รีวิว OPPO Find N3 Flip จอพับกล้อง Hasselblad อัปเกรดใหม่ บนดีไซน์สวยหรูกว่าเก่า พร้อมจอนอกใหญ่ฟีเจอร์เยอะ และสเปกระดับท็อป ในราคาน่าลอง
เรียกว่ากระแสกำลังมา และสร้างความตื่นเต้นให้กับวงการได้เป็นอย่างดี สำหรับ OPPO Find N3 Flip สมาร์ตโฟนจอพับรุ่นใหม่ล่าสุดที่เพิ่งเปิดตัวในประเทศไทยไปสด ๆ ร้อน ๆ ซึ่งเข้ามาสานต่อความสำเร็จของ OPPO Find N2 Flip ที่เปิดตัวไปเมื่อปีที่แล้ว โดยยังคงสไตล์การพับในรูปแบบเดิม แต่ยกระดับจาก OPPO Find N2 Flip ด้วยกล้องด้านหลัง 3 ตัวระดับแฟลกชิป และดีไซน์ตัวเครื่องที่ดูสวยหรูพรีเมียมขึ้น ด้วยแผงกระจกด้านหลังที่โค้งที่สุดในบรรดาสมาร์ตโฟนจอพับทุกรุ่น เรียกได้ว่า เป็นสมาร์ตโฟนจอพับที่น่าจับตามองที่สุดอีกรุ่นในชั่วโมงนี้
หากใครยังจำกันได้ ตอนที่เปิดตัว OPPO Find N2 Flip ถือว่าเป็นสมาร์ตโฟนจอพับที่มีหน้าจอด้านนอกใหญ่ที่สุด ด้วยหน้าจอขนาด 3.26 นิ้ว และ OPPO Find N3 Flip เองก็ได้สานต่อจุดเด่นในส่วนนี้ พร้อมกับอัปเกรดฟีเจอร์อื่น ๆ ให้มีความล้ำหน้าไปอีกขั้น ทำให้จอด้านนอกของ Find N3 Flip สามารถเข้าถึงแอปพลิเคชันได้หลากหลายมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็น YouTube, TikTok, Facebook รวมถึง LINE จึงสามารถใช้งานแอปพลิเคชันเหล่านี้ได้โดยไม่ต้องเปิดฝาพับตัวเครื่อง ในขณะที่หน้าจอแสดงผลหลักด้านใน มีขนาดใหญ่ถึง 6.8 นิ้ว ความละเอียด 2520x1080 พิกเซล และรองรับอัตราการรีเฟรชสูงสุด 120Hz
สำหรับกล้องด้านหลัง ได้มีการอัปเกรดใหม่หมดทั้งดีไซน์และสเปก อีกทั้งยังเป็นสมาร์ตโฟนจอพับเครื่องแรกที่มาพร้อมกับกล้อง 3 ตัวระดับแฟลกชิป ประกอบด้วย กล้องหลัก ความละเอียด 50 ล้านพิกเซล, กล้อง Ultra Wide ความละเอียด 48 ล้านพิกเซล และกล้อง Telephoto ความละเอียด 32 ล้านพิกเซล ซึ่งกล้องของ OPPO Find N3 Flip ทาง OPPO ยังคงพัฒนาร่วมกับ Hasselblad แบรนด์ผู้ผลิตกล้องสัญชาติสวีเดนเหมือนเช่นเคย
ด้านประสิทธิภาพในการประมวลผลก็ได้รับการอัปเกรดเช่นกัน ซึ่งมาพร้อมกับชิปเซ็ต Dimensity 9200 ที่แรงกว่าเดิม พร้อมหน่วยความจำ RAM ขนาด 12GB ส่วนแบตเตอรี่มีขนาดความจุอยู่ที่ 4,300 mAh รองรับระบบชาร์จเร็ว SUPERVOOC แบบ 44W เหมือนเดิม
โดยสมาร์ตโฟนจอพับไซซ์เล็กพร้อมกล้อง Hasselblad รุ่นนี้ จะมีฟีเจอร์การใช้งานอะไรที่น่าสนใจอีกบ้าง มาติดตามไปพร้อม ๆ กันใน รีวิว OPPO Find N3 Flip โดยทีมงาน Thaimobilecenter ได้เลยครับ
แกะกล่อง พร้อมสำรวจอุปกรณ์ด้านในของ OPPO Find N3 Flip
มาเริ่มกันที่กล่องผลิตภัณฑ์ของ OPPO Find N3 Flip กันก่อน เรียกได้ว่า ดูสวยหรูและมีความพรีเมียมกันตั้งแต่กล่องผลิตภัณฑ์เลยก็ว่าได้ โดยมีการระบุชื่อรุ่นที่ด้านหน้าและด้านข้างอย่างชัดเจน พร้อมโลโก้ OPPO | Hasselblad การันตีว่า กล้องบน OPPO Find N3 Flip รุ่นนี้ ยังคงพัฒนาร่วมกับแบรนด์ Hasselblad
สำหรับอุปกรณ์ภายในกล่อง ประกอบด้วย ตัวเครื่อง OPPO Find N3 Flip, อะแดปเตอร์ชาร์จไฟ, สาย USB Type-C, เข็มถอดถาดใส่ซิมการ์ด, เคสซิลิโคน, ใบรับประกัน และคู่มือเริ่มต้นใช้งาน
ดีไซน์สวยหรู พับจับถนัดมือ จอด้านนอกใหญ่ที่สุด
สำหรับตัวเครื่องที่นำมารีวิวให้ชมกันในครั้งนี้ เป็นตัวเครื่องสีทอง Cream Gold ซึ่งจะเห็นว่า ดีไซน์ของ OPPO Find N3 Flip เปลี่ยนไปจากรุ่นก่อนหน้าพอสมควร โดยฝาหลังเป็นแบบกระจกเงาวาว ล้อมรอบด้วยเฟรมโลหะ บริเวณขอบฝาหลังถูกปรับให้มีความโค้งมนยิ่งขึ้น ให้ลุคสวยหรู พรีเมียมมากกว่าเดิม แถมยังจับถนัดมือขึ้นอีกด้วย
ด้านขวาตัวเครื่อง ประกอบด้วย ปุ่มเปิด-ปิดเครื่อง กับ ปุ่มปรับระดับเสียง ซึ่งปุ่มเปิด-ปิดเครื่องนั้น ฝังเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือไว้ด้านใน ส่วนด้านซ้ายตัวเครื่อง เป็นปุ่มปิดเสียง-เปิดสั่น ที่ถูกออกแบบให้เป็นปุ่มแบบสไลด์ พอร์ตการเชื่อมต่อเป็นพอร์ต USB-C และรองรับการใช้งาน 2 ซิมการ์ด ซึ่ง OPPO Find N3 Flip ไม่รองรับหน่วยความจำเสริมภายนอกแบบ microSD Card แต่พื้นที่จัดเก็บภายในตัวเครื่องขนาด 256GB ที่ให้มานั้น ก็ถือว่า เพียงพอต่อการใช้งานเช่นกัน
จอด้านนอก ถือว่าเป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่จะทำให้การใช้งานสมาร์ตโฟนจอพับ มีความคล่องตัวมากขึ้น ซึ่ง OPPO Find N3 Flip เอง ได้สานต่อจุดเด่นของจอด้านนอกจาก OPPO Find N2 Flip เมื่อปีที่แล้ว โดยมาพร้อมกับจอด้านนอกขนาด 3.26 นิ้ว จากเดิมที่ใช้งานได้แค่การแจ้งเตือน หรือเปิด Control Center ในปีนี้ จอด้านนอกของ OPPO Find N3 Flip ถูกอัปเกรดให้ดีขึ้น เพิ่มการรองรับแอปภายนอกต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น Gmail, YouTube, X (หรือ Twitter เดิม), WhatsApp และอื่น ๆ รวมถึงสามารถตอบอีเมลและข้อความ เลื่อนดูฟีดโซเชียล หรือใช้เป็นจอ Viewfinder เมื่อถ่ายด้วยกล้องด้านหลัง ก็สามารถทำได้ที่จอด้านนอก โดยไม่ต้องกางตัวเครื่องออกเพื่อเปิดจอหลักด้านในของ OPPO Find N3 Flip เลย ช่วยประหยัดเวลาในการใช้งานได้ไม่น้อย
นอกจากนี้ จอด้านนอกยังสามารถเพิ่มลูกเล่นในการตกแต่งหน้าจอ ด้วยวอลเปเปอร์สัตว์เลี้ยงแบบ 3 มิติที่สามารถโต้ตอบผู้ใช้ได้ ซึ่งมีให้เลือกมากมาย ไม่ว่าจะเป็น นก, แมว, สุนัข, หนูแฮมสเตอร์, โคอาล่า, หมีแพนด้า, กระต่าย และเสือ รวมทั้งหมด 8 แบบ เพิ่มขึ้นจาก OPPO Find N2 Flip ที่มีให้เลือกแค่ 5 แบบ
กางออกเป็นหน้าจอใหญ่ขนาด 6.8 นิ้ว รองรับอัตราการรีเฟรชสูงสุด 120Hz
นอกจาก OPPO Find N3 Flip จะมาพร้อมกับจอด้านนอกที่ยอดเยี่ยมแล้ว จอหลักด้านในเองก็มีของดีไม่น้อยเช่นกัน โดยมีขนาดหน้าจอใหญ่ถึง 6.8 นิ้ว แบบ AMOLED ความละเอียด 2520x1080 พิกเซล รองรับอัตราการรีเฟรชสูงสุด 120Hz และมาพร้อมความสว่างสูงสุดที่ 1600 nits สามารถใช้งานกลางแจ้งได้อย่างเต็มที่
นอกจากนี้ ยังเป็นโครงสร้างหน้าจอแบบโพลาไรเซอร์ใหม่ ที่ช่วยลดการใช้พลังงานจอแสดงผลได้มากถึง 20% และฟิล์มป้องกันแสงสะท้อน ทำให้หน้าจอของ OPPO Find N3 Flip สะท้อนแสงได้น้อยกว่าสมาร์ตโฟนจอพับอื่น ๆ ถึง 5 เท่า ส่งผลให้คอนทราสต์ดีขึ้นในทุกสภาพแสง
รอยพับตื้นขึ้นจนแทบมองไม่เห็น
ปกติแล้ว สมาร์ตโฟนจอพับส่วนใหญ่มักจะเจอปัญหาเรื่องรอยพับ แม้ว่าจะไม่ส่งผลต่อการใช้งาน แต่ก็สร้างความรำคาญสายตาไม่น้อยเช่นกัน ซึ่ง OPPO Find N3 Flip ชูจุดเด่นในเรื่องของบานพับแบบ Flexion Hinge ใหม่ ในรูปทรงหยดน้ำ ซึ่งถูกออกแบบให้เป็นบานพับแบบไม่มีช่องว่าง ที่นอกจากจะทำให้เกิดรอยพับที่ตื้นและน้อยจนแทบมองไม่เห็นแล้ว ยังช่วยทำให้พับเครื่องได้แนบสนิทมากขึ้นด้วย ซึ่งทาง OPPO เคลมว่า บานพับนี้มีความทนทานมาก แม้ว่าจะพับไปกว่า 600,000 ครั้ง เทียบเท่ากับการใช้งานนาน 16 ปีถ้าหากพับโทรศัพท์ 100 ครั้งต่อวัน ซึ่งการทดสอบนี้ได้รับการรับรองการพับที่เชื่อถือได้จาก TÜV Rheinland อีกด้วย
ทั้งนี้ บริเวณตรงกลางเครื่อง ถ้าหากใช้นิ้วมือสัมผัสจะยังคงรู้สึกว่าเป็นรอยพับอยู่ แต่ในการใช้งานจริงแทบจะไม่เห็นรอยพับใด ๆ ไม่ว่าจะเอียงสมาร์ตโฟนในองศาใด ถือว่าในจุดนี้ทาง OPPO ทำได้ดีเลยทีเดียว
ปุ่มเปิด-ปิดเสียงใหม่แบบสไลด์
กรอบตัวเครื่องของ OPPO Find N3 Flip เป็นวัสดุอะลูมิเนียม ที่ถูกออกแบบให้มีความโค้งมน และมีลวดลายคลื่นตรงบานพับ และความน่าสนใจก็คือ ด้านขวาของตัวเครื่องเป็นปุ่มสไลด์แจ้งเตือนแบบใหม่ สามารถสลับโหมดเงียบ, สั่น และเสียงเรียกเข้าได้อย่างรวดเร็ว โดยไม่จำเป็นต้องเปิดฝาพับ ซึ่งเมื่อเลื่อนปุ่มสไลด์ จะมีการแจ้งเตือนว่ากำลังทำงานอยู่ในโหมดใด
กล้อง 3 ตัวระดับแฟลกชิป ครั้งแรกบนสมาร์ตโฟนจอพับ
อีกหนึ่งจุดเด่นของสมาร์ตโฟนจอพับรุ่นนี้ก็คือ กล้องถ่ายรูป ที่ทาง OPPO เคลมว่า OPPO Find N3 Flip มาพร้อมกับกล้อง 3 ตัวระดับแฟลกชิปที่ดีที่สุดในบรรดาสมาร์ตโฟนจอพับทั้งหมด ซึ่งกล้องด้านหลังมาพร้อมกับดีไซน์วงแหวนคอสมอส ล้อมรอบด้วย Starlight Track และยังคงพัฒนาร่วมกับ Hasselblad เช่นเคย โดยคุณสมบัติของกล้องแต่ละตัวจะเป็นดังนี้
- กล้อง Wide (Main) ความละเอียด 50 ล้านพิกเซล พร้อมเซนเซอร์รับภาพ Sony IMX890 ขนาด 1/1.56 นิ้ว, เม็ดพิกเซลขนาด 1.0 ไมครอน, รูรับแสงขนาด f1.8, ทางยาวโฟกัส 24 มิลลิเมตร (มุมรับภาพ 84°), ระบบโฟกัสอัตโนมัติแบบ Multi-Directional PDAF, มอเตอร์โฟกัสแบบ Closed-Loop, ระบบป้องกันการสั่นแบบ OIS และโครงสร้างแบบ 6 ชิ้นเลนส์
- กล้อง Telephoto ความละเอียด 32 ล้านพิกเซล พร้อมเซนเซอร์รับภาพ Sony IMX709, รูรับแสงขนาด f2.0, ทางยาวโฟกัส 47 มิลลิเมตร (มุมรับภาพ 49°), ระยะซูมแบบ 2x Optical Zoom, ระบบโฟกัสอัตโนมัติแบบ PDAF และโครงสร้างแบบ 6 ชิ้นเลนส์
- กล้อง Ultra Wide ความละเอียด 48 ล้านพิกเซล พร้อมเซนเซอร์รับภาพ Sony IMX581, รูรับแสงขนาด f2.2, ทางยาวโฟกัส 14 มิลลิเมตร (มุมรับภาพ 114°), ระบบโฟกัสอัตโนมัติ, โหมด Macro (ระยะใกล้สุด 4 เซนติเมตร) และโครงสร้างแบบ 6 ชิ้นเลนส์
สำหรับกล้องด้านหน้าของ OPPO Find N3 Flip ที่อยู่จอหลักด้านใน มีความละเอียดอยู่ที่ 32 ล้านพิกเซล เซ็นเซอร์ Sony IMX709 ขนาด 1/2.74 นิ้ว รูรับแสง F/2.4 ทางยาวโฟกัสเทียบเท่า 21 มม. นอกจากนี้ OPPO Find N3 Flip สามารถใช้จอด้านนอกเป็น Viewfinder ได้ ทำให้สามารถถ่ายภาพเซลฟี่ที่ความละเอียด 50 ล้านพิกเซลจากกล้องด้านหลังได้เช่นกัน ทำให้ภาพเซลฟี่ที่ได้มีความละเอียดมากขึ้น ซึ่งภาพที่ปรากฎในจอด้านนอกจะเป็นภาพตัวอย่างแบบเต็มโดยไม่มีการครอบตัด
และด้วยดีไซน์ตัวเครื่องของสมาร์ตโฟนจอพับ ทำให้สามารถพับหรือกางได้หลายองศา เมื่อเปลี่ยนไปใช้หน้าจอแสดงผลหลักแล้วพับครึ่ง กล้องจะเปลี่ยนไปใช้งานในโหมด FlexForm ซึ่งครึ่งบนจะเป็นภาพพรีวิว ส่วนครึ่งล่างจะเป็นส่วนควบคุมกล้อง ทำให้ถ่ายภาพได้สะดวกขึ้นโดยไม่ต้องใช้ขาตั้งกล้อง และไม่ต้องเอื้อมมือไปกดปุ่มชัตเตอร์ เพียงแค่กางมือ ก็จะนับถอยหลังและชัตเตอร์ให้ ซึ่งถือว่า สะดวกมากสำหรับสายถ่ายภาพคนเดียว
นอกจากนี้ ยังรองรับฟีเจอร์การถ่ายภาพอีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็น การจัดเฟรมแบบ Waist-Level, การถ่ายภาพ Time-Lapse แบบ FlexForm, โหมดโปร, โหมดวิดีโอรองรับความละเอียดสูงสุดที่ระดับ 8K รวมถึงโหมดอื่น ๆ ที่มีบน OPPO Find N2 Flip ก็มีให้ใช้งานบน OPPO Find N3 Flip เช่นกัน เรียกได้ว่า กล้องของ OPPO Find N3 Flip มีสเปกเทียบเท่ากล้องมือถือเรือธง รองรับการถ่ายภาพครบทุกระยะ อีกทั้งยังมีโปรไฟล์ภาพสไตล์ Hasselblad ที่ช่วยให้ภาพถ่ายดูสมจริงยิ่งขึ้น ให้อารมณ์ที่แตกต่างไปจากสมาร์ทโฟนรุ่นอื่น ๆ ด้วย
ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องด้านหลังของ OPPO Find N3 Flip
ตัวอย่างภาพถ่าย Portrait จากกล้องด้านหลังของ OPPO Find N3 Flip
ตัวอย่างภาพถ่ายตอนกลางคืนจากกล้องด้านหลังของ OPPO Find N3 Flip ในโหมดถ่ายภาพปกติ และโหมด Portrait
ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องด้านหน้าของ OPPO Find N3 Flip
เร็วแรงขั้นสุดด้วยชิปเซ็ต Dimensity 9200 ระดับเรือธง พร้อม RAM จุใจ 12GB
OPPO Find N3 Flip มาพร้อมกับชิปเซ็ต Dimensity 9200 ซึ่งมีจุดเด่นในเรื่องของการจัดการพลังงาน จับคู่กับหน่วยความจำ RAM ขนาด 12GB และพื้นที่จัดเก็บในตัวเครื่องขนาด 256GB สามารถทำงานหลายอย่างได้พร้อมกัน รวมถึงการเล่นเกมกราฟิกระดับสูง ก็ถือว่าทำได้ดีตามสไตล์มือถือเรือธง
ลองทดสอบประสิทธิภาพของ OPPO Find N3 Flip ด้วยโปรแกรม Geekbench 6 กันบ้าง พบว่า ทำคะแนนทดสอบได้ 1,233 คะแนน (Single-Core) และ 3,198 คะแนน (Multi-Core) ส่วนการทดสอบด้วยโปรแกรม AnTuTu ทำได้ถึง 1,078,447 คะแนนเลยทีเดียว
แบตเตอรี่ 4,300 mAh รองรับชาร์จเร็ว 44W แบบ SUPERVOOC ใช้งานได้นานตลอดวัน
OPPO Find N3 Flip มาพร้อมกับแบตเตอรี่ขนาด 4,300 mAh รองรับชาร์จเร็วแบบ SUPERVOOC ขนาด 44W ซึ่งสามารถชาร์จ OPPO Find N3 Flip จาก 0-58% ได้ในเวลาเพียง 30 นาทีเท่านั้น
สรุปประสบการณ์หลังใช้งาน OPPO Find N3 Flip
OPPO Find N3 Flip ถือว่าเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกของสมาร์ตโฟนจอพับขนาดเล็กที่น่าใช้งานอีกรุ่นหนึ่ง ซึ่งเติมเต็มส่วนที่ขาดหายไปบน OPPO Find N2 Flip รุ่นปีที่แล้วให้สมบูรณ์แบบมากยิ่งขึ้น เพราะนอกจากจะมาพร้อมกับหน้าจอด้านนอกขนาดใหญ่แล้ว จอด้านนอกยังรองรับการทำงานได้หลากหลายมากขึ้น สามารถเปิดใช้งานแอปพลิเคชันที่รองรับได้จากจอด้านนอกเลย โดยไม่จำเป็นต้องกางตัวเครื่องออก ซึ่งในส่วนนี้ถือว่าสะดวกต่อการใช้งาน และช่วยประหยัดเวลาได้มากเลยทีเดียว
อีกหนึ่งจุดเด่นที่ไม่พูดถึงก็คงจะไม่ได้ ก็คือเรื่องของกล้องถ่ายรูป ที่ใส่มาให้แบบจัดเต็ม ด้วยกล้องด้านหลังมากถึง 3 ตัว ซึ่งประกอบด้วย กล้องหลัก (Wide) ความละเอียด 50 ล้านพิกเซล, กล้อง Ultra Wide ความละเอียด 48 ล้านพิกเซล และกล้อง Telephoto ความละเอียด 32 ล้านพิกเซล ที่ทาง OPPO ยังคงพัฒนาระบบกล้องร่วมกับแบรนด์ Hasselblad เหมือนเช่นเคย อีกทั้งยังมีลูกเล่นด้านการถ่ายภาพ ด้วยการใช้ประโยชน์ของการเป็นสมาร์ตโฟนจอพับ ทำให้การถ่ายภาพคนเดียวเป็นเรื่องง่ายขึ้น ไม่ว่าจะเป็น โหมด FlexForm ที่สามารถวางเพื่อปรับหน้าจอได้หลายองศา ทำให้ได้มุมมองของภาพถ่ายที่หลากหลาย หรือเปลี่ยนมาถ่ายภาพเซลฟี่ด้วยกล้องด้านหลัง และใช้หน้าจอด้านนอกเป็น Viewfinder ทำให้ภาพเซลฟี่ที่ได้มีความละเอียด และคมชัดมากขึ้น รวมถึงฟีเจอร์ Dual Preview ที่เลือกเปิดแสดงผลพร้อมกันทั้งจอด้านนอก และด้านในได้ ทำให้คนหน้ากล้องสามารถเห็นตัวเองได้อย่างชัดเจน และโพสท่าได้อย่างมั่นใจ
ด้านการประมวลผลถือว่าทำได้ดีตามสไตล์มือถือเรือธง ซึ่งรุ่นนี้มาพร้อมกับชิปเซ็ต MediaTek Dimensity 9200 ที่ผลิตบนสถาปัตยกรรมขนาด 4 นาโนเมตร ชูจุดเด่นในเรื่องของการประหยัดพลังงาน อีกทั้งทำงานร่วมกับหน่วยความจำ RAM ขนาด 12GB และหน่วยความจำ ROM ขนาด 256GB จึงรองรับการทำงานแบบ Multitasking และการประมวลผลระดับสูงได้อย่างดีเยี่ยม
สรุปแล้ว OPPO Find N3 Flip นั้นก็ยังคงทำผลงานได้อย่างน่าประทับใจในเรื่องของสมาร์ตโฟนจอพับ ด้วยการแก้ไขข้อจำกัดที่มีในรุ่นก่อนให้สามารถใช้งานได้ดีกว่าเดิม และตอบโจทย์ชีวิตประจำวันได้มากขึ้น จนเป็นสมาร์ตโฟนจอพับที่น่าใช้ และคุ้มค่าที่สุดอีกรุ่น ณ ชั่วโมงนี้ครับ
ราคาและโปรโมชั่น OPPO Find N3 Flip
OPPO Find N3 Flip มีให้เลือกทั้งหมด 3 สี ได้แก่ สีทอง Cream Gold, สีดำ Sleek Black และสีชมพู Misty Pink เคาะราคาวางจำหน่ายที่ 34,990 บาท โดยผู้ที่สั่งซื้อ OPPO Find N3 Flip ตั้งแต่วันนี้-30 ตุลาคม 2566 รับฟรีของสมนาคุณ รวมมูลค่ากว่า 18,198 บาท ได้แก่
- OPPO Find N3 Flip Portable PU Case มูลค่า 1,199 บาท
- OPPO Enco Air 3 มูลค่า 1,999 บาท
- E-VIP Card (1 year) มูลค่า 15,000 บาท
โดยผู้ที่สนใจ สามารถจับจองเป็นเจ้าของกันได้ที่ OPPO Brand Shop และร้านตัวแทนจำหน่ายที่ร่วมรายการ หรือสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://bit.ly/3Qn8j9D
สรุปคุณสมบัติเด่นของ OPPO Find N3 Flip
- ดีไซน์บานพับลายคลื่นแบบ Micro-Carved Flowing Hinge
- กลไกบานพับ Flexion Hinge รุ่นที่ 3 ที่ผลิตจากโลหะเกรดเดียวกับอุตสาหกรรมการบิน พร้อมดีไซน์ภายในแบบ Waterdrop
- รองรับการพับมากกว่า 600,000 ครั้ง
- ความลึกของรอยพับน้อยกว่า 0.15 มิลลิเมตร
- ได้รับการรับรองมาตรฐาน Reliable Folding จากสถาบัน TÜV Rheinland
- ดีไซน์กล้องหลังแบบ Cosmos Ring
- ปุ่ม Alert Slider ที่ด้านข้างตัวเครื่อง (สลับระหว่างโหมด Silent, Vibrate และ Ring)
- รองรับการใช้งานร่วมกับเคส Portable Protective Case
- ตัวเครื่องมีคุณสมบัติของการทนน้ำตามมาตรฐาน IPX4 (น้ำกระเซ็น หรือน้ำหก)
- เซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือที่ด้านข้างตัวเครื่อง (Side Mounted Fingerprint Sensor) พร้อมระบบจดจำใบหน้า (Facial Recognition)
-------------------------------
- จอแสดงผลหลักด้านใน (Main Screen) แบบ LTPO AMOLED (Flexible) ขนาด 6.8 นิ้ว ความละเอียดระดับ FHD+ (2520x1080 พิกเซล : 403 PPI)
- อัตราการรีเฟรช (Refresh Rate) สูงสุดที่ 120Hz (LTPO Variable-Frequency Display : 1-120Hz)
- อัตราการตอบสนองของระบบสัมผัส (Touch Sampling Rate) สูงสุดที่ 240Hz
- แสดงผลสีได้ 1.07 พันล้านสี (10-bit)
- รองรับการแสดงผลช่วงสีแบบ DCI-P3 และ sRGB ได้ 100%
- รองรับการแสดงผลช่วงสีแบบ NTSC ได้ 97%
- ความสว่างสูงสุด 1600 nits
- เทคโนโลยี COE (Polarizer-Free Colour Filter on Encapsulation) สำหรับเพิ่มประสิทธิภาพของการส่งผ่านแสง และลดการบริโภคพลังงาน
- รองรับการแสดงผลคอนเทนต์แบบ HDR10+
- ได้รับการรับรองมาตรฐาน Intelligence Eye Care จากสถาบัน TÜV Rheinland
- ครอบทับด้วยกระจก SCHOTT UTG
------------------------------
- จอแสดงผลด้านนอก (Cover Screen) แบบ AMOLED ขนาด 3.26 นิ้ว ความละเอียดระดับ SD (720x382 พิกเซล : 250 PPI)
- อัตราการรีเฟรช (Refresh Rate) สูงสุดที่ 60Hz (ต่ำสุดที่ 30Hz)
- อัตราการตอบสนองของระบบสัมผัส (Touch Sampling Rate) สูงสุดที่ 120Hz
- ความสว่างสูงสุด 900 nits
- รองรับการใช้งาน Mini App, Widget, Interactive Pets (8 ชนิด), Live Weather, Wallpapers และ Layouts
- รองรับการตอบกลับข้อความ พร้อมฟังก์ชัน Speech-to-Text, Emojis และ Short Text
- ครอบทับด้วยกระจก Corning Gorilla Glass Victus
------------------------------
- ประมวลผลด้วยชิปเซ็ต MediaTek Dimensity 9200
- หน่วยประมวลผลกราฟิก (GPU) Immortalis-G715 MC11
- หน่วยความจำแรม (RAM) แบบ LPDDR5X ขนาด 12 GB
- หน่วยความจำภายในสำหรับเก็บบันทึกข้อมูล (ROM) แบบ UFS 4.0 ขนาด 256 GB
- ทำงานอยู่บนระบบปฏิบัติการ Android 13 พร้อมครอบทับด้วย ColorOS 13.2
------------------------------
- แบตเตอรี่ความจุ 4300 mAh
- ระบบชาร์จแบตเตอรี่ความเร็วสูงแบบ 44W SUPERVOOC (11V/4A), VOOC 3.0 (5V/3A) และ PD (9V/1.5A)
- ชาร์จแบตเตอรี่ได้ 50% ภายในเวลา 23 นาที
------------------------------
กล้องตัวหลักด้านหลัง 3 ตัว (Triple Camera) ประกอบด้วย
- กล้อง Wide (Main) ความละเอียด 50 ล้านพิกเซล พร้อมเซนเซอร์รับภาพ Sony IMX890 ขนาด 1/1.56 นิ้ว, เม็ดพิกเซลขนาด 1.0 ไมครอน, รูรับแสงขนาด f1.8, ทางยาวโฟกัส 24 มิลลิเมตร (มุมรับภาพ 84°), ระบบโฟกัสอัตโนมัติแบบ Multi-Directional PDAF, มอเตอร์โฟกัสแบบ Closed-Loop, ระบบป้องกันการสั่นแบบ OIS และโครงสร้างแบบ 6 ชิ้นเลนส์
- กล้อง Telephoto ความละเอียด 32 ล้านพิกเซล พร้อมเซนเซอร์รับภาพ Sony IMX709, รูรับแสงขนาด f2.0, ทางยาวโฟกัส 47 มิลลิเมตร (มุมรับภาพ 49°), ระยะซูมแบบ 2x Optical Zoom, ระบบโฟกัสอัตโนมัติแบบ PDAF และโครงสร้างแบบ 6 ชิ้นเลนส์
- กล้อง Ultra Wide ความละเอียด 48 ล้านพิกเซล พร้อมเซนเซอร์รับภาพ Sony IMX581, รูรับแสงขนาด f2.2, ทางยาวโฟกัส 14 มิลลิเมตร (มุมรับภาพ 114°), ระบบโฟกัสอัตโนมัติ, โหมด Macro (ระยะใกล้สุด 4 เซนติเมตร) และโครงสร้างแบบ 6 ชิ้นเลนส์
รวมทั้งมีการพัฒนากล้องร่วมกับบริษัท Hasselblad, เอฟเฟกต์ Hasselblad XCD Lens, Hasselblad Natural Colour Calibration, รองรับการถ่ายภาพในโหมด Multi-Angle FlexForm ด้วยการพับจอในมุมต่าง ๆ, ฟังก์ชัน Dual Preview และรองรับการบันทึกวิดีโอที่ความละเอียดสูงสุดระดับ 4K UHD (30fps)
กล้องด้านหน้าความละเอียด 32 ล้านพิกเซล
พร้อมเซนเซอร์รับภาพขนาด 1/2.74 นิ้ว, เม็ดพิกเซลขนาด 0.8 ไมครอน, รูรับแสงขนาด f2.4, ทางยาวโฟกัส 21 มิลลิเมตร (มุมรับภาพ 90°), ระบบโฟกัสอัตโนมัติ และรองรับการบันทึกวิดีโอที่ความละเอียดสูงสุดระดับ 4K UHD (30fps)
------------------------------
- ใช้งานอินเทอร์เน็ตผ่านทางระบบ Wi-Fi 5 (2.4/5 GHz), 5G, 4G LTE, 3G WCDMA และ 2G EDGE/GPRS
- เสารับสัญญาณแบบ 360°
- รองรับการใช้งานระบบซิมคู่ (Dual SIM : Nano SIM + Nano SIM)
- เชื่อมต่อข้อมูลแบบไร้สายผ่านทาง Bluetooth 5.3 และ NFC
- ระบุตำแหน่ง และนำทางด้วยระบบดาวเทียม GPS+A-GPS, Glonass, BeiDou, Galileo และ QZSS
- พอร์ต USB Type-C (USB 2.0)
- ลำโพงเสียงแบบคู่ (Dual Speakers)
สรุปคุณสมบัติโดยละเอียด (สเปก) และราคา ของ OPPO Find N3 Flip
จุดที่อาจจะต้องพิจารณาเพิ่มเติมของ OPPO Find N3 Flip
- ไม่มีพอร์ตหูฟังขนาด 3.5 มิลลิเมตร
- ไม่รองรับการชาร์จแบบไร้สาย
- ไม่รองรับการ์ดหน่วยความจำเสริมแบบ microSD Card หรือแบบอื่น ๆ
วันที่ : 30/10/2023