รีวิว (Review) Huawei Mate 9
ยอดเรือธงตัวท็อปเพื่อที่สุดของการถ่ายภาพด้วยกล้อง LEICA Dual Camera 20 ล้านพิกเซล พร้อมจอ IPS Full HD ไซส์บิ๊ก 5.9 นิ้ว, ชิปเซ็ต Kirin 960 ใหม่ล่าสุด, ชิปประมวลผลกราฟิก Mali G71 รุ่นแรกของโลก, RAM 4 GB, ROM 64 GB, เซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือ และแบตเตอรี่ SuperCharge ขนาด 4000 mAh บนบอดีโลหะสุดบางเฉียบเพียง 7.9 มิลลิเมตร ในราคา 23,900 บาท

17 พฤศจิกายน 2559 - สำหรับ Huawei Mate 9 สมาร์ทโฟนเรือธงรุ่นใหม่ล่าสุดจากแบรนด์หัวเว่ยนั้นเพิ่งได้เปิดตัวไปแบบสดๆ ร้อนๆ เมื่อวันที่ 3 พฤศจิกายน 2016 ที่ผ่านมา ณ Dolce Munich ในเมืองมิวนิค ประเทศเยอรมนี ซึ่งนอกจากเปิดตัวรุ่นมาตรฐานแล้วทางหัวเว่ยยังได้เปิดตัว Porsche Design Mate 9 สมาร์ทโฟนเรือธงตัวท็อปออกมาพร้อมกันอีกด้วย ซึ่งสมาร์ทโฟนทั้ง 2 รุ่น ได้สร้างความตื่นตาตื่นใจให้กับผู้ที่มาร่วมงานเปิดตัวเป็นอย่างมาก ทั้งในเรื่องของการออกแบบดีไซน์ที่ดูหรูหราระดับพรีเมียม พร้อมด้วยคุณสมบัติตัวเครื่องที่ไฮเอนด์จัดเต็มทุกองค์ประกอบเลยก็ว่าได้
และเมื่อช่วงต้นเดือนที่ผ่านมาทางทีมงานไทยโมบายเซ็นเตอร์ก็มีโอกาสได้นำเสนอบทความ พรีวิว (Preview) Huawei Mate 9 เป็นการอุ่นเครื่องกันไป ซึ่งล่าสุดเครื่อง Huawei Mate 9 เวอร์ชันสมบูรณ์ที่พร้อมวางจำหน่ายจริงในประเทศไทยก็ได้ถูกส่งตรงมาอยู่ในมือของทีมงานไทยโมบายเซ็นเตอร์เป็นที่เรียบร้อยแล้ว วันนี้จึงได้นำรีวิวฉบับเต็มมาให้ท่านผู้อ่านได้รับชมกันอีกครั้งตามที่เคยได้สัญญากันไว้
โดยจุดเด่นของ Huawei Mate 9 นั้นมีอยู่หลายส่วนด้วยกัน เริ่มตั้งแต่ เทคโนโลยีการผลิตตัวเครื่องแบบ Metal-Unibody ที่ทำให้ตัวเครื่องมีความสวยหรูพรีเมียม และแข็งแรงทนทานเป็นพิเศษ พร้อมความบางเฉียบเพียง 7.9 มิลลิเมตร, หน้าจอแสดงผลแบบ IPS LCD ความละเอียด 1920x1080 พิกเซล ที่มีขนาดใหญ่ถึง 5.9 นิ้ว พร้อมครอบทับด้วยกระจกขอบนูนแบบ 2.5D Glass, เซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือ พร้อมรองรับการสั่งถ่ายภาพ หรือรับสายเรียกเข้า, กล้องดิจิทัลด้านหลังแบบ LEICA Dual Camera (12MP RGB+20MP Monochrome) ที่มีรูรับแสงกว้างสูงสุดขนาด F/2.2, ไฟแฟลชแบบ Dual-Tone, ตัวยิงแสงเลเซอร์สำหรับระบบโฟกัสภาพ และเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือ โดยตัวกล้องนั้นมาพร้อมกับระบบป้องกันการสั่นแบบ OIS, เทคโนโลยีการโฟกัสภาพแบบ 4-in-1 Hybrid Autofocus, หน่วยประมวลผลสำหรับการถ่ายภาพแบบ Embedded Depth ISP, ฟังก์ชันถ่ายภาพ Bokeh, ระบบ Hybrid Zoom, กล้องดิจิทัลด้านหน้าความละเอียด 8 ล้านพิกเซล ซึ่งมีรูรับแสงกว้างสูงสุดขนาด F/1.9 พร้อมระบบโฟกัสภาพแบบอัตโนมัติ, ลำโพงเสียงภายนอกแบบคู่ พร้อมรองรับระบบเสียง DTS Sound, รองรับการใช้งาน Google Daydream, ช่องเชื่อมต่อยุคใหม่แบบ USB Type-C และแบตเตอรี่ขนาด 4000 mAh พร้อมรองรับเทคโนโลยีการชาร์จแบตเตอรี่ความเร็วสูงแบบ Huawei SuperCharge ซึ่งสามารถชาร์จแบตเตอรี่ถึงระดับ 58% ได้ภายในเวลา 30 นาที
ทางด้านคุณสมบัติเด่นอื่นๆ ก็เรียกได้ว่าจัดเต็มไม่แพ้สมาร์ทโฟนเรือธงตัวท็อปแบรนด์คู่แข่งที่มีราคาราวๆ 20,000-30,000 บาท เลยก็ว่าได้ และสามารถตอบโจทย์การใช้งานที่ต้องใช้การประมวลผลระดับสูงได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ไม่ว่าจะเป็น ชิปเซ็ตประมวลผล Octa-Core Huawei Kirin 960 (Quad-Core Cortex-A73 2.4 GHz + Quad-Core Cortex A53 1.8GHz) ซึ่งนับเป็นชิปเซ็ตรุ่นแรกของโลกที่ใช้ซีพียู Cortex-A73, ชิปเซ็ตประมวลผลภาพกราฟิก Mali G71 MP8 (สมาร์ทโฟนรุ่นแรกของโลกที่ใช้จีพียูตัวนี้) พร้อมรองรับ Vulkan API, หน่วยความจำแรม (RAM) ขนาด 4 GB, หน่วยความจำภายในขนาด 64 GB รองรับหน่วยความจำเสริมแบบ microSD สูงสุด 256 GB, รองรับการเชื่อมต่อไร้สายแบบ NFC, รองรับการใช้งานได้พร้อมกัน 2 ซิมการ์ด พร้อมรองรับการใช้งานร่วมกับเครือข่ายความเร็วสูงแบบ 4G LTE Cat12 ซึ่งมีความเร็วในการดาวน์โหลดสูงสุดที่ 600 Mbps และทำงานอยู่บนระบบปฏิบัติการ Android เวอร์ชัน 7.0 Nougat ซึ่งถูกครอบทับด้วย EMUI 5.0
และจากข้อมูลทั้งหมดในข้างต้นจะเห็นได้ว่า Huawei Mate 9 นั้นมาพร้อมคุณสมบัติตัวเครื่องที่จัดอยู่ในระดับไฮเอนด์ และสามารถตอบโจทย์การใช้งานที่ต้องมีการประมวลผลระดับสูงได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ส่วนการใช้งานจริงจะเป็นอย่างไร, ดีไซน์ตัวเครื่องจะสวยหรูพรีเมียมขนาดไหน, กล้องจะถ่ายภาพได้สวยคมชัดสมคำร่ำลือหรือไหม และสามารถตอบสนองต่อการใช้งานต่างๆ ได้ดีขนาดไหน วันนี้เรามีคำตอบให้ทุกท่านครับ
รูปลักษณ์ภายนอกตัวเครื่อง และการออกแบบดีไซน์

Huawei Mate 9 มาในกล่องแพ็กเกจสีดำด้าน

เมื่อเปิดฝากล่องออกมาก็จะพบกับ Huawei Mate 9 เป็นอันดับแรก และที่สำคัญ คือ ทางหัวเว่ยได้ทำการติดฟิล์มกันรอยมาให้เป็นที่เรียบร้อยแล้วอีกด้วย

โดยภายในกล่องก็มีอุปกรณ์สำหรับใช้งานไว้ให้อย่างครบครัน ไม่ว่าจะเป็น Adapter, สาย USB Type-C, หูฟัง, คู่มือการใช้งาน, SIM Door Key และเคส


ภาพตัวอย่างการใส่เคสที่แถมมาให้ในกล่อง

นอกจากนี้ภายในกล่องยังได้แถม USB Type-C to microUSB มาให้ใช้งาน ซึ่งผู้ใช้สามารถใช้สาย microUSB เพื่อเชื่อมต่อสำหรับโอนถ่ายข้อมูล หรือชาร์จแบตเตอรี่ได้

อะแดปเตอร์ของ Huawei Mate 9 นั้นรองรับการชาร์จแบตเตอรี่ความเร็วสูงด้วยเทคโนโลยี Huawei SuperCharge

Huawei Mate 9 มาพร้อมกับหน้าจอแสดงผลแบบ IPS LCD ความละเอียด 1920x1080 พิกเซล ขนาด 5.9 นิ้ว พร้อมครอบทับด้วยกระจกแบบ 2.5D Glass โดยตัวเครื่องจะมีขนาดอยู่ที่ 156.9x78.9x7.9 มิลลิเมตร พร้อมน้ำหนักตัวที่ 190 กรัม

อีกทั้งหน้าจอแสดงผลของ Huawei Mate 9 นั้นมีค่าขอบเขตของสี หรือความเที่ยงตรงของสี (Color Gamut) ที่มากถึง 96% และมีค่าความเปรียบต่าง (Contrast Ratio) อยู่ที่ 1500:1

และจากการทดลองใช้งาน และจับถือในเบื้องต้นพบว่าขนาดตัวเครื่องของ Huawei Mate 9 นั้นมีขนาดไม่ใหญ่จนเกินไป สามารถใช้งานได้อย่างคล่องตัว ทั้งที่มีขนาดหน้าจอใหญ่ถึง 5.9 นิ้ว ซึ่งเมื่อเทียบขนาดตัวเครื่องแล้วพบว่า Huawei Mate 9 มีขนาดตัวเครื่องที่ใกล้เคียงกับ iPhone 7 Plus แต่จุดเด่นของ Huawei Mate 9 อยู่ที่การขยายพื้นที่หน้าจอให้มีขนาดเพิ่มมากขึ้น โดยไม่ขยายขนาดตัวเครื่อง ทำให้มีสัดส่วนพื้นที่หน้าจอเพิ่มมากขึ้นกว่าเดิม จึงส่งผลให้หน้าจอมีขนาดใหญ่ขึ้น แต่ในขณะที่ขนาดตัวเครื่องยังจับถนัดมืออยู่นั่นเอง

ด้านหน้าส่วนบนประกอบไปด้วยลำโพงสำหรับฟังขณะทำการสนทนา, เซ็นเซอร์ Proximity สำหรับการปิดหน้าจอแบบอัตโนมัติขณะสนทนา เพื่อประหยัดพลังงาน, เซ็นเซอร์ Ambient Light สำหรับตรวจวัดระดับแสงในสภาพแวดล้อม, กล้องดิจิทัลความละเอียด 8 ล้านพิกเซล ซึ่งมีรูรับแสงกว้างสูงสุดขนาด F/1.9 พร้อมระบบโฟกัสภาพแบบอัตโนมัติ และสัญญาณไฟ LED สำหรับแจ้งเตือนสถานะต่างๆ เช่น สัญญาณไฟขณะกำลังชาร์จแบตเตอรี่

ด้านหน้าส่วนล่างจะมีเพียงโลโก้ Huawei เท่านั้น ส่วนปุ่มการสั่งงานจะเป็นแบบ On Screen ได้แก่ ปุ่มย้อนกลับ, ปุ่มโฮม และปุ่ม Recent Apps

ด้านบนของตัวเครื่องมีอินฟราเรด และช่องเชื่อมต่อกับหูฟังแบบมาตรฐานขนาด 3.5 มิลลิเมตร

ด้านล่างของตัวเครื่องมีไมโครโฟน สำหรับสนทนา หรือบันทึกเสียง, ช่องเชื่อมต่อแบบ USB Type-C สำหรับชาร์จแบตเตอรี่ หรือโอนถ่ายข้อมูล และลำโพงเสียงแบบคู่
ด้านขวาของตัวเครื่องมีปุ่มเปิด-ปิด เครื่อง หรือล็อกหน้าจอ และปุ่มเพิ่ม-ลด ระดับเสียง


ด้านซ้ายของตัวเครื่องมีถาดสำหรับใส่ซิมการ์ดแบบ Hybrid Slot ซึ่งรองรับทั้งซิมการ์ดแบบ nanoSIM และการเพิ่มหน่วยความจำภายนอกแบบ microSD โดยในช่องที่สองนั้นจะต้องเลือกใช้งานระหว่างการใช้งานซิมการ์ดที่ 2 หรือเพิ่มหน่วยความจำภายนอก ซึ่งไม่สามารถใช้งานพร้อมกันได้


ด้านหลังของตัวเครื่องประกอบไปด้วยไมโครโฟนสำหรับตัดเสียงรบกวน (มีไมโครโฟนสำหรับระบบบันทึกเสียงทั้งหมด 4 ตัวในเครื่องเดียวกัน), กล้องดิจิทัล LEICA Dual Camera (12MP RGB+20MP Monochrome) ที่มีรูรับแสงกว้างสูงสุดขนาด F/2.2, ไฟแฟลชแบบ Dual-Tone, ตัวยิงแสงเลเซอร์สำหรับระบบโฟกัสภาพ โดยตัวกล้องนั้นมาพร้อมกับระบบป้องกันการสั่นแบบ OIS, เทคโนโลยีการโฟกัสภาพแบบ 4-in-1 Hybrid Autofocus, หน่วยประมวลผลสำหรับการถ่ายภาพแบบ Embedded Depth ISP, ฟังก์ชันถ่ายภาพ Bokeh, ระบบ Hybrid Zoom พร้อมรองรับการถ่ายวิดีโอที่ความละเอียดสูงสุดระดับ 4K Ultra HD และเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือ

โดยเทคโนโลยีการโฟกัสภาพแบบ 4-in-1 Hybrid Autofocus นั้นประกอบไปด้วย Laser Focus, Phase Detection Focus, Depth Focus และ Contrast Focus

นอกจากนี้ กล้องดิจิทัลด้านหลังยังรองรับการใช้งานร่วมกับฟังก์ชัน Refocus ที่มีความสามารถในการเปลี่ยนจุดโฟกัสได้ ไม่เพียงเท่านั้น ฟังก์ชันนี้ยังสามารถปรับขนาดรูรับแสงได้ตั้งแต่ F/0.95 ไปจนถึง F/16 เลยทีเดียว

และสามารถ่ายวิดีโอได้ที่ความละเอียดสูงสุดระดับ 4K Ultra HD

นอกจากนี้ Huawei Mate 9 ยังมาพร้อมกับแบตเตอรี่ขนาด 4000 mAh ที่สามารถใช้งานทั่วไปได้ยาวนาน 2 วัน พร้อมรองรับระบบประหยัดพลังงานขั้นสูง



พร้อมรองรับเทคโนโลยี Huawei SuperCharge ที่ชาร์จเพียงแค่ 30 นาที หรือเพียง 58% ก็สามารถใช้ได้ตลอดทั้งวัน ซึ่งสามารถชาร์จแบตเตอรี่ได้รวดเร็วกว่า Mate 8 ถึง 50% และชาร์จแบตเตอรี่ได้รวดเร็วกว่า iPhone 7 Plus ถึง 400% เลยทีเดียว อีกทั้งยังรองรับฟีเจอร์ On-The-Go ที่สามารถแปลง Huawei Mate 9 ให้เป็นแบตเตอรี่สำรองได้ด้วย

Huawei Mate 9 ได้ใช้เทคโนโลยีการผลิตแบบ Metal-Unibody จึงทำให้ตัวเครื่องมีความแข็งแรงทนทานเป็นพิเศษ


Huawei Mate 9 นั้นมาพร้อมกับชิปเซ็ตประมวลผล Octa-Core Huawei Kirin 960 (Quad-Core Cortex-A73 2.4 GHz + Quad-Core Cortex A53 1.8GHz) ซึ่งนับเป็นชิปเซ็ตรุ่นแรกของโลกที่ใช้ซีพียู Cortex-A73 และช่วยให้มีประสิทธิภาพในการประมวลผลเพิ่มมากขึ้น


อีกทั้งยังใช้ชิปเซ็ตประมวลผลภาพกราฟิกแบบ Mali G71 MP8 Octa-Core GPU พร้อมรองรับ Vulkan API ซึ่งมีประสิทธิภาพในการประมวลผลกราฟิกที่ดีขึ้นกว่า OpenGL แบบเดิมๆ

และรองรับการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตผ่านเครือข่ายความเร็วสูงแบบ 4G LTE Cat12 ซึ่งมีความเร็วในการดาวน์โหลดสูงสุดที่ 600 Mbps

Huawei Mate 9 นั้นรองรับการใช้งานได้พร้อม 2 ซิมการ์ด พร้อมรองรับการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตผ่านระบบ 4G LTE ทั้ง 2 ซิมการ์ด และสามารถเพิ่มหน่วยความจำได้สูงสุดที่ 256 GB

พร้อมรองรับการใช้งาน Google Daydream

ทางหัวเว่ยการันตีว่า Huawei Mate 9 นั้นมีประสิทธิภาพในการใช้งานถึง 80% ถึงแม้จะใช้งานมานานกว่า 18 เดือน แล้วก็ตาม

และทางหัวเว่ยได้ให้ข้อมูลว่าด้วยระบบระบายความร้อนภายในตัวเครื่องแบบ 8 ชั้น (8-Layer) จึงช่วยให้ Huawei Mate 9 นั้นมีอุณหภูมิที่เย็นกว่า Samsung Galaxy S7 edge อยู่ราว 5 องศาเซลเซียส และมีอัตราการส่งผ่านความร้อนน้อยกว่าราว 50% แต่อย่างไรก็ดี เมื่อต้องใช้งานหนักๆ ต่อเนื่อง เช่นถ่ายวิดีโอความละเอียดสูงต่อเนื่องเป็นเวลานานๆ ตัวเครื่องก็ยังมีความร้อนอยู่พอสมควร

Huawei Mate 9 มีให้เลือกทั้งหมด 6 สี ได้แก่ Space Gray, Moonlight Silver, Mocha Brown, Champagne Gold, Ceramic White และ Black
เปิดเครื่องใช้งาน พร้อมการทดสอบฟังก์ชัน และแอปพลิเคชันต่างๆ
 
Huawei Mate 9 ขับเคลื่อนการทำงานด้วยระบปฏิบัติการ Android เวอร์ชัน 7.0 Nougat พร้อมรองรับการใช้งานได้พร้อมกัน 2 ซิมการ์ด
 
โดยมีหน่วยความจำภายในขนาด 64 GB และหน่วยความจำแรมขนาด 4 GB
 
และยังมาพร้อมกับฟังก์ชันการแจ้งเตือน และสามารถเปิด-ปิด ฟังก์ชันลัดต่างๆ ได้ เช่น การใช้งานอินเทอร์เน็ต และ GPS
 
นอกจากนี้ ยังสามารถตั้งค่าหน้าจอโฮมสกรีนได้หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น การเปลี่ยนภาพวอลเปเปอร์, การนำวิดเจ็ตที่ต้องการใช้งานมาไว้ที่หน้าจอโฮมสกรีน
 
การเปลี่ยนเอฟเฟกต์ปลดล็อกหน้าจอ และยังสามารถเปลี่ยนสัดส่วนของหน้าจอโฮมสกรีนได้อีกด้วย
 
ในส่วนของฟังก์ชันโทรศัพท์นั้นมีหน้าตาที่สามารถใช้งานได้ง่าย อีกทั้งยังมีการแสดงไอคอนฟังก์ชันไว้ให้เลือกใช้งานอย่างสะดวกสบาย และสามารถเข้าถึงบันทึกการโทร หรือเข้าดูรายชื่อโทรศัพท์ทั้งหมดได้อีกด้วย
 
ทางด้านบริการต่างๆ จากทาง Google ก็มีให้ใช้งานอย่างครบครัน เช่น Gmail หรือ Google Maps
 
ส่วนแอปพลิเคชันสำหรับจัดการโทรศัพท์ก็มีความสามารถที่หลากหลาย เช่น การเคลียร์ Cache, การเคลียร์หน่วยความจำแรม (RAM) หรือแม้แต่ดูการใช้งานปริมาณอินเทอร์เน็ตก็สามารถทำได้จากส่วนนี้เช่นเดียวกัน
 
Huawei นั้นมีโหมดประหยัดพลังงานขั้นสูงให้ใช้งานด้วยเช่นกัน
 
ทางด้านเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือนั้นสามารถเพิ่มลายนิ้วมือได้มากกว่า 1 ลายนิ้วมือ อีกทั้งยังสามารถเปิดใช้งานฟังก์ชันการสั่งงานถ่ายภาพ, รับสายเรียกเข้า หรือถ่ายภาพ ด้วยการสแกนลายนิ้วมือได้อีกด้วย

สามารถสลับตำแหน่งปุ่มการสั่งงานแบบ On Screen ได้หลายแบบ ตามความต้องการ
 
นอกจากนี้ Huawei Mate 9 ยังมาพร้อมกับระบบเสียง Stereo+ เมื่อตัวเครื่องถูกวางในแนวนอน Huawei Mate 9 ก็จะทำการเปิดใช้งานระบบเสียง Stereo+ โดยอัตโนมัติ ซึ่งช่วยเสียงมีความดัง คมชัด และมีมิติมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ Huawei Mate 9 ยังมาพร้อมระบบเสียง DTS Sound แต่ข้อจำกัด คือ ต้องใช้ควบคู่กับหูฟังเพียงอย่างเดียวเท่ากันถึงจะเปิดใช้งานระบบเสียงนี้ได้

อีกหนึ่งความน่าสนใจ คือ มีฟังก์ชัน Eye Comfort สำหรับช่วยถนอมสายตา ด้วยการกรองแสงสีฟ้า (Blue Light Filter) ให้ใช้งาน
 
ในส่วนของเว็บเบราว์เซอร์อินเทอร์เน็ตก็ตอบสนองต่อการใช้งานได้ดี สามารถแสดงรายละเอียดต่างๆ บนเว็บไซต์ได้อย่างครบถ้วน บวกกับหน้าจอแสดงผลขนาดใหญ่พิเศษถึง 5.9 นิ้ว เรียกได้ว่าไม่จำเป็นต้องซูมเพื่ออ่านเลยก็ว่าได้
 
Huawei Mate 9 ยังสามารถเปิดอ่าน หรือสร้างไฟล์เอกสารได้ ไม่ว่าจะเป็น Word, Excel หรือ PowerPoint ผ่านแอปพลิเคชัน WPS Office
 
ส่วนทางด้านแอปพลิเคชันอัลบั้มภาพถ่ายนั้นสามารถแสดงภาพถ่ายได้หลายรูปแบบ เช่น แสดงแบบแยกอัลบั้ม หรือแสดงแบบรวมภาพถ่ายทั้งหมด
 
และที่พิเศษไปกว่านั้น คือ Huawei Mate 9 รองรับการใช้งานแอปพลิเคชัน Facebook และ WhatsApp ได้พร้อมกันถึง 2 แอคเค้าท์เลยทีเดีย เรียกได้ว่า ช่วยเพิ่มความสะดวกสบายในการใช้งานเป็นอย่างมาก
 
Huawei Mate 9 นั้นมีแอปพลิเคชันสำหรับฟังเพลงให้ใช้งาน พร้อมทั้งสามารถใช้งานร่วมกับระบบเสียง DTS Sound ได้อีกด้วย (การเปิดใช้งานระบบเสียง DTS Sound จำเป็นต้องเชื่อมต่อกับหูฟังเสียก่อน)


และสามารถเปิดเล่นไฟล์วิดีโอความละเอียดระดับ Full HD (1080p) ได้อย่างไหลลื่น พร้อมทั้งสามารถแสดงผลได้เต็มความละเอียดของไฟล์วิดีโอ เนื่องด้วย Huawei Mate 9 มาพร้อมหน้าจอแสดงผลความละเอียด 1920x1080 พิกเซล
 
Huawei Mate 9 มาพร้อมกับชิปเซ็ตประมวลผล Octa-Core Huawei Kirin 960 (Quad-Core Cortex-A73 2.4 GHz + Quad-Core Cortex A53 1.8GHz), ชิปเซ็ตประมวลผลภาพกราฟิก Mali G71 MP8, หน่วยความจำแรม (RAM) ขนาด 4 GB, หน่วยความจำภายในขนาด 64 GB รองรับหน่วยความจำเสริมแบบ microSD สูงสุด 256 GB และทำงานอยู่บนระบบปฏิบัติการ Android 7.0 เวอร์ชัน Nougat ซึ่งถูกครอบทับด้วย EMUI 5.0

ด้วยคุณสมบัติตัวเครื่องที่จัดอยู่ในระดับท็อป จึงทำให้ Huawei Mate 9 สามารถตอบโจทย์ด้านการเล่นเกมที่มีกราฟิกระดับสูงได้อย่างไหลลื่น โดยไม่มีอาการหน่วงให้พบเจอ
 
และเมื่อนำ Huawei Mate 9 มาทดสอบด้วยแอปพลิเคชัน AnTuTu Benchmark พบว่าได้คะแนนอยู่ที่ 128630 คะแนน

ต่อด้วยการทดสอบผ่านแอปพลิเคชัน AnTuTu 3DRating Benchmark พบว่าได้คะแนนอยู่ที่ 19110 คะแนน

Huawei Mate 9 สามารถรองรับการสัมผัสได้พร้อมกันสูงสุด 10 จุด
 
และสามารถดาวน์โหลดแอปพลิเคชันอื่นๆ มาใช้งานเพิ่มเติมได้ผ่านแอปพลิเคชัน Google Play Store
กล้องดิจิทัล การถ่ายภาพนิ่ง และภาพวิดีโอ
 
สำหรับ Interface ของกล้องถ่ายภาพนั้นมีหน้าตาที่ใช้งานได้ง่าย พร้อมทั้งแสดงไอคอนฟังก์ชันต่างๆ ไว้ให้เลือกใช้งานได้ทันที และมีโหมดถ่ายภาพให้เลือกใช้งานหลากหลาย เช่น โหมดถ่ายภาพปกติ, โฆมดถ่ายภาพขาว-ดำ และโหมดถ่ายภาพ HDR
 
ตัวอย่าง Interface โหมดถ่ายภาพขาว-ดำ อีกทั้งยังมีโหมดถ่ายภาพด้วยแสง สำหรับถ่ายภาพแสงไฟท้ายรถยนต์ หรือดวงดาว ให้ใช้งานด้วยเช่นกัน
 
Huawei Mate 9 ยังมีโหมดถ่ายภาพโปรให้ใช้งาน ซึ่งผู้ใช้สามารถปรับค่าเพื่อถ่ายภาพได้หลายอย่างด้วยกัน เช่น ค่า ISO, ความเร็วชัตเตอร์ และจุดโฟกัส
 
นอกจากนี้ ยังสามารถปรับค่าเพื่อถ่ายภาพเพิ่มเติมได้อีกหลายอย่างด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็น การเปิดใช้งานไฟแฟลช LED, ฟังก์ชันถ่ายภาพ Bokeh พร้อมฟังก์ชัน Refocus
 
สามารถถ่ายภาพให้มีสีสันที่สดใสโดดเด่นมากขึ้นได้ง่ายๆ ด้วยโหมด Standard, Vivid Colors และ Smooth Colors และมีเอฟเฟกต์สำหรับถ่ายภาพ
 
นอกจากนี้ ยังสามารถตั้งค่าการใช้งานเพิ่มเติมได้อีกหลายส่วนด้วยกัน ได้แก่ การเลือกความละเอียดของกล้องถ่ายภาพ ซึ่งสามารถเลือกความละเอียดได้สูงสุดที่ 20 ล้านพิกเซล, สามารถเปิด-ปิด การแท็กสถานที่บนภาพถ่าย, เพิ่มลายน้ำของ Leica และปิดเสียงชัตเตอร์ได้
 
สามารถตั้งเวลาเพื่อถ่ายภาพได้นานสูงสุด 10 วินาที, สามารถเปิดการสั่งงานถ่ายภาพด้วยเสียงได้
 
สามารถเปิด-ปิด การสัมผัสเพื่อถ่ายภาพ, ระบบตรวจจับรอยยิ้ม, ระบบโฟกัสติดตามวัตถุได้ และสามารถเพิ่มฟังก์ชันให้กับการปุ่มชัตเตอร์ค้างได้ 2 แบบ คือ การถ่ายภาพต่อเนื่อง และการโฟกัสภาพ
 
สามารถเพิ่มความสามารถให้กับปุ่มลดระดับเสียงได้ 2 แบบ ชัตเตอร์ถ่ายภาพ หรือการโฟกัสภาพ, สามารถเพิ่มฟังก์ชันการกดสองครั้งที่ปุ่มลดระดับของเสียงได้ 3 อย่าง ได้แก่ เปิดกล้องถ่ายภาพ และถ่ายภาพแบบด่วน, เปิดกล้องถ่ายภาพ และปิด
 
สามารถปรับสมดุลของภาพถ่ายได้ ไม่ว่าจะเป็น ความเข้ม, ความคมชัด หรือความสว่าง และสามารถคืนการตั้งค่าทั้งหมดได้
 
ในส่วนของโหมดถ่ายวิดีโอก็สามารถปรับค่าได้หลายส่วนด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็น การเปิดใช้งานไฟแฟลช LED, การเปิดใช้งานไมโครโฟนเพื่อบันทึกเสียงแบบหลายทิศทาง
 
การปรับขนาดรูรับแสง, สามารถเปิดใช้งานโหมด Standard, Vivid Colors และ Smooth Colors ได้เช่นเดียวกับโหมดถ่ายภาพ
 
สามารถถ่ายวิดีโอได้ที่ความละเอียดสูงสุดระดับ 4K Ultra HD พร้อมระบบการบันทึกเสียงแบบ Stereo, สามารถเปิดฟังก์ชันการแท็กสถานที่ และปิดเสียงชัตเตอร์ได้
 
สามารถเพิ่มฟังก์ชันให้กับปุ่มลดระดับเสียงได้ 3 แบบ ได้แก่ ชัตเตอร์เพื่อบันทึกวิดีโอ, ซูม หรือการโฟกัสภาพ, สามารถถ่ายวิดีโอพร้อมเปิดใช้งานโหมดหน้าสวยได้อีกด้วย

และสามารถคืนการตั้งค่าทั้งหมดได้
 
ส่วนกล้องดิจิทัลด้านหน้าก็มีหน้าตาที่ใช้งานได้ง่ายเช่นเดียวกับกล้องดิจิทัลด้านหลัง พร้อมทั้งแสดงไอคอนฟังก์ชันต่างๆ ไว้ให้เลือกใช้งานได้ทันที และมีโหมดถ่ายภาพให้เลือกใช้งานหลากหลาย เช่น โหมดถ่ายภาพปกติ, โหมดถ่ายภาพหน้าสวย, โหมดถ่ายภาพพาโนราม่า และโหมดถ่ายภาพแบบใส่ลายน้ำ
 
โดยโหมดถ่ายภาพหน้าสวยนั้นสามารถปรับค่าผิวเนียนได้ถึง 10 ระดับ
 
อีกทั้งยังสามารถเปิดใช้งานฟีเจอร์ไฟแฟลชโดยใช้แสงสว่างของหน้าจอ และเอฟเฟกต์สำหรับถ่ายภาพให้เลือกใช้งานหลากหลายรูปแบบ
 
นอกจากนี้ยังสามารถตั้งค่าการใช้งานได้อีกหลายส่วนด้วยกัน เริ่มตั้งแต่ การเลือกความละเอียดของกล้องถ่ายภาพ ซึ่งสามารถเลือกได้สูงสุดที่ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล, สามารถเปิดใช้งานฟังก์ชัน การแท็กสถานที่บนภาพถ่าย, กระจกเงาสะท้อน และปิดเสียงชัตเตอร์
 
สามารถตั้งเวลาเพื่อถ่ายภาพได้นานสูงสุด 10 วินาที, สามารถเปิดใช้งานการสั่งงานถ่ายภาพด้วยเสียงได้
 
สามารถเปิดใช้งานการสัมผัสเพื่อถ่ายภาพ กับระบบตรวจจับรอยยิ้มได้ และสามารถเพิ่มความสามารถให้กับปุ่มลดระดับเสียงได้ 3 แบบ ได้แก่ ชัตเตอร์กล้องถ่ายภาพ, ซูม และการโฟกัส
 
สามารถปรับค่าไวท์บาลานซ์ได้หลายแบบ เช่น หลอดไส้ หรือฟลูออเรสเซนต์, สามารถปรับค่า ISO ได้สูงสุดที่ 1600
 
สามารถปรับสมดุลของภาพถ่ายได้ ไม่ว่าจะเป็น ความเข้ม, ความคมชัด หรือความสว่าง และสามารถคืนการตั้งค่าทั้งหมดได้
 
ทางด้านโหมดถ่ายวิดีโอก็สามารถปรับค่าได้หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น การเปิดใช้งานไมโครโฟนสำหรับบันทึกเสียงแบบหลายทิศทาง, เอฟเฟกต์สำหรับถ่ายภาพ
 
สามารถเปิดใช้งานโหมดหน้าสวยในโหมดถ่ายวิดีโอได้ พร้อมทั้งสามารถปรับค่าผิวเนียนได้มากสุด 10 ระดับ
 
สามารถเลือกความละเอียดของไฟล์วิดีโอได้สูงสุดที่ความละเอียดระดับ Full HD (1080p), สามารถเปิดใช้งานการแท็กสถานที่บนไฟล์วิดีโอ, ปิดเสียงชัตเตอร์ หรือระบบลดการสั่นไหวได้

และสามารถคืนการตั้งค่าทั้งหมดได้
ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องดิจิทัลตัวหลักที่ด้านหลังของตัวเครื่อง ความละเอียด 20 ล้านพิกเซล ของ Huawei Mate 9

ตัวอย่างภาพที่ถ่ายด้วยโหมด HDR (High Dynamic Range)

ตัวอย่างภาพที่ถ่ายด้วยโหมด HDR (High Dynamic Range)

ตัวอย่างภาพที่ถ่ายด้วยโหมด HDR (High Dynamic Range)

ตัวอย่างภาพที่ถ่ายด้วยโหมด HDR (High Dynamic Range)

ตัวอย่างภาพที่ถ่ายด้วยโหมด HDR (High Dynamic Range)

ตัวอย่างภาพที่ถ่ายด้วยโหมด HDR (High Dynamic Range)

ตัวอย่างภาพที่ถ่ายด้วยโหมด HDR (High Dynamic Range)

ตัวอย่างภาพที่ถ่ายด้วยโหมด HDR (High Dynamic Range)

ตัวอย่างภาพขาว-ดำ ด้วยโหมดถ่ายภาพแบบ Monochrome

ตัวอย่างภาพขาว-ดำ ด้วยโหมดถ่ายภาพแบบ Monochrome

ตัวอย่างภาพขาว-ดำ ด้วยโหมดถ่ายภาพแบบ Monochrome

ตัวอย่างภาพขาว-ดำ ด้วยโหมดถ่ายภาพแบบ Monochrome

ตัวอย่างภาพขาว-ดำ ด้วยโหมดถ่ายภาพแบบ Monochrome

ตัวอย่างภาพขาว-ดำ ด้วยโหมดถ่ายภาพแบบ Monochrome

ตัวอย่างภาพที่ภาพที่ถ่ายด้วยโทนสีแบบ Standard

ตัวอย่างภาพที่ภาพที่ถ่ายด้วยโทนสีแบบ Vivid Colors

ตัวอย่างภาพที่ภาพที่ถ่ายด้วยโทนสีแบบ Smooth Colors

ตัวอย่างภาพที่ภาพที่ถ่ายด้วยโทนสีแบบ Standard

ตัวอย่างภาพที่ภาพที่ถ่ายด้วยโทนสีแบบ Vivid Colors

ตัวอย่างภาพที่ภาพที่ถ่ายด้วยโทนสีแบบ Smooth Colors

ตัวอย่างการซูมภาพด้วยระบบ Hybrid Zoom

ตัวอย่างการซูมภาพด้วยระบบ Hybrid Zoom

ตัวอย่างการซูมภาพด้วยระบบ Hybrid Zoom

ตัวอย่างการซูมภาพด้วยระบบ Hybrid Zoom

ตัวอย่างการซูมภาพด้วยระบบ Hybrid Zoom

ตัวอย่างภาพที่ถ่ายด้วยโหมดถ่ายภาพปกติในสภาวะแสงน้อย

ตัวอย่างภาพที่ถ่ายด้วยโหมดถ่ายภาพปกติในสภาวะแสงน้อย

ตัวอย่างภาพที่ถ่ายด้วยโหมดถ่ายภาพปกติในสภาวะแสงน้อย

ตัวอย่างภาพที่ถ่ายด้วยโหมดถ่ายภาพปกติในสภาวะแสงน้อย

ตัวอย่างภาพที่ถ่ายด้วยโหมดถ่ายภาพปกติในสภาวะแสงน้อย

ตัวอย่างภาพที่ถ่ายด้วยโหมดถ่ายภาพปกติในสภาวะแสงน้อย

ตัวอย่างภาพที่ถ่ายด้วยโหมดถ่ายภาพปกติในสภาวะแสงน้อย

ตัวอย่างภาพที่ถ่ายด้วยโหมดถ่ายภาพปกติในสภาวะแสงน้อย

ตัวอย่างภาพที่ถ่ายด้วยโหมดถ่ายภาพปกติในสภาวะแสงน้อย

ตัวอย่างภาพถ่ายหน้าชัดหลังเบลอ หรือภาพโบเก้ (Bokeh)

ตัวอย่างภาพถ่ายหน้าเบลอหลังชัด หรือภาพโบเก้ (Bokeh)

ตัวอย่างภาพถ่ายหน้าชัดหลังเบลอ หรือภาพโบเก้ (Bokeh)

ตัวอย่างภาพถ่ายหน้าชัดหลังเบลอ หรือภาพโบเก้ (Bokeh)

ตัวอย่างภาพถ่ายหน้าชัดหลังเบลอ หรือภาพโบเก้ (Bokeh)
รวมภาพถ่ายจาก Huawei Mate 9 กับสุดยอดกล้อง LEICA Dual Camera รุ่นที่สองที่อัปเกรดขึ้นอีกขั้น พร้อมระบบกันสั่น OIS, ระบบ 4-in-1 Hybrid Autofocus และภาพหน้าชัดหลังเบลอที่สวยเนียนกว่าเดิม!
ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องดิจิทัลด้านหน้าของตัวเครื่อง ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล ผ่านโหมดถ่ายภาพหน้าสวย ของ Huawei Mate 9
 
ตัวอย่างภาพที่ถ่ายด้วยโหมดถ่ายภาพปกติ
 
ตัวอย่างภาพที่ถ่ายด้วยถ่ายภาพหน้าสวย พร้อมปรับค่าระดับ 3
 
ตัวอย่างภาพที่ถ่ายด้วยโหมดถ่ายภาพหน้าสวย พร้อมปรับค่าระดับ 5
 
ตัวอย่างภาพที่ถ่ายด้วยโหมดถ่ายภาพหน้าสวย พร้อมปรับค่าระดับ 7
 
ตัวอย่างภาพที่ถ่ายด้วยโหมดถ่ายภาพหน้าสวย พร้อมปรับค่าระดับ 10
สรุปผลการทดสอบของ Huawei Mate 9

จบลงไปแล้วนะครับ สำหรับการรีวิวสมาร์ทโฟนเรือธงตัวท็อปรุ่นใหม่ล่าสุดอย่าง Huawei Mate 9 ถ้าจะให้พูดถึงสิ่งที่โดดเด่นที่สุดบนสมาร์ทโฟนรุ่นนี้ก็คงจะหนีไม่พ้นในเรื่องของกล้องถ่ายภาพอย่างแน่นอน โดยเฉพาะกล้องดิจิทัลด้านหลังที่เป็นแบบ LEICA Dual Camera (12MP RGB+20MP Monochrome) ที่มีรูรับแสงกว้างสูงสุดขนาด F/2.2, ไฟแฟลชแบบ Dual-Tone, ตัวยิงแสงเลเซอร์สำหรับระบบโฟกัสภาพ และเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือ โดยตัวกล้องนั้นมาพร้อมกับระบบป้องกันการสั่นแบบ OIS, เทคโนโลยีการโฟกัสภาพแบบ 4-in-1 Hybrid Autofocus, หน่วยประมวลผลสำหรับการถ่ายภาพแบบ Embedded Depth ISP และระบบ Hybrid Zoom ซึ่งจากการทดสอบพบว่ากล้องดิจิทัลด้านหลังนั้นสามารถตอบโจทย์ด้านการถ่ายภาพได้ดีเป็นอย่างมาก ด้วยภาพถ่าย นอกจากนี้ ยังมีฟังก์ชันการถ่ายภาพ Bokeh สำหรับถ่ายภาพหน้าชัดหลังเบลอ หรือหน้าเบลอหลังชัด ได้อีกด้วย เรียกได้ว่า สามารถมอบประสบการณ์การถ่ายภาพระดับสูงให้กับผู้ใช้ได้อย่างแน่นอน ไม่เพียงเท่านั้น บน Huawei Mate 9 ยังมีโหมดถ่ายภาพโปรให้ใช้งานอีกด้วย ซึ่งสามารถปรับค่าต่างๆ ได้ประหนึ่งเป็นกล้อง DSLR ขนาดพกพา ที่ติดตัวไปทุกที่ทุกเวลา และสามารถหยิบขึ้นมาถ่ายภาพได้อย่างคล่องตัว ส่วนกล้องดิจิทัลด้านหน้าความละเอียด 8 ล้านพิกเซล ที่มีรูรับแสงกว้างสูงสุดขนาด F/1.9 พร้อมระบบโฟกัสภาพแบบอัตโนมัติ ก็มีประสิทธิภาพด้านการถ่ายภาพได้ดีไม่แพ้กัน พร้อมทั้งมีโหมดถ่ายภาพหน้าสวยที่สามารถปรับค่าผิวเนียนได้ถึง 10 ระดับ บอกได้เลยว่า ต้องถูกอกถูกใจคนรักการถ่ายภาพเซลฟี่อย่างแน่นอน
สำหรับรูปลักษณ์ภายนอกก็เรียกได้ว่า ก็มีความโดดเด่นไม่แพ้กัน เนื่องด้วยทางหัวเว่ยได้เลือกใช้เทคโนโลยีในการผลิตตัวเครื่องแบบ Metal-Unibody จึงทำให้ตัวเครื่องมีความสวยหรูพรีเมียม และแข็งแรงทนทานเป็นพิเศษ อีกทั้งตัวเครื่องยังมีขนาดไม่ใหญ่จนเกินไป ทั้งที่มีขนาดหน้าจอใหญ่ถึง 5.9 นิ้ว ซึ่งจุดเด่นของ Huawei Mate 9 ก็อยู่ที่การขยายพื้นที่หน้าจอให้มีขนาดเพิ่มมากขึ้น โดยไม่ขยายขนาดตัวเครื่องนั่นเอง ด้วยขอบหน้าจอที่บางเฉียบ นอกจากนี้ตัวเครื่องของ Huawei Mate 9 ยังมีความบางเฉียบเพียง 7.9 มิลลิเมตร จึงสามารถพกพาใส่กระเป๋ากางเกงไปใช้งานตามสถานที่ต่างๆ ได้อย่างคล่องตัวอีกด้วย
ทางด้านคุณสมบัติเด่นของสมาร์ทโฟนรุ่นก็นับว่าอยู่ในระดับท็อป จัดเต็มไฮเอนด์ไม่แพ้สมาร์ทโฟนเรือธงรุ่นใหญ่จากแบรนด์คู่แข่ง และสามารถตอบสนองต่อการใช้งานระดับสูงได้ดีเป็นอย่างมาก เริ่มตั้งแต่ หน้าจอแสดงผลแบบ IPS LCD ความละเอียด 1920x1080 พิกเซล ขนาด 5.9 นิ้ว พร้อมครอบทับด้วยกระจกขอบนูนแบบ 2.5D Glass, เซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือ พร้อมรองรับการสั่งถ่ายภาพ หรือรับสายเรียกเข้า, ลำโพงเสียงภายนอกแบบคู่ พร้อมรองรับระบบเสียง DTS Sound, ช่องเชื่อมต่อแบบ USB Type-C และแบตเตอรี่ขนาด 4000 mAh พร้อมรองรับเทคโนโลยีการชาร์จแบตเตอรี่ความเร็วสูงแบบ Huawei SuperCharge ซึ่งสามารถชาร์จแบตเตอรี่ถึงระดับ 58% ได้ภายในเวลา 30 นาที
ในส่วนของประสิทธิภาพของการประมวลผล ก็นับว่าเร็วแรงไม่น้อยหน้าเรือธงรุ่นใด ด้วยชิปเซ็ตตัวท็อปอย่าง Octa-Core Huawei Kirin 960 (Quad-Core Cortex-A73 2.4 GHz + Quad-Core Cortex A53 1.8GHz) (ซึ่งนับเป็นชิปเซ็ตรุ่นแรกของโลกที่ใช้ซีพียู Cortex-A73), ชิปเซ็ตประมวลผลภาพกราฟิกแบบ Mali G71 MP8 (สมาร์ทโฟนรุ่นแรกของโลกที่ใช้จีพียูตัวนี้) พร้อมรองรับ Vulkan API, หน่วยความจำแรม (RAM) ขนาด 4 GB, หน่วยความจำภายในขนาด 64 GB รองรับหน่วยความจำเสริมแบบ microSD สูงสุด 256GB, รองรับการเชื่อมต่อไร้สายแบบ NFC, รองรับการใช้งานได้พร้อมกัน 2 ซิมการ์ด พร้อมรองรับการใช้งานร่วมกับเครือข่ายความเร็วสูงแบบ 4G LTE Cat12 ซึ่งมีความเร็วในการดาวน์โหลดสูงสุดที่ 600 Mbps และทำงานอยู่บนระบบปฏิบัติการ Android เวอร์ชัน 7.0 Nougat ซึ่งถูกครอบทับด้วย EMUI 5.0
และจากการทดสอบทั้งหมดที่ผ่านมาก็พอที่จะสรุปได้ว่า Huawei Mate 9 น่าจะเหมาะกับผู้ที่กำลังมองหาสมาร์ทโฟนเรือธงตัวท็อปที่มีความสามารถในการประมวลผลระดับสูง, พร้อมดีไซน์สวยหรูระดับพรีเมียม, จอใหญ่คมชัดเต็มตา, กล้องถ่ายภาพสวยคมชัดระดับโปร และมีฟีเจอร์ให้ใช้งานหลากหลาย ซึ่ง Huawei Mate 9 น่าจะเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกระดับต้นๆ ที่ไม่ควรมองข้าม
โดยล่าสุดทาง Huawei ประเทศไทย ได้ประกาศราคาวางจำหน่าย Huawei Mate 9 ในบ้านเราเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ด้วยราคาค่าตัวที่ 23,900 บาท ซึ่งเป็นราคาที่ย่อมเยากว่าราคาเปิดตัวที่ประเทศเยอรมนีเล็กน้อย (Huawei Mate 9 รุ่น ROM 64GB+RAM 4GB มีราคาเปิดตัวที่เยอรมนีประมาณ 27,000 บาท) โดยมีให้เลือก 2 สี คือ Champagne Gold และ Mocha Brown (ส่วนอีก 4 สี อย่าง Black, Space Gray, Moonlight Silver และ Ceramic White ต้องมารอลุ้นกันว่าทาง Huawei ประเทศไทย จะนำเข้ามาจำหน่ายเพิ่มเติมในภายหลังด้วยหรือไม่)
สำหรับท่านใดที่สนใจสามารถสั่งจอง Huawei Mate 9 ได้ที่ร้านค้าตัวแทนจำหน่ายที่ร่วมรายการได้ทั่วประเทศในวันที่ 21 30 พฤศจิกายน 2559 พร้อมชำระค่าจอง 2,000 บาท สำหรับลูกค้าที่จอง 1,000 รายแรกรับฟรี Leica Case และ microSD ความจุ 64 GB รวมมูลค่ากว่า 3,280 บาท ทันที! ส่วนรุ่น Porsche Design ทาง Huawei ประเทศไทย นั้นยังไม่เปิดเผยข้อมูลออกมาในขณะนี้ สุดท้ายนี้ ต้องขอขอบคุณทาง Huawei ประเทศไทย ที่ให้ความไว้วางใจส่งเครื่อง Huawei Mate 9 มาให้ทางทีมงานได้ทำการรีวิวให้ท่านผู้อ่านได้รับชมกัน สำหรับวันนี้ต้องขอลาไปก่อน พบกันได้ใหม่ในโอกาสหน้า สวัสดีครับ
จุดเด่นของ Huawei Mate 9
- ตัวเครื่องมีความบางเฉียบเพียง 7.9 มิลลิเมตร
- ตัวเครื่องใช้เทคโนโลยีการผลิตแบบ Metal-Unibody จึงทำให้ตัวเครื่องมีความสวยงามดูเรียบหรู และมีความแข็งแรงทนทานเป็นพิเศษ
- เซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือ (Fingerprint Sensor) ที่ด้านหลังของตัวเครื่อง สำหรับตรวจสอบสิทธิ์ของการเข้าใช้งานเครื่อง และการเข้าถึงข้อมูลภายใน พร้อมรองรับการสั่งถ่ายภาพ หรือรับสายเรียกเข้า
- จอแสดงผลแบบ IPS LCD Capacitive Touchscreen 16,700,000 สี ความละเอียด 1920x1080 Pixels ขนาด 5.9 นิ้ว พร้อมครอบทับด้วยกระจกขอบนูนแบบ 2.5D Glass
- ประมวลผลการทำงานด้วยชิปเซ็ต Octa-Core Huawei Kirin 960 (Quad-Core Cortex-A73 2.4 GHz + Quad-Core Cortex A53 1.8GHz) (ซึ่งนับเป็นชิปเซ็ตรุ่นแรกของโลกที่ใช้ซีพียู Cortex-A73)
- หน่วยประมวลผลภาพกราฟิกโดยเฉพาะ (GPU : Graphics Processing Unit) แบบ Mali G71 MP8 (เป็นสมาร์ทโฟนรุ่นแรกของโลกที่ใช้จีพียูตัวนี้) พร้อมรองรับ Vulkan API
- ขับเคลื่อนการทำงานด้วยระบบปฏิบัติการ Android เวอร์ชัน 7.0 Nougat พร้อมครอบทับด้วย EMUI 5.0 ซึ่งมีการปรับเปลี่ยนหน้าตาไปจากเดิม แต่ดูเรียบง่ายขึ้น และตอบสนองต่อการใช้งานได้ดีขึ้น
- หน่วยความจำ RAM ขนาด 4 GB
- หน่วยความจำภายในสำหรับเก็บบันทึกข้อมูลขนาด 64 GB และรองรับการ์ดหน่วยความจำเสริมภายนอกแบบ microSD Card (TransFlash) ได้สูงสุดขนาด 256 GB
- กล้องดิจิทัลตัวหลักที่ด้านหลังแบบ LEICA Dual Camera (12MP RGB+20MP Monochrome) ที่มีรูรับแสงกว้างสูงสุดขนาด F/2.2, ไฟแฟลชแบบ Dual-Tone, ตัวยิงแสงเลเซอร์สำหรับระบบโฟกัสภาพ และเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือ โดยตัวกล้องนั้นมาพร้อมกับระบบป้องกันการสั่นแบบ OIS, เทคโนโลยีการโฟกัสภาพแบบ 4-in-1 Hybrid Autofocus, หน่วยประมวลผลสำหรับการถ่ายภาพแบบ Embedded Depth ISP, ฟังก์ชันถ่ายภาพ Bokeh, ระบบ Hybrid Zoom และรองรับการถ่ายวิดีโอได้ที่ความละเอียดสูงสุดระดับ 4K Ultra HD
- กล้องดิจิทัลขนาดเล็กที่ด้านหน้าของตัวเครื่อง ความละเอียดระดับ 8 ล้านพิกเซล ที่มีรูรับแสงกว้างสูงสุดขนาด F/1.9 พร้อมระบบโฟกัสภาพแบบอัตโนมัติ, โหมดถ่ายภาพหน้าสวย และรองรับการถ่ายวิดีโอได้ที่ความละเอียดสูงสุดระดับ Full HD 1080p
- รองรับการใช้งานได้พร้อมกัน 2 ซิมการ์ด (Dual SIM)
- รองรับการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตผ่านทางระบบ 4G LTE Cat12, 3G, EDGE และ GPRS
- ระบบ GPS+A-GPS ในตัว (Global Positioning System : ระบบดาวเทียมนำร่อง)
- แบตเตอรี่แบบ Li-Ion Polymer 4000 mAh พร้อมรองรับเทคโนโลยีการชาร์จแบตเตอรี่ความเร็วสูงแบบ Huawei SuperCharge ซึ่งสามารถชาร์จแบตเตอรี่ถึงระดับ 58% ได้ภายในเวลา 30 นาที
- ลำโพงเสียงภายนอกแบบคู่ พร้อมรองรับระบบเสียง DTS Sound
- รองรับการเชื่อมต่อผ่านพอร์ต USB Type-C ซึ่งเป็นพอร์ตรูปแบบใหม่
- มีไมโครโฟนรับเสียง 4 ตัวภายในเครื่องเดียวกัน
- ราคา 23,900 บาท สำหรับท่านใดที่สนใจสามารถสั่งจอง Huawei Mate 9 ได้ที่ร้านค้าตัวแทนจำหน่ายที่ร่วมรายการได้ทั่วประเทศในวันที่ 21-30 พฤศจิกายน 2559 พร้อมชำระค่าจอง 2,000 บาท สำหรับลูกค้าที่จอง 1,000 รายแรกรับฟรี Leica Case และ microSD ความจุ 64 GB รวมมูลค่า 3,280 บาททันที!
จุดที่อาจจะต้องพิจารณาเพิ่มเติมของ Huawei Mate 9
- แบตเตอรี่เป็นแบบ Built-in Battery จึงไม่สามารถถอด หรือเปลี่ยนด้วยตนเองได้
- ไม่มีวิทยุ FM ให้ใช้งาน
- ถาดซิมการ์ดเป็นแบบ Hybrid Slot ซึ่งในช่องที่สองจะต้องเลือกใช้งานระหว่างซิมการ์ดที่ 2 หรือเพิ่มหน่วยความจำภายนอก ซึ่งไม่สามารถใช้งานได้พร้อมกันได้
- ในประเทศไทยมีให้เลือกเพียง 2 สี คือ Champagne Gold และ Mocha Brown
โปรดทราบ
* โทรศัพท์มือถือที่ท่านเห็นในบทความรีวิวนี้เป็นเพียงเครื่องทดสอบจากทางศูนย์ เพราะฉะนั้นคุณสมบัติบางอย่างอาจมีความแตกต่างจากเครื่องที่วางจำหน่ายจริงบ้างไม่มากก็น้อย รวมถึงจุดด้อยบางประการที่พบในเครื่องทดสอบ อาจจะถูกแก้ไขปรับปรุงให้ดีขึ้นในเครื่องที่วางจำหน่ายจริง ดังนั้นหากท่านสนใจซื้อโทรศัพท์มือถือรุ่นนี้ ควรตรวจสอบหรือทดลองใช้งานสินค้าด้วยตนเองอีกครั้งหนึ่ง *
เนื้อหาอื่นๆ ที่น่าสนใจ
พรีวิว (Preview) Huawei Mate 9
รวมภาพถ่ายชุดใหญ่จาก Huawei Mate 9
สรุปคุณสมบัติโดยละเอียดของ Huawei Mate 9
เปรียบเทียบ Huawei Mate 9 กับ iPhone 7 Plus
เปรียบเทียบ Huawei Mate 9 กับ Samsung Galaxy S7 edge
เปรียบเทียบ Huawei Mate 9 Porsche Design กับ Samsung Galaxy S7 edge
สรุปคุณสมบัติโดยละเอียดของ Huawei Mate 9
สรุปข้อมูล และข่าวอัปเดตล่าสุดของ Huawei Mate 9

:: ไปหน้าแรกเว็บไซต์ Thaimobilecenter
| ไปหน้าแรก
Mobile Focus ::
|