ตอนนี้คุณอยู่ที่ >> หน้าแรก >> หน้ารวม รีวิวมือถือ mobile review >> รีวิวมือถือ Mobile Review
   
Date : 11/09/2023
รีวิว Redmi Pad SE

รีวิว Redmi Pad SE แท็บเล็ตจอ 11 นิ้วลื่น 90Hz ใหญ่สบายตา ราคาสบายกระเป๋า พร้อมลำโพง Dolby Atmos 4 ตัว กับ RAM 6GB และแบตเตอรี่อึดจุใจ บนตัวเครื่อง Aluminum Alloy Unibody พรีเมียมบางเฉียบ กับค่าตัวเพียง 5,999 บาท
 

เชื่อว่าใครที่ชอบเสพคอนเทนต์ต่าง ๆ อยู่เป็นประจำ คงจะรู้สึกอึดอัดไม่น้อยกับการที่ต้องเปิดดูคอนเทนต์บนจอเล็ก ๆ บนสมาร์ตโฟน และกำลังมองหาแท็บเล็ตจอใหญ่ ๆ ในราคาไม่แพงมาอัปเกรดการรับชมคอนเทนต์ให้สะใจยิ่งขึ้น ซึ่งในตอนนี้ก็มีแท็บเล็ตราคาย่อมเยารุ่นใหม่ที่น่าสนใจเปิดตัวในบ้านเราพอดี ซึ่งก็คือ Redmi Pad SE ที่เรานำมารีวิวให้ชมกันในวันนี้ครับ

Redmi Pad SE เป็นแท็บเล็ตที่เน้นตอบโจทย์ด้านความบันเทิงแบบเต็มพิกัด ด้วยหน้าจอแสดงผลขนาดใหญ่ 11 นิ้ว ความละเอียดระดับ FHD+ พร้อมรองรับการแสดงสีสันแบบ 8-bit (16.7 ล้านสี) และมีอัตราการรีเฟรชสูงสุด 90Hz สามารถแสดงคอนเทนต์ต่าง ๆ ได้อย่างลื่นไหลสวยงาม นอกจากนี้ยังเป็นหน้าจอถนอมสายตาที่มีแสงสีฟ้าต่ำ (Low Blue Light) และปราศจากการกะพริบ (Flicker Free) ที่ได้รับการรับรองมาตรฐานจาก TÜV Rheinland อีกด้วย ดังนั้นไม่ว่าจะดูหนัง, เล่นโซเชียล, เล่นเกม หรืออ่าน E-book ก็ไม่ต้องกลัวว่าจะปวดตา

นอกจากหน้าจอแล้ว Redmi Pad SE ยังมาพร้อมกับลำโพงเสียงถึง 4 ตัว แถมเป็นระบบเสียงแบบ Dolby Atmos เรียกว่าจัดเต็มทุกความบันเทิงทั้งฃภาพ และเสียงกันเลยทีเดียว

ขณะเดียวกัน Redmi Pad SE ยังมีจุดเด่นที่น้ำหนักเบาเพียง 478 กรัม จึงสามารถพกติดตัวไปได้ทุกที่ ขณะเดียวกัน ตัวเครื่องของ Redmi Pad SE ยังเป็นอะลูมิเนียมอัลลอยที่ขึ้นรูปเป็นชิ้นเดียว จึงมีความแข็งแกร่งทนทาน และมีรูปลักษณ์ที่บางเฉียบเรียบหรู

ในเชิงประสิทธิภาพน Redmi Pad SE มากับชิปเซ็ต Qualcomm Snapdragon 680 ซึ่งเป็นชิปเซ็ตระดับกลาง ทำงานคู่กับหน่วยความจำ RAM ขนาด 6GB พร้อมหน่วยความจำภายใน (ROM) ขนาด 128GB และรองรับการ์ดหน่วยความจำเสริมแบบ microSD ได้อีกสูงสุดถึง 1TB จึงสามารถเก็บไฟล์, เพลง และรูปถ่ายได้แบบจุใจ

จากคุณสมบัติทั้งหมดนี้ Redmi Pad SE เปิดโอกาสให้เป็นเจ้าของกันในราคาเพียง 5,999 บาทเท่านั้น ส่วนรายละเอียดต่าง ๆ จะเป็นอย่างไร เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา เราไปติดตามรีวิว Redmi Pad SE กันต่อได้เลยครับ


เปิดกล่อง พร้อมสำรวจอุปกรณ์ด้านในของ Redmi Pad SE

Redmi Pad SE มีหน้าจอแสดงผลขนาด 11 นิ้ว ในอัตราส่วนการแสดงผลที่ 16:10 โดยเป็นหน้าจอ IPS LCD ความละเอียด 1920x1200 พิกเซล (FHD+) และมีค่า Contrast Raio ที่ 1500:1 กับความสว่างสูงสุดที่ 400 nits จึงสามารถแสดงสีสัน และรายละเอียดของภาพได้ดีในระดับหนึ่ง นอกจากนี้ยังมีอัตราการรีเฟรชสูงสุดอยู่ที่ 90Hz ในแบบ AdaptiveSync (30/48/50/60/90Hz) จึงช่วยให้การอ่านฟีดบนแอปพลิเคชันโซเชียลมีเดีย หรืออ่าน E-book ลื่นไหล สบายตายิ่งขึ้น รวมทั้งมีค่า Touch Sampling Rate สูงสุดที่ 180Hz จึงสามารถตอบสนองต่อการสัมผัสได้ดี


ตัวเครื่องด้านหลังเป็นเนื้อผิวด้าน (Matte) ช่วยลดการเกิดคราบมัน หรือรอยนิ้วมือได้ ส่วนวัดุตัวเครื่องจะเป็นวัสดุอะลูมิเนียมอัลลอยที่ขึ้นรูปเป็นชิ้นเดียว (Unibody) จึงมีความแข็งแรงทนทาน และดูมีความพรีเมียม


กล้องหลังของ Redmi Pad SE มีเพียงตัวเดียว โดยมีความละเอียดอยู่ที่ 8 ล้านพิกเซล พร้อมรูรับแสงขนาด f2.0 และระบบโฟกัสอัตโนมัติ


ส่วนกล้องหน้าจะอยู่ที่ขอบจอด้านขวา (หากใช้งานในแนวนอนจะอยู่ด้านบนพอดี) โดยมีความละเอียดอยู่ที่ 5 ล้านพิกเซล พร้อมรูรับแสงขนาด f2.2


Redmi Pad SE จะมีลำโพงอยู่ 4 ตัว โดยอยู่ที่ด้านบน 2 ตัว และด้านล่าง 2 ตัว ซึ่งหากใช้งานในแนวนอนเสียงจะออกจากทั้งด้านซ้าย และด้านขวา ช่วยให้เสียงที่ออกมามีมิติมากยิ่งขึ้น และที่สำคัญยังเป็นระบบเสียง Dolby Atmos อีกด้วย ส่วนพอร์ตชาร์จจะเป็นแบบ USB-C และมีพอร์ตหูฟังขนาด 3.5 มิลลิเมตรติดตั้งมาให้ใช้งานด้วย


นอกจากนี้ Redmi Pad SE ยังมีถาดสำหรับใส่การ์ดหน่วยความจำเสริมแบบ microSD โดยรองรับได้สูงสุด 1TB แต่ทว่าไม่รองรับการใส่ซิมการ์ดแต่อย่างใด จึงสามารถเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตได้ผ่านทางระบบ Wi-Fi เท่านั้น


สำหรับอุปกรณ์ที่ให้มาด้วยในกล่องจะมีอแดปเตอร์ชาร์จแบตเตอรี่, สายชาร์จแบบ USB-C, เข็มถอดถาดใส่การ์ดหน่วยความจำเสริม และคู่มือการใช้งาน แต่ไม่มีเคสแถมมาให้

 

ทดสอบใช้งานฟีเจอร์ต่าง ๆ

Redmi Pad SE มีน้ำหนักที่ค่อนข้างเบา โดยมีน้ำหนักอยู่ที่ 478 กรัม จึงสามารถถือใช้งานได้สะดวกในทุกอิริยาบถ ไม่ว่าจะนั่ง หรือนอน

สำหรับหน้าจอขนาด 11 นิ้วถือว่าเป็นขนาดที่กำลังดีสำหรับการดูหนัง หน้าจอแสดงสีสันได้ดีเมื่อเทียบกับแท็บเล็นรุ่นอื่นในราคาเดียวกัน แม้คอนทราสต์อาจจะไม่จัดมากเพราะไม่ใช่จอ OLED แต่ก็อยู่ในระดับที่น่าพอใจ สามารถดูหนังได้อย่างมีอรรถรสพอสมควร

 

ส่วนใครกลัวสายตาจะเสีย หน้าจอของ Redmi Pad SE ได้รับการรับรองมาตรฐานด้านการถนอมสายตาจาก TÜV Rheinland ด้านการลดแสงสีฟ้า และลดการกะพริบของหน้าจอ เมื่อรวมเข้ากับโหมดอ่านแล้ว ยิ่งช่วยให้สบายตาขึ้นเยอะ แม้จะใช้งานในเวลากลางคืนก็ตาม

หน้าจอมีความสว่างสูงสุดที่ 400 nits ซึ่งถือว่าสว่างพอใช้ หากเป็นการดูหนังในบ้าน หรือในห้องนอน ก็ไม่มีปัญหา ส่วนการใช้งานกลางแจ้ง ถ้าแดดไม่แรงจัดนักก็ยังพอจะสู้แสงได้ในระดับหนึ่ง

นอกจากหน้าจอที่ใหญ่แล้ว ลำโพง 4 ตัวระบบเสียง Dolby Atmos ของ Redmi Pad SE ก็เป็นส่วนสำคัญที่ช่วยให้การดูหนังสนุกยิ่งขึ้น เพราะให้เสียงที่ดัง หนักแน่น ไม่แตกพร่า และยังมีทิศทางเสียงที่สมดุลกันทั้งสองข้าง ซึ่งปกติแล้วแท็บเล็ตที่มีราคาใกล้เคียงกันมักจะให้ลำโพงมาแค่ 2 ตัว Redmi Pad SE จึงให้อรรถรสด้านเสียงได้มากกว่าอย่างชัดเจน

 

นอกจากการใช้งานทั่วไป Redmi Pad SE ยังมีฟีเจอร์พิเศษเฉพาะตัวที่ช่วยเสริมการใช้งานอีกหลายอย่าง เริ่มจาก โหมดอ่าน ซึ่งช่วยลดแสงสีฟ้าของหน้าจอ และเปลี่ยนโทนสีให้อุ่นขึ้นเพื่อเพิ่มความสบายตา โดยเลือกเปิดได้ทั้งแบบคลาสสิคที่จะเป็นการตัดแสงสีฟ้าอย่างเดียว หรือแบบกระดาษที่เพิ่มพื้นผิวคล้ายกระดาษบนหน้าจอเข้าไปด้วย ซึ่งเหมาะสำหรับการอ่าน E-book และฟีเจอร์นี้สามารถตั้งเวลาเปิด-ปิดการใช้งานอัตโนมัติได้

 

อีกฟีเจอร์ที่น่าสนใจคือ โหมดจอแยก ซึ่งทำให้เราสามารถเปิดแอปพลิเคชันขึ้นมาพร้อมกัน 2 หน้าต่างได้ โดยจะแบ่งจอเป็นด้านซ้าย และด้านขวา

สำหรับวิธีการใช้งานโหมดนี้ ให้เราเปิดแอปพลิเคชันตัวแรกที่เราต้องการขึ้นมาก่อน จากนั้นให้ใช้ 3 นิ้วปัดจากขอบด้านขวามาที่กลางจอ แล้วเลือกแอปพลิเคชันอีกตัวที่เราต้องการเปิดคู่กัน เพียงเท่านี้แอปพลิเคชันที่เราเลือกไว้ก็จะแสดงขึ้นมาคู่กันทันที และเรายังสามารถลากเส้นแบ่งหน้าจอเพื่อกำหนดสัดส่วนการแสดงผลของแอปพลิเคชันแต่ละฝั่งได้ อยากให้ฝั่งไหนเล็ก ฝั่งไหนใหญ่ ก็เลือกได้ตามใจชอบ

 

นอกจากนี้ยังมี โหมดหน้าต่างลอย ที่จะทำให้แอปพลิเคชันที่เรากำลังใช้อยู่กลายเป็นหน้าต่างลอยเล็ก ๆ ซ้อนขึ้นมาบนจอ สามารถย้ายตำแหน่งไปวางไว้ตรงไหนก็ได้ และย่อ-ขยายได้ ทำให้เราสามารถดูหนัง และเล่นเกม หรือใช้แอปพลิเคชันอื่นไปพร้อมกันได้

อย่างไรก็ตาม จากการทดสอบพบว่าโหมดหน้าต่างลอยไม่สามารถใช้กับ YouTube ได้ หากต้องการดู YouTube แบบหน้าต่างลอยต้องสมัคร Premium เหมือนเดิม แต่สามารถใช้กับแอปพลิเคชันสตรีมมิ่งอย่าง Disney+ Hotstar ได้ครับ


Redmi Pad SE ระบบภายในจะเป็น MIUI Pad 14 ซึ่งออกแบบมาเพื่อการใช้งานแบบแท็บเล็ตโดยเฉพาะ โดยมีพื้นฐานบน Android 13 พร้อมใช้ชิปเซ็ต Snapdragon 680 ซึ่งเป็นชิปเซ็ตระดับกลาง และมี RAM แบบ LPDDR4X ขนาด 6GB ที่สามารถรองรับการใช้งานทั่วไปได้ดี แต่อาจมีกระตุกบ้างเวลาเปิดใช้งาน 2 จอ หรือเล่นเกมที่ใช้งานหน่วยประมวลผลหนัก ๆ

สำหรับหน่วยความจำภายในตัวเครื่องเป็นแบบ eMMC 5.1 ขนาด 128GB ซึ่งเพียงพออยู่แล้วสำหรับแท็บเล็ต แต่ถ้าไม่พอก็สามารถใส่การ์ด microSD เพิ่มได้อีกสูงสุด 1TB เรื่องความจุจึงไม่เป็นปัญหาแต่อย่างใด

 

การเล่นเกมบน Redmi Pad SE สามารถทำได้ไม่ต่างจากสมาร์ทโฟน ด้วยขนาดจอที่ใหญ่ถึง 11 นิ้วทำให้การเล่นเกมสนุกขึ้น เข้าถึงตัวเกมมากขึ้น แต่อาจจะไม่เหมาะสำหรับเกมบางประเภท เช่น เกมแนวชูตติ้ง เพราะทำให้กวาดนิ้วมือไปทั่วจอได้ยาก อาจจะกดไม่ถนัด หรือกดบางปุ่มไม่ถึง แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับความถนัดของแต่ละคน

ส่วนการเชื่อมต่ออื่น ๆ Redmi Pad SE รองรับการใช้งานอินเทอร์เน็ตผ่านระบบ Wi-Fi 2.4/5GHz และการเชื่อมต่อข้อมูลแบบไร้สายผ่าน Bluetooth 5.0 ส่วนการใช้งานระบบนำทาง จะไม่มีตัวรับสัญญาณ GPS หรือระบบดาวเทียมอื่น ๆ ติดตั้งมาให้ ต้องอาศัยการระบุตำแหน่งด้วยเครือข่าย Wi-Fi เท่านั้น

สำหรับการทดสอบประสิทธิภาพของการทำงาน (Benchmark) จะได้ผลลัพธ์ดังนี้

 

เมื่อทดสอบประสิทธิภาพของการทำงานโดยรวมด้วยแอปพลิเคชัน AnTuTu Benchmark ก็พบว่าได้คะแนนรวมอยู่ที่ 281548 คะแนน

 

เมื่อทดสอบประสิทธิภาพของหน่วยประมวลผลด้วยแอปพลิเคชัน Geedbench 6 ก็พบว่าได้คะแนนการประมวลผลแบบ Single-Core ที่ 403 คะแนน ได้แบบ Multi-Core ที่ 1355 คะแนน


แบตเตอรี่ และระบบชาร์จ

Redmi Pad SE มีแบตเตอรี่ขนาด 8,000 mAh ซึ่งจากการทดสอบเบื้องต้นพบว่าสามารถใช้งานได้นานตลอดทั้งวัน สามารถดูหนังได้ติดต่อกันหลายชั่วโมง หรือต่อให้เล่นเกมแบตเตอรี่ก็ลดค่อนข้างช้า เรื่องความอึดของแบตเตอรี่จึงถือว่าสอบผ่าน

ส่วนการชาร์จ Redmi Pad SE นั้นไม่รองรับระบบชาร์จไว โดยรองรับกำลังไฟได้สูงสุดที่ 10W ผ่านสาย USB-C และจากการทดสอบด้วยการชาร์จจาก 10%-100% จะใช้เวลาประมาณ 3.5 ชั่วโมง ซึ่งถือค่อนข้างนานทีเดียว ดังนั้นจึงเหมาะกับการชาร์จทิ้งไว้ในเวลากลางคืน หรือตอนนอนหลับเสียมากกว่า


การใช้งานด้านการถ่ายภาพ และวิดีโอ

เป็นที่รู้กันว่าเรื่องการถ่ายภาพไม่ใช่จุดขายหลักของแท็บเล็ตส่วนใหญ่อยู่แล้ว ดังนั้นชุดกล้องของ Redmi Pad SE จึงมีคุณสมบัติที่เน้นการใช้งานพื้นฐาน โดยมีกล้องหลังเพียงตัวเดียว กับความละเอียดระดับ 8 ล้านพิกเซล พร้อมรูรับแสงขนาด f2.0, เม็ดพิกเซลขนาด 1.12 ไมครอน และระบบโฟกัสอัตโนมัติ

ส่วนกล้องหน้าเป็นกล้องความละเอียด 5 ล้านพิกเซล พร้อมรูรับแสงขนาด f2.2 และเม็ดพิกเซลขนาด 1.12 ไมครอน

 

สำหรับการใช้งานทั่วไปจะมีโหมดถ่ายภาพอัตโนมัติที่สามารถเปิดใช้ฟิลเตอร์ได้ และโหมดกลางคืนที่ช่วยให้ภาพถ่ายในเวลากลางคืนสว่าง และมีรายละเอียดมากขึ้น แต่ไม่มีลูกเล่นพิเศษใด ๆ เพิ่มเติม ส่วนการถ่ายวิดีโอทั้งกล้องหน้า และกล้องหลังจะถ่ายได้ที่ความละเอียดสูงสุดระดับ 1080P FHD (30fps)

 

โหมดการถ่ายรูปที่น่าสนใจของ Redmi Pad SE คือ โหมดเอกสาร ซึ่งเป็นโหมดที่ช่วยให้ผู้ใช้ถ่ายข้อมูลที่เป็นตัวอักษรได้ง่ายขึ้น เช่น เอกสาร, หนังสือ, ชีต หรือเลคเชอร์บนกระดาน โดยสามารถครอปภาพตัดมาเฉพาะส่วนที่ต้องการได้ และเลือกได้ว่าจะถ่ายเป็นภาพสี หรือเป็นภาพขาวดำ ทำให้เราตัดส่วนที่เป็นเนื้อหามาได้ทันที มีประโยชน์มากสำหรับนักเรียน นักศึกษา ที่ต้องการถ่ายเลคเชอร์บนกระดานไว้อ่าน หรือถ่ายชีตแจกเพื่อน

นอกจากนี้ยังมี โหมดวิดีโอสั้น ซึ่งเป็นโหมดสำหรับถ่ายคลิปสั้น ๆ เพื่ออัปโหลดบน TikTok หรือแพล็ตฟอร์มอื่น ๆ โดยสามารถใส่เพลง และเปิดใช้ฟิลเตอร์ได้

ทั้งนี้ โหมดกลางคืน กับโหมดเอกสาร จะใช้ได้แค่กล้องหลังเท่านั้น


ตัวอย่างภาพถ่ายจาก Redmi Pad SE

ตัวอย่างภาพถ่ายจากโหมดอัตโนมัติ


ตัวอย่างภาพถ่ายจากโหมดกลางคืน

 

ตัวอย่างภาพถ่ายจากโหมดเอกสาร


ตัวอย่างภาพถ่ายเซลฟี่จากกล้องหน้า

 

ราคา โปรโมชัน และการวางจำหน่าย

Redmi Pad SE ที่วางจำหน่ายในประเทศไทย จะมีให้เลือก 3 สี ได้แก่ Lavender Purple, Graphite Gray และ Mint Green ในราคา 5,999 บาท ท่านที่สนใจ สามารถสั่งซื้อได้ที่ Shopee, LAZADA และ TikTok Shop

โดยผู้ที่สั่งซื้อ Redmi Pad SE ระหว่างวันที่ 9-15 กันยายน 2566 นี้ รับฟรี หูฟังไร้สาย Redmi Buds 4 Lite มูลค่า 599 บาท

 

สรุปประสบการณ์หลังใช้งาน Redmi Pad SE

หลังจากที่มีโอกาสได้ใช้งาน Redmi Pad SE เครื่องนี้มาระยะหนึ่ง ก็พบว่าจุดเด่นที่แท้จริงของ Redmi Pad SE คือการเป็นอุปกรณ์เพื่อความบันเทิงแบบพกพา ดูหนังได้สะใจกว่าบนมือถือด้วยจอ FHD+ ใหญ่ 11 นิ้ว ที่เป็นมิตรกับดวงตา และลื่นไหลในระดับ 90Hz โดยที่ยังไม่ทิ้งความคล่องตัว มีความบางเบา สามารถหยิบจับใช้งานได้หลากหลายอิริยาบถ และพกพาไปไหนมาไหนง่าย ตอบโจทย์ความบันเทิงได้ทุกที่ทุกเวลา

นอกจากความบันเทิงทั่วไป Redmi Pad SE ยังมีฟีเจอร์ที่สนับสนุนการใช้งานแบบเอนกประสงค์ อย่างโหมดหน้าต่างแยกที่อนุญาตให้ผู้ใช้เปิดแอปพลิเคชันขึ้นมาพร้อมกัน 2 ตัวได้ จึงไม่ต้องสลับแอปพลิเคชันไปมาขณะทำงาน สะดวกกว่าบนสมาร์ตโฟน แต่ทั้งนี้โหมดหน้าต่างแยกยังรองรับแค่บางแอปพลิเคชันเท่านั้น

การถ่ายรูปด้วยโหมดเอกสาร มีประโยชน์เวลาที่ผู้ใช้ต้องการถ่ายป้ายประกาศ, ข้อความ หรือแผนงานประชุม และยังเป็นประโยชน์กับนักเรียนนักศึกษาที่ต้องถ่ายเลคเชอร์บนกระดาน หรือถ่ายชีตส่งให้เพื่อน ๆ เป็นอีกฟีเจอร์หนึ่งที่ช่วยประหยัดเวลา และลดความยุ่งยากในการเรียนหรือการทำงานได้พอสมควร

อย่างไรก็ตาม Redmi Pad SE ไม่ได้แถมปากกามาให้ และยังไม่มีปากกาตรงรุ่นจำหน่ายในประเทศไทย หากต้องการใช้จดบันทึก จำเป็นต้องหาปากกามาใช้คู่กัน ซึ่งสามารถใช้ปากกาแท็บเล็ตทั่วไปแทนได้

ส่วนการเล่นเกม Redmi Pad SE ก็สามารถทำได้เช่นกัน ด้วยชิปเซ็ต Snapdragon 680 กับหน่วยความจำ RAM ขนาด 6GB ซึ่งแม้ว่าจะไม่ใช่จุดเด่นของแท็บเล็ตรุ่นนี้ แต่ด้วยหน้าจอที่ใหญ่ และลำโพง Dolby Atmos 4 ตัว ก็ช่วยให้การเล่นเกมมีอรรถรสกว่าการเล่นบนจอเล็ก ๆ บนมือถือ แม้ว่าบางเกมอาจจะบังคับยากไปบ้างก็ตาม

สำหรับความสามารถด้านการถ่ายรูปก็ต้องยอมรับว่าไม่ใช่จุดขายของแท็บเล็ตรุ่นนี้ ด้วยชุดกล้องหลังความละเอียด 8MP และฟีเจอร์การใช้งานที่ค่อนข้างจำกัด จึงเหมาะกับการถ่ายรูป หรือวิดีโอเล็ก ๆ น้อย ๆ เท่านั้น หากต้องการถ่ายรูปแบบจริงจังก็แนะนำว่าใช้สมาร์ตโฟนแทนจะตอบโจทย์ได้มากกว่า

ปิดท้ายด้วยส่วนของแบตเตอรี่ Redmi Pad SE มีแบตเตอรี่ขนาด 8000 mAh และมีความอึดพอสมควร หากเป็นการใช้งานทั่วไปสามารถอยู่ได้ทั้งวันโดยไม่ต้องแวะชาร์จ หากดูหนังก็ดูได้ติดกันเกิน 6 ชั่วโมงแน่นอน (ถ้าชาร์จเต็ม 100%) ส่วนการชาร์จอาจจะนานหน่อยเพราะไม่รองรับชาร์จไว เหมาะกับการชาร์จทิ้งไว้ในเวลานอนมากกว่าครับ

จากทั้งหมดที่กล่าวมา Redmi Pad SE ถือเป็นแท็บเล็ตราคาย่อมเยา ที่เหมาะสำหรับคนที่ชอบดูคอนเทนต์ และอยากใช้งานแอปพลิเคชันต่าง ๆ บนจอที่ใหญกว่ามือถือ รวมไปถึงนักเรียน นักศึกษา ที่ต้องการแท็บเล็ตไว้ใช้ถ่ายชีต หรือเลคเชอร์บนกระดานเพื่อประหยัดเวลา พร้อมตัวเครื่องที่สวยทนทานบางเบาพกพาสะดวก สุดท้ายนี้ก็ต้องขอขอบคุณทุกท่านที่ติดตามชม พบกันได้ใหม่ในรีวิวรุ่นต่อไป สวัสดีครับ


สรุปคุณสมบัติเด่นของ Redmi Pad SE

- ดีไซน์ตัวเครื่องแบบ Aluminum Alloy Unibody
- กรอบตัวเครื่อง และด้านหลังตัวเครื่อง ผลิตจากโลหะอะลูมิเนียม
- มี 3 สีมาตรฐานให้เลือก (Mint Green, Graphite Gray และ Lavender Purple)

-------------------------------

- จอแสดงผลแบบ IPS LCD ขนาด 11 นิ้ว ความละเอียดระดับ FHD+ (1920x1200 พิกเซล : 207 PPI)
- อัตราการรีเฟรช (Refresh Rate) สูงสุดที่ 90Hz (AdaptiveSync : 30/48/50/60/90Hz)
- อัตราการตอบสนองของระบบสัมผัส (Touch Sampling Rate) สูงสุดที่ 180Hz
- ความสว่างสูงสุด 400 nits
- ได้รับใบรับรอง TÜV Rheinland Low Blue Light Certification และ TÜV Rheinland Flicker Free Certification
- Reading Mode 3.0

-------------------------------

- ประมวลผลด้วยชิปเซ็ต Qualcomm Snapdragon 680 (SM6225)
- หน่วยประมวลผลกราฟิก (GPU) Adreno 610
- หน่วยความจำแรม (RAM) แบบ LPDDR4X ขนาด 6GB
- หน่วยความจำภายในสำหรับเก็บบันทึกข้อมูล (ROM) แบบ eMMC 5.1 ขนาด 128GB
- รองรับการ์ดหน่วยความจำเสริมแบบ microSD ได้สูงสุดที่ขนาด 1TB
- แบตเตอรี่ความจุ 8000 mAh พร้อมระบบชาร์จแบตเตอรี่แบบ 10W
- ทำงานอยู่บนระบบปฏิบัติการ Android 13 พร้อมครอบทับด้วย MIUI Pad 14

-------------------------------

กล้องตัวหลักด้านหลัง ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล

พร้อมเซนเซอร์รับภาพขนาด 1/4 นิ้ว, เม็ดพิกเซลขนาด 1.12 ไมครอน, รูรับแสงขนาด f2.0, ระบบโฟกัสอัตโนมัติ และรองรับการบันทึกวิดีโอที่ความละเอียดสูงสุดระดับ 1080P FHD (30fps)

กล้องด้านหน้าความละเอียด 5 ล้านพิกเซล

พร้อมเซนเซอร์รับภาพขนาด 1/5 นิ้ว, เม็ดพิกเซลขนาด 1.12 ไมครอน, รูรับแสงขนาด f2.2 และรองรับการบันทึกวิดีโอที่ความละเอียดสูงสุดระดับ 1080P FHD (30fps)

-------------------------------

- ลำโพงเสียง 4 ตัว (Quad Speakers) พร้อมระบบเสียงแบบ Dolby Atmos
- รองรับไฟล์เสียงความละเอียดสูง (Hi-Res Audio)
- ระบบปลดล็อกด้วยใบหน้า (Face Unlock)
- เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตผ่านระบบ Wi-Fi 5 (802.11 a/b/g/n/ac : Dual Band 2.4/5 GHz)
- เชื่อมต่อข้อมูลแบบไร้สายผ่านทาง Bluetooth 5.0
- พอร์ต USB Type-C
- พอร์ตหูฟังขนาด 3.5 มิลลิเมตร
- มาพร้อมโหมดการทำงานสำหรับแท็บเล็ตโดยเฉพาะ เช่น โหมดหน้าจอแยก และโหมดหน้าต่างลอย
- ราคา 5,999 บาท ถือว่าคุ้มค่าเมื่อเทียบกับคุณสมบัติโดยรวม

คุณสมบัติโดยละเอียด (สเปก) และราคา ของ Redmi Pad SE

 

จุดที่อาจจะต้องพิจารณาเพิ่มเติมของ Redmi Pad SE

- ตัวเครื่องไม่สามารถใส่ซิมการ์ดได้ รองรับการเชื่อมต่อเทอร์เน็ตผ่านระบบ Wi-Fi เท่านั้น
- ไม่มีระบบชาร์จแบตเตอรี่ความเร็วสูง
- ไม่สามารถรับสัญญาณ GPS หรือระบบดาวเทียมอื่น ๆ ต้องอาศัยการระบุตำแหน่งผ่านระบบ Wi-Fi เท่านั้น


โปรดทราบ

* แท็บเล็ตที่ท่านเห็นในบทความรีวิวนี้ เป็นเพียงเครื่องทดสอบจากทางผู้ผลิต เพราะฉะนั้นคุณสมบัติบางอย่างอาจแตกต่างจากเครื่องที่วางจำหน่ายจริง รวมถึงจุดด้อยบางประการที่พบในเครื่องทดสอบ อาจถูกแก้ไขให้ดีขึ้นแล้วในเครื่องที่วางจำหน่ายจริง ดังนั้นหากท่านสนใจซื้อโทรศัพท์มือถือรุ่นนี้ ควรตรวจสอบ หรือทดลองใช้งานสินค้าด้วยตนเองอีกครั้งหนึ่งเพื่อความมั่นใจ *

 

วันที่ : 11/09/2023

Cookie Consent

Our website uses cookies to provide your browsing experience and relavent informations.Before continuing to use our website, you agree & accept of our Cookie Policy & Privacy