้ด้วยฟีเจอร์ Dual Messenger ที่ทำให้ผู้ใช้สามารถล็อกอินเข้าใช้งานแอปพลิเคชันเหล่านี้ได้พร้อมกัน 2 แอคเคานท์

และที่พิเศษไปกว่านั้นคือ Samsung Galaxy J7+ มีแอปพลิเคชัน Secure Folder ที่ทำหน้าที่ในการล็อก หรือตั้งรหัสผ่านสำหรับเข้าใช้งานแอปพลิเคชัน Secure Folder นั่นหมายความว่า หากผู้อื่นจะเข้ามาใช้งานในส่วนนี้ก็จำเป็นต้องปลดรหัสผ่านเสียก่อน


แอปพลิเคชัน Secure Folder เป็นส่วนพื้นที่หน่วยความจำแยกที่ถูกเข้ารหัสเพื่อปกป้องข้อมูลส่วนตัวของผู้ใช้โดยเฉพาะ พร้อมทั้งผู้ใช้ยังสามารถดาวน์โหลดแอปพลิเคชันอื่นๆ มาใช้งานได้ อีกทั้งยังช่วยให้สามารถเข้าใช้งาน Line หรือ Facebook ได้อีก 1 แอคเคานท์ เรียกได้ว่า ผู้ใช้งานสามารถเข้าใช้งาน Line หรือ Facebook ได้พร้อมๆ กันถึง 2 แอคเคานท์นั่นเอง

สำหรับการเข้าใช้งาน Secure Folder ผู้ใช้จำเป็นต้องตั้งค่ารหัสผ่าน หรือเลือกใช้เซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือแทนก็ได้

Samsung Galaxy J7+ สามารถปรับ Equalizer ได้หลากหลายรูปแบบเพื่อคุณภาพเสียงที่ตรงใจที่สุด พร้อมฟีเจอร์แยกเสียง ซึ่งจะเป็นการเลือกให้ลำโพงไร้สาย หรือหูฟังไร้สายตัวใดตัวหนึ่งที่เชื่อมต่อไว้ และสามารถเล่นเสียงจากแอปพลิเคชันหนึ่งได้ และผู้ใช้สามารถใช้งานอย่างอื่นด้วยได้โดยไม่มีเสียงเข้าไปแทรกแต่อย่างใด เช่น เปิดเพลงด้วยลำโพงไร้สาย แต่บน Galaxy J7+ ก็สามารถชมภาพยนตร์เรื่องโปรดไปพร้อมกันได้นั่นเอง

สำหรับเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือบน Samsung Galaxy J7+ สามารถตั้งค่าการใช้งานได้ ซึ่งการเปิดใช้งานระบบปลดล็อกด้วยลายนิ้วมือ ผู้ใช้งานจะต้องทำการลงทะเบียนลายนิ้วมือให้เรียบร้อยเสียก่อน และจากการทดสอบตัวเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือก็ตอบสนองต่อการใช้งานได้รวดเร็วแม่นยำ


นอกเหนือไปจากระบบสแกนลายนิ้วมือแล้ว Samsung Galaxy J7+ ยังรองรับระบบการสแกนใบหน้าด้วยกันกัน เรียกได้ว่าเป็นการยกระดับความปลอดภัยในการเข้าใช้ตัวเครื่องขึ้นไปอีกขั้น

เมื่อทำการตั้งค่ารหัสผ่าน, ลายนิ้วมือ รวมถึงใบหน้าแล้ว Samsung Galaxy J7+ จะแจ้งเตือนให้ปลดล็อกตัวเครื่องด้วยการใช้ลายนิ้วมือ, ใบหน้า หรือเลือกใส่รหัสผ่านที่ตั้งค่าไว้

สำหรับผู้ที่ใส่แว่นตาอาจมีบางครั้งที่เซ็นเซอร์ไม่สามารถสแกนใบหน้าได้ อาจต้องขยับหามุมที่เห็นใบหน้าชัดขึ้น หรือต้องถอดแว่นเพื่อทำการสแกนใบหน้า

Samsung Galaxy J7+ ยังมาพร้อมกับบริการสำรองข้อมูลต่างๆ ได้ ไม่ว่าจะเป็น รูปภาพ, วิดีโอ และรายชื่อผู้ติดต่อทั้งหมด ผ่านฟังก์ชัน Samsung Cloud ซึ่งผู้ใช้สามารถใช้พื้นที่สำหรับสำรองข้อมูลได้มากถึง 15GB เลยทีเดียว

Samsung Galaxy J7+ ยังคงมาพร้อมฟังก์ชัน Smart Manager ที่มีการปรับเปลี่ยนหน้าตาไปจากเดิมเล็กน้อย ซึ่งสามารถจัดการส่วนต่างๆ ภายในเครื่องได้อย่างดีเยี่ยมเหมือนเช่นเคย

อีกทั้งยังสามารถตรวจสอบพื้นที่ความจำภายในตัวเครื่อง และสถานะของแบตเตอรี่ รวมถึงเปิดใช้งานโหมดประหยัดพลังงานขั้นสูงได้

ในส่วนของแอปพลิเคชันที่เหมือนผู้ช่วยสำหรับดูแลเรื่องสุขภาพอย่างแอปพลิเคชัน S Health ก็มีให้ใช้งานบน Samsung Galaxy J7+ ด้วยเช่นกัน

นอกจากนี้ Samsung Galaxy J7+ ยังมาพร้อมกับฟีเจอร์ผู้ช่วยอัจฉริยะ Bixby ด้วย เพียงแต่จะไม่มีปุ่มกดเรียกเหมือนรุ่นเรือธง โดยในหน้า Bixby Home ป็นหน้า Dashboard ที่รวมเอากิจกรรมทุกอย่างที่เราทำเป็นประจำ รวมถึงกิจกรรมที่หน้าสจใจมารวมไว้ในหน้าเดียวกัน

ในส่วนของแอปพลิเคชันอัลบั้มภาพถ่าย จะสามารถแสดงภาพถ่ายได้หลักๆ 2 แบบ คือ แสดงแบบรวมภาพถ่ายทั้งหมด กับแสดงแบบแยกอัลบั้ม

Samsung Galaxy J7+ ยังมีฟังก์ชันที่ช่วยเพิ่มความสะดวกสบายอีกหลายอย่างด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็น การรองรับการใช้งานมือเดียว ซึ่งผู้ใช้งานสามารถลดขนาดหน้าจอให้เล็กลงด้วยการกดที่ปุ่มโฮมสามครั้ง หรือการดับเบิ้ลคลิกที่ปุ่มโฮมเพื่อเปิดใช้งานกล้องถ่ายภาพ


นอกจากนี้ Samsung Galaxy J7+ ยังรองรับการสั่งงานด้วยท่าทางแบบอื่นๆ ได้ ไม่ว่าจะเป็น การใช้ฝ่ามือปัดเพื่อจับภาพหน้าจอ, การโทรโดยตรง, รองรับการเตือนอัจฉริยะ และการปิดเสียง

นอกจากนี้ ยังสามารถปรับแต่งหน้าจอโฮมสกรีนได้หลากหลาย โดยการเปลี่ยนภาพวอลเปเปอร์ และธีมตามใจชอบ


Samsung Galaxy J7+ มาพร้อมแอปพลิเคชัน Samsung Themes ที่สามารถเปลี่ยนธีม หรือรูปแบบของไอคอนได้ โดยมีให้เลือกใช้ทั้งแบบฟรี และแบบที่ต้องซื้อต่างหาก

ในส่วนของเว็บเบราว์เซอร์ก็ตอบสนองต่อการใช้งานได้ดี และสามารถแสดงรายละเอียดต่างๆ ได้อย่างครบถ้วน

Samsung Galaxy J7+ มาพร้อมกับแอปพลิเคชันสำหรับฟังเพลง พร้อมทั้งสามารถปรัปรับค่าอีวอไลเซอร์ได้หลายแบบ เช่น Pop หรือ Rock

Samsung Galaxy J7+ สามารถเปิดเล่นไฟล์วิดีโอความละเอียดสูงระดับ Full HD (1080p) ได้อย่างไหลลื่น และไม่มีอาการหน่วง อีกทั้ง ยังสามารถแสดงผลได้เต็มความละเอียดของไฟล์วิดีโอ เนื่องจากมีหน้าจอแสดงผลอยู่ที่ 1080x1920 พิกเซล นั่นเอง

อีกทั้งยังรองรับฟังก์ชัน Popup Play ด้วยเช่นกัน

Samsung Galaxy J7+ มาพร้อมกับหน่วยประมวลผลแบบ Octa-Core 64-bit MediaTek MT6757 (Helio P20) ความเร็วในการประมวลผล 2.39 GHz (ซีพียู Octa-Core Cortex-A53), หน่วยประมวลผลกราฟิกแบบ Mali T-880, หน่วยความจำแรม (RAM) ขนาด 4GB, หน่วยความจำภายในขนาด 32GB และขับเคลื่อนการทำงานด้วยระบบปฏิบัติการ Android OS เวอร์ชัน 7.1.1 (Nougat)


ถึงแม้คุณสมบัติตัวเครื่องนั้นจัดอยู่ในระดับกลาง แต่ Samsung Galaxy J7+ ก็สามารถตอบโจทย์ด้านการเล่นเกมที่มีกราฟิกแบบสามมิติได้อย่างไหลลื่น แต่หลังจากที่ใช้งานต่อเนื่องเป็นระยะเวลานานก็จะพบกับอาการหน่วง และการสะสมความร้อนบ้างเล็กน้อย

เมื่อนำ Samsung Galaxy J7+ มาทดสอบด้วยแอปพลิเคชัน AnTuTu Benchmark ได้คะแนนอยู่ที่ 49,115 คะแนน

ทดสอบต่อด้วยแอปพลิเคชัน Geekbench 4 โดย Samsung Galaxy J7+ สามารถทำคะแนนการทดสอบการประมวลผลแบบหลายแกน (Multi-Core) ได้ 3,349 คะแนน และในด้านการประมวลผลแบบแกนเดี่ยว (Single-Core) ที่ 838 คะแนน

และการทดสอบด้วยแอปพลิเคชัน Quadrant Standard ได้ผลที่ 19,019 คะแนน

สำหรับการทดสอบในด้านการประมวลผลกราฟิกด้วยแอปพลิเคชัน 3DMark ได้ผลที่ 597 คะแนน

และต่อด้วยแอปพลิเคชัน PCMark ได้ผลที่ 3,747 คะแนน

Samsung Galaxy J7+ สามารถรองรับการสัมผัสได้พร้อมกันสูงสุด 5 จุด
กล้องดิจิทัล ถ่ายภาพนิ่ง และถ่ายภาพวิดีโอ

สำหรับเมนูกล้องถ่ายภาพของ Samsung Galaxy J7+ มี Interface แบบเรียบง่ายสบายตา พร้อมทั้งแสดงไอคอนฟังก์ชันต่างๆ ไว้ให้เลือกใช้งานได้ทันที และมีโหมดถ่ายภาพให้เลือกใช้งานหลากหลาย เช่น โหมดถ่ายภาพอัตโนมัติ, โหมดถ่ายภาพโปร, โหมดถ่ายภาพพาโนราม่า, โหมดถ่ายภาพ HDR, โหมดการถ่ายภาพในเวลากลางคืน และโหมดถ่ายภาพอาหาร


และในโหมดถ่ายภาพแบบโปรก็สามารถปรับค่าเพื่อถ่ายภาพได้หลายอย่างด้วยกัน ได้แก่ การชดเชยแสง, ISO และไวท์บาลานซ์

หนึ่งในฟีเจอร์เด่นของ Samsung Galaxy J7+ คือการถ่ายภาพแบบละลายฉากหลังด้วยฟังก์ชัน Live Focus ที่สามารถเลือกปรับความเบลอของฉากหลังได้ตามที่ต้องการ

นอกจากนี้ยังมีลูกเล่นที่น่าสนใจด้วยหน้ากากสติ้กเกอร์รูปแบบต่างๆ ที่มีให้เลือกใช้มากมาย

และสามารถเลือกความละเอียดของกล้องถ่ายภาพ มี 6 แบบให้เลือกด้วยกัน โดยในระดับสูงสุดได้แก่ 13 ล้านพิกเซล (4 : 3)

อีกทั้งยังสามารถตั้งเวลาเพื่อถ่ายภาพได้สูงสุดที่ 10 วินาที นอกจากนี้ Samsung Galaxy J7+ ยังรองรับการบันทึกวิดีโอความละเอียดสูงสุดที่ระดับ Full HD 1080p อีกด้วย

รวมถึงสามารถเปิดใช้งานตารางเก้าช่องๆ, เปิด-ปิด การแท็กสถานที่บนภาพถ่าย, ตรวจสอบภาพถ่าย, การเปิดใช้งานกล้องถ่ายภาพแบบด่วนด้วยการดับเบิ้ลคลิกที่ปุ่มโฮม, การสั่งงานด้วยเสียง และสามารถคืนการตั้งค่าทั้งหมดได้

ในส่วนของกล้องถ่ายภาพด้านหน้านั้นก็มี Interface แบบสบายตา และสามารถใช้งานได้อย่างง่ายดาย โดยมีโหมดการถ่ายภาพให้ได้เลือกใช้มากมาย ไม่ว่าจะเป็น เซลฟี่, การถ่ายเซลฟี่ในมุมกว้าง และการถ่ายในเวลากลางคืน

และยังมีโหมดถ่ายภาพหน้าสวยให้ใช้งาน ซึ่งผู้ใช้สามารถปรับค่าผิวเนียน, ใบหน้าเรียว และตาโตได้ถึง 8 ระดับ อีกทั้งยังสามารถเลือกปรับค่าสีอมแดงได้ตามต้องการอีกด้วย

สำหรับฟีเจอร์การถ่ายภาพละลายฉากหลังก็มีให้ใช้ในกล้องหน้าด้วยเช่นกัน ในชื่อ Selfie Focus ที่สามารถเลือกถ่ายแบบปกติ และแบบขยายเต็มจอได้

และมีหน้ากากสติ้กเกอร์รูปแบบต่างๆ ให้เลือกใช้ด้วยเช่นกัน

กล้องหน้าของ Samsung Galaxy J7+ สามารถเลือกความละเอียดได้สูงสุดที่ 16 ล้านพิกเซล (4 : 3)

อีกทั้งยังสามารถตั้งเวลาเพื่อถ่ายภาพได้สูงสุดที่ 10 วินาที และรองรับการบันทึกวิดีโอความละเอียดสูงสุดที่ระดับ Full HD 1080p

นอกจากนี้ยังสามารถเลือกวิธีการถ่ายภาพเซลฟี่ด้วยการสัมผัสที่หน้าจอ หรือยกมือขึ้นเพื่อสั่งการให้กดชัตเตอร์ได้ด้วยเช่นกัน

สามารถเปิดใช้งานตารางเก้าช่องๆ, เปิด-ปิด การแท็กสถานที่บนภาพถ่าย, ตรวจสอบภาพถ่าย, การเปิดใช้งานกล้องถ่ายภาพแบบด่วนด้วยการดับเบิ้ลคลิกที่ปุ่มโฮม, การสั่งงานด้วยเสียง และสามารถคืนการตั้งค่าทั้งหมดได้
ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องคู่ (Dual-Camera) ที่ด้านหลังความละเอียด 13+5 ล้านพิกเซลของ Samsung Galaxy J7+

ตัวอย่างภาพที่ถ่ายด้วยโหมด Live Focus

ตัวอย่างภาพที่ถ่ายด้วยโหมด Live Focus

ตัวอย่างภาพที่ถ่ายด้วยโหมด Live Focus

ตัวอย่างภาพที่ถ่ายด้วยโหมด Live Focus

ตัวอย่างภาพที่ถ่ายด้วยโหมด Live Focus

ตัวอย่างภาพที่ถ่ายด้วยโหมด Live Focus

ตัวอย่างภาพที่ถ่ายด้วยโหมด Live Focus

ตัวอย่างภาพที่ถ่ายด้วยโหมด Live Focus

ตัวอย่างภาพที่ถ่ายด้วยโหมด Live Focus

ตัวอย่างภาพถ่ายในโหมดปกติ และฟังก์ชัน Live Focus โดยปรับระดับความเบลอที่ 50%

ตัวอย่างภาพถ่ายฟังก์ชัน Live Focus โดยปรับระดับความเบลอที่ 100%

ตัวอย่างภาพที่ถ่ายด้วยโหมดถ่ายภาพปกติ

ตัวอย่างภาพที่ถ่ายด้วยโหมดถ่ายภาพปกติ

ตัวอย่างภาพที่ถ่ายด้วยโหมดถ่ายภาพปกติ

ตัวอย่างภาพที่ถ่ายด้วยโหมดถ่ายภาพปกติ

ตัวอย่างภาพที่ถ่ายด้วยโหมดถ่ายภาพปกติ

ตัวอย่างภาพที่ถ่ายด้วยโหมดถ่ายภาพปกติ

ตัวอย่างภาพที่ถ่ายด้วยโหมดถ่ายภาพปกติ

ตัวอย่างภาพที่ถ่ายด้วยโหมดถ่ายภาพปกติ

ตัวอย่างภาพที่ถ่ายด้วยโหมดถ่ายภาพปกติ

ตัวอย่างภาพถ่ายพร้อมสติ๊กเกอร์
ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องดิจิทัลด้านหน้าความละเอียด 16 ล้านพิกเซลของ Samsung Galaxy J7+

ตัวอย่างภาพถ่ายในโหมดปกติ

ตัวอย่างภาพถ่ายโหมดหน้าสวย พร้อมปรับค่าระดับ 4

ตัวอย่างภาพถ่ายโหมดหน้าสวย พร้อมปรับค่าระดับ 8

ตัวอย่างภาพที่ถ่ายด้วยฟังก์ชัน Selfie Focus

ตัวอย่างภาพที่ถ่ายด้วยฟังก์ชัน Selfie Focus

ตัวอย่างภาพที่ถ่ายด้วยฟังก์ชัน Selfie Focus

ตัวอย่างภาพที่ถ่ายด้วยฟังก์ชัน Selfie Focus แบบขยายเต็มจอ

ตัวอย่างภาพถ่ายพร้อมสติ้กเกอร์
สรุปผลการทดสอบของ Samsung Galaxy J7+

สำหรับ Samsung Galaxy J7+ ถือเป็นอีกหนึ่งรุ่นที่น่าสนใจอยู่ไม่น้อย ด้วยฟีเจอร์ที่เหมือนกับสมาร์ทโฟนเรือธงรุ่นปัจจุบันอย่างกล้องถ่ายภาพแบบคู่ (Dual-Camera) ที่มีจุดเด่นในการถ่ายภาพแบบละลายฉากหลังทั้งกล้องหน้า-กล้องหลัง ด้วยฟังก์ชัน Live Focus และ Selfie Focus ที่สามารถเลือกระดับการเบลอได้ และมีผู้ช่วยอัจฉริยะอย่าง Bixby แต่แตกต่างตรงที่ไม่มีปุ่มกดเพื่อเรียกใช้งาน
โดยกล้องคู่ (Dual Camera) ที่ด้านหลัง กล้องตัวที่หนึ่งมีความละเอียด 13 ล้านพิกเซล พร้อมขนาดรูรับแสงกว้างสูงสุดที่ F/1.7 และเซ็นเซอร์รับภาพสีแบบ RGB ส่วนกล้องตัวที่สองมีความละเอียด 5 ล้านพิกเซล พร้อมขนาดรูรับแสงกว้างสูงสุดที่ F/1.9 และเซ็นเซอร์รับภาพขาว-ดำ (Monochrome) ซึ่งมีฟีเจอร์เด่นคือโหมดถ่ายภาพแบบ Live Focus ที่สามารถปรับระดับความเบลอได้ตามที่ต้องการ สำหรับกล้องหน้ามีความละเอียด 16 ล้านพิกเซล ขนาดรูรับแสงกว้างสูงสุดที่ F/1.9 และรองรับฟังก์ชัน Live Focus รวมถึงโหมดถ่านหน้าสวยที่สามารถปรับค่าผิวเนียน, ใบหน้าเรียว และตาโตได้ถึง 8 ระดับ อีกทั้งยังสามารถเลือกปรับค่าสีอมแดงได้ตามต้องการอีกด้วย เรียกได้ว่าเหมาะสำหรับผู้ที่ชื่นชอบทั้งการถ่ายภาพด้วยกล้องหลัง และแบบเซลฟี่ (Selfie) เลยก็ว่าได้
ในด้านการดีไซน์ตัวเครื่อง Samsung Galaxy J7+ ก็มีความสวยงามพรีเมียมพอตัว ด้วยการผลิตจากวัสดุประเภทโลหะที่ขึ้นรูปเป็นชิ้นเดียวกันด้วยเทคโนโลยี Metal Unibody พร้อมหน้าจอใช้งานแบบ Super AMOLED ขนาดใหญ่ 5.5 นิ้ว ความละเอียดระดับ Full HD 1080p พร้อมรองรับฟังก์ชัน Always-On Display ที่ตอบโจทย์การใช้งานเพื่อความบันเทิงทุกรูปแบบ ซึ่งขับเคลื่อนการทำงานด้วยชิปเซ็ต Octa-Core 64-bit MediaTek Helio P20 ที่มีความเร็วในการประมวลผล 2.39 GHz พร้อมหน่วยประมวลผลภาพกราฟิกโดยเฉพาะ Mali-T880 MP2 บนระบบปฏิบัติการ Android เวอร์ชัน 7.1.1 Nougat และมีหน่วยความจำแรม (RAM) ขนาด 4GB พร้อมพื้นที่ภายในตัวเครื่อง 32GB ที่สามารถเพิ่มการ์ด microSD ได้อีก 256GB และแบตเตอรี่ความจุ 3000 mAh ที่เพียงพอต่อการใช้งานในเวลานาน
หนึ่งในจุดเด่นที่สำคัญของ Samsung Galaxy J7+ ที่นอกเหนือไปจากฟังก์ชัน Live Focus ได้แก่ การปลดล็อกตัวเครื่องด้วยระบบสแกนใบหน้า และเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือ แต่อาจมีการติดขัดบ้างสำหรับผู้ที่ใส่แว่นตา ที่ในบางครั้งอาจต้องถอดแว่นเพื่อปลดล็อกหน้าจอ นอกจากนี้ยังมีฟีเจอร์ Secure Folder ที่เปรียบเสมือนพื้นที่ส่วนตัวของผู้ใช้ ที่ต้องทำการใส่รหัสผ่าน, สแกนลายนิ้วมือ หรือใบหน้าเพื่อเข้าใช้งาน รวมถึงแอปพลิเคชัน Dual Messenger ในการโคลนนิ่งแอปพลิเคชัน Line, Facebook และ Skype เพื่อให้ผู้ใช้สามารถล็อกอินเข้าใช้งานแอปพลิเคชันเหล่านี้ได้พร้อมกัน 2 แอคเคานท์
นอกจากฟีเจอร์เด่นในข้างต้น Samsung Galaxy J7+ ยังรองรับการใช้งานพร้อมกัน 2 ซิมการ์ด (Dual-SIM), การเชื่อมต่อข้อมูลไร้สายผ่าน Bluetooth รวมถึงการใช้งานบนเครือข่าย 4G LTE พร้อมเทคโนโลยี VoLTE การสื่อสารผ่านโครงข่าย 4G, ระบบ GPS+A-GPS ในตัว และสามารถสำรองข้อมูลผ่านฟังก์ชัน Samsung Cloud ได้สูงสุด 15GB
จากการทดสอบทั้งหมดที่ผ่านมาก็พอที่จะสรุปได้ว่า Samsung Galaxy J7+ น่าจะเหมาะกับผู้ที่กำลังมองหาสมาร์ทโฟนระดับกลางในราคาหมื่นต้นๆ ที่มาพร้อมกล้องถ่ายภาพแบบคู่ (Dual-Camera) บนการดีไซน์สวยงามทันสมัย, หน้าจอใหญ่เต็มตา และมีฟังก์ชันที่ตอบสนองการใช้งานได้อย่างครบครันทุกรูปแบบ ซึ่ง Samsung Galaxy J7+ ก็ถือเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่น่าสนใจไม่น้อยเลยทีเดียว
Samsung Galaxy J7+ เปิดราคาวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการในบ้านเราที่ 12,900 บาท โดยมาพร้อมตัวเลือกทั้งหมด 3 สี ได้แก่ สีดำ, สีทอง และสีชมพู สำหรับท่านที่สนใจ สามารถหาซื้อ และจับจองเป็นเจ้าของได้ตั้งแต่วันที่ 22 กันยายนนี้เป็นต้นไป ที่ Samsung Brand Shop ทุกสาขา และร้านค้าตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศ
สุดท้ายนี้ ต้องขอขอบคุณทาง Samsung ประเทศไทย ที่ให้ความไว้วางใจ ส่งเครื่อง Samsung Galaxy J7+ มาให้ทางทีมงานได้ทำการรีวิวให้ท่านผู้อ่านได้รับชมกัน สำหรับวันนี้ต้องขอลาไปก่อน แล้วพบกันได้ใหม่ในบทความหน้า สวัสดีค่ะ
จุดเด่นของ Samsung Galaxy J7+
- ตัวเครื่องที่ใช้เทคโนโลยีการผลิตแบบ Metal Unibody จึงทำให้ตัวเครื่องมีความเรียบหรู และแข็งแรงทนทานเป็นพิเศษ
- ระบบสแกนใบหน้า และเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือ (Fingerprint Sensor) สำหรับตรวจสอบสิทธิ์ของการเข้าใช้งานเครื่อง และการเข้าถึงข้อมูลภายใน
- จอแสดงผลแบบ Super AMOLED Capacitive Touchscreen 16,700,000 สี ความละเอียด 1920x1080 พิกเซล ขนาด 5.5 นิ้ว
- ฟังก์ชันถนอมสายตาด้วยการลดแสงสีฟ้า พร้อมรองรับฟังก์ชัน Always-On Display
- รองรับฟังก์ชัน Multi-Windows สำหรับใช้งานพร้อมกัน 2 แอปพลิเคชัน กับ Pop up Windows สำหรับใช้งานพร้อมกัน 5 แอปพลิเคชัน
- ประมวลผลการทำงานด้วยชิปเซ็ต Octa-Core 64-bit MediaTek Helio P20 ความเร็วในการประมวลผล 2.39 GHz
- หน่วยประมวลผลภาพกราฟิกโดยเฉพาะ (GPU : Graphics Processing Unit) แบบ Mali-T880 MP2
- ขับเคลื่อนการทำงานด้วยระบบปฏิบัติการ Android เวอร์ชัน 7.1.1 Nougat
- หน่วยความจำ RAM ขนาด 4GB
- หน่วยความจำภายในสำหรับเก็บบันทึกข้อมูลขนาด 32GB และรองรับการ์ดหน่วยความจำเสริมภายนอกแบบ microSD Card (TransFlash) ได้สูงสุดขนาด 256GB
- กล้องดิจิทัลด้านหลังแบบคู่ (Dual-Camera) ความละเอียด 13 ล้านพิกเซล (F/1.7) + 5 ล้านพิกเซล (F/1.9) พร้อมฟังก์ชัน Live Focus, ไฟแฟลช LED และรองรับการถ่ายวิดีโอได้ที่ความละเอียดสูงสุดระดับ Full HD (1080p)
- กล้องดิจิทัลด้านหน้าความละเอียด 16 ล้านพิกเซล ที่มีขนาดรูรับแสงกว้างสูงสุด F/1.9 พร้อมไฟแฟลช LED, โหมดถ่ายภาพหน้าสวย, ฟังก์ชัน Selfie Focus และรองรับการถ่ายวิดีโอได้ที่ความละเอียดสูงสุดระดับ Full HD (1080p)
- รองรับการใช้งานได้พร้อมกัน 2 ซิมการ์ด (Dual SIM)
- รองรับการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตผ่านทางระบบ 4G LTE, 3G, EDGE และ GPRS
- รองรับเทคโนโลยีการสื่อสารทางเสียงผ่านโครงข่าย 4G (Voice over LTE)
- ระบบ GPS+A-GPS ในตัว (Global Positioning System : ระบบดาวเทียมนำร่อง)
- แบตเตอรี่แบบ Li-Ion Polymer 3000 mAh
- สำรองข้อมูลผ่านฟังก์ชัน Samsung Cloud ได้สูงสุด 15GB
- ด้วยฟังก์ชัน Secure Folder บวกกับฟังก์ชัน Dual Messenger จึงช่วยให้สามารถใช้งานแอปพลิเคชัน Line หรือแอปพลิเคชันอีกหลายตัวที่รองรับ ได้พร้อมกันถึง 2 แอคเคานท์ในเครื่องเดียวกัน
- ราคา 12,900 บาท ซึ่งมีให้เลือกทั้งหมด 3 สี ได้แก่ สีดำ, สีทอง และสีชมพู
จุดที่อาจจะต้องพิจารณาเพิ่มเติมของ Samsung Galaxy J7+
- เนื่องจากเป็นดีไซน์แบบ Metal Unibody ที่ไม่มีฝาหลัง จึงไม่สามารถถอดเปลี่ยนแบตเตอรี่เองได้
- ช่องเชื่อมต่อยังคงเป็นแบบ microUSB ยังไม่ใช่ช่องเชื่อมต่อยุคใหม่อย่าง USB Type-C
- ผู้ที่ใส่แว่นอาจมีบางครั้งที่ติดขัดขณะใช้งานระบบการสแกนใบหน้า เนื่องจากบางครั้งต้องทำการถอดแว่นในการปลดล็อกตัวเครื่อง
โปรดทราบ* โทรศัพท์มือถือที่ท่านเห็นในบทความรีวิวนี้เป็นเพียงเครื่องทดสอบจากทางศูนย์ เพราะฉะนั้นคุณสมบัติบางอย่างอาจมีความแตกต่างจากเครื่องที่วางจำหน่ายจริงบ้างไม่มากก็น้อย รวมถึงจุดด้อยบางประการที่พบในเครื่องทดสอบ อาจจะถูกแก้ไขปรับปรุงให้ดีขึ้นในเครื่องที่วางจำหน่ายจริง ดังนั้นหากท่านสนใจซื้อโทรศัพท์มือถือรุ่นนี้ ควรตรวจสอบหรือทดลองใช้งานสินค้าด้วยตนเองอีกครั้งหนึ่ง *
สรุปคุณสมบัติเครื่อง
ท่านสามารถตรวจสอบคุณสมบัติแบบสรุป (Specification) ของ Samsung Galaxy J7+ ได้โดยการคลิกที่ลิงก์ด้านล่างนี้
สรุปคุณสมบัติโดยละเอียดของ Samsung Galaxy J7+

:: ไปหน้าแรกเว็บไซต์ Thaimobilecenter
| ไปหน้าแรก
Mobile Focus ::
|