รีวิว Redmi 13 สมาร์ตโฟนกล้อง 108MP ในราคาสุดคุ้มที่ 5,499 บาท พร้อมชิปใหม่ แบตใหญ่ชาร์จไว จอลื่น แรมเยอะ บนบอดี้กระจกบางเฉียบ
เมื่อพูดถึงสมาร์ตโฟนที่คุ้มค่าคุ้มราคาในตลาดปัจจุบัน หนึ่งในแบรนด์ที่มักจะเป็นตัวเลือกแรก ๆ และได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่องก็คือ Redmi ที่มีชื่อเสียงในเรื่องของการพัฒนาสมาร์ตโฟนที่มีคุณสมบัติอัดแน่นในราคาที่คุ้มค่า และล่าสุด Redmi ก็ได้นำเสนอสมาร์ตโฟนรุ่นใหม่ล่าสุดอย่าง Redmi 13 ที่มาพร้อมกับการอัปเกรด และคุณสมบัติที่น่าสนใจในราคาย่อมเยาเช่นเดิม
Redmi 13 ถูกออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์ความต้องการของผู้ใช้งานที่หลากหลาย ด้วยหน้าจอ DotDisplay (IPS LCD) ขนาด 6.79 นิ้ว ความละเอียดระดับ FHD+ ที่คมชัด พร้อมอัตราการรีเฟรช 90Hz ที่ทำให้การเลื่อนหน้าจอ และการเล่นเกมเป็นไปอย่างราบรื่น นอกจากนี้ยังมาพร้อมกับชิปเซ็ต MediaTek Helio G91-Ultra รุ่นใหม่ที่รองรับการใช้งานในชีวิตประจำวันได้อย่างไม่มีสะดุด
ด้านกล้องถ่ายภาพของ Redmi 13 นั้นมาพร้อมกับกล้องหลักที่มีความละเอียดมากถึง 108 ล้านพิกเซล ซึ่งแน่นอนว่าสามารถถ่ายภาพได้คมชัด และมีรายละเอียดสูง แม้ในสภาพแสงน้อย อีกทั้งหากใครต้องการซูมก็มีฟีเจอร์ 3X Lossless Zoom มาให้ใช้งาน นอกจากนี้ยังมีกล้อง Macro ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล สำหรับช่วยให้การถ่ายภาพมีมุมมองที่หลากหลายมากขึ้น
ในส่วนของแบตเตอรี่ Redmi 13 มาพร้อมกับแบตเตอรี่ความจุ 5030 mAh ที่รองรับการชาร์จเร็วด้วยกำลังไฟสูงสุด 33W โดยแบตเตอรี่ขนาดใหญ่นี้แน่นอนว่าเราสามารถใช้งานได้ยาวนานตลอดวัน และระบบปฏิบัติการ HyperOS เวอร์ชันล่าสุด ก็มากับฟีเจอร์ใหม่ ๆ มากมาย
ดังนั้นเพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา เราไปรับชมรีวิวฉบับเต็มของ Redmi 13 กันต่อได้เลยครับ
ดีไซน์ภายนอก และอุปกรณ์ภายในกล่อง
Redmi 13 มาในดีไซน์แบบโมเดิร์น ฝาหลังครอบทับด้วยวัสดุคล้ายกระจก ดูสวยงาม และมีความพรีเมียม สำหรับเครื่องที่นำมารีวิวในครั้งนี้เป็นสีชมพู (Pearl Pink)
ตัวเครื่องด้านหน้าเป็นจอแสดงผลแบบ DotDisplay (IPS LCD) ความละเอียดระดับ FHD+ พร้อมอัตราการรีเฟรชสูงสุด 90Hz โดยรองรับการแสดงผลสีแบบ 8-bit (16.7 ล้านสี) อีกทั้งเป็นจอถนอมสายตาที่ได้รับการรับรองจาก TUV Rheinland ทั้งในเรื่องของแสงสีฟ้าต่ำ และไม่มีการกะพริบ (Flicker Free) ตัวกระจกครอบทับด้วยกระจกนิรภัย Gorilla Glass (ไม่ระบุเวอร์ชัน) โดยหน้าจอสามารถเร่งความสว่างได้สูงสุด 550 nits ซึ่งถือว่าสว่างพอสมควร ส่วนกล้องหน้าเป็นกล้องแบบเจาะรูฝังใต้จอ โดยมีความละเอียดอยู่ที่ 13 ล้านพิกเซล พร้อมรูรับแสงขนาด f2.45
ชุดกล้องหลังเป็นกล้อง 2 ตัว ติดตั้งแบบเรียบ ๆ ไม่มีฐาน กับไฟแฟลชแบบวงแหวน โดยชุดกล้องหลังทั้ง 2 ตัว ประกอบด้วย
- กล้อง Wide (Main) ความละเอียด 108 ล้านพิกเซล พร้อมเซนเซอร์รับภาพขนาด 1/1.67 นิ้ว, เม็ดพิกเซลขนาด 0.64 ไมครอน (1.92 ไมครอน ในแบบ 9-in-1 Binning), รูรับแสงขนาด f1.75, ระบบโฟกัสอัตโนมัติแบบ PDAF, ระบบซูมแบบ 3X In-Sensor Zoom และโครงสร้างแบบ 6 ชิ้นเลนส์
- กล้อง Macro ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล พร้อมรูรับแสงขนาด f2.4
ด้านบนของตัวเครื่องจะมีพอร์ตหูฟังขนาด 3.5 มิลลิเมตร กับเซนเซอร์ IR Blaster สำหรับใช้ควบคุมเครื่องใช้ไฟฟ้าแทนรีโมต โดยใช้ร่วมกับแอปพลิเคชัน รีโมต Mi ซึ่งติดตั้งมาให้ตั้งแต่แกะกล่อง ส่วนด้านล่างจะมีไมโครโฟน, พอร์ต USB-C และช่องลำโพงเสียง
ตัวเครื่องมีความบางพอสมควรที่ 8.3 มิลลิเมตร โดยเป็นเฟรมแบบสันเหลี่ยม มีช่องใส่ซิมการ์ดที่ด้านซ้าย และมีปุ่มล็อกหน้าจอ กับปุ่มปรับระดับเสียงอยู่ด้านขวา
ส่วนถาดใส่ซิมการ์ดเป็นแบบ Hybrid-Slot ที่สามารถใส่ซิมการ์ดแบบ Nano SIM ได้พร้อมกัน 2 ใบ หรือใส่ซิมการ์ดพร้อมกับการ์ดหน่วยความจำ microSD โดยรองรับความจุสูงสุดถึง 1TB นอกจากนี้ ตัวเครื่องยังมีคุณสมบัติของการทนน้ำ-ทนฝุ่นในระดับ IP53 ซึ่งสามารถป้องกันละอองน้ำได้ แต่ยังไม่ถึงขั้นที่จะนำไปแช่น้ำ หรือตากฝนได้
สำหรับอุปกรณ์มาตรฐานภายในกล่องจะประกอบไปด้วย ตัวเครื่อง, อะแดปเตอร์ชาร์จแบตเตอรี่แบบ 33W, สาย USB Type-C, เคสซิลิโคนใส, เข็มถอดถาดซิมการ์ด, คู่มือความปลอดภัย, คู่มือการใช้งานแบบด่วน และใบรับประกัน
ประสิทธิภาพการทำงาน และระบบพื้นฐาน
Redmi 13 มากับระบบปฏิบัติการ Xiaomi HyperOS ซึ่งเป็นเวอร์ชันใหม่ที่มาแทนที่
MIUI เดิม และมีพื้นฐานอยู่บน Android 14 โดยหน้าตาของอินเทอร์เฟซต่าง ๆ
ยังคงคล้ายกับ MIUI ทำให้คนที่เคยใช้ MIUI ในสมาร์ตโฟน XIaomi รุ่นอื่น ๆ
มาก่อนสามารถทำความคุ้นเคยได้ไม่ยาก หรือต่อให้ไม่เคยใช้สมาร์ตโฟน Xiaomi หรือ
Redmi มาก่อนก็ไม่มีปัญหา
สำหรับการประมวลผล Redmi 13 จะใช้ชิปเซ็ต MediaTek Helio G91-Ultra ซึ่งเป็นชิปเซ็ตรุ่นใหม่ที่ปรับปรุงประสิทธิภาพขึ้นมาจากรุ่น G91 โดยยังคงเป็นชิปเซ็ตระดับเริ่มต้นเช่นเดิม รวมทั้งไม่รองรับเครือข่าย 5G
ในการใช้งานจริง MediaTek Helio G91-Ultra สามารถตอบสนองต่อการใช้งานต่าง ๆ ได้เป็นอย่างดี ยังไม่พบอาการแอปเด้ง, หน่วง หรือค้าง แต่อาจมีอาการประมวลผลช้าเมื่อถ่ายภาพหลาย ๆ ภาพติดต่อกัน ส่วนการจัดการพลังงานและความร้อนอยู่ในเกณฑ์ที่ดี
Redmi 13 มาพร้อมกับหน่วยความจำ RAM แบบ LPDDR4X ขนาด 8GB ซึ่งสามารถเพิ่มได้อีก 8GB ผ่านฟีเจอร์ Extended Memory รวมเป็น 16GB ซึ่งเหลือเฟือสำหรับการใช้งานในชีวิตประจำวัน ส่วนพื้นเก็บบันทึกข้อมูลภายใน (ROM) จะอยู่ที่ 128GB ซึ่งถือว่าไม่มากไม่น้อยสำหรับสมาร์ตโฟนระดับกลาง หรือถ้าไม่พอจริง ๆ ก็สามารถใส่การ์ด microSD เพิ่มได้อีกสูงสุด 1TB
หน้าจอของ Redmi 13 มีความสว่างสูงสุด 550 nits ซึ่งอาจยังสู้แสงแดดกลางแจ้งได้ไม่ดีนัก อย่างไรก็ตาม ตัวหน้าจอเป็นจอถนอมสายตาที่ผ่านการรับรองจาก TUV Rheinland ทั้งในเรื่องของแสงสีฟ้าต่ำ (Low Blue Light), ปราศจากการกะพริบ (Flicker Free) และเป็นรบกวนวงจรการนอนหลับต่ำ (Circadian Friendly) จึงเหมาะกับการดูซีรีส์นาน ๆ ที่บ้าน และช่วยลดอาการปวดตาเวลาใช้งานในเวลากลางคืน หรือในห้องที่มีแสงสว่างน้อย
นอกจากนี้ Redmi 13 ยังได้รับการรับรองมาตรฐาน Widevine L1 จึงสามารถดู Netflix, Disney+ และสตรีมมิ่งอื่น ๆ แบบ HD ได้อย่างไม่มีปัญหา
สำหรับผลทดสอบประสิทธิภาพ (Benchmark) บนแอปพลิเคชัน AnTuTu Benchmark จะได้คะแนนรวมอยู่ที่
277,799 คะแนน ส่วนผลจากแอปพลิเคชัน Geekbench 6 จะได้คะแนนอยู่ที่ 410
คะแนนสำหรับการประมวลผลแบบ Single-Core และ 1412 คะแนนสำหรับการประมวลผลแบบ
Multi-Core
ทดสอบประสิทธิภาพด้านการเล่นเกม
Redmi 13 ไม่มีฟีเจอร์สนับสนุนการเล่นเกมอย่าง Game Turbo
เพราะไม่ได้ถูกออกแบบมาเพื่อการเล่นเกมโดยตรง
แต่ประสิทธิภาพการเล่นเกมก็ถือว่าอยู่ในเกณฑ์ที่ดี จากการทดสอบด้วยเกม PUBG
Mobile พบว่าสามารถรันเกมได้อย่างลื่นไหลบนการตั้งค่ากราฟิกระดับกลาง ส่วนเกม
Genshin Impact
ที่ต้องการพลังกราฟิกสูงก็สามารถเล่นได้บนการตั้งค่ากราฟิกระดับต่ำสุด
ซึ่งสามารถปรับกราฟิกให้สูงขึ้นเป็นระดับกลางได้ แต่เกมจะมีเฟรมเรตต่ำ
และกระตุกค่อนข้างบ่อย โดยรวมแล้วเหมาะกับเกมที่มีกราฟิกกลาง ๆ มากกว่า
ส่วนเรื่องความร้อนจะมีการการสะสมความร้อนบริเวณตัวเครื่องใกล้กับกล้องหลัง
แต่ไม่กระจายไปยังตัวเครื่องส่วนอื่น และยังไม่ถึงกับรบกวนการเล่นแต่อย่างใด
แบตเตอรี่ใหญ่ 5,030 mAh และระบบชาร์จไว 33W
หนึ่งในจุดเด่นของ Redmi 13 คือระบบชาร์จไวแบบ 33W ทำให้กลายเป็นสมาร์ตโฟนระดับเริ่มต้นที่ชาร์จไวทันใจ สามารถชาร์จแบตเตอรี่ที่มีความจุ 5,030 mAh ให้เต็ม 100% ได้ภายในเวลา 62 นาที และมีอแดปเตอร์กับสายชาร์จแถมมาให้ในกล่องแล้ว ไม่ต้องซื้อเพิ่ม
ส่วนความอึดของแบตเตอรี่นั้น Redmi 13 สามารถอยู่ได้นานตลอดวันโดยไม่ต้องชาร์จระหว่างวัน เว้นแต่ว่าจะเล่นเกมติดต่อกันเป็นเวลานาน หรือใช้งานหนักจริง ๆ
การใช้งานกล้องสำหรับถ่ายภาพ และวิดีโอ
โหมดรูปถ่าย หรืออัตโนมัติ จะมีปุ่มลัดให้เลือกระยะซูมอย่างรวดเร็ว 2 ระดับ คือ 1x (ปกติ) และ 3x โดยการซูมจะเป็นการซูมแบบ In-Sensor ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่ใช้การขยายภาพจากเซนเซอร์รับภาพโดยตรง แทนที่การใช้เลนส์ ทำให้ภาพถ่ายมีรายละเอียดชัดเจนใกล้เคียงกับการซูมด้วยเลนส์ โดยรุ่นนี้รองรับการซูมแบบ In-Sensor ไกลสุดที่ระยะ 3 เท่า หากปรับระยะซูมเกินกว่านี้จะเป็นการซูมแบบดิจิทัลซึ่งรายละเอียดจะลดลงตามลำดับ โดยสามารถกดค้างบนตัวเลือกการซูมเพื่อปรับระยะซูมได้อย่างอิสระไกลสุด 10 เท่า
นอกจากนี้ยังสามารถเปิดเมนูการตั้งค่าจากด้านบนเพื่อใช้ฟังก์ชันอื่น ๆ ได้ เช่น เอฟเฟกต์เบลอรอบตัวแบบ ซึ่งให้เอฟเฟกต์ที่คล้ายกับการละลายหลังของโหมดพอร์ตเทรต และสามารถเปิดใช้โหมดมาโครได้จากเมนูนี้
โหมดภาพบุคคล สามารถปรับระดับความเบลอได้เพียงอย่างเดียว
ไม่มีเอฟเฟกต์ฟรุ้งฟริ้ง (บิวตี้) หรือฟิลเตอร์ให้ใช้งาน
โหมดกลางคืน เป็นโหมดที่ทำให้การถ่ายภาพเวลากลางคืนมีรายละเอียดมากขึ้น สามารถถ่ายได้ทุกระยะการซูม
โหมด 108MP เป็นการถ่ายภาพแบบเต็มความละเอียดที่ 108MP ทำให้ได้ภาพที่มีความละเอียดสูงมาก แต่จะไม่สามารถซูมได้ และไม่มีลูกเล่นใด ๆ เพิ่มเติม
สำหรับการถ่ายวิดีโอ
ทั้งกล้องหน้า และกล้องหลังสามารถถ่ายวิดีโอได้ที่ความละเอียดสูงสุดระดับ 1080p
(30fps) และเปิดเอฟเฟกต์บิวตี้ได้ ส่วนโหมดวิดีโอเคลื่อนไหวเร็ว
จะเป็นการถ่ายวิดีโอที่เล่นเร็วกว่าปกติประมาณ 70% หากถ่าย 10 วินาที
วิดีโอที่ได้จะมีความยาวเพียง 3 วินาที ซึ่งน่าจะเหมาะกับการถ่ายวิดีโอสั้น ๆ
เพื่อแชร์ในโซเชียลมีเดีย
ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องหลัง
ตัวอย่างภาพถ่ายจากโหมดอัตโนมัติ
ตัวอย่างภาพถ่ายจากโหมดภาพบุคคล
ตัวอย่างภาพถ่ายจากโหมดกลางคืน
ตัวอย่างภาพถ่ายจากโหมดมาโคร
ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องหน้า
ราคา และโปรโมชันของ Redmi 13
สำหรับ Redmi 13 ที่มีวางจำหน่ายในประเทศไทย จะมีเพียงรุ่นความจุเดียวคือ RAM 8GB+ROM 128GB ในราคา 5,499 บาท มีให้เลือก 3 สี ได้แก่ Midnight Black, Ocean Blue และ Pearl Pink โดยจะวางจำหน่ายที่ Xiaomi Store และร้านตัวแทนจำหน่ายที่ร่วมรายการทั่วประเทศ รวมถึงช่องทางออนไลน์ โดยจะวางจำหน่ายในประเทศไทยอย่างเป็นทางการตั้งแต่วันที่ 28 มิถุนายน 2567 เป็นต้นไป
นอกจากนี้ยังมีโปรโมชันพิเศษสำหรับลูกค้าที่ซื้อ Redmi 13 ในระหว่างวันที่ 28 มิถุนายน-31 กรกฎาคม 2567 รับฟรี! Redmi 13 Giftbox Artstory by Autistic Thai มูลค่า 599 บาท
สรุปประสบการณ์หลังใช้งาน Redmi 13
หลังจากที่มีโอกาสได้ใช้งาน Redmi 13 มาระยะหนึ่งก็จะพอจะสรุปได้ว่านี่เป็นอีกหนึ่งสมาร์ตโฟนที่น่าสนใจเป็นพิเศษในช่วงราคา 5-6 พันบาท ด้วยชิปเซ็ต MediaTek Helio G91-Ultra ที่ให้ประสิทธิภาพดีเยี่ยมในการใช้งานทั่วไป ไม่พบปัญหาแอปเด้ง หน่วง หรือค้าง แม้ในบางกรณีการถ่ายภาพติดต่อกันหลายภาพจะมีอาการประมวลผลช้าลงเล็กน้อย แต่การจัดการพลังงานและความร้อนถือว่าอยู่ในเกณฑ์ดี ไม่มีปัญหา
ภายในมาพร้อมกับหน่วยความจำ RAM ขนาด 8GB ซึ่งสามารถขยายได้ถึง 16GB ผ่านฟีเจอร์ Extended Memory ทำให้มี RAM สูงสุด 16GB จึงไม่ต้องกังวลว่า RAM จะไม่พอ เหมาะสำหรับการใช้งานหลากหลาย ส่วนความจุข้อมูลภายใน (ROM) ขนาด 128GB ถือว่าเพียงพอสำหรับการใช้งานทั่วไป แต่หากไม่เพียงพอ ก็สามารถเพิ่มได้อีกสูงสุดถึง 1TB ด้วยการ์ด microSD
ถัดมา หน้าจอ DotDisplay (IPS LCD) ขนาด 6.79 นิ้วของ Redmi 13 มีความสว่างสูงสุดที่ 550 nits แม้การใช้งานกลางแจ้งอาจมีปัญหาเล็กน้อย แต่หน้าจอนี้มีการถนอมสายตาที่ผ่านการรับรองจาก TUV Rheinland ซึ่งรวมถึงการลดแสงสีฟ้า การป้องกันการกะพริบ และการไม่รบกวนวงจรการนอนหลับ ทำให้เหมาะกับการใช้งานในที่แสงน้อย หรือในเวลากลางคืน อย่างการเล่นเกม หรือนอนดูซีรีส์ที่บ้าน
กล้องของ Redmi 13 มีฟีเจอร์ที่ครบครัน แม้จะมีลูกเล่นไม่มาก แต่การถ่ายภาพทำได้อย่างน่าพึงพอใจ ภาพที่ถ่ายมีความคมชัด สีสันสมจริง และมี Dynamic ที่ดี จุดเด่นคือระบบซูมแบบ In-Sensor ที่สามารถซูมได้ถึง 3 เท่าโดยไม่สูญเสียรายละเอียด ส่วนโหมดกลางคืนทำงานได้ดีเมื่อเทียบกับสมาร์ตโฟนในระดับเดียวกัน แต่ทั้งนี้ก็ยังมีจุดที่ต้องพิจารณาอยู่บ้าง คือการวัดแสงที่ยังไม่นิ่ง และระบบ HDR ที่บางครั้งก็ไม่ทำงานตามที่ควร ซึ่งคาดว่าน่าจะเป็นเพราะชิปเซ็ตประมวลผลไม่ทัน
สรุปแล้ว Redmi 13 เป็นสมาร์ตโฟนที่มีดีไซน์สวยงาม ประสิทธิภาพดี เหมาะกับการใช้งานพื้นฐาน และเล่นเกมทั่วไป ด้านการถ่ายภาพแม้จะไม่โดดเด่นมาก แต่ก็ทำได้ดีไม่แพ้สมาร์ตโฟนในระดับราคาเดียวกัน เป็นตัวเลือกที่คุ้มค่าสำหรับผู้ที่มองหาสมาร์ตโฟนที่ใช้งานได้หลากหลาย และราคาไม่แพงครับ
สรุปคุณสมบัติเด่นของ Redmi 13
- ดีไซน์ตัวเครื่องแบบ Stylish Glass Back Design
- ตัวเครื่องมีคุณสมบัติของการทนน้ำ-ทนฝุ่นในระดับ IP53 (ทนต่อน้ำกระเซ็น)
- เซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือที่ด้านข้างตัวเครื่อง (Side Mounted Fingerprint Sensor) พร้อมระบบปลดล็อกด้วยใบหน้า (AI Face Unlock)
----------------------------
- จอแสดงผลแบบ DotDisplay (IPS LCD) ขนาด 6.79 นิ้ว ความละเอียดระดับ FHD+ (2460x1080 พิกเซล : 396 PPI)
- อัตราการรีเฟรช (Refresh Rate) สูงสุดที่ 90Hz
- แสดงผลสีได้ 16.7 ล้านสี (8-bit)
- แสดงผลช่วงสีแบบ NTSC ได้ 70%
- ความสว่างสูงสุด 550 nits
- ฟีเจอร์ DC Dimming
- ค่า Contrast Ratio 1500:1
- ได้รับใบรับรอง TÜV Rheinland Low Blue Light (Hardware Solution), TÜV Rheinland Circadian Friendly และ TÜV Rheinland Flicker Free
- อัตราส่วนหน้าจอแบบ 20.5:9
- ครอบทับด้วยกระจก Corning Gorilla Glass
----------------------------
- ประมวลผลด้วยชิปเซ็ต MediaTek Helio G91-Ultra
- หน่วยประมวลผลกราฟิก (GPU) Mali-G52 MC2
- หน่วยความจำแรม (RAM) แบบ LPDDR4X ขนาด 8GB
- ฟีเจอร์ Memory Extension สำหรับช่วยเพิ่มขนาดหน่วยความจำ RAM เสมือน (Virtual RAM) ได้สูงสุด 8 GB
- หน่วยความจำภายในสำหรับเก็บบันทึกข้อมูล (ROM) แบบ eMMC 5.1 ขนาด 128GB
- รองรับการ์ดหน่วยความจำเสริมแบบ microSD ได้สูงสุดที่ขนาด 1 TB
- ทำงานอยู่บนระบบปฏิบัติการ Android 14 พร้อมครอบทับด้วย Xiaomi HyperOS
-----------------------------
- แบตเตอรี่ความจุ 5030 mAh
- ระบบชาร์จแบตเตอรี่ความเร็วสูงแบบ 33W Fast Charging
- ชาร์จแบตเตอรี่ได้ 50% ภายในเวลา 26 นาที
-----------------------------
กล้องตัวหลักด้านหลัง 2 ตัว (Dual Camera) ประกอบด้วย
- กล้อง Wide (Main) ความละเอียด 108 ล้านพิกเซล พร้อมเซนเซอร์รับภาพขนาด 1/1.67 นิ้ว, เม็ดพิกเซลขนาด 0.64 ไมครอน (1.92 ไมครอน ในแบบ 9-in-1 Binning), รูรับแสงขนาด f1.75, ระบบโฟกัสอัตโนมัติแบบ PDAF, ระบบซูมแบบ 3X In-Sensor Zoom และโครงสร้างแบบ 6 ชิ้นเลนส์
- กล้อง Macro ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล พร้อมรูรับแสงขนาด f2.4
พร้อมไฟแฟลชแบบวงแหวนในตัว (Ring LED Flash) และรองรับการบันทึกวิดีโอที่ความละเอียดสูงสุดระดับ 1080P FHD (30fps)
กล้องด้านหน้าความละเอียด 13 ล้านพิกเซล
พร้อมรูรับแสงขนาด f2.45 และและรองรับการบันทึกวิดีโอที่ความละเอียดสูงสุดระดับ 1080P FHD (30fps)
----------------------------
- เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตผ่านทางระบบ Wi-Fi 802.11 a/b/g/n/ac (2.4/5 GHz), 4G LTE, 3G WCDMA และ 2G EDGE/GPRS
- เชื่อมต่อข้อมูลแบบไร้สายผ่านทาง Bluetooth 5.4
- IR Blaster สำหรับใช้งานเป็นรีโมตควบคุมเครื่องใช้ไฟฟ้า
- ระบบตำแหน่ง และนำทางผ่านระบบดาวเทียม GPS+A-GPS, Glonass, BeiDou และ Galileo
- พอร์ต USB Type-C
- พอร์ตหูฟังขนาด 3.5 มิลลิเมตร
สรุปคุณสมบัติโดยละเอียด (สเปก) และราคา ของ Redmi 13
จุดที่อาจจะต้องพิจารณาเพิ่มเติมของ Redmi 13
- ระบบกล้องมีการวัดแสงที่ไม่เสถียรเท่าที่ควร และโหมดภาพถ่ายบุคคลไม่มีเอฟเฟกต์บิวตี้
- ลำโพงเสียงเป็นแบบเดี่ยว
- ไม่รองรับเครือข่าย 5G
วันที่ : 14/06/2024