รีวิว (Review) iPhone 8 Plus
ไอโฟนกล้องคู่รุ่นอัปเกรด บนบอดี้กระจกโฉมใหม่ พร้อมพลังชิปเซ็ต A11 Bionic ที่เร็วแรงที่สุด, กล้องคู่ (Dual Camera) ที่ดีขึ้น, ฟังก์ชัน Portrait Lighting, ถ่ายวิดีโอ 4K 60fps, หน่วยความจำที่ใหญ่ขึ้น, จอ True Tone, เทคโนโลยีชาร์จแบบไร้สาย, เทคโนโลยีชาร์จความเร็วสูง และเทคโนโลยี AR ที่จะเปิดประสบการณ์ใหม่ให้ผู้ใช้ไอโฟน!
Review
Date (20-พฤศจิกายน-2560)
วางจำหน่ายอย่างเป็นทางการในประเทศไทยเป็นที่เรียบร้อยแล้วสำหรับ iPhone 8 และ iPhone 8 Plus สองไอโฟนรุ่นใหม่ล่าสุดที่การกลับมาในครั้งนี้ก็มาพร้อมกับดีไซน์ที่แตกต่างออกไปจากเดิม ด้วยการใช้งานตัวเครื่องแบบ Metal-Glass ซึ่งเอื้อให้รองรับการชาร์จแบตเตอรี่แบบไร้สาย (Wireless Charging) ด้วย นอกจากนี้ขุมพลังรุ่นใหม่อย่างชิปเซ็ตประมวลผล Apple A11 Bionic ก็มาพร้อมความเร็วแรงที่สุดในโลกสมาร์ทโฟน ณ ขณะนี้ด้วย ซึ่งในวันนี้ทางทีมงานก็จะมารีวิว (Review) iPhone 8 Plus ให้ทุกท่านได้รับชมกันครับว่าไอโฟนรุ่นใหม่นี้มาพร้อมคุณสมบัติตัวเครื่อง และฟีเจอร์ที่น่าสนใจอย่างไรบ้าง มาแกะกล่องพร้อมชมการใช้งานเบื้องต้นไปพร้อมกันได้เลยครับ
รูปลักษณ์ภายนอกตัวเครื่อง และการออกแบบดีไซน์
ตัวเครื่อง iPhone 8 Plus มีขนาด 158.4x78.1x7.5 มิลลิเมตร น้ำหนัก 202 กรัม พร้อมใช้งานหน้าจอแสดงผลแบบ Retina HD ขนาด 5.5 นิ้ว ความละเอียดระดับ Full HD 1080p (1080x1920 พิกเซล) ความหนาแน่นของเม็ดพิกเซล 401 ppi
ด้านหน้าส่วนบนประกอบด้วย Proximity Sensor สำหรับการปิดหน้าจอแบบอัตโนมัติขณะสนทนา เพื่อประหยัดพลังงาน และ Ambient Light Sensor สำหรับตรวจวัดระดับความสว่างของสภาพแวดล้อม เพื่อปรับความสว่างของหน้าจอและแผงปุ่มกดให้เหมาะสม, ลำโพงสำหรับฟังเสียงในการสนทนา และกล้องด้านหน้าความละเอียด 7 ล้านพิกเซล, ขนาดรูรับแสงกว้างสูงสุดที่ F/2.2 และบันทึกวิดีโอได้ที่ความละเอียดสูงสุด Full HD
ด้านหน้าส่วนล่างประกอบด้วย ปุ่มโฮม และเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือ (Touch ID)
ด้านล่างประกอบด้วย ลำโพงหลักของตัวเครื่องแบบคู่ (Dual-Speaker), ไมโครโฟนสำหรับการสนทนา และช่องเชื่อมต่อ Lightning Port
ด้านขวาประกอบด้วย ถาดใส่ซิมการ์ดแบบ nanoSIM และปุ่ม เปิด-ปิด เครื่อง หรือล็อกหน้าจอ
ด้านซ้ายประกอบด้วย ปุ่มเปิด-ปิด เสียง (หรือล็อกการหมุนของหน้าจอ) และปุ่ม เพิ่ม-ลด ระดับเสียง
ด้านหลังประกอบด้วย กล้องด้านหลังแบบคู่ (Dual-Camera) ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล, ใช้งานเลนส์ Wide และ Telephoto, ขนาดรูรับแสงกว้างสูงสุดที่ F/1.8 และ F/2.8, ระบบป้องกันภาพสั่นไหว OIS, ไฟแฟลชแบบ Quad-LED, Optical Zoom, ถ่ายวิดีโอ Slow Motion ได้ในความละเอียดสูงสุดที่ 1080p 240fps
ดีไซน์ด้านหลังของ iPhone 8 Plus ถูกปรับให้ใช้งานแบบ Metal-Glass โดยมีกระจกครอบทับด้านหลัง ช่วยให้ตัวเครื่องดูมีความพรีเมียม และสวยหรูมากยิ่งขึ้น แต่ถ้าหากเกิดอุบัติเหตุร่วงหลุดมือ หรือตกจากที่สูง ก็มีความเสี่ยงที่จะแตก หรือเสียหายได้มากเช่นเดียวกัน
แกะกล่องเปรียบเทียบ iPhone 8 กับ iPhone 8 Plus เครื่องศูนย์ไทย ดีไซน์อย่างกันอย่างไร และมีอะไรมาให้ในกล่อง
ก่อนที่เราจะไปดูฟีเจอร์ใหม่ที่น่าสนใจของ iPhone 8 Plus เราขอพาทุกท่านมาชมการแกะกล่องเปรียบเทียบระหว่าง iPhone 8 กับ iPhone 8 Plus กันก่อนสักเล็กน้อยว่า iPhone 8 ทั้งสองรุ่นนี้ดีไซน์ที่แตกต่างกันอย่างไร และภายในกล่องจำหน่ายมาตรฐานนั้นมีอะไรใส่มาให้บ้าง
สำหรับ iPhone 8 และ iPhone 8 Plus ที่ทางทีมงานได้รับมานั้นเป็นตัวเครื่องสีเทา (Space Gray) และสีทอง (Gold) ตามลำดับ โดยมีเคสแบบ Silicone Case สีดำ และสีน้ำเงินมาให้ด้วย
เมื่อเทียบขนาดกล่องแบบชัดๆ แล้วจะเห็นได้ว่า บรรจุภัณฑ์ของ iPhone 8 Plus มีขนาดใหญ่กว่าของ iPhone 8 ค่อนข้างมากทีเดียว โดยตัวบรรจุภัณฑ์นั้นมีสีเดียวกับสีของไอโฟนด้านใน ทำให้เห็นแค่ภายนอกก็ทราบได้ทันทีว่าไอโฟนด้านในนั้นเป็นสีใด
โดย iPhone 8 และ iPhone 8 Plus ทั้งสองนี้มาพร้อมกับหน่วยความจำภายในขนาด 256GB ซึ่งเป็นความจุสูงสุด แต่หากต้องการประหยัดงบลงมา ก็สามารถเลือกรุ่นความจุ 64GB แทนได้
ด้านหลังของบรรจุภัณฑ์ที่เป็นเครื่องศูนย์ไทยก็จะมีคำอธิบายภาษาไทยระบุไว้อย่างชัดเจน
ได้เวลาแกะพลาสติกเพื่อชมตัวเครื่องด้านในกันแล้วครับ
เมื่อเปิดกล่องออกมาก็จะพบกับแพ็กเกจที่บรรจุคู่มือเบื้องต้นไว้ให้ พร้อมข้อความอันเป็นเอกลักษณ์ว่า "Designed by Apple in California"
เมื่อยกแพ็กเกจคู่มือออกก็จะพบกับตัวเครื่อง iPhone 8 และ iPhone 8 Plus วางอยู่อย่างสวยงาม
อุปกรณ์มาตรฐานที่มาพร้อมเครื่องศูนย์ไทย ประกอบไปด้วยหูฟัง EarPods, ตัวแปลงสัญญาณ Lightning-to-3.5mm, อะแดปเตอร์ชาร์จแบตเตอรี่ และสายเชื่อมต่อ Lightning โดยตัวอะแดปเตอร์ชาร์จแบตเตอรี่ของเครื่องศูนย์ไทยจะเป็นแบบสองขา
เรามาลอกพลาสติกที่ห่อหุ้มตัวเครื่องออก เพื่อชมความสวยงามของบอดี้แบบใหม่ในดีไซน์ Metal-Glass กันครับ
สำหรับ iPhone 8 และ iPhone 8 Plus มีการปรับเปลี่ยนดีไซน์ใหม่เป็นแบบ Metal-Glass โดยด้านหลังของตัวเครื่องจะใช้กระจกครอบทับเพื่อให้ใช้งานฟีเจอร์การชาร์จแบตเตอรี่แบบไร้สาย (Wireless Charging) ได้ ซึ่งจะแตกต่างจากไอโฟนรุ่นก่อนหน้าทั้งหมดที่ใช้งานบอดี้แบบอะลูมิเนียม (Aluminium)
เนื่องจากการใช้งานบอดี้แบบ Metal-Glass ที่มีกระจกครอบทับด้านหลัง ทำให้ตัวเครื่องดูมีความเงางามพรีเมียมมากยิ่งขึ้น แต่ก็อาจเป็นรอยนิ้วมือได้ง่ายด้วยเช่นกัน
ส่วนกล้องถ่ายภาพของ iPhone 8 และ iPhone 8 Plus ยังเป็นกล้องเดี่ยว และกล้องคู่เช่นเคย แต่ iPhone 8 Plus จะมีความพิเศษตรงที่สามารถใช้งานฟีเจอร์ Portrait ซึ่งเป็นการปรับสภาพแสงให้กับตัวแบบได้ แต่ iPhone 8 จะไม่สามารถใช้งานฟังก์ชันนี้ได้
ขนาดของ iPhone 8 Plus เทียบกับ iPhone 8 แบบชัดๆ จะเห็นว่ามีขนาดที่แตกต่างกันค่อนข้างมาทีเดียว หากท่านใดที่กำลังเลือกอยู่ ขอแนะนำว่าให้ลองจับถือดูก่อนนะครับว่าใช้งานได้ถนัด และเหมาะมือหรือไม่
ลำโพงหลักของทั้งสองรุ่นจะเป็นลำโพงคู่ (Dual-Speaker) และไม่มีช่องเชื่อมต่อหูฟังแบบ 3.5 มิลลิเมตร ส่วนอื่นๆ ก็ยังคงเป็นดีไซน์แบบเดิม
iPhone 8 และ iPhone 8 Plus ยังใช้งานระบบรักษาความปลอดภัยด้วยเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือ Touch ID เช่นเคย
สำหรับเคสซิลิโคนของ iPhone 8 Plus กับ iPhone 8 ก็จะมีหน้าตาดังที่เห็นนี้ ซึ่งต้องซื้อเพิ่มในภายหลัง โดยมีราคาอยู่ที่ 1,700 บาท และ 1,500 บาท ตามลำดับ อีกทั้งมีให้เลือกกว่า 9 สี
ตัวเคสด้านนอกจะเป็นยางที่ให้สัมผัสนุ่มมือ แต่จับถือได้กระชับ และไม่ลื่นหลุดแต่อย่างใด ขณะที่ภายในจะบุด้วยกำมะหยี่เพื่อป้องกันไม่ให้ตัวเครื่องเป็นรอยนั่นเอง
เมื่อนำ iPhone 8 และ iPhone 8 Plus มาสวมใส่เคสแล้วจะมีขนาดใหญ่ขึ้นกว่าเดิมประมาณหนึ่ง แต่ก็ยังสามารถจับถือใช้งานได้ตามปกติ และไม่ใหญ่จนเกินไป
iPhone 8 Plus มีอะไรใหม่ ดีกว่า iPhone 7 Plus รุ่นพี่อย่างไร?
ตัวเครื่องดีไซน์ใหม่กับการรองรับ Wireless Charge
แม้ว่า iPhone 8 Plus จะใช้ดีไซน์คงเดิมแบบเดียวกับ iPhone 6 ที่เปิดตัวไปเมื่อ 3 ปีที่แล้ว แต่การกลับมาในครั้งนี้ iPhone 8 Plus ได้เปลี่ยนตัวเครื่องการใช้งานวัสดุอะลูมิเนียม มาเป็นแบบ Metal-Glass ที่นอกจากจะช่วยเพิ่มความสวยหรูพรีเมียมให้กับตัวเครื่องแล้ว ก็ยังช่วยให้ iPhone 8 Plus รองรับฟีเจอร์การชาร์จไร้สาย (Wireless Charge) ได้ด้วย
หน้าจอ True Tone Display ที่เปลี่ยนสีตามสภาพแวดล้อม
iPhone 8 และ iPhone 8 Plus เป็นไอโฟนสองรุ่นแรกที่ได้ใช้งานหน้าจอ True Tone Display อย่างเป็นทางการ หลังจากที่ก่อนหน้านี้ Apple เปิดตัวหน้าจอดังกล่าวบน iPad Pro เท่านั้น โดยฟีเจอร์ True Tone Display จะช่วยปรับสีของหน้าจอให้เข้ากับสภาวะแสงโดยรอบขณะที่ใช้งาน เช่น ถ้าหากใช้งานในที่กลางแจ้ง หรือสว่างมากๆ ก็จะมีหน้าจอสีอมฟ้าตามปกติ แต่เมื่อเข้าที่แสงน้อยหน้าจอจะปรับไปเป็นสีออกส้มโดยอัตโนมัติเพื่อถนอมสายตา และให้มองเห็นได้ชัดเจนด้วย
สำหรับฟีเจอร์ True Tone Display จะแตกต่างกับฟีเจอร์ Night Shift ตรงที่ True Tone Display จะปรับสีได้เองโดยอัตโนมัติ แต่ฟีเจอร์ Night Shift เป็นเพียงการทำให้หน้าจอออกส้มตามเวลาที่กำหนดเท่านั้น
ชิปเซ็ตอันทรงพลัง Apple A11 Bionic ที่เร็วแรงที่สุดในโลก ณ ขณะนี้
iPhone 8 Plus ใช้งานชิปเซ็ตประมวลผลรุ่นใหม่ล่าสุดในชื่อ Apple A11 Bionic ที่ Apple ระบุว่ามีความเร็วแรงกว่า iPhone 7 ถึง 2 เท่า และก็เป็นอย่างนั้นจริงๆ เมื่อทดสอบคะแนนประสิทธิภาพในการประมวลผลด้วยแอปพลิเคชัน GeekBench 4 ก็พบว่า iPhone 8 Plus ทำคะแนนในส่วน Single-Core ไปได้ที่ 4,251 คะแนน และส่วน Multi-Core ทำได้ที่ 9,725 คะแนน ซึ่งถือว่าเร็วแรงที่สุดในปัจจุบันด้วย ส่วนคะแนนการทดสอบการประมวลผลภาพกราฟิกด้วยแอปพลิเคชัน AnTuTu Benchmark สามารถทำคะแนนไปได้ที่ 179,653 คะแนน
Neural Engine เทคโนโลยีที่เพิ่มขีดความฉลาดให้กับไอโฟน
สำหรับ Neural Engine หรือถ้าหากแปลตรงตัวก็คือ "ระบบประสาท" ของชิปเซ็ตประมวลผล ที่ถูกพัฒนาเข้ามาเพื่อเพิ่มขีดความฉลาดให้กับชิปเซ็ต Apple A11 Bionic โดย Neural Engine จะมีส่วนสำคัญสำหรับการใช้งานฟีเจอร์ Face ID บน iPhone X หรือระบบ AR เพราะการใช้งานในรูปแบบดังกล่าวต้องพึ่งพาระบบ Neural Network หรือ Machine Learning ทั้งสิ้น เพราะระดับการคำนวณชุดคำสั่ง หรือโปรเซสต่างๆ ที่ระบบ Neural สามารถทำได้นั้นอยู่ในระดับที่เหนือกว่าการทำงานทั่วไป ทำให้ชิปเซ็ต Apple A11 Bionic มีความเร็วแรงในการประมวลผลที่สูงมากทีเดียว
หน่วยความจำใหม่ใหญ่กว่าเดิมอีกเท่าตัว
iPhone 8 Plus มาพร้อมกับหน่วยความจำขนาดเริ่มต้นที่ 64GB ซึ่งถือว่าเป็นขนาดที่ใหญ่กว่าเดิมเป็นเท่าตัว เพราะก่อนหน้านี้ iPhone 7 Series มีความจุเริ่มต้นที่ 32GB เท่านั้น ซึ่งอาจไม่เพียงพอต่อการใช้งานสำหรับผู้ใช้บางท่าน Apple จึงปรับฐานความจุใหม่ให้มีขนาดใหญ่จะได้เพียงพอต่อการเก็บข้อมูลต่างๆ
กล้องคู่ (Dual-Camera) กับการถ่ายภาพที่สวยงามกว่าเดิม
iPhone 8 Plus มาพร้อมกับกล้องถ่ายภาพแบบคู่ ความละเอียด 12+12 ล้านพิกเซล โดยกล้องตัวแรกเป็นเลนส์มุมกว้าง (Wide) มีขนาดรูรับแสงกว้างสูงสุดที่ F/1.8 ส่วนเลนส์อีกตัวหนึ่งเป็นเลนส์ถ่ายภาพระยะไกล (Telephoto) มีขนาดรูรับแสงกว้างสูงสุดที่ F/2.8 พร้อมรองรับฟีเจอร์ป้องกันภาพสั่นไหวแบบออปติคอล (OIS) และใช้งานเซ็นเซอร์รับภาพขนาดใหญ่ขึ้น จึงช่วยให้ iPhone 8 Plus ถ่ายภาพได้คมชัด และเก็บรายละเอียดได้มากกว่าเดิมด้วย
หน้าชัด-หลังเบลอ ไม่ใช่เรื่องยาก หากใช้ Portrait Mode
อีกหนึ่งฟีเจอร์เด่นที่ถูกเพิ่มเติมเข้ามาบนกล้องถ่ายภาพของ iPhone 8 Plus ก็คือ Portrait Mode ที่ใช้ความสามารถของกล้องคู่ (Dual-Camera) ด้านหลังมาถ่ายภาพแบบหน้าชัด-หลังเบลอ พร้อมฟังก์ชันการปรับแสงให้เข้ากับสถานการณ์ต่างๆ ที่ช่วยเพิ่มอารมณ์ และความสวยงามให้กับตัวแบบด้วย โดยรูปแบบแสงทั้งหมดจะมีอยู่ 5 แบบ ดังนี้
Nutural Light - โหมดแสงธรรมชาติ ก็คือการถ่ายภาพด้วยแสงปกติโดยไม่มีเอฟฟเฟกต์ใดช่วย Studio Light - โหมดแสงสตูดิโอ คล้ายกับแสงไฟที่จัดในสตูดิโอเพื่อการถ่ายแบบ โดยใบหน้าของตัวแบบจะสว่าง และเด่นชัดมากยิ่งขึ้น Contour Light - โหมดแสงคอนทัวร์ จะช่วยเพิ่มมิติให้กับโครงหน้า เพื่อให้ใบหน้าดูมีสัดส่วน และคมชัดมากยิ่งขึ้น Stage Light - โหมดแสงบนเวที โหมดนี้จะทำการตัดฉากหลังออกแล้วทำเป็นพื้นดำทั้งหมด เพื่อให้ตัวแบบเด่นมากที่สุด คล้ายการส่องไฟบนละครเวที Stage Light Mono - โหมดแสงบนเวทีแบบขาว-ดำ คุณสมบัติเหมือนกับโหมด Stage Light แต่โหมดนี้จะเป็นภาพขาว-ดำ
นอกจากนี้ ความพิเศษของโหมด Portrait ก็คือ เมื่อผู้ใช้ถ่ายภาพเสร็จสิ้นแล้ว ยังสามารถนำภาพถ่ายนั้นๆ มาปรับแสงใหม่ได้ด้วย จึงไม่ต้องเป็นห่วงว่าภาพที่ถ่ายมาจะกลายเป็นภาพเสียแต่อย่างใด
สร้างสรรค์งานวิดีโอได้อย่างมืออาชีพ กับความละเอียดระดับ 4K และ Slow Motion 240fps
iPhone 8 Plus มาพร้อมกับพัฒนาการในเรื่องของการถ่ายวิดีโอที่ดีขึ้น โดยสามารถถ่ายวิดีโอในความละเอียดสูงสุดที่ระดับ 4K Ultra HD ในความเร็ว 60fps ซึ่งเพิ่มขึ้นมาจากรุ่นก่อนหน้าที่ถ่ายได้เพียง 30fps เท่านั้น
นอกจากนี้ ใครที่ชื่นชอบการถ่ายวิดีโอแบบ Slow Motion ก็น่าจะใช้งานได้ถูกใจมากยิ่งขึ้น เพราะ iPhone 8 Plus รองรับการถ่ายวิดีโอ Slow Motion ในความละเอียดระดับ Full HD 1080p แล้ว จากเดิม 720p ในรุ่นก่อนหน้า โดยมีความเร็วถึง 240fps เลยทีเดียว
สนุกไปกับโลกเสมือนจริงด้วยเทคโนโลยี AR
เทคโนโลยีการสร้างภาพเสมือนซ้อนทับลงบนภาพจริง (Augmented Reality) หรือเทคโนโลยี AR ถูกพัฒนาให้ใช้งานได้อย่างเต็มรูปแบบกับ iPhone 8 Plus พร้อมแอปพลิเคชันที่รองรับมากมาย เพื่อเปิดประสบการณ์ใหม่ๆ ให้กับผู้ใช้ โดยแอปพลิเคชัน AR ที่มีให้ใช้งานนั้นก็ค่อนข้างหลากหลายพอสมควร ทั้งเกม และแอปพลิเคชันเสริมต่างๆ เช่น Night Sky ที่บอกตำแหน่งของกลุ่มดาวบนท้องฟ้า เหมาะสำหรับช่างภาพที่ต้องการถ่ายภาพทางช้างเผือก หรือผู้ที่ชื่นชอบดาราศาสตร์เป็นอย่างมาก หรือจะเป็นเกมสุดมันส์อย่าง Zombie Gunship Revenant AR ที่ให้เราสวมบทเป็นพลปืนบนเฮลิคอปเตอร์ไล่ยิงฝูงซอมบี้ที่กำลังจะบุกฐานทัพ โดยผู้เล่นสามารถเคลื่อนที่ไปรอบได้อย่างอิสระเพื่อการเล่น AR ที่สมจริงอีกด้วย
แบตเตอรี่รองรับ Fast Charging
สำหรับ iPhone 8 Plus ใช้งานแบตเตอรี่ที่รองรับระบบ Fast Charging เพื่อการชาร์จพลังงานที่รวดเร็วมากยิ่งขึ้น แต่ผู้ใช้ต้องซื้ออะแแดปเตอร์ Apple USB-C Power Adapter เพิ่มเติมด้วย
ตัวอย่างภาพถ่ายในเบื้องต้นจาก iPhone 8 Plus
ภาพถ่ายจากโหมดปกติ
ภาพถ่ายด้วยการซูมด้วยเลนส์สองเท่า (2x Optical Zoom)
ภาพถ่ายจากโหมด Portrait ในสภาวะแสงต่างๆ
ภาพถ่ายจากการปรับแสงด้วยฟังก์ชัน Portrait Light ทั้ง 5 แบบ ได้แก่ Natural Light, Studio Light, Contour Light, Stage Light และ Stage Light Mono
ภาพถ่ายจากกล้องด้านหน้า
สรุปผลการทดสอบของ iPhone 8 Plus
หลังจากที่ได้ใช้งาน iPhone 8 Plus มาสักระยะหนึ่งแล้ว ความประทับใจอันดับแรกคือชิปเซ็ต Apple A11 Bionic ที่เรียกได้ว่ามีความเร็วแรงแบบจัดเต็มจริงๆ ไม่ว่าจะเป็นการสลับแอปพลิเคชันอย่างรวดเร็ว, การเล่นเกมที่มีกราฟิกสูงๆ หรือการทำงานตัดต่อวิดีโอในเบื้องต้น ฯลฯ ตัวเครื่องก็ยังไม่มีอาการกระตุก หรือหน่วงค้างให้เห็นแม้แต่น้อย รวมไปถึงการใช้งานเทคโนโลยี AR ที่ต้องอาศัยการประมวลผลในระดับสูง แต่ชิปเซ็ต Apple A11 Bionic ก็สามารถทำงานได้เป็นอย่างดี ส่งผลให้การใช้งานลื่นไหลไม่สะดุดแม้แต่น้อย
จุดที่น่าสนใจในลำดับต่อมาก็คือ กล้องถ่ายภาพแบบคู่ (Dual-Camera) ที่ได้รับการพัฒนาให้มีประสิทธิภาพที่ดีมากยิ่งขึ้น โดย iPhone 8 Plus ใช้งานเซ็นเซอร์รับภาพขนาดใหญ่ขึ้นกว่าเดิม ทำให้ภาพถ่ายมีรายละเอียดครบถ้วน และคมชัดในทุกๆ จุด ส่วนโหมดถ่ายภาพแบบใหม่อย่าง Portrait ก็ถือว่ามีความน่าสนใจมากทีเดียว โดยผู้ใช้สามารถปรับแสงบนใบหน้าของบุคคลให้เข้ากับสภาวะแสงนั้นๆ หรือเป็นการเพิ่มอารมณ์ให้กับภาพก็ทำได้เช่นเดียวกัน อีกทั้งยังสามารถแก้ไขโหมดแสงในภายหลังได้ด้วย
นอกจากนี้ ตัวกล้องยังรองรับเทคโนโลยีการใช้งาน AR อย่างเต็มรูปแบบ ซึ่งช่วยเปิดประสบการณ์การใช้งานไอโฟนแบบใหม่ให้ดีมากยิ่งขึ้น โดยแอปพลิเคชันที่รองรับระบบ AR ก็มีให้เลือกใช้อย่างหลากหลาย ทั้งเกม, แอปพลิเคชันเสริม หรือแอปพลิเคชันที่ให้ความรู้ต่างๆ ซึ่งการแสดงผลของ AR นั้นถือว่าทำออกมาได้ในระดับที่ดีเยี่ยมเลยทีเดียว ทั้งความลื่นไหลในการใช้งาน, ความสมจริงของภาพเสมือน หรือการเดินซูมเข้า-ออกที่ลื่นไหลไม่ติดขัดแม้แต่น้อย ก็ทำให้การใช้งาน AR น่าสนใจมากขึ้นเยอะทีเดียว
มาดูในส่วนของตัวเครื่องกันบ้าง โดย iPhone 8 Plus มาในดีไซน์แบบ Metal-Glass ซึ่งมีขอบตัวเครื่องเป็นวัสดุอะลูมิเนียม 7000 (Aluminium 7000 Series) ผสมผสานกับกระจกทั้งด้านหน้า และด้านหลัง ทำให้ตัวเครื่อง iPhone 8 Plus มีความหรูหราพรีเมียมกว่ารุ่นก่อนๆ เป็นอย่างมาก อีกทั้งการใช้งานดีไซน์แบบกระจกที่ด้านหลังก็ยังช่วยให้ iPhone 8 Plus สามารถรองรับการใช้งานการชาร์จพลังงานแบบไร้สาย (Wireless Charge) ได้ด้วย
สำหรับหน้าจอแสดงผลของ iPhone 8 Plus มีขนาด 5.5 นิ้ว โดยเป็นหน้าจอแบบ Retina HD Display ที่แสดงผลสีได้คมชัด และเห็นสีสันได้กว้างกว่าหน้าจอทั่วไปด้วย อีกทั้งยังรองรับฟีเจอร์ True Tone Display ที่ช่วยปรับสี และแสงบนหน้าจอให้สอดคล้องกับสภาพแสงโดยรอบ เพื่อช่วยให้ผู้อ่านใช้งานได้สบายตามากยิ่งขึ้น พร้อมทั้งป้องกันความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นกับดวงตาด้วย โดย iPhone 8 และ iPhone 8 Plus รองรับฟีเจอร์ดังกล่าวเป็นรุ่นแรก เพราะก่อนหน้านี้ Apple พัฒนาให้ฟีเจอร์ True Tone Display ใช้งานได้บน iPad Pro เท่านั้น
หลังจากที่กล่าวถึงจุดเด่นต่างๆ ของ iPhone 8 Plus กันมาพอสมควรแล้ว ก็อาจจะสรุปการใช้งานในเบื้องต้นได้ว่า iPhone 8 Plus ถือว่าเป็นไอโฟนอีกรุ่นหนึ่งที่มีประสิทธิภาพในการทำงานอยู่ในระดับที่ดีมาก ทั้งในส่วนการประมวลผลของชิปเซ็ตที่เร็วแรงแบบจัดเต็ม, กล้องถ่ายภาพที่ถ่ายได้สวยงามมากกว่าเดิม หรือบอดี้ดีไซน์ใหม่ที่ดูแล้วสวยหรูพรีเมียม ฯลฯ ซึ่งถ้าหากท่านใดที่ใช้งานไอโฟนตั้งแต่รุ่น iPhone 6s ลงไป แล้วต้องการจะเปลี่ยนก็ถือว่าคุ้มค่าอยู่ไม่น้อย เพราะ iPhone 8 Plus จะมีฟีเจอร์ใหม่ๆ ให้ใช้งานเยอะกว่าเดิมมากทีเดียว แต่สำหรับผู้ที่ใช้งาน iPhone 7 หรือ iPhone 7 Plus นั้น ทางผู้เขียนมองว่าอาจจะยังไม่จำเป็นต้องอัปเกรดในตอนนี้ เพราะฟีเจอร์ส่วนใหญ่ยังคงคล้ายคลึงกัน เพียงแต่ชิปเซ็ตเร็วแรงขึ้น และกล้องดีขึ้นในบางจุดเท่านั้น หากต้องการจะอัปเกรดขอแนะนำให้รอ iPhone X น่าจะเป็นการดีกว่า
ส่วนราคาวางจำหน่ายของ iPhone 8 และ iPhone 8 Plus บน Apple Online Store นั้นแบ่งออกเป็น 4 รุ่นย่อยดังต่อไปนี้
- iPhone 8 64GB ราคา 28,500 บาท - iPhone 8 256GB ราคา 34,500 บาท - iPhone 8 Plus 64GB ราคา 32,500 บาท - iPhone 8 Plus 256GB ราคา 38,500 บาท
ส่วนราคาของ iPhone 8 และ iPhone 8 Plus ของผู้ให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์มือถือในบ้านเรานั้นจะมีราคาตั้งที่แพงกว่ารุ่นละ 500 บาท ซึ่งแบ่งออกเป็น 4 รุ่นย่อยเช่นกันดังนี้
- iPhone 8 64GB ราคา 29,000 บาท - iPhone 8 256GB ราคา 35,000 บาท - iPhone 8 Plus 64GB ราคา 33,000 บาท - iPhone 8 Plus 256GB ราคา 39,000 บาท
หากท่านใดที่สนใจ iPhone 8 และ iPhone 8 Plus ก็สามารถแวะไปทดลองใช้งาน หรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ตัวแทนจำหน่ายทุกสาขานะครับ และถ้าหากทีมงานได้รับ iPhone X ซึ่งเป็นไอโฟนรุ่นเด่นที่หลายๆ คนกำลังรอคอยเมื่อใด รับรองว่าจะรีบนำมารีวิวให้ทุกท่านได้รับชมกันในทันทีแน่นอนครับ และสำหรับวันนี้ทีมงาน Thaimobilecenter ต้องขอลาไปก่อน แล้วพบกันใหม่ในรีวิวสมาร์ทโฟนฉบับหน้า สวัสดีครับ
จุดเด่นของ iPhone 8 Plus
- เทคโนโลยีการผลิตตัวเครื่องแบบ Metal-Glass (กรอบตัวเครื่องอะลูมิเนียมซีรีส์ 7000 ผสานกับกระจกที่ด้านหน้า และด้านหลังของตัวเครื่อง)
- ตัวเครื่องมีคุณสมบัติในการป้องกันน้ำ และป้องกันฝุ่น ที่ระดับ IP67 ตามมาตรฐาน IEC Standard 60529
- เซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือ (Touch ID : Fingerprint Sensor) สำหรับตรวจสอบสิทธิ์ของการเข้าใช้งานเครื่อง และการเข้าถึงข้อมูลภายใน พร้อมปุ่มโฮมแบบใหม่ และระบบ Taptic Engine
- ตัวเครื่องมีขนาด 158.4x78.1x7.5 มิลลิเมตร น้ำหนัก 202 กรัม
- หน้าจอแสดงผลแบบ Retina HD Display LED-Backlit (IPS) ขนาด 5.5 นิ้ว ความละเอียดระดับ Full HD 1080p (1080x1920 พิกเซล) ความหนาแน่นของเม็ดพิกเซล 401 ppi พร้อมเทคโนโลยี True Tone Display
- ชิปเซ็ตประมวลผล 64-bit Hexa-Core Apple A11 Bionic พร้อมเทคโนโลยี Neural Engine และหน่วยประมวลผล M11 motion coprocessor
- ขับเคลื่อนการทำงานด้วยระบบปฏิบัติการ iOS 11
- หน่วยความจำ RAM ขนาด 3 GB
- หน่วยความจำภายใน (ROM) ขนาด 64GB และ 256GB
- กล้องด้านหลังแบบคู่ (Dual-Camera) ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล, ใช้งานเลนส์ Wide และ Telephoto, ขนาดรูรับแสงกว้างสูงสุดที่ F/1.8 และ F/2.8, ระบบป้องกันภาพสั่นไหว OIS, ไฟแฟลชแบบ Quad-LED, 2x Optical Zoom, ถ่ายวิดีโอที่ความละเอียดสูงสุดระดับ 4K UHD ที่ความเร็ว 60fps, ถ่ายวิดีโอ Slow Motion ได้ในความละเอียดสูงสุดที่ 1080p 240fps
- กล้องด้านหน้าความละเอียด 7 ล้านพิกเซล, ขนาดรูรับแสงกว้างสูงสุดที่ F/2.2 และบันทึกวิดีโอได้ที่ความละเอียดสูงสุด Full HD 1080p
- เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตผ่านเครือข่าย 4G LTE Cat12, 3G HSPA+ และ EDGE พร้อมรองรับเทคโนโลยี 3CA (3-Carrier Aggregation : รวมคลื่นความถี่สูงสุด 3 คลื่น)
- รองรับ WiFi MIMO (Multi-Input Multi-Output) ที่มาพร้อมตัวรับสัญญาณ WiFi 2 ชิ้นภายในเครื่องเดียว ซึ่งช่วยให้มีประสิทธิภาพในการรับสัญญาณ WiFi ที่ดีขึ้น และมีความเร็วมากกว่าเดิม
- รองรับ NFC (Near Field Communication : Reader Mode) และ Bluetooth 5.0
- ระบบ GPS+A-GPS ในตัว พร้อมรองรับระบบดาวเทียม GLONASS, GALILEO และ QZSS
- รองรับวิดีโอแบบ Dolby Vision และ HDR10
- ลำโพงเสียงแบบ Stereo Speaker ในตัว (ที่ด้านบน และด้านล่างของตัวเครื่อง)
- แบตเตอรี่ Li-Ion Polymer 2691 mAh
- รองรับเทคโนโลยีชาร์จแบตเตอรี่แบบไร้สาย Qi Wireless Charging
- มีตัวเลือกทั้งหมด 3 สี ได้แก่ Gold, Space Gray และ Silver
จุดที่อาจจะต้องพิจารณาเพิ่มเติมของ iPhone 8 Plus
- ไม่มีช่องเชื่อมต่อหูฟังมาตรฐานขนาด 3.5 มิลลิเมตร (แต่แถมฟรีอะแดปเตอร์ Lightning to 3.5 mm มาพร้อมชุดขายมาตรฐาน)
- ตัวเครื่องมีขนาดค่อนข้างใหญ่ ดังนั้นการพกพา หรือการใช้งานด้วยมือข้างเดียวอาจไม่สะดวกคล่องตัวเท่ากับ iPhone 8
- มีดีไซน์โดยรวมคงเดิม และไม่แตกต่างจากรุ่นก่อนหน้าอย่าง iPhone 7 Plus มากนัก
- ราคาค่อนข้างสูงเมื่อเทียบกับสมาร์ทโฟนเรือธงที่มีคุณสมบัติในระดับที่ใกล้เคียงกัน
- มีสีตัวเครื่องให้เลือกน้อยลง หากเทียบกับ iPhone 7 Plus หรือ iPhone 7
โปรดทราบ
* โทรศัพท์มือถือที่ท่านเห็นในบทความรีวิวนี้เป็นเพียงเครื่องทดสอบจากทางศูนย์ เพราะฉะนั้นคุณสมบัติบางอย่างอาจมีความแตกต่างจากเครื่องที่วางจำหน่ายจริงบ้างไม่มากก็น้อย รวมถึงจุดด้อยบางประการที่พบในเครื่องทดสอบ อาจจะถูกแก้ไขปรับปรุงให้ดีขึ้นในเครื่องที่วางจำหน่ายจริง ดังนั้นหากท่านสนใจซื้อโทรศัพท์มือถือรุ่นนี้ ควรตรวจสอบหรือทดลองใช้งานสินค้าด้วยตนเองอีกครั้งหนึ่ง *
สรุปคุณสมบัติ และราคา
ท่านสามารถตรวจสอบคุณสมบัติ และราคาของ iPhone 8 Plus และ iPhone 8 ได้โดยการคลิกที่ลิงก์ด้านล่างนี้
สรุปคุณสมบัติ และราคาของ iPhone 8 Plus 256GB
สรุปคุณสมบัติ และราคาของ iPhone 8 Plus 64GB
สรุปคุณสมบัติ และราคาของ iPhone 8 256GB
สรุปคุณสมบัติ และราคาของ iPhone 8 64GB
:: ไปหน้าแรกเว็บไซต์ Thaimobilecenter
| ไปหน้าแรก
Mobile Focus ::
|