เปิดตัวอย่างยิ่งใหญ่ในแบบ Global Launch ไปเรียบร้อยแล้วเมื่อวันที่ 3 พฤศจิกายน 2016 ที่ผ่านมา ณ Dolce Munich ในเมืองมิวนิค ประเทศเยอรมนี สำหรับ Huawei Mate 9 สมาร์ทโฟนเรือธงตัวมาตรฐานรุ่นใหม่ล่าสุด และ Porsche Design Mate 9 สมาร์ทโฟนเรือธงรุ่นใหญ่ ที่มีคุณสมบัติแรงจัดเต็มที่สุด และมีดีไซน์พรีเมียมดูดีเป็นพิเศษตามแบบฉบับของ Porsche Design ซึ่งหลายๆ ท่านก็คงจะได้รับชมการถ่ายทอดสด (Live) งานเปิดตัวดังกล่าวจากทีมงานของเราไปเรียบร้อยแล้ว และในวันนี้ ก็ถึงเวลาที่ทีมงานของเราจะพาทุกท่านมาร่วมสัมผัสกับตัวจริงเสียงจริงของ Huawei Mate 9 และ Porsche Design Huawei Mate 9 กันแบบชัดเจนเต็มอิ่ม มาดูกันว่าสมาร์ทโฟนเรือธงตัวท็อปรุ่นใหม่ของหัวเว่ยทั้งสองรุ่นนี้จะมีฟีเจอร์อะไรใหม่, สเปกจะเร็วแรงไฮเอนด์จัดเต็มขนาดไหน, มีรูปลักษณ์ภายนอกที่สวยหรูพรีเมียมอย่างไร, มีราคาค่าตัวที่คุ้มค่าหรือไม่, จะวางจำหน่ายในประเทศไทยเมื่อไหร่ และเมื่อเทียบกับสมาร์ทโฟนเรือธงคู่แข่งแล้วใครจะโดนใจมากกว่ากัน ไปติตดามกันได้เลยครับ
สำรวจรูปลักษณ์ภายนอก และการออกแบบดีไซน์ของ Huawei Mate 9
รูปลักษณ์ภายนอกของ Huawei Mate 9 รุ่นมาตรฐานนั้นก็ถือว่าดูดีมีราศีไม่น้อย ด้วยการผสานกระจกขอบนูนแบบ 2.5D Glass เข้ากับตัวเครื่องโลหะผิวด้าน โดยตัวเครื่องจะมีขนาดอยู่ที่ 156.9x78.9x7.9 มิลลิเมตร พร้อมน้ำหนักตัวที่ 190 กรัม ซึ่งนับว่าเป็นขนาดที่ไม่ใหญ่ หากเทียบกับขนาดหน้าจอที่ใหญ่ถึง 5.9 นิ้ว และหากเทียบกับ iPhone 7 Plus ซึ่งมีจอแสดงผลเล็กกว่าที่ขนาด 5.5 นิ้ว ก็จะพบว่ากลับมีขนาดตัวเครื่องที่ใกล้เคียงกัน ซึ่งปัจจัยสำคัญที่ช่วยในเรื่องนี้ก็คือขอบของหน้าจอที่บางเฉียบนั่นเอง
จอแสดงผลของ Huawei Mate 9 นั้นเป็นจอแบบ IPS LCD ที่มีขนาดใหญ่ถึง 5.9 นิ้ว พร้อมกับความละเอียดคมชัดระดับ Full HD 1080p ซึ่งมีค่าขอบเขตของสี หรือความเที่ยงตรงของสี (Color Gamut) ที่มากถึง 96% และมีค่าความเปรียบต่าง (Contrast Ratio) อยู่ที่ 1500:1
ที่ด้านบนของหน้าจอประกอบไปด้วยลำโพงหูฟังสำหรับการสนทนา, เซ็นเซอร์ Proximity, เซ็นเซอร์ Ambient Light และกล้องดิจิทัลความละเอียด 8 ล้านพิกเซล ซี่งมีรูรับแสงขนาด f/1.9 พร้อมระบบโฟกัสภาพอัตโนมัติ
ที่ด้านล่างของหน้าจอไม่มีอะไรนอกจากโลโก้แบรนด์ Huawei เพราะปุ่มควบคุมต่างๆ ทั้งปุ่มโฮม, ปุ่มย้อนกลับ และปุ่ม Recent Apps นั้นถูกฝังอยู่บริเวณขอบล่างของหน้าจอแสดงผลนั่นเอง
ทางหัวเว่ยได้ให้ข้อมูลว่าด้วยระบบระบายความร้อนภายในตัวเครื่องแบบ 8 ชั้น (8-Layer) จึงช่วยให้ Huawei Mate 9 นั้นมีอุณหภูมิที่เย็นกว่า Samsung Galaxy S7 edge อยู่ราว 5 องศาเซลเซียส และมีอัตราการส่งผ่านความร้อนน้อยกว่าราว 50% แต่อย่างไรก็ดี เมื่อต้องใช้งานหนักๆ ต่อเนื่อง เช่นถ่ายวิดีโอความละเอียดสูงต่อเนื่องเป็นเวลานานๆ ตัวเครื่องก็ยังมีความร้อนอยู่พอสมควร
ที่ด้านหลังของตัวเครื่องประกอบไปด้วยไมโครโฟนสำหรับตัดเสียงรบกวน (มีไมโครโฟนสำหรับระบบบันทึกเสียงทั้งหมด 4 ตัวในเครื่องเดียวกัน), เซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือ, กล้องดิจิทัล LEICA Dual Camera (12MP RGB+20MP Monochrome), ไฟแฟลชแบบ Dual-Tone, ตัวยิงแสงเลเซอร์สำหรับระบบโฟกัสภาพ และเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือ โดยตัวกล้องนั้นมาพร้อมกับระบบป้องกันการสั่นแบบ OIS, เทคโนโลยีการโฟกัสภาพแบบ 4-in-1 Hybrid Autofocus, หน่วยประมวลผลสำหรับการถ่ายภาพแบบ Embedded Depth ISP, ฟังก์ชันถ่ายภาพ Bokeh, ระบบ Hybrid Zoom และรองรับการถ่ายวิดีโอที่ความละเอียดสูงสุดระดับ 4K UHD
ที่ด้านซ้ายของตัวเครื่องมีช่องสำหรับใส่ถาดซิมการ์ดแบบ Hybrid Slot ซึ่งรองรับทั้งซิมการ์ดแบบ nanoSIM และการ์ดหน่วยความจำแบบ microSD แต่ช่องใส่ซิมการ์ดที่สอง ต้องใช้งานร่วมกับการ์ดหน่วยความจำแบบ microSD จึงต้องเลือกใส่อย่างใดอย่างหนึ่ง
ที่ด้านขวาของตัวเครื่องประกอบไปด้วยปุ่มเพิ่ม-ลดเสียง และปุ่มเปิด-ปิดเครื่อง หรือล็อกหน้าจอ
ที่ด้านบนของตัวเครื่องประกอบไปด้วยเซ็นเซอร์อินฟราเรด (IR) และช่องเชื่อมต่อหูฟังมาตรฐานขนาด 3.5 มิลลิเมตร
ที่ด้านล่างของตัวเครื่องประกอบไปด้วยไมโครโฟนสำหรับการสนทนา หรือบันทึกเสียง, ลำโพงเสียง และพอร์ตเชื่อมต่อแบบ USB Type-C
Huawei Mate 9 นั้นมีตัวเครื่อง 6 สีมาตรฐานให้เลือก ได้แก่ Space Gray, Moonlight Silver, Mocha Brown, Champagne Gold, Ceramic White และ Black
สรุปคุณสมบัติ และฟีเจอร์เด่นของ Huawei Mate 9
คุณสมบัติเด่น, ฟีเจอร์เด่น หรือจุดขายสำคัญของ Huawei Mate 9 นั้นมีดังต่อไปนี้
- ตัวเครื่องมีขนาด 156.9x78.9x7.9 มิลลิเมตร น้ำหนัก 190 กรัม
- หน้าจอแสดงผลแบบ IPS LCD Full HD ขนาด 5.9 นิ้ว ความละเอียด 1920x1080 พิกเซล พร้อมกระจกป้องกันหน้าจอแบบขอบนูน 2.5D
- ชิปเซ็ตประมวลผล Octa-Core Huawei Kirin 960 (Quad-Core Cortex-A73 2.4 GHz + Quad-Core Cortex A53 1.8GHz) ซึ่งนับเป็นชิปเซ็ตรุ่นแรกของโลกที่ใช้ซีพียู Cortex-A73
- ชิปเซ็ตประมวลผลภาพกราฟิก Mali G71 MP8 Octa-Core GPU รุ่นแรกของโลก พร้อมรองรับเทคโนโลยี Vulkan
- ทำงานอยู่บนระบบปฏิบัติการ Android 7.0 Nougat ซึ่งถูกครอบทับด้วย EMUI 5.0
- หน่วยความจำแรม (RAM) ขนาด 4GB
- หน่วยความจำภายในขนาด 64GB รองรับหน่วยความจำเสริมแบบ microSD สูงสุด 256GB
- กล้องดิจิทัลด้านหลังแบบคู่ (Dual-Camera) จากความร่วมมือกับ Leica โดยกล้องตัวแรกความละเอียด 20 ล้านพิกเซล ใช้สำหรับการเก็บภาพขาวดำ และกล้องตัวที่สองความละเอียด 12 ล้านพิกเซล ใช้สำหรับการเก็บภาพสีแบบ RGB, ขนาดรูรับแสงกว้างสูงสุดที่ F/2.2, รองรับระบบป้องกันภาพสั่นไหว (OIS), ระบบโฟกัสภาพแบบ 4-in-1 Hybrid Auto Focus และระบบซูมภาพแบบ Hybrid Zoom
- กล้องดิจิทัลด้านหน้าความละเอียด 8 ล้านพิกเซล ขนาดรูรับแสงกว้างสูงสุดที่ F/1.9
- รองรับการใช้งาน 2 ซิมการ์ด (Dual-SIM)
- ลำโพงเสียงแบบคู่ (Dual-Speaker)
- เซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือ (Fingerprint Scanner)
- รองรับการใช้งานกับอุปกรณ์ Google Daydream
- รองรับการเชื่อมต่อแบบ USB Type-C
- แบตเตอรี่ความจุ 4000 mAh รองรับฟีเจอร์ Huawei SuperCharge ที่ชาร์จเพียงแค่ 30 นาที หรือเพียง 58% ก็สามารถใช้ได้ตลอดทั้งวัน พร้อมฟีเจอร์ On-The-Go ที่สามารถแปลง Huawei Mate 9 ให้เป็นแบตเตอรี่สำรองได้ด้วย
- รองรับการใช้งานร่วมกับเครือข่ายความเร็วสูงแบบ 4G LTE Cat12 ซึ่งมีความเร็วในการดาวน์โหลดสูงสุดที่ 600 Mbps
- ราคาเปิดตัว 699 ยูโร (ประมาณ 27,000 บาท)
สำรวจรูปลักษณ์ภายนอก และการออกแบบดีไซน์ของ Porsche Design Huawei Mate 9
หนึ่งในสิ่งที่สร้างเซอร์ไพรส์ที่สุดในงานเปิดตัวครั้งนี้ก็คือการที่ Huawei จับมือเป็นพันธมิตรกับแบรนด์ไลฟ์สไตล์ระดับพรีเมียมชื่อดังของโลกอย่าง Porsche Design จึงเกิดมาเป็นรุ่นพิเศษในนามว่า Porsche Design Huawei Mate 9 ซึ่งหากเทียบกับ Huawei Mate 9 รุ่นมาตรฐานก็จะเห็นได้ว่ามีความสวยงามพรีเมียมกว่ามาก โดยเฉพาะจอขอบโค้งนั้นเรียกได้ว่าเป็นจุดที่ช่วยดึงดูดสายตาของผู้ที่พบเห็นได้เป็นอย่างดี เรียกได้ว่าเป็นการจับมือกับแบรนด์พรีเมียมของโลกถึงสองแบรนด์ภายในเวลาเดียวกันเป็นครั้งแรก ทั้ง LEICA และ Porsche Design โดยตัวเครื่องของ Porsche Design Huawei Mate 9 นั้นมีขนาดอยู่ที่ 152x75x7.5 มิลลิเมตร พร้อมน้ำหนักตัวที่ 165 กรัม
เห็นจอขอบโค้งแบบนี้ก็ชวนให้นึกถึง Samsung Galaxy S7 edge คู่แข่งตัวสำคัญ ซึ่งทีมงานจะจับมาเปรียบเทียบให้เห็นกันแบบชัดๆ อีกครั้งหนึ่ง โดยจอแสดงผลของ Porsche Design Huawei Mate 9 นั้นเป็นแบบ 2K AMOLED Curved Crystal-Clear Display ขนาด 5.5 นิ้ว ความละเอียด 2560x1440 พิกเซล ซึ่งแม้ว่าจะเป็นจอที่ขนาดเล็กกว่า Huawei Mate 9 รุ่นมาตรฐาน แต่ก็จับถือใช้งานได้คล่องตัวกว่า มีความละเอียดคมชัดมากกว่า และที่สำคัญคือเป็นกระจกขอบโค้งสองด้าน (Curved Glass) ที่ดูสวยงามกว่า
ที่ด้านบนของหน้าจอประกอบไปด้วยลำโพงหูฟังสำหรับการสนทนา, เซ็นเซอร์ Proximity, เซ็นเซอร์ Ambient Light และกล้องดิจิทัลความละเอียด 8 ล้านพิกเซล พร้อมรูรับแสงขนาด f/1.9 และระบบโฟกัสภาพอัตโนมัติ
ปุ่มโฮมของ และปุ่มสั่งงานที่ด้านล่างหน้าจอของ Porsche Design Huawei Mate 9 นั้นเป็นระบบที่ทางหัวเว่ยเรียกว่า Smart Touch ซึ่งปุ่มโฮมนี้จะใช้เทคโนโลยี Haptic Feedback คล้ายกับที่มีอยู่ใน iPhone 7 (กดปุ่มลงไปจริงๆ ไม่ได้ แต่จะมีการจำลองให้เสมือนกับการกดลงไปจริงๆ ด้วยแรงสั่น) และถูกใช้งานเป็นเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือได้ในตัว ส่วนปุ่มย้อนกลับ หรือปุ่ม Recent Apps นั้นก็ถูกย้ายมาอยู่บริเวณเช่นกัน ไม่ได้อยู่บนหน้าจอเหมือนกับ Huawei Mate 9 รุ่นมาตรฐาน
ที่ด้านหลังของตัวเครื่องประกอบไปด้วยไมโครโฟนสำหรับตัดเสียงรบกวน (มีไมโครโฟนสำหรับระบบบันทึกเสียงทั้งหมด 4 ตัวในเครื่องเดียวกัน), กล้องดิจิทัล LEICA Dual Camera (12MP RGB+20MP Monochrome), ไฟแฟลชแบบ Dual-Tone และตัวยิงแสงเลเซอร์สำหรับระบบโฟกัสภาพ โดยตัวกล้องนั้นมาพร้อมกับระบบป้องกันการสั่นแบบ OIS, เทคโนโลยีการโฟกัสภาพแบบ 4-in-1 Hybrid Autofocus, หน่วยประมวลผลสำหรับการถ่ายภาพแบบ Embedded Depth ISP, ฟังก์ชันถ่ายภาพ Bokeh, ระบบ Hybrid Zoom และรองรับการถ่ายวิดีโอที่ความละเอียดสูงสุดระดับ 4K UHD
วัสดุที่ใช้ผลิตเป็นตัวเครื่องนั้นคือโลหะเกรดพรีเมียม พร้อมการขัดลาย และเลือกใช้สี Graphite Black เพื่อให้ดูมีความเข้มขรึมดุดัน และดูมีความสปอร์ตไปในตัว
ที่ด้านซ้ายของตัวเครื่องมีช่องสำหรับใส่ถาดซิมการ์ดแบบ Hybrid Slot ซึ่งรองรับทั้งซิมการ์ดแบบ nanoSIM และการ์ดหน่วยความจำแบบ microSD แต่ช่องใส่ซิมการ์ดที่สอง ต้องใช้งานร่วมกับการ์ดหน่วยความจำแบบ microSD จึงต้องเลือกใส่อย่างใดอย่างหนึ่ง ซึ่งทางหัวเว่ยได้นำเสนอว่าส่วนที่บางที่สุดตรงขอบตัวเครื่องนั้นบางน้อยกว่า 3 มิลลิเมตร เลยทีเดียว
ที่ด้านขวาของตัวเครื่องประกอบไปด้วยปุ่มเพิ่ม-ลดเสียง และปุ่มเปิด-ปิดเครื่อง หรือล็อกหน้าจอ
ที่ด้านบนของตัวเครื่องมีเพียงเซ็นเซอร์อินฟราเรด (IR)
ที่ด้านล่างของตัวเครื่องจะประกอบไปด้วยไมโครโฟนสำหรับการสนทนา หรือบันทึกเสียง, ช่องเชื่อมต่อหูฟังมาตรฐานขนาด 3.5 มิลลิเมตร, พอร์ตเชื่อมต่อแบบ USB Type-C และลำโพงเสียง
สรุปคุณสมบัติ และฟีเจอร์เด่นของ Porsche Design Huawei Mate 9
คุณสมบัติเด่น, ฟีเจอร์เด่น หรือจุดขายสำคัญของ Porsche Design Huawei Mate 9 นั้นมีดังต่อไปนี้
- หน้าจอแสดงผลแบบขอบโค้ง AMOLED 2K Quad HD ขนาด 5.5 นิ้ว ความละเอียด 1440x2560 พิกเซล
- ชิปเซ็ตประมวลผล Octa-Core Huawei Kirin 960 (Quad-Core Cortex-A73 2.4 GHz + Quad-Core Cortex A53 1.8GHz) ซึ่งนับเป็นชิปเซ็ตรุ่นแรกของโลกที่ใช้ซีพียู Cortex-A73
- ชิปเซ็ตประมวลผลภาพกราฟิก Mali G71 MP8 Octa-Core GPU รุ่นแรกของโลก พร้อมรองรับเทคโนโลยี Vulkan
- ทำงานอยู่บนระบบปฏิบัติการ Android 7.0 Nougat ซึ่งถูกครอบทับด้วย EMUI 5.0
- หน่วยความจำแรม (RAM) ขนาด 6GB
- หน่วยความจำภายในขนาด 256GB รองรับหน่วยความจำเสริมแบบ microSD สูงสุด 256GB
- กล้องดิจิทัลด้านหลังแบบคู่ (Dual-Camera) จากความร่วมมือกับ Leica โดยกล้องตัวแรกความละเอียด 20 ล้านพิกเซล ใช้สำหรับการเก็บภาพขาวดำ และกล้องตัวที่สองความละเอียด 12 ล้านพิกเซล ใช้สำหรับการเก็บภาพสีแบบ RGB, ขนาดรูรับแสงกว้างสูงสุดที่ F/2.2, รองรับระบบป้องกันภาพสั่นไหว (OIS), ระบบโฟกัสภาพแบบ 4-in-1 Hybrid Auto Focus และระบบซูมภาพแบบ Hybrid Zoom
- กล้องดิจิทัลด้านหน้าความละเอียด 8 ล้านพิกเซล ขนาดรูรับแสงกว้างสูงสุดที่ F/1.9
- รองรับการใช้งาน 2 ซิมการ์ด (Dual-SIM)
- ปุ่มโฮมแบบ Haptic Feedback
- เซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือ (Fingerprint Scanner) ที่ปุ่มโฮม
- รองรับการใช้งานกับอุปกรณ์ Google Daydream
- รองรับการเชื่อมต่อแบบ USB Type-C
- แบตเตอรี่ความจุ 4000 mAh รองรับฟีเจอร์ Huawei SuperCharge ที่ชาร์จเพียงแค่ 30 นาที หรือเพียง 58% ก็สามารถใช้ได้ตลอดทั้งวัน พร้อมฟีเจอร์ On-The-Go ที่สามารถแปลง Huawei Mate 9 ให้เป็นแบตเตอรี่สำรองได้ด้วย
- รองรับการใช้งานร่วมกับเครือข่ายความเร็วสูงแบบ 4G LTE Cat12 ซึ่งมีความเร็วในการดาวน์โหลดสูงสุดที่ 600 Mbps
- ราคาเปิดตัว 1,395 ยูโร (ประมาณ 54,000 บาท)
เปรียบเทียบรูปลักษณ์ภายนอกระหว่าง Huawei Mate 9 กับ Porsche Design Huawei Mate 9
ทดสอบการใช้งาน Huawei Mate 9 ในเบื้องต้น
แบตเตอรี่ของ Huawei Mate 9 นั้นมีความจุอยู่ที่ 4,000 mAh ซึ่งมาพร้อมกับเทคโนโลยีประหยัดพลังงานแบบ Smart Power-Saving รวมถึงเทคโนโลยีการชาร์จแบตเตอรี่ความเร็วสูงแบบ SuperCharge และเทคโนโลยี Visionary Charging โดยทางหัวเว่ยได้ให้ข้อมูลว่าสามารถชาร์จได้เร็วกว่า Huawei Mate 8 อยู่ถึง 50% และชาร์จได้เร็วกว่า iPhone 7 Plus ถึง 400% ซึ่งใช้เวลาเพียง 30 นาที ก็สามารถชาร์จแบตเตอรี่ได้ 58% และใช้งานได้ราว 1 วัน และนอกจากนี้ยังมาพร้อมกับระบบความปลอดภัยที่เรียกว่า Super Safe 5-Gate Protection ที่ช่วยให้มั่นใจได้มากขึ้นว่าขณะชาร์จแบตเตอรี่จะไม่เกิดอันตรายใดๆ
Huawei Mate 9 นั้นใช้ User Interface แบบ EMUI 5.0 ซึ่งเน้นไปที่ความเรียบง่าย และไม่ซับซ้อน โดยทำงานอยู่บนพื้นฐานของระบบปฏิบัติการ Android 7.0 Nougat
รองรับการเปลี่ยนธีม (Themes) ซึ่งผู้ใช้งานสามารถปรับแต่งค่าต่างๆ ของธีมได้เองตามต้องการ (Custom) แต่เท่าที่เห็นดูเหมือนจะมีสามารถดาวน์โหลดเพิ่มเติมจากที่มีมาให้ในเครื่องได้
Huawei Mate 9 นั้นใช้ชิปเซ็ตตัวท็อปรุ่นใหม่ล่าสุดของค่ายหัวเว่ยเองอย่าง Octa-Core Huawei Kirin 960 (Quad-Core Cortex-A73 2.4 GHz + Quad-Core Cortex A53 1.8GHz) ซึ่งนับเป็นชิปเซ็ตรุ่นแรกของโลกที่ใช้ซีพียู Cortex-A73 รวมถึงเป็นรุ่นแรกของโลกที่ใช้หน่วยประมวลผลกราฟิก (GPU) แบบ Octa-Core Mali-G71 ซึ่งทำงานร่วมกับ Vulkan API ที่มีประสิทธิภาพสูงกว่า OpenGL แบบเดิมๆ โดยมาพร้อมกับหน่วยความจำภายใน (ROM) ขนาด 64 GB, หน่วยความจำแรม (RAM) ขนาด 4 GB และระบบปฏิบัติการใหม่ล่าสุดอย่าง Android 7.0 Nougat
เซ็นเซอร์ตรวจจับต่างๆ มีใส่มาให้อย่างครบครัน
รองรับระบบการรักษาความปลอดภัยด้วยเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือที่ด้านหลังของตัวเครื่อง
มีฟังก์ชัน Eye Comfort สำหรับช่วยถนอมสายตา ด้วยการกรองแสงสีฟ้า (Blue Light Filter)
รองรับการใช้งานสองซิมการ์ดภายในเครื่องเดียวกัน (Dual SIM) และรองรับระบบ Dual Instant Messaging ซึ่งผู้ใช้งานสามารถใช้บัญชีแอปพลิเคชันโซเชียลเน็ตเวิร์กได้พร้อมๆ กันสองบัญชีในเครื่องเดียวกัน ราวกับได้ใช้งานสมาร์ทโฟนสองเครื่อง โดยรองการใช้งานร่วมกับแอปพลิเคชัน WhatsApp และ Facebook
เมื่อทดสอบประสิทธิภาพของการทำงานโดยรวมด้วยแอปพลิเคชัน AnTuTu Benchmark ก็พบว่าได้คะแนนอยู่ที่ 128,630 คะแนน
User Interface โดยรวมของกล้องถ่ายภาพ LEICA Dual Camera นั้นดูเรียบง่าย และคล้ายกับ Huawei P9 ดังนั้นหากใครเคยใช้ Huawei P9 มาก่อนก็คงใช้งานได้คล่องมือแทบจะทันที แต่ถึงแม้จะไม่เคยใช้มาก่อนก็ไม่ใช่ปัญหา
เมื่อลากขอบจอด้านซ้ายออกมา ก็จะเป็นการเลือกโหมดถ่ายภาพแบบต่างๆ และหากลากขอบหน้าจอด้านขวาออกมา ก็จะเป็นการปรับตั้งค่าใช้งานโดยละเอียด
ด้วยฟังก์ชัน Refocus หรือการถ่ายภาพ Bokeh เราสามารถเลือกรูรับแสงได้กว้างสูงสุดถึง f/0.95 และแคบสุดที่ f/16
สามารถถ่ายภาพให้มีสีสันที่สดใสโดดเด่นมากขึ้นได้ง่ายๆ ด้วยโหมด Vivid Colors และ Smooth Colors
มีเอฟเฟกต์สีแบบต่างๆ ให้เลือกใช้งาน
สำหรับนักถ่ายภาพมือโปร บ่อยครั้งก็คงต้องการปรับแต่งค่าต่างๆ ด้วยตนเอง ซึ่งโหมด Pro ใน Huawei Mate 9 สามารถทำได้ โดยสามารถปรับตั้งค่าได้เองทั้งการวัดแสง, ความไวแสง, ความเร็วชัตเตอร์, ค่าชดเชยแสง, ระยะโฟกัส และสมดุลสีขาว
สามารถปรับลักษณะของการวัดแสงได้ 3 รูปแบบ
กำหนดค่าความไวแสงได้สูงสุดที่ ISO 3200
กำหนดค่าความเร็วชัตเตอร์ได้สูงสุดที่ 30 วินาที
สามารถเลือกการโฟกัสภาพแบบ Manual Focus ได้
สามารถถ่ายภาพได้ที่ความละเอียดสูงสุดระดับ 20 ล้านพิกเซล ในอัตราส่วนภาพแบบ 4:3
สำหรับการถ่ายวิดีโอ ก็มีโหมด Pro ให้เลือกใช้เช่นกัน โดยรองรับการตั้งค่ารูปแบบของการวัดแสง, ค่าชดเชยแสง, ระบบโฟกัสภาพแบบ Manual Focus และค่าสมดุลสีขาว รวมถึงรองรับระบบการบันทึกเสียงแบบ Directional Recording อีกด้วย
การถ่ายวิดีโอก็รองรับฟังก์ชัน Bokeh หรือถ่ายแบบหน้าชัดหลังเบลอได้ด้วยเช่นกัน โดยสามารถเลือกขนาดของรูรับแสงได้ตั้งแต่ f/0.95 ถึง f/16
มีโหมดสีแบบ Vivid Colors และ Smooth Colors เช่นเดียวกับการถ่ายภาพนิ่ง
รองรับการถ่ายวิดีโอได้ที่ความละเอียดสูงสุดระดับ 4K UHD พร้อมระบบการบันทึกเสียงแบบ Stereo แต่ระบบป้องกันการสั่น จะทำงานได้ที่ความละเอียดไม่เกินระดับ Full HD 1080p เท่านั้น
การสลับเป็นกล้องด้านหน้าทำได้ด้วยการกดไอคอนที่อยู่บริเวณมุมขวาบน โดยกล้องด้านหน้านั้นมีความละเอียดอยู่ที่ระดับ 8 ล้านพิกเซล พร้อมรูรับแสงขนาด f/1.9 ซึ่งลักษณะของ User Interface ก็จะเป็นดังนี้ และสามารถเปิด-ปิดฟังก์ชัน Screen Flash ได้
โหมดถ่ายภาพแบบต่างๆ สำหรับกล้องด้านหน้า
แน่นอนว่ากล้องด้านหน้านั้นสามารถทำใบหน้าให้เนียนขาวใสขึ้นได้ด้วยโหมด Beauty โดยสามารถปรับตั้งค่าได้ 10 ระดับ
กล้องด้านหน้าสามารถเลือกความละเอียดสูงสุดของภาพถ่ายได้ที่ระดับ 8 ล้านพิกเซล และเลือกความละเอียดสูงสุดของวิดีโอได้ที่ระดับ Full HD 1080p พร้อมระบบการบันทึกเสียงแบบ Stereo
ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้อง LEICA Dual Camera ของ Huawei Mate 9
รวมภาพถ่ายจาก Huawei Mate 9 กับสุดยอดกล้อง LEICA Dual Camera รุ่นที่สองที่อัปเกรดขึ้นอีกขั้น พร้อมระบบกันสั่น OIS, ระบบ 4-in-1 Hybrid Autofocus และภาพหน้าชัดหลังเบลอที่สวยเนียนกว่าเดิม!
สรุปผลการทดสอบในเบื้องต้นของ Huawei Mate 9
หลังจากที่ทีมงานได้ใช้ชีวิตร่วมกับ Huawei Mate 9 อยู่ราว 3-4 วันในประเทศเยอรมนี ด้วยการพกติดตัวไปใช้งานด้วยในทุกสถานที่ ก็พบว่าสมาร์ทโฟน Huawei Mate 9 รุ่นนี้สามารถตอบโจทย์การใช้งานในชีวิตประจำวัน ณ ต่างแดนได้ดีกว่าที่คิดเอาไว้ โดยเฉพาะในเรื่องของกล้องถ่ายภาพ LEICA Dual Camera ซึ่งสามารถนำออกไปใช้ถ่ายภาพแทนกล้องตัวหลักได้แบบสบายๆ เชื่อใจได้ในเรื่องของคุณภาพของภาพถ่ายที่ได้กลับมา และด้วยการที่เป็น LEICA Dual Camera รุ่นที่สอง (2nd Generation) จึงมั่นใจในคุณภาพได้มากขึ้นกว่าเดิม แม้ความจริงคงปฏิเสธไม่ได้ว่าคุณภาพของไฟล์อาจยังเป็นรองกล้องถ่ายภาพระดับโปรตัวใหญ่ๆ อยู่บ้าง แต่หากชั่งน้ำหนักในเรื่องของความสะดวกในการพกพา, ฟังก์ชันถ่ายภาพอันหลากหลาย, เทคโนโลยีการเชื่อมต่อ, การประมวลผลที่รวดเร็วทันใจ และฟีเจอร์สำหรับใช้งานในชีวิตประจำวันมากมายตามแบบฉบับของสมาร์ทโฟนดีๆ สักเครื่อง ก็นับว่าช่วยให้ชีวิตง่ายกว่ากันเยอะ ส่วนเรื่องของขนาดของหน้าจอที่ใหญ่ถึง 5.9 ก็ไม่ได้สร้างปัญหาในการพกพามากนัก เพราะด้วยขอบด้านข้างของหน้าจอที่บางเฉียบ จึงทำให้ตัวเครื่องมีความผอมเพรียวตามไปด้วย อย่างไรก็ดีการทดสอบนี้เป็นเพียงการทดสอบในเบื้องต้นเท่านั้น จึงยังมีฟีเจอร์เด่นๆ อีกมากมายที่ยังไม่ได้พูดถึง ซึ่งขอยกไปให้ติดตามกันอีกครั้งในรีวิวฉบับเต็ม
สำหรับ Huawei Mate 9 จะมีวางจำหน่ายทั้งหมด 6 สีด้วยกัน ได้แก่ Black, Space Gray, Moonlight Silver, Champagne Gold, Mocha Brown และ Ceramic White ส่วนรุ่น Porsche Design จะมีให้เลือกเพียงสีเดียวคือสี Graphite Black โดย Huawei Mate 9 จะเริ่มวางจำหน่ายในประเทศไทยเร็วๆ นี้ ซึ่งคาดว่าเป็นช่วงเดือนธันวาคม และประเทศไทยของเรานับเป็นหนึ่งในประเทศกลุ่มแรกของโลกที่จะมีโอกาสได้จับจอง Huawei Mate 9 ก่อนใคร ในด้านของราคาอย่างเป็นทางการในประเทศไทยยังไม่มีการเปิดเผยออกมา ณ ขณะนี้ แต่ก็คาดว่าคงไม่ต่างจากราคาเปิดตัวที่เยอรมนีมากนัก โดย Huawei Mate 9 มีราคาเปิดตัวที่ 699 ยูโร หรือประมาณ 27,000 บาท ส่วน Porsche Design Mate 9 มีราคาเปิดตัวอยู่ที่ 1395 ยูโร หรือประมาณ 54,000 บาท ซึ่งแพงกว่ากันเท่าตัว และจะมีวางจำหน่ายเฉพาะที่ Porsche Design Store เท่านั้น สุดท้ายนี้ก็ต้องขอขอบคุณทุกท่านที่ติดตามชม พบกันได้ใหม่อีกครั้งในรีวิวฉบับเต็ม สวัสดีครับ
ข้อมูลเพิ่มเติม
- รีวิว (Review) Huawei Mate 9
- สรุปคุณสมบัติโดยละเอียดของ Huawei Mate 9
นำเสนอบทความโดย : thaimobilecenter.com
วันที่ : 7/11/59
|