รีวิว OPPO Reno14 Series 5G สมาร์ตโฟน AI รุ่นอัปเกรด ถ่ายภาพกลางคืนคมชัดด้วย AI Flash Photography สว่างที่สุดในอุตสาหกรรม พร้อมกล้องพอร์ตเทรตซูมได้ 3.5x ในราคาเอื้อมถึงง่าย
หลังจากที่ OPPO ได้เปิดตัว OPPO Reno14 Series 5G ที่ประเทศจีนเมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ล่าสุด OPPO Reno14 Series 5G ก็ได้ฤกษ์เปิดตัว และวางจำหน่ายในไทยเป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยมีให้เลือกถึง 3 รุ่นย่อย นั่นก็คือ OPPO Reno14 F 5G, OPPO Reno14 5G และ OPPO Reno14 Pro 5G ซึ่งในวันนี้ ทีมงาน Thaimobilecenter ได้มีโอกาสนำรุ่นเล็กอย่าง OPPO Reno14 F 5G และรุ่นมาตรฐานอย่าง OPPO Reno14 5G มารีวิวให้ได้ชมกัน
สำหรับ OPPO Reno14 Series 5G นั้น ยังคงเน้นความเป็น AI Phone เช่นเดียวกับรุ่น OPPO Reno13 Series 5G ที่เปิดตัวเมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมา แต่รุ่นนี้ชูจุดเด่นในเรื่องของการเป็นสมาร์ตโฟนที่มาพร้อม AI Flash Photography เพื่อการถ่ายภาพด้วยแฟลชที่สว่างที่สุด และคมชัดที่สุดในกลุ่มสมาร์ตโฟนราคาระดับกลาง ซึ่งทั้ง OPPO Reno14 F 5G และ OPPO Reno14 5G มีการอัปเกรดระบบไฟแฟลชทั้งชุด โดยใช้ไฟฉายคู่ทั้งในกล้องหลัก และเลนส์มุมกว้าง ทำให้ไฟแฟลชสว่างขึ้น 100% ที่ระยะ 1 เมตรเมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้า และถือว่าเป็นความสว่างระดับสูงสุดของอุตสาหกรรม ซึ่ง OPPO Reno14 5G จะพิเศษกว่าตรงที่เลนส์ Telephoto จะมีไฟฉายโฟกัสเฉพาะ ซึ่งให้ความสว่างเพิ่มขึ้นถึง 1,000% ในระยะ 2 เมตร ซึ่งถือว่าเป็นความสว่างระดับสูงสุดของอุตสาหกรรมเช่นกัน
นอกเหนือจากเรื่องของไฟแฟลชที่สว่างที่สุดในกลุ่มสมาร์ตโฟนระดับกลางแล้ว OPPO Reno14 Series 5G ยังมีดีไซน์ที่เป็นเอกลักษณ์ ด้วยฝาหลังลวดลายหางปลาพลิ้วไหว ซึ่งเป็นดีไซน์แบบไล่เฉดสี ทำให้เหมือนกับตัวเครื่องมีหลายสีในเครื่องเดียว โดย OPPO Reno14 F 5G จะมีให้เลือกถึง 3 สี ได้แก่ สีฟ้า Opal Blue, สีชมพู Glossy Pink และสีเขียว Luminous Green ส่วน OPPO Reno14 5G จะมีให้เลือก 2 สีคือ สีขาว Opal White และสีเขียว Luminous Green นอกจากนี้ ดีไซน์ขอบเหลี่ยมก็ช่วยทำให้จับถือได้สะดวกขึ้นอีกด้วย
สำหรับฟีเจอร์ และลูกเล่นอื่น ๆ ของ OPPO Reno14 F 5G กับ OPPO Reno14 5G จะมีอะไรอีกบ้าง มาพิสูจน์ไปพร้อม ๆ กันกับ รีวิว OPPO Reno14 Series 5G โดยทีมงาน Thaimobilecenter.com ได้เลยครับ
แกะกล่อง OPPO Reno14 Series 5G
กล่องผลิตภัณฑ์ของ OPPO Reno14 Series 5G มีดีไซน์ที่เรียบง่าย ระบุชื่อรุ่นอย่างชัดเจนบนหน้ากล่อง และจะเห็นว่าลวดลายหน้ากล่องเป็นรูปหางปลาอีกด้วย โดยอุปกรณ์ภายในกล่องของทั้ง OPPO Reno14 F 5G และ OPPO Reno14 5G จะเหมือนกัน ต่างกันเฉพาะอะแดปเตอร์ชาร์จแบตเตอรี่ ซึ่งทั้งหมดมีดังนี้
- อะแดปเตอร์ชาร์จแบตเตอรี่ 45W SUPERVOOC (OPPO Reno14 F 5G) หรือ 80W SUPERVOOC (OPPO Reno14 5G)
- สาย USB-C
- เข็มถอดถาดใส่ซิมการ์ด
- เคสซิลิโคน
- คู่มือการใช้งาน
ดีไซน์ OPPO Reno14 Series 5G
สำหรับ OPPO Reno14 F 5G ที่นำมารีวิวในครั้งนี้ เป็นตัวเครื่องชมพู Glossy Pink ส่วน OPPO Reno14 5G จะเป็นตัวเครื่องสีขาว Opal White ซึ่งจุดเด่นของตัวเครื่องสีขาว Opal White ก็คือ ฝาหลังจะเป็นลวดลายหางปลา และดีไซน์ออร่าแบบไล่เฉดสี เล่นกับแสงและเงาทำให้ตัวเครื่องดูมีชีวิตชีวา ส่วน OPPO Reno14 F 5G ที่ฝาหลังลวดลายหางปลา จะเป็นตัวเครื่องสีฟ้า Opal Blue
นอกจากนี้ OPPO Reno14 5G ยังเป็นสมาร์ตโฟนเครื่องแรกที่มาพร้อมกับฝาหลังกระจกกำมะหยี่ ที่สร้างสรรค์ขึ้นมาจากการสลักอนุภาคขนาดเล็กจำนวนนับไม่ถ้วนลงบนผิวกระจก จึงมีผิวสัมผัสที่เรียบเนียน จนแทบไม่เห็นรอยต่อระหว่างฝาหลังกับโมดูลกล้อง อีกทั้งกรอบตัวเครื่องยังเป็นกรอบอะลูมิเนียมเกรดอากาศยาน ทำให้มีความแข็งแรงเพิ่มขึ้น 200%, ต้านทานต่อการดัดงอดีขึ้น 20% และต้านทานต่อการตกหล่นดีขึ้น 36% จึงช่วยลดความเสียหายจากการตกโดยไม่ตั้งใจ
สำหรับหน้าจอทั้ง OPPO Reno14 F 5G และ OPPO Reno14 5G รองรับอัตรารีเฟรชสูงสุดที่ 120Hz และการรับรอง HDR10+ จึงให้ภาพที่คมชัดและสีสันสดใส อีกทั้งยังรองรับ Splash Touch และ Glove Mode จึงสามารถใช้งานได้แม้มือเปียก หรือสวมถุงมือ โดย OPPO Reno14 F 5G มีขนาดหน้าจออยู่ที่ 6.57 นิ้ว แบบ AMOLED ความละเอียด 2372x1080 พิกเซล ส่วน OPPO Reno14 5G มีขนาดหน้าจออยู่ที่ 6.59 นิ้ว แบบ AMOLED ความละเอียด 2760x1256 พิกเซล ซึ่งถือว่า ขนาดหน้าจอของทั้ง 2 รุ่น ไม่แตกต่างกันมากนัก
ด้านปุ่มและพอร์ตต่าง ๆ รอบตัวเครื่องของทั้ง 2 รุ่น ไม่ต่างกัน โดยด้านซ้ายของตัวเครื่อง ไม่มีปุ่มหรือพอร์ตใด ๆ ส่วนด้านขวาของตัวเครื่อง จะมีปุ่มปรับระดับเสียง และปุ่มล็อกหน้าจอแสดงผล
ด้านบนตัวเครื่อง ประกอบด้วย ไมโครโฟน ส่วนด้านล่างตัวเครื่อง ประกอบด้วย ถาดใส่ซิมการ์ด, พอร์ต USB Type-C และไมโครโฟนหลักสำหรับสนทนา ซึ่งทั้ง 2 รุ่นจะมาพร้อมกับลำโพงเสียงคู่แบบสเตอริโอ แต่ OPPO Reno14 5G จะมี IR Blaster มาให้ด้วย
กล้อง 50MP ถ่าย Portrait แบบชิค ๆ ด้วย AI Flash Photography
มาดูที่กล้องถ่ายรูปกันบ้าง สำหรับกล้องด้านหลังของ OPPO Reno14 F 5G จะเป็นกล้องทั้งหมด 3 ตัว รายละเอียดดังนี้
- กล้อง Wide ความละเอียด 50 ล้านพิกเซล พร้อมรูรับแสงขนาด f/1.8, ทางยาวโฟกัส 26 มิลลิเมตร (มุมรับภาพ 79°), ระบบโฟกัสอัตโนมัติแบบ PDAF, ระบบป้องกันการสั่นแบบ OIS และโครงสร้างแบบ 5 ชิ้นเลนส์
- กล้อง Ultra Wide ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล พร้อมรูรับแสงขนาด f/2.2, ทางยาวโฟกัส 16 มิลลิเมตร (มุมรับภาพ 112°) และโครงสร้างแบบ 5 ชิ้นเลนส์
- กล้อง Macro ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล พร้อมรูรับแสงขนาด f/2.4, มุมรับภาพ 89° และโครงสร้างแบบ 3 ชิ้นเลนส์
ส่วนกล้องด้านหน้า เป็นกล้องความละเอียด 32 ล้านพิกเซล พร้อมเซนเซอร์รับภาพขนาด 1/3.1 นิ้ว, รูรับแสงขนาด f/2.0, ทางยาวโฟกัส 21 มิลลิเมตร (มุมรับภาพ 90°) และโครงสร้างแบบ 5 ชิ้นเลนส์
สำหรับกล้องด้านหลังของ OPPO Reno14 5G ก็จะมีอยู่ทั้งหมด 3 ตัวเช่นกัน ดังนี้
- กล้อง Wide ความละเอียด 50 ล้านพิกเซล พร้อมเซนเซอร์รับภาพขนาด 1/1.95 นิ้ว, รูรับแสงขนาด f/1.8, ทางยาวโฟกัส 26 มิลลิเมตร (มุมรับภาพ 79°), ระบบโฟกัสอัตโนมัติแบบ PDAF, ระบบป้องกันการสั่นแบบ OIS และโครงสร้างแบบ 5 ชิ้นเลนส์
- กล้อง Ultra Wide ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล พร้อมรูรับแสงขนาด f/2.2, ทางยาวโฟกัส 15 มิลลิเมตร (มุมรับภาพ 116°), ระบบโฟกัสอัตโนมัติ และโครงสร้างแบบ 5 ชิ้นเลนส์
- กล้อง Telephoto ความละเอียด 50 ล้านพิกเซล พร้อมเซนเซอร์รับภาพขนาด 1/2.75 นิ้ว, รูรับแสงขนาด f/2.8, ทางยาวโฟกัส 80 มิลลิเมตร (มุมรับภาพ 30°), รองรับการซูม 3.5x, ระบบป้องกันการสั่นแบบ OIS และโครงสร้างแบบ 3 ชิ้นเลนส์
ส่วนกล้องด้านหน้า เป็นกล้องความละเอียด 50 ล้านพิกเซล พร้อมรูรับแสงขนาด f/2.0, ทางยาวโฟกัส 21 มิลลิเมตร (มุมรับภาพ 90°), ระบบโฟกัสอัตโนมัติ และโครงสร้างแบบ 5 ชิ้นเลนส์
อย่างที่กล่าวไว้ในตอนต้นว่า OPPO Reno14 Series 5G มีจุดเด่นในเรื่องของระบบแฟลช (AI Flash Photography) ซึ่งเป็นสมาร์ตโฟน AI ที่มาพร้อมกับไฟแฟลชที่สว่างและคมชัดที่สุดในระดับราคานี้
โหมดแฟลชบน OPPO Reno14 Series 5G จะมี 2 โหมดคือ โหมดแฟลช และไฟแฟลชแบบเปิดไว้เสมอ ซึ่งทั้ง 2 โหมดจะทำงานแตกต่างกัน ดังนี้
- โหมดแฟลช (แตะที่ไอคอนแฟลช แล้วเลือกเปิด) โหมดนี้จะเป็นการยิงแฟลชล่วงหน้าอย่างรวดเร็ว แล้วตามด้วยแฟลชหลัก ซึ่งแสงสว่างที่ได้จะเพียงพอต่อการถ่ายภาพในที่แสงน้อย ภาพที่ได้จะมีเอฟเฟกต์ที่โดดเด่นและมีมิติ เหมาะกับการถ่ายบรรยากาศในงานปาร์ตี้
- ไฟแฟลชแบบเปิดไว้เสมอ (Fill Light) จะให้แสงที่นุ่มนวล และสม่ำเสมอไปตลอดช่วงเวลาที่กล้องรับแสง ทำให้ได้ภาพถ่ายที่ดูเป็นธรรมชาติและมีแสงที่สมดุล ซึ่งการเปิดโหมดนี้ให้แตะที่ไอคอนรูปแฟลช แล้วเลือก เปิดไว้เสมอ
โดย OPPO Reno14 F 5G ได้รับการอัปเกรดระบบแฟลชทั้งชุด โดยใช้ไฟฉายคู่ทั้งในกล้องหลัก และเลนส์มุมกว้าง (Ultra Wide) ซึ่งช่วยทำให้ไฟแฟลชสว่างขึ้น 100% ในระยะ 1 เมตร อีกทั้งจะมีการประมวลผลด้วย AI หลังถ่ายเสร็จ เพื่อให้สกินโทนดูเป็นธรรมชาติ และตัวแบบมีความโดดเด่น
ตัวอย่างภาพถ่ายเมื่อเปิด AI Flash Photography โหมดแฟลช
ตัวอย่างภาพถ่ายเมื่อเปิด AI Flash Photography โหมดแฟลชแบบเปิดไว้เสมอ
สำหรับไฟแฟลชบน OPPO Reno14 5G จะเหนือกว่า OPPO Reno14 F 5G ตรงที่มาพร้อมกับระบบแฟลชถึง 3 ตัว ซึ่งไฟแฟลชคู่จะอยู่ในกล้องหลัก และเลนส์มุมกว้าง แบบเดียวกับรุ่น OPPO Reno14 F 5G ส่วนไฟแฟลชตัวที่ 3 จะเป็นแฟลชโฟกัสเฉพาะสำหรับกล้อง Telephoto ซึ่งจะให้ความสว่างเพิ่มขึ้น 1,000% ที่ระยะ 2 เมตร
ตัวอย่างภาพถ่ายเมื่อเปิด AI Flash Photography โหมดแฟลช
ตัวอย่างภาพถ่ายเมื่อเปิด AI Flash Photography โหมดแฟลช
ตัวอย่างภาพถ่ายเมื่อเปิด AI Flash Photography โหมดแฟลช
ตัวอย่างภาพถ่ายเมื่อเปิด AI Flash Photography โหมดแฟลชแบบเปิดไว้เสมอ
ตัวอย่างภาพถ่ายเมื่อเปิด AI Flash Photography โหมดแฟลชแบบเปิดไว้เสมอ
จากตัวอย่างภาพข้างต้น จะเห็นว่า ภาพถ่ายจากการเปิด AI Flash ทั้ง 2 โหมดนั้น จะให้โทนสีภาพที่ต่างกันอย่างชัดเจน ซึ่งภาพที่ได้จากการเปิดโหมดแฟลช จะเป็นภาพสไตล์ Y2K ที่เน้นตัวแบบโดดเด่นกว่าฉากหลัง มอบสกินโทนสวยเป็นธรรมชาติ ส่วนภาพที่ได้จากการเปิดโหมดแฟลชแบบเปิดไว้เสมอ จะให้แสงแฟลชที่นุ่มนวลกว่า และภาพยังมีความคมชัดแม้จะถ่ายในที่แสงน้อยก็ตาม
OPPO Reno14 5G เป็นสมาร์ตโฟนเครื่องแรกในระดับราคานี้ ที่มาพร้อมกล้องพอร์ตเทรตซูมได้ 3.5x
อีกหนึ่งจุดเด่นของ OPPO Reno14 5G ก็คือ เป็นสมาร์ตโฟนเครื่องแรกในระดับราคานี้ ที่มาพร้อมเลนส์ Telephoto ซูมได้ไกลถึง 3.5 เท่า ความละเอียดอยู่ที่ 50 ล้านพิกเซล ทำให้ได้ภาพสวยมีมิติเหมือนกับใช้เลนส์จากกล้องใหญ่ นอกจากนี้ ยังมาพร้อมระบบกล้อง Ultra-Clear Low-Light Camera ถ่ายภาพในที่แสงน้อยได้คมชัดอีกด้วย
ตัวอย่างภาพถ่ายโหมดถ่ายภาพบุคคล ระยะซูม 1x (26mm)
ตัวอย่างภาพถ่ายโหมดถ่ายภาพบุคคล ระยะซูม 2x (50mm)
ตัวอย่างภาพถ่ายโหมดถ่ายภาพบุคคล ระยะซูม 3.5x (85mm)
ตัวอย่างภาพถ่ายโหมดถ่ายภาพบุคคล ระยะซูม 3.5x (85mm)
ตัวอย่างภาพถ่ายโหมดถ่ายภาพบุคคล ระยะซูม 3.5x (85mm)
ตัวอย่างภาพถ่ายโหมดถ่ายภาพบุคคล ระยะซูม 3.5x (85mm)
AI Editor 2.0 อัปเกรดใหม่
ในส่วนของฟีเจอร์ AI Editor 2.0 นั้น OPPO Reno14 Series 5G ยังคงมีให้เลือกใช้งานเช่นเดียวกับ OPPO Reno13 Series 5G รุ่นก่อนหน้า แต่ได้มีการเพิ่มฟีเจอร์ AI เข้ามาใหม่ 2 ฟีเจอร์ด้วยกัน นั่นก็คือ
-
AI Recompose
AI Recompose หรือ AI ปรับเฟรมภาพ จะเป็นการจัดองค์ประกอบของภาพให้เหมาะสมในคลิกเดียว ไม่ว่าจะเป็น การกำหนดค่าอัตราส่วนภาพ (1:1, 4:3, 19:6), ครอบตัด หรือปรับแต่งภาพอัตโนมัติด้วยการแก้ไขความผิดเพี้ยน เช่น ถ่ายแล้วภาพเอียง ฟีเจอร์ก็จะปรับให้อัตโนมัติ
-
AI Perfect Shot
ถ่ายรูปแล้วเผลอหลับตา ไม่ใช่ปัญหาสำหรับ OPPO Reno14 Series 5G อีกต่อไปแล้ว เพราะมาพร้อมกับฟีเจอร์ AI Perfect Shot ด้วยการสแกนหารูปภาพอ้างอิงที่อยู่ในเครื่อง และมีรูปสีหน้าท่าทางให้เลือก 5 รูป จากนั้นมาแทนที่ใบหน้าที่หลับตา
ส่วนฟีเจอร์ AI อื่น ๆ ที่คุ้นเคยกันดีอยู่แล้ว ที่มีให้ใช้งานบน OPPO Reno14 Series 5G ก็ได้แก่
-
ยางลบ AI 2.0
ฟีเจอร์ลบสิ่งไม่พึงประสงค์ในภาพถ่ายให้หายวับไปในพริบตา ไม่ว่าจะเป็น ผู้คนในฉากหลัง, เสาไฟ, ถังขยะ, ป้าย และอื่น ๆ ซึ่งฟีเจอร์นี้ถูกอัปเกรดให้มีการวิเคราะห์วัตถุได้แม่นยำมากขึ้น และเพิ่มความสามารถในการตรวจจับผู้คนในฉากหลัง และลบทิ้งทั้งหมดได้ในคราวเดียว ไม่ต้องมาไล่ลบทีละคนให้เสียเวลา
-
AI ลบเงาสะท้อน
จะเป็นการลบเงาสะท้อนหรือแสงสะท้อนที่เกิดจากการถ่ายภาพผ่านกระจก ทำให้ภาพที่ได้มีความชัดใส ไม่มีแสงสะท้อน
-
AI ปรับภาพเบลอคืนความชัด
เป็นฟีเจอร์ที่เรียกคืนรายละเอียด สีสัน และความคมชัดที่หายไปจากภาพถ่ายที่เบลอ เหมาะสำหรับการถ่ายภาพวัตถุที่กำลังเคลื่อนไหว เช่น สัตว์เลี้ยง
การประมวลผล
OPPO Reno14 F 5G มาพร้อมชิปเซ็ต Qualcomm Snapdragon 6 Gen 1 แบบ Octa-Core Processor ความเร็ว 2.2GHz ที่มีประสิทธิภาพของ CPU ดีขึ้น 35% และประสิทธิภาพของ GPU ดีขึ้น 30% เมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้า พร้อมหน่วยความจำ RAM ขนาด 12GB และพื้นที่จัดเก็บข้อมูลขนาด 256GB
ส่วน OPPO Reno14 5G มาพร้อมกับชิปเซ็ต MediaTek Dimensity 8350 ซึ่งเป็นชิปเซ็ตที่ทาง OPPO และ MediaTek ปรับแต่งร่วมกัน โดยเป็นชิปเซ็ตแบบ Octa-Core Processor ความเร็ว 3.35GHz พร้อมหน่วยความจำ RAM ขนาด 12GB และพื้นที่จัดเก็บข้อมูลขนาด 256GB
และทั้ง 2 รุ่น ขับเคลื่อนด้วยระบบปฏิบัติการ ColorOS 15.0.2 เวอร์ชันใหม่ล่าสุด ที่มาพร้อมกับ Trinity Engine ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของ CPU และระบบโดยรวม ทำให้การเข้าถึงข้อมูลสำหรับ CPU และ GPU ทำได้รวดเร็วยิ่งขึ้น รวมถึง Luminous Rendering Engine ปรับปรุงเฟรมเวิร์กการเรนเดอร์ของ Android ใหม่ทั้งหมด ส่งผลทำให้แอนิเมชันลื่นไหลขึ้น พร้อมแสดงเอฟเฟกต์แอนิเมชันที่สามารถหยุดและทำงานพร้อมกันได้อย่างครอบคลุมที่สุดในวงการ
นอกจากนี้ OPPO Reno14 Series 5G ยังรองรับการอัปเดตด้านความปลอดภัยใน ColorOS ครั้งใหญ่ถึง 5 ครั้งอีกด้วย
ตอบโจทย์สายเล่นเกมด้วยประสิทธิภาพ AI
นอกเหนือจากการถ่ายภาพแล้ว OPPO Reno14 Series 5G ยังตอบโจทย์สายเกมเมอร์ด้วยเช่นกัน กับตัวช่วยสนับสนุนการเล่นเกมที่เรียกว่า AI HyperBoost 2.0 ซึ่งเป็นระบบ AI เฉพาะของ OPPO ช่วยให้เล่นเกมได้ลื่นไหลและเต็มเฟรมอย่างสม่ำเสมอ โดยจะใช้ขั้นตอน AI ขั้นสูงสำหรับการรักษาเสถียรภาพเฟรม รวมถึงควบคุมอุณหภูมิแบบ AI Adaptive Temperature Control ปรับอุณหภูมิตัวเครื่องให้เหมาะสม หมดปัญหาเครื่องร้อน เล่นเกมแล้วภาพกระตุก และยังมีตัวเลือกสำหรับการตั้งค่าอื่น ๆ เช่น ล็อกความสว่างหน้าจอ หรือการแจ้งเตือน เป็นต้น
นอกจากนี้ OPPO Reno14 Series 5G ยังมีฟีเจอร์ AI LinkBoost 3.0 ที่มาพร้อมกับระบบเสาอากาศที่อัปเกรดแล้ว และเสาอากาศด้านข้างเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพเมื่อเล่นเกมในแนวนอน รวมถึงการเชื่อมต่อเครือข่ายโทรศัพท์มือถือในที่อับสัญญาณ AI LinkBoost 3.0 จะทำการวิเคราะห์และสลับไปใช้ทางเลือกอื่นที่เร็วกว่า ทำให้สัญญาณมีความเสถียร
แบตเตอรี่ และระบบชาร์จไว SUPERVOOC
ทั้ง OPPO Reno14 F 5G และ OPPO Reno14 5G รองรับระบบชาร์จไวแบบ SUPERVOOC พร้อมชุดชาร์จที่ให้มาในกล่องผลิตภัณฑ์ สำหรับรายละเอียดแบตเตอรี่ของทั้ง 2 รุ่น เป็นดังนี้
- OPPO Reno14 F 5G : แบตเตอรี่ขนาด 6,000 mAh พร้อมรองรับระบบชาร์จเร็ว 45W SUPERVOOC
- OPPO Reno14 5G : แบตเตอรี่ขนาด 6,000 mAh พร้อมรองรับชาร์จเร็ว 80W SUPERVOOC
ราคา และโปรโมชันของ OPPO Reno14 Series 5G
สำหรับราคาจำหน่ายอย่างเป็นทางการในประเทศไทยของ OPPO Reno14 Series 5G แต่ละรุ่นย่อยจะเป็นดังนี้
OPPO Reno14 F 5G
- รุ่น RAM 8GB+ROM 256GB ราคา 11,999 บาท (เฉพาะช่องทางออนไลน์ที่ OPPO Official และ OPPO Brand Shop)
- รุ่น RAM 12GB+ROM 256GB ราคา 12,999 บาท
- รุ่น RAM 12GB+ROM 512GB ราคา 14,999 บาท
OPPO Reno14 5G
- รุ่น RAM 12GB+ROM 256GB ราคา 16,999 บาท
- รุ่น RAM 12GB+ROM 512GB ราคา 18,999 บาท
OPPO Reno14 Pro 5G
- รุ่น RAM 12GB+ROM 512GB ราคา 24,999 บาท
พร้อมโปรโมชันพิเศษดังนี้
- สั่งจองล่วงหน้า รับของสมนาคุณมูลค่ารวมสูงสุด 20,249 บาท ได้แก่ E-VIP Plus, รับสิทธิ์ใช้งาน Google AI Pro นาน 3 เดือน และกระเป๋า Reno Chill Backpack
- สั่งจอง และรับเครื่องที่ OPPO Brand Shop รับฟรี Special Pink Set Reno x MINNIE
- สั่งจองผ่าน AIS หรือ True | dtac รับส่วนลดสูงสุด 10,000 บาท
สรุปประสบการณ์หลังใช้งาน OPPO Reno14 Series 5G
ถ้าเทียบคุณสมบัติกับรุ่นก่อนหน้าอย่าง OPPO Reno13 Series 5G สิ่งที่ทำให้ OPPO Reno14 Series 5G มีความพิเศษกว่าก็คงจะเป็นเรื่องของ กล้องถ่ายรูป ที่ได้รับการอัปเกรดขึ้นมาพอสมควร อย่างแรกเลยก็คือ การถ่ายภาพสไตล์ Y2K ด้วย AI แฟลช ซึ่งทั้ง OPPO Reno14 F 5G และ OPPO Reno14 5G มีการอัปเกรดระบบแฟลชทั้งชุด ด้วยการใช้ไฟฉายคู่ทั้งในกล้องหลัก และเลนส์ Ultra Wide ทำให้ไฟแฟลชสว่างขึ้นกว่าเดิม 100% ในระยะ 1 เมตร และถือว่าเป็นความสว่างระดับสูงสุดของอุตสาหกรรม
กล้องด้านหลังของ OPPO Reno14 5G จะมีความพิเศษเหนือกว่า OPPO Reno14 F 5G ตรงที่มีการติดตั้งเลนส์ Telephoto ความละเอียด 50 ล้านพิกเซล ระยะการซูมที่ 3.5 เท่ามาให้ (โดยรุ่นก่อนหน้า เลนส์ Telephoto จะมีเฉพาะรุ่น Pro) และถือว่าเป็นสมาร์ตโฟนในระดับราคานี้ที่มาพร้อมกับเลนส์ซูมได้ 3.5 เท่าอีกด้วย
สำหรับไฟแฟลชของ OPPO Reno14 5G จะเป็นระบบแฟลช 3 ตัวที่อัปเกรดใหม่ทั้งฮาร์ดแวร์ ซึ่งนอกจากจะมีไฟแฟลชที่กล้องหลัก และเลนส์ Ultra Wide แล้ว เลนส์ Telephoto ยังติดตั้งไฟฉายโฟกัสเฉพาะ ให้ความสว่างเพิ่มขึ้น 1,000% ที่ระยะ 2 เมตร จึงสามารถเปิดไฟแฟลชไปพร้อมกับการถ่าย Portrait ได้ นอกจากนี้ยังมี AI Editor 2.0 อัปเกรดใหม่ ที่มีฟีเจอร์ AI ให้เลือกใช้มากมาย ไม่ว่าจะเป็น AI Recompose ปรับเฟรมภาพ, AI Perfect Shot ปรับหน้าเป๊ะ รวมถึง ยางลบ AI 2.0 ลบสิ่งที่ไม่พึงประสงค์ในภาพถ่ายให้หายไปในคลิกเดียว
ในเรื่องของความทนทาน OPPO Reno14 Series 5G รองรับมาตรฐานกันน้ำ และฝุ่นระดับ IP69 ซึ่งสูงมากสำหรับสมาร์ตโฟนระดับกลางในปัจจุบัน นอกจากนี้ยังมีแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ 6,000 mAh ที่รองรับการชาร์จเร็วแบบ 45W SUPERVOOC สำหรับรุ่น OPPO Reno14 F 5G และ 80W SUPERVOOC สำหรับรุ่น OPPO Reno14 5G จึงเหมาะสำหรับผู้ใช้งานที่ต้องการความอึด และการใช้งานได้ยาวนานโดยไม่ต้องชาร์จบ่อย ๆ
ในส่วนของการประมวลผล ทั้ง OPPO Reno14 Series 5G ยังคงใช้ชิปเซ็ตตัวเดียวกับ OPPO Reno13 Series 5G รุ่นก่อนหน้า โดย OPPO Reno14 F 5G มาพร้อมกับชิปเซ็ต Qualcomm Snapdragon 6 Gen 1 ซึ่งแม้จะไม่ใช่ชิปเซ็ตรุ่นใหม่ล่าสุด แต่ก็รองรับการใช้งานทั่วไปได้อย่างลื่นไหล ส่วน OPPO Reno14 5G มาพร้อมกับชิปเซ็ต MediaTek Dimensity 8350 ซึ่งใหม่กว่า และมีประสิทธิภาพสูงกว่า ทำให้รองรับการใช้งานหนัก และการเล่นเกมที่ต้องการพลังประมวลผลได้ดีขึ้น
โดยรวมแล้ว ทั้ง OPPO Reno14 F 5G และ OPPO Reno14 5G ยังคงเป็นสมาร์ตโฟนที่มีความแข็งแรงทนทานด้วยมาตรฐาน IP69 ดีไซน์สวยงาม และประสิทธิภาพที่ตอบโจทย์ผู้ใช้งานทุกระดับ แถมมีฟีเจอร์ AI มาให้ใช้งานแบบครบครันในราคาที่เข้าถึงง่าย สำหรับ OPPO Reno14 F 5G เหมาะสำหรับผู้ที่มองหาสมาร์ตโฟนระดับกลางที่ครบเครื่อง และคุ้มค่า ในขณะที่ OPPO Reno14 5G เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการสมาร์ตโฟนระดับสูงขึ้นที่ให้ประสิทธิภาพการใช้งานรอบด้าน และฟีเจอร์ล้ำสมัยในราคาที่จับต้องได้
สรุปคุณสมบัติเด่นของ OPPO Reno14 F 5G
- ตัวเครื่องมีคุณสมบัติของการทนน้ำ-ทนฝุ่นตามมาตรฐาน IP69 ถ่ายภาพ/วิดีโอใต้น้ำลึก 2 เมตร ได้นานสูงสุด 30 นาที
- จอแสดงผล AMOLED ขนาด 6.57 นิ้ว ความละเอียดระดับ FHD+ (2372x1080 พิกเซล)
- อัตราการรีเฟรช (Refresh Rate) สูงสุดที่ 120Hz
- อัตราการตอบสนองของระบบสัมผัส (Touch Sampling Rate) สูงสุดที่ 240Hz
- แสดงผลช่วงสีแบบ DCI-P3 ได้ 100%
- ความสว่างสูงสุด 1,400 nits
- เซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือแบบฝังใต้หน้าจอ
- ฟีเจอร์ Splash Touch สัมผัสสั่งงานบนหน้าจอได้ปกติแม้ในขณะที่หน้าจอเปียก
------------------------------
- ชิปประมวลผล Qualcomm Snapdragon 6 Gen 1
- หน่วยประมวลผลกราฟิก (GPU) Adreno 710
- หน่วยความจำแรม (RAM) แบบ LPDDR4X ขนาด 12GB
- หน่วยความจำภายในสำหรับเก็บบันทึกข้อมูล (ROM) แบบ UFS 3.1 ขนาด 256GB / 512GB
- รองรับการ์ดหน่วยความจำเสริมแบบ microSD
- ทำงานอยู่บนระบบปฏิบัติการ Android 15 พร้อมครอบทับด้วย ColorOS 15.0
- แบตเตอรี่ความจุ 6,000 mAh
- ระบบชาร์จแบตเตอรี่ความเร็วสูงแบบ 45W SUPERVOOC พร้อมอแดปเตอร์ และสายชาร์จในชุดจำหน่าย
------------------------------
กล้องหลักด้านหลัง 3 ตัว (Triple Camera) ประกอบด้วย
- กล้อง Wide ความละเอียด 50 ล้านพิกเซล พร้อมรูรับแสงขนาด f/1.8, ทางยาวโฟกัส 26 มิลลิเมตร (มุมรับภาพ 79°), ระบบโฟกัสอัตโนมัติแบบ PDAF, ระบบป้องกันการสั่นแบบ OIS และโครงสร้างแบบ 5 ชิ้นเลนส์
- กล้อง Ultra Wide ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล พร้อมรูรับแสงขนาด f/2.2, ทางยาวโฟกัส 16 มิลลิเมตร (มุมรับภาพ 112°) และโครงสร้างแบบ 5 ชิ้นเลนส์
- กล้อง Macro ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล พร้อมรูรับแสงขนาด f/2.4, มุมรับภาพ 89° และโครงสร้างแบบ 3 ชิ้นเลนส์
พร้อมรองรับการบันทึกวิดีโอที่ความละเอียดสูงสุดระดับ 4K (30fps)
กล้องด้านหน้าความละเอียด 32 ล้านพิกเซล
พร้อมเซนเซอร์รับภาพขนาด 1/3.1 นิ้ว, รูรับแสงขนาด f/2.0, ทางยาวโฟกัส 21 มิลลิเมตร (มุมรับภาพ 90°) โครงสร้างแบบ 5 ชิ้นเลนส์ และรองรับการบันทึกวิดีโอที่ความละเอียดสูงสุดระดับ 1080P (30fps)
------------------------------
- เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตผ่านทางระบบ Wi-Fi 5, 5G, 4G LTE, 3G WCDMA และ 2G GSM
- รองรับการใช้งานแบบ 2 ซิมการ์ด (Dual Nano-SIM)
- เชื่อมต่อข้อมูลแบบไร้สายผ่านทาง Bluetooth 5.1 LE (SBC, AAC, aptX, aptX HD, LDAC)
- ระบุตำแหน่ง และนำทางผ่านระบบดาวเทียม Beidou, GPS, GLONASS, Galileo และ QZSS
- พอร์ต USB Type-C
- ลำโพงเสียงแบบคู่ (สเตอริโอ)
สรุปคุณสมบัติเด่นของ OPPO Reno14 5G
- ตัวเครื่องมีคุณสมบัติของการทนน้ำ-ทนฝุ่นตามมาตรฐาน IP69 ถ่ายภาพ/วิดีโอใต้น้ำลึก 2 เมตร ได้นานสูงสุด 30 นาที
- จอแสดงผล AMOLED ขนาด 6.59 นิ้ว ความละเอียดระดับ FHD+ (2760x1256 พิกเซล)
- อัตราการรีเฟรช (Refresh Rate) สูงสุดที่ 120Hz
- อัตราการตอบสนองของระบบสัมผัส (Touch Sampling Rate) สูงสุดที่ 240Hz
- แสดงผลช่วงสีแบบ DCI-P3 ได้ 100%
- ความสว่างสูงสุด 1,200 nits
- เซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือแบบฝังใต้หน้าจอ
- ฟีเจอร์ Splash Touch สัมผัสสั่งงานบนหน้าจอได้ปกติแม้ในขณะที่หน้าจอเปียก
------------------------------
- ชิปเซ็ตประมวลผล MediaTek Dimensity 8350
- หน่วยประมวลผลกราฟิก (GPU) ARM Mali-G615 MC6
- หน่วยความจำแรม (RAM) แบบ LPDDR5X ขนาด 12GB
- หน่วยความจำภายในสำหรับเก็บบันทึกข้อมูล (ROM) แบบ UFS 3.1 ขนาด 256GB
- ทำงานอยู่บนระบบปฏิบัติการ Android 15 พร้อมครอบทับด้วย ColorOS 15.0
- แบตเตอรี่ความจุ 6,000 mAh
- ระบบชาร์จแบตเตอรี่ความเร็วสูงแบบ 80W SUPERVOOC พร้อมอะแดปเตอร์ และสายชาร์จในชุดจำหน่าย
------------------------------
กล้องหลักด้านหลัง 3 ตัว (Triple Camera) ประกอบด้วย
- กล้อง Wide ความละเอียด 50 ล้านพิกเซล พร้อมเซนเซอร์รับภาพขนาด 1/1.95 นิ้ว, รูรับแสงขนาด f/1.8, ทางยาวโฟกัส 26 มิลลิเมตร (มุมรับภาพ 79°), ระบบโฟกัสอัตโนมัติแบบ PDAF, ระบบป้องกันการสั่นแบบ OIS และโครงสร้างแบบ 5 ชิ้นเลนส์
- กล้อง Ultra Wide ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล พร้อมรูรับแสงขนาด f/2.2, ทางยาวโฟกัส 15 มิลลิเมตร (มุมรับภาพ 116°), ระบบโฟกัสอัตโนมัติ และโครงสร้างแบบ 5 ชิ้นเลนส์
- กล้อง Telephoto ความละเอียด 50 ล้านพิกเซล พร้อมเซนเซอร์รับภาพขนาด 1/2.75 นิ้ว, รูรับแสงขนาด f/2.8, ทางยาวโฟกัส 80 มิลลิเมตร (มุมรับภาพ 30°), รองรับการซูม 3.5x, ระบบป้องกันการสั่นแบบ OIS และโครงสร้างแบบ 3 ชิ้นเลนส์
พร้อมรองรับการบันทึกวิดีโอที่ความละเอียดสูงสุดระดับ 4K (60fps)
กล้องด้านหน้า ความละเอียด 50 ล้านพิกเซล
พร้อมรูรับแสงขนาด f/2.0, ทางยาวโฟกัส 21 มิลลิเมตร (มุมรับภาพ 90°), ระบบโฟกัสอัตโนมัติ, โครงสร้างแบบ 5 ชิ้นเลนส์ และรองรับการบันทึกวิดีโอที่ความละเอียดสูงสุดระดับ 4K (60fps)
------------------------------
- เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตผ่านทางระบบ Wi-Fi 6, 5G, 4G LTE, 3G WCDMA และ 2G GSM
- รองรับการใช้งานแบบ 2 ซิมการ์ด (Dual Nano-SIM)
- เชื่อมต่อข้อมูลแบบไร้สายผ่านทาง Bluetooth 5.4 LE (SBC, AAC, aptX, aptX HD, LDAC, LHDC5.0)
- ระบุตำแหน่ง และนำทางผ่านระบบดาวเทียม Beidou, GPS, GLONASS, Galileo และ QZSS
- พอร์ต USB Type-C
- ลำโพงเสียงแบบคู่ (สเตอริโอ)
วันที่ : 01/07/2025