รีวิว OPPO A95 สดใหม่ใส่มาครบ จบในงบหลักพัน แบตอึด 5000mAh ชาร์จไว 33W Flash Charge ให้คุณสมาร์ทไปให้สุดฟอร์ม
22 พฤศจิกายน 2021 - OPPO A Series
ถือว่าเป็นสมาร์ทโฟนที่มีความโดดเด่นด้านการออกแบบดีไซน์
และกล้องถ่ายภาพมาโดยตลอด ซึ่งล่าสุดนี้ OPPO ก็ได้มีการเปิดตัวสมาร์ทโฟน A
Series รุ่นใหม่ล่าสุดในชื่อ OPPO A95 ที่มาพร้อมกับสโลแกน สมาร์ทไปให้สุดฟอร์ม
สำหรับสโลแกน สมาร์ทไปให้สุดฟอร์ม ของ OPPO A95 ก็หมายถึงคุณสมบัติภายในตัวเครื่องที่จะช่วยให้ใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพ สนุกทุกการใช้งานได้นานกว่าที่เคย ด้วยแบตเตอรี่ความจุสูงขนาด 5000mAh ที่รองรับระบบชาร์จเร็วแบบ 33W Flash Charge
พร้อมขับเคลื่อนการทำงานด้วยชิปเซ็ตประมวลผล Qualcomm Snapdragon 662 และเทคโนโลยี System Booster ที่ช่วยปรับแต่งประสิทธิภาพการทำงานให้เร็วแรงยิ่งขึ้น รวมทั้งยังมาพร้อมกับ RAM ขนาด 8GB และ ROM 128GB รวมถึงเทคโนโลยี RAM Expansion ที่จะช่วยเพิ่มหน่วยความจำ RAM ได้อีกสูงสุด 5GB เพื่อช่วยให้ทุกการใช้งานเป็นไปอย่างลื่นไหล พร้อมระบบปฏิบัติการ ColorOS 11.1 บนพื้นฐานของ Android 11 ที่มีฟีเจอร์ให้ใช้งานอย่างหลากหลาย
ด้านการออกแบบก็ยังคงดีไซน์อันสวยงามเป็นเอกลักษณ์ของ OPPO A Series เอาไว้อย่างครบถ้วน โดยมาพร้อมกับตัวเครื่องน้ำหนักเบา 175 กรัม และบางเพียง 7.95 มิลลิเมตรเท่านั้น พร้อมฝาหลังแบบ OPPO Glow Design และหน้าจอแสดงผลแบบ AMOLED FHD+ Punch-Hole Display ขนาด 6.43 นิ้วที่ช่วยให้การรับชมคอนเทนต์เป็นไปอย่างเต็มตาเต็มอรรถรส และใช้งานได้อย่างสบายตาด้วยฟีเจอร์ All-Day Eye Care อีกทั้งยังมีเซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือแบบฝังใต้หน้าจอติดตั้งมาให้อีกต่างหาก
สำหรับความสามารถของการถ่ายภาพก็ถือว่าน่าสนใจ ด้วยชุดกล้องหลัง 3 ตัว (AI 48MP Triple Camera) ที่มีฟีเจอร์หลากหลาย ผสานกับกล้องหน้าความละเอียด 16 ล้านพิกเซล ที่ไว้ใจได้เรื่องการเซลฟี่เช่นเคย
ส่วนรายละเอียดจะเป็นอย่างไร ตัวเครื่องจริงของ OPPO A95 จะสวยงามขนาดไหน และจะมีฟีเจอร์อะไรที่น่าสนใจบ้าง ไปติดตามรีวิวจากทีมงาน Thaimobilecenter กันได้เลยครับ
รูปลักษณ์ภายนอกตัวเครื่อง และการออกแบบดีไซน์
OPPO A95 มาพร้อมกับกล่องผลิตภัณฑ์สีฟ้าสวยงาม ที่ด้านหน้ามีการพิมพ์ตัวอักษร A ด้วยสีดำขนาดใหญ่สื่อถึง A Series พร้อมชื่อรุ่น OPPO A95 ให้เห็นแบบเด่นชัด
โดยอุปกรณ์ที่มาพร้อมกับชุดจำหน่ายมาตรฐานประกอบไปด้วยตัวเครื่อง, อะแดปเตอร์ชาร์จแบตเตอรี่, สาย USB Type-C, เคสกันกระแทก, เข็มจิ้มถาดซิมการ์ด, คู่มือการใช้งานแบบด่วน, ใบรับประกัน และคู่มือความปลอดภัย
สำหรับ OPPO A95 มาพร้อมกับหน้าจอแสดงผล AMOLED FHD+ Punch-Hole Display โดยเป็นหน้าจอแสดงผลแบบ AMOLED ขนาด 6.43 นิ้ว ความละเอียดระดับ FHD+ (2400x1080 พิกเซล) ที่มีขอบบางเฉียบพร้อมเจาะรูบริเวณมุมซ้ายบนสำหรับติดตั้งกล้องหน้าเซลฟี่ โดยมีสัดส่วนของพื้นที่การแสดงผลเมื่อเทียบกับตัวเครื่องที่ 90.8% ทำให้รับชมคอนเทนต์ต่าง ๆ ได้อย่างเต็มตาเต็มอารมณ์
นอกจากนี้ หน้าจอของ OPPO A95 ยังมาพร้อมกับเทคโนโลยี All-Day Eye Care ที่ใช้ AI อัจฉริยะเพื่อช่วยปรับแสงสว่างของหน้าจอให้เหมาะสมกับสภาพแวดล้อมแบบอัตโนมัติ ช่วยให้ใช้งานได้อย่างสบายตา
ที่ด้านบนของหน้าจอแสดงผลมาพร้อมกับกล้องหน้าความละเอียด 16 ล้านพิกเซล ที่มีรูรับแสงขนาด f2.4
ที่ด้านล่างของหน้าจอแสดงผลมาพร้อมกับปุ่มควบคุมแบบสัมผัสบนหน้าจอ ประกอบไปด้วย ปุ่ม Recent Apps สำหรับเรียกดูแอปพลิเคชันทั้งหมดที่เปิดใช้งาน, ปุ่ม Home สำหรับกลับไปยังหน้าโฮมสกรีน และปุ่ม Back สำหรับย้อนกลับ
ที่ด้านซ้ายของตัวเครื่องมาพร้อมกับปุ่มปรับระดับเสียง และถาดใส่ซิมการ์ดแบบ Triple Slot ซึ่งรองรับการใช้งาน 2 ซิมการ์ดแบบ nanoSIM ไปพร้อมกับการใส่การ์ดหน่วยความจำเสริมภายนอกแบบ microSD
ที่ด้านบนของตัวเครื่องไม่มีโมดูล, พอร์ต หรือปุ่มใด ๆ ติดตั้งเอาไว้
ที่ด้านขวาของตัวเครื่องมาพร้อมกับปุ่ม Power สำหรับเปิด-ปิดเครื่อง หรือล็อกหน้าจอแสดงผล
ที่ด้านล่างของตัวเครื่องประกอบไปด้วยลำโพงเสียง, พอร์ตเชื่อมต่อแบบ USB Type-C, ไมโครโฟนสำหรับสนทนา และพอร์ตหูฟังขนาด 3.5 มิลลิเมตร
สำหรับ OPPO A95 ถือว่าเป็นสมาร์ทโฟนที่ถูกออกแบบมาให้จับถือได้อย่างกระชับมือ ด้วยตัวเครื่องที่มีความโค้งมน 3 มิติ พร้อมความบางเฉียบเพียง 7.95 มิลลิเมตร และน้ำหนักเบาเพียง 175 กรัมเท่านั้น สำหรับสีที่ทุกท่านกำลังรับชมในรีวิวนี้คือ สีดำ Glowing Starry Black ส่วนอีกหนึ่งสีที่มีการนำเข้ามาวางจำหน่ายด้วยคือ สีเงิน (ประกายรุ้ง) Glowing Rainbow Silver
สำหรับฝาหลังของ OPPO มาพร้อมกับดีไซน์แบบ OPPO Glow Design ที่ให้เอฟเฟกต์ระยิบระยับ พร้อมพื้นผิวแบบด้านที่สามารถส่องประกายได้ราวกับเพชรนับล้านที่ฝังอยู่บนฝาหลัง ช่วยให้ตัวเครื่องดูมีความเรียบหรูพรีเมียมมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ฝาหลังที่มีดีไซน์แบบ OPPO Glow Design ยังมีคุณสมบัติช่วยป้องกันรอยนิ้วมือ ทำให้ตัวเครื่องดูมีความสวยหรูอยู่ตลอดเวลา พร้อมผ่านการทดสอบมาอย่างมากมาย เช่น การเสียดสีกับวัสดุต่าง ๆ หรือการเผาไหม้ เพื่อให้มั่นใจได้ว่าฝาหลังแบบ OPPO Glow Design จะมีความทนทานพร้อมตอบโจทย์ทุกรูปแบบการใช้งานในชีวิตประจำวัน
ภายใต้ตัวเครื่องสวย ๆ แบบนี้มาพร้อมกับแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ถึง 5000 mAh เพื่อมอบประสบการณ์การใช้งานที่ยาวนาน ที่รองรับระบบชาร์จเร็วแบบ 33W Flash Charge ซึ่งสามารถชาร์จแบตเตอรี่จาก 0-54% ได้ในเวลาเพียง 30 นาทีเท่านั้น หรือหากต้องการใช้ด่วน ก็ใช้เวลาชาร์จเพียง 5 นาที ซึ่งเพียงพอต่อการรับชม YouTube เป็นระยะเวลานานสูงสุด 1.81 ชั่วโมง, สนทนาได้นานสูงสุด 5.73 ชั่วโมง หรือเล่น Instagram ได้นานต่อเนื่องสูงสุด 1.37 ชั่วโมงเลยทีเดียว
ที่ด้านบนมาพร้อมกับชุดกล้องหลัง AI 3 ตัว ความละเอียดสูงสุด 48 ล้านพิกเซล (AI 48MP Triple Camera) ที่จัดวางอยู่บนโมดูลสี่เหลี่ยมผืนผ้าสีดำ พร้อมตกแต่งเลนส์ด้วยวงแหวนที่สลักด้วยกระบวนการแกะสลักจากภายนอก (External Etching) และมีกลิตเตอร์ระยิบระยับเข้ากันกับฝาหลังได้อย่างลงตัว โดยกล้องแต่ละตัวมีรายละเอียดดังนี้
- กล้องตัวหลัก (Main) ความละเอียด 48 ล้านพิกเซล พร้อมเซนเซอร์รับภาพขนาด 1/2.0 นิ้ว, เม็ดพิกเซลขนาด 0.8 ไมครอน, รูรับแสงขนาด f1.7, ทางยาวโฟกัส 26 มิลลิเมตร (มุมรับภาพ 79 องศา), ระบบโฟกัสอัตโนมัติแบบ PDAF และโครงสร้างแบบ 6 ชิ้นเลนส์
- กล้อง Depth ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล พร้อมรูรับแสงขนาด f2.4, มุมรับภาพ 89 องศา และโครงสร้างแบบ 3 ชิ้นเลนส์
- กล้อง Macro ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล
พร้อมรูรับแสงขนาด f2.4, มุมรับภาพ 89 องศา และโครงสร้างแบบ 3 ชิ้นเลนส์
เปิดเครื่องใช้งาน พร้อมการทดสอบฟังก์ชัน และแอปพลิเคชันต่าง ๆ
OPPO A95 มาพร้อมกับระบบปฏิบัติากร Android 11 ครอบทับด้วย ColorOS 11.1 ที่มาพร้อมกับจุดเด่นด้านการใช้ งานที่ง่าย และมีประสิทธิภาพตามแนวคิด Make Life Flow
ในหน้า Home Screen มีการติดตั้งแอปพลิเคชันพื้นฐานที่พร้อมสำหรับการใช้งานทุกไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตแบบ ครบถ้วน พร้อมแอปพลิเคชันด้านความบันเทิงอย่าง Netflix, TikTok ไปจนถึง WeTV
เมื่อลากนิ้วจากบนลงล่างจะพบกับ Notification Drawer ซึ่งเป็นศูนย์รวมคีย์ลัดสำหรับตั้งค่าตัวเครื่องแบบเร่งด่วน สามารถจัดตำแหน่งไอคอนคีย์ลัดได้ด้วยตนเองผ่านการแตะไอคอนบริเวณมุมขวาบน
OPPO A95 รองรับการใช้งานแบบ 2 ซิมการ์ด และรองรับการเชื่อมต่อบนเครือข่าย 4G LTE รวมถึงเทคโนโลยี Wi-Fi Calling ทั้งสองซิมการ์ด
สามารถปรับเปลี่ยนธีม, ภาพพื้นหลัง, รูปแบบไอคอน, การจัดเรียงแอปพลิเคชัน, แอนิเมชันการสแกนลายนิ้วมือ, สีสันของธีมตัวเครื่อง, ขนาดตัวอักษร ไปจนถึงไอคอนของ Notification Drawer ได้ที่เมนู Personalizations
รองรับฟีเจอร์ Dark Mode สำหรับ ปรับการแสดงผลของตัวเครื่องให้อยู่ในโทนสีดำ เพื่อช่วยประหยัดการใช้พลังงาน
พร้อมฟีเจอร์ Eye Comfort สำหรับปรับอุณหภูมิสีของหน้าจอให้อยู่ในโทนอุ่นเพื่อช่วยให้ใช้งานได้อย่างสบายตามาก ยิ่งขึ้น
สามารถปรับการแสดงสีสันของหน้าจอได้ทั้งหมด 2 รูปแบบ ได้แก่ Vivid และ Gentle
มาพร้อมกับระบบเสียงแบบ Real Sound Technology ที่สามารถปรับการเล่นเสียงได้ทั้งหมด 4 รูปแบบ ได้แก่ Smart สำหรับปรับเสียงให้เหมาะสมกับคอนเทนต์ที่แสดงอยู่แบบอัตโนมัติ, Movie ปรับเสียงพูดให้ชัดเจน และเล่นเสียงแบบรอบทิศทาง เหมาะแก่การรับชมภาพยนตร์, Game สำหรับปรับเสียงให้เหมาะแก่การเล่นเกม และ Music สำหรับปรับเสียงร้อง รวมถึงเสียงดนตรีให้มีความสมจริงยิ่งขึ้น
มาพร้อมกับเครื่องมืออัจฉริยะที่จะช่วยให้ใช้ งานได้อย่างสะดวกมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะ FlexDrop ที่ช่วย ให้ผู้ใช้สามารถเปิดใช้งานแอปพลิเคชันต่าง ๆ ได้พร้อมกันแบบหน้าต่างลอย และยังสามารถปรับขนาดของหน้าต่างแอปพลิเคชันให้มีขนาดที่เหมาะสมกับการใช้งานได้อีก ด้วย
Gestures & motions สำหรับ สั่งการสมาร์ทโฟนด้วยท่าทาง และการสัมผัสในรูปแบบต่าง ๆ เช่น ใช้ 3 นิ้วลากลงบนหน้าจอเพื่อบันทึกภาพหน้าจอ, ยกสมาร์ทโฟนขึ้นเพื่อปลุกหน้าจอแสดงผล หรือคว่ำหน้าจอสมาร์ทโฟนเมื่อมีสายเรียกเข้า เพื่อปิดเสียงแจ้งเตือน เป็นต้น
รวมถึง Quick Return Bubble ที่ จะแสดงข้อมูลของเกมเมื่อผู้ใช้ออกมายังหน้าโฮมสกรีนขณะเล่นเกม เหมาะสำหรับเกมที่จำเป็นต้องมีการรอคอยในช่วงแรกยกตัวอย่างเช่นในเกม PUBG : Mobile ที่ต้องใช้เวลาในการรวบรวมผู้เล่นก่อนเริ่มเกม ทำให้ผู้ใช้สามารถเล่นแอปพลิเคชันอื่น ๆ รอได้โดยที่ไม่พลาดการเริ่มต้นของเกมนั่นเอง
ในส่วนของระบบความปลอดภัย รองรับระบบปลดล็อกด้วยลายนิ้วมือบนหน้าจอ และการสแกนใบหน้า
พร้อมรองรับ Private Safe สำหรับ เก็บไฟล์รูปภาพ วิดีโอ เสียง เอกสาร และไฟล์ส่วนตัวอื่น ๆ เอาไว้ในตู้เซฟแบบเสมือน โดยจะมีเพียงผู้ที่รู้รหัสผ่านเท่านั้นที่สามารถเข้าถึงได้ และยังสามารถซิงค์ข้อมูลต่าง ๆ ขึ้นไปเก็บไว้บนบริการ HeyTap Cloud ได้อีกด้วย
รองรับ App Lock สำหรับล็อก แอปพลิเคชันที่ต้องการ โดยจะต้องใส่รหัสผ่านก่อนเข้าใช้งานทุกครั้งเพื่อปกป้องความเป็นส่วนตัวมากยิ่งขึ้น
มีฟีเจอร์ All-scenario SOS โดยเมื่อผู้ใช้กดปุ่ม Power ติดต่อกันอย่างรวดเร็วเป็นเวลา 5 ครั้ง ก็จะสามารถเข้าถึงเบอร์ติดต่อฉุกเฉิน เช่น การเรียกรถพยาบาล หรือการเรียกเจ้าหน้าที่ตำรวจ พร้อมแสดงข้อมูลทางการแพทย์ของผู้ใช้เพื่อการช่วยเหลือที่รวดเร็ว ไม่ว่าจะเป็น กรุ๊ปเลือด, น้ำหนัก หรือส่วนสูง และยังมีฟีเจอร์ SOS Flashlight ที่จะยิงไฟแฟลชเป็นจังหวะในกรณีที่ผู้ใช้ต้องการขอ ความช่วยเหลือ และฟีเจอร์ Buzzer ที่จะส่งสัญญาณแจ้งเตือน ให้ผู้อื่นรับทราบ
และที่สำคัญยังมาพร้อมกับฟีเจอร์ RAM Expansion ที่สามารถปรับเปลี่ยนหน่วยความจำภายในบางส่วนมาเป็น หน่วยความจำ RAM ขนาดสูงสุด 5GB เพื่อช่วยให้สมาร์ทโฟนมี RAM มากเพียงพอต่อการใช้งาน เพื่อช่วยให้สมาร์ทโฟนสามารถประมวลผลได้อย่างลื่นไหล รวมทั้งยังมีฟีเจอร์ System Booster ที่จะช่วยเพิ่ม ประสิทธิภาพในการประมวลผลเพื่อให้ใช้งานได้อย่างลื่นไหลในทุกสถานการณ์
ในส่วนของแบตเตอรี่ก็มาพร้อมกับฟีเจอร์ที่ช่วย ให้ใช้งานได้ยาวนาน และปกป้องสมาร์ทโฟนขณะชาร์จแบตเตอรี่ ไม่ว่าจะเป็น Super Power Saving Mode สำหรับปรับรูปแบบการทำงานให้ประหยัดพลังงาน ระดับสูงสุด ทำให้สามารถใช้ฟังก์ชันพื้นฐานของสมาร์ทโฟนได้แม้ว่าแบตเตอรี่จะเหลือน้อย
Super Nighttime Standby ที่ จะปรับโหมดการทำงานของสมาร์ทโฟนให้อยู่ในโหมดสแตนด์บายเมื่อผู้ใช้นอนหลับ โดย แบตเตอรี่จะลดลงเพียง 2% ในระยะเวลา 8 ชั่วโมง
นอกจากนี้ ยังมาพร้อมกับ Battery Guard และ AI Night Charge ที่จะเรียนรู้ พฤติกรรมการชาร์จขณะนอนหลับของผู้ใช้ โดยระบบจะทำการชาร์จแบตเตอรี่ให้ถึงระดับ 80% ขณะที่เราหลับ และจะชาร์จอีก 20% ที่เหลือภายในเวลา 60 นาทีก่อนที่ผู้ใช้จะตื่น เพื่อช่วยถนอมอายุของแบตเตอรี่ให้ใช้งานได้นานยิ่งขึ้น รวมทั้งยังมีฟีเจอร์ Charging Heat Control ซึ่งเป็นฟังก์ชันสำหรับควบคุมอุณหภูมิขณะชาร์จ แบตเตอรี่ให้มีความปลอดภัย ผ่านการทำงานร่วมกันระหว่างฮาร์ดแวร์ และซอฟท์แวร์
มาดูที่ประสิทธิภาพการทำงานกันบ้าง OPPO A95 มาพร้อมกับชิปเซ็ตประมวลผลแบบ Qualcomm Snapdragon 662 ทำ งานคู่กับหน่วยความจำ RAM ขนาด 8GB ที่ มีเทคโนโลยี RAM Expansion ขนาดสูงสุด 5GB และหน่วยความจำภายในความจุ 128GB โดยจะรันด้วยระบบปฏิบัติ การ Android 11 ครอบทับด้วย ColorOS 11.1 ตั้งแต่แกะกล่อง
ทดสอบประสิทธิภาพการทำงานโดยรวมด้วยแอปพลิเค ชัน AnTuTu พบว่า ทำคะแนนได้ทั้งหมด 200,331 คะแนน
ทดสอบประสิทธิภาพการประมวลผลของหน่วยประมวลผลกลาง (CPU) ด้วยแอปพลิเคชัน Geekbench พบว่า ทำคะแนนการประมวลผลแบบ Singe-Core ได้ทั้งหมด 304 คะแนน และทำคะแนนการประมวลผลแบบ Multi-Core ได้ทั้งหมด 1,253 คะแนน
ทดสอบการประมวลผลของหน่วยประมวลผลกราฟิก (GPU) ด้วยแอปพลิเคชัน 3DMark พบว่า ทำคะแนนได้ทั้งหมด 385 คะแนน
เมื่อนำไปทดสอบการเล่นเกม Battle Royale ที่มีกราฟิกสวยงาม และมีการโหลดทรัพยากรภายในเกมเป็นจำนวนมากอย่าง PUBG : New State พร้อมปรับกราฟิก และเฟรมเรทในระดับ High ก็พบว่า สามารถเล่นเกมได้ค่อนข้างลื่นไหลพอสมควร แต่จะมีอาการสะสมความร้อนให้พอสังเกตได้เมื่อเล่นต่อเนื่องเป็นระยะเวลาหนึ่ง
ในส่วนของการเล่นเกม OPPO A95 ก็มีฟีเจอร์ที่ตอบโจทย์เหล่าเกมเมอร์โดยเฉพาะ เริ่มตั้งแต่ Hyper Boost ที่จะช่วยเพิ่มความเสถียรของเฟรมเรทระหว่างเล่นเกม ลดความหน่วงของการสัมผัส พร้อมลดการใช้พลังงาน, Game Assistant แถบ เครื่อง มือที่สามารถเรียกใช้งานได้ขณะเล่นเกมแบบเต็มหน้าจอ โดยผู้ใช้สามารถตรวจสอบเฟรมเรท (FPS), ปรับความสว่างของหน้าจอแสดงผล รวมถึงฟีเจอร์ Bullet Notification ที่จะย่อขนาดของการแจ้งเตือนไม่ให้บดบังจอภาพขณะเล่นเกม เพื่อให้ผู้ใช้ไม่พลาดทุกเหตุการณ์สำคัญภายในเกม
Game Space ที่ผู้ใช้สามารถเพิ่มเกมที่ชื่นชอบเข้าไปได้ พร้อมฟีเจอร์สำหรับปรับการทำงานของตัวเครื่องในรูปแบบต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น Low power mode สำหรับเน้นประหยัดพลังงานให้เล่นเกมได้นานขึ้น, Balanced mode สำหรับรักษาสมดุลระหว่างประสิทธิภาพการเล่นเกม และแบตเตอรี่ รวมถึง Pro Gamer mode ที่รีดประสิทธิภาพการ ทำงานของตัวเครื่องในระดับสูงสุด เหมาะแก่การเล่นเกมในระดับโปร
การใช้งานกล้องสำหรับถ่ายภาพ และวิดีโอ
ในส่วนของฟีเจอร์ด้านการถ่ายภาพ OPPO A95 ก็จัดเต็มมาให้พร้อมสำหรับบันทึกภาพความประทับใจในทุกสถานการณ์ โดยที่ด้านบนสามารถเปิดใช้งานฟีเจอร์ต่าง ๆ เกี่ยวกับการถ่ายภาพได้อย่างครบถ้วน ไม่ว่าจะเป็น การเปิด-ปิด ไฟแฟลช, เปิด-ปิด HDR, เปิด-ปิด AI Scene enhancement และการเปิดใช้งานฟิลเตอร์
มาพร้อมกับโหมดถ่ายภาพแบบ Portrait สำหรับถ่ายภาพแบบหน้าชัดหลังเบลอ โดยสามารถละลายฉากหลังได้สูงสุด 100 ระดับ
Night Mode สำหรับถ่ายภาพกลางคืนให้มีความสว่างคมชัดโดยไม่ต้องใช้ขาตั้งกล้อง
พร้อมโหมดถ่ายภาพอื่น ๆ ที่น่าสนใจซึ่งถูกจัดเก็บไว้ในแถบ More เช่น โหมด Macro สำหรับถ่ายภาพในระยะใกล้, โหมด Pano สำหรับถ่ายภาพแบบพาโนรามา ไปจนถึงโหมด Expert สำหรับปรับแต่งการตั้งค่าของกล้องถ่ายภาพด้วยตนเอง
รองรับการถ่ายวิดีโอที่ความละเอียดสูงสุดระดับ 1080P ที่ระดับ 30FPS พร้อมระบบป้องกันภาพสั่นไหวแบบ Steady Video
ในส่วนของกล้องหน้าเซลฟี่ ก็มาพร้อมกับโหมดการถ่ายภาพที่จัดเต็มไม่แพ้กล้องหลัง เริ่มตั้งแต่ โหมดถ่ายภาพเซลฟี่แบบหน้าชัดหลังเบลอที่ผู้ใช้สามารถปรับระดับการเบลอของฉากหลังได้ 100 ระดับ
Night Mode สำหรับถ่ายภาพเซลฟี่ในที่แสงน้อยให้มีความสว่างคมชัดมากยิ่งขึ้น
พร้อมรองรับการถ่ายวิดีโอด้วยกล้องหน้าที่ความ ละเอียดสูงสุด 1080P ที่ระดับ 30FPS
ตัวอย่างภาพถ่ายจาก AI
3 กล้องหลัง ความละเอียดระดับ 48+2+2 ล้านพิกเซล ของ OPPO A95
ภาพถ่ายจากโหมดปกติ
ภาพถ่ายจาก Night Mode
ภาพถ่ายจากโหมด Macro
ภาพถ่ายจากโหมด Portrait
ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องหน้า ความละเอียด 16 ล้านพิกเซลของ OPPO A95
ภาพถ่ายจากโหมดปกติ
ภาพถ่ายจากโหมด Portrait
สรุปผลการทดสอบของ OPPO A95
OPPO A95 เป็นอีกหนึ่งสมาร์ทโฟน A Series ที่พกพาความโดดเด่นด้านคุณสมบัติการใช้งานที่ครบเครื่องตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์การใช้งานเป็นอย่างยิ่ง โดยมาพร้อมกับแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ถึง 5000 mAh ที่ช่วยให้สามารถใช้งานได้อย่างยาวนานโดยที่ไม่จำเป็นต้องชาร์จแบตเตอรี่อยู่บ่อย ๆ ทำให้ผู้ใช้ไม่พลาดทุกความสนุก รวมทั้งยังมาพร้อมกับระบบชาร์จเร็ว 33W Flash Charge ที่ช่วยเติมแบตเตอรี่กลับเข้าสู่ตัวเครื่องได้อย่างรวดเร็ว หรือหากต้องการใช้ด่วนก็ใช้เวลาชาร์จเพียง 5 นาทีเท่านั้น
ด้านประสิทธิภาพการทำงาน อาศัยพลังของชิปเซ็ตประมวลผล Qualcomm Snapdragon 662 ที่มีจุดเด่นด้านความเร็ว และการประหยัดพลังงาน พร้อมเทคโนโลยี System Booster ที่ช่วยให้การประมวลผลโดยรวมเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ยังมาพร้อมกับ RAM ขนาด 8GB ที่มีฟีเจอร์ RAM Expansion สำหรับขยาย RAM ได้อีกสูงสุด 5GB เพื่อให้ทุกการใช้งานเป็นไปอย่างลื่นไหล พร้อมพื้นที่เก็บบันทึกข้อมูลภายในตัวเครื่องขนาด 128GB ที่สามารถเพิ่มพื้นที่หน่วยความจำด้วยการ์ดแบบ microSD ได้อีก ทำให้เก็บข้อมูลต่าง ๆ ได้อย่างจุใจ
ทางด้านดีไซน์ก็มาพร้อมกับการออกแบบที่เป็น เอกลักษณ์ด้วยฝาหลังแบบ OPPO Glow Design ที่มีประกายระยิบระยับให้ความรู้สึกเรียบหรูพรีเมียม บนตัวเครื่องที่มีความบางเฉียบเพียง 7.95 มิลลิเมตร และน้ำหนักเบาเพียง 175 กรัม ทำให้สามารถจับถือได้อย่างถนัดมือ กับหน้าจอแสดงผลแบบ AMOLED FHD+ Punch-Hole Display ขนาด 6.43 นิ้ว ที่มอบประสบการณ์ของการแสดงผลได้อย่างสวยงามเต็มตาเต็มอารมณ์
ในส่วนของการถ่ายภาพก็ถือว่าน่าสนใจไม่แพ้กัน โดยมาพร้อมกับชุดกล้อง AI 3 ตัว ความละเอียดสูงสุด 48 ล้านพิกเซล (AI 48MP Triple Camera) ที่ถ่ายภาพได้สวยงาม พร้อมฟีเจอร์การถ่ายภาพที่ใช้งานได้ง่าย เหมาะแก่การถ่ายภาพในทุกสถานการณ์ ไม่ว่าจะเป็นโหมด Portrait สำหรับถ่ายภาพหน้าชัดหลังเบลอ ไปจนถึง Night Mode สำหรับถ่ายภาพกลางคืนได้อย่างคมชัด และกล้องหน้าความละเอียด 16 ล้านพิกเซล ก็ยังคงไว้ใจได้สำหรับสายเซลฟี่เช่นเคยว่าจะถ่ายออกมาสวยหล่ออย่างง่าย ๆ ด้วยฟีเจอร์ AI Beautification และ Intelligent Skin Tone แถมยังรองรับโหมดกลางคืน และโหมด Portriat ได้เช่นเดียวกับกล้องหลัง
สรุปแล้วหากตอนนี้ใครกำลังมองหาสมาร์ทโฟนเครื่องใหม่ในงบประมาณไม่เกิน 1 หมื่นบาท ที่มีจอสวยใหญ่, แบตอึดชาร์จไว, กล้องที่มีฟีเจอร์หลากหลาย, ระบบสดใหม่, ใช้งานลื่นไหล และดีไซน์สวยบางเบาพกพาง่าย OPPO A95 รุ่นนี้ก็เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่ตอบโจทย์ท่านได้ครับ
สำหรับท่านใดที่สนใจ OPPO A95 ก็สามารถจับจองเป็นเจ้าของได้ในราคา 9,499 บาท พร้อมโปรโมชั่นพิเศษสำหรับผู้ที่สั่งซื้อล่วงหน้าระหว่างวันที่ 19-23 พฤศจิกายน 2564 รับฟรีของสมนาคุณรวมมูลค่ากว่า 5,199 บาท ที่ OPPO Brand Shop และตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศ
หรืออีกหนึ่งทางเลือกที่น่าสนใจคือ สามารถซื้อได้ในราคาเริ่มต้นเพียง 3,999 บาท เมื่อสั่งซื้อพร้อมแพ็กเกจกับผู้ให้บริการเครือข่ายที่ร่วมรายการ ได้แก่ AIS, TrueMove H และ dtac
สุดท้ายนี้ ต้องขอขอบคุณทาง OPPO ประเทศไทย ที่ให้ความไว้วางใจส่งเครื่อง OPPO A95 มาให้ทางทีมงานได้ทำการรีวิวให้ท่านผู้อ่านได้รับชมกัน สำหรับวันนี้ต้องขอลาไปก่อน พบกันได้ใหม่ในโอกาสหน้า สวัสดีครับ
จุดเด่นของ OPPO A95
- ดีไซน์แบบ OPPO Glow Design ฝาหลังมีประกายระยิบระยับคล้ายกับเพชรนับล้าน
พร้อมคุณสมบัติปกป้องรอยนิ้วมือ และมีความทนทานต่อรอยขีดข่วน
- การตกแต่งเลนส์กล้องด้วยวงแหวนที่สร้างจากกระบวนการแกะสลักจากภายนอก (External Etching Process)
- ระบบระบายความร้อนแบบ Graphite Tube Dissipation
- ตัวเครื่องมีคุณสมบัติของการทนน้ำ และทนฝุ่น ตามมาตรฐาน IPX4 (ทนน้ำกระเซ็น)
- ตัวเครื่องมีความบางเฉียบเพียง 7.95 มิลลิเมตร และน้ำหนักเบาเพียง 175 กรัม
--------------------------------------------------------------------
- จอแสดงผลแบบ AMOLED Punch-Hole Display ขนาด 6.43 นิ้ว ความละเอียดระดับ FHD+ (2400x1080 พิกเซล : 409 PPI) พร้อมอัตราการรีเฟรชสูงสุดที่ 60Hz, อัตราการตอบสนองของระบบสัมผัสสูงสุดที่ 180Hz, พื้นที่แสดงผล 90.8%, อัตราส่วนหน้าจอแบบ 20:9, รองรับช่วงสีแบบ DCI-P3 ได้ 92%, รองรับช่วงสีแบบ sRGB ได้ 100%, ค่า Contrast Ratio 1,000,000:1, ระดับความสว่างสูงสุด 800 nits และ ฟีเจอร์ All-Day AI Eye Care
- เซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือแบบฝังใต้หน้าจอ (In-Display Fingerprint Sensor) พร้อมระบบปลดล็อกด้วยใบหน้า (Face Unlock)
--------------------------------------------------------------------
- ชิปเซ็ตประมวลผล Qualcomm Snapdragon 662 ความเร็วในการประมวลผล 2.0 GHz พร้อมฟีเจอร์ System Booster และ HyperBoost
- หน่วยประมวลผลกราฟิก (GPU) Adreno 610
ความเร็วในการประมวลผล 950MHz
- หน่วยความจำแรม (RAM) แบบ LPDDR4X ขนาด 8GB
- ฟีเจอร์ RAM Expansion สำหรับช่วยขยายขนาด RAM เพิ่มเติมได้สูงสุด 5 GB
- หน่วยความจำภายในสำหรับเก็บบันทึกข้อมูล (ROM) ขนาด 128 GB
- รองรับการ์ดหน่วยความจำเสริมแบบ microSD
- แบตเตอรี่ความจุ 5000 mAh พร้อมระบบชาร์จแบตเตอรี่ความเร็วสูงแบบ 33W Flash Charge ที่สามารถชาร์จแบตเตอรี่ได้ 54% ภายในเวลา 30 นาที
- ทำงานอยู่บนระบบปฏิบัติการ Android 11 พร้อมครอบทับด้วย ColorOS 11.1
--------------------------------------------------------------------
กล้องดิจิทัลด้านหลัง 3 ตัว (AI 48MP Triple Camera)
ประกอบด้วย
- กล้องตัวหลัก (Main) ความละเอียด
48 ล้านพิกเซล พร้อมเซนเซอร์รับภาพขนาด 1/2.0 นิ้ว, เม็ดพิกเซลขนาด 0.8 ไมครอน, รูรับแสงขนาด f1.7, ทางยาวโฟกัส 26 มิลลิเมตร (มุมรับภาพ 79 องศา), ระบบโฟกัสอัตโนมัติแบบ PDAF และโครงสร้างแบบ 6 ชิ้นเลนส์
- กล้อง Depth ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล พร้อมรูรับแสงขนาด f2.4, มุมรับภาพ 89 องศา และโครงสร้างแบบ 3 ชิ้นเลนส์
- กล้อง Macro ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล
พร้อมรูรับแสงขนาด f2.4, มุมรับภาพ 89 องศา และโครงสร้างแบบ 3 ชิ้นเลนส์
พร้อมฟังก์ชัน AI Scene Enhancement สำหรับวิเคราะห์ฉาก และวัตถุ พร้อมกับปรับแต่งภาพถ่ายให้มีความสวยงาม, โหมด Portrait สำหรับถ่ายภาพนิ่งแบบหน้าชัดหลังละลาย, Night Mode สำหรับถ่ายภาพกลางคืนให้มีความสว่างคมชัดโดยไม่ต้องใช้ขาตั้งกล้อง, รองรับการถ่ายวิดีโอที่ความละเอียดสูงสุดระดับ FHD 1080P (30 fps) และระบบป้องกันการสั่นแบบ EIS (Electronic Image Stabilization : FHD 1080P 30fps) กับ Steady Video
กล้องด้านหน้าความละเอียด 16 ล้านพิกเซล
พร้อมเซนเซอร์รับภาพขนาด 1/3.06 นิ้ว, เม็ดพิกเซลขนาด 1.0 ไมครอน, รูรับแสงขนาด f2.4, ทางยาวโฟกัส 27 มิลลิเมตร (มุมรับภาพ 78 องศา), โครงสร้างแบบ 5 ชิ้นเลนส์, ฟีเจอร์ Intelligent Skin Tone, ฟีเจอร์ AI Beautification, Night Mode, โหมด Portrait และรองรับการถ่ายวิดีโอที่ความละเอียดระดับ 1080P FHD (1920x1080 พิกเซล : 30 fps)
--------------------------------------------------------------------
- รองรับการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตผ่านทางระบบ Wi-Fi Dual Band (2.4/5 GHz), 4G LTE, 3G, EDGE และ GPRS
- เชื่อมต่อข้อมูลแบบไร้สายผ่านทาง Bluetooth 5.0
- ระบุตำแหน่ง และนำทางด้วยระบบดาวเทียม GPS+A-GPS, Glonass, Galileo และ BeiDou
- พอร์ต USB Type-C (USB 2.0) พร้อมรองรับ OTG (USB On-The-Go)
- พอร์ตหูฟังขนาด 3.5 มิลลิเมตร
--------------------------------------------------------------------
- โหมด Game Focus พร้อมฟีเจอร์ Game Space, Game Assistant, การแจ้งเตือนแบบ Bullet (Bullet Notification) และหน้าต่างแบบลอย
- ฟังก์ชัน FlexDrop และ App Lock
- แอปพลิเคชัน Emergency SOS และ Private Safe
จุดที่อาจจะต้องพิจารณาเพิ่มเติมของ OPPO
A95
- ไม่รองรับการใช้งานร่วมกับเครือข่าย 5G
- ลำโพงเสียงเป็นแบบเดี่ยว
- ไม่มีกล้องมุมกว้างพิเศษ (Ultra Wide)
- ไม่รองรับการถ่ายวิดีโอความละเอียดระดับ 4K หรือถ่ายวิดีโอที่เฟรมเรทระดับ 60fps
- ไม่มีไมโครโฟนตัวที่สองสำหรับตัดเสียงรบกวน
สรุปคุณสมบัติของ OPPO A95
ท่านสามารถตรวจสอบคุณสมบัติ (สเปก) และราคา ของ OPPO A95 ได้โดยการคลิกที่ลิงก์ด้านล่างนี้
สรุปคุณสมบัติ (สเปก) และราคา ของ OPPO A95
โปรดทราบ
* โทรศัพท์มือถือที่ท่านเห็นในบทความรีวิวนี้เป็นเพียงเครื่องทดสอบจากทางผู้ผลิต เพราะฉะนั้นคุณสมบัติบางอย่างอาจมีความแตกต่างจากเครื่องที่วางจำหน่ายจริงบ้างไม่มากก็น้อย รวมถึงจุดด้อยบางประการที่พบในเครื่องทดสอบ อาจจะถูกแก้ไขปรับปรุงให้ดีขึ้นในเครื่องที่วางจำหน่ายจริง ดังนั้นหากท่านสนใจซื้อโทรศัพท์มือถือรุ่นนี้ ควรตรวจสอบ หรือทดลองใช้งานสินค้าด้วยตนเองอีกครั้งหนึ่ง *
วันที่ : 22/11/2021