รีวิว (Review) Huawei nova 3
สมาร์ทโฟน 4 กล้อง AI 24MP รุ่นแรกของโลก พร้อมชิปเซ็ตตัวท็อป Kirin 970 ผสาน GPU Turbo, RAM 6GB, ROM 128GB, จอ FullView FHD+ ไร้ขอบใหญ่เต็มตา 6.3 นิ้ว, แบตเตอรี่ชาร์จเร็ว 3750 mAh และระบบสแกนใบหน้า 360 องศา บนตัวเครื่อง 3D Curved Glass สีไล่เฉดสุดพรีเมียม สเปกเทียบชั้นเรือธง ในราคาแค่หมื่นกลางๆ!

29 สิงหาคม 2018 - ล่าสุดนี้ทางค่าย Huawei ได้ส่งสมาร์ทโฟนน้องใหม่จากซีรีส์ nova อย่าง Huawei nova 3 มาทำตลาดในบ้านเราเพิ่มเติม กับการปรับดีไซน์โฉมใหม่หมดจดด้วยจอ FullView Display ขนาดใหญ่สะใจที่ 6.3 นิ้ว พร้อมรอยบาก (Notch) ตามสมัยนิยม ในอัตราส่วน 19.5:9 บนบอดี้กระจกขอบโค้งแบบ 3D Glass ผสานเข้ากับกรอบโลหะ (Metal-Glass) ที่มีการไล่เฉดสีตัวเครื่องแบบ Gradient เล่นกับเสงในมุมต่างๆ
เฉพาะตัวเลือก Iris Purple ที่คล้ายคลึงกับสี Twilight ของเรือธงรุ่นพี่อย่าง P20 Series นั่นเอง
ในด้านสเปกก็จัดมาให้ครบครัน ไม่ว่าจะเป็นชิปเซ็ตระดับเรือธงอย่าง HiSilicon Kirin 970 ที่มีหน่วยประมวลผล NPU (Neural Processing Unit) ฝังอยู่ภายใน สำหรับช่วยประมวลผลงานด้าน AI โดยเฉพาะ และหน่วยความจำ RAM ขนาด 6GB พร้อมหน่วยความจำ ROM 128GB พร้อมเพิ่ม microSD Card ได้อีก 256GB ที่รองรับการเก็บไฟล์ข้อมูล, ไฟล์ภาพถ่าย, แอปพลิเคชัน และเกม ได้อย่างจุใจโดยไม่ต้องหมั่นเคลียร์พื้นที่บ่อยๆ และมีแบตเตอรี่ความจุ 3750
mAh พร้อมเทคโนโลยี Fast Charging บนระบบปฏิบัติการเวอร์ชันล่าสุดอย่าง Android 8.1 Oreo ที่ถูกครอบทับด้วย EMUI 8.2 รวมถึงระบบความปลอดภัยที่สามารถใช้งานร่วมกันได้ทั้งการสแกนลายนิ้วมือ และใบหน้า (Face Unlock) แบบ 360 องศา ที่สามารถสแกนได้แม้ในที่แสงน้อย
จุดเด่นที่สำคัญของ Huawei nova 3 ได้แก่ ระบบกล้องถ่ายภาพที่จัดเต็มถึง 4 ตัวในเครื่องเดียว พร้อมเทคโนโลยี AI ความละเอียด 24 ล้านพิกเซลเป็นรุ่นแรกของโลก โดยกล้องตัวหลักที่ด้านหลังแบบคู่ (Dual Camera) มีความคมชัด 24+16 ล้านพิกเซล (Monochrome+RGB) พร้อมเทคโนโลยี AI Master ที่เป็นการนำเอาปัญญาประดิษฐ์ (AI) มาช่วยจำแนกซีน และวัตถุต่างๆ ได้กว่า 22 หมวดหมู่ เพื่อนำไปปรับแต่งการตั้งค่าของกล้องถ่ายภาพ และปรับแต่งสีสันของภาพถ่ายให้มีความสวยงามแบบอัตโนมัติ
ซึ่งนับว่าเป็นลูกเล่นที่ตอบโจทย์ผู้ใช้งานที่อาจไม่คุ้นชินกับการตั้งค่ากล้องเองมากนัก

ส่วนกล้องหน้าสำหรับเซลฟี่ก็เป็นแบบคู่ (Dual Camera) กับความละเอียด 24+2 ล้านพิกเซล พร้อมรองรับการถ่ายภาพเซลฟี่แบบหน้าชัดหลังเบลอ และเทคโนโลยี HDR Pro สำหรับช่วยถ่ายภาพเซลฟี่ในสภาวะที่มีแสงจัด หรือการถ่ายภาพย้อนแสง ทำให้ใบหน้าของตัวแบบไม่มืด หรือสว่างจนเกินไป รวมทั้งสามารถแยกซีนต่างๆ ได้ถึง 8 ซีน ครอบคลุมการถ่ายภาพเซลฟี่ในสภาพแวดล้อมต่างๆ ไม่ต่างจะเป็น การเซลฟี่ในตอนกลางคืน, การเซลฟี่ในห้อง หรือการเซลฟี่ตามชายหาด
เป็นต้น และฟีเจอร์ AR Lens กับสติกเกอร์ลายน่ารักๆ หลากหลาย รวมถึงลูกเล่นน้องใหม่อย่าง Qmoji สำหรับสร้างอีโมจิตัวการ์ตูนสุดน่ารักในรูปแบบสามมิติ ที่สามารถเคลื่อนไหวตามใบหน้าของผู้ใช้งานได้ โดยสามารถทำการบันทึกออกมาเป็นภาพนิ่ง หรือคลิปวิดีโอแบบสั้นๆ เพื่อแชร์ต่อให้แก่เพื่อนๆ ในโซเชียลมีเดียได้อย่างง่ายดาย ซึ่งถือว่าเป็นลูกเล่นที่เข้ามาเพิ่มสีสันในการสื่อสารให้สนุกสนานมากขึ้นนั่นเอง
จากข้อมูลในข้างต้นก็กล่าวได้ว่า Huawei nova 3 มีจุดเด่นที่น่าสนใจในหลายด้านเลยทีเดียว ไม่ว่าจะเป็นการดีไซน์ตัวเครื่องสุดพรีเมียม หรือฟีเจอร์ระดับเรือธงแบบจัดเต็ม รวมถึงกล้องผสานเทคโนโลยี AI ที่จัดเต็มถึง 4 ตัวในเครื่องเดียว กับราคาวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการในประเทศไทยที่ 16,990 บาท ถือได้ว่าคุณสมบัติตัวเครื่องที่ได้เมื่อเทียบกับราคานั้นค่อนข้างสมเหตุสมผล ส่วนการใช้งานจริงจะเป็นอย่างไร ดีไซน์ตัวเครื่องจะสวยงามขนาดไหน และฟีเจอร์จะครบเครื่องจัดเต็มสมกับที่เป็นรุ่นเรือธงของค่ายหรือไม่
ขอเชิญทุกท่านรับชมรีวิว Huawei nova 3 พร้อมกันได้เลยค่ะ
รูปลักษณ์ภายนอกตัวเครื่อง และการออกแบบดีไซน์

Huawei nova 3 มาพร้อมหน้าจอแสดงผลแบบ TFT LCD (IPS) FullView Display ขนาดใหญ่ 6.3 นิ้ว พร้อมความละเอียดระดับ FHD+ (2340x1080 พิกเซล) ในอัตราส่วนแบบ 19.5:9 และรองรับช่วงสี (Color Gamut) แบบ NTSC ได้ที่ 85% บนตัวเครื่องขนาด 157x73.7x7.3 มิลลิเมตร และมีน้ำหนัก 166 กรัม

ด้านบนของหน้าจอมีการเว้นพื้นที่หน้าจอแสดงผลตรงกลาง หรือ Notch (รอยบาก) เอาไว้ สำหรับอินฟราเรด (Infrared Light) ที่จะช่วยในการปลดล็อกใบหน้าในที่มืด รวมถึงติดตั้งเซ็นเซอร์สำคัญต่างๆ ได้แก่ Accelerometer Sensor, Proximity Sensor และ Ambient Light Sensor พร้อมกับลำโพงสนทนา และกล้องหน้าสำหรับเซลฟี่แบบคู่ พร้อมเทคโนโลยี AI ความละเอียด 24+2 ล้านพิกเซล เซ็นเซอร์รับภาพ Sony IMX576 โดยกล้อง 2 ล้านพิกเซล จะใช้สำหรับการตรวจจับข้อมูลความลึก
เพื่อช่วยในการถ่ายภาพโบเก้ หรือหน้าชัดหลังเบลอนั่นเอง

และสำหรับท่านต้องการปิด Notch ก็สามารถทำได้ โดยเลือกเปลี่ยนการแสดงของ Notch ที่เมนูตั้งค่าในตัวเครื่อง ซึ่งตัวระบบจะทำการเปลี่ยนแถบด้านบนเป็นสีดำให้กลมกลืนไปกับ Notch แทน

นอกจากนี้ Huawei nova 3 ยังรองรับการปลดล็อกด้วยใบหน้า (Face Unlock) แบบ 360 องศา ที่สามารถปลดล็อกได้แม้อยู่ในสภาวะแสงน้อย

ด้านล่างของหน้าจอ มาพร้อมกับปุ่มควบคุมแบบสัมผัสบนหน้าจอ (On-Screen Navigation) ซึ่งประกอบไปด้วยปุ่มย้อนกลับ, ปุ่ม Home และปุ่ม Recent Apps


ด้านซ้ายของตัวเครื่องมีถาดใส่ซิมการ์ด nanoSIM แบบ Hybrid-Slot ซึ่งรองรับการใช้งานได้พร้อมกัน 2 ซิมการ์ด แต่ในช่องที่สองจะต้องเลือกใช้งานระหว่างใส่ซิมการ์ดที่ หรือเพิ่มการ์ดหน่วยความจำภายนอกแบบ microSD ที่ความจุสูงสุด 256GB
ด้านขวาของตัวเครื่อง มีปุ่มเปิด-ปิดเครื่อง หรือล็อกหน้าจอ, ปุ่มเพิ่ม-ลดระดับเสียง และแถบเสารับสัญญาณ

ด้านบนของตัวเครื่อง มาพร้อมกับไมโครโฟนตัวที่สองสำหรับตัดเสียงรบกวน

ที่ด้านล่างของตัวเครื่องประกอบไปด้วยช่องต่อหูฟังขนาด 3.5 มิลลิเมตร, แถบเสารับสัญญาณ 2 เส้น, พอร์ตเชื่อมต่อแบบ USB Type-C, ไมโครโฟนสำหรับการสนทนา หรือบันทึกเสียง และลำโพงเสียงตัวหลัก

นอกจาก Huawei nova 3 ปรับโฉมดีไซน์ใหม่หมดจดด้วยหน้าจอไร้ขอบแบบ FullView Display พร้อมรอยบาก (Notch) ยังมีตัวเครื่องกระจก 3D Glass ที่ผสานเข้ากับกรอบโลหะ (Metal-Glass) รวมถึงการไล่เฉดสีตัวเครื่องแบบ Gradient เล่นกับเสงในมุมต่างๆ (เฉพาะตัวเลือก Iris Purple)

ที่ด้านหลังของตัวเครื่องประกอบไปด้วยกล้องคู่ AI Camera ความละเอียด 24+16 ล้านพิกเซล โดยกล้องตัวแรกเป็นเซ็นเซอร์รับภาพขาว-ดำ (Monochrome) พร้อมรูรับแสงขนาด f/1.8 ส่วนกล้องตัวที่สองใช้เซ็นเซอร์รับภาพสี (RGB) พร้อมรูรับแสงขนาด f/1.8 และไฟแฟลช LED พร้อมเทคโนโลยี Muti-Frame ที่เป็นการนำภาพที่ได้จากกล้องทั้งสองตัวมาผสานรวมกัน ทำให้รายละเอียดต่างๆ ของภาพมีความคมชัด รวมถึงเทคโนโลยี AI Master ที่นำเอาปัญญาประดิษฐ์
(AI) มาช่วยจำแนกซีน และวัตถุต่างๆ ได้กว่า 22 หมวดหมู่ เพื่อนำไปปรับแต่งการตั้งค่าของกล้องถ่ายภาพ และปรับแต่งสีสันของภาพถ่ายให้มีความสวยงามแบบอัตโนมัติ ซึ่งนับว่าเป็นลูกเล่นที่ตอบโจทย์ผู้ใช้งานที่อาจไม่คุ้นชินกับการตั้งค่ากล้องเองมากนัก


สำหรับเซ็นเซอร์สแกนนิ้วแยกออกมาบริเวณตรงกลาง เพื่อให้เราสามารถสแกนนิ้วได้อย่างสะดวกแม่นยำ แต่ก็จะเห็นว่าส่วนของกล้องคู่ด้านหลังจะมีลักษณะที่นูนขึ้นมาพอสมควร ไม่ได้เรียบเนียนอยู่ในระนาบเดียวกันกับพื้นผิวกระจก แต่ก็สามารถแก้ไขได้ด้วยการนำเคสมาใส่
เปิดเครื่องใช้งาน พร้อมการทดสอบฟังก์ชัน และแอปพลิเคชันต่างๆ


Huawei nova 3 ขับเคลื่อนการทำงานด้วยระบบปฏิบัติการ Android เวอร์ชัน 8.1 Oreo เวอร์ชันใหม่ล่าสุด ซึ่งถูกครอบทับด้วย EMUI 8.2 ที่เป็นเวอร์ชันล่าสุดด้วยเช่นกัน และสามารถใช้งานได้พร้อมกัน 2 ซิมการ์ด พร้อมรองรับการสแตนด์บายแบบ Dual 4G LTE

มีหน่วยความจำภายใน (ROM) ขนาด 128GB ที่สามารถเพิ่ม microSD Card ได้อีก 256GB และหน่วยความแรม (RAM) ขนาด 6GB


เมื่อกดค้างที่หน้าจอจะเป็นการเข้าสู่เมนูการปรับแต่งหน้าจอ โดยผู้ใช้สามารถปรับแต่ง Themes และ Wallpaper ของตัวเครื่องได้อย่างอิสระ พร้อมเลือกใช้งาน Widget ที่ต้องการได้เช่นเดียวกัน

เมื่อลากจากขอบด้านบนของหน้าจอลงมาก็จะมีฟังก์ชันการแจ้งเตือนให้ใช้งาน และมีปุ่มทางลัดสำหรับการเปิด-ปิดฟังก์ชันต่างๆ มากมาย เช่น การใช้งานอินเทอร์เน็ต, Bluetooth หรือการหมุนหน้าจออัตโนมัติ

สำหรับบริการต่างๆ จากทาง Google ก็มีให้ใช้งานอย่างครบครัน


รวมถึงแอปพลิเคชันพื้นฐาน และแอปพลิเคชันโซเชียลมีเดียยอดนิยมก็มีการติดตั้งมาไว้ให้ได้ใช้งานกันด้วย

Huawei nova 3 สามารถปรับตั้งค่าการแสดงผลของหน้าจอได้อย่างหลากหลาย ทั้งในโหมดปกติ หรือ Vivid และการปรับอุณหภูมิสีของหน้าจอที่มีให้เลือกถึง 3 รูปแบบ

สามารถเปิดใช้งานโหมดถนอมสายตา (Eye Comfort) ด้วยการลดแสงสีฟ้า สำหรับใช้งานในสภาวะแสงน้อย และด้วยดีไซน์ของ Huawei nova 3 ที่เป็นแบบ FullView Display ในอัตราส่วน 19.5:9 จึงส่งผลให้บางแอปพลิเคชันสามารถแสดงผลในสัดส่วนแบบเต็มหน้าจอได้ด้วย

สำหรับท่านที่ต้องการปิด Notch ก็สามารถทำได้ โดยเลือกเปลี่ยนการแสดงของ Notch ที่เมนูตั้งค่าในตัวเครื่อง ซึ่งตัวระบบจะทำการเปลี่ยนแถบด้านบนเป็นสีดำให้กลมกลืนไปกับ Notch แทน

สำหรับท่านใดที่ต้องการใช้งาน App Drawer สามารถไปเปิดได้ที่เมนู Home Screen Style และยังสามารถสลับตำแหน่งของปุ่ม Navigation Buttons ให้เหมาะกับการใช้งานของผู้ใช้แต่ละคนได้อีกด้วย ซึ่งบน Huawei nova 3 มีตัวเลือกปุ่ม Navigation Buttons ให้ได้เลือกใช้ถึง 3 รูปแบบ ได้แก่ Single-Key Navigation, Three-Navigation และ Navigation Dock

Huawei nova 3 สามารถเปิดใช้งานฟังก์ชันการใช้งานมือเดียวได้ โดยผู้ใช้สามารถลดขนาดหน้าจอ หรือปุ่มตัวเลข เพื่อให้สามารถใช้งานเพียงมือเดียวได้อย่างสะดวกสบาย

แอปพลิเคชัน Phone Manager จะช่วยในเรื่องการจัดการข้อมูลต่างๆ ด้วยการ Cleanup ข้อมูลที่ไม่จำเป็น เพื่อเพิ่มพื้นที่หน่วยความจำ หรือลดการสิ้นเปลืองแบตเตอรี่ เพื่อให้ตัวเครื่องใช้งานได้เต็มประสิทธิภาพที่สุด

อีกหนึ่งฟีเจอร์ที่น่าสนใจบน Huawei nova 3 คือ App Twin สำหรับโคลนนิ่งแอปพลิเคชัน ซึ่งในเบื้องต้นนั้นสามารถโคลนนิ่งได้เฉพาะแอปพลิเคชันโซเชียลเน็ตเวิร์ก เช่น Facebook หรือ Messenger จึงทำให้ผู้ใช้สามารถล็อกอินแอปพลิเคชันเหล่านี้ได้พร้อมกันถึง 2 แอคเคานท์

Huawei nova 3 มี Motion Control สำหรับการใช้งานพื้นฐาน รองรับการสั่งงานด้วยท่าทาง และการสั่งงานด้วยเสียงได้

ตัวอย่าง Motion Control บน Huawei nova 3 ได้แก่ การคว่ำหน้าจอลงเพื่อปิดเสียงสายเรียกเข้า หรือเสียงนาฬิกาปลุก รวมถึงการยกตัวเครื่องขึ้นเพื่อเปิดหน้าจอ

เมื่อมีสายเข้า สามารถรับได้ทันทีเมื่อยกโทรศัพท์ขึ้นแนบหู และปัดหน้าจอลงด้วย 3 นิ้วมือสำหรับแคปเจอร์หน้าจอ


Huawei nova 3 มาพร้อมโหมดประหยัดพลังงาน และรองรับเทคโนโลยีชาร์จแบตเตอรี่ความเร็วสูง Fast Charging (9V/2A)

สำหรับระบบรักษาความปลอดภัยของ Huawei nova 3 มีทั้งเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือที่ด้านหลังของตัวเครื่อง พร้อมกับการปลดล็อกด้วยใบหน้า (Face Unlock) แบบ 360 องศา

โดยสามารถตั้งค่าการใช้งานเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือสำหรับปลุกการทำงานของเครื่อง หรือปลดล็อกหน้าจอได้ พร้อมทั้งสามารถเพิ่มลายนิ้วมือได้มากกว่า 1 ลายนิ้วมือ ซึ่งจากการทดสอบตัวเซ็นเซอร์ก็สามารถปลดล็อกหน้าจอได้รวดเร็วทันใจ

สามารถตั้งค่า App Lock เพื่อความเป็นส่วนตัวเพิ่มได้ โดยจะใช้การสแกนลายนิ้วมือเป็นการยืนยันตัวตนเพื่อเข้าใช้งานแอปพลิเคชันที่ตั้งค่าไว้

Huawei nova 3 รองรับการปลดล็อกด้วยใบหน้า (Face Unlock) แบบ 360 องศา ที่สามารถปลดล็อกใบหน้าในที่มืด จากการติดตั้งอินฟราเรด (Infrared Light) ไว้ที่รอยบากใกล้กับกล้องหน้า

สำหรับข้อมูลในเครื่อง หรือไฟล์ต่างๆ ที่บันทึกไว้สามารถมาจัดการคัดลอก หรือย้ายโฟลเดอร์ได้ที่แอปพลิเคชัน Files

แอปพลิเคชัน Tips เป็นแหล่งรวบรวมเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยในการใช้งาน เพื่อให้ผู้ใช้ทราบถึงวิธีการ หรือเคล็ดลับบางอย่าง เช่น Tips การใช้งานฟีเจอร์น้องใหม่อย่าง Qmoji และ AR Lens

นอกจากนี้ Huawei nova 3 ยังมาพร้อมแอปพลิเคชัน HiCare ที่รวบรวมข้อมูลบริการหลังการขาย, การใช้งาน และวิธีแก้ปัญหาเบื้องต้นไว้อย่างครบถ้วน

ท่านที่ใช้งาน Huawei nova 3 เป็นสมาร์ทโฟนเครื่องใหม่แล้วอยากย้ายข้อมูลจากสมาร์ทโฟนเครื่องเดิม ก็สามารถโอนย้ายข้อมูลด้วยแอปพลิเคชัน Phone Clone ได้ทันที

Huawei nova 3 รองรับระบบเสียง Huawei Histen และสามารถเลือกรูปแบบ 3D Audio ได้เมื่อสวมหูฟัง

สำหรับผู้ที่ใช้งานสมาร์ทโฟน Huawei ด้วยกันก็สามารถแชร์ข้อมูลหากันได้ทันทีผ่านระบบ Huawei Share

สำหรับท่านที่เป็นคนชอบออกกำลังกาย และเป็นสายรักสุขภาพ ก็มีแอปพลิเคชัน Health ให้ใช้งานด้วยเช่นกัน ซึ่งสามารถวัดจำนวนก้าว, ระยะทาง หรือจำนวนแคลอรี่ที่เผาผลาญ รวมถึงตัวผู้ใช้สามารถสร้างแผนการออกกำลังกายสำหรับตนเองได้ด้วย
ทางด้านอัลบั้มภาพถ่ายนั้นสามารถแสดงภาพถ่ายได้หลักๆ 2 แบบ คือ แสดงแบบแยกอัลบั้ม กับแบบรวมภาพถ่ายทั้งหมด

ในส่วนของเว็บเบราว์เซอร์ก็ตอบสนองต่อการใช้งานได้ดี ไหลลื่น และสามารถแสดงเนื้อหาทั้งหมดได้อย่างถูกต้องครบถ้วน

Huawei nova 3 มีฟังก์ชัน Split-Screen ที่สามารถแบ่งหน้าจอเพื่อใช้งานสองแอปพลิเคชันได้พร้อมๆ กัน

สำหรับเซ็นเซอร์ในเครื่องนั้นประกอบด้วย Accelerometer Sensor, Light Sensor, Orientation Sensor, Proximity Sensor, Gyroscope Sensor, Sound Sensor และ Magnetic Sensor

สามารถจับสัญญาณดาวเทียม GPS ในที่กลางแจ้งได้ดี พร้อมรองรับระบบดาวเทียม GLONASS ของรัสเซีย โดยจากภาพตัวอย่างการทดสอบข้างต้นจะเห็นว่าสามารถจับสัญญาณดาวเทียมได้ทั้งหมด 29 ดวง และมีความแม่นยำในระดับบวกลบ 5 เมตร แต่อย่างไรก็ดีคุณภาพของสัญญาณดาวเทียม GPS ก็ขึ้นอยู่กับพื้นที่ ที่กำลังใช้งานอยู่ หรือสภาพอากาศด้วยนั่นเอง

สำหรับ Huawei nova 3 มาพร้อมชิปเซ็ตประมวลผล Kirin 970 แบบ 8-แกน (Octa-Core) ที่มีความเร็วในการประมวลผลสูงสุดที่ 2.36 GHz และมีความพิเศษตรงที่มีหน่วยประมวลผล NPU ฝังอยู่ภายใน สำหรับช่วยประมวลผลงานด้าน AI โดยเฉพาะ โดยมีหน่วยประมวลผลกราฟิก (GPU) Mali-G72, หน่วยความจำแรม (RAM) ขนาด 6GB, หน่วยความจำภายใน (ROM) ขนาด 128GB ที่สามารถเพิ่ม microSD ได้อีก 256GB และทำงานอยู่บนระบบปฏิบัติการ Android 8.1 Oreo

Huawei nova 3 มีผลทดสอบจากแอปพลิเคชัน AnTuTu Benchmark ที่ 207,554 คะแนน และผลทดสอบจาก Geekbench 4 ในด้านการประมวลผลแบบแกนเดี่ยว (Single-Core) ที่ 1,922 คะแนน และในด้านการประมวลผลหลายแกน (Multi-Core) ที่ 6,714 คะแนน

สำหรับการทดสอบด้วยแอปพลิเคชัน 3D Mark แบบ OpenGL ES 3.1 ได้คะแนนการทดสอบที่ 2,982 คะแนน ส่วนการทดสอบแบบ Vulkan ได้คะแนนการทดสอบที่ 3,219 คะแนน

Huawei nova 3 รองรับการสัมผัสได้พร้อมกันสูงสุด 10 จุด

และหนึ่งในฟีเจอร์ใหม่ล่าสุดใน Huawei nova 3 กับ nova 3i ที่หลายคนให้ความสนใจเป็นพิเศษก็คือ GPU Turbo ซึ่ง GPU Turbo ก็คือโหมดการทำงานพิเศษที่ช่วยรีดพลัง หรือเค้นพลังของหน่วยประมวลผลกราฟิก (GPU) ให้สามารถปลดปล่อยประสิทธิภาพออกมาได้มากกว่าเดิมถึง 60% รวมทั้งยังสามารถลดการใช้พลังงานลงได้ 30% อีกด้วย เรียกว่าได้ประโยชน์ 2 ต่อเลยทีเดียว โดยเป็นการทำงานร่วมกันระหว่างฮาร์ดแวร์ และซอฟต์แวร์ ซึ่งใช้วิธีเปิดคอขวดที่เคยเกิดขึ้นระหว่าง CPU กับ GPU แต่อย่างไรก็ดี
ในขณะนี้มีเกมที่พัฒนาให้สามารถรองรับการทำงานร่วมกับโหมด GPU Turbo ได้เพียง 2 เกม คือ PUBG และ Mobile Legends ดังนั้นก็คงต้องติดตามกันต่อไปว่าจะมีเกมไหนที่สามารถรองรับ GPU Turbo ได้อีกบ้างในอนาคต




จากการทดสอบด้วยการเล่นเกมที่มีกราฟิกแบบสามมิติอย่าง Marvel Future Fight และ PUBG Mobile ก็พบว่า Huawei nova 3 นั้นสามารถตอบสนองต่อการใช้งานได้อย่างไหลลื่น ไม่มีอาการหน่วง หรือกระตุก แต่ก็มีการสะสมความร้อนให้เห็นบ้าง



Huawei nova 3 มาพร้อมกับหน้าจอแสดงผลความละเอียดระดับ Full HD+ และมีอัตราส่วนแบบ 19.5:9 จึงสามารถเปิดเล่นไฟล์วิดีโอความละเอียดระดับ Full HD 1080p ได้อย่างคมชัดเต็มอรรถรส และให้มุมมองที่กว้างเต็มตาเป็นพิเศษ
กล้องดิจิทัล ถ่ายภาพนิ่ง และถ่ายภาพวิดีโอ

สำหรับกล้องถ่ายภาพของ Huawei nova 3 เป็นแบบคู่ (Dual Camera) พร้อมเทคโนโลยี AI โดยกล้องตัวหลักเป็นเซ็นเซอร์รับภาพขาว-ดำ (Monochome) ความละเอียด 24 ล้านพิกเซล ส่วนกล้องตัวที่สองเป็นเซ็นเซอร์รับภาพสี (RGB) ความละเอียด 16 ล้านพิกเซล โดย Interface ของแอปพลิเคชันกล้องมีการดีไซน์เรียบหรู สบายตา และมีเมนูให้ได้เลือกใช้อย่างชัดเจน

โดยผู้ใช้สามารถปรับความละเอียดของกล้องได้ในส่วนของการตั้งค่า รวมถึงฟังก์ชันอื่นๆ เพิ่มเติม ไม่ว่าจะเป็น การปิด-เปิดเสียง, การตั้งเวลาถ่ายภาพ และการจับรอยยิ้มเพื่อถ่ายภาพ

สำหรับโหมดถ่ายภาพปกติของ Huawei nova 3 สามารถเลือกความละเอียดสูงสุดได้ถึงระดับ 24 ล้านพิกเซล



ในโหมดการถ่ายภาพปกติ มีฟังก์ชัน AI Master ที่เป็นการนำเอาระบบปัญญาประดิษฐ์ (AI) เข้ามาช่วยวิเคราะห์สภาพแวดล้อม และวัตถุที่อยู่ตรงหน้า ได้กว่า 22 หมวดหมู่ เพื่อปรับแต่งการตั้งค่าของกล้องให้เหมาะสมแบบอัตโนมัติ โดยที่สามารถแยกแยะ Object ที่ปรากฏอยู่บนภาพ เพื่อนำไปปรับแต่งให้มีความสวยงามได้ด้วย

นอกจากนี้ยังมีโหมดการถ่ายภาพอื่นๆ ให้ได้เลือกใช้งานอย่างหลากหลาย เช่น AR Lens ที่เป็นการเพิ่มลูกเล่นให้กับภาพด้วยสติกเกอร์สุดน่ารัก, 3D Panorama, Night, Slow-mo และการถ่ายภาพสีขาว-ดำ (Monochrome)

การถ่ายภาพในโหมดหน้าชัดหลังเบลอ (Portrait) รองรับโหมด Beauty ที่สามารถปรับค่าได้ถึง 10 ระดับ

และการปรับค่าแสง 3D Portrait Lighting ให้กับตัวแบบได้ถึง 5 สไตล์ เพื่อความเหมาะสม และอารมณ์ของภาพ


ในโหมด Aperture สามารถปรับความกว้างของรูรับแสงได้ตั้งแต่ F/0.95-F/16 โดยผู้ใช้สามารถนำมาปรับระดับความเบลอในภายหลังได้อีกด้วย

หนึ่งในฟีเจอร์ที่น่าสนใจของ Huawei nova 3 ได้แก่ AR Lens สำหรับการถ่ายภาพพร้อมสติกเกอร์น่ารักๆ ที่มีให้เลือกใช้หลากหลายรูปแบบ




สำหรับการถ่ายโหมด Pro บน Huawei nova 3 มาพร้อมกับรายละเอียดการตั้งค่าต่างๆ ที่ครบครัน และครอบคลุมสำหรับช่างภาพแทบทั้งหมด

สำหรับการถ่ายภาพขาว-ดำ (Monochrome) ก็มีให้เลือกใช้บน Huawei nova 3 ด้วยเช่นกัน ซึ่งสามารถเลือกถ่ายพร้อมกับโหมดรูรับแสง (Aperture), หน้าชัดหลังเบลอ (Portrait) และโหมด Beauty ได้อีกด้วย


การถ่ายวิดีโอบน Huawei nova 3 รองรับโหมด Beauty ที่ปรับได้ถึง 10 ระดับ และสามารถบันทึกความละเอียดสูงสุดที่ระดับ HD 720p ส่วนในโหมดปกติสามารถบันทึกความละเอียดสูงสุดได้ที่ระดับ 4K Ultra HD เลยทีเดียว

ทางด้านกล้องดิจิทัลด้านหน้าก็มีหน้าตา Interface ที่สามารถใช้งานได้ง่ายเช่นเดียวกัน พร้อมทั้งแสดงไอคอนเอาไว้ให้ใช้งานได้ทันที และสามารถปรับค่าต่างๆ ได้ที่เมนูตั้งค่า

สามารถเลือก เปิด-ปิด ไฟแฟลชหน้าจอ, ฟังก์ชัน AI Master และ HDR Pro ได้

ผู้ใช้สามารถปรับความละเอียดของกล้องได้ในส่วนของการตั้งค่า รวมถึงฟังก์ชันอื่นๆ เพิ่มเติม ไม่ว่าจะเป็น การปิด-เปิดเสียง, การตั้งเวลาถ่ายภาพ และการจับรอยยิ้มเพื่อถ่ายภาพ โดยสามารถเลือกความละเอียดสูงสุดในการถ่ายภาพเซลฟี่โหมดปกติได้ถึงระดับ 24 ล้านพิกเซล

นอกจากนี้ยังมีโหมดการถ่ายภาพอื่นๆ ให้ได้เลือกใช้งานอย่างหลากหลาย


Huawei nova 3 ยังมาพร้อมลูกเล่นที่น่าสนใจอย่าง Qmoji สำหรับสร้างอีโมจิตัวการ์ตูนสุดน่ารักในรูปแบบสามมิติ ที่สามารถเคลื่อนไหวตามใบหน้าของผู้ใช้งานได้ และฟีเจอร์ AR Lens สำหรับการถ่ายภาพพร้อมสติกเกอร์น่ารักๆ ที่ช่วยเพิ่มความเพลิดเพลินให้กับการเซลฟี่

กล้องหน้าของ Huawei nova 3 มาพร้อมโหมดหน้าชัดหลังเบลอ (Portrait) และการปรับค่า Beauty ได้ถึง 10 ระดับ

และการปรับค่าแสง 3D Portrait Lighting ให้กับตัวแบบได้ถึง 5 สไตล์ เพื่อความเหมาะสม และอารมณ์ของภาพ


การถ่ายวิดีโอด้วยกล้องหน้าก็รองรับโหมด Beauty ด้วยเช่นกัน โดยสามารถบันทึกความละเอียดสูงสุดที่ระดับ HD 720p ส่วนในโหมดปกติสามารถบันทึกความละเอียดสูงสุดได้ที่ระดับ FHD+ ในอัตราส่วน 18.7:9
ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องหลังคู่ AI Dual Camera ความละเอียดระดับ 24+16 ล้านพิกเซล ของ Huawei nova 3

ภาพถ่ายจากโหมดปกติ

ภาพถ่ายจากโหมดปกติ พร้อมเปิดฟังก์ชัน AI Master

ภาพถ่ายจากโหมดปกติ

ภาพถ่ายจากโหมดปกติ พร้อมเปิดฟังก์ชัน AI Master

ภาพถ่ายจากโหมดปกติ

ภาพถ่ายจากโหมดปกติ พร้อมเปิดฟังก์ชัน AI Master

ภาพถ่ายจากโหมดปกติ

ภาพถ่ายจากโหมดปกติ พร้อมเปิดฟังก์ชัน AI Master

ภาพถ่ายจากโหมดปกติ

ภาพถ่ายจากโหมดปกติ พร้อมเปิดฟังก์ชัน AI Master




ภาพถ่ายในโหมดหน้าชัดหลังเบลอ (Portrait)

ภาพถ่ายในโหมดหน้าชัดหลังเบลอ (Portrait) แบบปกติ และการปรับค่าแสง 3D Portrait Lighting แบบ Split Lighting


ภาพถ่ายในโหมดรูรับแสง (Aperture) ที่ F/2.4 และ F/7.1




ภาพถ่ายในโหมดขาว-ดำ (Monochrome)


ภาพถ่ายในโหมดขาว-ดำ (Monochrome) พร้อมโหมดหน้าชัดหลังเบลอ (Portrait)



ภาพถ่ายจากโหมดปกติ ในสภาวะที่มีแสงน้อย พร้อมเปิดฟังก์ชัน AI Master
ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องด้านหน้าคู่ AI Dual Camera ความละเอียด 24+2 ล้านพิกเซล ของ Huawei nova 3

ภาพถ่ายเซลฟี่ในโหมดปกติ (ซ้าย) และภาพถ่ายในโหมดปกติ พร้อมเปิดฟังก์ชัน AI Master (ขวา)

ภาพถ่ายเซลฟี่ในโหมดปกติ พร้อมเปิดฟังก์ชัน AI Master ปรับ Beauty ระดับ 5 (ซ้าย) และ Beauty ระดับ 10 (ขวา)

ภาพถ่ายเซลฟี่ในโหมดหน้าชัดหลังเบลอ (Portrait) พร้อมปรับ Beauty ระดับ 5 (ซ้าย) และ Beauty ระดับ 10 (ขวา)

ภาพถ่ายในโหมดหน้าชัดหลังเบลอ (Portrait) พร้อมปรับค่าแสง 3D Portrait Lighting แบบ Butterfly Lighting (ซ้าย) และแบบ Classic Lighting (ขวา)

ภาพถ่ายเซลฟี่พร้อมฟีเจอร์ AR Lens
 
ฟีเจอร์น้องใหม่ Qmoji สำหรับสร้างอีโมจิตัวการ์ตูนสุดน่ารักในรูปแบบสามมิติ ที่สามารถเคลื่อนไหวตามใบหน้าของผู้ใช้งานได้ และสามารถบันทึกเป็นไฟล์ GIF หรือวิดีโอเพื่อส่งต่อให้กับเพื่อนได้
สรุปผลการทดสอบของ Huawei nova 3

Huawei nova 3 ถือเป็นอีกหนึ่งสมาร์ทโฟนระดับท็อปที่ไม่ควรมองข้าม ตั้งแต่การดีไซน์ตามสมัยนิยมด้วยหน้าจอไร้ขอบแบบ FullView Display พร้อมรอยบาก (Notch) ขนาดใหญ่เต็มตาถึง 6.3 นิ้ว ในอัตราส่วน 19.5:9 ความคมชัดระดับ FHD+ ที่สามารถใช้งานได้อย่างเต็มตาเต็มอารมณ์กว่าที่เคย บนตัวเครื่อง Metal-Glass ที่เป็นการผสมผสานกันระหว่างกระจกขอบโค้งแบบ 3D Glass ที่ด้านหลัง และโลหะ รวมถึงการไล่เฉดสีแบบ Gradient (เฉพาะสี
Iris Purple) แบบเดียวกับ P20 Series ตระกูลเรือธงของค่าย ที่ช่วยเสริมให้ตัวเครื่องมีความพรีเมียมในทุกสัมผัส
ในด้านของสเปกตัวเครื่องก็จัดมาให้แบบครบครัน ไม่ว่าจะเป็น การขับเคลื่อนด้วยชิปเซ็ตรุ่นเดียวกับเรือธงอย่าง Octa-Core HiSilicon Kirin 970 ที่มีหน่วยประมวลผล NPU (Neural Processing Unit) ฝังอยู่ภายใน เพื่อการประมวลผลในด้าน AI โดยเฉพาะ และหน่วยความจำแรม (RAM) ขนาด 6GB บนระบบปฏิบัติการ Android 8.1 Oreo ที่ครอบทับด้วย EMUI 8.2 เวอร์ชันล่าสุด พร้อมหน่วยประมวลผลกราฟิก (GPU) แบบ Mali-G72MP12 ผสานเทคโนโลยี GPU
Turbo ที่ช่วยรีดเค้นประสิทธิภาพการประมวลผลกราฟิกให้เพิ่มขึ้นถึง 60% ขณะเดียวกันก็ลดการใช้พลังงานลง 30% อีกด้วย เรียกได้ว่าตอบสนองการใช้งานในด้านต่างๆ โดยเฉพาะการเล่นเกมที่มีกราฟิกสูงๆ ได้ค่อนข้างน่าพอใจ แม้จะมีการสะสมความร้อนให้ได้เห็นบ้างเมื่อเล่นเป็นระยะเวลานานๆ อีกทั้งยังมีพื้นที่เก็บบันทึกข้อมูลในตัวเครื่องให้มากถึง 128GB และสามารถเพิ่ม microSD Card ได้อีก 256GB จึงไม่ต้องกังวลว่าพื้นที่จะไม่พอใช้งาน
อีกหนึ่งจุดเด่นสำคัญของ Huawei nova 3 คือการเป็นสมาร์ทโฟนกล้อง AI Camera คมชัด 24 ล้านพิกเซลรุ่นแรกของโลก สำหรับกล้องหลังคู่มีความละเอียด 24+16 ล้านพิกเซล กล้องตัวแรกเป็นเซ็นเซอร์รับภาพขาว-ดำ (Monochrome) พร้อมรูรับแสงขนาด f/1.8 ส่วนกล้องตัวที่สองใช้เซ็นเซอร์รับภาพสี (RGB) พร้อมรูรับแสงขนาด f/1.8 และไฟแฟลช LED ที่มาพร้อมเทคโนโลยี AI Master กับการนำปัญญาประดิษฐ์ (AI) มาช่วยจำแนกซีน และวัตถุต่างๆ
ได้กว่า 22 หมวดหมู่ เพื่อนำไปปรับแต่งการตั้งค่าของกล้องถ่ายภาพ และปรับแต่งสีสันของภาพถ่ายให้มีความสวยงามแบบอัตโนมัติ รวมถึงเทคโนโลยี Muti-Frame ที่เป็นการนำภาพที่ได้จากกล้องทั้งสองตัวมาผสานรวมกัน ทำให้รายละเอียดต่างๆ ของภาพมีความคมชัด เรียกได้ว่าแม้จะไม่ใช่โปรกล้อง แต่ก็สามารถถ่ายภาพให้สวยได้ไม่ยาก
ส่วนกล้องหน้าคู่ แบ่งออกเป็นกล้องตัวแรกความละเอียด 24 ล้านพิกเซล ใช้เซ็นเซอร์รับภาพ Sony IMX576 และกล้องตัวที่สองคมชัด 2 ล้านพิกเซล ที่ใช้สำหรับการตรวจจับข้อมูลความลึก เพื่อช่วยในการถ่ายภาพโบเก้ หรือหน้าชัดหลังเบลอนั่นเอง พร้อมรองรับเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) สำหรับจำแนกซีน หรือวัตถุต่างๆ ไดดทั้งหมด 8 รูปแบบด้วยเช่นกัน รวมถึงเทคโนโลยี HDR Pro สำหรับช่วยถ่ายภาพเซลฟี่ในสภาวะที่มีแสงจัด หรือการถ่ายภาพย้อนแสง
ทำให้ใบหน้าของตัวแบบไม่มืด หรือสว่างจนเกินไป นอกจากนี้ยังมีฟีเจอร์ AR Lens กับการเซลฟี่พร้อมสติกเกอร์หลากหลายดีไซน์ และลูกเล่นน้องใหม่อย่าง Qmoji กับการสร้างอีโมจิตัวการ์ตูนสุดน่ารักในรูปแบบสามมิติ ที่สามารถเคลื่อนไหวตามใบหน้าของผู้ใช้งานได้ เรียกได้ว่าเป็นการเพิ่มสีสัน และความสนุกในการเซลฟี่
ทางด้านระบบรักษาความปลอดภัย Huawei nova 3 ผสานสองเทคโนโลยี ได้แก่ การสแกนลายนิ้วมือที่ด้านหลังตัวเครื่อง กับระบบสแกนใบหน้า (Face Unlock) แบบ 360 องศา ที่สแกนได้รวดเร็วทันใจ และสแกนใบหน้าได้ในที่แสงน้อย จากการติดตั้งอินฟราเรด (Infrared Light) บริเวณรอยบาก (Notch) ใกล้กับกล้องหน้านั่นเอง แต่สำหรับท่านที่ใส่แว่นตาอาจใช้งานไม่สะดวกในบ้างครั้ง
Huawei nova 3 มาพร้อมกับแบตเตอรี่ความจุ 3750 mAh และเทคโนโลยีชาร์จเร็ว Fast Charging รวมถึงรองรับฟีเจอร์ที่ช่วยอำนวยความสะดวกในด้านอื่นๆ อย่างครับครัน ไม่ว่าจะเป็น App Twin สำหรับโคลนนิ่งแอปพลิเคชัน อย่างเช่น เช่น Facebook หรือ Messenger ที่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถล็อกอินแอปพลิเคชันเหล่านี้ได้พร้อมกันถึง 2 แอคเคานท์ในเวลาเดียวกัน, ฟีเจอร์ App Lock ในการตั้งค่าความเป็นส่วนตัวสำหรับแอปพลิเคชันที่ต้องการ และต้องทำการยืนยันตัวตนก่อนเข้าใช้งานแอปพลิเคชันดังกล่าว,
รองรับการสั่งงานด้วยท่าทาง, รองรับการสแตนด์บายแบบ Dual 4G LTE และ Split-Screen ในการใช้งานพร้อมกัน 2 แอปพลิเคชันได้พร้อมกัน
และจากการทดสอบทั้งหมดพอจะสรุปได้ว่า Huawei nova 3 เหมาะสำหรับท่านที่กำลังมองหาสมาร์ทโฟนระดับท็อปรุ่นใหม่ พร้อมฟีเจอร์ครบครันทุกการใช้งาน บนดีไซน์แบบสมัยนิยม ด้วยจอไร้ขอบขนาดใหญ่ในอัตราส่วนที่กว้างขึ้น และช่วยให้ใช้งานได้อย่างเต็มตา เต็มอารมณ์ ผสานตัวเครื่องไล่เฉดสีแบบใหม่ที่กำลังมาแรง รวมถึงชื่นชอบการถ่ายรูปทั้งกล้องหน้า และกล้องหลัง ที่ชาญฉลาดกว่าเดิมด้วยเทคโนโลยี AI และฟีเจอร์สำหรับถ่ายภาพที่หลากหลาย พร้อมกับราคาที่จับต้องได้

สำหรับ Huawei nova 3 เปิดราคาอย่างเป็นทางการในประเทศไทยที่ 16,990 บาท โดยวางจำหน่ายแล้ววันนี้ ที่ Huawei Brand Shop และร้านค้าตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศ
สุดท้ายนี้ ต้องขอขอบคุณทาง Huawei ประเทศไทย ที่ให้ความไว้วางใจส่งเครื่อง Huawei nova 3 มาให้ทางทีมงานได้ทำการรีวิวให้ท่านผู้อ่านได้รับชมกัน สำหรับวันนี้ต้องขอลาไปก่อน พบกันได้ใหม่ในโอกาสหน้า สวัสดีค่ะ
จุดเด่นของ Huawei nova 3
- ที่ด้านหลังตัวเครื่องประกบด้วยกระจกแบบ 3D Glass ผสานเข้ากับกรอบโลหะ (Metal-Glass)
- บอดี้สีไล่เฉด (Gradient) ที่สามารถสะท้อนเล่นกับแสงในมุมต่างๆ (เฉพาะสี Iris Purple)
- ตัวเครื่องขนาด 157x73.7x7.3 มิลลิเมตร และมีน้ำหนัก 166 กรัม
- หน้าจอแสดงผล IPS LCD แบบ FullView Display ขนาดใหญ่ 6.3 นิ้ว ความละเอียดระดับ Full HD+ (2340x1080 พิกเซล) และอัตราส่วนในการแสดงผลแบบ 19.5:9
- ชิปเซ็ตประมวลผล (CPU) HiSilicon Kirin 970 แบบ Octa-Core Processor พร้อมหน่วยประมวลผล NPU ที่ฝังอยู่ภายใน สำหรับงานปัญญาประดิษฐ์ (AI) โดยเฉพาะ
- หน่วยประมวลผลกราฟิก (GPU) แบบ Mali-G72 MP12 พร้อมเทคโนโลยี GPU Turbo
- หน่วยความจำแรม (RAM) ขนาด 6GB
- หน่วยความจำภายใน (ROM) ความจุ 128GB
- รองรับการ์ดหน่วยความจำเสริมภายนอกแบบ microSD Card (TransFlash) ความจุ 256GB
- กล้องดิจิทัลด้านหน้าแบบคู่ (AI Dual Camera) ความละเอียด 24+2 ล้านพิกเซล พร้อมเซ็นเซอร์รับภาพ Sony IMX576 โดยกล้อง 2 ล้านพิกเซล จะใช้สำหรับการตรวจจับข้อมูลความลึก เพื่อช่วยในการถ่ายภาพโบเก้ หรือหน้าชัดหลังเบลอ ซึ่งรูรับแสงกว้างสูงสุดที่ F/2.0 และรองระบเทคโนโลยี HDR Pro สำหรับช่วยถ่ายภาพเซลฟี่ในสภาวะที่มีแสงจัด หรือการถ่ายภาพย้อนแสง ทำให้ใบหน้าของตัวแบบไม่มืด หรือสว่างจนเกินไป รวมทั้งสามารถแยกซีนต่างๆ ได้ถึง 8 ซีน ครอบคลุมการถ่ายภาพเซลฟี่ในสภาพแวดล้อมต่างๆ
- กล้องดิจิทัลด้านหลังแบบคู่ (AI Dual Camera) โดยแบ่งออกเป็น เซ็นเซอร์รับภาพขาวดำ (Monochrome) ความละเอียด 24 ล้านพิกเซล รูรับแสงกว้างสูงสุดที่ F/1.8 และเซ็นเซอร์รับภาพสี (RGB) ความละเอียด 16 ล้านพิกเซล รูรับแสงกว้างสูงสุดที่ F/1.8 พร้อมระบบโฟกัสภาพอัตโนมัติแบบ PDAF และไฟแฟลชแบบ LED พร้อมเทคโนโลยี Muti-Frame สำหรับนำภาพที่ได้จากกล้องทั้งสองตัวมาผสานรวมกัน ทำให้รายละเอียดต่างๆ ของภาพมีความคมชัด นอกจากนี้ ยังมีเทคโนโลยี AI Master ที่เป็นการนำเอาปัญญาประดิษฐ์ (AI) มาช่วยจำแนกซีน
และวัตถุต่างๆ ได้กว่า 22 หมวดหมู่ เพื่อนำไปปรับแต่งการตั้งค่าของกล้องถ่ายภาพ และปรับแต่งสีสันของภาพถ่ายให้มีความสวยงามแบบอัตโนมัติ
- รองรับการใช้งานแบบ 2 ซิมการ์ด (Dual nanoSIM)
- เซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือที่ด้านหลังตัวเครื่อง (Fingerprint Scanner)
- ฟีเจอร์ปลดล็อกด้วยใบหน้า (Face Unlock) แบบ 360 องศา ที่สามารถปลดล็อกได้ในสภาวะแสงน้อย ด้วยแสง Infrared
- ฟังก์ชัน 3D Qmoji
- พอร์ตเชื่อมต่อแบบ USB Type-C
- ช่องเสียบหูฟังมาตรฐานแบบ 3.5 มิลลิเมตร
- แบตเตอรี่ความจุ 3750 mAh พร้อมรองรับเทคโนโลยีชาร์จแบตเตอรี่ความเร็วสูง Fast Charging
- ทำงานอยู่บนระบบปฏิบัติการ Android 8.1 Oreo พร้อมครอบทับด้วย EMUI 8.2
- รองรับการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตผ่านทางระบบ 4G LTE, 3G, EDGE, GPRS และ WiFi
- รองรับการสแตนด์บายแบบ Dual 4G LTE
- ระบบ GPS+A-GPS ในตัว พร้อมรองรับระบบดาวเทียม GLONASS
- ราคา 16,990 บาท ถือว่าคุ้มค่าเมื่อเทียบกับคุณสมบัติโดยรวม

จุดที่อาจจะต้องพิจารณาเพิ่มเติมของ Huawei nova 3
- ตัวเครื่องใช้ดีไซน์แบบกระจก จึงอาจเกิดคราบเปื้อน หรือรอยนิ้วมือได้ง่าย
- ตัวเครื่องมีการสะสมความร้อน เมื่อมีการประมวลผลหนักๆ ติดต่อกันเป็นเวลานาน
- หน้าจอ FullView Display ในอัตราส่วน 19.5:9 ยังไม่สามารถใช้งานร่วมกับแอปพลิเคชันทั้งหมดได้
- ด้วยความที่หน้าจอมีขอบบาง อาจทำให้อุ้งมือของผู้ใช้ไปสัมผัสโดยไม่ได้ตั้งใจ
- สำหรับผู้ที่ใส่แว่นตาอาจใช้งานฟีเจอร์ปลดล็อกหน้าจอด้วยใบหน้าไม่สะดวกในบางครั้ง
- ใช้ถาดแบบ Hybrid Slot ซึ่งช่องใส่ซิมการ์ดที่สอง ต้องเลือกใส่อย่างใดอย่างหนึ่งระหว่างซิมการ์ด หรือการ์ด microSD
- ไม่มีวิทยุ FM ในตัว
โปรดทราบ* โทรศัพท์มือถือที่ท่านเห็นในบทความรีวิวนี้เป็นเพียงเครื่องทดสอบจากทางศูนย์ เพราะฉะนั้นคุณสมบัติบางอย่างอาจมีความแตกต่างจากเครื่องที่วางจำหน่ายจริงบ้างไม่มากก็น้อย รวมถึงจุดด้อยบางประการที่พบในเครื่องทดสอบ อาจจะถูกแก้ไขปรับปรุงให้ดีขึ้นในเครื่องที่วางจำหน่ายจริง ดังนั้นหากท่านสนใจซื้อโทรศัพท์มือถือรุ่นนี้ ควรตรวจสอบหรือทดลองใช้งานสินค้าด้วยตนเองอีกครั้งหนึ่ง *
ข้อมูลอื่นๆ ที่น่าสนใจเกี่ยวกับ Huawei nova 3
สรุปคุณสมบัติ (สเปก) และราคา ของ Huawei nova 3
รีวิว (Review) Huawei nova 3i
พรีวิว (Preview) Huawei nova 3 และ nova 3i

:: ไปหน้าแรกเว็บไซต์ Thaimobilecenter
| ไปหน้าแรก
Mobile Focus ::
|