รีวิว POCO F6 Pro แรงจัดระดับเรือธงในราคาสุดคุ้ม ด้วยจอตัวท็อป ชิป Snapdragon 8 Gen 2 พลังชาร์จ 120W จุสูงสุด 1TB และกล้องถ่ายสวย บนดีไซน์พรีเมียม กับค่าตัวเริ่มเพียง 15,990 บาท
เรียกว่ากำลังมีกระแสตอบรับที่ดีมากในบ้านเราสำหรับ POCO F6 และ POCO F6 Pro ที่เพิ่งได้เปิดตัวในไทยไปสด ๆ ร้อน ๆ เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา ซึ่งก็มากับคุณสมบัติที่แรงคุ้มค่าจัดเต็มไม่เสียชื่อ POCO โดยเฉพาะรุ่นท็อปอย่าง POCO F6 Pro ที่สามารถวัดกับตัวท็อป ๆ ของค่ายอื่นได้สบาย ๆ และที่สำคัญคือมาในราคาสะเทือนวงการ เริ่มต้นเพียงแค่ 15,990 บาท เท่านั้น เล่นเอาตลาดแทบแตกกันเลยทีเดียว
POCO F6 Pro เป็นสมาร์ตโฟนที่น่าสนใจสำหรับผู้ใช้งานทุกระดับ เริ่มด้วยหน้าจอระดับไฮเอนด์แบบ WQHD+ Flow AMOLED DotDisplay ขนาด 6.67 นิ้ว ที่แสดงผลสีได้มากถึง 68 พันล้านสี (12-bit) กับความสว่างสูงสุดที่มากถึง 4000 nits และมีอัตราการรีเฟรชสูงสุดที่ระดับ 120Hz กล่าวคือเป็นหน้าจอที่แสดงผลได้ดีเยี่ยมไม่แพ้สมาร์ตโฟนเรือธงตัวท็อปราคาหลายหมื่นเลยก็ว่าได้
ต่อมาความเร็วแรงด้านการประมวลผลก็สามารถดวลกับสมาร์ตโฟนราคาแพงได้แทบทุกรุ่น ด้วยชิปเซ็ตตัวท็อปของค่าย Qualcomm อย่าง Snapdragon 8 Gen 2 พร้อมหน่วยความจำ RAM แบบ LPDDR5X สูงสุด 16GB อีกทั้งพื้นที่เก็บบันทึกข้อมูล (ROM) แบบ UFS 4.0 ก็มีให้เลือกสูงสุดถึงขนาด 1TB เลยทีเดียว
ไม่เพียงเท่านั้น ความเร็วของการชาร์จแบตเตอรี่ก็แรงจัดในระดับหัวแถวด้วยกำลังไฟที่มากถึง 120W (120W HyperCharge) อีกทั้งยังมีอะแดปเตอร์แบบ 120W แถมมาให้พร้อมใช้งานโดยไม่ต้องไปเสียเงินซื้อเพิ่ม
นอกจากนี้ก็ยังมาพร้อมกับคุณสมบัติในด้านอื่น ๆ ที่น่าสนใจ ไม่ว่าจะเป็นชุดกล้องหลัง 3 ตัวความละเอียดสูงสุด 50 ล้านพิกเซล ที่ถ่ายภาพได้สวยทุกสภาพแสงด้วยเซนเซอร์รับภาพ Light Fusion 800 กับระบบป้องกันการสั่นแบบ OIS พร้อมรองรับการบันทึกวิดีโอที่ความละเอียดสูงสุดถึงระดับ 8K, ลำโพงเสียงแบบคู่ พร้อมระบบเสียง Dolby Atmos, ฟีเจอร์ AI (AIGC) ที่ช่วยเสริมความชาญฉลาดของการใช้งานให้เข้ากับยุคสมัย, ระบบระบายความร้อนแบบ LiquidCool 4.0 กับ IceLoop System และอื่น ๆ อีกมากมาย
ด้วยคุณสมบัติระดับนี้ กับราคาที่คุ้มค่ากว่าใคร ดูแล้ว POCO F6 Pro รุ่นนี้ก็น่าตรงใจใครหลาย ๆ คน โดยเฉพาะเหล่าเกมเมอร์ที่ต้องการมือถือแรง ๆ จอสวย ๆ ไว้เล่นเกม และในรีวิวนี้เราจะพาทุกท่านมาสำรวจความสามารถต่างๆ ของ POCO F6 Pro ไปพร้อม ๆ กันครับ
ดีไซน์ภายนอก และอุปกรณ์ภายในกล่อง
POCO F6 Pro มาพร้อมหน้าจอ Flow AMOLED DotDisplay ขนาด 6.67 นิ้ว ขอบจอบางเฉียบ ความละเอียด 3200x1440 พิกเซล (WQHD+) ที่แสดงผลสีได้มากถึง 68 พันล้านสี (ความลึกสี 12-bit) พร้อมอัตราการรีเฟรช 120Hz และรองรับการแสดงผลคอนเทนต์แบบ HDR10+ กับ Dolby Vision อีกทั้งมีความสว่างสูงสุดถึง 4000 nits จึงสู้แสงแดดกลางแจ้งได้สบาย ส่วนกล้องหน้าที่ขอบด้านบนนั้นมีความละเอียดอยู่ที่ 16 ล้านพิกเซล ด้วยเซนเซอร์รับภาพ OmniVision OV16A ขนาด 1/3.1 นิ้ว พร้อมรูรับแสงขนาด f2.4 นอกจากนี้ก็ยังมีเซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือแบบฝังใต้หน้าจอ (Optical In-Screen Fingerprint Sensor) พร้อมฟีเจอร์ AI Face Unlock มาให้ใช้งานด้วย
ตัวเครื่องด้านหลังของ POCO F6 Pro มีลวดลายที่ได้แรงบันดาลใจมาจากพื้นผิวของดวงจันทร์ และเป็นผิวสัมผัสแบบด้าน ลดการเกิดคราบมัน และรอยนิ้วมือ ตัวเครื่องล้อมด้วยเฟรมโลหะ ให้ความรู้สึกในการจับถือที่ทะมัดทะแมง และแข็งแรงทนทาน มาพร้อมกล้องหลัง 3 ตัว จัดวางในโมดูลสี่เหลี่ยมขนาดใหญ่ สำหรับเครื่อง POCO F6 Pro ที่เรานำมารีวิวนี้เป็นสีดำ (Black)
ดีไซน์ของชุดกล้องหลัง 3 ตัว (Triple Camera) จะเป็นแบบกรอบกระจกโค้งมน พร้อมวงแหวนทองตัดกับตัวเครื่องสีดำ ทำให้ดูโดดเด่นขึ้นมา โดยกล้องแต่ละตัวมีคุณสมบัติดังนี้
- กล้อง Wide (Main) ความละเอียด 50 ล้านพิกเซล พร้อมเซนเซอร์รับภาพ Light Fusion 800 (OmniVision OVX8000) ขนาด 1/1.55 นิ้ว, เม็ดพิกเซลขนาด 2.0 ไมครอน (4-in-1 Super Pixel), รูรับแสงขนาด f1.6, ทางยาวโฟกัส 24 มิลลิเมตร, เทคโนโลยี Dual Native ISO Fusion Max, ระบบโฟกัสอัตโนมัติแบบ Multi-Directional PDAF, ระบบป้องกันการสั่นแบบ OIS และโครงสร้างแบบ 6 ชิ้นเลนส์
- กล้อง Ultra Wide ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล พร้อมเซนเซอร์รับภาพ Sony IMX355 ขนาด 1/4.0 นิ้ว, เม็ดพิกเซลขนาด 1.12 ไมครอน, รูรับแสงขนาด f2.2, ทางยาวโฟกัส 16 มิลลิเมตร และมุมรับภาพ 119°
- กล้อง Macro ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล พร้อมเซนเซอร์รับภาพ GalaxyCore GC02M1 ขนาด 1/5.0 นิ้ว, เม็ดพิกเซลขนาด 1.75 ไมครอน, รูรับแสงขนาด f2.4 และทางยาวโฟกัส 25 มิลลิเมตร
ตัวเครื่องมีน้ำหนักอยู่ที่ 209 กรัม กับความหนาที่ 8.21 มิลลิเมตร โดยกรอบด้านข้างตัวเครื่องเป็นดีไซน์แบบสันแบน ที่ด้านซ้ายไม่มีปุ่ม หรือพอร์ตใด ๆ ส่วนด้านขวามีปุ่มปรับระดับเสียง และปุ่มพาวเวอร์
ด้านบนมีไมโครโฟนตัดเสียงรบกวน และ IR Blaster ส่วนด้านล่างมีพอร์ต USB Type-C, ลำโพงเสียง และช่องถาดใส่ซิมการ์ด
ถาดใส่ซิมการ์ดเป็นแบบซิมคู่ (Dual SIM : Nano SIM + Nano SIM) แต่ไม่รองรับการใส่การ์ดหน่วยความจำแบบ microSD หรือแบบอื่น ๆ
ส่วนอุปกรณ์ภายในกล่องก็ใส่มาให้แบบครบ ๆ ประกอบไปด้วยตัวเครื่อง, อะแดปเตอร์ชาร์จแบตเตอรี่แบบ 120W, สาย USB Type-C, เข็มถอดถาดซิมการ์ด, เคสซิลิโคน, คู่มือการใช้งานแบบด่วน, ใบรับประกัน และคู่มือความปลอดภัย
ประสิทธิภาพ และระบบพื้นฐาน
POCO F6 Pro มากับระบบปฏิบัติการ Xiaomi HyperOS ซึ่งเป็นเวอร์ชันใหม่ที่มาแทนที่ MIUI เดิม โดยมีพื้นฐานอยู่บน Android 14 หน้าตาของอินเทอร์เฟซต่าง ๆ ยังคงคล้ายกับ MIUI ทำให้คนที่เคยใช้ MIUI ในสมาร์ตโฟน XIaomi รุ่นอื่น ๆ มาก่อนสามารถทำความคุ้นเคยได้ไม่ยาก หรือต่อให้ไม่เคยใช้สมาร์ตโฟน Xiaomi หรือ Redmi มาก่อนก็ไม่มีปัญหา
สำหรับการประมวลผล POCO F6 Pro จะใช้ชิปเซ็ต Snapdragon 8 Gen 2 ซึ่งเป็นชิปเรือธงระดับท็อปเจเนอเรชันที่แล้ว (ปัจจุบันคือ Gen 3) ความแรง และการจัดการพลังงานอาจจะไม่เท่ารุ่นล่าสุด แต่ก็ยังมีประสิทธิภาพสูงมากอยู่ดีเมื่อเทียบกับสมาร์ตโฟนในปัจจุบัน นอกจากนี้ POCO F6 Pro ยังเลือกใช้หน่วยความจำ RAM แบบ LPDDR5X และ ROM แบบ UFS 4.0 ซึ่งเป็นมาตรฐานใหม่ล่าสุด และมีความเร็วในการอ่าน-เขียนข้อมูลสูงกว่า LPDDR4X หรือ UFS 3.1 ที่นิยมใช้กันในตลาด
ทั้งนี้ POCO F6 Pro ที่นำมารีวิวเป็นรุ่น RAM 16GB+ROM 1TB
จากการทดลองใช้งานจริง พบว่าตัวเครื่องมีการทำงานที่ลื่นไหลไม่ผิดหวัง ยังไม่พบปัญหาแอปพลิเคชันเด้งออก หรือค้าง และยังไม่พบบั๊กอื่น ๆ ให้ความรู้สึกในการใช้งานที่ดี หน้าจอแสดงผลคมชัด สีสันสดใส ตามคุณลักษณะของจอแบบ AMOLED และมีความสว่างมากพอที่จะสู้แดดกลางแจ้งได้ เหมาะกับการดูหนังมาก ๆ โดยได้รับรองมาตรฐาน Widevine L1 จึงสามารถดู Netflix, Disney+ และสตรีมมิ่งอื่น ๆ แบบ HD ได้ โดยรวมแล้วเรื่องการใช้งานทั่วไปถือว่าสอบผ่าน และให้ประสิทธิภาพที่เหมือนกับมือถือเรือธงเลยทีเดียว
สำหรับผล Benchmark บนแอปพลิเคชัน AnTuTu Benchmark จะได้คะแนนรวมอยู่ที่
1,602,945 คะแนน ส่วนผลจากแอปพลิเคชัน Geekbench 6 จะได้คะแนนอยู่ที่ 1417
คะแนนสำหรับการประมวลผลแบบ Single-Core และ 5146 คะแนนสำหรับการประมวลผลแบบ
Multi-Core
ทดสอบประสิทธิภาพด้านการเล่นเกม
ด้านการเล่นเกม POCO F6 Pro จะมีตัวช่วยสนับสนุนการเล่นเกมที่เรียกว่า Game Turbo ซึ่งจะช่วยเรื่องการจัดการทรัพยากรของตัวเครื่องขณะเล่นเกม รวมถึงตัวเลือกในการตั้งค่าอื่น ๆ เช่นล็อกความสว่างหน้าจอ หรือการแจ้งเตือน เป็นต้น เมื่อมีการติดตั้งเกมใหม่ เกมจะเข้ามาอยู่ใน Game Turbo โดยอัตโนมัติ แต่หากไม่มาเราก็สามารถเพิ่มเกมเข้า Game Turbo ด้วยตัวเองได้เช่นกัน
ขณะเล่นเกม เราสามารถเรียกฟีเจอร์ของ Game Turbo ออกมาได้โดยการปัดที่มุมซ้ายบนของจอ ซึ่งจะมีทางลัดฟังก์ชั่นต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นการล้างหน่วยความจำ, จับสกรีนช็อต, อัดวิดีโอการเล่น, ปรับความสว่างแบบด่วน และอื่น ๆ พร้อมทั้งแสดงค่า FPS ในเกมแบบ Real-time
เราสามารถสลับไปใช้โหมด Wild Boost เพื่อเร่งการทำงานของตัวเครื่องให้สูงขึ้นอีกได้ แต่จะใช้แบตเตอรี่มากขึ้น และเครื่องจะร้อนขึ้น อย่างไรก็ตาม เราไม่จำเป็นต้องเปิดโหมดนี้เลยก็ได้เพราะปกติตัวเครื่องก็มีประสิทธิภาพที่สูงมากอยู่แล้วนั่นเอง
จากการทดสอบ พบว่าประสิทธิภาพการเล่นเกมของ POCO F6 Pro อยู่ในระดับที่น่าประทับใจ ซึ่งก็ไม่น่าแปลกใจเท่าไหร่เพราะใช้ชิปเซ็ตระดับเรือธงอย่าง Snapdragon 8 Gen 2 หากเป็นเกมทั่ว ๆ ไปอย่าง PUBG Mobile สามารถเปิดกราฟิกระดับ Ultra HD พร้อมเฟรมเรตระดับ Ultra ได้เลย โดยมีค่า FPS เฉลี่ยอยู่ที่ 60-70 ในขณะที่เกม Genshin Impact สามารถเปิดกราฟิกระดับสูงสุด พร้อมเฟรมเรต 60FPS ได้ โดยที่เฟรมเรตมีความนิ่งตลอดทั้งเกม
ส่วนเรื่องความร้อนยังคงรู้สึกได้อยู่บ้าง โดยเฉพาะกับเกม Genshin Impact ที่ปรับกราฟิกแบบสูงสุด โดยเฟรมเครื่องที่เป็นโลหะจะร้อนกว่าฝาหลัง แต่ก็ยังไม่ถึงระดับที่ต้องกังวลแต่อย่างใด
ระบบชาร์จไว 120W HyperCharge
จุดเด่นอีกอย่างหนึ่งของ POCO F6 Pro คือระบบชาร์จไว 120W ซึ่งน่าจะไวที่สุดแล้วในตลาดประเทศไทยตอนนี้ และยังมีสมาร์ตโฟนเพียงไม่กี่รุ่นที่ชาร์จไวระดับนี้ โดยชิปเซ็ตการ Surge P2 และชิปเซ็ตแบตเตอรี่ Surge G1 ของ POCO คอยควบคุมระบบชาร์จโดยเฉพาะ ช่วยให้แบตเตอรี่มีอายุการใช้นานขึ้น
สำหรับความเร็วในการชาร์จ POCO ระบุว่าสามารถชาร์จจนเต็ม 100% ได้ในเวลา 19 นาทีเท่านั้น ซึ่งแน่นอนว่าเป็นผลทดสอบสูงสุดที่ทำได้ภายใต้ตัวแปรควบคุม โดยทางทีมงานได้ทดสอบชาร์จจริงจาก 2-100% พบว่าใช้เวลาไปประมาณ 28 นาที
การใช้งานกล้องสำหรับถ่ายภาพ และวิดีโอ
โหมดรูปถ่าย หรืออัตโนมัติ จะมีปุ่มลัดให้เลือกระยะซูมอย่างรวดเร็ว 3 ระดับ คือ 0.6x (กว้างพิเศษ), 1x (ปกติ) และ 2x โดยการซูมจะเป็นการซูมแบบดิจิทัล นอกจากนี้ยังสามารถเปิดเมนูการตั้งค่าจากด้านบนเพื่อใช้ฟังก์ชันอื่น ๆ ได้ เช่น เอฟเฟกต์เบลอรอบตัวแบบ ซึ่งให้เอฟเฟกต์ที่คล้ายกับการละลายหลังของโหมดพอร์ตเทรต และสามารถเปิดใช้โหมดมาโครได้จากเมนูนี้
นอกจากนี้เรายังเข้าไปตั้งค่าในแอปกล้องเพื่อเลือกถ่ายรูปเป็นไฟล์ตระกูล HEIF ได้ ซึ่งจะทำให้ไฟล์มีขนาดเล็กลงโดยที่คุณภาพยังเท่าเดิม แต่ไฟล์ HEIF อาจจะเปิดดูในคอมพิวเตอร์ลำบากเพราะไม่ค่อยมีโปรแกรมที่รองรับ สำหรับผู้ที่ใช้งานทั่วไปแนะนำว่าไม่ต้องเปิดดีกว่าครับ
โหมดภาพบุคคล ค่อนข้างใช้ง่ายเพราะไม่ได้มีลูกเล่นอะไรมากมาย โดยมีเอฟเฟกต์ฟรุ้งฟริ้ง (บิวตี้) ให้ใช้ สามารถปรับระดับความเบลอได้ และมีฟิลเตอร์ให้เลือก
โหมดกลางคืน สามารถถ่ายได้ทุกระยะการซูม ไม่มีลูกเล่นอะไรเป็นพิเศษ แต่มีโหมดย่อยคือโหมดเปิดรับแสงนานที่ช่วยให้เราถ่ายไฟ หรือน้ำตกแบบเป็นเส้นได้
โหมดเอกสาร โหมดนี้มีไว้สำหรับถ่ายเอกสาร, ป้าย หรือกระดานเลคเชอร์ โดยกล้องจะปรับมุมมองของเอกสารที่ถ่ายให้ตรงโดยอัตโนมัติ (แต่จะไม่แปลงเป็นตัวอักษรให้) เหมาะสำหรับการถ่ายสไลด์งานประชุม หรือถ่ายเลคเชอร์ในโรงเรียน หรือมหาวิทยาลัย
สำหรับการถ่ายวิดีโอ กล้องหลังสามารถถ่ายวิดีโอได้ที่ความละเอียดสูงสุดระดับ 8K (24fps) แต่ถ้าเปิด HDR ด้วยจะได้สูงสุดที่ 4K (30fps) ส่วนกล้องหน้าถ่ายวิดีโอได้ที่ความละเอียดสูงสุดระดับ 1080P (60fps) แต่ถ้าเปิด HDR ด้วยจะเหลือที่ 1080P (30fps)
ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องหลัง
ตัวอย่างภาพถ่ายจากโหมดอัตโนมัติ
ตัวอย่างภาพถ่ายจากโหมดภาพบุคคล
ตัวอย่างภาพถ่ายจากโหมดกลางคืน
ตัวอย่างภาพถ่ายจากโหมด Macro
ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องหน้า
ราคา และโปรโมชันของ POCO F6 Pro
POCO F6 Pro เริ่มวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการในประเทศไทยแล้ว เฉพาะแบบออนไลน์ที่ Shopee (POCO Official Store) และ mi.com/th/store เริ่มต้นที่ราคา 15,990 บาท โดยมีให้เลือก 3 รุ่นย่อย 3 ราคาดังนี้
- รุ่น RAM 12GB+ROM 256GB ราคา 15,990 บาท
- รุ่น RAM 12GB+ROM 512GB ราคา 17,990 บาท
- รุ่น RAM 16GB+ROM 1TB ราคา 19,990 บาท
สรุปประสบการณ์หลังใช้งาน POCO F6 Pro
หลังจากที่มีโอกาสได้ใช้งาน POCO F6 Pro มาระยะหนึ่ง ก็สามารถกล่าวได้ว่านี่เป็นสมาร์ตโฟนที่มีประสิทธิภาพน่าประทับใจเมื่อเทียบกับราคา และเป็นรุ่นที่น่าสนใจอย่างมากในเวลานี้เลยทีเดียว
POCO F6 Pro มาในดีไซน์ที่ดูดี งานประกอบแน่นหนา ตัวเครื่องมีน้ำหนักและให้ความรู้สึกในการสัมผัสที่ดี โดยมากับหน้าจอแสดงผลเกรดสูงแบบ WQHD+ Flow AMOLED DotDisplay ขนาด 6.67 นิ้ว ที่แสดงผลสีได้มากถึงระดับ 68 พันล้านสี (12-bit) กับความสว่างสูงสุดถึง 4000 nits และมีอัตราการรีเฟรชสูงสุด 120Hz จึงสามารถเทียบเคียงกับสมาร์ตโฟนเรือธงหลาย ๆ รุ่นได้สบาย โดยมีความคมชัด และให้สีสันที่สดใส พร้อมค่าคอนทราสต์ที่ดี เหมาะกับการเล่นเกม และดูหนัง นอกจากนี้ยังสู้แดดกลางแจ้งได้ดีอีกด้วย
ด้วยคุณสมบัติที่สูงระดับนี้ POCO F6 Pro จึงสามารถรับมือกับการใช้งานทุกระดับได้อย่างดีเยี่ยม ไม่ว่าจะเป็นการทำงาน, เล่นโซเชียล หรืออื่น ๆ ไม่มีอาการกระตุก-เด้ง-หน่วง-ค้างให้รำคาญใจ ส่วนการเล่นเกมก็ทำได้ดีมากเช่นกัน สามารถเปิดกราฟิกสูงๆ ได้สบาย และเล่นได้ทุกเกมแน่นอน เพราะชิปเซ็ต Snapdragon 8 Gen 2 ก็เป็นถึงชิปตัวท็อปแม้ว่าจะไม่ใช่เจเนอเรชันล่าสุดก็ตาม
อีกปัจจัยหนึ่งที่ทำให้การทำงานของ POCO F6 Pro ราบรื่น คือหน่วยความจำภายใน ซึ่งปกติแล้วสมาร์ตโฟนที่เน้นสเปกแรงราคาประหยัดจะลดต้นทุนโดยใช้หน่วยความจำ RAM แบบ LPDDR4X กับ ROM แบบ UFS 3.1 หรือต่ำกว่า แต่ไม่ใช่กับ POCO F6 Pro ที่ให้ RAM แบบ LPDDR5X และ ROM แบบ UFS 4.0 ซึ่งมีความเร็วสูงกว่ามาก จึงสามารถเปิดแอป และสลับแอปทันใจ แถมยังให้ RAM เริ่มต้นมาถึง 12GB ไม่ว่าจะทำอะไรก็เหลือเฟือ
นอกจากประสิทธิภาพด้านการประมวลผลที่เร็วแรงแล้ว POCO F6 Pro ยังมาพร้อมกับระบบชาร์จไว 120W HyperCharge ซึ่งปัจจุบันมีไม่กี่รุ่นเท่านั้นในตลาดเมืองไทยที่ชาร์จไวระดับนี้ในราคาไม่เกิน 20,000 บาท และได้แถมอะแดปเตอร์ชาร์จมาให้แล้วเรียบร้อยในกล่อง เรียกได้ว่าอัดฟีเจอร์มาให้แบบคุ้ม ๆ ไม่มีกั๊กจริง ๆ
ด้านการถ่ายภาพอาจไม่ใช่จุดเด่นของ POCO F6 Pro และกล้องก็มีลูกเล่นไม่มาก แต่ประสิทธิภาพนั้นถือว่าค่อนข้างดีเลยทีเดียว ด้วยเซนเซอร์รับภาพ Light Fusion 800 ที่มีประสิทธิภาพดีพอตัว โดยถ่ายภาพได้ดีทั้งกลางวัน และกลางคืน สไตล์ของภาพจะมีสีที่ค่อนข้างสด ทำให้อารมณ์ของภาพดูมีชีวิตชีวา โหมดภาพบุคคลมีสกินโทนที่ดี และมีเอฟเฟกต์เบลอฉากหลังที่ดูเป็นธรรมชาติพอสมควร ส่วนโหมดมาโครจะค่อนข้างมืด ซึ่งเป็นปกติของเลนส์มาโครบนมือถืออยู่แล้ว แต่ก็ชดเชยด้วยความคมชัด และการจัดการ Noise ที่ดี
โหมดกลางคืนก็ทำได้ดีเช่นกัน โดยสามารถดึงรายละเอียดในจุดที่สว่างและมืดออกมาได้อย่างชัดเจน พร้อมดึงสีสันในภาพให้โดดเด่นขึ้น และไม่มีปัญหาเรื่อง Noise นอกจากนี้ยังมีโหมดถ่ายเอกสารที่น่าจะมีประโยชน์สำหรับนักศึกษาที่อยากจดเลคเชอร์ไว ๆ โดยรวมถือว่าเป็นสมาร์ตโฟนที่ถ่ายรูปได้ดีอีกรุ่นหนึ่ง
POCO F6 Pro มากับลำโพงเสียงแบบคู่ พร้อมระบบเสียง Dolby Atmos และรองรับไฟล์เสียงความละเอียดสูง (Hi-Res) อย่างไรก็ดี คุณภาพเสียงที่ออกจากลำโพงเหมือนจะยังมาไม่เต็มนัก ซึ่งจะรู้สึกได้อย่างชัดเจนเวลาเปิดลำโพงเสียงดัง ๆ อาจจะต้องใช้งานไปสักพักเพื่อเบิร์นลำโพงก่อน แล้วเสียงอาจจะเข้าที่เข้าทางมากขึ้นครับ
จากทั้งหมดนี้ก็พอจะสรุปได้ว่า POCO F6 Pro นั้นเป็นสมาร์ตโฟนที่มีประสิทธิภาพยอดเยี่ยม คุ้มราคาเป็นพิเศษ เหมาะกับการใช้งานทุกประเภท โดยเฉพาะการดูหนัง-เล่นเกม อีกทั้งยังถ่ายรูปได้ดี พลังชาร์จล้นเหลือ จอสวยสู้แสงไม่แพ้ใคร ใครกำลังหาสมาร์ตโฟนแรง ๆ ในราคาไม่เกิน 20,000 บาท POCO F6 Pro ไม่ทำให้ผิดหวังอย่างแน่นอนครับ
สรุปคุณสมบัติเด่นของ POCO F6 Pro
- กรอบตัวเครื่องผลิตจากอะลูมิเนียม พร้อมฝาหลังแบบกระจกขอบโค้ง 4 ด้าน (Quad-Curved Glass)
- ระบบระบายความร้อนแบบ LiquidCool 4.0 และ IceLoop System พร้อมพื้นที่ชั้นสเตนเลสสตีลขนาด 5,000 ตารางมิลลิเมตร
- ตัวเครื่องมีคุณสมบัติของการทนน้ำ-ทนฝุ่นในระดับ IP54
-------------------------------------
- จอแสดงผลแบบ Flow AMOLED DotDisplay ขนาด 6.67 นิ้ว ความละเอียดระดับ WQHD+ (3200x1440 พิกเซล : 526 PPI)
- อัตราการรีเฟรช (Refresh Rate) สูงสุดที่ 120Hz
- อัตราการตอบสนองของระบบสัมผัส (Touch Sampling Rate) สูงสุดที่ 2160Hz
- แสดงผลสีได้ 68 พันล้านสี (ความลึกสี 12-bit)
- ความสว่างสูงสุด 4000 nits (Peak Brightness)
- เทคโนโลยี 3840Hz High Frequency PWM Dimming สำหรับช่วยถนอมสายตาจากการกะพริบของหน้าจอ
- เซนเซอร์ตรวจวัดแสงแบบ 360° (360° Ambient Light Sensors)
- ค่า Contrast Ratio 5,000,000:1
- ฟีเจอร์ Original Colour PRO, Cycle Mode, Reading Mode, Sunlight Display, Pro HDR Display, Adaptive Colours และ Adaptive HDR Display
- เทคโนโลยี Wet Touch Display
- รองรับการแสดงผลคอนเทนต์แบบ HDR10, HDR10+ และ Dolby Vision
- ใบรับรอง TÜV Low Blue Light (Hardware Solution), TÜV Flicker Free และ TÜV Circadian Friendly
- เซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือแบบฝังใต้หน้าจอ (Optical In-Screen Fingerprint Sensor) พร้อมฟีเจอร์ AI Face Unlock
- ครอบทับด้วยกระจก Corning Gorilla Glass 5
------------------------------------
- ประมวลผลด้วยชิปเซ็ต Qualcomm Snapdragon 8 Gen 2 (SM8550-AB)
- หน่วยประมวลผลกราฟิก (GPU) Adreno 740
- หน่วยความจำแรม (RAM) แบบ LPDDR5X ขนาด 12GB หรือ 16GB
- หน่วยความจำภายในสำหรับเก็บบันทึกข้อมูล (ROM) แบบ UFS 4.0 ขนาด 256GB, 512GB หรือ 1TB
- ทำงานอยู่บนระบบปฏิบัติการ Android 14 พร้อมครอบทับด้วย HyperOS
------------------------------------
- แบตเตอรี่ความจุ 5000 mAh
- ระบบชาร์จแบตเตอรี่ความเร็วสูงแบบ 120W HyperCharge (มีอะแดปเตอร์ 120W แถมมาให้ในกล่อง)
- POCO Battery Management System พร้อมชิป POCO Surge P2 และ Surge G1
- ฟีเจอร์ Smart Charging, Battery Health 3.0 และ Hibernation Mode
------------------------------------
กล้องตัวหลักด้านหลัง 3 ตัว (Triple Camera) ประกอบด้วย
- กล้อง Wide (Main) ความละเอียด 50 ล้านพิกเซล พร้อมเซนเซอร์รับภาพ Light Fusion 800 (OmniVision OVX8000) ขนาด 1/1.55 นิ้ว, เม็ดพิกเซลขนาด 2.0 ไมครอน (4-in-1 Super Pixel), รูรับแสงขนาด f1.6, ทางยาวโฟกัส 24 มิลลิเมตร, เทคโนโลยี Dual Native ISO Fusion Max, ระบบโฟกัสอัตโนมัติแบบ Multi-Directional PDAF, ระบบป้องกันการสั่นแบบ OIS และโครงสร้างแบบ 6 ชิ้นเลนส์
- กล้อง Ultra Wide ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล พร้อมเซนเซอร์รับภาพ Sony IMX355 ขนาด 1/4.0 นิ้ว, เม็ดพิกเซลขนาด 1.12 ไมครอน, รูรับแสงขนาด f2.2, ทางยาวโฟกัส 16 มิลลิเมตร และมุมรับภาพ 119°
- กล้อง Macro ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล พร้อมเซนเซอร์รับภาพ GalaxyCore GC02M1 ขนาด 1/5.0 นิ้ว, เม็ดพิกเซลขนาด 1.75 ไมครอน, รูรับแสงขนาด f2.4 และทางยาวโฟกัส 25 มิลลิเมตร
พร้อมโหมด Burst Shot 2.0, 50MP , Flim Camera, Macro, Documents, Pro, Panorama, Motion Capture, Night, Portrait, Long Exposure, HDR และรองรับการบันทึกวิดีโอที่ความละเอียดสูงสุดระดับ 8K UHD (7680x4320 พิกเซล : 24 fps)
กล้องด้านหน้าความละเอียด 16 ล้านพิกเซล
พร้อมเซนเซอร์รับภาพ OmniVision OV16A ขนาด 1/3.1 นิ้ว, เม็ดพิกเซลขนาด 2.0 ไมครอน (4-in-1 Super Pixel), รูรับแสงขนาด f2.4 และรองรับการบันทึกวิดีโอที่ความละเอียดสูงสุดระดับ 1080P FHD (30/60 fps)
-----------------------------------
- เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตผ่านทางระบบ Wi-Fi 802.11 a/b/g/n/ac/6/7, 5G Sub6, 4G LTE, 3G WCDMA และ 2G EDGE/GPRS
- เทคโนโลยี 2x2 MIMO, 8x8 Sounding for MU-MIMO, Wi-Fi Direct และ Miracast
- เสารับสัญญาณแบบ Dual Wing
- รองรับการใช้งานระบบซิมคู่ (Dual SIM : Nano SIM + Nano SIM)
- ระบุตำแหน่ง และนำทางผ่านระบบดาวเทียม GPS (L1+L5), Glonass (G1), BeiDou (B1I+B1C+B2a), Galileo (E1+E5a), QZSS (L1+L5) และ NavIC (L5) พร้อมรองรับระบบ AGNSS
- เชื่อมต่อข้อมูลแบบไร้สายผ่านทางระบบ Bluetooth 5.3 และ NFC
- IR Blaster (เซนเซอร์อินฟราเรด) สำหรับใช้งานเป็นรีโมตเครื่องใช้ไฟฟ้า
- พอร์ต USB Type-C
------------------------------------
- ลำโพงเสียงแบบคู่ (Stereo Dual Speakers) พร้อมระบบเสียง Dolby Atmos และรองรับไฟล์เสียงความละเอียดสูง (Hi-Res)
- เทคโนโลยี WildBoost Optimization 3.0 สำหรับการเล่นเกม
- ฟีเจอร์ AI (AIGC) (AI Expansion, AI Subtitles, AI Album Search, AI Magic Erase Pro และ AI Portrait)
- มอเตอร์ระบบสั่นแบบ X-Axis Linear Vibration Motor
สรุปคุณสมบัติโดยละเอียด (สเปก) และราคา ของ POCO F6 Pro
จุดที่อาจจะต้องพิจารณาเพิ่มเติมของ POCO F6 Pro
- กล้องด้านหน้าบันทึกวิดีโอได้ที่ความละเอียดสูงสุดระดับ 1080P FHD
- ไม่รองรับการใส่การ์ดหน่วยความจำแบบ microSD หรือแบบอื่น ๆ
- ไม่มีพอร์ตหูฟังขนาด 3.5 มิลลิเมตร
วันที่ : 12/06/2024