ตอนนี้คุณอยู่ที่ >> หน้าแรก >> หน้ารวม บทความโทรศัพท์มือถือน่าสนใจ >> พรีวิว Huawei Mate 9 และ Porsche Design ยอดสมาร์ทโฟนเรือธงใหม่ล่าสุด พร้อมกล้อง LEICA Dual Camera, ชิปเซ็ต Kirin 960 ตัวท็อป, แบตเตอรี่ 4000 mAh และสเปกแรงไฮเอนด์จัดเต็ม บนบอดี้โลหะบางเฉียบเรียบหรู


พรีวิว Huawei Mate 9 และ Porsche Design ยอดสมาร์ทโฟนเรือธงใหม่ล่าสุด พร้อมกล้อง LEICA Dual Camera, ชิปเซ็ต Kirin 960 ตัวท็อป, แบตเตอรี่ 4000 mAh และสเปกแรงไฮเอนด์จัดเต็ม บนบอดี้โลหะบางเฉียบเรียบหรู


เปิดตัวอย่างยิ่งใหญ่ในแบบ Global Launch ไปเรียบร้อยแล้วเมื่อวันที่ 3 พฤศจิกายน 2016 ที่ผ่านมา ณ Dolce Munich ในเมืองมิวนิค ประเทศเยอรมนี สำหรับ Huawei Mate 9 สมาร์ทโฟนเรือธงตัวมาตรฐานรุ่นใหม่ล่าสุด และ Porsche Design Mate 9 สมาร์ทโฟนเรือธงรุ่นใหญ่ ที่มีคุณสมบัติแรงจัดเต็มที่สุด และมีดีไซน์พรีเมียมดูดีเป็นพิเศษตามแบบฉบับของ Porsche Design ซึ่งหลายๆ ท่านก็คงจะได้รับชมการถ่ายทอดสด (Live) งานเปิดตัวดังกล่าวจากทีมงานของเราไปเรียบร้อยแล้ว และในวันนี้ ก็ถึงเวลาที่ทีมงานของเราจะพาทุกท่านมาร่วมสัมผัสกับตัวจริงเสียงจริงของ Huawei Mate 9 และ Porsche Design Huawei Mate 9 กันแบบชัดเจนเต็มอิ่ม มาดูกันว่าสมาร์ทโฟนเรือธงตัวท็อปรุ่นใหม่ของหัวเว่ยทั้งสองรุ่นนี้จะมีฟีเจอร์อะไรใหม่, สเปกจะเร็วแรงไฮเอนด์จัดเต็มขนาดไหน, มีรูปลักษณ์ภายนอกที่สวยหรูพรีเมียมอย่างไร, มีราคาค่าตัวที่คุ้มค่าหรือไม่, จะวางจำหน่ายในประเทศไทยเมื่อไหร่ และเมื่อเทียบกับสมาร์ทโฟนเรือธงคู่แข่งแล้วใครจะโดนใจมากกว่ากัน ไปติตดามกันได้เลยครับ

 

สำรวจรูปลักษณ์ภายนอก และการออกแบบดีไซน์ของ Huawei Mate 9

รูปลักษณ์ภายนอกของ Huawei Mate 9 รุ่นมาตรฐานนั้นก็ถือว่าดูดีมีราศีไม่น้อย ด้วยการผสานกระจกขอบนูนแบบ 2.5D Glass เข้ากับตัวเครื่องโลหะผิวด้าน โดยตัวเครื่องจะมีขนาดอยู่ที่ 156.9x78.9x7.9 มิลลิเมตร พร้อมน้ำหนักตัวที่ 190 กรัม ซึ่งนับว่าเป็นขนาดที่ไม่ใหญ่ หากเทียบกับขนาดหน้าจอที่ใหญ่ถึง 5.9 นิ้ว และหากเทียบกับ iPhone 7 Plus ซึ่งมีจอแสดงผลเล็กกว่าที่ขนาด 5.5 นิ้ว ก็จะพบว่ากลับมีขนาดตัวเครื่องที่ใกล้เคียงกัน ซึ่งปัจจัยสำคัญที่ช่วยในเรื่องนี้ก็คือขอบของหน้าจอที่บางเฉียบนั่นเอง

 

จอแสดงผลของ Huawei Mate 9 นั้นเป็นจอแบบ IPS LCD ที่มีขนาดใหญ่ถึง 5.9 นิ้ว พร้อมกับความละเอียดคมชัดระดับ Full HD 1080p ซึ่งมีค่าขอบเขตของสี หรือความเที่ยงตรงของสี (Color Gamut) ที่มากถึง 96% และมีค่าความเปรียบต่าง (Contrast Ratio) อยู่ที่ 1500:1

 

ที่ด้านบนของหน้าจอประกอบไปด้วยลำโพงหูฟังสำหรับการสนทนา, เซ็นเซอร์ Proximity, เซ็นเซอร์ Ambient Light และกล้องดิจิทัลความละเอียด 8 ล้านพิกเซล ซี่งมีรูรับแสงขนาด f/1.9 พร้อมระบบโฟกัสภาพอัตโนมัติ

 

ที่ด้านล่างของหน้าจอไม่มีอะไรนอกจากโลโก้แบรนด์ Huawei เพราะปุ่มควบคุมต่างๆ ทั้งปุ่มโฮม, ปุ่มย้อนกลับ และปุ่ม Recent Apps นั้นถูกฝังอยู่บริเวณขอบล่างของหน้าจอแสดงผลนั่นเอง

 

ทางหัวเว่ยได้ให้ข้อมูลว่าด้วยระบบระบายความร้อนภายในตัวเครื่องแบบ 8 ชั้น (8-Layer) จึงช่วยให้ Huawei Mate 9 นั้นมีอุณหภูมิที่เย็นกว่า Samsung Galaxy S7 edge อยู่ราว 5 องศาเซลเซียส และมีอัตราการส่งผ่านความร้อนน้อยกว่าราว 50% แต่อย่างไรก็ดี เมื่อต้องใช้งานหนักๆ ต่อเนื่อง เช่นถ่ายวิดีโอความละเอียดสูงต่อเนื่องเป็นเวลานานๆ ตัวเครื่องก็ยังมีความร้อนอยู่พอสมควร

 

ที่ด้านหลังของตัวเครื่องประกอบไปด้วยไมโครโฟนสำหรับตัดเสียงรบกวน (มีไมโครโฟนสำหรับระบบบันทึกเสียงทั้งหมด 4 ตัวในเครื่องเดียวกัน), เซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือ, กล้องดิจิทัล LEICA Dual Camera (12MP RGB+20MP Monochrome), ไฟแฟลชแบบ Dual-Tone, ตัวยิงแสงเลเซอร์สำหรับระบบโฟกัสภาพ และเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือ โดยตัวกล้องนั้นมาพร้อมกับระบบป้องกันการสั่นแบบ OIS, เทคโนโลยีการโฟกัสภาพแบบ 4-in-1 Hybrid Autofocus, หน่วยประมวลผลสำหรับการถ่ายภาพแบบ Embedded Depth ISP, ฟังก์ชันถ่ายภาพ Bokeh, ระบบ Hybrid Zoom และรองรับการถ่ายวิดีโอที่ความละเอียดสูงสุดระดับ 4K UHD

 

ที่ด้านซ้ายของตัวเครื่องมีช่องสำหรับใส่ถาดซิมการ์ดแบบ Hybrid Slot ซึ่งรองรับทั้งซิมการ์ดแบบ nanoSIM และการ์ดหน่วยความจำแบบ microSD แต่ช่องใส่ซิมการ์ดที่สอง ต้องใช้งานร่วมกับการ์ดหน่วยความจำแบบ microSD จึงต้องเลือกใส่อย่างใดอย่างหนึ่ง

 

ที่ด้านขวาของตัวเครื่องประกอบไปด้วยปุ่มเพิ่ม-ลดเสียง และปุ่มเปิด-ปิดเครื่อง หรือล็อกหน้าจอ

 

ที่ด้านบนของตัวเครื่องประกอบไปด้วยเซ็นเซอร์อินฟราเรด (IR) และช่องเชื่อมต่อหูฟังมาตรฐานขนาด 3.5 มิลลิเมตร

 

ที่ด้านล่างของตัวเครื่องประกอบไปด้วยไมโครโฟนสำหรับการสนทนา หรือบันทึกเสียง, ลำโพงเสียง และพอร์ตเชื่อมต่อแบบ USB Type-C

 

Huawei Mate 9 นั้นมีตัวเครื่อง 6 สีมาตรฐานให้เลือก ได้แก่ Space Gray, Moonlight Silver, Mocha Brown, Champagne Gold, Ceramic White และ Black

 

สรุปคุณสมบัติ และฟีเจอร์เด่นของ Huawei Mate 9

คุณสมบัติเด่น, ฟีเจอร์เด่น หรือจุดขายสำคัญของ Huawei Mate 9 นั้นมีดังต่อไปนี้

- ตัวเครื่องมีขนาด 156.9x78.9x7.9 มิลลิเมตร น้ำหนัก 190 กรัม
- หน้าจอแสดงผลแบบ IPS LCD Full HD ขนาด 5.9 นิ้ว ความละเอียด 1920x1080 พิกเซล พร้อมกระจกป้องกันหน้าจอแบบขอบนูน 2.5D
- ชิปเซ็ตประมวลผล Octa-Core Huawei Kirin 960 (Quad-Core Cortex-A73 2.4 GHz + Quad-Core Cortex A53 1.8GHz) ซึ่งนับเป็นชิปเซ็ตรุ่นแรกของโลกที่ใช้ซีพียู Cortex-A73
- ชิปเซ็ตประมวลผลภาพกราฟิก Mali G71 MP8 Octa-Core GPU รุ่นแรกของโลก พร้อมรองรับเทคโนโลยี Vulkan
- ทำงานอยู่บนระบบปฏิบัติการ Android 7.0 Nougat ซึ่งถูกครอบทับด้วย EMUI 5.0
- หน่วยความจำแรม (RAM) ขนาด 4GB
- หน่วยความจำภายในขนาด 64GB รองรับหน่วยความจำเสริมแบบ microSD สูงสุด 256GB
- กล้องดิจิทัลด้านหลังแบบคู่ (Dual-Camera) จากความร่วมมือกับ Leica โดยกล้องตัวแรกความละเอียด 20 ล้านพิกเซล ใช้สำหรับการเก็บภาพขาวดำ และกล้องตัวที่สองความละเอียด 12 ล้านพิกเซล ใช้สำหรับการเก็บภาพสีแบบ RGB, ขนาดรูรับแสงกว้างสูงสุดที่ F/2.2, รองรับระบบป้องกันภาพสั่นไหว (OIS), ระบบโฟกัสภาพแบบ 4-in-1 Hybrid Auto Focus และระบบซูมภาพแบบ Hybrid Zoom 
- กล้องดิจิทัลด้านหน้าความละเอียด 8 ล้านพิกเซล ขนาดรูรับแสงกว้างสูงสุดที่ F/1.9
- รองรับการใช้งาน 2 ซิมการ์ด (Dual-SIM)
- ลำโพงเสียงแบบคู่ (Dual-Speaker)
- เซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือ (Fingerprint Scanner)
- รองรับการใช้งานกับอุปกรณ์ Google Daydream
- รองรับการเชื่อมต่อแบบ USB Type-C
- แบตเตอรี่ความจุ 4000 mAh รองรับฟีเจอร์ Huawei SuperCharge ที่ชาร์จเพียงแค่ 30 นาที หรือเพียง 58% ก็สามารถใช้ได้ตลอดทั้งวัน พร้อมฟีเจอร์ On-The-Go ที่สามารถแปลง Huawei Mate 9 ให้เป็นแบตเตอรี่สำรองได้ด้วย
- รองรับการใช้งานร่วมกับเครือข่ายความเร็วสูงแบบ 4G LTE Cat12 ซึ่งมีความเร็วในการดาวน์โหลดสูงสุดที่ 600 Mbps
- ราคาเปิดตัว 699 ยูโร (ประมาณ 27,000 บาท)

 

สำรวจรูปลักษณ์ภายนอก และการออกแบบดีไซน์ของ Porsche Design Huawei Mate 9

หนึ่งในสิ่งที่สร้างเซอร์ไพรส์ที่สุดในงานเปิดตัวครั้งนี้ก็คือการที่ Huawei จับมือเป็นพันธมิตรกับแบรนด์ไลฟ์สไตล์ระดับพรีเมียมชื่อดังของโลกอย่าง Porsche Design จึงเกิดมาเป็นรุ่นพิเศษในนามว่า Porsche Design Huawei Mate 9 ซึ่งหากเทียบกับ Huawei Mate 9 รุ่นมาตรฐานก็จะเห็นได้ว่ามีความสวยงามพรีเมียมกว่ามาก โดยเฉพาะจอขอบโค้งนั้นเรียกได้ว่าเป็นจุดที่ช่วยดึงดูดสายตาของผู้ที่พบเห็นได้เป็นอย่างดี เรียกได้ว่าเป็นการจับมือกับแบรนด์พรีเมียมของโลกถึงสองแบรนด์ภายในเวลาเดียวกันเป็นครั้งแรก ทั้ง LEICA และ Porsche Design โดยตัวเครื่องของ Porsche Design Huawei Mate 9 นั้นมีขนาดอยู่ที่ 152x75x7.5 มิลลิเมตร พร้อมน้ำหนักตัวที่ 165 กรัม

 

เห็นจอขอบโค้งแบบนี้ก็ชวนให้นึกถึง Samsung Galaxy S7 edge คู่แข่งตัวสำคัญ ซึ่งทีมงานจะจับมาเปรียบเทียบให้เห็นกันแบบชัดๆ อีกครั้งหนึ่ง โดยจอแสดงผลของ Porsche Design Huawei Mate 9 นั้นเป็นแบบ 2K AMOLED Curved Crystal-Clear Display ขนาด 5.5 นิ้ว ความละเอียด 2560x1440 พิกเซล ซึ่งแม้ว่าจะเป็นจอที่ขนาดเล็กกว่า Huawei Mate 9 รุ่นมาตรฐาน แต่ก็จับถือใช้งานได้คล่องตัวกว่า มีความละเอียดคมชัดมากกว่า และที่สำคัญคือเป็นกระจกขอบโค้งสองด้าน (Curved Glass) ที่ดูสวยงามกว่า

 

ที่ด้านบนของหน้าจอประกอบไปด้วยลำโพงหูฟังสำหรับการสนทนา, เซ็นเซอร์ Proximity, เซ็นเซอร์ Ambient Light และกล้องดิจิทัลความละเอียด 8 ล้านพิกเซล พร้อมรูรับแสงขนาด f/1.9 และระบบโฟกัสภาพอัตโนมัติ

 

ปุ่มโฮมของ และปุ่มสั่งงานที่ด้านล่างหน้าจอของ Porsche Design Huawei Mate 9 นั้นเป็นระบบที่ทางหัวเว่ยเรียกว่า Smart Touch ซึ่งปุ่มโฮมนี้จะใช้เทคโนโลยี Haptic Feedback คล้ายกับที่มีอยู่ใน iPhone 7 (กดปุ่มลงไปจริงๆ ไม่ได้ แต่จะมีการจำลองให้เสมือนกับการกดลงไปจริงๆ ด้วยแรงสั่น) และถูกใช้งานเป็นเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือได้ในตัว ส่วนปุ่มย้อนกลับ หรือปุ่ม Recent Apps นั้นก็ถูกย้ายมาอยู่บริเวณเช่นกัน ไม่ได้อยู่บนหน้าจอเหมือนกับ Huawei Mate 9 รุ่นมาตรฐาน

 

ที่ด้านหลังของตัวเครื่องประกอบไปด้วยไมโครโฟนสำหรับตัดเสียงรบกวน (มีไมโครโฟนสำหรับระบบบันทึกเสียงทั้งหมด 4 ตัวในเครื่องเดียวกัน), กล้องดิจิทัล LEICA Dual Camera (12MP RGB+20MP Monochrome), ไฟแฟลชแบบ Dual-Tone และตัวยิงแสงเลเซอร์สำหรับระบบโฟกัสภาพ โดยตัวกล้องนั้นมาพร้อมกับระบบป้องกันการสั่นแบบ OIS, เทคโนโลยีการโฟกัสภาพแบบ 4-in-1 Hybrid Autofocus, หน่วยประมวลผลสำหรับการถ่ายภาพแบบ Embedded Depth ISP, ฟังก์ชันถ่ายภาพ Bokeh, ระบบ Hybrid Zoom และรองรับการถ่ายวิดีโอที่ความละเอียดสูงสุดระดับ 4K UHD

 

วัสดุที่ใช้ผลิตเป็นตัวเครื่องนั้นคือโลหะเกรดพรีเมียม พร้อมการขัดลาย และเลือกใช้สี Graphite Black เพื่อให้ดูมีความเข้มขรึมดุดัน และดูมีความสปอร์ตไปในตัว

 

ที่ด้านซ้ายของตัวเครื่องมีช่องสำหรับใส่ถาดซิมการ์ดแบบ Hybrid Slot ซึ่งรองรับทั้งซิมการ์ดแบบ nanoSIM และการ์ดหน่วยความจำแบบ microSD แต่ช่องใส่ซิมการ์ดที่สอง ต้องใช้งานร่วมกับการ์ดหน่วยความจำแบบ microSD จึงต้องเลือกใส่อย่างใดอย่างหนึ่ง ซึ่งทางหัวเว่ยได้นำเสนอว่าส่วนที่บางที่สุดตรงขอบตัวเครื่องนั้นบางน้อยกว่า 3 มิลลิเมตร เลยทีเดียว

 

ที่ด้านขวาของตัวเครื่องประกอบไปด้วยปุ่มเพิ่ม-ลดเสียง และปุ่มเปิด-ปิดเครื่อง หรือล็อกหน้าจอ

 

ที่ด้านบนของตัวเครื่องมีเพียงเซ็นเซอร์อินฟราเรด (IR)

 

ที่ด้านล่างของตัวเครื่องจะประกอบไปด้วยไมโครโฟนสำหรับการสนทนา หรือบันทึกเสียง, ช่องเชื่อมต่อหูฟังมาตรฐานขนาด 3.5 มิลลิเมตร, พอร์ตเชื่อมต่อแบบ USB Type-C และลำโพงเสียง

 

สรุปคุณสมบัติ และฟีเจอร์เด่นของ Porsche Design Huawei Mate 9

คุณสมบัติเด่น, ฟีเจอร์เด่น หรือจุดขายสำคัญของ Porsche Design Huawei Mate 9 นั้นมีดังต่อไปนี้

- หน้าจอแสดงผลแบบขอบโค้ง AMOLED 2K Quad HD ขนาด 5.5 นิ้ว ความละเอียด 1440x2560 พิกเซล
- ชิปเซ็ตประมวลผล Octa-Core Huawei Kirin 960 (Quad-Core Cortex-A73 2.4 GHz + Quad-Core Cortex A53 1.8GHz) ซึ่งนับเป็นชิปเซ็ตรุ่นแรกของโลกที่ใช้ซีพียู Cortex-A73
- ชิปเซ็ตประมวลผลภาพกราฟิก Mali G71 MP8 Octa-Core GPU รุ่นแรกของโลก พร้อมรองรับเทคโนโลยี Vulkan
- ทำงานอยู่บนระบบปฏิบัติการ Android 7.0 Nougat ซึ่งถูกครอบทับด้วย EMUI 5.0
- หน่วยความจำแรม (RAM) ขนาด 6GB
- หน่วยความจำภายในขนาด 256GB รองรับหน่วยความจำเสริมแบบ microSD สูงสุด 256GB
- กล้องดิจิทัลด้านหลังแบบคู่ (Dual-Camera) จากความร่วมมือกับ Leica โดยกล้องตัวแรกความละเอียด 20 ล้านพิกเซล ใช้สำหรับการเก็บภาพขาวดำ และกล้องตัวที่สองความละเอียด 12 ล้านพิกเซล ใช้สำหรับการเก็บภาพสีแบบ RGB, ขนาดรูรับแสงกว้างสูงสุดที่ F/2.2, รองรับระบบป้องกันภาพสั่นไหว (OIS), ระบบโฟกัสภาพแบบ 4-in-1 Hybrid Auto Focus และระบบซูมภาพแบบ Hybrid Zoom 
- กล้องดิจิทัลด้านหน้าความละเอียด 8 ล้านพิกเซล ขนาดรูรับแสงกว้างสูงสุดที่ F/1.9
- รองรับการใช้งาน 2 ซิมการ์ด (Dual-SIM)
- ปุ่มโฮมแบบ Haptic Feedback
- เซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือ (Fingerprint Scanner) ที่ปุ่มโฮม
- รองรับการใช้งานกับอุปกรณ์ Google Daydream
- รองรับการเชื่อมต่อแบบ USB Type-C
- แบตเตอรี่ความจุ 4000 mAh รองรับฟีเจอร์ Huawei SuperCharge ที่ชาร์จเพียงแค่ 30 นาที หรือเพียง 58% ก็สามารถใช้ได้ตลอดทั้งวัน พร้อมฟีเจอร์ On-The-Go ที่สามารถแปลง Huawei Mate 9 ให้เป็นแบตเตอรี่สำรองได้ด้วย
- รองรับการใช้งานร่วมกับเครือข่ายความเร็วสูงแบบ 4G LTE Cat12 ซึ่งมีความเร็วในการดาวน์โหลดสูงสุดที่ 600 Mbps
- ราคาเปิดตัว 1,395 ยูโร (ประมาณ 54,000 บาท)

 

เปรียบเทียบรูปลักษณ์ภายนอกระหว่าง Huawei Mate 9 กับ Porsche Design Huawei Mate 9

 

ทดสอบการใช้งาน Huawei Mate 9 ในเบื้องต้น

แบตเตอรี่ของ Huawei Mate 9 นั้นมีความจุอยู่ที่ 4,000 mAh ซึ่งมาพร้อมกับเทคโนโลยีประหยัดพลังงานแบบ Smart Power-Saving รวมถึงเทคโนโลยีการชาร์จแบตเตอรี่ความเร็วสูงแบบ SuperCharge และเทคโนโลยี Visionary Charging โดยทางหัวเว่ยได้ให้ข้อมูลว่าสามารถชาร์จได้เร็วกว่า Huawei Mate 8 อยู่ถึง 50% และชาร์จได้เร็วกว่า iPhone 7 Plus ถึง 400% ซึ่งใช้เวลาเพียง 30 นาที ก็สามารถชาร์จแบตเตอรี่ได้ 58% และใช้งานได้ราว 1 วัน และนอกจากนี้ยังมาพร้อมกับระบบความปลอดภัยที่เรียกว่า Super Safe 5-Gate Protection ที่ช่วยให้มั่นใจได้มากขึ้นว่าขณะชาร์จแบตเตอรี่จะไม่เกิดอันตรายใดๆ

 


Huawei Mate 9 นั้นใช้ User Interface แบบ EMUI 5.0 ซึ่งเน้นไปที่ความเรียบง่าย และไม่ซับซ้อน โดยทำงานอยู่บนพื้นฐานของระบบปฏิบัติการ Android 7.0 Nougat

 


รองรับการเปลี่ยนธีม (Themes) ซึ่งผู้ใช้งานสามารถปรับแต่งค่าต่างๆ ของธีมได้เองตามต้องการ (Custom) แต่เท่าที่เห็นดูเหมือนจะมีสามารถดาวน์โหลดเพิ่มเติมจากที่มีมาให้ในเครื่องได้

 

Huawei Mate 9 นั้นใช้ชิปเซ็ตตัวท็อปรุ่นใหม่ล่าสุดของค่ายหัวเว่ยเองอย่าง Octa-Core Huawei Kirin 960 (Quad-Core Cortex-A73 2.4 GHz + Quad-Core Cortex A53 1.8GHz) ซึ่งนับเป็นชิปเซ็ตรุ่นแรกของโลกที่ใช้ซีพียู Cortex-A73 รวมถึงเป็นรุ่นแรกของโลกที่ใช้หน่วยประมวลผลกราฟิก (GPU) แบบ Octa-Core Mali-G71 ซึ่งทำงานร่วมกับ Vulkan API ที่มีประสิทธิภาพสูงกว่า OpenGL แบบเดิมๆ โดยมาพร้อมกับหน่วยความจำภายใน (ROM) ขนาด 64 GB, หน่วยความจำแรม (RAM) ขนาด 4 GB และระบบปฏิบัติการใหม่ล่าสุดอย่าง Android 7.0 Nougat

 

เซ็นเซอร์ตรวจจับต่างๆ มีใส่มาให้อย่างครบครัน

 

รองรับระบบการรักษาความปลอดภัยด้วยเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือที่ด้านหลังของตัวเครื่อง

 

มีฟังก์ชัน Eye Comfort สำหรับช่วยถนอมสายตา ด้วยการกรองแสงสีฟ้า (Blue Light Filter)

 

รองรับการใช้งานสองซิมการ์ดภายในเครื่องเดียวกัน (Dual SIM) และรองรับระบบ Dual Instant Messaging ซึ่งผู้ใช้งานสามารถใช้บัญชีแอปพลิเคชันโซเชียลเน็ตเวิร์กได้พร้อมๆ กันสองบัญชีในเครื่องเดียวกัน ราวกับได้ใช้งานสมาร์ทโฟนสองเครื่อง โดยรองการใช้งานร่วมกับแอปพลิเคชัน WhatsApp และ Facebook

 

เมื่อทดสอบประสิทธิภาพของการทำงานโดยรวมด้วยแอปพลิเคชัน AnTuTu Benchmark ก็พบว่าได้คะแนนอยู่ที่ 128,630 คะแนน

 

User Interface โดยรวมของกล้องถ่ายภาพ LEICA Dual Camera นั้นดูเรียบง่าย และคล้ายกับ Huawei P9 ดังนั้นหากใครเคยใช้ Huawei P9 มาก่อนก็คงใช้งานได้คล่องมือแทบจะทันที แต่ถึงแม้จะไม่เคยใช้มาก่อนก็ไม่ใช่ปัญหา

 

เมื่อลากขอบจอด้านซ้ายออกมา ก็จะเป็นการเลือกโหมดถ่ายภาพแบบต่างๆ และหากลากขอบหน้าจอด้านขวาออกมา ก็จะเป็นการปรับตั้งค่าใช้งานโดยละเอียด

 

ด้วยฟังก์ชัน Refocus หรือการถ่ายภาพ Bokeh เราสามารถเลือกรูรับแสงได้กว้างสูงสุดถึง f/0.95 และแคบสุดที่ f/16

 

สามารถถ่ายภาพให้มีสีสันที่สดใสโดดเด่นมากขึ้นได้ง่ายๆ ด้วยโหมด Vivid Colors และ Smooth Colors

 

มีเอฟเฟกต์สีแบบต่างๆ ให้เลือกใช้งาน

 

สำหรับนักถ่ายภาพมือโปร บ่อยครั้งก็คงต้องการปรับแต่งค่าต่างๆ ด้วยตนเอง ซึ่งโหมด Pro ใน Huawei Mate 9 สามารถทำได้ โดยสามารถปรับตั้งค่าได้เองทั้งการวัดแสง, ความไวแสง, ความเร็วชัตเตอร์, ค่าชดเชยแสง, ระยะโฟกัส และสมดุลสีขาว

 

สามารถปรับลักษณะของการวัดแสงได้ 3 รูปแบบ

 

กำหนดค่าความไวแสงได้สูงสุดที่ ISO 3200

 

กำหนดค่าความเร็วชัตเตอร์ได้สูงสุดที่ 30 วินาที

 

สามารถเลือกการโฟกัสภาพแบบ Manual Focus ได้

 

สามารถถ่ายภาพได้ที่ความละเอียดสูงสุดระดับ 20 ล้านพิกเซล ในอัตราส่วนภาพแบบ 4:3

 

สำหรับการถ่ายวิดีโอ ก็มีโหมด Pro ให้เลือกใช้เช่นกัน โดยรองรับการตั้งค่ารูปแบบของการวัดแสง, ค่าชดเชยแสง, ระบบโฟกัสภาพแบบ Manual Focus และค่าสมดุลสีขาว รวมถึงรองรับระบบการบันทึกเสียงแบบ Directional Recording อีกด้วย

 

การถ่ายวิดีโอก็รองรับฟังก์ชัน Bokeh หรือถ่ายแบบหน้าชัดหลังเบลอได้ด้วยเช่นกัน โดยสามารถเลือกขนาดของรูรับแสงได้ตั้งแต่ f/0.95 ถึง f/16

 

มีโหมดสีแบบ Vivid Colors และ Smooth Colors เช่นเดียวกับการถ่ายภาพนิ่ง

 

รองรับการถ่ายวิดีโอได้ที่ความละเอียดสูงสุดระดับ 4K UHD พร้อมระบบการบันทึกเสียงแบบ Stereo แต่ระบบป้องกันการสั่น จะทำงานได้ที่ความละเอียดไม่เกินระดับ Full HD 1080p เท่านั้น

 

การสลับเป็นกล้องด้านหน้าทำได้ด้วยการกดไอคอนที่อยู่บริเวณมุมขวาบน โดยกล้องด้านหน้านั้นมีความละเอียดอยู่ที่ระดับ 8 ล้านพิกเซล พร้อมรูรับแสงขนาด f/1.9 ซึ่งลักษณะของ User Interface ก็จะเป็นดังนี้ และสามารถเปิด-ปิดฟังก์ชัน Screen Flash ได้

 

โหมดถ่ายภาพแบบต่างๆ สำหรับกล้องด้านหน้า

 

แน่นอนว่ากล้องด้านหน้านั้นสามารถทำใบหน้าให้เนียนขาวใสขึ้นได้ด้วยโหมด Beauty โดยสามารถปรับตั้งค่าได้ 10 ระดับ

 

กล้องด้านหน้าสามารถเลือกความละเอียดสูงสุดของภาพถ่ายได้ที่ระดับ 8 ล้านพิกเซล และเลือกความละเอียดสูงสุดของวิดีโอได้ที่ระดับ Full HD 1080p พร้อมระบบการบันทึกเสียงแบบ Stereo

 

ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้อง LEICA Dual Camera ของ Huawei Mate 9

 

รวมภาพถ่ายจาก Huawei Mate 9 กับสุดยอดกล้อง LEICA Dual Camera รุ่นที่สองที่อัปเกรดขึ้นอีกขั้น พร้อมระบบกันสั่น OIS, ระบบ 4-in-1 Hybrid Autofocus และภาพหน้าชัดหลังเบลอที่สวยเนียนกว่าเดิม!

 

สรุปผลการทดสอบในเบื้องต้นของ Huawei Mate 9

หลังจากที่ทีมงานได้ใช้ชีวิตร่วมกับ Huawei Mate 9 อยู่ราว 3-4 วันในประเทศเยอรมนี ด้วยการพกติดตัวไปใช้งานด้วยในทุกสถานที่ ก็พบว่าสมาร์ทโฟน Huawei Mate 9 รุ่นนี้สามารถตอบโจทย์การใช้งานในชีวิตประจำวัน ณ ต่างแดนได้ดีกว่าที่คิดเอาไว้ โดยเฉพาะในเรื่องของกล้องถ่ายภาพ LEICA Dual Camera ซึ่งสามารถนำออกไปใช้ถ่ายภาพแทนกล้องตัวหลักได้แบบสบายๆ เชื่อใจได้ในเรื่องของคุณภาพของภาพถ่ายที่ได้กลับมา และด้วยการที่เป็น LEICA Dual Camera รุ่นที่สอง (2nd Generation) จึงมั่นใจในคุณภาพได้มากขึ้นกว่าเดิม แม้ความจริงคงปฏิเสธไม่ได้ว่าคุณภาพของไฟล์อาจยังเป็นรองกล้องถ่ายภาพระดับโปรตัวใหญ่ๆ อยู่บ้าง แต่หากชั่งน้ำหนักในเรื่องของความสะดวกในการพกพา, ฟังก์ชันถ่ายภาพอันหลากหลาย, เทคโนโลยีการเชื่อมต่อ, การประมวลผลที่รวดเร็วทันใจ และฟีเจอร์สำหรับใช้งานในชีวิตประจำวันมากมายตามแบบฉบับของสมาร์ทโฟนดีๆ สักเครื่อง ก็นับว่าช่วยให้ชีวิตง่ายกว่ากันเยอะ ส่วนเรื่องของขนาดของหน้าจอที่ใหญ่ถึง 5.9 ก็ไม่ได้สร้างปัญหาในการพกพามากนัก เพราะด้วยขอบด้านข้างของหน้าจอที่บางเฉียบ จึงทำให้ตัวเครื่องมีความผอมเพรียวตามไปด้วย อย่างไรก็ดีการทดสอบนี้เป็นเพียงการทดสอบในเบื้องต้นเท่านั้น จึงยังมีฟีเจอร์เด่นๆ อีกมากมายที่ยังไม่ได้พูดถึง ซึ่งขอยกไปให้ติดตามกันอีกครั้งในรีวิวฉบับเต็ม

สำหรับ Huawei Mate 9 จะมีวางจำหน่ายทั้งหมด 6 สีด้วยกัน ได้แก่ Black, Space Gray, Moonlight Silver, Champagne Gold, Mocha Brown และ Ceramic White ส่วนรุ่น Porsche Design จะมีให้เลือกเพียงสีเดียวคือสี Graphite Black โดย Huawei Mate 9 จะเริ่มวางจำหน่ายในประเทศไทยเร็วๆ นี้ ซึ่งคาดว่าเป็นช่วงเดือนธันวาคม และประเทศไทยของเรานับเป็นหนึ่งในประเทศกลุ่มแรกของโลกที่จะมีโอกาสได้จับจอง Huawei Mate 9 ก่อนใคร ในด้านของราคาอย่างเป็นทางการในประเทศไทยยังไม่มีการเปิดเผยออกมา ณ ขณะนี้ แต่ก็คาดว่าคงไม่ต่างจากราคาเปิดตัวที่เยอรมนีมากนัก โดย Huawei Mate 9 มีราคาเปิดตัวที่ 699 ยูโร หรือประมาณ 27,000 บาท ส่วน Porsche Design Mate 9 มีราคาเปิดตัวอยู่ที่ 1395 ยูโร หรือประมาณ 54,000 บาท ซึ่งแพงกว่ากันเท่าตัว และจะมีวางจำหน่ายเฉพาะที่ Porsche Design Store เท่านั้น สุดท้ายนี้ก็ต้องขอขอบคุณทุกท่านที่ติดตามชม พบกันได้ใหม่อีกครั้งในรีวิวฉบับเต็ม สวัสดีครับ

 

ข้อมูลเพิ่มเติม

- รีวิว (Review) Huawei Mate 9
- สรุปคุณสมบัติโดยละเอียดของ Huawei Mate 9

 

นำเสนอบทความโดย : thaimobilecenter.com

 



วันที่ : 7/11/59


  แสดงความคิดเห็นที่นี่
ชื่อผู้โพสต์  (สมาชิกlogin ที่นี่) / สมัครสมาชิก
*
รายละเอียด
*

 
           Tags | More Smiles
ใส่ปี พ.ศ. ปัจจุบัน   ใส่เฉพาะปี พ.ศ. 4 ตัวเท่านั้น  
 


สาว  (Guest)
 
 ความคิดเห็นที่ 2 Quote
ดีงาม

 โพสต์เมื่อ 14/11/2016  เวลา 13:39      โหวตให้   โหวตลบ  

กราบรถกรู   (Guest)
 
 ความคิดเห็นที่ 1 Quote


 โพสต์เมื่อ 08/11/2016  เวลา 10:23      โหวตให้   โหวตลบ  











    Catalog มือถือ     market     Review มือถือ      ราคามือถือ     forum
Catalog มือถือ
Catalog มือถือ Nokia
Catalog มือถือ Samsung
Catalog มือถือ SonyEricsson
Catalog มือถือ i-mobile
Catalog มือถือ LG
Catalog มือถือ BlackBerry
ลงประกาศสินค้ามือถือ
สมัครสมาชิก
หน้าแรกตลาดซื้อขายมือถือ
 
หน้าแรกรีวิว
รีวิว มือถือ Nokia
รีวิว มือถือ Samsung
รีวิว มือถือ Motorola
รีวิว มือถือ LG
 

ราคามือถือ Samsung
ราคามือถือ iPhone
ราคามือถือ Huawei
ราคามือถือ OPPO
ราคามือถือ Vivo
   
   
หน้าแรก cafe
Nokia club
ตั้งหัวข้อใหม่
 

© Copyright all rights reserved : ThaiMobileCenter.com