รีวิว (Review) Huawei Y9 2018
สมาร์ทโฟน 4 กล้องน้องใหม่ หน้าชัดหลังเบลอเนียนๆ ได้ ในราคาสุดคุ้ม! พร้อมจอ FullView Full HD+ ขอบบางเฉียบใหญ่เต็มตา 5.93 นิ้ว, ชิปเซ็ต Kirin 659, RAM 3GB, ROM 32GB, แบตเตอรี่อึดจุใจ 4000 mAh และ Android 8.0 Oreo ที่สดใหม่ บนตัวเครื่อง Unibody เรียบหรูบางเฉียบ ครบเครื่องจัดเต็มคุ้มค่า ในราคาเพียง 6,990 บาท!
Review
Date (23-มีนาคม-2561)
แม้ว่าจะเข้าสู่ปี 2018 มาได้ไม่ถึง 3 เดือน เท่านั้น แต่บรรดาแบรนด์ผู้ผลิตสมาร์ทโฟนแบรนด์ต่างๆ ก็ได้ทยอยเปิดตัวสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ออกมาสู้ศึกในตลาดประเทศไทยกันอย่างพร้อมหน้าพร้อมตา หลายรุ่นหลายระดับราคา ซึ่งนอกจากกลุ่มสมาร์ทโฟนเรือธงที่มีผู้ให้ความสนใจค่อนข้างมากแล้ว กลุ่มสมาร์ทโฟนระดับกลางในช่วงราคาหลักพันปลายๆ ก็เป็นอีกกลุ่มที่มีการแข่งขันสูงมากเช่นเดียวกัน เพราะสมาร์ทโฟนในช่วงราคานี้มีการพัฒนาประสิทธิภาพ และฟีเจอร์ต่างๆ มาให้อย่างครบครัน รวมไปถึงสามารถตอบโจทย์การใช้งานได้ไม่แพ้สมาร์ทโฟนเรือธงเลยทีเดียว
และเนื่องจากความดุเดือดของการแข่งขันในกลุ่มสมาร์ทโฟนช่วงราคาไม่เกิน 10,000 บาท ก็ส่งผลให้ผู้ผลิตแต่ละแบรนด์พัฒนาสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่มากระตุ้นความสนใจของผู้ใช้อย่างต่อเนื่อง ซึ่งหนึ่งในสมาร์ทโฟนรุ่นล่าสุดที่มีความน่าสนใจเป็นอย่างมากก็คือ Huawei Y9 (2018) สมาร์ทโฟนรุ่นล่าสุดจากยักษ์ใหญ่แห่งแดนมังกรที่เปิดตัวมาพร้อมกับคุณสมบัติตัวเครื่องที่ครบครัน พร้อมฟีเจอร์ที่อัปเกรดขึ้นจากเดิมหลายประการด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็น หน้าจอแสดงผลแบบ FullView Display ขนาดใหญ่ถึง 5.93
นิ้ว ในอัตราส่วน 18:9 ความละเอียดระดับ Full HD+ (1080x2160 พิกเซล), ชิปเซ็ตประมวลผล Octa-Core Kirin 659 ที่มีความเร็ว 2.36 GHz, หน่วยความจำแรม (RAM) ขนาด 3GB, หน่วยความจำภายใน (ROM) ขนาด 32GB พร้อมรองรับการ์ดหน่วยความจำภายนอกแบบ microSD สูงสุดที่ขนาด 256GB, รองรับการเชื่อมต่อ 4G LTE, รองรับการใช้งาน 2 ซิมการ์ด (Dual-SIM), แบตเตอรี่สุดอึดที่ใช้งานได้ยาวนานตลอดวันกับความจุ 4000 mAh และทำงานอยู่บนระบบปฏิบัติการ Android
8.0 Oreo เวอร์ชันใหม่ล่าสุด ซึ่งถูกครอบทับด้วย EMUI 8.0
ส่วนฟีเจอร์พระเอกอย่างกล้องถ่ายภาพที่มีมาให้ใช้งานถึง 4 ตัว (Quad-Camera) ก็นับว่าเป็นฟีเจอร์ที่เอาใจผู้ใช้ที่ชื่นชอบการถ่ายภาพได้เป็นอย่างดี ซึ่งนับเป็นสมาร์ทโฟนรุ่นที่สองของค่ายต่อจาก Huawei nova 2i ที่ประสบความสำเร็จมาแล้วก่อนหน้านี้ในบ้านเรา โดยกล้อง 4 ตัวของ Huawei Y9 2018 นั้นประกอบไปด้วยกล้องด้านหลังแบบคู่
(Dual-Camera) ความละเอียด 13+2 ล้านพิกเซล กับกล้องด้านหน้าความละเอียด 16+2 ล้านพิกเซล พร้อมโหมดรูรับแสง (Aperture) ที่ปรับขนาดได้กว้างสูงสุดถึง F/0.95 และโหมด Beauty ที่ถ่ายภาพให้ใบหน้าสวยใส พร้อมเบลอฉากหลังให้สวยงามด้วยโหมด Bokeh
เรียกได้ว่า Huawei Y9 2018 มาพร้อมกับคุณสมบัติตัวเครื่อง และฟีเจอร์การใช้งานที่ครบครันมากทีเดียว และสิ่งที่ทำให้ผู้บริโภคในบ้านเราให้ความสนใจกับ Huawei Y9 2018 รุ่นนี้เป็นพิเศษก็คือเรื่องของราคาวางจำหน่าย โดย Huawei Y9 (2018) เปิดราคาวางจำหน่ายในประเทศไทยที่ราคาเพียง 6,990 บาท เท่านั้น ซึ่งหากเทียบกับคุณสมบัติ และความสามารถข้างต้นแล้วนับว่ามีความคุ้มค่าเป็นอย่างยิ่ง ดังนั้นในวันนี้ทีมงาน Thaimobilecenter ก็จะมารีวิวสมาร์ทโฟนรุ่นเด็ดรุ่นนี้ให้ทุกท่านได้รับชมกันว่าตัวเครื่องมีดีไซน์สวยงามอย่างไร
ฟีเจอร์การใช้งานครบเครื่องจัดเต็มคุ้มราคาขนาดไหน ติดตามชมไปพร้อมกันได้ในรีวิวฉบับนี้เลยครับ
รูปลักษณ์ภายนอกตัวเครื่อง และการออกแบบดีไซน์
Huawei Y9 2018 มาพร้อมตัวเครื่องขนาด 157.2x75.3x7.89 มิลลิเมตร น้ำหนัก 170 กรัม ใช้เทคโนโลยีการผลิตตัวเครื่องแบบ Unibody (กรอบตัวเครื่องขึ้นรูปเป็นชิ้นเดียวกัน) พร้อมการเคลือบผิวสัมผัสแบบ Metal ส่วนหน้าจอแสดงผลเป็นแบบ IPS FullView Display ความละเอียด 2160x1080 พิกเซล (Full HD+ : กว้าง 5.93 นิ้ว : อัตราส่วนแบบ 18:9 : 407 ppi)
ด้านหน้าส่วนบนประกอบด้วย กล้องด้านหน้าแบบคู่ (Dual-Camera) ความละเอียด 16+2 ล้านพิกเซล ขนาดรูรับแสงกว้างสูงสุดที่ F/2.0, โหมดถ่ายภาพโบเก้ (หน้าชัดหลังเบลอ) และโหมด Portrait พร้อมฟังก์ชัน AR Lens, ลำโพงหลักของตัวเครื่องสำหรับการสนทนา Accelerometer Sensor, Proximity Sensor และ Ambient Light Sensor
ด้านหน้าส่วนล่างประกอบด้วย ปุ่มกดแบบ On-Screen ประกอบด้วย ปุ่มย้อนกลับ, ปุ่มโฮม และปุ่ม Recent Apps
ด้านซ้ายประกอบด้วย ถาดใส่ซิมการ์ดแบบ Triple Slot โดยแบ่งเป็นช่องซิมการ์ด 2 ช่อง (Dual-SIM) และช่องสำหรับหน่วยความจำเสริมแบบ microSD 1 ช่อง
ด้านขวาประกอบด้วย ปุ่ม เปิด-ปิด เครื่อง หรือล็อกหน้าจอ และปุ่ม เพิ่ม-ลด เสียง
ด้านบนประกอบด้วย ไมโครโฟนตัวที่สองสำหรับตัดเสียงรบกวน
ด้านล่างประกอบด้วย ช่องเชื่อมต่อหูฟังแบบ 3.5 มิลลิเมตร, ช่องเชื่อมต่อ microUSB, ไมโครโฟนหลักของตัวเครื่อง และลำโพงหลักของตัวเครื่อง
ด้านหลังมีพื้นผิวที่คล้ายกับโลหะแบบด้าน ซึ่งประกอบไปด้วย กล้องด้านหลังแบบคู่ (Dual-Camera) ความละเอียด 13+2 ล้านพิกเซล ขนาดรูรับแสงกว้างสูงสุดที่ F/2.2, ระบบโฟกัสภาพอัตโนมัติแบบ PDAF (Phase Detection Autofocus), โหมดถ่ายภาพโบเก้ (หน้าชัดหลังเบลอ), โหมดถ่ายภาพ Portrait, ถ่ายภาพวิดีโอ (Full HD : 1080p : 1920x1080 พิกเซล : 30 fps) และโหมดถ่ายวิดีโอแบบ Slow Motion และเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือ
เปิดเครื่องใช้งาน พร้อมการทดสอบฟังก์ชัน และแอปพลิเคชันต่างๆ
เมื่อเปิดเครื่องเข้าใช้งาน ก็จะพบกับหน้าจอเมนูของ Huawei Y9 2018 ที่มาพร้อมกับภาพพื้นหลังสีสันสดใส และไอคอนที่เป็นเอกลักษณ์ UI ของ Huawei โดย Huawei Y9 2018 ทำงานอยู่บนระบบปฏิบัติการ Android 8.0 Oreo เวอร์ชันใหม่ล่าสุด ซึ่งถูกครอบทับด้วย EMUI 8.0
หากกดค้างที่หน้าจอโฮมสกรีนจะเข้าสู่การปรับแต่งหน้าจอ โดยผู้ใช้สามารถปรับแต่ง Themes และ Wallpaper ของตัวเครื่องได้อย่างอิสระ พร้อมเลือกใช้งาน Widget ที่ต้องการได้เช่นเดียวกัน
เมื่อปัดนิ้วลงมาจากด้านบนจะเป็นการแสดงแถบแจ้งเตือน (Notification) และถ้าปัดนิ้วลงมาอีกครั้งจะเป็นการเปิดเมนู Quick Setting ทั้งหมด
หรือถ้าหากท่านใดที่อยากชมภาพยนตร์ หรือคลิปวิดีโอต่างๆ พร้อมทั้งคุยแชทกับเพื่อนๆ ไปด้วย ก็สามารถใช้งานฟังก์ชัน Split Screen เพื่อแบ่งหน้าจอออกเป็นสองส่วน ซึ่งเหมาะกับหน้าจออัตราส่วนแบบ 18:9 มากเป็นพิเศษ เช่นด้านบนเป็น YouTube ส่วนด้านล่างเป็น Facebook หรือแอปพลิเคชันแชทได้ทันที
ด้านแอปพลิเคชันพื้นฐานก็มีติดตั้งมาให้พร้อมใช้งานทันที ทั้งของ Google และของ Huawei
สำหรับแอปพลิเคชันที่ใช้ในการทำงานด้านเอกสาร หรือการนำเสนอก็ติดตั้งมาให้พร้อมใช้งานเช่นกัน ทั้ง Google Docs, Google Sheets และ Google Slides
แอปพลิเคชัน Phone Manager จะช่วยดูแลจัดการตัวเครื่องด้วยการ Cleanup ข้อมูลการใช้งานต่างๆ และ Optimize ตัวเครื่องให้ใช้งานได้เต็มประสิทธิภาพอยู่ตลอดเวลา
มีแอปพลิเคชัน Huawei Health ที่มีฟังก์ชันมากมาย สำหรับช่วยอำนวยความสะดวกในการดูแลสุขภาพของผู้ใช้งาน
ใครที่มีข้อสงสัยเกี่ยวกับการใช้งาน หรือต้องการคำแนะนำในการแก้ปัญหาเบื้องต้นก็สามารถค้นหาข้อมูลได้ที่แอปพลิเคชัน HiCare ที่เป็นศูนย์รวมข้อมูลใช้งานไว้อย่างครบถ้วน
หากต้องการจัดการไฟล์ต่างๆ ที่บันทึกอยู่ใน Huawei Y9 2018 ก็สามารถเข้าไปตรวจสอบไฟล์เหล่านั้นได้ที่แอปพลิเคชัน Files
Huawei Y9 2018 รองรับการใช้งานวิทยุ FM Radio สำหรับผู้ที่ชื่นชอบการฟังวิทยุในช่วงเวลาระหว่างวันด้วย
สำหรับเพลงต่างๆ ที่ผู้ใช้ดาวน์โหลดลงมาบันทึกไว้ในตัวเครื่อง เพลงเหล่านั้นจะปรากฏในแอปพลิเคชัน Music
ส่วนฟีเจอร์เด่นที่สุดประการหนึ่งของ Huawei Y9 2018 นั่นก็คือ แบตเตอรี่ความจุสูงถึง 4000 mAh และมาพร้อมกับฟังก์ชัน Power Saving ที่ช่วยประหยัดพลังงาน เพื่อยืดเวลาการใช้งานให้ยาวนานยิ่งขึ้น
สำหรับหน้าจอ Interface ของ Huawei Y9 2018 ในค่าเริ่มต้นนั้นจะไม่มี App Drawer มาให้ ทำให้แอปพลิเคชันทุกโปรแกรมจะติดตั้งอยู่บนหน้าจอ Home Screen ทั้งหมด แต่ท่านใดที่ต้องการใช้งาน App Drawer ก็สามารถตั้งค่าได้ที่ Home Screen Style
Huawei Y9 2018 มาพร้อมกับหน้าจอแสดงผล FullView Display ในอัตราส่วน 18:9 ซึ่งจะแสดงผลแอปพลิเคชันบางตัวเป็นแบบเต็มหน้าจอ ซึ่งผู้ใช้สามารถเข้ามาตั้งค่าการแสดงผลได้ที่ Full Screen Display
ระบบรักษาความปลอดภัยของ Huawei Y9 2018 ที่นอกจากจะมีเรื่องของเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือแล้ว ยังมีฟังก์ชัน Face Unlock หรือการปลดล็อคด้วยใบหน้าให้ใช้งานอีกด้วย
ขยับมาดูกันต่อในส่วนคุณสมบัติตัวเครื่องกันบ้าง Huawei Y9 2018 มาพร้อมกับชิปเซ็ตประมวลผล Octa-Core Kirin 659 ที่มีความเร็ว 2.36 GHz, หน่วยความจำแรม (RAM) ขนาด 3GB และหน่วยความจำภายใน (ROM) แบบ eMMC 5.1 ขนาด 32GB พร้อมรองรับการ์ดหน่วยความจำภายนอกแบบ microSD สูงสุดที่ขนาด 256GB
ทดสอบประสิทธิภาพการประมวลผลของ Huawei Y9 2018 ด้วยแอปพลิเคชัน AnTuTu BenchMark ได้คะแนนทดสอบ 89,150 คะแนน และได้ผลคะแนนทดสอบจากแอปพลิเคชัน GeekBench 4 ได้คะแนนในส่วนของ Single-Core ที่ 942 คะแนน และในส่วนของ Multi-Core ได้ 3,712 คะแนน
สำหรับเซ็นเซอร์ในเครื่องนั้นประกอบด้วย Accelerometer Sensor, Light Sensor, Orientation Sensor, Proximity Sensor, Gyroscope Sensor, Sound Sensor และ Magnetic Sensor
สำหรับประสิทธิภาพของ Huawei Y9 2018 นั้นเรียกได้ว่าเร็วแรงกว่าที่คาดไว้ในตอนแรก สามารถใช้งานได้หลากหลาย, ครอบคลุม และเพียงพอต่อการใช้งานทุกรูปแบบ ซึ่งจากการทดสอบด้วยการเล่นเกม ROV ก็พบว่าเล่นได้ลื่นไหล แต่สามารถปรับตั้งค่าได้เพียง "ภาพ HD" เท่านั้น ไม่มีโหมดเฟรมเรทสูงให้เลือกแต่อย่างใด
ส่วนหน้าจอแสดงผลแบบ FullView Display ความละเอียดสูงถึง Full HD+ บนขนาด 5.93 นิ้ว ก็สามารถแสดงผลได้คมชัด สีสันจัดจ้านสมจริง และใหญ่เต็มตา น่าจะถูกใจคอหนังที่ชื่นชอบการชมภาพยนตร์บนสมาร์ทโฟนได้ไม่ยาก ส่วนลำโพงของตัวเครื่องก็มีความดังชัดเจนดี แม้เปิดเสียงเพียงระดับต้นๆ ก็ได้ยินถนัด และชัดเจน
กล้องดิจิตอล การถ่ายภาพนิ่ง และภาพวีดีโอ
สำหรับเมนูกล้องถ่ายภาพของ Huawei Y9 2018 ยังคงรูปแบบที่ใช้งานง่าย และคุ้นตากันดี โดยด้านบนเป็นการเปิด-ปิดฟังก์ชันต่างๆ (ซ้ายไปขวา) เริ่มตั้งแต่ ไฟแฟลช, โหมดรูรับแสง (Aperture), โหมด Portrait, โหมด Moving Picture และการสลับไปยังกล้องหน้า โดยกล้องด้านหลังสามารถตั้งค่าความละเอียดได้สูงสุดที่ระดับ 13 ล้านพิกเซล
แม้ว่า Huawei Y9 2018 จะอยู่ในกลุ่มสมาร์ทโฟนระดับกลาง แต่ระบบกล้องที่มีให้ใช้งานนั้นเรียกได้ว่าไม่แพ้รุ่น Mid-High หรือรุ่นที่สูงกว่าเลยแม้แต่น้อย เพราะมีโหมดให้เลือกสรรใช้งานกันอย่างมากมาย รวมไปถึงโหมด Pro ด้วยเช่นกัน
สำหรับโหมด Pro นั้น ผู้ใช้สามารถปรับตั้งค่าทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับการถ่ายภาพได้ตามต้องการ ไม่ว่าจะเป็น การชดเชยแสง, ความเร็วชัตเตอร์ หรือค่า White Balance ฯลฯ เพื่อให้ภาพถ่ายออกมาตรงตามความต้องการของเรามากที่สุด
ส่วนโหมดรูรับแสง หรือโหมด Aperture นั้นคือโหมดที่ผู้ใช้สามารถปรับค่ารูรับแสง เพื่อถ่ายภาพหน้าชัด-หลังเบลอได้ โดยขนาดรูรับแสงสามารถปรับได้กว้างสูงสุดที่ F/0.95 จนถึงระดับแคบสุดที่ F/16 และความพิเศษของโหมดนี้ก็คือผู้ใช้สามารถนำภาพที่ถ่ายมาปรับระดับความเบลอในภายหลังได้ด้วย
ถ้าหากผู้ใช้อยากถ่ายภาพบุคคลก็สามารถใช้งานโหมด Portrait ได้ โดยโหมด Portrait จะทำฉากหลังเบลอให้โดยอัตโนมัติ (ไม่สามารถปรับระดับได้) แต่จะมีฟังก์ชัน Beauty ให้ใช้งานด้วย โดยเลือกปรับระดับได้ตามความต้องการ
เมื่อสลับมายังกล้องด้านหน้าก็ยังมีโหมด Portrait ให้ใช้งานด้วยเช่นเดียวกัน แต่จะไม่มีโหมดรูรับแสง (Aperture)
นอกจากนี้ ฟังก์ชัน AR Lens ก็ยังเป็นฟังก์ชันที่มอบความบันเทิงให้กับผู้ใช้ได้สนุกกันด้วย โดยฟังก์ชันดังกล่าวจะเป็นการเพิ่มสติกเกอร์ หรือเอฟเฟกต์ต่างๆ ในเฟรมภาพ หรือบนใบหน้าของผู้ใช้ เพื่อให้ผู้ใช้ถ่ายภาพ หรือบันทึกวิดีโอได้ตามต้องการ
ส่วนความละเอียดของกล้องด้านหน้า สามารถตั้งค่าได้สูงสุดที่ระดับ 16 ล้านพิกเซล
ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องคู่ (Dual-Camera) ที่ด้านหลัง ความละเอียด 13+2 ล้านพิกเซล ของ Huawei Y9 2018
ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องคู่ (Dual-Camera) ที่ด้านหน้า ความละเอียด 16+2 ล้านพิกเซล ของ Huawei Y9 2018
ภาพถ่ายจากโหมดปกติ
ภาพถ่ายด้วยโหมด Portrait ที่ปรับระดับ Beauty ที่ระดับ 4 แบบปิด และเปิด Bokeh Effect
ภาพถ่ายด้วยโหมด Portrait ที่ปรับระดับ Beauty ที่ระดับ 10 แบบปิด และเปิด Bokeh Effect
เปรียบเทียบคุณสมบัติของ Huawei Y9 2018 กับ Huawei nova 2i
หากถามว่า Huawei Y9 2018 ถูกยกมาเปรียบเทียบกับสมาร์ทโฟนรุ่นใดมากที่สุด ก็คงหนีไม่พ้นสมาร์ทโฟน 4 กล้องรุ่นพี่จากค่ายเดียวกัน ที่เพิ่งเปิดตัวออกมาก่อนหน้านี้ไม่นานนักอย่าง Huawei nova 2i และด้วยราคาค่าตัวที่ห่างกันอยู่ราว 2 พันบาท แน่นอนว่าก็จะมีคุณสมบัติ หรือฟีเจอร์บางอย่างที่แตกต่างกันไปบ้าง ซึ่งก่อนหน้านี้ทีมงานเว็บไซต์ไทยโมบายเซ็นเตอร์ของเราก็เคยได้สรุปไว้ให้ทุกท่านได้ติดตามกันไปเรียบร้อยแล้ว
ดังตารางเปรียบเทียบด้านล่างนี้
รายละเอียดเพิ่มเติม : เปรียบเทียบ Huawei Y9 2018 กับ Huawei nova 2i สองมือถือ 4 กล้อง รุ่นสุดคุ้ม!
สรุปผลการทดสอบของ Huawei Y9 2018
หลังจากที่ทีมงานได้ทดลองใช้งาน Huawei Y9 2018 มาได้ประมาณ 1 สัปดาห์เต็มๆ ก็มีความรู้สึกว่า Huawei Y9 2018 สามารถตอบโจทย์ความต้องการในการใช้งานเบื้องต้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ และตอบสนองต่อคำสั่งใช้งานต่างๆ ได้อย่างฉับไว รวมไปถึงฟีเจอร์กล้องถ่ายภาพที่มีให้ใช้งานมากถึง 4 ตัว (Quad-Camera) โดยแบ่งเป็นกล้องหน้าคู่ และกล้องหลังคู่ จึงทำให้ Huawei Y9 2018 นับเป็นสมาร์ทโฟนระดับกลางที่คุ้มค่าน่าสนใจมากที่สุดรุ่นหนึ่ง ณ ขณะนี้เลยทีเดียว
สำหรับความน่าสนใจของ Huawei Y9 2018 ก็มีอยู่หลายประการ เริ่มตั้งแต่ หน้าจอแสดงผลแบบ FullView Display ขนาดใหญ่ถึง 5.93 นิ้ว ในอัตราส่วน 18:9 ความละเอียดระดับ Full HD+ (1080x2160 พิกเซล) ที่มีความคมชัด และแสดงผลได้เต็มตา พร้อมทั้งให้ผู้ใช้รับชมคอนเทนท์ได้เพิ่มมากขึ้น, ชิปเซ็ตประมวลผล Octa-Core Kirin 659 ที่มีความเร็ว 2.36 GHz, หน่วยความจำแรม (RAM) ขนาด 3GB, หน่วยความจำภายใน (ROM) ขนาด 32GB พร้อมรองรับการ์ดหน่วยความจำ
ายนอกแบบ microSD สูงสุดที่ขนาด 256GB, รองรับการเชื่อมต่อ 4G LTE, รองรับการใช้งาน 2 ซิมการ์ด (Dual-SIM) และทำงานอยู่บนระบบปฏิบัติการ Android 8.0 Oreo เวอร์ชันใหม่ล่าสุด ซึ่งถูกครอบทับด้วย EMUI 8.0 ซึ่งคุณสมบัติตัวเครื่องทั้งหมดของ Huawei Y9 2018 รุ่นนี้นับว่าจัดเต็มมาให้ครบเครื่องหากเทียบกับสมาร์ทโฟนในช่วงราคาเดียวกันด้วย
นอกจากคุณสมบัติตัวเครื่องของ Huawei Y9 2018 ที่มีให้ใช้งานครบทุกฟังก์ชันแล้ว จุดเด่นที่สุดอีกประการหนึ่งของ Huawei Y9 2018 ก็คือ แบตเตอรี่สุดอึดที่พกพาความจุมาสูงถึง 4000 mAh ซึ่งช่วยให้ผู้ใช้สามารถใช้งานได้ยาวนานตลอดวัน โดยไม่ต้องชาร์จแบตเตอรี่วันละหลายๆ ครั้งด้วย อีกทั้งผู้ใช้ยังสามารถใช้งาน Huawei Y9 2018 เป็นแบตเตอรี่สำรองให้กับสมาร์ทโฟนเครื่องอื่นได้ด้วยฟังก์ชันการชาร์จแบตเตอรี่แบบ OTG
ส่วนฟีเจอร์ที่นับว่าเป็นฟีเจอร์เด่นที่สุดของ Huawei Y9 2018 แน่นอนว่าต้องเป็น กล้องถ่ายภาพ 4 ตัว (Quad-Camera) ที่นับเป็นสมาร์ทโฟนรุ่นแรกในช่วงราคานี้ที่ให้กล้องมาถึง 4 ตัว ด้วย โดยกล้องทั้ง 4 ตัว แบ่งออกเป็น กล้องด้านหลังแบบคู่ (Dual-Camera) ความละเอียด 13+2 ล้านพิกเซล ขนาดรูรับแสงกว้างสูงสุดที่ F/2.2, โหมดรูรับแสง (Aperture) ที่ปรับความกว้างได้สูงสุดถึง F/0.95, โหมด Portrait และ Bokeh ที่ถ่ายภาพหน้าชัด-หลังเบลอได้อย่างเป็นธรรมชาติ
ส่วนกล้องด้านหน้าความละเอียด 16+2 ล้านพิกเซล พร้อมโหมดรูรับแสง (Aperture) ที่ปรับขนาดได้กว้างสูงสุดถึง F/0.95 และโหมด Beauty ที่ถ่ายภาพให้ใบหน้าสวยใส พร้อมเบลอฉากหลังให้สวยงามด้วยโหมด Bokeh เช่นเดียวกัน ซึ่งหลังจากที่ทดลองใช้ Huawei Y9 2018 ไปถ่ายภาพในเบื้องต้นแล้วก็เรียกได้ว่า Huawei Y9 2018 มีกล้องถ่ายภาพที่มีประสิทธิภาพสูงเกินราคาเครื่องมากเลยทีเดียว โดยผู้ใช้สามารถถ่ายภาพเบลอฉากหลังให้สวยงามได้ด้วยโหมด Aperture แล้วสามารถนำภาพมาปรับระดับการเบลอได้อีกด้วย ส่วนใครที่ต้องการถ่ายภาพบุคคลให้สวยงามก็สามารถใช้โหมด
Portrait พร้อมปรับระดับ Beauty และใช้งานฟังก์ชัน Bokeh ให้เบลอฉากหลังได้ทันที
เรียกได้ว่า Huawei Y9 2018 นั้นน่าจะเป็นหนึ่งในสมาร์ทโฟนที่น่าสนใจมากที่สุดในกลุ่มมือถือช่วงราคาเดียวกันเลยก็ว่าได้ ด้วยคุณสมบัติตัวเครื่อง, ฟีเจอร์ และประสิทธิภาพโดยรวมที่ถือว่าสามารถตอบสนองต่อการใช้งานได้เป็นอย่างดี และที่สำคัญที่สุดมีราคาไม่สูงจนเกินไป เพราะ Huawei Y9 2018 เปิดราคาวางจำหน่ายในประเทศไทยเพียง 6,990 บาท เท่านั้น โดยท่านใดที่กำลังมองหาสมาร์ทโฟน หน้าจอใหญ่, กล้องดี, ใช้งานรวดเร็วลื่นไหล และแบตเตอรี่อึด Huawei Y9 2018 นับเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่น่าสนใจมากทีเดียวครับ
สำหรับท่านใดที่สนใจ HUAWEI Y9 2018 ก็มีให้เลือกถึง 3 สี ได้แก่ สีดำ (Black), สีน้ำเงิน (Blue) และสีทอง (Gold) ซึ่งลูกค้าที่สนใจสามารถสั่งจองสินค้าได้ในระหว่างวันที่ 16-29 มีนาคมนี้ ที่ หัวเว่ยแบรนด์ช้อป, ร้านตัวแทนจำหน่าย และร้านค้าออนไลน์ Shopee (https://shopee.co.th) โดยลูกค้าที่สั่งจองสินค้าในช่วงเวลาดังกล่าวจะได้รับของสมนาคุณพิเศษเป็น
HUAWEI Body Fat Scale มูลค่า 2,990 บาท ฟรีทันที
ส่วนวันวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการในประเทศไทยนั้นจะเริ่มตั้งแต่วันที่ 30 มีนาคม 2560 เป็นต้นไป สำหรับวันนี้ทีมงาน Thaimobilecenter ก็ต้องขอลาไปก่อน แล้วพบกันใหม่ในรีวิวฉบับหน้า สวัสดีครับ
จุดเด่นของ Huawei Y9 2018
- เทคโนโลยีการผลิตตัวเครื่องแบบ Unibody พร้อมพื้นผิวคล้ายโลหะผิวด้าน
- จอแสดงผลแบบ IPS FullView Display Capacitive Touchscreen 16,700,000 สี ความละเอียด 2160x1080 พิกเซล (Full HD+ : กว้าง 5.93 นิ้ว : อัตราส่วนแบบ 18:9 : 407 ppi)
- ประมวลผลการทำงานด้วยชิปเซ็ต Octa-Core Kirin 659 ความเร็วในการประมวลผล 2.36 GHz (ซีพียู Quad-Core Cortex-A53 ความเร็ว 2.36 GHz และซีพียู Quad-Core Cortex-A53 ความเร็ว 1.7 GHz)
- หน่วยประมวลผลกราฟิกโดยเฉพาะ (GPU : Graphics Processing Unit) แบบ Mali-T830 MP2
- หน่วยความจำ RAM ขนาด 3GB
- หน่วยความจำภายในสำหรับเก็บบันทึกข้อมูลขนาด 32GB รองรับการ์ดหน่วยความจำเสริมภายนอกแบบ microSD Card (TransFlash) ได้สูงสุดขนาด 256GB
- กล้องดิจิทัลด้านหลังแบบคู่ (Dual-Camera) ความละเอียด 13+2 ล้านพิกเซล ขนาดของรูรับแสง (Aperture) กว้างสูงสุดที่ f/2.2, ระบบโฟกัสภาพอัตโนมัติแบบ PDAF (Phase Detection Autofocus), โหมดถ่ายภาพโบเก้ (หน้าชัดหลังเบลอ), ฟังก์ชัน Moving Picture (ถ่ายภาพเคลื่อนไหวพร้อมภาพนิ่ง), ฟังก์ชัน Portrait และถ่ายภาพวิดีโอ (Full HD : 1080p : 1920x1080 พิกเซล : 30 fps)
- กล้องดิจิทัลด้านหน้าแบบคู่ (Dual-Camera) ความละเอียด 16+2 ล้านพิกเซลขนาดของรูรับแสง (Aperture) กว้างสูงสุดที่ f/2.0, ไฟแฟลชในตัว (LED Flash), โหมด Beauty 4.0, โหมดถ่ายภาพโบเก้ (หน้าชัดหลังเบลอ), ฟังก์ชัน Moving Picture (ถ่ายภาพเคลื่อนไหวพร้อมภาพนิ่ง), ฟังก์ชัน Portrait และถ่ายภาพวิดีโอ (Full HD : 1080p : 1920x1080 พิกเซล)
- แบตเตอรี่ความจุ 4000 mAh
- ทำงานอยู่บนระบบปฏิบัติการ Android 8.0 Nougat ซึ่งถูกครอบทับด้วย EMUI 8.0
- เซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือ (Fingerprint Scanner) ที่ด้านหลังของตัวเครื่อง
- ระบบปลดล็อกด้วยใบหน้า (Face Unlock)
- รองรับการใช้งานบนเครือข่าย 4G LTE
- รองรับการใช้งานพร้อมกัน 2 ซิมการ์ด (Dual-SIM)
- รองรับการเชื่อมต่อ Wi-Fi 802.11 b/g/n และ Bluetooth 4.2
- รองรับการเชื่อมต่อแบบ microUSB 2.0
- ราคาวางจำหน่าย 6,990 บาท
จุดที่อาจจะต้องพิจารณาเพิ่มเติมของ Huawei Y9 2018
- ตัวเครื่องมีการสะสมความร้อนบ้างเล็กน้อย เมื่อมีการประมวลผลระดับสูงติดต่อกันเป็นเวลานาน
- หน้าจอ FullView Display ยังไม่สามารถใช้งานร่วมกับแอปพลิเคชันทั้งหมดได้
- ฟีเจอร์การถ่ายภาพในโหมด Aperture และ Portrait ยังมีการตัดขอบไม่เรียบเนียนในบางส่วน ซึ่งอาจต้องรอการแก้ไขจากการอัปเดตซอฟต์แวร์เวอร์ชันใหม่
- ไม่รองรับเทคโนโลยีชาร์จแบตเตอรี่ความเร็วสูง (Fast Charging)
โปรดทราบ
* โทรศัพท์มือถือที่ท่านเห็นในบทความรีวิวนี้เป็นเพียงเครื่องทดสอบจากทางศูนย์ เพราะฉะนั้นคุณสมบัติบางอย่างอาจมีความแตกต่างจากเครื่องที่วางจำหน่ายจริงบ้างไม่มากก็น้อย รวมถึงจุดด้อยบางประการที่พบในเครื่องทดสอบ อาจจะถูกแก้ไขปรับปรุงให้ดีขึ้นในเครื่องที่วางจำหน่ายจริง ดังนั้นหากท่านสนใจซื้อโทรศัพท์มือถือรุ่นนี้ ควรตรวจสอบหรือทดลองใช้งานสินค้าด้วยตนเองอีกครั้งหนึ่ง *
สรุปคุณสมบัติเครื่อง
ท่านสามารถตรวจสอบคุณสมบัติแบบสรุป (Specification) ของ Huawei Y9 2018 ได้โดยการคลิกที่ลิงก์ด้านล่างนี้
สรุปคุณสมบัติโดยละเอียดของ Huawei Y9 2018
:: ไปหน้าแรกเว็บไซต์ Thaimobilecenter
| ไปหน้าแรก
Mobile Focus ::
|