รีวิว (Review) HUAWEI P30 Pro พร้อมสีใหม่ Amber Sunrise
ที่สุดของสมาร์ทโฟนเพื่อการถ่ายภาพ และสเปกแรงไฮเอนด์ขั้นสุด บนดีไซน์พรีเมียมน่าสัมผัส ด้วยกล้อง Leica Quad Camera 40 ล้านพิกเซล พร้อมกล้องหน้า 32 ล้านพิกเซล, จอขอบโค้ง OLED Dewdrop ใหญ่ 6.47 นิ้ว ผสานเทคโนโลยี In-Screen Fingerprint, ชิปเซ็ต Kirin 980 ตัวท็อป, ROM สูงสุด 512GB, RAM 8GB, แบตเตอรี่ SuperCharge 40W 4200mAh และลำโพง Acoustic Display สุดล้ำ บนตัวเครื่องไล่เฉดสีสวยเด่นที่กันน้ำได้
ย้อนกลับไปในงานอีเวนท์ #REWRITETHERULES
เมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา Huawei
ได้สร้างปรากฏการณ์แห่งการถ่ายภาพด้วยมือถือครั้งใหม่ด้วยการเปิดตัว HUAWEI
P30 และ HUAWEI P30 Pro สองสมาร์ทโฟนที่ผนึกกำลังร่วมกับแบรนด์
Leica ในการพัฒนากล้องถ่ายภาพที่มีความล้ำหน้ามากกว่ารุ่น HUAWEI P20 Series
ไม่ว่าจะเป็น การเพิ่มจำนวนกล้องให้มากขึ้น, เปลี่ยนเซ็นเซอร์รับภาพใหม่
รวมไปถึงการพัฒนาซอฟต์แวร์เกี่ยวกับการถ่ายภาพให้ตอบโจทย์การบันทึกภาพความประทับใจ
ที่เกิดขึ้นในแต่ละวันมากยิ่งขึ้น แต่รุ่นที่เป็นไฮไลท์เด่นของงานคงหนีไม่พ้น
HUAWEI P30 Pro สมาร์ทโฟนกล้องหลัง 4 ตัวรุ่นแรกของ Huawei
ที่ได้รับการการันตีจาก DxOMark ด้วยคะแนนทดสอบกล้องสูง
ถึง 112 คะแนน ขึ้นแท่นเป็นสมาร์ทโฟนที่ถ่ายภาพได้ดีที่สุด
ณ ชั่วโมงนี้ และล่าสุดในบ้านเราก็เพิ่งเปิดตัว พร้อมวางจำหน่ายสีใหม่ที่สวยเด่นเป็นพิเศษอย่างสีส้มอำพัน หรือ Amber Sunrise อีกด้วย
สำหรับ HUAWEI P30 Pro มาพร้อมกับความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่หลายด้าน
เริ่มตั้งแต่ หน้าจอแสดงผลขอบโค้งแบบ OLED ขนาด 6.47
นิ้ว บนดีไซน์ทรงหยดน้ำค้างที่มีชื่อว่า Dewdrop Display
ที่มีการฝังเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือเอาไว้ด้านใต้หน้าจอ
ผสานกับฝาหลังที่เลือกใช้กระจกขอบโค้งโอบรับเข้ากับอุ้งมือผู้ใช้งาน
พร้อมคุณสมบัติกันน้ำกันฝุ่นในระดับ IP68 ช่วยเสริมความ
มั่นใจในการใช้งานมากยิ่งขึ้น
ส่วนชุดกล้องถ่ายภาพ 4 ตัว ที่ได้รับคะแนนทดสอบสูงสุดจาก DxOMark ก็มีการจับมือพัฒนาร่วมกับแบรนด์กล้องถ่ายภาพระดับโลกอย่าง Leica เพื่อรีดประสิทธิภาพกล้อง
ให้ออกมาสูงสุดเช่นเดิม พร้อมกับเปลี่ยนแปลงโครงสร้างกล้องครั้งใหญ่
เริ่มตั้งแต่ กล้องตัวหลักความละเอียด 40 ล้านพิกเซล ที่หันไปใช้เซ็นเซอร์รับภาพ SuperSpectrum แบบใหม่ที่จัดเรียงพิกเซลแบบ RYYB,
กล้องตัวที่สองเลนส์มุมกว้างพิเศษความละเอียด 20 ล้านพิกเซล,
กล้องเลนส์ซูมแบบ Periscope ความละเอียด 8
ล้านพิกเซล และกล้อง HUAWEI ToF ที่เข้ามาช่วยตรวจสอบระยะชัดตื้นโดยเฉพาะ
ส่วนกล้องหน้าเซลฟี่ก็อัปเกรดความละเอียมากขึ้นเป็น 32 ล้านพิกเซล เพื่อตอบโจทย์การถ่ายภาพเซลฟี่ที่ดีกว่าเดิม
ทางด้านประสิทธิภาพการทำงาน ก็ปรับไปใช้ขุมพลังตัวท็อปอย่าง Kirin 980 Octa-Core
Processor เหมือนกับรุ่นพี่ HUAWEI Mate 20 Series
พร้อมหน่วยความจำแรม (RAM) ขนาด 8GB และหน่วยความจำภายใน (ROM) ขนาด 256GB หรือสูงสุด 512GB สำหรับสีใหม่อย่าง Amber Sunrise
และแบตเตอรี่ความจุ 4200mAh
ที่รองรับระบบชาร์จเร็วแบบ HUAWEI SuperCharge 40W เพื่อตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์การใช้งานของทุกท่านได้อย่างเต็มที่
อ่านจากข้อมูลด้านต้นน่าจะเห็นได้ว่า HUAWEI P30 Pro
เป็นสมาร์ทโฟนตัวเรือธงอีกหนึ่งรุ่นที่มีความน่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง
โดยตัวเครื่องจริงจะเป็นอย่างไร มีฟีเจอร์จัดเต็มมากน้อยขนาดไหน
ไปรับชมรีวิวฉบับเต็มพร้อมกันได้เลยครับ
รูปลักษณ์ภายนอกตัวเครื่อง และการออกแบบดีไซน์
เริ่มต้นที่การแกะกล่องกันก่อน สำหรับ HUAWEI
P30 Pro มาพร้อมกับกล่องบรรจุภัณฑ์สีขาว ซึ่งที่ด้านหน้ามีการประทับข้อความ
HUAWEI P30 Pro พร้อมข้อความ Leica Quad Camera
ซึ่งสื่อถึงคุณสมบัติด้านกล้องถ่ายภาพของสมาร์ทโฟนรุ่นนี้เอาไว้อย่างชัดเจน






สำหรับอุปกรณ์ที่แถมมาให้ภายในกล่องประกอบไปด้วย เคสใส, คู่มือการใช้งาน, ใบรับประกัน, เข็มจิ้มถาดใส่ซิมการ์ด,
สายเชื่อมต่อแบบ USB Type-C สำหรับโอนถ่ายข้อมูล,
หูฟังพร้อมพอร์ตเชื่อมต่อแบบ USB Type-C
และอแดปเตอร์ชาร์จไฟที่รองรับเทคโนโลยีชาร์จเร็ว HUAWEI SuperCharge
สำหรับเคสใสที่แถมมาให้ภายในกล่องสามารถปกป้อง
ตัวเครื่องโดยรอบได้เป็นอย่างดี รวมทั้งตัวเคสจะความหนากว่าตัวเครื่องพอสมควร
ทำให้สามารถปกป้องชุดกล้อง Leica Quad Camera ทั้งสี่ตัวได้แบบครบถ้วนครับ
มาดูที่ตัวเครื่องกันบ้าง สำหรับ HUAWEI P30
Pro มีการปรับโฉมจากรุ่น HUAWEI P20 Pro
พอสมควรด้วยการปรับไปใช้ดีไซน์หน้าจอทรงหยดน้ำค้าง หรือ Dewdrop Display
คล้ายกับรุ่น HUAWEI Mate 20 โดยตัวแผงหน้าจอจะเป็นแบบ OLED
ที่แสดงสีสันได้อย่างคมชัดสดใส พร้อมขนาดการแสดงผลใหญ่เต็มตาที่ 6.47 นิ้ว
บนความละเอียดระดับ Full HD+ (2340x1080 พิกเซล) โดยตัวหน้าจอของ HUAWEI P30
Pro จะรองรับการแสดงสีสันตามมาตรฐาน DCI-P3
ซึ่งตอบโจทย์ผู้ที่ชื่นชอบการรับชมคอนเทนต์ต่างๆ ผ่านสมาร์ทโฟนได้เป็นอย่างดี
ที่ด้านบนของหน้าจอมีการเว้นพื้นที่จอเอาไว้ เป็นรูปทรงครึ่งวงกลมคล้ายกับหยดน้ำค้าง
โดยพื้นที่ส่วนนี้ใช้สำหรับติดตั้งกล้องหน้าเซลฟี่ความละเอียด 32 ล้านพิกเซล
รูรับแสงกว้าง f/2.0 พร้อมเซ็นเซอร์ต่างๆ ได้แก่ Proximity Sensor
สำหรับการปิดหน้าจอแบบอัตโนมัติขณะที่ยกมือถือขึ้นมาสนทนา
เพื่อเป็นการประหยัดพลังงาน, Ambient Light Sensor
สำหรับตรวจวัดความสว่างของสภาพแวดล้อมเพื่อปรับความสว่างของหน้าจอให้มีความเหมาะสม
หลายท่านอาจสังเกตุเห็นได้ว่า HUAWEI P30 Pro ไม่มีลำโพงสำหรับสนทนาติดตั้งอยู่บริเวณขอบตัวเครื่องแต่อย่างใด
ซึ่งเป็นผลมาจากการที่ Huawei ได้ปรับไปใช้เทคโนโลยีใหม่ที่เรียกว่า HUAWEI
Acoustic Display ซึ่งเป็นการซ่อนลำโพงสนทนาเอาไว้ใต้หน้าจอ
และใช้แรงสั่นสะเทือนเพื่อเปล่งเสียงจากหน้าจอเข้าใบหูผู้ใช้งาน
ซึ่งข้อดีของเทคโนโลยีดังกล่าวช่วยให้มือถือมีพื้นที่ในการแสดงผลที่ใหญ่ขึ้น
เพราะไม่จำเป็นต้องเหลือพื้นที่ขอบเพื่อติดตั้งลำโพงสนทนาเหมือนกับสมาร์ทโฟน
ทั่วไป รวมทั้งยังช่วยให้ผู้ใช้มีพื้นที่ในการฟังเสียงสนทนามากขึ้นกว่าเดิม
ขยับมาดูที่ด้านล่างของหน้าจอจะพบกับปุ่มควบคุม แบบสัมผัสจำนวน 3 ปุ่ม ประกอบไปด้วย ปุ่ม Back สำหรับย้อนกลับ, ปุ่ม Home
สำหรับย้อนกลับไปยังหน้าโฮมสกรีน และปุ่ม Recent Apps
สำหรับเรียกดูแอปพลิเคชันทั้งหมดที่ทำงานอยู่เบื้องหลัง
ใต้หน้าจอแสดงผลส่วนล่างของ HUAWEI P30 Pro
มีการติดตั้งเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือเอาไว้ด้วย โดยทาง Huawei ระบุว่า
สามารถปลดล็อกได้เร็วขึ้นกว่ารุ่นก่อนราว 30% ด้วยกัน
ด้านซ้ายของตัวเครื่องไม่มีปุ่ม หรือพอร์ตเชื่อมต่อใดๆ
ด้านขวาของตัวเครื่องประกอบไปด้วย ปุ่ม Power สำหรับปิด-ปิดเครื่อง และปุ่มปรับระดับเสียง
ที่ด้านบนของตัวเครื่องมาพร้อมกับ Infrared Sensor สำหรับใช้งานร่วมกับแอปพลิเคชันประเภทรีโมทคอนโทรล
เพื่อควบคุมเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านผ่านแอปพลิเคชันที่รองรับ
ถัดมาเป็นไมโครโฟนสำหรับตัดเสียงรบกวน
และหากสังเกตในส่วนของขอบเครื่องจะเห็นว่า HUAWEI P30 Pro
มีการตกแต่งขอบที่ค่อยๆ ไล่ระดับความโค้งจากขอบบนไปหาเฟรมด้านข้าง
ให้ความรู้สึกพรีเมียมมากยิ่งขึ้น โดย Huawei เรียกดีไซน์ในลักษณะนี้ว่า
Flowing Design ที่มีการตัดขอบตัวเครื่องอย่างประณีตนั่นเองครับ

ที่ด้านล่างของตัวเครื่องประกอบไปด้วย ถาดใส่ซิมการ์ดแบบ Hybrid Slot ซึ่งรองรับซิมการ์ดแบบ nanoSIM
ทั้งหมดสองซิมการ์ด และยังรองรับหน่วยความจำเสริมแบบใหม่อย่าง Nano Memory
Card อีกด้วย (แต่ไม่รองรับ microSD Card) ถัดมาเป็นไมโครโฟนสนทนา, พอร์ตเชื่อมต่อแบบ USB Type-C
และลำโพงเสียหลักของตัวเครื่อง โดยในรุ่นนี้จะไม่มีช่องเสียบหูฟังมาตรฐานแบบ
3.5 มม. เหมือนกับรุ่น HUAWEI P30 ครับ
ดังนั้นหากท่านใดที่มีหูฟังตัวโปรดที่ใช้พอร์ตเชื่อมต่อแบบ 3.5 มม.
สามารถใช้อแดปเตอร์แปลงพอร์ต USB Type-C to 3.5mm.
ที่แถมมาในกล่องเพื่อใช้งานได้ครับ
มาดูที่ด้านหลังตัวเครื่องกันบ้าง โดย HUAWEI P30 Pro เลือกใช้บอดี้แบบกระจกขอบลงโค้งเพื่อช่วยให้การจับถือกระชับมือมากยิ่งขึ้น
ส่วนสีสันยังเป็นแบบไล่เฉดจากสีอ่อนไปหาสีเข้ม และสามารถสะท้อนออกมาเป็นสีต่างๆ ตามมุมแสงที่ตกกระทบ ซึ่งถือเป็นเอกลักษณ์ด้านงานออกแบบของ Huawei ที่สืบทอดมาตั้งแต่รุ่น HUAWEI P20 Series โดยสีสวยๆ อย่างสี Breathing Crystal ที่เห็นอยู่นี้ ทาง HUAWEI ระบุว่า มีการเคลือบผิวสัมผัสแบบ Nano Optical Color ทั้งหมด 9 ชั้น ซึ่งแม้ว่าดูค่อนข้างเยอะ แต่จริงๆ แล้ว ความหนาของชั้นสีเทียบเท่ากับสัดส่วน 1/1000 ของกระดาษบางๆ เพียงหนึ่งแผ่นเท่านั้นเองครับ
สำหรับสีสันของ HUAWEI P30 Pro ล้วนแล้วแต่ได้รับแรงบันดาลใจในการออกแบบมาจากธรรมชาติ โดยสี Breathing
Crystal ได้รับแรงบันดาลใจมาจากทะเลเกลือ โดยเป็นสีฟ้าของท้องฟ้าที่ด้านบน
และสีน้ำเงินไล่ไปหาสีม่วงคล้ายกับผิวน้ำที่ด้านล่าง, สีขาว Pearl White
ได้รับแรงบันดาลใจมาจากแสงท้องฟ้าในตอนกลางวัน, สี Black
ที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากท้องฟ้าที่มืดสนิท และสี Aurora ที่มีสีสัน
และลวดลายคล้ายกับแสงเหนือ
ในส่วนของสี Aurora บน HUAWEI P30 Pro หลายท่านอาจจะเคยเห็นสีสันที่คล้ายกันในลักษณะนี้บนมือถือ Huawei บางรุ่นมาแล้ว อย่างเช่นในรุ่น HUAWEI nova 4 ที่มาพร้อมกับสี Aurora Blue เป็นต้น แต่สำหรับสี Aurora ของ HUAWEI P30 Pro จะมีการเพิ่มลวดลายคล้ายกับแสงม่านแสงเหนือบนท้องฟ้า รวมทั้งลวดลายจะมีการเคลื่อนไหวไปตามมุมที่โดนแสงตกกระทบคล้ายกับการเต้นระบำของแสงเหนือ
ส่วนสีใหม่ล่าสุดอย่างสีส้มอำพัน Amber Sunrise ที่เพิ่งเปิดตัว และเปิดให้สั่งจองในประเทศไทยไปสดๆ ร้อนๆ ก็ได้รับแรงบันดาลใจมาจากสีของแสงอาทิตย์ยามเช้าที่โผล่ขึ้นมาเหนือผิวน้ำ โดยจะเป็นเฉดสีแดงผสานกับสีส้มที่เข้ากันอย่างลงตัว ซึ่งทำให้ตัวเครื่องดูมีความโดดเด่นสวยสะดุดตาไม่ใช่น้อย นอกจากนี้ HUAWEI P30 Pro สีส้มอำพัน Amber Sunrise นั้นจะมาพร้อมกับหน่วยความจำภายในขนาด 512GB ซึ่งถือว่ามากกว่า HUAWEI P30 Pro สีปกติเป็นเท่าตัว
อีกทั้งจะได้รับของแถมเป็นเคสกลิตเตอร์จากแบรนด์ผู้ผลิตเครื่องเพชรสุดพรีเมียมอย่าง Swarovski ด้วย
ภายในฝาหลังสวยๆ แบบนี้มาพร้อมกับแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ที่ 4200mAh ที่รองรับเทคโนโลยีชาร์จเร็วแบบ HUAWEI SuperCharge 40W ซึ่งได้รับการรันตีความปลอดภัยจาก TUV Rheinland สถาบันทดสอบชั้นนำจากเยอรมนี นอกจากนี้ ด้วยการที่ฝาหลัง HUAWEI P30 Pro เป็นกระจก จึงทำให้สามารถรองรับฟังก์ชันการชาร์จแบบไร้สาย ซึ่งสามารถจ่ายไฟได้สูงสุดถึง 15W (HUAWEI Wireless Quick Charge) และที่สำคัญยังรองรับฟีเจอร์ Wireless Reverse Charging ที่เป็นการปล่อยกระแสไฟให้กับอุปกรณ์อื่นๆ ได้แบบไร้สาย ซึ่งเป็นฟีเจอร์เดียวกันกับรุ่น HUAWEI Mate 20 Pro นั่นเองครับ
อีกทั้งยังมาพร้มกับคุณสมบัติป้องกันน้ำ
และฝุ่นที่ระดับ IP68 สามารถกันน้ำได้ลึก 1.5 เมตร เป็นระยะเวลานานสุด 30
นาที
ขยับมาที่ด้านบนจะพบกับชุดกล้อง 4 ตัวที่พัฒนาร่วมกับ Leica หรือที่ Huawei เรียกในชื่อ Leica Quad Camera ประกอบด้วย กล้องตัวหลักความละเอียด 40 ล้านพิกเซล รูรับแสงกว้าง f/1.6 พร้อมระบบป้องกันภาพสั่นไหวแบบ OIS (ระยะโฟกัส 27mm.) , กล้องเลนส์มุมกว้างพิเศษแบบ Ultra Wide Angle ความละเอียด 20 ล้านพิกเซล รูรับแสงกว้าง f/2.2 (ระยะโฟกัส 16mm,), กล้อง Periscope ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล (ระยะโฟกัส 125mm.) รูรับแสงกว้าง f/3.4 พร้อมระบบป้องกันภาพสั่นไหวแบบ OIS และกล้อง HUAWEI ToF (Time-of-Flight) สำหรับช่วยตรวจจับระยะชัดตื้น นอกจากนี้ ยังมีเซ็นเซอร์ต่างๆ สำหรับช่วยถ่ายภาพ ไม่ว่าจะเป็น Color Temperature ซึ่งเป็นเซ็นเซอร์สำหรับวัดอุณหภูมิแสง และ Flicker Sensor ซึ่งเป็นเซ็นเซอร์เข้ามาช่วยวิเคราะห์ความถี่ของแสงบนสภาพแวดล้อมโดยรอบ เพื่อทำการปรับแต่งการตั้งค่าของกล้องให้เหมาะสม ช่วยลดปัญหาการถ่ายภาพแล้วเกิดอาการหลอดไฟกระพริบนั่นเองครับ
เปิดเครื่องใช้งาน พร้อมทดสอบฟังก์ชัน และแอปพลิเคชันต่างๆ

HUAWEI P30 Pro มทำงานอยู่บระบบปฏิบัติการ
Android OS เวอร์ชัน 9 Pie ครอบทับด้วย EMUI 9.1 ซึ่งเป็น UI
เวอร์ชันล่าสุดที่ทาง Huawei ได้พัฒนาขึ้น
โดยเน้นจุดเด่นไปเรื่องของดีไซน์โดยรวมที่สามารถใช้งานได้ง่าย, ความลื่นไหล
และฟีเจอร์เพียบพร้อมจัดเต็มตอบโจทย์ทุกการใช้งานในชีวิตประจำวัน


รองรับการใช้งานแบบ 2 ซิมการ์ด
พร้อมรองรับการสแตนด์บายบนเครือข่าย 4G ทั้งสองซิมการ์ด นอกจากนี้
ยังรองรับการสนทนาผ่านเทคโนโลยี VoLTE (Voice over LTE) ทั้งสองซิมการ์ด
รวมถึงเทคโนโลยีการสื่อสารผ่านเครือข่าย Wi-Fi อย่าง Wi-Fi Calling
สำหรับหน้าโฮมสกรีนของ HUAWEI P30 Pro จะจัดเรียงแอปพลิเคชันทั้งหมดเอาไว้
ทำให้สามารถปัดเพื่อเลือกใช้งานแอปพลิเคชันต่างๆ ได้อย่างง่ายดาย
เมื่อลากนิ้วจากบนลงล่างจะพบกับ Toggle Switch ซึ่งเป็นหน้าที่รวบรวมคำสั่ง และคีย์ลัดสำหรับการตั้งค่าตัวเครื่องเอาไว้อยางครบถ้วน โดยผู้ใช้สามารถปรับแต่ง และจัดเรียงตำแหน่งของคีย์ลัดได้เองโดยการแตะที่ไอคอนรูปดินสอที่อยู่ทางด้านบน
ถัดลงมาเป็นส่วนของ Notification Center ซึ่งเป็นศูนย์รวมการแจ้งเตือนต่างๆ ภายในตัเครื่องนั่นเอง
โดยผู้ใช้สามารถปัดไปทางซ้าย หรือขวาอย่างรวดเร็วเพื่อลบการแจ้งเตือนได้
และหากปัดไปด้านใดด้านหนึ่งค้างไว้
จะพบกับออพชันเกี่ยวกับการแจ้งเตือนทั้งหมด 2 อย่างด้วยกันได้แก่
ปิดการแจ้งเตือนนั้นๆ เป็นเวลาชั่วคราวตามที่กำนหด
และจัดการการแจ้งเตือนของแอปพลิเคชันนั้นๆ
และหากปัดจากหน้าโฮมสกรีนไปยังทางด้านขวาจะพบ กับ HiBoard ซึ่งเป็นแหล่งรวบรวมการแสดงผลของแอปพลิเคชัน
และคีย์ลัดสำคัญต่างๆ เอาไว้ภายในหน้าเดียว รวมทั้งผู้ใช้สามารถปรับแต่งหน้า
HiBoard ได้ด้วยตนเองอีกด้วย
ส่วนแอปพลิเคชันพื้นฐานที่ติดตั้งมาให้ภายในตัว เครื่อง ประกอบไปด้วย แอปพลิเคชันจากฝั่ง Google อย่างเช่น Gmail, Maps และ
Youtube พร้อมแอปพลิเคขันพื้นฐานสารพัดประโยชน์จาก Huawei เช่น บันทึกเสียง,
เข็มทิศ และเครื่องคิดเลข เป็นต้น
แอปพลิเคชันที่ Huawei ติดตั้งมาให้ถือว่ามีความน่าสนใจไม่ใช่น้อย อย่างเช่น แอปพลิเคชัน Smart
Remote ที่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถควบคุมเครื่องใช้ภายในบ้าน เช่น โทรทัศน์,
เครื่องปรับอากาศ หรือกล้องถ่ายภาพ ได้อย่างง่ายๆ
ด้วยการยิงลำแสงผ่านเซ็นเซอร์ Infrared ที่อยู่ด้านบนของตัวเครื่องนั่นเอง
หรือแอปพลิเคชัน HUAWEI AR Measure ที่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถวัดความกว้าง-ยาว
ของสิ่งของได้อย่างง่ายดายเพียงแค่ยกกล้องส่องเท่านั้น
ซึ่งจะทำงานร่วมกับกล้องถ่ายภาพ และกล้อง HUAWEI ToF
ในการตรวจวัดขนาดของวัตถุที่ต้องการครับ
ทางด้านแอปพลิเคชัน Gallery มีการจัดหมวดหมู่ในการแสดงภาพ และคลิปวิดีโอเอาไว้ทั้งหมด 4 รูปแบบ
ประกอบไปด้วย Photos สำหรับแสดงภาพ
และคลิปวิดีโอทั้งหมดในตัวเครื่องภายในหน้าเดียว, Albums แสดงภาพถ่าย
และวิดีโอ โดยแยกเป็นหมวดหมู่, Highlights แสดงภาพต่างๆ
ภายในตัวเครื่องเมื่อผู้ใช้ล็อกหน้าจอ และเสียบสายชาร์จค้างเอาไว้
โดยภาพทั้งหมดจะถูกคัดเลือกด้วยระบบปัญญาประดิษฐ์ ส่วน Discover
จะเป็นการแสดงภาพถ่าย และคลิปวิดีโอแยกตามสถานที่ครับ
HiCare แอปพลิเคชันหลังการขายที่ช่วยให้ผู้ใช้ Huawei ทุกท่านสามารถตรวจสอบประกันตัวเครื่อง, ค่าซ่อมแซมเบื้องต้น
รวมถึงเทคนิคการใช้งานต่างๆ และยังสามารถติดต่อกับเจ้าหน้าที่ผ่านช่องทาง
Live Chat ได้
มาพร้อมกับแอปพลิเคชัน Health ที่ช่วยตรวจวัดข้อมูลสุขภาพเบื้องต้นของผู้ใช้งานได้ เช่น การนับก้าว
หรือปริมาณแคลลอรีที่ถูกใช้ไป นอกจากนี้
ผู้ใช้ยังสามารถตั้งค่าการออกกำลังกาย รวมถึงเชื่อมต่อแอปพลิเคชัน Health
เข้ากับอปกรณ์เสริมต่างๆ ของ Huawei เช่น HUAWEI Band ได้ด้วย
มาดูในส่วนของฟีเจอร์ด้านการใช้งานบน EMUI 9.1 กันบ้าง โดยผู้ใช้สามารถเปิดปิดการทำงานของฟังก์ชัน Always on Display
ซึ่งเป็นการแจ้งเตือนขณะหน้าจอดับได้
ซึ่งถือว่าตอบโจทย์สมาร์ทโฟนที่ใช้หน้าจอแบบ OLED ที่จะไม่เปล่งแสงสีดำอย่าง
HUAWEI P30 Pro มากเลยทีเดียว
ใครที่ไม่อยากให้แอปพลิเคชันทั้งหมดแสดงอยู่บน หน้าโฮมสกรีน ก็สามารถเลือกเปิดใช้งาน Drawer ได้
โดยแอปพลิเคชันทั้งหมดจะถูกย้ายไปเก็บไว้ภายใน Drawer
ซึ่งทำหน้าที่เสมือนลิ้นชักเก็บแอปพลิเคชันของตัวเครื่องนั่นเองครับ
สามารถปรับรูปแบบการแสดงสีสัน
รวมถึงอุณหภูมิสีได้ด้วยตนเอง
รวมทั้งสามารถเปิด-ปิด ฟังก์ชัน Eye Comfort ทึ่เป็นการปรับสีสันของการแสดงผลให้อยู่ในโทนอุ่น
เพื่อช่วยลดอาการล้าของสายตา ตอบโจทย์การใช้งานในช่วงกลางคืน
รวมถึงผู้ที่ชื่นชอบการอ่านคอนเทนต์ประเภท E-Books
บนสมาร์ทโฟนเป็นอย่างดีครับ
สามารถปรับเปลี่ยนขนาดของตัวอักษรได้ทั้งหมด 5 ระดับ
ในส่วนของหน้าจอแสดงผลก็สามารถปรับเปลี่ยนความ ละเอียดได้เช่นเดียวกัน ได้แก่ HD+ ที่จะช่วยให้ประหยัดพลังงานมากยิ่งขึ้น
และ FHD+ ที่จะเป็นการแสดงความละเอียดในระดับสูงสุดตาม Native ของหน้าจอ
ซึ่งหากใครที่ไม่แน่ใจว่าควรปรับในรูปแบบใด ก็สามารถเลือกที่ออฟชัน Smart
Resolution
ที่ปล่อยให้ระบบเป็นผู้จัดการปรับความละเอียดที่เหมาะสมตามคอนเทนต์ที่กำลังแสดงอยู่
ได้
นอกจากนี้ ยังสามารถเลือกเปิด-ปิด การซ่อนรอยบาก (Notch) ได้ด้วยตนเอง
มาพร้อมกับฟังก์ชัน Digital Balance สำหรับช่วยอำนวยความสะดวกให้แก่ผู้ใช้ในด้านการจัดสรรการใช้งานสมาร์ทโฟนให้เหมาะสม
แต่ละวัน โดยผู้ใช้สามารถตรวจสอบได้ว่า
ในแต่ละวันมีการใช้งานสมาร์ทโฟนไปกับแอปพลิเคชันประเภทใดบ้าง
รวมทั้งสามารถตั้งลิมิตในการใช้แอปพลิเคชันได้อีกด้วย
รวมถึงระบบเสียงแบบ Dolby Atmos ที่ช่วยขับเสียงได้กระหึ่มชัดเจนมากยิ่งขึ้น
โดยผู้ใช้สามารถปรับรูปแบบการเล่นเสียงได้ทั้งหมด 3 รูปแบบ ได้แก่ Smart
ที่เป็นการปรับเสียงให้เหมาะสมกับคอนเทนต์แบบอัตโนมัติ, Film
ปรับเสียงให้เหมาะสมกับการรับชมภาพยนตร์ หรือรายการโทรทัศน์ และ Music
ซึ่งเป็นการปรับเสียยงให้เหมาะกับคอเพลงมากยิ่งขึ้น
นอกเหนือฟังก์ชันต่างๆ ที่ตอบโจทย์การใช้งานแล้ว อีกหนึ่งจุดเด่นที่อยู่เคียงคู่ระบบ EMUI
มาโดยตลอดนั่นก็คือฟังก์ชัน Shortcuts & Gestures
ที่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถสั่งการมือถือได้อย่างง่ายดาย เริ่มตั้งแต่
การบันทึกภาพหน้าจอผ่านการใช้ข้อนิ้วลากหน้าจอให้เป็นรูปตัวอักษร S
การอัดวิดีโอหน้าจอแบบเร่งด่วนผ่านการใช้สองข้อ นิ้วเคาะที่หน้าจอ และการเปิดใช้งานฟังก์ชันแบ่งหน้าจอทำงานแบบ Split-Screen
ด้วยการใช้ข้อนิ้วลากจากกึ่งกลางของหน้าจอ
สามารถเปิดใช้งานฟังก์ชัน Pick up to wake เพื่อปลุกหน้าจอเมื่อยกมือถือขึ้น รวมถึงฟังก์ชัน Double-tap screen to wake
ซึ่งเป็นการปลุกหน้าจอผ่านการแตะที่หน้าจอสองครั้ง
นอกจากนี้ยังสามารถปิดเสียงเรียกเข้าแบบเร่ง ด่วนด้วยการคว่ำหน้าจอเมื่อมีสายเรียกเข้าได้ผ่านฟังก์ชัน Mute Ringtone
และยังสามารถเปิดใช้งานฟังก์ชัน Reduce ringing volume ที่ระบบจะค่อยๆ
ลดระดับเสียงของสายเรียกเข้าเมื่อตรวจจับได้ว่าผู้ใช้มีการยกสมาร์ทโฟนขึ้นมาแล้ว
รวมทั้งยังมีฟีเจอร์ Answer call ในการรับสายอัตโนมัติเมื่อผู้ใช้ยกมือถือขึ้นมาแนบที่ใบหู
มาพร้อมกับฟังก์ชัน HUAWEI Share ที่ช่วยให้ผู้ใช้โอนถ่ายข้อมูล
หรือปรินท์งานได้อย่างง่ายดายโดยไม่จำเป็นต้องใช้อินเทอร์เน็ต
หรือเสียบสายเชื่อมต่อ
แต่ที่ล้ำไปกว่านั้นคือ HUAWEI P30 Pro ยังรองรับฟังก์ชัน OneHop ซึ่งช่วยให้ผู้ใช้ถ่ายโอนข้อมูลระหว่างมือถือกับ
HUAWEI MateBook
ได้แสนง่ายเพียงแค่นำมือถืออไปแตะที่บริเวณด้านล่างของแล็ปท็อปเท่านั้น
มาดูในเรื่องของระบบความปลอดภัยกันบ้าง อย่างที่กล่าวไปตั้งแต่ตอนต้นว่า HUAWEI P30 Pro
รองรับระบบสแกนลายนิ้วมือที่ฝังอยู่ด้านใต้ของหน้าจอ
โดยซอฟต์แวร์จะอนุญาตให้ผู้ใช้บันทึกลายนิ้วมือได้สูงสุด 5 ลายนิ้วมือด้วยกัน
ส่วนระบบสแกนใบหน้า หรือ Face Recognition รองรับใบหน้าแค่เพียง 1 บุคคลเท่านั้น
สำหรับลายนิ้วมือ และใบหน้าที่ถูกบันทึกเอาไว้ภายในระบบ
นอกเหนือจะสามารถใช้เพื่อปลดล็อกได้แล้ว
ยังสามารถใช้งานเป็นเครื่องมือในการยืนยันตัวตนร่วมกับฟังก์ชันความปลอดภัยต่างๆ
ยกตัวอย่างเช่น การเข้าถึง Safe
ซึ่งเปรียบเสมือนตู้เซฟประจำเครื่องที่ถูกใช้สามารถโยนไฟล์เข้าไปเก็บภายใน
รวมถึง App Lock
ที่จะเป็นการล็อกแอปพลิเคชันที่ต้องการเพื่อป้องกันผู้อื่นเข้าใช้งานแทนเจ้าของ
เครื่อง
มาดูในเรื่องประสิทธิภาพการทำงานกันบ้าง สำหรับ
HUAWEI P30 Pro ขับเคลื่อนการทำงานด้วยขุมพลัง Kirin 980 Octa-Core Processor
ประกบคู่กับหน่วยความจำแรม (RAM) ขนาด 8GB พร้อมหน่วยความจำภายในขนาด 256GB
หรือ 512GB (เฉพาะสี Amber Sunrise) และรันด้วยระบบปฏิบัติการ Android OS เวอร์ชัน 9 Pie
ตั้งแต่แกะกล่อง
โดยเมื่อลองทดสอบประสิทธิภาพโดยรวมด้วยแอปพลิเค ชัน AnTuTu พบว่าสามารถทำคะแนนได้ราว 313698 คะแนน

ซึ่งแน่นอนว่าด้วยประสิทธิภาพในระดับนี้ส่งผล ให้สามารถเล่นเกมกราฟิก 3 มิติยอดนิยมที่มีพื้นที่เป็นโลกเปิดกว้าง
พร้อมตัวละครที่มีรายละเอียดสูงอย่าง Cyber Hunter ได้อย่าลื่นไหล
โดยสามารถปรับกราฟิกได้สูงสุดที่ระดับ Best
และปรับค่าเฟรมเรมได้สูงสุดที่ระดับ Insane

การเล่นไฟล์วิดีโอความละเอียดสูงก็สามารถทำได้ ดี โดยไม่มีอาการกระตุก หรือหน่วงขณะเล่นให้พบเจอ
ในส่วนของระบบดาวเทียม GPS จากการทดสอบในสภาวะกลางแจ้งพบว่า สามารถตรวจจับสัญญาณได้อย่างรวดเร็ว มองเห็นดาวเทียมทั้งหมด 34 ดวง และใช้งานทั้งหมด 34 ดวง พร้อมค่าความแม่นยำ +- ไม่เกิน 4 เมตร เนื่องจาก HUAWEI P30 Pro มีเทคโนโลยี Dual-Frequency GPS ที่ติดตั้งมาพร้อมกับชิป Kirin 980 ซึ่งสามารถตรวจจับคลื่นความถี่ L1 และ L5 ได้พร้อมกันนั่นเอง
การใช้งานกล้องดิจิทัลสำหรับถ่ายภาพนิ่ง และวิดีโอ
ไฮไลท์เด่นของ HUAWEI P30 Pro คงหนีไม่พ้นการมาพร้อมกับกล้องหลัง 4 ตัวที่ร่วมพัฒนากับแบรนด์ Leica อันเลื่องชื่ออย่างแน่นอน โดยการออกแบบชุดกล้อง 4 ตัวในครั้งนี้ ทาง Huawei ต้องการที่พลิกโฉมกล้องมือถือทั้งหมด 5 ด้าน ได้แก่ Night Capability (ความสามารถด้านการถ่ายภาพกลางคืน), Range Capability (ความสามารถด้านการซูม), Width Capability (ความสามารถด้านการถ่ายภาพมุมกว้าง), Depth Capability (ความสามารถด้านการการตรวจจับระยะชัดตื้น) และ Pro Video Capability (ความสามารถด้านการถ่ายวิดีโอระดับโปร)
โดยในส่วนของ Night Capability นั้น HUAWEI
ได้ปฏิวัติกล้องมือถือใหม่ด้วยการคิดค้นการจัดเรียงพิกเซลบนเซ็นเซอร์กล้องถ่ายภาพ
ใหม่ยกชุด โดยปกติแล้วเซ็นเซอร์กล้องถ่ายภาพที่ใช้บนสมาร์ทโฟนทั่วๆ
ไปจะเป็นแบบ RGGB ซึ่งเป็นการเรียงพิกเซลแบบ สีแดง, สีเขียว, สีเขียว
และสีน้ำเงิน แต่บน HUAWEI P30 Pro ใช้เซ็นเซอร์แบบใหม่ที่มีชื่อเรียกว่า
SuperSpectrum โดยจัดเรียงพิกเซลสีแบบ RYYB คือ สีแดง, สีเหลือง, สีเหลือง
และสีน้ำเงิน ซึ่งถือว่าเป็นมือถือรุ่นแรกของโลกที่ใช้เซ็นเซอร์ในลักษณะนี้
และยังเป็นการปฏิวัติเซ็นเซอร์แบบ RGGB ที่ใช้กันมายาวนานถึง 40 ปี
โดยข้อดีของเซ็นเซอร์แบบใหม่บน HAWEI P30 Pro คือ การรับแสง (Light Intake)
ที่ดีขึ้น 40%
เนื่องจากในส่วนของฟิลเตอร์สีเหลืองจะทำหน้าที่รับข้อมูลทั้งสีเขียว
และสีแดงเข้ามาพร้อมกัน รวมทั้ง ISP (Image Signal Processing :
หน่วยประมวลผลภาพถ่าย)
ก็มีการพัฒนาอัลกอริทึมใหม่ขึ้นมาเพื่อช่วยประมวลผลการทำงานของเซ็นเซอร์แบบใหม่ตัว
นี้ด้วย
สำหรับเซ็นเซอร์ SuperSpectrum จะถูกใช้งานในกล้องตัวหลักของ HUAWEI P30 Pro ซึ่งเมื่อนำขนาดของเซ็นเซอร์ที่
1/1.7 นิ้ว ไปเปรียบเทียบกับเซ็นเซอร์ของแบรนด์อื่นๆ บนท้องตลาด จะเห็นว่า
HUAWEI P30 Pro มีขนาดเซ็นเซอร์ที่ใหญ่กว่าอย่างชัดเจน
โดยข้อดีของเซ็นเซอร์ที่ใหญ่ขึ้นจะช่วยให้สามารถเก็บแสงต่างๆ
ได้ดีมากยิ่งขึ้น และเมื่อประกอบกับรูรับแสงกว้างขึ้นที่ f/1.6 ส่งผลให้
HUAWEI P30 Pro สามารถเก็บแสงได้ดีขึ้นกว่า HUAWEI P20 Pro ราว 25%
ที่สำคัญกล้องตัวหลักของ HUAWEI P30 Pro ยังมีความสามารถในการดันค่าความไวแสง (ISO) ได้สูงถึง 409600
ซึ่งเมื่อเทียบกับรุ่นก่อนอย่าง HUAWEI P20 Pro ที่สามารถดัน ISO
ได้สูงสุดที่ 102400 แล้ว จะเห็นได้ว่ามีการพัฒนาอย่างก้าวกระโดดเลยทีเดียว
ซึ่งแน่นอนว่าเมื่อดัน ISO ได้สูงขึ้นกว่าเดิม
จะช่วยให้ผู้ใช้สามารถถ่ายภาพกลางคืน
หรือในสภาวะแสงที่มีความมืดมากเป็นพิเศษโดยที่ไม่จำเป็นต้องใช้แฟลชนั่นเอง
ซึ่งด้วยการปรับปรุงเซ็นเซอร์ SuperSpectrum ให้มีความก้าวล้ำขึ้นมานี้
เป็นส่วนหนึ่งของการปฏิวัติด้านการถ่ายภาพกลางคืนบนมือถือครับ

ส่วน Range Capability นั้น ทาง HUAWEI ได้ทำการปรับปรุงระบบซูมให้ดีขึ้นด้วยชิ้นเลนส์ซูมแบบ Periscope
หรือที่เรียกในชื่อ SuperZoom โดยสามารถซูมด้วยชิ้นเลนส์ (Optical Zoom)
ได้ไกลสุด 5 เท่า, ซูมภาพแบบ Hybrid Zoom (เลนส์ผสมดิจิทัล) ได้ไกลสุด 10
เท่า และซูมดิจิทัล (Digital Zoom) ได้ไกลสุด 50 เท่า
ซึ่งเมื่อคิดออกมาเป็นตัวเลขแล้ว HUAWEI P30 Pro
จะมีเลนส์ที่ครอบคลุมระยะการถ่ายภาพตั้งแต่ 16mm.-1343mm. เลยทีเดียว
ซึ่งถือว่าครอบคลุมการถ่ายภาพแบบกว้างเพื่อถ่ายทอดบรรยากาศโดยรอบ
รวมถึงแบบแคบเพื่อเก็บดีเทลต่างๆ ที่อยู่ไกลตัวผู้ถ่าย
โดยหากเป็นกล้องในระดับโปรผู้ใช้อาจจะต้องพกเลนส์หลายตัว ซึ่งการที่ Huawei
สามารถจับมาใส่ในมือถือเครื่องเล็กๆ เครื่องเดียว
ถือว่าเป็นเรื่องที่ค่อนข้างน่าสนใจพอสมควร

ด้าน Width Capability ทาง HUAWEI ได้ปฏิวัติมาก่อนหน้านี้ตั้งแต่รุ่น HUAWEI Mate 20 Series ด้วยการติดตั้งกล้องเลนส์มุมกว้างพิเศษแบบ Ultra Wide Angle มาให้ ซึ่งใน HUAWEI P30 Pro ก็ยังคงมีกล้องตัวนี้เช่นเดียวกัน โดยกล้อง Ultra Wide Angle จะมีระยะโฟกัสอยู่ที่ 16mm. ช่วยให้สามารถเก็บภาพแบบกว้างโดยไม่จำเป็นต้องถอยออกจาก Subject และที่สำคัญกล้องมุมกว้างพิเศษของ HUAWEI P30 Pro ยังสามารถโฟกัสวัตถุได้ใกล้สุดถึง 2.5 ซม. ทำให้การถ่ายวัตถุในระยะใกล้เป็นเรื่องที่ทำได้ง่ายกว่าเดิม
ทางฝั่งของ Depth Capability คือการมาพร้อมกับกล้องตัวใหม่ที่มีชื่อเรียกว่า HUAWEI ToF ที่มีหน้าที่ในการตรจจับระยะชัดตื้นแบบ Real-time รวมทั้งยังสามารถเก็บข้อมูลระยะชัดตื้นได้ดีกว่ากล้อง Depth ที่ใช้บนสมาร์ทโฟนทั่วๆ ไป ผลลัพธ์ช่วยให้ HUAWEI P30 Pro สามารถทำสิ่งที่เรียกว่า Multi-level Pro-Bokeh Effects หรือการสร้างเอฟเฟ็กต์หน้าชัดหลังเบลอแบบไล่ระดับคล้ายกับการถ่ายด้วยกล้องระดับโป รได้ รวมทั้งด้วยความสามารถของกล้อง HUAWEI ToF ที่เก็บข้อมูลระยะชัดตื้นได้ดีขึ้น ยังช่วยให้การตัดขอบระหว่างตัวแบบ และฉากหลัง ทำได้อย่างเนียนตา และแม่นยำยิ่งขึ้น
ขณะที่ Pro Video Capability นั้น ทาง Huawei ได้เพิ่มลูกเล่นใหม่ๆ เพื่อตอบโจทย์การสร้างสรรค์คอนเทนต์ในรูปแบบวิดีโอ เพราะจากรายงานที่ผ่านมาเปิดเผยว่า ภายในหนึ่งนาที ผู้ใช้มีการอัปโหลดคอนเทนต์ขึ้น Youtube ที่มีความยาวรวมแล้วเป็นเวลาถึง 400 ชม. ซึ่งจากตัวเลขนี้แสดงให้เห็นว่าคอนเทนต์ประเภทวิดีโอกำลังเติบโต และได้รับความนิยมจากผู้ใช้งาน แต่ปัญหาหลักในการถ่ายวิดีโอด้วยกล้องมือถือจะมี Pain Points ใหญ่ๆ ทั้งหมด 3 จุด ได้แก่ ปัญหาเรื่องแสงน้อย, อาการสั่นของภาพ และระยะการถ่ายที่ไม่สามารถซูมได้ไกลมากนัก แต่ใน HUAWEI P30 Pro ได้พยายามแก้ไขปัญหาเหล่านี้ด้วยเซ็นเซอร์ตัวใหม่ SuperSpectrum ที่ดันค่า ISO ได้สูง และเก็บแสงได้ดีกว่าเดิม ส่วนอาการสั่นก็แก้ไขด้วยระบบป้องกันภาพสั่นไหวด้วยปัญญาประดิษฐ์ (AI Image Stabilization : AIS) ที่ทำงานร่วมกับระบบป้องกันภาพสั่นไหวแบบ OIS ที่ติดตั้งอยู่บนกล้องตัวหลัก และกล้องเลนส์ซูม ขณะที่ปัญหาด้านการระยะซูมภาพ ก็ถูกแก้ไขด้วยกล้อง Periscope ที่สามารถซูมได้ไกลกว่าสมาร์ทโฟนปกติ อีกทั้ง Huawei ยังได้คิดค้นโหมดถ่ายวิดีโอแบบใหม่อย่าง HUAWEI Dual-View Video ที่เป็นการบันทึกวิดีโอด้วยกล้องตัวหลัก และกล้องเลนส์ซูมไปพร้อมๆ กัน เปิดมุมมองการถ่ายวิดีโอแบบใหม่ที่สามารถถ่ายทอดเรื่องราวได้ทั้งบรรยากาศโดยรอบ และแอคชันของตัวแบบ
ด้วยความสามารถทั้งหมดก็อาจไม่แปลกนักที่ HUAWEI P30 Pro จะได้รับคะแนนทดสอบจาก DxOMark สูงสุดในโลกที่ 112 คะแนน โดยได้รับคะแนนในส่วนของภาพนิ่งทั้งหมด 119 คะแนน และคะแนนการถ่ายวิดีโอที่ 97 คะแนน โดยในส่วนของคะแนนรวมถือเป็นการโค่นแชมป์เก่าที่รุ่นน้องอย่าง HUAWEI P20 Pro และ HUAWEI Mate 20 Pro ที่เคยทำคะแนนสูงสุดเอาไว้ได้ 109 คะแนนครับ
ในส่วนของกล้องหน้าของ HUAWEI P30 Pro ก็มีการเปลี่ยนแปลงเช่นเดียวกัน โดยครั้งนี้อัปเกรดความละเอียดกล้องหน้ามากขึ้นเป็น 30 ล้านพิกเซล พร้อมรูรับแสงกว้าง f/2.0 นอกจากนี้ ทาง Huawei ยังได้ใส่ฟีเจอร์ใหม่ๆ ให้กับกล้องหน้าด้วยนั่นก็คือ AI HDR+ หรือโหมดการถ่ายภาพแบบ HDR ที่ก้าวล้ำขึ้นไปอีกขั้น ตอบโจทย์การถายภาพย้อนแสงที่ดีกว่าเดิม
หน้าอินเทอร์เฟสกล้องถ่ายภาพด้านหลังยังคงออก แบบมาให้ใช้งานได้ง่ายเหมือนกับ Huawei รุ่นก่อนๆ โดยผู้ใช้สามารถเปิด-ปิด
การตั้งค่าต่างๆ ของกล้องได้ที่ด้านบน ไม่ว่าจะเป็น การเปิด-ปิด ไฟแฟลช,
การเปิด-ปิดฟังก์ชัน Master AI ที่ใช้ปัญญาประดิษฐ์ในการตรวจจับซีนต่างๆ
เพื่อปรับแต่งการตั้งค่า และสีสันของภาพถ่ายให้แบบอัตโนมัติ
รวมทั้งยังเลือกโทนสีของกล้องถ่ายภาพได้ทั้งหมด 3 แบบได้แก่ Standard, Vivid
colours และ Smooth Colours
สำหรับวิธีการซูมเข้า-ออกนั้น สามารถทำได้ง่ายๆ เพียงแตะที่ไอคอนตัวเลขด้านขวา (หรือด้านล่างเมื่อถือสมาร์ทโฟนในแนวนอน) โดยระบบจะทำการไล่ระดับการซูมดังนี้ 0.6x (เลนส์มุมกว้างพิกเซล), 1x (ระยะปกติของกล้องตัวหลัก), 5x (Optical Zoom) และ 10x (Hybrid Zoom) ส่วนการซูมสูงสุดที่ระดับ 50x ให้ผู้ใช้ลากไอคอนด้านขวาขึ้นไปยังด้านบนจนสุด หรือจะใช้สองนิ้วขยายก็สามารถทำได้เช่นกัน แต่ทั้งนี้เนื่องจากระบบป้องกันภาพสั่นไหวจะไม่ทำงานเมื่อทำการซูมในระดับ 10 เท่าขึ้นไป ดังนั้นผู้ใช้อาจต้องถือสมาร์ทโฟนนิ่งเป็นพิเศษ หรือใช้ขาตั้งกล้องช่วยอีกแรงครับ
สามารถตั้งค่าความละเอียดของภาพถ่ายได้สูงสุด 40 ล้านพิกเซล,ตั้งค่าการแนบสถานที่ไปกับภาพถ่าย และสามารถเลือกเปิด-ปิด ลายน้ำที่อยู่มุมซ้ายล่างของภาพถ่ายได้ด้วยตนเอง
ในส่วนของด้านล่างจะเป็นโหมดการถ่ายภาพในรูปแบบ ต่างๆ เริ่มตั้งแต่ โหมด Portrait สำหรับถ่ายภาพแบบหน้าชัดหลังเบลอ โดยผู้ใช้สามารถเลือกปรับเอฟเฟ็กต์ของโบเก้ได้ทั้งหมด 5 รูปแบบ ได้แก่ Super, Circles, Hearts, Swirl , Discs, Photo Booth, Folding Blinds, Pop และ Stage Lighting รวมถึงเอฟเฟ็กต์หน้าสวย (Beauty) ได้ด้วยตนเอง พร้อมทั้งปรับระดับการซูมภาพได้ทั้งหมด 3 ระดับ ไล่ตั้งแต่ 1x - 3x
ถัดมาเป็นฟังก์ชัน Night Mode สำหรับถ่ายภาพกลางคืนโดยไม่จำเป็นต้องใช้ขาตั้งกล้อง โดยในหน้านี้ผู้ใช้สามารถตั้งค่าความเร็วชัตเตอร์ (Speed Shutter) 1 /4 - 32 วินาที และสามารถตั้งค่าความไวแสง (ISO) ได้ตั้งแต่ 100 - 1600 นอกจากนี้ ยังสามารถปรับระดับการซูมได้ทั้งหมด 3 แบบ ได้แก่ 0.6x, 1x, 5x และ 10x
ด้านซ้ายสุดคือโหมด Aperture ที่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถถ่ายภาพหน้าชัดหลังละลายได้อย่างง่ายๆ ผ่านการจำลองเอฟเฟ็กต์ค่ารูรับแสงตั้งแต่ f/0.95 - f/16 และสามารุใช้งานฟังก์ชันซูมภาพได้ตั้งแต่ 1x-3x
เมื่อปัดมาทางด้านขวาจะพบกับโหมดถ่ายภาพแบบ Pro ที่ผู้ใช้สามารถปรับแต่งค่าต่างๆ ของกล้องได้ด้วยตนเอง เริ่มตั้งแต่ ตั้งค่า ISO 50 ถึง 409600, ตั้งค่า Speed Shutter ได้ตั้งแต่ 1//4000 ถึง 30 วินาที, ตั้งค่าชดเชยแสง (EV) ได้ตั้งแต่ -4.0 EV ไปจนถึง +4.0 EV, ตั้งค่าระบบโฟกัสได้ทั้งหมด 3 รูปแบบ ได้แก่ AF-S สำหรับถ่ายภาพวัตถุที่ไม่มีการเคลื่อนไหว, AF-C สำหรับถ่ายภาพวัตถุที่มีการเคลื่อนไหวอยู่ตลอดเวลา, MF สำหรับเลือกระยะโฟกัสด้วยตนเอง และสามารถตั้งค่าความสมดุลแสงสีขาว (White Balance) ได้ทั้งหมด 5 รูปแบบ
นอกจากฟังก์ชันทั้งหมด ผู้ใช้ยังสามารถเปิดใช้งานฟังก์ชันการถ่ายภาพในรูปแบบอื่นๆ ได้ผ่านออพชัน More ไม่ว่าจะเป็น Slow-mo, Panorama, Monochrome, AR Lens, Super Macro หรือ Dual-View เป็นต้น
ในส่วนของฟังก์ชัน Dual-View ที่ถูกเพิ่มมาใหม่นั้น จะมีการแบ่งหน้าต่างของแต่ละเลนส์เอาไว้อย่างชัดเจน โดยทางฝั่งซ้ายจะเป็นเลนส์ซูม Periscope ที่สามารถปรับระดับการซูมได้ตั้งแต่ 2x ถึง 15x ส่วนทางฝั่งขวาจะเป็นเลนส์ Ultra Wide Angle ซึ่งจะไม่สามารถปรับระดับการซูมได้ครับ และจะจำกัดการถ่ายวิดีโอสูงสุดที่ระดับ Full HD 1080P เท่านั้น
ส่วนทางด้านโหมดถ่ายวิดีโอ ผู้ใช้สามารถปรับรูปแบบการซูมได้ทั้งหมด 4 รูปแบบ ได้แก่ 0.6x, 1x, 5x และ 10x พร้อมรองรับการถ่ายวิดีโอที่ความละเอียดสูงสุดระดับ 4K UHD
มาดูในส่วนของอินเทอร์เฟสกล้องหน้ากันบ้าง ซึ่งโดยรวมแล้วจะคล้ายคลึงกับกล้องหลัง แต่ออพชันการตั้งค่าต่างๆ ที่ด้านบนจะถูกปรับให้เหมาะสมกับการถ่ายเซลฟี่มากขึ้น ได้แก่ การเปิดไฟแฟลชจากหน้าจอ และการเปิด-ปิด ฟังก์ชัน AI HDR พร้อมสามารถตั้งค่าความละเอียดของภาพถ่ายได้สูงสุดที่ 32 ล้านพิกเซล
ที่ด้านล่างมาพร้อมกับโหมดถ่ายเซลฟี่ในรูปแบบต่างๆ ให้เลือกใช้งาน อาทิ Portrait สำหรับถ่ายภาพเซลฟี่หน้าชัดหลังเบลอ โดยสามารถเลือกปรับเอฟเฟ็กต์ของโบเก้ได้ทั้งหมด 5 รูปแบบ ได้แก่ Super, Circles, Hearts, Swirl , Discs, Photo Booth, Folding Blinds, Pop และ Stage Lighting รวมถึงเอฟเฟ็กต์หน้าสวย (Beauty) พร้อมทั้งสามารถปรับเอฟเฟ็กต์หน้าสวยที่ปรับแต่งส่วนต่างๆ ของใบหน้าได้ด้วยตนเอง ไม่ว่าจะเป็น ความเรียบเนียนของผิว หรือโครงหน้า เป็นต้น
ด้านโหมด AR Lens สำหรับสร้างอีโมจิแบบเคลื่อนไหวตามการขยับใบหน้ายังคงมีให้ใช้งานอยู่เช่นเดิม โดยสามารถเปิดใช้ได้ที่ออพชัน More ครับ
นอกจากนี้ ยังมาพร้อมกับฟีเจอร์ Stickers สำหรับติดสติ๊กเกอร์สุดน่ารักบนภาพถ่ายเพื่อเพิ่มสีสันได้อีกด้วย
ส่วนทางด้านโหมดถ่ายภาพวิดีโอ สามารถเปิด-ปิด ฟังก์ชัน AI HDR ได้ด้วยตนเอง
พร้อมทั้งปรับเอฟเฟ็กต์หน้าสวย (Beuaty) ได้ โดย HUAWEI P30 Pro
จะรองรับการถ่ายวิดีโอที่ความละเอียดสูงสุดระดับ Full HD 1080P ครับ
ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องหลัง 4 ตัว
(Leica Quad Camera) ความละเอียดระดับ 40+20+8 ล้านพิกเซล พร้อมกล้อง
HUAWEI ToF ของ HUAWEI P30 Pro
เปรียบเทียบภาพถ่ายจากการซูมแต่ละระยะตั้งแต่ 0.6x - 50x
ภาพถ่ายจากกล้องตัวหลัก


ภาพถ่ายจากกล้องเลนส์มุมกว้าง Ultra Wide Angle
ภาพถ่ายจากด้วยฟังก์ชัน Monochrome

ภาพถ่ายด้วยฟังก์ชัน Night Mode

ภาพถ่ายด้วยฟังก์ชัน Super Macro
ภาพถ่ายด้วยฟังก์ชัน Moon
ภาพถ่ายด้วยโหมด Portrait พร้อมเปิดเอฟเฟกต์โบเก้รูปหัวใจ
ภาพถ่ายด้วยโหมด Portrait พร้อมเปิดเอฟเฟกต์โบเก้รูปวงกลม
ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องดิจิทัลด้านหน้าของตัวเครื่อง ความละเอียด 32 ล้านพิกเซลของ HUAWEI P30 Pro
ภาพถ่ายจากโหมดปกติ
ภาพถ่ายจากโหมด Portrait พร้อมเปิดฟังก์ชัน Beauty ที่ระดับกลาง
ภาพถ่ายจากโหมด Portrait พร้อมเปิดฟังก์ชัน Beauty ที่ระดับสูงสุด
ภาพถ่ายจากโหมด Portrait พร้อมเปิดเอฟเฟ็กต์การจัดแสงแบบ Stage Lighting
สรุปผลการทดสอบของ HUAWEI P30 Pro
จบลงไปเป็นที่เรียบร้อยแล้วนะครับสำหรับรีวิวเจาะลึก HUAWEI P30 Pro ซึ่งจากข้อมูลทั้งหมดก็พอจะสรุปได้ว่า HUAWEI P30 Pro เป็นมือถือที่เหมาะกับผู้ที่อยากได้มือถือที่มีความสามารถด้านการถ่ายภาพ และวิดีโอในระดับสูง พร้อมลูกเล่นด้านการถ่ายภาพต่างๆ ที่สามารถใช้งานได้ง่าย แม้ว่าจะไม่ใช่มือโปร แต่ก็สามารถถ่ายภาพให้ออกมาสวยงามแบบมืออาชีพได้ รวมไปถึงผู้ที่มองหามือถือเรือธงที่มาพร้อมกับสเปกเร็วแรงแบบจัดเต็มที่พร้อมตอบโจทย์ทุกการใช้งานอย่างเต็มประสิทธิภาพ ซึ่ง HUAWEI P30 Pro ถือว่าเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่มีความน่าสนใจมากเลยทีเดียว
โดยกล้องถ่ายภาพของ HUAWEI P30 Pro เลือกใช้ชุดกล้อง 4 ตัวที่พัฒนาร่วมกับ Leica (Leica Quad Camera) ซึ่งกล้องแต่ละตัวก็ถูกออกแบบมาให้ตอบโจทย์การถ่ายภาพในแต่ละสถานการณ์ โดยกล้องตัวหลักที่ใช้เซ็นเซอร์ SuperSpectrum ก็เหมาะสำหรับการถ่ายภาพทั่วไป รวมถึงการถ่ายภาพในสภาวะแสงน้อยเนื่องจากตัวเซ็นเซอร์สามารถเก็บแสงได้ดีขึ้น และยังสามารถดันค่า ISO ไปได้สูงถึง 409600 ส่วนกล้อง Ultra Wide Angle ก็เหมาะแก่การเก็บบรรยากาศวิวทิวทัศน์ที่อยู่ด้านหน้า โดยที่ผู้ใช้ไม่จำเป็นต้องถอยหลังเพื่อเก็บภาพให้ครบเหมือนกับสมาร์ทโฟนทั่วไป ทางด้านกล้อง Periscope ก็ถูกออกแบบมาสำหรับช่วยเรื่องของการถ่ายภาพที่อยู่ไกลตัวแบบโดยเฉพาะ เช่น การถ่ายบรรยากาศภายในคอนเสิร์ต หรือการถ่ายสัตว์ต่างๆ ภายในสวนสัตว์ เป็นต้น ขณะที่กล้อง HUAWEI ToF แม้จะไม่ได้ถูกใช้บันทึกออกมาเป็นภาพถ่ายโดยตรง แต่ก็มีส่วนช่วยในเรื่องของการทำงานร่วมกับกล้องตัวอื่นๆ เพื่อทำเอฟเฟกต์ไล่ระดับการเบลอฉากหลังคล้ายกับกล้องระดับโปร เพื่อตอบโจทย์การถ่ายภาพแนว Portrait นั่นเอง
ส่วนด้านประสิทธิภาพการทำงานชูจุดเด่นด้วยหน้าจอแสดงผลทรงหยดน้ำค้าง Dewdrop Display ขนาด 6.47 นิ้ว ที่เลือกใช้เทคโนโลยีการแสดงผลแบบ OLED ซึ่งมีจุดเด่นด้านการแสดงสีสันได้อย่างสดใส และประหยัดพลังงาน พร้อมขับเคลื่อนด้วยขุมพลังตัวท็อปอย่าง Kirin 980 Octa-Core Processor ที่มาพร้อมกับหน่วยประมวลผลแบบ Dual-NPU สำหรับช่วยประมวลผลงานต่างๆ เกี่ยวกับ AI โดยเฉพาะ นอกจากนี้ ยังมาพร้อมกับหน่วยความจำแรม (RAM) ขนาด 8GB ช่วยให้การเปิดใช้งาน หรือการสลับแอปพลิเคชันเป็นไปอย่างลื่นไหล พร้อมหน่วยความจำภายใน (ROM) ขนาด 256GB หรือ 512GB (เฉพาะสี Amber Sunrise) ที่ช่วยให้เราสามารถเก็บบันทึกคอนเทนต์, ภาพถ่าย และวิดีโออย่างเต็มอิ่ม ที่สำคัญ HUAWEI P30 Pro ยังมาพร้อมกับแบตเตอรี่จุใจขนาด 4200mAh เพื่อรองรับการใช้งานตลอดวัน และยังสามารถชาร์จแบตเตอรี่กลับเข้าไปได้ในเวลาอันรวดเร็วด้วยระบบ HUAWEI SuperCharge 40W รวมถึงระบบการชาร์จไร้สายที่รองรับการจ่ายไฟได้สูงถึง 15W
สำหรับ HUAWEI P30 Pro เปิดราคาวางจำหน่ายในประเทศไทยอย่างเป็นทางการที่ 31,990 บาท โดยมีให้เลือกทั้งหมด 3 เฉดสี ได้แก่ สี Black, Breathing Crystal และ Aurora ส่วนรุ่นพิเศษใหม่ล่าสุดอย่าง สีส้มอำพัน (Amber Sunrise) ที่มาพร้อมหน่วยความจำภายใน (ROM) ขนาดใหญ่กว่าที่ 512GB ก็ได้เปิดราคาวางจำหน่ายในประเทศไทยแล้วเช่นกันที่ 37,990 บาท พร้อมรับฟรีเคส HUAWEI P30 Pro Swarovski Glamorous Case มูลค่า 2,990 บาท (แถมมาภายในแพ็กเกจ)
สุดท้ายนี้ ต้องขอขอบคุณทาง Huawei ประเทศไทย
ที่ให้ความไว้วางใจส่งเครื่อง HUAWEI P30 Pro
มาให้ทางทีมงานได้ทำการรีวิวให้ท่านผู้อ่านได้รับชมกัน
สำหรับวันนี้ต้องขอลาไปก่อน พบกันได้ใหม่ในโอกาสหน้า สวัสดีครับ
จุดเด่นของ HUAWEI P30 Pro
- ดีไซน์ตัวเครื่องสวยงามพรีเมียม ด้วยการผสมผสานระหว่างโลหะ กับกระจก พร้อมการไล่เฉดสีด้วยแรงบันดาลใจจากความสวยงามในธรรมชาติ
- ตัวเครื่องมีคุณสมบัติในการป้องกันน้ำ-ป้องกันฝุ่นตามมาตรฐาน IP68 (สามารถกันน้ำได้ลึก 1.5 เมตร
เป็นเวลานาน 30 นาที)
- หน้าจอแสดงผลขอบโค้งดีไซน์ทรงหยดน้ำค้าง OLED Dewdrop Display ขนาด 6.47
นิ้ว ความละเอียดระดับ 2340x1080 พิกเซล (Full HD+)
- รองรับการแสดงผลตามช่วงสีแบบ DCI-P3
- ชิปเซ็ตประมวลผล Octa-Core Kirin 980 ความเร็วในการประมวลผลสูงสุด 2.6GHz
- สถาปัตยกรรมการผลิตชิปเซ็ตระดับ 7 นาโนเมตร
- หน่วยประมวลผลแยกสำหรับปัญญาประดิษฐ์แบบ Dual-NPU
- หน่วยประมวลผลกราฟิก (GPU) แบบ Mali-G76 MP10
- ทำงานอยู่บนระบบปฏิบัติการ Android OS เวอร์ชัน 9 Pie พร้อมครอบทับด้วย EMUI 9.1
- หน่วยความจำแรม (RAM) ขนาด 8GB
- หน่วยความจำภายใน (ROM) ขนาด 256GB หรือ 512GB (เฉพาะสีส้มอำพัน Amber Sunrise)
พร้อมรองรับการเพิ่มหน่วยความจำภายนอกแบบ Nano Memory Card
- กล้องดิจิทัลด้านหลัง 4 ตัว (Leica Quad Camera) ความละเอียด 40+20+8
ล้านพิกเซล พร้อมเลนส์มุมกว้าง Ultra Wide Angle และ Periscope
ที่มีค่ารูรับแสงกว้าง f/1.6+f/2.2+f/3.4 และกล้อง HUAWEI ToF
สำหรับช่วยตรวจจับข้อมูลระยะชัดตื้นได้อย่างแม่นยำ
- ระบบป้องกันภาพสั่นไหวแบบ OIS (เฉพาะกล้องตัวหลัก และกล้อง Periscope)
และระบบป้องกันภาพสั่นไหวด้วยปัญญาประดิษฐ์ (AI Image Stabilization)
- รองรับการซูมภาพได้ตั้งแต่ 0.6x ถึง 50x
- เซ็นเซอร์รับภาพแบบ SuperSpectrum ที่จัดเรียงพิกเซลแบบ RYYB สามารถดันค่า
ISO ได้สูงสุด 409600
- เซ็นเซอร์ Color Temperature สำหรับวัดอุณหภูมิแสง และ Flicker Sensor
สำหรับช่วยวิเคราะห์ความถี่ของแสงบนสภาพแวดล้อมโดยรอบ
- ระบบโฟกัสภาพแบบ PDAF (Phase Detection Autofocus)
- ฟังก์ชัน Master AI สำหรับตรวจจับซีน และวัตถุต่างๆ
ที่อยู่โดยรอบเพื่อทำการปรับแต่งการตั้งค่าของกล้องให้แบบอัตโนมัติ
- โหมดถ่ายภาพแบบ Portrait
สำหรับถ่ายภาพแบบหน้าชัดหลังเบลอที่ละลายฉากหลังได้อย่างแม่นยำผ่านการทำงานร่วมกับ
กล้อง HUAWEI ToF
- โหมดถ่ายภาพแบบ Night Mode สำหรับถ่ายภาพกลางคืนโดยไม่ต้องใช้ขาตั้งกล้อง
- โหมดถ่ายวิดีโอแบบ Dual-View สำหรับบันทึกภาพวิดีโอจากเลนส์ Ultra Wide
และเลนส์ Periscope พร้อมกัน
- รองรับการถ่ายวิดีโอที่ความละเอียดสูงสุดระดับ 4K
- กล้องดิจิทัลด้านหน้าความละเอียด 32 ล้านพิกเซล รูรับแสงกว้าง f/2.0
พร้อมฟีเจอร์ AI HDR+ และฟีเจอร์ Portrait สำหรับถ่ายภาพหน้าชัดหลังเบลอ
ที่สามารถปรับเปลี่ยนเอฟเฟ็กต์การจัดแสงได้ภายในตัว
- ลำโพงสนทนาแบบ HUAWEI Acoustic Display
ซึ่งเป็นการเปล่งเสียงออกมาจากหน้าจอ
- ระบบเสียง Dolby Atmos
- เซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือบนหน้าจอ (In-Screen Fingerprint)
- ระบบสแกนใบหน้า (Face Recognition)
- แบตเตอรี่ความจุ 4200 mAh พร้อมเทคโนโลยีชาร์จเร็วแบบ HUAWEI SuperCharge
40W
- รองรับฟังก์ชันการชาร์จเร็วแบบไร้สาย 15W Wireless Fast Charge
- รองรับเทคโนโลยี Reverse Wireless Charge
- รองรับการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตผ่านทางระบบ 4G LTE, 3G, EDGE, GPRS และ
WiFi dual Band
- ระบบ GPS แบบ Dual-Frequency GPS สามารถตรวจจับคลื่นความถี่ L1 และ L5
ได้พร้อมกัน พร้อมรองรับระบบดาวเทียม GLONASS ของรัสเซีย, Beidou
ของประเทศจีน และ GALILEO ของสหภาพยุโรป
- ราคา 31,990 บาท สำหรับรุ่นปกติ หรือ 37,990 บาท สำหรับรุ่นพิเศษสีส้มอำพัน (Amber Sunrise)
จุดที่อาจจะต้องพิจารณาเพิ่มเติมของ
HUAWEI P30 Pro
- มีลำโพงเสียงเพียงแค่ตัวเดียว
- ไม่มีช่องหูฟังมาตรฐานแบบ 3.5 มม. แต่ภายในกล่องผลิตภัณฑ์มีการแถมตัวแปลงพอร์ต USB Type-C to 3.5mm มาให้
- เนื่องจากหน้าจอเป็นแบบขอบโค้ง จึงอาจทำให้บางครั้งอาจเกิดอาการทัชพลาดโดยไม่ได้ตั้งใจ
- ต้องใช้งานร่วมกับการ์ดหน่วยความจำแบบ NM Card (Nano Memory Card) (ใช้การ์ดหน่วยความจำแบบ microSD ไม่ได้)
โปรดทราบ
* โทรศัพท์มือถือที่ท่านเห็นในบทความรีวิวนี้เป็นเพียงเครื่องทดสอบจากทางศูนย์ เพราะฉะนั้นคุณสมบัติบางอย่างอาจมีความแตกต่างจากเครื่องที่วางจำหน่ายจริง บ้างไม่มากก็น้อย รวมถึงจุดด้อยบางประการที่พบในเครื่องทดสอบ อาจจะถูกแก้ไขปรับปรุงให้ดีขึ้นในเครื่องที่วางจำหน่ายจริง ดังนั้นหากท่านสนใจซื้อโทรศัพท์มือถือรุ่นนี้ ควรตรวจสอบหรือทดลองใช้งานสินค้าด้วยตนเองอีกครั้งหนึ่ง *
สรุปคุณสมบัติตัวเครื่อง
ท่านสามารถตรวจสอบคุณสมบัติ (สเปก) และราคา ของ HUAWEI P30 Pro ได้โดยการคลิกที่ลิงก์ด้านล่างนี้
สรุปคุณสมบัติ (สเปก) และราคา ของ HUAWEI P30 Pro
สรุปคุณสมบัติ (สเปก) และราคา ของ HUAWEI P30 Pro
Amber Sunrise
วันที่ : 11/07/2019