รีวิว Redmi 10 2022 | Redmi 10A คู่หูสมาร์ทโฟนสุดคุ้มใหม่ พร้อมจอใหญ่ แบตอึดจุใจ ชาร์จไว กล้องไว้ใจได้ ในราคาเริ่มไม่ถึง 4 พันบาท
8 มิถุนายน 2022 - หากพูดถึงสมาร์ทโฟนที่มีความคุ้มค่าเมื่อเทียบกับคุณสมบัติภายใน หลายท่านน่าจะนึกถึงแบรนด์ Redmi กันเป็นอันดับแรก ๆ ซึ่งล่าสุดนี้ทาง
Redmi
ก็ได้สานต่อความคุ้มค่าอีกครั้งด้วยการนำสองสมาร์ทโฟนระดับเริ่มต้นรุ่นใหม่เข้ามาวางจำหน่ายในประเทศไทยกันเพิ่มเติม ได้แก่ Redmi 10A สมาร์ทโฟนกล้องหลังคู่
พร้อมแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ 5000 mAh และ Redmi 10 2022 ที่พกพาจุดเด่นมากับหน้าจอ
Refresh Rate 90Hz และกล้องหลัง 4 ตัวความละเอียดสูง 50 ล้านพิกเซล
สำหรับ Redmi 10A เรียกได้ว่าพกพาคุณสมบัติที่ตอบโจทย์การใช้งานในชีวิตประจำวันด้วยหน้าจอแสดงผลขนาดใหญ่ 6.53 นิ้ว พร้อมแบตเตอรี่ขนาด 5000 mAh ที่รองรับระบบชาร์จแบบ 10W เพื่อรองรับการชาร์จที่รวดเร็ว และสามารถใช้งานได้ยาวนานตลอดวัน รวมทั้งยังมาพร้อมกับกล้องหลังแบบคู่ ความละเอียด 13+2 ล้านพิกเซลที่มีลูกเล่นการถ่ายภาพให้เลือกใช้มากมาย ด้านประสิทธิภาพการทำงานมาพร้อมกับชิปเซ็ตประมวลผล MediaTek Helio G25 พร้อมเซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือด้านหลังตัวเครื่อง รวมถึงระบบปลดล็อกด้วยใบหน้าแบบ AI Face Unlock
ส่วนทางด้าน Redmi 10 2022 จัดเต็มไปอีกขั้นด้วยหน้าจอแสดงผลแบบ DotDisplay ขนาด 6.5 นิ้วที่มีค่า Refresh Rate ระดับ 90Hz ซึ่งจะทำให้ทุกการแสดงผลจะเป็นไปอย่างลื่นไหลเนียนตา ภายในขับเคลื่อนด้วยชิปเซ็ตประมวลผลซีรีส์เกมมิ่งอย่าง MediaTek Helio G88 พร้อมแบตเตอรี่ 5000 mAh ที่รองรับระบบชาร์จเร็ว 18W และจุดเด่นด้านการถ่ายภาพด้วยกล้องหลังจำนวน 4 ตัว ความละเอียดสูงสุด 50 ล้านพิกเซล พร้อมเลนส์การถ่ายภาพที่ครอบคลุม ตอบโจทย์ผู้ที่ชื่นชอบการถ่ายภาพเป็นอย่างดี
สำหรับตัวเครื่องจริงของ Redmi 10A และ Redmi 10 2022 จะมีความสวยงามเพียงใด และจะมีฟีเจอร์อะไรที่น่าสนใจบ้างนั้น ไปติดตามรีวิวฉบับเต็มจากทีมงาน Thaimobilecenter กันได้เลยครับ
รูปลักษณ์ภายนอกตัวเครื่อง และการออกแบบดีไซน์
Redmi 10A และ Redmi 10 2022
มาพร้อมกับกล่องผลิตภัณฑ์สีขาว
พร้อมพิมพ์ดีไซน์ของทั้งสองรุ่นให้เห็นเด่นชัดมาแต่ไกล
โดยที่ด้านล่างจะมีการพิมพ์ชื่อรุ่นเอาไว้อย่างชัดเจน
สำหรับอุปกรณ์ภายในกล่องของ Redmi 10A ประกอบไปด้วย สายเชื่อมต่อแบบ microUSB, อแดปเตอร์จ่ายไฟที่มีกำลังการจ่ายไฟระดับ 10W, คู่มือประกอบการใช้งานแบบด่วน (Quick Guide), เอกสารการรับประกัน และเข็มถอดถาดใส่ซิมการ์ด
ส่วนอุปกรณ์ภายในกล่องของ Redmi 10 2022
ประกอบไปด้วย สายเชื่อมต่อแบบ USB Type-C,
อแดปเตอร์จ่ายที่มีการกำลังการจ่ายไฟระดับ 22.5W, เคสใส,
คู่มือประกอบการใช้งานแบบด่วน (Quick Guide), เอกสารการรับประกัน
และเข็มถอดถาดใส่ซิมการ์ด
มาดูที่ตัวเครื่องกันบ้าง โดย Redmi 10A นั้นมาพร้อมกับหน้าจอแสดงผลแบบ Dot Drop Display ขนาด 6.53 นิ้ว ความละเอียดระดับ HD+ (1600x720 พิกเซล) ที่มีสัดส่วนในการแสดงผลแบบ 20:9
ที่ด้านบนของหน้าจอแสดงผลมาพร้อมกับกล้องหน้าทรงหยดน้ำ ความละเอียด 5 ล้านพิกเซล พร้อมรูรับแสงขนาด f2.2
ที่ด้านล่างของหน้าจอแสดงผลมาพร้อมกับปุ่มควบคุมแบบสัมผัสบนหน้าจอ ประกอบไปด้วย ปุ่ม Recent Apps สำหรับเรียกดูแอปพลิเคชันที่เปิดใช้งาน, ปุ่ม Home สำหรับย้อนกลับไปยังหน้าโฮมสกรีน และปุ่ม Back สำหรับย้อนกลับ
ที่ด้านซ้ายของตัวเครื่องมาพร้อมกับถาดใส่ซิมการ์ดแบบ Dual SIM + microSD Card ซึ่งรองรับการใช้งานซิมการ์ดแบบ nanoSIM จำนวน 2 ซิมการ์ด และสามารถเพิ่มการ์ดหน่วยความจำเสริมแบบ microSD Card ได้พร้อมกันที่ขนาดสูงสุด 1TB
ที่ด้านบนของตัวเครื่องมาพร้อมกับพอร์ตหูฟังขนาด 3.5 มิลลิเมตร
ที่ด้านขวาของตัวเครื่องประกอบไปด้วย
ปุ่มปรับระดับเสียง และปุ่ม Power สำหรับเปิด-ปิด เครื่อง
ที่ด้านล่างของตัวเครื่องประกอบไปด้วย
ลำโพงเสียงตัวหลัก, พอร์ตเชื่อมต่อแบบ microUSB และไมโครโฟนสำหรับสนทนา
ที่ด้านหลังมาพร้อมกับดีไซน์แบบ Unibody Curved Back Design ซึ่งเป็นฝาหลังขึ้นรูปแบบชิ้นเดียวบนดีไซน์แบบโค้งมนจับได้อย่างกระชับมือ โดยสีที่ทุกท่านได้รับชมกันในรีวิวนี้คือสี Sky Blue
ที่ด้านบนมาพร้อมกับโมดูลกล้องหลังขนาดใหญ่ รวมทั้งยังมีเซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือติดตั้งอยู่บริเวณมุมขวาล่างของโมดูลกล้อง โดยกล้องแต่ละตัวมีรายละเอียดดังนี้
- กล้อง Wide (Main) ความละเอียด 13 ล้านพิกเซล พร้อมเม็ดพิกเซลขนาด 1.0 ไมครอน, รูรับแสงขนาด f2.2 และระบบโฟกัสอัตโนมัติ
- กล้อง Depth ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล พร้อมรูรับแสงขนาด f2.4
มาดูที่ Redmi 10 2022 กันต่อ โดยสมาร์ทโฟนรุ่นนี้มาพร้อมกับหน้าจอแสดงผลแบบ DotDisplay ขนาด 6.5 นิ้ว ความละเอียดระดับ Full HD+ (2400x1080 พิกเซล) ที่มีค่า Refresh Rate ระดับ 90Hz พร้อมฟีเจอร์ AdaptiveSync ที่สามารถปรับค่า Refresh Rate ได้ 3 ระดับ ได้แก่ 45/60/90Hz และ ครอบทับด้วยกระจก Corning Gorilla Glass 3
ที่ด้านบนของหน้าจอแสดงผลมาพร้อมกับกล้องหน้าแบบเจาะรู ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล พร้อมรูรับแสงขนาด f2.2
ที่ด้านล่างของหน้าจอแสดงผลมาพร้อมกับปุ่มควบคุมแบบสัมผัส ประกอบไปด้วย ปุ่ม Recent Apps สำหรับเรียกดูแอปพลิเคชันที่เปิดใช้งาน, ปุ่ม Home สำหรับย้อนกลับไปยังหน้าโฮมสกรีน และปุ่ม Back สำหรับย้อนกลับ
ที่ด้านซ้ายของตัวเครื่องมาพร้อมกับถาดใส่ซิมการ์ดแบบ Hybrid Slot รองรับการใช้งานแบบ 2 ซิมการ์ด และสามารถใส่การ์ดหน่วยความจำแบบ microSD Card ความจุสูงสุด 512GB ได้ที่ช่องเสียบซิมการ์ดที่สอง
ที่ด้านขวาของตัวเครื่องประกอบไปด้วยปุ่มปรับระดับเสียง และปุ่ม Power สำหรับเปิด-ปิด เครื่อง หรือล็อกหน้าจอแสดงผล ที่มีการติดตั้งเซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือไว้ในตัว ช่วยให้วางนิ้วเพื่อปลดล็อกได้อย่างสะดวก
ที่ด้านบนของตัวเครื่องประกอบไปด้วยพอร์ตหูฟังขนาด 3.5 มิลลิเมตร, ลำโพงเสียงตัวบน และไมโครโฟนตัวที่สองสำหรับตัดเสียงรบกวน
ที่ด้านล่างของตัวเครื่องประกอบไปด้วย ลำโพงเสียงตัวล่าง, พอร์ตเชื่อมต่อแบบ USB Type-C และไมโครโฟนสำหรับสนทนา
ที่ด้านหลังของตัวเครื่องมาพร้อมกับบอดี้ที่มาพร้อมกับสีสันตามสไตล์ Radiant and Classy ซึ่งเป็นตัวเลือกสีสันทั้งหมด 2 รูปแบบ ได้แก่ สีด้านแบบ Matte Shade และสีแบบ Vibrant ที่มีการไล่เฉดได้อย่างสวยงาม นอกจากนี้บอดี้ของ Redmi 10 2022 ยังมีความน่าสนใจในเรื่องของความบางเบา ด้วยความบาง 8.92 มิลลิเมตร และน้ำหนักตัวเครื่องราว 181 กรัม ซึ่งจะช่วยให้จับถือได้อย่างสบายมือแม้จะใช้งานเป็นระยะเวลานาน
ที่ด้านบนมาพร้อมกับชุดกล้องถ่ายภาพ 4 ตัวแบบ
AI-CAM Photography System
ซึ่งเรียกได้ว่าเป็นจุดเด่นของสมาร์ทโฟนรุ่นนี้เลยก็ว่าได้
โดยกล้องแต่ละตัวมีรายละเอียดดังนี้
- กล้อง Wide (Main) ความละเอียด 50 ล้านพิกเซล พร้อมรูรับแสงขนาด f1.8 และระบบโฟกัสอัตโนมัติแบบ PDAF
- กล้อง Ultra Wide ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล พร้อมรูรับแสงขนาด f2.2 และมุมรับภาพ 120 องศา
- กล้อง Macro ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล พร้อมรูรับแสงขนาด f2.4
- กล้อง Depth ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล พร้อมรูรับแสงขนาด f2.4
เปิดเครื่องใช้งาน พร้อมการทดสอบฟังก์ชัน และแอปพลิเคชันต่าง ๆ
เนื่องจากฟีเจอร์
ภายในของสมาร์ทโฟนทั้งสองรุ่นมีความคล้ายคลึงกัน
ดังนั้นในบทความนี้จึงจะขอเน้นไปที่รุ่น Redmi 10 2022 เป็นหลัก
สำหรับ Redmi 10A และ Redmi 10 2022 มาพร้อมกับระบบปฏิบัติการ Android เวอร์ชัน 11 ครอบทับด้วย MIUI 12.5
สำหรับแอปพลิเคชันทั้งหมดที่ติดตั้งไว้ในตัว เครื่องจะถูกแสดงผลบนหน้าจอทั้งหมด ทำให้สามารถเลือกใช้งานได้ง่าย และสะดวกเป็นอย่างมาก
ทางด้านแอปพลิเคชันที่ติดตั้งมาในตัวเครื่องจะ ประกอบไปด้วย แอปพลิเคชันพื้นฐานจาก Google เช่น Gmail, Google Maps, YouTube ไปจนถึง Google Photos และแอปพลิเคชันพื้นฐานจาก Xiaomi ไม่ว่าจะเป็น รีโมท Mi สำหรับวบคุมเครื่องใช้ไฟฟ้า, วิทยุ FM หรือ ShareMe ที่ช่วยให้โอนถ่ายไฟล์ระหว่างอุปกรณ์ได้อย่างสะดวก
เมื่อลากนิ้วจากบนลงล่างจะพบกับ Toggles ซึ่งเป็นปุ่มคีย์ลัดสำหรับตั้งค่าตัวเครื่องแบบเร่งด่วน ซึ่งผู้ใช้สามารถจัดเรียงไอคอนคีย์ลัดได้ด้วยตนเองเพียงแตะที่ไอคอนรูปดินสอบริเวณ มุมขวาบน
มาดูที่ลูกเล่นการใช้งานกันบ้าง Redmi 10A และ
Redmi 10 2022 รองรับการใช้งานแบบ 2 ซิมการ์ด
พร้อมรองรับการเชื่อมต่อบนเครือข่าย 4G LTE ทั้งสองซิมการ์ด
สามารถปรับเปลี่ยนการแสดงผลเป็นแบบ Dark
Mode
เพื่อช่วยให้ธีมสีตัวเครื่องอยู่ในโทนสีดำ ใช้งานได้อย่าสบายตา
มาพร้อมกับ Reading Mode ที่จะปรับเปลี่ยนสีสันของการแสดงผลให้อยู่ในโทนอุ่น เหมาะแก่การอ่านคอนเทนต์ต่าง ๆ ผ่านหน้าจอสมาร์ทโฟนได้อย่างสบายตา
สามารถปรับเปลี่ยนโทนสีของการแสดงผลได้ทั้งหมด
3 รูปแบบ ได้แก่ Vivid
สำหรับปรับการแสดงสีสันให้เหมาะสมกับคอนเทนต์ที่กำลังแสดงอยู่, Saturated
สำหรับปรับการแสดงสีสันให้มีความอิ่มตัวของสี และ Standard
สำหรับปรับการแสดงสีสันให้มีความเป็นธรรมชาติ
ในรุ่น Redmi 10 2022 จะสามารถปรับค่า Refresh
Rate ได้ทั้งหมด 2 ระดับ ได้แก่ High สำหรับปรับค่า
Refresh Rate ให้อยู่ในระดับ 90Hz เพื่อช่วยให้การแสดงผลเป็นไปอย่างลื่นไหล
และ Standard สำหรับปรับการแสดงผลให้อยู่ในระดับ 60Hz
เพื่อช่วยประหยัดพลังงาน
Redmi 10A มาพร้อมกับแบตเตอรี่ขนาด 5000mAh
ที่รองรับระบบชาร์จระดับ 10W ส่วนทางด้าน Redmi 10 2022
มาพร้อมกับแบตเตอรี่ขนาด 5000mAh เช่นเดียวกัน
แต่จะรองรับระบบชาร์จเร็วกว่าที่ระดับ 18W พร้อมฟีเจอร์ Reverse
wired charging สำหรับชาร์จแบตเตอรี่ให้กับอุปกรณ์อื่น ๆ
ผ่านทางสายชาร์จ โดยมีกำลังการจ่ายไฟสูงสุดระดับ 10W
โดยทั้งสองรุ่นจะมาพร้อมกับฟีเจอร์ช่วยจัดการการใช้พลังงานแบตเตอรี่
ซึ่งผู้ใช้สามารถปรับการทำงานได้ทั้งหมด 3 ระดับ ได้แก่ Power
ซึ่งจะเน้นไปที่การประหยัดแบตเตอรี่, Balanced
ที่เน้นไปด้านการรักษาสมดุลระหว่างการใช้พลังงานแบตเตอรี่
และประสิทธิภาพการทำงานของตัวเครื่อง และ Performance
ซึ่งจะเน้นไปที่ประสิทธิภาพการทำงานของตัวเครื่องเป็นหลัก
ในรุ่น Redmi 10 2022
จะมาพร้อมกับฟีเจอร์พิเศษอย่าง Game Turbo
ที่จะช่วยรีดประสิทธิภาพการทำงานของตัวเครื่องในระดับสูงให้เหมาะกับการเล่นเกม
Floating windows
สำหรับเปิดใช้งานแอปพลิเคชันแบบหน้าต่างลอยเพียงแค่ลากการแจ้งเตือนจากแอปพลิเคชัน
นั้น ๆ ลงมายังด้านล่างของตัวเครื่อง
Lite mode ที่จะปรับการแสดง
ผลต่าง ๆ ของตัวเครื่องให้มีขนาดใหญ่เป็นพิเศษ
เพื่อช่วยให้ใช้งานได้ง่ายขึ้นนั่นเอง
มาดูที่ประสิทธิภาพการทำงานกันบ้าง Redmi 10A
มาพร้อมกับชิปเซ็ตประมวลผล MediaTek Helio G25 Octa-Core Processor
ที่มีความเร็วในการประมวลผลสูงสุดระดับ 2.0GHz
โดยจะทำงานคู่กับหน่วยประมวลผลกราฟิกแบบ PowerVR8320 พร้อม
หน่วยความจำ RAM แบบ LPDDR4X
และหน่วยความจำภายในแบบ eMMC 5.1 พร้อมระบบปฏิบัติการ Android
11 ครอบทับด้วย MIUI 12.5
ส่วนทางด้าน Redmi 10 2022
ใช้งานชิปเซ็ตประมวลผลซีรีส์เกมมิ่งอย่าง MediaTek Helio G88
Octa-Core Processor ที่มีความเร็วในการประมวลผลระดับ 2.0GHz
โดยทำงานคู่กับหน่วยความจำ
RAM แบบ LPDDR4X ขนาด 4GB
และหน่วยความจำภายในแบบ eMMC ขนาด 128GB
พร้อมระบบปฏิบัติการ Android 11 ครอบทับด้วย MIUI
12.5
ทดสอบการประมวลผลโดยรวมของตัวเครื่องด้วย
แอปพลิเคชัน AnTuTu พบว่า Redmi 10A
สามารถทำคะแนนได้ทั้งหมด 103,154 คะแนน ส่วนทางด้าน Redmi
10 2022 สามารถทำคะแนนได้ทั้งหมด 195,110 คะแนน
ทดสอบการประมวลผลของหน่วยประมวลผลกลาง CPU
ด้วยแอปพลิเคชัน Geekbench 5 พบว่า Redmi 10A
สามารถทำคะแนนการประมวลผลแบบแกนเดี่ยว (Single-Core) ได้ทั้งหมด 131
คะแนน และการประมวลผลแบบหลายแกน (Multi-Core) ได้ทั้งหมด 493
คะแนน
ส่วนทางด้าน Redmi 10 2022
สามารถทำคะแนนการประมวลผลแบบแกนเดี่ยว (Single-Core) ได้ทั้งหมด 319
คะแนน
และการประมวลผลแบบหลายแกน (Multi-Core) ได้ทั้งหมด 1,223
คะแนน
ลองนำไปทดสอบการเล่นเกมกันบ้าง
โดยเกมที่ทีมงานหยิบยกมาทดสอบกับ Redmi 10 2022 ในวันนี้คือ Battlefield
Mobile ที่มีการบริโภคทรัพยากรของตัวเครื่องค่อนข้างมาก ซึ่งก็พบว่า Redmi 10
2022
สามารถเล่นเกมดังกล่าวได้ค่อนข้างลื่นไหลเลยทีเดียวแม้จะเป็นจังหวะที่มีการปะทะ
หรือพบกับศัตรูที่ต้องใช้การประมวลผลกราฟิกระดับสูง
แต่เมื่อเล่นติดต่อกันเป็นเวลานานพบว่าตัวเครื่องจะเริ่มมีอาการสะสมความร้อนให้เห็น
บ้าง ซึ่งเป็นเรื่องปกติของเกมที่มีกราฟิกระดับสูง
ส่วนทางด้าน Redmi 10A
แม้ว่าจะเป็นมือถือรุ่นเล็ก แต่ก็สามารถเล่นเกมออนไลน์ยอดนิยมบนท้องตลาดอย่าง
Call of Duty : Mobile ได้ดีเช่นเดียวกัน
แต่แนะนำให้ปรับกราฟิกอยู่ในระดับเริ่มต้นเพื่อช่วยเพิ่มเฟรมเรท
ซึ่งจะทำให้เกมมีความลื่นไหลมากยิ่งขึ้น
ทดสอบการจับสัญญาณ GPS ในที่โล่งแจ้ง พบว่า
Redmi 10A มีความแม่นยำ +- 1 เมตร ส่วน Redmi 10 2022 มีความแม่นยำ +- 2 เมตร
การใช้งานกล้องสำหรับถ่ายภาพ และวิดีโอ
สำหรับ UI ของกล้องถ่ายภาพทั้งสองรุ่นออกแบบมาให้เน้นใช้งานได้ง่าย และสะดวก แต่แฝงไปด้วยฟีเจอร์การถ่ายภาพที่ครอบคลุมทุกสถานการณ์ โดยแถบด้านบนจะเป็นส่วนของคีย์ลัดสำหรับเปิดใช้งานฟีเจอร์ต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น HDR, AI Camera สำหรับปรับแต่งภาพถ่ายให้มีความสวยงามแบบอัตโนมัติ, Filters สำหรับปรับเปลี่ยนโทนสีของภาพถ่าย ไปจนถึง Google Lens ที่จะช่วยให้ผู้ใช้ค้นหาข้อมูลสิ่งของที่อยู่ตรงหน้าได้อย่างง่าย ๆ เพียงแค่ยกกล้องส่องเท่านั้น โดยในรุ่น Redmi 10 2022 จะมีปุ่มควบคุมเพื่อสลับระยะการถ่ายภาพได้อย่างรวดเร็วทั้งหมด 3 ระดับ ได้แก่ 0.6x สำหรับถ่ายภาพมุมกว้าง, 1x สำหรับถ่ายภาพในระยะปกติ และ 2x สำหรับถ่ายภาพในระดับซูม 2 เท่า
รองรับการเปิดใช้งานโหมด Beauty และรองรับเปิดใช้งานฟิลเตอร์เพื่อปรับเปลี่ยนโทนสีของภาพถ่าย
ในส่วนของโหมดถ่ายภาพของทั้งสองรุ่นมาพร้อมกับ
โหมด Portrait สำหรับถ่ายภาพแบบหน้าชัดหลังเบลอ โดยในรุ่น Redmi 10 2022
จะสามารถปรับระดับของการเบลอแบบจำลองค่ารูรับแสงได้ตั้งแต่ F1.0 - F16
นอกจากนี้ยังมาพร้อมกับโหมดการถ่ายภาพอื่น ๆ
ที่น่าสนใจอย่าง โหมด Night สำหรับถ่ายภาพกลางคืนที่มีความสว่างคมชัด, Short
Video สำหรับถ่ายวิดีโอแบบสั้นพร้อมใส่ Transition
และเสียงดนตรีให้แบบอัตโนมัติ หรือจะเป็นการถ่ายวิดีโอแบบ Time-lapse
โดยในรุ่น Redmi 10 2022 จะมีฟีเจอร์การถ่ายภาพเพิ่มเติมนั่นก็คือ 50M
สำหรับถ่ายภาพเต็มความละเอียด 50 ล้านพิกเซล เหมาะสำหรับนำไปคร็อปเฉพาะส่วน
และการถ่ายวิดีโอแบบ Slow motion
ในส่วนของการถ่ายวิดีโอด้วยกล้องหลัง รองรับการบันทึกภาพที่ความละเอียดสูงสุด 1080P บนเฟรมเรท 30FPS
พร้อมรองรับการเปิดใช้งานฟิลเตอร์เพื่อปรับ เปลี่ยนโทนสีของวิดีโอ และรองรับการเปิดใช้งานฟีเจอร์ Beauty เพื่อปรับแต่งใบหน้าให้มีความสวยงามเป็นธรรมชาติ
มาดูที่กล้องหน้ากันบ้างโดยในโหมดปกติผู้ใช้ สามารถเปิดใช้งานฟีเจอร์ HDR เพื่อช่วยให้ถ่ายภาพย้อนแสงได้ดียิ่งขึ้น
พร้อมรองรับการเปิดใช้งานฟีเจอร์ Beauty
สำหรับปรับแต่งใบหน้าให้สวยงามได้อย่างละเอียด
ทั้งสองรุ่นมาพร้อมกับโหมดถ่ายภาพหน้าชัดหลัง เบลอ (Portrait) เช่นเดียวกัน โดยในรุ่น Redmi 10 2022 จะสามารถปรับระดับการเบลอแบบจำลองค่ารูรับแสงได้ตั้งแต่ F1.0 - F16
ในส่วนของการถ่ายวิดีโอด้วยกล้องหน้า
รองรับการบันทึกไฟล์ที่ความละเอียดสูงสุด 1080P บนเฟรมเรม 30FPS
พร้อมรองรับการเปิดใช้งานฟีเจอร์ Beauty รวมถึงฟิลเตอร์
ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องหลัง 2 ตัว (Dual
Camera) ความละเอียดระดับ 13+2 ล้านพิกเซลของ Redmi 10A
ภาพถ่ายจากกล้องตัวหลัก
ภาพถ่ายจากโหมด Night
ภาพถ่ายจากโหมด Portrait
ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องหน้า ความละเอียด 5
ล้านพิกเซลของ Redmi 10A
ภาพถ่ายจากโหมดปกติ
ภาพถ่ายจากโหมดปกติ พร้อมเปิดใช้งานฟีเจอร์ Beauty
ภาพถ่ายจากโหมด Portrait
ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องหลัง 4 ตัว (AI-CAM Photography System) ความละเอียดระดับ 50+8+2+2 ล้านพิกเซล ของ Redmi 10 2022
ภาพถ่ายจากกล้องตัวหลัก
ภาพถ่ายจากกล้อง Ultra-Wide
ภาพถ่ายจากโหมด Night
ภาพถ่ายจากโหมด Portrait
ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องหน้า ความละเอียด 8 ล้านพิกเซลของ Redmi 10 2022
ภาพถ่ายจากโหมดปกติ
ภาพถ่ายจากโหมดปกติพร้อมเปิดฟีเจอร์ Beauty
ภาพถ่ายจากโหมด Portrait
สรุปผลการทดสอบของ Redmi 10A | Redmi 10
2022
เรียกได้ว่าเป็นคู่หูสมาร์ทโฟนรุ่นเริ่มต้นน้องใหม่ที่น่าสนใจเลยทีเดียว สำหรับ Redmi 10A และ Redmi 10 2022 ซึ่งมาพร้อมกับคุณสมบัติครบเครื่องทุกการใช้งาน ในราคาที่คุ้มค่า โดยในรุ่น Redmi 10A ชูจุดเด่นมากับแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ 5000 mAh เพื่อรองรับการใช้งานที่ยาวนานตลอดวัน พร้อมหน้าจอแสดงผลขนาดใหญ่เต็มตา 6.53 นิ้ว แบบ Dot Drop Display บนบอดี้โค้งมนขึ้นรูปเป็นชิ้นเดียวแบบ Unibody Curved-Back Design ที่ช่วยให้จับถือได้อย่างกระชับมือ ด้านประสิทธิภาพการทำงานถือว่าตอบโจทย์การใช้งานทั่วไป ด้วยชิปเซ็ตประมวลผล MediaTek Helio G25 พร้อมหน่วยความจำ RAM ขนาด 3GB และหน่วยความจำภายใน (ROM) ขนาด 64GB ที่สามารถเพิ่มการ์ดหน่วยความจำเสริมภายนอกได้ที่ความจุสูงสุด 1TB ซึ่งจะช่วยให้ผู้ใช้สามารถเก็บไฟล์ได้อย่างจุใจ นอกจากนี้ยังมาพร้อมกับกล้องหลังคู่ความละเอียด 13+2 ล้านพิกเซล ที่มีโหมดการถ่ายภาพ Portrait ที่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถถ่ายภาพหน้าชัดหลังเบลอได้อย่างสวยงาม
ในส่วนของ Redmi 10 2022 ก็เป็นสมาร์ทโฟนที่อัปเกรดฟีเจอร์ขึ้นอีกหลายส่วนเพื่อตอบโจทย์การใช้งานไปอีกขั้น ด้วยหน้าจอแสดงผลแบบ DotDisplay ขนาด 6.5 นิ้ว ความละเอียดระดับ Full HD+ ที่มีค่า Refresh Rate ระดับ 90Hz ที่ใช้งานได้อย่างลื่นไหลเนียนตา รวมทั้งยังมาพร้อมกับเทคโนโลยี AdaptiveSync ที่สามารถปรับค่า Refresh Rate ให้เหมาะสมกับคอนเทนต์แบบอัตโนมัติ พร้อมเร็วแรงทุกการใช้งานด้วยชิปเซ็ตประมวลผลซีรีส์เกมมิ่งอย่าง MediaTek Helio G88 ทำงานคู่กับหน่วยความจำ RAM ขนาด 4GB ผสานหน่วยความจำภายใน (ROM) ขนาด 128GB พร้อมแบตเตอรี่ขนาด 5000 mAh ที่รองรับระบบชาร์จเร็วระดับ 18W และที่สำคัญคือมีชุดกล้องหลัง 4 ตัว ความละเอียดสูงสุด 50 ล้านพิกเซล ที่รองรับการถ่ายได้แทบทุกระยะ กับลำโพงเสียงแบบคู่ที่ช่วยเสริมอรรถรสให้กับคอนเทนต์ด้านความบันเทิงได้เป็นอย่างดี
สำหรับ Redmi 10A เปิดราคาวางจำหน่ายในประเทศไทยแล้วเพียง 3,999 บาท โดยมีให้เลือกรุ่นความจุเดียวคือรุ่น RAM 3GB + ROM 64GB ส่วนทางด้าน Redmi 10 2022 มากับรุ่นความจุ RAM 4GB + ROM 128GB ในราคา 5,699 บาท โดยทั้งสองรุ่นวางจำหน่ายแล้ววันนี้ที่ Xiaomi Store และร้านค้าตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศ
สุดท้ายนี้ ต้องขอขอบคุณทาง Redmi ประเทศไทย ที่ให้ความไว้วางใจส่งเครื่อง Redmi 10A และ Redmi 10 2022 มาให้ทางทีมงานได้ทำการรีวิวให้ท่านผู้อ่านได้รับชมกัน สำหรับวันนี้ต้องขอลาไปก่อน แล้วพบกันได้ใหม่ในโอกาสหน้า สวัสดีครับ
จุดเด่นของ Redmi 10A
- ดีไซน์ตัวเครื่องเบาบางด้วยสัดส่วน 164.9x77x9.0 มิลลิเมตร
และน้ำหนักตัวเครื่องเพียง 194 กรัม
- บอดี้โค้งมนแบบ Unibody Curved Back Design
- หน้าจอแสดงผลแบบ DotDrop Display (IPS LCD) ขนาด 6.53 นิ้ว ความละเอียดระดับ HD+
(1600x720 พิกเซล) พร้อมอัตราส่วนในการแสดงผลแบบ 20:9
- ประมวลผลด้วยชิปเซ็ต MediaTek Helio G25
- หน่วยประมวลผลกราฟิก (GPU) แบบ PowerVR GE8320
- หน่วยความจำแรม (RAM) แบบ LPDDR4x ขนาด 3GB
- หน่วยความจำภายใน (ROM) แบบ eMMC 5.1 ขนาด 64GB
- รองรับการเพิ่มการ์ดหน่วยความจำเสริมแบบ microSD Card ได้สูงสุดที่ขนาด 1TB
- แบตเตอรี่ความจุ 5000 mAh พร้อมระบบชาร์จแบตเตอรี่ความเร็วสูงแบบ 10W Fast Charging
- ทำงานอยู่บนระบบปฏิบัติการ Android 11 พร้อมครอบทับด้วย MIUI 12.5
------------------------------------------------
กล้องดิจิทัลด้านหลัง 2 ตัว (Dual Camera) ประกอบด้วย
> กล้อง Wide (Main) ความละเอียด 13 ล้านพิกเซล พร้อมเม็ดพิกเซลขนาด 1.0 ไมครอน, รูรับแสงขนาด f2.2 และระบบโฟกัสอัตโนมัติ
> กล้อง Depth ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล พร้อมรูรับแสงขนาด f2.4
- โหมดการถ่ายภาพแบบ Night
สำหรับถ่ายภาพกลางคืนได้อย่างคมชัดโดยไม่ต้องใช้ขาตั้งกล้อง
- โหมดการถ่ายภาพแบบ Portrait สำหรับถ่ายภาพบุคคลแบบหน้าชัดหลังเบลอ
- ฟังก์ชัน AI Camera สำหรับใช้ปัญญาประดิษฐ์วิเคราะห์ฉาก และวัตถุ
เพื่อประมวลผลภาพถ่ายให้มีความสวยงามแบบอัตโนมัติ
- รองรับการถ่ายวิดีโอที่ความละเอียดสูงสุดระดับ 1080P FHD (30 fps)
กล้องดิจิทัลด้านหน้า ความละเอียด 5 ล้านพิกเซล
พร้อมรูรับแสงขนาด f2.2 และรองรับการบันทึกวิดีโอที่ความละเอียดสูงสุดระดับ 1080P FHD (30 fps)
------------------------------------------------
- เซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือที่ด้านหลังตัวเครื่อง (Rear Fingerprint Sensor) พร้อมระบบปลดล็อกด้วยใบหน้า (AI Face Unlock)
- เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตผ่านทางระบบ Wi-Fi, 4G LTE, 3G WCDMA และ 2G EDGE/GPRS
- รองรับการใช้งานระบบซิมคู่ (Dual SIM : Nano SIM + Nano SIM)
- ระบุตำแหน่ง และนำทางด้วยระบบดาวเทียม GPS+A-GPS, Glonass และ BeiDou
- เชื่อมต่อข้อมูลแบบไร้สายผ่านทาง Bluetooth 5.0
- พอร์ตเชื่อมต่อแบบ Micro USB
- พอร์ตหูฟังขนาด 3.5 มิลลิเมตร
- ราคา 3,999 บาท ถือว่าคุ้มค่าเมื่อเทียบกับคุณสมบัติโดยรวม
จุดเด่นของ Redmi 10 2022
- ดีไซน์ตัวเครื่องเบาบางด้วยสัดส่วน 161.95x75.53x8.92 มิลลิเมตร
และน้ำหนักตัวเครื่องเพียง 181 กรัม
- หน้าจอแสดงผลแบบ DotDisplay ขนาด 6.5 นิ้ว ความละเอียดระดับ FHD+
(2400x1080 พิกเซล) พร้อมอัตราการรีเฟรช (Refresh Rate) สูงสุดที่ 90Hz, ระบบ AdaptiveSync (45/60/90Hz) และครอบทับด้วยกระจก
Gorilla Glass 3
- ประมวลผลด้วยชิปเซ็ต MediaTek Helio G88
- หน่วยประมวลผลกราฟิก (GPU) Mali-G52 MC2
- หน่วยความจำแรม (RAM) แบบ LPDDR4x ขนาด 4GB
- หน่วยความจำภายใน (ROM) แบบ eMMC 5.1 ขนาด 128GB
- รองรับการเพิ่มการ์ดหน่วยความจำเสริมแบบ microSD Card ได้สูงสุดที่ขนาด 512GB
- แบตเตอรี่ความจุ 5000 mAh พร้อมระบบชาร์จแบตเตอรี่ความเร็วสูงแบบ 18W Fast Charging และระบบชาร์จแบตเตอรี่ย้อนกลับแบบ 9W Reverse Wired Charging
- ทำงานอยู่บนระบบปฏิบัติการ Android 11 พร้อมครอบทับด้วย MIUI 12.5
------------------------------------------
กล้องดิจิทัลด้านหลังทั้งหมด 4 ตัว (AI-CAM PHOTOGRAPHY SYSTEM) ประกอบด้วย
> กล้อง Wide (Main) ความละเอียด 50 ล้านพิกเซล พร้อมรูรับแสงขนาด f1.8 และระบบโฟกัสอัตโนมัติแบบ PDAF
> กล้อง Ultra Wide ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล พร้อมรูรับแสงขนาด f2.2 และมุมรับภาพ 120 องศา
> กล้อง Macro ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล พร้อมรูรับแสงขนาด f2.4
> กล้อง Depth ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล พร้อมรูรับแสงขนาด f2.4
- โหมดการถ่ายภาพแบบ Night
สำหรับถ่ายภาพกลางคืนได้อย่างคมชัดโดยไม่ต้องใช้ขาตั้งกล้อง
- โหมดการถ่ายภาพแบบ Portrait สำหรับถ่ายภาพบุคคลแบบหน้าชัดหลังเบลอ
- ฟังก์ชัน AI Camera สำหรับใช้ปัญญาประดิษฐ์วิเคราะห์ฉาก และวัตถุ
เพื่อประมวลผลภาพถ่ายให้มีความสวยงามแบบอัตโนมัติ
- รองรับการถ่ายวิดีโอที่ความละเอียดสูงสุดระดับ 1080P FHD (30 fps)
กล้องดิจิทัลด้านหน้า ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล
พร้อมรูรับแสงขนาด f2.0 และรองรับการบันทึกวิดีโอที่ความละเอียดสูงสุดระดับ 1080P FHD (30 fps)
-----------------------------------------
- ลำโพงเสียงแบบคู่ (Dual Speakers)
- เซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือที่ด้านข้างตัวเครื่อง (Side Mounted Fingerprint Sensor) พร้อมระบบปลดล็อกด้วยใบหน้า (AI Face Unlock)
- เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตผ่านทางระบบ Wi-Fi, 4G LTE, 3G WCDMA และ 2G EDGE/GPRS
- รองรับการใช้งานระบบซิมคู่ (Dual SIM : Nano SIM + Nano SIM)
- ระบุตำแหน่ง และนำทาง ผ่านระบบดาวเทียม GPS+A-GPS, Glonass, Galileo และ BeiDou
- เชื่อมต่อข้อมูลแบบไร้สายผ่านทาง Bluetooth 5.1, IR Blaster และ NFC
- พอร์ตเชื่อมต่อแบบ USB Type-C
- พอร์ตหูฟังขนาด 3.5 มิลลิเมตร
- ราคา 5,699 บาท ถือว่าคุ้มค่าเมื่อเทียบกับคุณสมบัติโดยรวม
จุดที่อาจจะต้องพิจารณาเพิ่มเติมของ
Redmi 10A
- พอร์ตเชื่อมต่อเป็นแบบ Micro USB ไม่ใช่ USB Type-C
- แบตเตอรี่รองรับกำลังไฟสำหรับการชาร์จสูงสุดเพียง 10W
- ไม่มีกล้องมุมกว้างพิเศษ (Ultra Wide)
- ไม่รองรับการใช้งานกับระบบเครือข่าย 5G
จุดที่อาจจะต้องพิจารณาเพิ่มเติมของ
Redmi 10 2022
- ไม่รองรับการใช้งานกับระบบเครือข่าย 5G
สรุปคุณสมบัติเครื่อง
ท่านสามารถตรวจสอบคุณสมบัติ (สเปก) และราคา ของ Redmi 10 2022 และ Redmi 10A ได้โดยการคลิกที่ลิงก์ด้านล่างนี้
สรุปคุณสมบัติ (สเปก) และราคา ของ Redmi 10 2022
สรุปคุณสมบัติ (สเปก) และราคา ของ Redmi 10A
โปรดทราบ
* โทรศัพท์มือถือที่ท่านเห็นในบทความรีวิวนี้เป็นเพียงเครื่องทดสอบจากทางผู้ผลิต เพราะฉะนั้นคุณสมบัติบางอย่างอาจมีความแตกต่างจากเครื่องที่วางจำหน่ายจริงบ้างไม่มากก็น้อย รวมถึงจุดด้อยบางประการที่พบในเครื่องทดสอบ อาจจะถูกแก้ไขปรับปรุงให้ดีขึ้นในเครื่องที่วางจำหน่ายจริง ดังนั้นหากท่านสนใจซื้อโทรศัพท์มือถือรุ่นนี้ ควรตรวจสอบ หรือทดลองใช้งานสินค้าด้วยตนเองอีกครั้งหนึ่ง *
วันที่ : 08/06/2022