ตอนนี้คุณอยู่ที่ >> หน้าแรก >> หน้ารวม รีวิวมือถือ mobile review >> รีวิวมือถือ Mobile Review
   
Date : 20/04/2023
รีวิว Redmi Note 12 Pro Series

รีวิว Redmi Note 12 Pro 5G | 12 Pro+ 5G รุ่นโปรซีรีส์ใหม่ ใส่กล้องชัดสูงสุด 200MP ชาร์จไวสูงสุด 120W พร้อมจอ 120Hz Flow AMOLED บนบอดี้เรียบหรูไม่กลัวน้ำ ในราคาคุ้มค่าน่าจับจอง
 

ดูเหมือนว่าช่วงนี้ตลาดสมาร์ตโฟนระดับกลาง (Midrange) จะคึกคักเป็นพิเศษ เพราะหลาย ๆ แบรนด์ต่างก็ส่งสมาร์ตโฟนรุ่นใหม่ลงตลาดกันอย่างต่อเนื่อง และล่าสุดที่เพิ่งเปิดตัวไปวันนี้ก็คือคู่หูซีรีส์ Note ล่าสุดประจำต้นปี 2023 จากแบรนด์ Redmi นั่นก็คือ Redmi Note 12 Pro 5G กับ Redmi Note 12 Pro+ 5G นั่นเองครับ

Redmi Note 12 Pro 5G กับ Redmi Note 12 Pro+ 5G นั้นเป็นสมาร์ทโฟนระดับกลาง ที่อาศัยพลังขับเคลื่อนของชิปเซ็ต MediaTek Dimensity 1080 ซึ่งผลิตบนสถาปัตยกรรมระดับ 6 นาโนเมตร และมีประสิทธิภาพสูงพอที่จะรับมือกับการใช้งานได้ทุกรูปแบบ ตั้งแต่การใช้งานพื้นฐานทั่วไปอย่างการเล่นโซเชียล, ดูหนัง-ฟังเพลง ไปจนถึงการใช้งานหนัก ๆ อย่างการเล่นเกม
 
จุดเด่นอย่างแรกของพี่น้องคู่นี้คือหน้าจอแสดงผลแบบ Flow AMOLED ที่มีอัตราการรีเฟรช 120Hz พร้อมรองรับการแสดงผลสีมากกว่าพันล้านสี (10-bit), รองรับการแสดงผลช่วงสีแบบ DCI-P3 ได้ 100% พร้อมรองรับการแสดงผลคอนเทนต์แบบ HDR10+ และ Dolby Vision นอกจากนี้ยังมีลำโพงเสียงแบบคู่ติดตั้งมาให้ในตัว เรียกว่าพร้อมรับมือกับคอนเทนต์ต่าง ๆ ได้เป็นอย่างดี ใกล้เคียงกับมือถือระดับเรือธงเลยทีเดียว

 

Redmi Note 12 Pro 5G และ Redmi Note 12 Pro+ 5G มากับฮาร์ดแวร์ด้านการถ่ายภาพที่น่าสนใจ โดย Redmi Note 12 Pro 5G นั้นเลือกใช้เซนเซอร์รับภาพรุ่นใหม่อย่าง Sony IMX766 ความละเอียด 50MP มาเป็นกล้องหลัก ประกบด้วยกล้อง Ultra Wide และ Macro พร้อมระบบป้องกันการสั่นแบบ OIS ที่ช่วยให้ภาพคมชัดทุกสถานการณ์ ส่วนรุ่นใหญ่อย่าง Redmi Note 12 Pro+ 5G จะอัปเกรดขึ้นไปอีกขั้นด้วยเซนเซอร์กล้อง Samsung ISOCELL HPX ที่มีความละเอียดมากถึง 200MP

จุดเด่นอีกอย่างหนึ่งที่สำคัญของสมาร์ตโฟนคู่นี้ก็คือระบบชาร์จแบตเตอรี่ความเร็วสูง โดย Redmi Note 12 Pro 5G นั้นมากับระบบชาร์จไวแบบ 67W Turbo Charging ที่สามารถชาร์จแบตเตอรี่ 5000 mAh จนเต็ม 100% ภายในเวลาราว 46 นาที ส่วน Redmi Note 12 Pro+ 5G จะมากับระบบชาร์จไวแบบ 120W HyperCharge ที่สามารถชาร์จแบตเตอรี่ 5000 mAh ได้จนเต็ม 100% ภายในเวลาเพียงแค่ 19 นาที และเป็นระบบชาร์จที่เร็วที่สุดสำหรับสมาร์ตโฟนที่วางจำหน่ายในประเทศไทยขณะนี้

เมื่อทราบจุดเด่นคร่าว ๆ กันแล้ว เราไปดูรีวิว Redmi Note 12 Pro 5G | Redmi Note 12 Pro+ 5G กันเลยดีกว่าครับ


เปิดกล่องสองพี่น้อง Redmi Note 12 Pro 5G Series


Redmi Note 12 Pro 5G | Redmi Note 12 Pro+ 5G จะมีอุปกรณ์ภายในกล่องเหมือนกัน ได้แก่เคส, คู่มือการใช้งาน (เป็นภาษาจีน), สายชาร์จ USB-C และอแดปเตอร์ชาร์จแบตเตอรี่

 

โดย Redmi Note 12 Pro 5G จะเป็นอแดปเตอร์ชาร์จแบบ 67W ส่วนของ Redmi Note 12 Pro+ 5G จะเป็นแบบ 120W ตามกำลังไปสูงสูงที่รองรับของแต่ละรุ่น


ดีไซน์เรียบง่ายสบายตาอย่างมีสไตล์

ในส่วนของดีไซน์ ทั้งสองรุ่นจะมีหน้าตาที่เหมือนกันมาก โดยเป็นหน้าจอแสดงผลเจาะรูฝังกล้องหน้าด้านบน, ฝาหลังสีพื้นเคลือบผิวมันเงา ไม่มีการไล่เฉดสีใด ๆ, เฟรมรอบตัวเครื่องเป็นสันแบน, กล้องหลัง 3 ตัวติดตั้งในมอดูลสี่เหลี่ยม และไฟแฟลช LED รวมไปถึงตำแหน่งของปุ่ม และพอร์ตต่าง ๆ ที่เหมือนกันทั้งหมด แต่จะมีความแตกต่างกันเล็กน้อยตรงที่ฝาหลังของรุ่น Pro+ จะมีความโค้งมนมากกว่า ด้วยดีไซน์แบบ 3D Full Arc และมีตัวเครื่องที่หนากว่าเล็กน้อย

 

เนื่องจากทั้ง 2 รุ่นมีลำโพงคู่ที่ให้ระบบเสียงแบบสเตอริโอ จึงมีช่องลำโพงอยู่ที่ด้านบน และด้านล่างของตัวเครื่อง และที่น่าสนใจคือมีพอร์ตหูฟังขนาด 3.5 มิลลิเมตร กับเซนเซอร์ IR Blaster ติดตั้งมาให้ด้วย ส่วนถาดใส่ซิมจะเป็นแบบ Dual-Slot รองรับซิมการ์ด 2 ใบ แต่ไม่รองรับการ์ดหน่วยความจำเสริมแบบ microSD หรือแบบอื่น ๆ

โดย IR Blaster นั้นเป็นเซนเซอร์อินฟราเรดที่ไม่ค่อยได้เห็นในสมาร์ทโฟนแบรนด์อื่นนอกจาก Redmi และ Xiaomi โดยเซนเซอร์ตัวนี้จะทำให้เราใช้สมาร์ทโฟนเป็นรีโมตควบคุมเครื่องใช้ไฟฟ้าต่าง ๆ ได้ และใช้ได้กับเครื่องใช้ไฟฟ้าแทบทุกประเภท โดยใช้ร่วมกับแอปพลิเคชัน Mi Remote ของ Xiaomi

นอกจากนี้ตัวเครื่องของทั้ง 2 รุ่นยังมีคุณสมบัติของการทนน้ำ-ทนฝุ่นตามมาตรฐาน IP53 ซึ่งป้องกันน้ำกระเซ็น หรือละอองน้ำได้ด้วย

 

จอ Flow AMOLED พันล้านสี พร้อมอัตราการรีเฟรช 120Hz

หน้าจอของ Redmi Note 12 Pro 5G | Redmi Note 12 Pro+ 5G มีคุณสมบัติเหมือนกัน โดยเป็นหน้าจอแบบ Flow AMOLED ขนาด 6.67 นิ้ว ความละเอียดระดับ FHD+ (2400x1080 พิกเซล) พร้อมรองรับอัตราการรีเฟรชสูงสุด 120Hz ที่ทำงานพร้อมฟังก์ชัน Adaptive Sync (30/60/90/120Hz) นอกจากนี้ยังรองรับช่วงสีแบบ DCI-P3 ได้ 100%, รองรับคอนเทนต์แบบ HDR10+ กับ Dolby Vision และสามารถแสดงผลสีสันได้ในระดับพันล้านสี (10-bit) ซึ่งนับว่าไม่ธรรมดาสำหรับสมาร์ตโฟนระดับนี้

ส่วนกระจกที่ครอบทับหน้าจอนั้นจะเป็นกระจก Corning Gorilla Glass 5 และมีฟิล์มกันรอยติดตั้งมาให้แล้วจากโรงงาน จึงน่าจะหมดห่วงเรื่องรอยขีดข่วนไปได้ในระดับหนึ่ง

 

การใช้งานด้านการถ่ายภาพ และวิดีโอ

กล้องถือเป็นจุดเด่นหลัก ๆ อย่างหนึ่งของทั้ง Redmi Note 12 Pro 5G | Redmi Note 12 Pro+ 5G โดยคุณสมบัติของกล้องทั้ง 2 รุ่นมีดังนี้

-----------------------------------

คุณสมบัติของกล้องบน Redmi Note 12 Pro 5G

กล้องตัวหลักด้านหลัง 3 ตัว (AI Triple Camera) ประกอบด้วย

- กล้อง Wide ความละเอียด 50 ล้านพิกเซล พร้อมเซนเซอร์รับภาพ Sony IMX766 ขนาด 1/1.56 นิ้ว, เม็ดพิกเซลขนาด 1.0 ไมครอน (หรือ 2.0 ไมครอน ในแบบ 4-in-1 Super Pixel), รูรับแสงขนาด f1.88, ทางยาวโฟกัส 24 มิลลิเมตร, ระบบป้องกันการสั่นแบบ OIS, ระบบโฟกัสแบบ All Pixel Autofocus และโครงสร้างแบบ 6 ชิ้นเลนส์
- กล้อง Ultra Wide ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล พร้อมเซนเซอร์รับภาพขนาด 1/4 นิ้ว, เม็ดพิกเซลขนาด 1.12 ไมครอน, รูรับแสงขนาด f2.2 และมุมรับภาพ 119°
- กล้อง Macro ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล พร้อมรูรับแสงขนาด f2.4

กล้องด้านหน้าความละเอียด 16 ล้านพิกเซล

พร้อมเซนเซอร์รับภาพขนาด 1/3.06 นิ้ว, เม็ดพิกเซลขนาด 1.0 ไมครอน, รูรับแสงขนาด f2.45 และรองรับการบันทึกวิดีโอที่ความละเอียดระดับ 1080P FHD (30/60 fps)

-----------------------------------

คุณสมบัติของกล้องบน Redmi Note 12 Pro+ 5G

กล้องตัวหลักด้านหลัง 3 ตัว (AI Triple Camera) ประกอบด้วย

รวมทั้งมีเทคโนโลยีการเคลือบหน้าเลนส์แบบ ALD Anti-Glare Coating , เทคโนโลยี Xiaomi Imaging Engine และรองรับการบันทึกวิดีโอที่ความละเอียดระดับ 4K UHD (30 fps)

กล้องด้านหน้าความละเอียด 16 ล้านพิกเซล

พร้อมเซนเซอร์รับภาพขนาด 1/3.06 นิ้ว, เม็ดพิกเซลขนาด 1.0 ไมครอน, รูรับแสงขนาด f2.45 และรองรับการบันทึกวิดีโอที่ความละเอียดระดับ 1080P FHD (30/60 fps) - กล้อง Wide ความละเอียด 200 ล้านพิกเซล พร้อมเซนเซอร์รับภาพ Samsung HPX ขนาด 1/1.4 นิ้ว, เม็ดพิกเซลขนาด 0.56 ไมครอน (200MP)/1.12 ไมครอน (50MP)/2.24 ไมครอน (12.5MP : 16-in-1 Super Pixel), รูรับแสงขนาด f1.65, ทางยาวโฟกัส 24 มิลลิเมตร, ระบบป้องกันการสั่นแบบ OIS, ระบบโฟกัสแบบ All Pixel Autofocus และโครงสร้างแบบ 7 ชิ้นเลนส์
- กล้อง Ultra Wide ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล พร้อมเซนเซอร์รับภาพขนาด 1/4 นิ้ว, เม็ดพิกเซลขนาด 1.12 ไมครอน, รูรับแสงขนาด f2.2 และมุมรับภาพ 119°
- กล้อง Macro ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล พร้อมรูรับแสงขนาด f2.4

 

จากคุณสมบัติข้างต้น จะเห็นว่าทั้งกล้อง Ultra Wide กับกล้อง Macro นั้นมีคุณสมบัติที่ไม่ต่างกัน แต่ความแตกต่างที่สำคัญนั้นอยู่ที่กล้องตัวหลัก (Wide) โดยกล้องตัวหลักของ Redmi Note 12 Pro 5G นั้นจะมีความละเอียดอยู่ที่ 50MP ส่วนของ Redmi Note 12 Pro+ 5G จะมีความละเอียดสูงถึง 200MP และยังมีรูรับแสงที่กว้างกว่าอีกด้วย ซึ่งแน่นอนว่าจะทำให้ภาพถ่ายมีคุณภาพที่ดีกว่า และถ่ายภาพในตอนกลางคืนได้ดีกว่า

 

โหมดการถ่ายภาพ และลูกเล่นที่น่าสนใจ

สำหรับโหมดการถ่ายภาพจะเป็นโหมดมาตรฐานทั่ว ๆ ไป อย่างโหมดอัตโนมัติ, โหมดภาพบุคคล, โหมดกลางคืน และโหมดโปร เป็นต้น และมีโหมด Ultra HD สำหรับถ่ายภาพเต็มความละเอียดของตัวกล้อง (สูงสุด 200MP ในรุ่น Pro+ 5G) และยังมีลูกเล่นที่น่าสนใจอีก เช่น

 

ลายน้ำฟิล์ม : ลายน้ำแบบพิเศษในลักษณะของแถบสีดำใต้ภาพที่จะบอกชื่อรุ่นของโทรศัพท์และการตั้งค่า กล้องในขณะนั้น ทำนองเดียวกับลายน้ำ Leica ของ Xiaomi 13 Series

 

Xiaomi ProCut : เมื่อถ่ายด้วยโหมด Ultra HD ความละเอียดสูง Xiaomi ProCut จะครอปตัดภาพถ่ายออกมาในหลาย ๆ อัตราส่วน ทำให้เราได้ภาพถ่ายที่มีมุมมองต่างกัน โดยสามารถใช้ฟีเจอร์นี้ได้ในคลังภาพ


ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องของ Redmi Note 12 Pro 5G

ตัวอย่างภาพถ่ายจากโหมดอัตโนมัติ


ตัวอย่างภาพถ่ายมุมกว้างพิเศษ (Ultra Wide)


ตัวอย่างภาพถ่ายแบบมาโคร (Macro)


ตัวอย่างภาพถ่ายจากโหมดกลางคืน


ตัวอย่างภาพถ่ายจากโหมด Portrait

 

ตัวอย่างภาพถ่ายเซลฟี่จากกล้องหน้า


ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องของ Redmi Note 12 Pro+ 5G


ตัวอย่างภาพถ่ายจากโหมดอัตโนมัติ

 



ตัวอย่างภาพถ่ายมุมกว้างพิเศษ (Ultra Wide)




ตัวอย่างภาพถ่ายจากโหมด Macro

 





ตัวอย่างภาพถ่ายจากโหมดกลางคืน

 



ตัวอย่างภาพถ่ายจากโหมด Portrait

 


ตัวอย่างภาพถ่ายเซลฟี่จากกล้องหน้า

 

พลังชาร์จระดับ 67W และ 120W ชาร์จได้เร็วแค่ไหน?

ระบบชาร์จแบตเตอรี่ความเร็วสูงคืออีกหนึ่งจุดขายสำคัญของ Redmi Note 12 Pro 5G และ Redmi Note 12 Pro+ 5G แต่ในการชาร์จจริงจะเร็วแค่ไหน งานนี้เราได้ทำการทดสอบโดยการใช้สายชาร์จและอแดปเตอร์ที่แถมมาในกล่องเสียบชาร์จกับไฟบ้านโดยตรง โดยเริ่มชาร์จจากแบตเตอรี่ 2% จนถึง 100% ซึ่งผลที่ออกมาเป็นดังนี้

- Redmi Note 12 Pro 5G (67W) ใช้เวลาประมาณ 50 นาที
- Redmi Note 12 Pro+ 5G (120W) ใช้เวลาประมาณ 30 นาที

ทั้งนี้ต้องบอกก่อนว่าความเร็วในการชาร์จอาจจะแตกต่างกันไปตามสภาพแวดล้อม ไม่ว่าจะเป็นความร้อน หรือกระแสไฟฟ้า แต่ความเร็วระดับนี้ก็ถือว่าเร็วมากแล้วสำหรับการใช้งานในปัจจุบัน

ส่วนเรื่องความอึดขอแบตเตอรี่นั้น ทั้ง 2 รุ่นสามารถอยู่ได้นานตลอดวันแน่นอน แม้จะมีการเล่นเกมระหว่างวันด้วยก็ยังอยู่ได้จนหมดวัน หรือต่อให้แบตเตอรี่หมดจริง ๆ ก็ยังสามารถชาร์จได้อย่างรวดเร็วด้วยระบบชาร์จไว 67W หรือ 120W ดังนั้นจึงหมดกังวลเรื่องแบตเตอรี่ไปได้เลย

 

ประสิทธิภาพด้านการประมวลผล และการใช้งานทั่วไป

ทั้ง Redmi Note 12 Pro 5G และ Redmi Note 12 Pro+ 5G ต่างก็เลือกใช้ชิปเซ็ต MediaTek Dimensity 1080 ที่มีความเร็วในการประมวลผลสูงสุด 2.6 GHz และผลิตด้วยกระบวนการระดับ 6 นาโนเมตร จัดว่าเป็นเทคโนโลยีที่ค่อนข้างใหม่เพราะตัวชิปเซ็ตเพิ่งจะเปิดตัวไปเมื่อปี 2565 ที่ผ่านมา จึงแรงกว่า และประหยัดพลังงานกว่าเมื่อเทียบกับชิปเซ็ตรุ่นก่อน ๆ โดยตัวชิปจะมีหน่วยประมวลผลกราฟิก Mali-G68 และเทคโนโลยี HyperEngine 3.0 ที่ช่วยจัดการทรัพยากร และการเชื่อมต่อขณะเล่นเกม

สำหรับหน่วยความจำของทั้ง 2 รุ่น จะเป็นหน่วยความจำ RAM แบบ LPDDR4X กับหน่วยความจำ ROM แบบ UFS 2.2 ซึ่งหากเป็น Redmi Note 12 Pro+ 5G จะมีความจุให้เลือกแค่ 8GB+256GB แต่ Redmi Note 12 Pro 5G จะมีให้เลือก 2 ความจุคือ 6GB+128GB กับ 8GB+256GB

 

ในส่วนของซอฟต์แวร์ภายใน Redmi Note 12 Pro 5G | Redmi Note 12 Pro+ 5G จะทำงานอยู่บนระบบปฏิบัติการ Android 12 ซึ่งถูกครอบทับด้วย MIUI 14 โดยจะยังมีโฆษณาแทรกในแอปพลิเคชันระบบบางตัว แต่ก็ไม่ได้กวนใจมากนัก และสามารถปิดได้ในการตั้งค่า ส่วนการใช้งานก็มีความลื่นไหล ไม่มีปัญหาใด ๆ

 

แน่นอนว่า Redmi Note 12 Pro 5G | Redmi Note 12 Pro+ 5G รองรับเครือข่าย 5G ได้ตามชื่อ โดยใช้งานได้ครอบคลุมทุกคลื่นความถี่ทุกเครือข่ายในไทยทั้ง AIS, TrueMove H และ dtac

 

เมื่อทดสอบประสิทธิภาพด้านการประมวลผลของ Redmi Note 12 Pro 5G ด้วยแอปพลิเคชัน AnTuTu Benchmark ก็พบว่าได้คะแนนรวมอยู่ที่ 451011 คะแนน ด้วยในด้านของแอปพลิเคชัน Geekbench 6 จะได้คะแนนของการประมวลผลแบบ Single-Core ที่ 955 คะแนน และคะแนนของการประมวลผลแบบ Multi-Core ที่ 2269 คะแนน


เมื่อทดสอบประสิทธิภาพด้านการประมวลผลของ Redmi Note 12 Pro+ 5G ด้วยแอปพลิเคชัน AnTuTu Benchmark ก็พบว่าได้คะแนนรวมอยู่ที่ 452130 คะแนน ด้วยในด้านของแอปพลิเคชัน Geekbench 6 จะได้คะแนนของการประมวลผลแบบ Single-Core ที่ 965 คะแนน และคะแนนของการประมวลผลแบบ Multi-Core ที่ 2335 คะแนน ซึ่งก็เป็นไปตามคาด เนื่องจากทั้ง 2 รุ่นนั้นใช้ชิปเซ็ตเดียวกัน และมีคุณสมบัติของหน่วยความจำที่ไม่ต่างกัน ผลคะแนนที่ออกมาจึงอยู่ในระดับเดียวกัน นั่นคืออยู่ในระดับกลาง ๆ รองรับการใช้งานทั่วไปได้อย่างไหลลื่น

ทดสอบประสิทธิภาพด้านการเล่นเกม

สำหรับเกมที่นำมาทดสอบนั้นจะใช้เกมที่ได้รับความนิยมอย่าง RoV, PUBG Mobile และ Genshin Impact เช่นเคย โดยตั้งค่ากราฟิกเอาไว้ที่ระดับกลาง ๆ

 


จากการทดสอบ พบว่าทั้ง 2 รุ่นมีประสิทธิภาพการเล่นเกมที่ไม่ต่างกันเลย โดยสามารถรันเกม RoV กับ PUBG Mobile ได้อย่างราบรื่นบนกราฟิกระดับกลาง ๆ การบังคับต่าง ๆ มีการตอบสนองที่ดี ไม่มีลั่น ไม่มีหลอน ส่วนเกมที่ใช้กราฟิกหนัก ๆ อย่าง Genshin Impact จะสามารถเล่นได้บนกราฟิกระดับกลาง หรือต่ำ หากสูงกว่านี้เกมจะไม่ราบรื่นเท่าที่ควร แต่ทั้งนี้สามารถใช้ฟีเจอร์ Game Boost เปิดโหมดเร่งประสิทธิภาพเพื่อช่วยลดอาการกระตุกได้ ซึ่งสามารถช่วยได้พอสมควร ส่วนเรื่องความร้อนก็ยังอยู่ในเกณฑ์ที่ปกติ โดยตัวเครื่องมีอุ่น ๆ บ้าง แต่ไม่ถึงกับร้อนมาก

 


สำหรับฟีเจอร์ช่วยเล่นเกมอย่าง Game Turbo จะคล้ายกับของแบรนด์อื่น ๆ โดยมีโหมดเพิ่มประสิทธิภาพในการเล่นเกม ซึ่งระบบจะให้ความสำคัญกับการประมวลผลเกมเป็นอันดับแรก และโหมดประหยัดพลังงานที่เน้นการเล่นเกมแบบมาราธอน รวมไปถึงการปล่อยเล่นแบบปิดจอสำหรับเปิดบอทฟาร์มของ และลูกเล่นอื่น ๆ อย่างการแปลงเสียงออกไมค์, บันทึกวิดีโอการเล่น เป็นต้น

 

ราคา, โปรโมชัน และการวางจำหน่า

ล่าสุดวันนี้ (20 เมษายน 2023) Redmi Note 12 Pro 5G และ Redmi Note 12 Pro+ 5G ก็ได้เปิดตัวอย่างเป็นทางการในประเทศไทยแล้ว โดยจะเริ่มเปิดให้สั่งจองล่วงหน้าตั้งแต่วันที่ 29 เมษายน - 6 พฤษภาคม 2566 โดยมี 3 รุ่นย่อยให้เลือกดังนี้

 

Redmi Note 12 Pro 5G รุ่น RAM 6GB+ROM 128GB ราคา 9,999 บาท หรือราคาพิเศษพร้อมแพ็กเกจที่ 5,499 บาท มีวางจำหน่ายเฉพาะที่ AIS

 

Redmi Note 12 Pro 5G รุ่น RAM 8GB+ROM 256GB ราคา 12,990 บาท หรือราคาเครื่องพร้อมแพ็กเกจที่ 5,990 บาท

พิเศษเมื่อสั่งจองล่วงหน้ากับร้านค้าที่กำหนดรับส่วนลดเพิ่ม 1,500 บาท พร้อมรับฟรีกระเป๋าเดินทาง (Luggage) และบัตร VIP Card มูลค่ารวม 6,780 บาท

 

Redmi Note 12 Pro+ 5G รุ่น RAM 8GB+ROM 256GB ราคา 14,990 บาท มีวางจำหน่ายเฉพาะที่ Xiaomi Store

พิเศษเมื่อสั่งจองล่วงหน้ากับร้านค้าที่กำหนดรับส่วนลดเพิ่ม 1,500 บาท พร้อมรับฟรีกระเป๋าเดินทาง (Luggage) และบัตร VIP Card มูลค่ารวม 6,780 บาท

 

ท่านใดสนใจจับจองเป็นเจ้าของ Redmi Note 12 Pro 5G | Redmi Note 12 Pro+ 5G รวมทั้ง Redmi Note 12 และ Redmi Note 12 5G สามารถสั่งซื้อ หรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Xiaomi Store, Xiaomi Zone, ร้านค้าที่ร่วมรายการทั่วประเทศ และช่องทางออนไลน์ที่

Lazada : https://bit.ly/41ekb0C
Shopee : https://bit.ly/40fiE96

 

สรุปประสบการณ์หลังใช้งาน Redmi Note 12 Pro 5G | Note 12 Pro+ 5G

หลังจากที่มีโอกาสได้ใช้งาน Redmi Note 12 Pro 5G และ Redmi Note 12 Pro+ 5G มาระยะหนึ่ง ก็พอจะสรุปได้ว่าทั้งคู่นั้นถือว่าเป็นสมาร์ทโฟนที่ให้ความสำคัญกับฟีเจอร์ที่ควรเน้นเป็นพิเศษสำหรับการใช้งานในยุคนี้ ไม่ว่าจะเป็นจอแสดงผลที่ดีเยี่ยม+ลำโพงเสียงที่ไพเราะ, กล้องความละเอียดสูงที่ไว้ใจได้ในคุณภาพ และแบตเตอรี่ความจุสูงพร้อมการชาร์จที่รวดเร็ว รวมทั้งมีประสิทธิภาพด้านการประมวลผลที่ไหลลื่นทุกการใช้งาน และฟีเจอร์ที่ครบเครื่องหลากหลาย ในราคาที่จับต้องได้ไม่ยาก

ในส่วนของการดีไซน์นั้น Redmi Note 12 Pro 5G และ Redmi Note 12 Pro+ 5G อาจไม่ได้มีดีไซน์ที่หวือหวาสะดุดตามากนัก แต่ก็มาในแบบมินิมอลที่ซ่อนความเรียบหรูไว้ภายใน ซึ่งมีข้อดีคือสามารถเข้ากันได้กับผู้ใช้ทุกเพศทุกวัย

สำหรับหน้าจอแสดงผลนับว่ามีคุณภาพสูง โดยเป็นจอแบบ Flow AMOLED ที่มีสีสันสวยสดใสระดับพันล้านสี พร้อมค่า Contrast ที่มากถึง 5,000,000:1 อีกทั้งยังรองรับช่วงสีแบบ DCI-P3 ได้ 100%, รองรับการแสดงผลคอนเทนต์แบบ HDR10+ และ Dolby Vision พร้อมด้วยอัตราการรีเฟรช 120Hz ทำให้คุณภาพการแสดงผลดูดีลื่นไหลเนียนตาใกล้เคียงกับสมาร์ทโฟนระดับไฮเอนด์ โดยเฉพาะใครที่ชอบดูหนังน่าจะถูกใจแน่นอน

 

Redmi Note 12 Pro 5G และ Redmi Note 12 Pro+ 5G ต่างก็ประมวลผลด้วยชิปเซ็ต MediaTek Dimensity 1080 ด้วยกันทั้งคู่ และยังใช้หน่วยความจำ RAM แบบ LPDDR4X กับหน่วยความจำ ROM แบบ UFS 2.2 เหมือนกัน จึงมีประสิทธิภาพการทำงานที่ใกล้เคียงกันมาก สามารถรับมือกับการทำงานทุกประเภทได้อย่างราบรื่น และทำงานเข้ากับ MIUI 14 ได้เป็นอย่างดี ซึ่งเท่าที่ทดสอบยังไม่เคยพบอาการกระตุก หน่วง ค้าง แต่อย่างใด

อย่างไรก็ดี Redmi Note 12 Pro 5G และ Redmi Note 12 Pro+ 5G อาจจะยังเล่นเกมได้ไม่ดีนักเมื่อเทียบกับสมาร์ทโฟนรุ่นอื่นที่มีราคาใกล้เคียงกัน โดยเฉพาะกับเกมที่กินสเปกสูง ๆ อย่าง Genshin Impact ที่ค่าเฟรมเรตไม่ค่อยนิ่งแม้จะปรับกราฟิกเป็นระดับต่ำแล้วก็ตาม แต่ถ้าไม่ได้ตั้งใจจะเล่นเกมระดับ AAA ที่มีกราฟิกอลังการอยู่แล้ว ทั้ง 2 รุ่นก็สามารถเล่นเกมทั่วไปได้อย่างราบรื่น ไม่มีปัญหาแต่อย่างใด

 

การถ่ายภาพจัดว่าเป็นส่วนที่สำคัญที่สุดของทั้ง 2 รุ่นนี้เลยก็ว่าได้ โดยคุณสมบัติโดยรวมของภาพถ่าย ตั้งแต่โทนสีไปจนถึงโปรไฟล์ของภาพจะไม่ต่างกันมากนัก เพราะใช้ Xiaomi Image Engine และ Xiaomi AI Image Solution ในการช่วยประมวลผลภาพเหมือนกัน โดยให้สีสันที่ใกล้เคียงกับความเป็นจริง, มีการวัดแสงค่อนข้างแม่นยำ และเอฟเฟกต์บิวตี้กับการเบลอฉากหลังที่ดูเป็นธรรมชาติ อีกทั้งยังมีระบบกันสั่น OIS ที่ช่วยให้จับภาพได้อย่างคมขัด แม้จะไม่ได้มีลูกเล่นมากมาย แต่ฟังก์ชันสำคัญมีให้ใช้อย่างครบถ้วนแน่นอน โดยรวมแล้วเหมาะกับการถ่ายรูปทุกประเภท แต่จุดที่ควรระวังคือฟังก์ชัน HDR ที่มักจะทำให้โทนสีภาพดูสว่างนวลเกินกว่าความเป็นจริงในบางสถานการณ์

 

ความแตกต่างสำคัญของกล้องถ่ายภาพ ระหว่าง Redmi Note 12 Pro 5G และ Redmi Note 12 Pro+ 5G ก็คือเซนเซอร์ของกล้องตัวหลัก (Wide) โดย Redmi Note 12 Pro+ 5G นั้นจะใช้เซนเซอร์กล้องที่มีความละเอียดมากถึง 200MP พร้อมมีรูรับที่แสงกว้างกว่า ดังนั้นภาพที่ได้จึงสว่างกว่า และเก็บรายละเอียดในที่มืดได้ดีกว่า ซึ่งจะเห็นความแตกต่างได้ชัดขึ้นในโหมดกลางคืน

ซึ่งด้วยฟีเจอร์ดี ๆ ที่หลากหลายข้างต้นนี้ แน่นอนว่าจะทำให้เราสนุกสนานกับการใช้งานได้ทั้งวัน แต่ก็ไม่ต้องกังวลว่าแบตเตอรี่จะไม่พอใช้ เพราะที่ให้มา 5000 mAh ก็นับว่าไม่น้อย เพราะหากชาร์จมาเต็ม ก็สามารถใช้งานได้ตั้งแต่เช้าจรดค่ำโดยที่ไม่ต้องชาร์จระหว่างวัน หรือหากใช้งานหนักจริง ๆ ก็สามารถชาร์จกลับให้เต็มได้ในเวลาแค่อึดใจ ด้วยเทคโนโลยีชาร์จไวแบบ 67W Turbo Charging และ 120W HyperCharge

จากทั้งหมดที่กล่าวมา Redmi Note 12 Pro 5G และ Redmi Note 12 Pro+ 5G เป็นสมาร์ทโฟนระดับกลางที่ตอบโจทย์การใช้งานได้อย่างรอบด้าน โดยมีจุดเด่นอยู่ที่ระบบชาร์จไว, จอสวยลื่น และกล้องหลังความละเอียด 50MP/200MP ใครที่กำลังมองหาสมาร์ทโฟนดี ๆ สักเครื่อง ที่มีสเปกคุ้มค่า ในราคาที่ไม่สูงจนเกินเอื้อม ทั้ง 2 รุ่นนี้ไม่ทำให้ผิดหวังอย่างแน่นอนครับ

 

สรุปคุณสมบัติ และจุดเด่นของ Redmi Note 12 Pro 5G

 

- ตัวเครื่องมีคุณสมบัติของการทนน้ำ-ทนฝุ่นตามมาตรฐาน IP53
- ระบบระบายความร้อนแบบ 12-Layer Graphite Sheets Cooling System

------------------------------------

- จอแสดงผลแบบ Flow AMOLED ขนาด 6.67 นิ้ว ความละเอียดระดับ FHD+ (2400x1080 พิกเซล : 394 PPI)
- อัตราการรีเฟรช (Refresh Rate) สูงสุดที่ 120Hz (Adaptive Sync : 30/60/90/120Hz)
- อัตราการตอบสนองของระบบสัมผัส (Touch Sampling Rate) สูงสุดที่ 240Hz
- ความสว่างสูงสุด 900 nits
- ปรับความสว่างอัตโนมัติได้ 16000 ระดับ
- เทคโนโลยี 1920Hz High Frequency PWM Dimming สำหรับช่วยถนอมสายตาจากการกะพริบของหน้าจอ
- ค่า Contrast Ratio 5,000,000:1
- แสดงผลสีได้ 1.07 พันล้านสี (10-bit)
- รองรับช่วงสีแบบ DCI-P3 ได้ 100%
- การแสดงผลคอนเทนต์แบบ Dolby Vision และ HDR10+
- เทคโนโลยี COP ที่ช่วยให้ขอบจอด้านล่างบางลง
- ครอบทับด้วยกระจก Corning Gorilla Glass 5

-----------------------------------

- ประมวลผลด้วยชิปเซ็ต MediaTek Dimensity 1080 (MT6877V)
- หน่วยประมวลผลกราฟิก (GPU) Mali-G68 MC4
- หน่วยความจำแรม (RAM) แบบ LPDDR4X ขนาด 6GB หรือ 8GB
- หน่วยความจำภายในสำหรับเก็บบันทึกข้อมูล (ROM) แบบ UFS 2.2 ขนาด 128GB หรือ 256GB
- แบตเตอรี่ความจุ 5000 mAh พร้อมระบบชาร์จแบตเตอรี่ความเร็วสูงแบบ 67W Turbo Charging
- มีอะแดปเตอร์ชาร์จแบตเตอรี่แบบ 67W แถมมาให้ในชุดจำหน่ายมาตรฐาน
- ทำงานอยู่บนระบบปฏิบัติการ Android 12 พร้อมครอบทับด้วย MIUI 14

-----------------------------------

กล้องตัวหลักด้านหลัง 3 ตัว (AI Triple Camera) ประกอบด้วย

- กล้อง Wide ความละเอียด 50 ล้านพิกเซล พร้อมเซนเซอร์รับภาพ Sony IMX766 ขนาด 1/1.56 นิ้ว, เม็ดพิกเซลขนาด 1.0 ไมครอน (หรือ 2.0 ไมครอน ในแบบ 4-in-1 Super Pixel), รูรับแสงขนาด f1.88, ทางยาวโฟกัส 24 มิลลิเมตร, ระบบป้องกันการสั่นแบบ OIS, ระบบโฟกัสแบบ All Pixel Autofocus และโครงสร้างแบบ 6 ชิ้นเลนส์
- กล้อง Ultra Wide ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล พร้อมเซนเซอร์รับภาพขนาด 1/4 นิ้ว, เม็ดพิกเซลขนาด 1.12 ไมครอน, รูรับแสงขนาด f2.2 และมุมรับภาพ 119°
- กล้อง Macro ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล พร้อมรูรับแสงขนาด f2.4

รวมทั้งมีเทคโนโลยี Xiaomi Imaging Engine และรองรับการบันทึกวิดีโอที่ความละเอียดระดับ 4K UHD (30 fps)

กล้องด้านหน้าความละเอียด 16 ล้านพิกเซล

พร้อมเซนเซอร์รับภาพขนาด 1/3.06 นิ้ว, เม็ดพิกเซลขนาด 1.0 ไมครอน, รูรับแสงขนาด f2.45 และรองรับการบันทึกวิดีโอที่ความละเอียดระดับ 1080P FHD (30/60 fps)

-----------------------------------

- เซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือที่ด้านข้างตัวเครื่อง (Side Mounted Fingerprint Sensor) พร้อมระบบปลดล็อกด้วยใบหน้า (AI Face Unlock)
- ลำโพงเสียงแบบคู่ (Dual Stereo Speakers) พร้อมระบบเสียงแบบ Dolby Atmos
- เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตผ่านทางระบบ Wi-Fi 6, 5G, 4G LTE, 3G WCDMA และ 2G EDGE/GPRS
- รองรับการใช้งานระบบ Dual 5G
- เชื่อมต่อข้อมูล หรือสั่งงานแบบไร้สายผ่านทาง Bluetooth 5.2, NFC และ IR Blaster สำหรับใช้เป็นรีโมตควบคุมเครื่องใช้ไฟฟ้า
- ระบุตำแหน่ง และนำทางด้วยระบบดาวเทียม GPS+A-GPS, Glonass, BeiDou และ Galileo
- พอร์ตเชื่อมต่อแบบ USB Type-C
- พอร์ตหูฟังขนาด 3.5 มิลลิเมตร
- มอเตอร์ระบบสั่นแบบ X-Axis Linear Motor

สรุปคุณสมบัติโดยละเอียด และราคาของ Redmi Note 12 Pro 5G รุ่น RAM 6GB+ROM 128GB
สรุปคุณสมบัติโดยละเอียด และราคาของ Redmi Note 12 Pro 5G รุ่น RAM 8GB+ROM 256GB

 

สรุปคุณสมบัติ และจุดเด่นของ Redmi Note 12 Pro+ 5G

 

- ดีไซน์ตัวเครื่องแบบ 3D Full Arc
- ตัวเครื่องมีคุณสมบัติของการทนน้ำ-ทนฝุ่นตามมาตรฐาน IP53
-
ระบบระบายความร้อนแบบ Vapor Chamber Cooling System (LiquidCool Technology) พร้อมพื้นที่ของ Vapor Chamber 3000 ตารางมิลลิเมตร

------------------------------------

- จอแสดงผลแบบ Flow AMOLED ขนาด 6.67 นิ้ว ความละเอียดระดับ FHD+ (2400x1080 พิกเซล : 394 PPI)
- อัตราการรีเฟรช (Refresh Rate) สูงสุดที่ 120Hz (Adaptive Sync : 30/60/90/120Hz)
- อัตราการตอบสนองของระบบสัมผัส (Touch Sampling Rate) สูงสุดที่ 240Hz
- ความสว่างสูงสุด 900 nits
- ปรับความสว่างอัตโนมัติได้ 16000 ระดับ
- เทคโนโลยี 1920Hz High Frequency PWM Dimming สำหรับช่วยถนอมสายตาจากการกะพริบของหน้าจอ
- ค่า Contrast Ratio 5,000,000:1
- แสดงผลสีได้ 1.07 พันล้านสี (10-bit)
- รองรับช่วงสีแบบ DCI-P3 ได้ 100%
- การแสดงผลคอนเทนต์แบบ Dolby Vision และ HDR10+
- เทคโนโลยี COP ที่ช่วยให้ขอบจอด้านล่างบางลง
- ครอบทับด้วยกระจก Corning Gorilla Glass 5

-----------------------------------

- ประมวลผลด้วยชิปเซ็ต MediaTek Dimensity 1080 (MT6877V)
- หน่วยประมวลผลกราฟิก (GPU) Mali-G68 MC4
- หน่วยความจำแรม (RAM) แบบ LPDDR4X ขนาด 8GB
- หน่วยความจำภายในสำหรับเก็บบันทึกข้อมูล (ROM) แบบ UFS 2.2 ขนาด 256GB
- แบตเตอรี่ความจุ 5000 mAh พร้อมระบบชาร์จแบตเตอรี่ความเร็วสูงแบบ
120W HyperCharge
- มีอะแดปเตอร์ชาร์จแบตเตอรี่แบบ 120W แถมมาให้ในชุดจำหน่ายมาตรฐาน
- ทำงานอยู่บนระบบปฏิบัติการ Android 12 พร้อมครอบทับด้วย MIUI 14

-----------------------------------

กล้องตัวหลักด้านหลัง 3 ตัว (AI Triple Camera) ประกอบด้วย

- กล้อง Wide ความละเอียด 200 ล้านพิกเซล พร้อมเซนเซอร์รับภาพ Samsung HPX ขนาด 1/1.4 นิ้ว, เม็ดพิกเซลขนาด 0.56 ไมครอน (200MP)/1.12 ไมครอน (50MP)/2.24 ไมครอน (12.5MP : 16-in-1 Super Pixel), รูรับแสงขนาด f1.65, ทางยาวโฟกัส 24 มิลลิเมตร, ระบบป้องกันการสั่นแบบ OIS, ระบบโฟกัสแบบ All Pixel Autofocus และโครงสร้างแบบ 7 ชิ้นเลนส์
- กล้อง Ultra Wide ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล พร้อมเซนเซอร์รับภาพขนาด 1/4 นิ้ว, เม็ดพิกเซลขนาด 1.12 ไมครอน, รูรับแสงขนาด f2.2 และมุมรับภาพ 119°
- กล้อง Macro ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล พร้อมรูรับแสงขนาด f2.4

รวมทั้งมีเทคโนโลยีการเคลือบหน้าเลนส์แบบ ALD Anti-Glare Coating , เทคโนโลยี Xiaomi Imaging Engine และรองรับการบันทึกวิดีโอที่ความละเอียดระดับ 4K UHD (30 fps)

กล้องด้านหน้าความละเอียด 16 ล้านพิกเซล

พร้อมเซนเซอร์รับภาพขนาด 1/3.06 นิ้ว, เม็ดพิกเซลขนาด 1.0 ไมครอน, รูรับแสงขนาด f2.45 และรองรับการบันทึกวิดีโอที่ความละเอียดระดับ 1080P FHD (30/60 fps)

-----------------------------------

- เซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือที่ด้านข้างตัวเครื่อง (Side Mounted Fingerprint Sensor) พร้อมระบบปลดล็อกด้วยใบหน้า (AI Face Unlock)
- ลำโพงเสียงแบบคู่ (Dual Stereo Speakers) พร้อมระบบเสียงแบบ Dolby Atmos
- เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตผ่านทางระบบ Wi-Fi 6, 5G, 4G LTE, 3G WCDMA และ 2G EDGE/GPRS
- รองรับการใช้งานระบบ
Dual 5G
- เชื่อมต่อข้อมูล หรือสั่งงานแบบไร้สายผ่านทาง Bluetooth 5.2, NFC และ IR Blaster สำหรับใช้เป็นรีโมตควบคุมเครื่องใช้ไฟฟ้า
- ระบุตำแหน่ง และนำทางด้วยระบบดาวเทียม GPS+A-GPS, Glonass, BeiDou และ Galileo
- พอร์ตเชื่อมต่อแบบ USB Type-C
- พอร์ตหูฟังขนาด 3.5 มิลลิเมตร
- มอเตอร์ระบบสั่นแบบ X-Axis Linear Motor

สรุปคุณสมบัติโดยละเอียด และราคาของ Redmi Note 12 Pro+ 5G

 

จุดที่อาจจะต้องพิจารณาเพิ่มเติม

- ไม่รองรับการใส่การ์ดหน่วยความจำเสริมแบบ microSD หรือแบบอื่น ๆ
- ไม่ได้มาพร้อมกับระบบปฏิบัติการ Android 13 ตั้งแต่แกะกล่อง (อัปเดตได้ในภายหลัง)
- กล้องด้านหน้าไม่รองรับการบันทึกวิดีโอที่ความละเอียดระดับ 4K
- ใช้เซนเซอร์สแกนนิ้วแบบด้านข้างตัวเครื่อง ไม่ใช่แบบฝังใต้หน้าจอ

 

วันที่ : 20/04/2023

Cookie Consent

Our website uses cookies to provide your browsing experience and relavent informations.Before continuing to use our website, you agree & accept of our Cookie Policy & Privacy