รีวิว HUAWEI Mate 50 Pro เรือธงกล้อง Ultra Aperture XMAGE ปรับรูรับแสงได้จริง พร้อมช่วงซูม 200 เท่า และสเปกระดับท็อป บนดีไซน์ Clous de Paris สุดหรูกันน้ำได้
18 พฤศจิกายน 2022 - หากถามถึงแบรนด์มือถือที่มีจุดแข็งเรื่องกล้องถ่ายภาพ แบรนด์ที่เราต้องนึกถึงเป็นอันดับแรก ๆ ก็คงจะหนีไม่พ้น HUAWEI อย่างแน่นอน ซึ่งล่าสุดนี้ก็ได้ตอกย้ำกระแสของมือถือเพื่อการถ่ายภาพระดับโปรอีกครั้ง ด้วยการเปิดตัวรุ่น HUAWEI
Mate 50 Pro อย่างเป็นทางการ ที่มาพร้อม XMAGE
เทคโนโลยีการถ่ายภาพรูปแบบใหม่ที่ทาง HUAWEI ใช้เวลาหลายปีในการวิจัย
และพัฒนา เพื่อยกระดับการถ่ายภาพด้วยมือถืออีกครั้ง
โดยสามารถมอบภาพถ่ายที่มีคุณภาพสูง เก็บรายละเอียดได้อย่างคมชัด
และถ่ายทอดสีสันได้อย่างสวยงามในทุกสภาพแสง
HUAWEI Mate 50 Pro ชูโรงกล้องเทคโนโลยี XMAGE ที่เน้นไปที่ 4 ด้านหลัก ๆ อย่าง Light, Device, Electricity และ Computing โดยช่วยให้การถ่ายภาพสวยคมชัดทุกรายละเอียดในทุกสภาพแสง ด้วยชุดกล้องหลังระดับโปร 3 ตัว กับการนำลวดลาย Clous de Paris มาดีไซน์ตกแต่งในตำแหน่งวงแหวนโมดูลกล้องผสมผสานการดีไซน์แบบ Space Ring Design เข้ากับความสมมาตร ซึ่งช่วยเพิ่มความหรูหรา และสวยงามได้อย่างลงตัว โดยชุดกล้องนี้ประกอบไปด้วย กล้องตัวหลักแบบ Ultra Aperture 50MP ปรับรูรับแสงในแบบกายภาพ (Optical) ได้ทั้งหมด 10 ระดับ พร้อมระบบป้องกันการสั่นแบบ OIS ผสานกล้อง Ultra Wide 13MP ที่เก็บภาพวิวมุมกว้างสุด 120 องศา และกล้อง Periscope Telephoto 64MP ที่มีระบบป้องกันการสั่นแบบ OIS พร้อมรองรับช่วงซูมสูงสุดถึง 200 เท่า
HUAWEI Mate 50 Pro ยังมากับการดีไซน์ระดับพรีเมียม ด้วยจอไร้ขอบลงโค้งทั้งสองด้านแบบ OLED ขนาด 6.74 นิ้ว ที่คมชัดระดับ 2616x1212 พิกเซล รองรับค่า Refresh Rate ระดับสูงสุด 120Hz ผสานค่า PWM Dimming สูงถึง 1440Hz พร้อมค่า Touch Sampling Rate ระดับ 300Hz และรองรับการแสดงผล 1.07 พันล้านสี รวมถึงมีเซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือใต้หน้าจอ (In-Display Fingerprint) อีกทั้งตัวเครื่องยังมีความเงางามหรูหราสะดุดตา ด้วยกระจกคุณภาพสูงที่แข็งแรงทนทาน พร้อมมีคุณสมบัติของการทนน้ำ-ทนฝุ่นตามมาตรฐาน IP68
ด้านประสิทธิภาพการทำงาน HUAWEI Mate 50 Pro เลือกใช้ชิปเซ็ตตัวแรงที่สุดในขณะนี้ของค่าย Qualcomm อย่าง Snapdragon 8+ Gen1 4G จับคู่กับ RAM แบบ LPDDR5 ขนาด 8GB + ROM แบบ UFS 3.1 ขนาด 256GB พร้อมรองรับการ์ดหน่วยความจำเสริมภายนอกแบบ NM Card โดยมีแบตเตอรี่ความจุ 4700 mAh และรองรับเทคโนโลยีชาร์จเร็วแบบ 66W HUAWEI SuperCharge พร้อมระบบชาร์จแบตเตอรี่ไร้สายความเร็วสูงแบบ 50W Wireless HUAWEI SuperCharge รวมถึงฟังก์ชัน Wireless Reverse Charging บนระบบปฏิบัติการ EMUI 13 ใหม่ล่าสุด และบริการ HUAWEI Mobile Services (HMS)
ก็เรียกได้ว่า HUAWEI Mate 50 Pro นั้นมีความสามารถไฮไลท์ที่น่าสนใจอยู่หลายด้าน โดยเฉพาะการถ่ายภาพระดับโปร รวมถึงการดีไซน์สวยงามพรีเมียม กับราคาวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการในประเทศไทยที่ 43,990 บาท ส่วนการใช้งานจริงจะเป็นอย่างไร ไปรับชมรีวิว HUAWEI Mate 50 Pro พร้อมกันได้เลยค่ะ
รูปลักษณ์ภายนอกตัวเครื่อง และการออกแบบดีไซน์
HUAWEI Mate 50 Pro มาในแพ็กเกจสีดำด้าน พร้อมตัวอักษรสีทองที่ตัดกัน ซึ่งสร้างภาพลักษณ์ของความเป็นผลิตภัณฑ์พรีเมียมได้เป็นอย่างดี
โดยภายในกล่องมีอุปกรณ์พื้นฐานมาให้อย่างครบครัน ไม่ว่าจะเป็น อะแดปเตอร์ชาร์จเร็ว 66W HUAWEI SuperCharge (11V/6A), สายเชื่อมต่อแบบ USB Type-C, เคสใส และเข็มสำหรับถอดถาดซิมการ์ด
ตัวอย่างการสวมเคสที่แถมมาในแพ็กเกจ
HUAWEI Mate 50 Pro มาพร้อมหน้าจอแสดงผลไร้ขอบลงโค้งทั้งสองด้านแบบ OLED Display ขนาด 6.74 นิ้ว ความละเอียดระดับ 2616x1212 พิกเซล (428 PPI) รองรับค่า Refresh Rate ระดับสูงสุด 120Hz ผสานค่า PWM Dimming สูงถึง 1440Hz พร้อมค่า Touch Sampling Rate ระดับ 300Hz และรองรับการแสดงผลสีแบบ 10-bit (1.07 พันล้านสี) บนตัวเครื่องขนาด 162.1x75.5x8.5 มิลลิเมตร และมีน้ำหนัก 209 กรัม
ที่ด้านบนหน้าจอมีรอยบากสำหรับกล้องหน้า True-Chroma ความละเอียด 13 ล้านพิกเซล (f2.4) พร้อม 3D Depth Sensing Camera (เซนเซอร์ 3D ToF) และมีลำโพงสำหรับสนทนา พร้อมติดตั้งเซนเซอร์ Proximity สำหรับปิดหน้าจอแบบอัตโนมัติขณะสนทนาเพื่อประหยัดพลังงาน กับเซนเซอร์ Ambient Light สำหรับตรวจวัดระดับความสว่างของสภาพแวดล้อม เพื่อปรับความสว่างของหน้าจอ และแผงปุ่มกดให้เหมาะสม
ค่าเริ่มต้นของตัวเครื่องจะเลือกใช้งานวิธีควบ คุมแบบ Gestures ซึ่งเป็นการลาก และปัดบริเวณขอบหน้าจอเพื่อสั่งการเป็นหลัก
โดยสามารถเลือกให้แสดงปุ่มกดแบบ On-Screen ได้
และมีเซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือฝังไว้ใต้หน้าจอ (In-Display Fingerprint) ที่ทำงานร่วมกับกล้อง 3D Depth Sensing (เซนเซอร์ 3D ToF)
ที่ด้านบนของตัวเครื่อง HUAWEI Mate 50 Pro มีไมโครโฟนสำหรับตัดเสียงรบกวน 2 ตัว พร้อมเส้นเสาสัญญาณ 2 เส้น
ที่ด้านล่างประกอบด้วยลำโพงเสียงตัวหลัก, พอร์ตเชื่อมต่อแบบ USB Type-C, ไมโครโฟนสำหรับสนทนา และช่องสำหรับถาดใส่ซิมการ์ด Nano SIM แบบ Dual-Slot โดยในช่องที่สองสามารถเลือกใช้งานหน่วยความจำภายนอกแบบ NM Card (Nano Memory Card) ได้ รวมถึงมีเส้นเสาสัญญาณ 2 เส้น
ด้านซ้ายของตัวเครื่องไม่มีปุ่ม หรือพอร์ตใด ๆ จะมีเพียงเส้นเสาสัญญาณ 1 เส้น
ด้านขวาของตัวเครื่อง มีปุ่มปรับระดับเสียง พร้อมปุ่ม Power สำหรับล็อกหน้าจอ และเปิด-ปิด เครื่อง โดยมีการแต้มสีแดงเพื่อให้สังเกตได้ง่าย และเส้นเสาสัญญาณ 2 เส้น
HUAWEI Mate 50 Pro มีฝาหลังดีไซน์พรีเมียมเงางาม ด้วยการผลิตจากกระจกคุณภาพสูงที่แข็งแรงทนทาน พร้อมมีคุณสมบัติของการทนน้ำ-ทนฝุ่นตามมาตรฐาน IP68 โดยตัวเครื่องที่ทางทีมงานนำมารีวิวให้ได้ชมกันในวันนี้เป็นสีดำ (Black)
HUAWEI Mate 50 Pro มีกล้องหลังทั้งหมด 3 ตัว (Triple Camera) กับการนำลวดลาย Clous de Paris มาดีไซน์ตกแต่งในตำแหน่งวงแหวนโมดูลกล้องผสมผสานการดีไซน์แบบ Space Ring Design เข้ากับการออกแบบที่สมมาตรเพิ่มความหรูหรา และสวยงามได้อย่างลงตัว โดยประกอบไปด้วย
- กล้อง Ultra Aperture XMAGE ความละเอียด 50 ล้านพิกเซล พร้อมเซนเซอร์รับภาพแบบ RYYB, รูรับแสงแบบ Optical ขนาด f1.4-f4.0 (ปรับได้ 10 ระดับ), ทางยาวโฟกัส 24 มิลลิเมตร, ระยะโฟกัสใกล้สุดที่ 2.5 เซนติเมตร (Super Macro), ระบบป้องกันการสั่นแบบ OIS และระบบโฟกัสอัตโนมัติแบบ PDAF+Laser AF
- กล้อง Ultra Wide Angle ความละเอียด 13 ล้านพิกเซล พร้อมรูรับแสงขนาด f2.2, มุมรับภาพ 120 องศา (ทางยาวโฟกัส 13 มิลลิเมตร) และระบบโฟกัสอัตโนมัติแบบ PDAF
- กล้อง Telephoto ความละเอียด 64 ล้านพิกเซล พร้อมเซนเซอร์รับภาพแบบ RYYB, รูรับแสงขนาด f3.5, ทางยาวโฟกัส 90 มิลลิเมตร, ระบบซูม 3.5x Optical Zoom, ระบบป้องกันการสั่นแบบ OIS และระบบโฟกัสอัตโนมัติแบบ PDAF
โดยมาพร้อมเทคโนโลยี XMAGE ที่ทาง HUAWEI พัฒนาขึ้นเอง รวมทั้งรองรับเทคโนโลยี HUAWEI XD Optics ที่ช่วยเพิ่มความคมชัดให้ภาพถ่าย พร้อมเทคโนโลยี HUAWEI XD Fusion Pro Image Engine ที่จะช่วยปรับรายละเอียดของภาพถ่ายให้มีความละเอียดมากยิ่งขึ้นแบบเดียวกับกล้อง SLR และ True-Chroma Image Engine ที่จะช่วยถ่ายทอดรายละเอียดของสีสันตามขอบเขตสีแบบ DCI-P3 และการปรับสีกว่า 2,000 สี
นอกจากนี้ยังมีช่วงซูมสูงสุดที่ 200 เท่า, โหมด Portrait Bokeh ที่อัปเกรดความสามารถเอฟเฟกต์ Bokeh ได้แม่นยำ และเป็นธรรมชาติมากขึ้น พร้อมรูปแบบ Bokeh Effect ทั้งหมด 6 รูปแบบ, โหมด Beauty ปรับผิวเนียนสวยได้ 10 ระดับ, โหมด Aperture ในการถ่ายภาพละลายฉลากหลังที่สามารถปรับระดับความเบลอได้ระหว่าง f0.95-f16, โหมดถ่ายภาพความละเอียดสูง High-Res, โหมด Super Marco ถ่ายภาพระยะใกล้สุด 2.5 เซนติเมตร, โหมด Night สำหรับถ่ายภาพกลางคืน, โหมด Pro สำหรับตั้งค่าด้านต่าง ๆ เพิ่มเติม, โหมด Snapshot, โหมด Multi-Cam ในการเชื่อมต่อกับมือถือ HUAWEI อีกเครื่องเพื่อถ่ายภาพในเวลาเดียวกันแต่ต่างมุม โดยรองรับการบันทึกวิดีโอสูงสุดที่ระดับ 4K UHD (60 fps) พร้อมโหมด Dual-View ในการบันทึกภาพจากทั้งกล้องหน้า และกล้องหลังพร้อมกัน รวมถึงโหมด Slo-mo รวมถึงโหมดที่เหมาะกับสายคอนเทนต์อย่าง Story Creator ในการสร้างสตอรี่ง่าย ๆ ด้วยปลายนิ้ว
เปิดเครื่องใช้งาน พร้อมการทดสอบฟังก์ชัน และแอปพลิเคชันต่าง ๆ
HUAWEI Mate 50 Pro ขับเคลื่อนการทำงานด้วยระบบปฏิบัติการ EMUI 13 เวอร์ชันล่าสุด ซึ่งพัฒนาอยู่บนพื้นฐานของ Android 12 ที่มี User Interface รูปแบบใหม่ โดยยังคงเน้นความมินิมอล เรียบหรู สบายตา และใช้งานง่าย พร้อมบริการ HUAWEI Mobile Services (HMS) โดยประมวลผลด้วยชิปเซ็ต Qualcomm Snapdragon 8+ Gen1 4G จับคู่กับ RAM ขนาด 8GB และมี ROM ความจุตัวเครื่อง 256GB ที่สามารถเพิ่มหน่วยความจำภายนอกแบบ NM Card ได้
HUAWEI Mate 50 Pro มาพร้อมกับ AppGallery ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มสำหรับดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน และเกมจากผู้พัฒนาชั้นนำ โดยในปัจจุบันมีแอปพลิเคชันครอบคลุมการใช้งานทั้ง แอปพลิเคชันธนาคาร, แอปพลิเคชันไลฟ์สไตล์ ไปจนถึงแอปพลิเคชันโซเชียลมีเดีย
นอกจากนี้ ยังมาพร้อมกับ Petal Search ที่ช่วยค้นหาแอปพลิเคชันที่อยู่นอกเหนือ AppGallery ช่วยให้ผู้ใช้สามารถดาวน์โหลดแอปพลิเคชันที่ต้องการ แต่อย่างไรก็ตาม เนื่องจาก HUAWEI Mate 50 Pro ไม่รองรับ Google Mobile Services (GMS) จึงทำให้ยังไม่สามารถใช้งานแอปพลิเคชันที่ใช้บริการจาก Google ได้อย่างสมบูรณ์ เช่น Google Maps หรือ Gmail เป็นต้น แต่ก็ทดแทนด้วย HUAWEI Mobile Services (HMS) ที่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถใช้งาน แอปพลิเคชันต่าง ๆ ได้อย่างสะดวกมากยิ่งขึ้น
และสามารถใช้งานได้พร้อมกัน 2 ซิมการ์ด และรองรับการใช้งานบนเครือข่าย 4G LTE ได้ทั้งสองซิมการ์ด (Dual 4G LTE)
เข้าสู่เมนูการปรับแต่งหน้าจอ ที่สามารถปรับตำแหน่งของไอคอน พร้อมตั้งค่า Home, Widgets และเปลี่ยน Wallpaper ได้เพียงใช้ 2 นิ้วลากเข้าหากันในแนวทะแยง
เมื่อลากนิ้วจากขอบด้านบนซ้ายของหน้าจอลงมาจะพบ กับ Notification Center ซึ่งเป็นหน้ารวมสำหรับการแสดงแจ้งเตือนต่าง ๆ และเมื่อลากนิ้วจากขอบด้านบนขวาของหน้าจอจะพบกับ Toggle Switch ปุ่มลัดสำหรับการเปิด-ปิดฟังก์ชัน ต่าง ๆ
โดยผู้ใช้ยังสามารถปรับแต่งตำแหน่งของคีย์ลัด เองได้ด้วย
เมื่อปัดไปที่ด้านซ้ายจากหน้าโฮมสกรีน จะพบกับ HUAWEI Assistant Today ซึ่งเป็นการรวบรวมข่าวสารประจำวัน, คีย์ลัดสำหรับเข้าถึงฟีเจอร์ภายในตัวเครื่อง รวมถึงข้อมูลต่างๆ เกี่ยวกับผู้ใช้ เพื่อให้ผู้ใช้สามารถอัปเดตข้อมูลได้อย่างรวดเร็ว
HUAWEI Mate 50 Pro สามารถปรับตั้งค่าการแสดงผลของหน้าจอได้อย่างหลากหลาย ได้แก่ การปรับความสว่างแบบอัตโนมัติ พร้อม Dark Mode ในการเปลี่ยนพื้นหลังให้กลายเป็นสีดำ และโหมด Eye Comfort
รวมถึงการปรับโทนสีได้ 2 รูปแบบ และอุณหภูมิสีของหน้าจอ
และสามารถปรับค่า Refresh Rate ได้สูงสุดที่ระดับ 120Hz โดยจะช่วยให้การใช้งานต่าง ๆ ลื่นไหลกว่าเดิม ซึ่งสามารถเลือกให้ปรับตามคอนเทนต์ที่แสดงได้แบบอัตโนมัติ เพื่อช่วยประหยัดพลังงาน
รองรับฟังก์ชัน Always On Display สำหรับแสดงเวลา วันที่ และการแจ้งเตือนในต Lockscreen ได้ พร้อมเลือกรูปแบบนาฬิกาได้หลากหลายสไตล์
รองรับฟีเจอร์ Smart Service Widget สำหรับสร้าง widget ให้มีไอคอนขนาดใหญ่ขึ้นกว่าปกติ เพื่อแสดงข้อมูล หรือบริการในแอปที่ต้องการได้ เพียงปัดขึ้นที่ไอคอนแอปนั้น ๆ
พร้อม Smart Folder ในการจัดกลุ่มแอปพลิเคชันที่ต้องการ โดยสามารถเลือกให้แสดงผลขนาดต่าง ๆ ตามความถนัด
และสามารถสร้างเค้าโครง Desktop โดยการวางการ์ด widget ในแบบที่ต้องการ และสร้างแอปที่สนใจในรูปแบบของ waterfall flow ด้วยฟีเจอร์ Stack Widgets ซึ่งสามารถปรับเปลี่ยนตำแหน่งได้
สามารถโอนถ่ายไฟล์ต่าง ๆ บน HUAWEI Mate 50 Pro ได้ง่ายดายด้วย SuperHub เพียงเลือกไฟล์ / ภาพถ่าย / วิดีโอที่ต้องการ พร้อมกดค้างไว้ จนมีหน้าต่าง SuperHub ปรากฎขึ้นที่ด้านขวา แล้วลากไฟล์นั้นลงไป จากนั้นก็สามารถนำไฟล์ที่เลือกไว้ไปวางในแอปที่ต้องการ ซึ่งยังสามารถใช้งานร่วมกับอุปกรณ์อื่น ๆ ระหว่างสมาร์ทโฟนเครื่องอื่น, แท็บเล็ต หรือคอมพิวเตอร์ PC ได้ด้วย
และ HUAWEI Mate 50 Pro ยังให้ความสำคัญด้านความเป็นส่วนตัวด้วย Image Privacy ที่สามารถเลือกลบข้อมูลต่าง ๆของภาพได้ ไม่ว่าจะเป็น สถานที่, เวลา, รุ่นอุปกรณ์ ก่อนทำการแชร์ต่อ
Privacy and Security Center ศูนย์ความเป็นส่วนตัว สำหรับตรวจสอบการเข้าถึงในแอปต่าง ๆ และความถี่ที่แอปเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลด้วยแดชบอร์ดที่ใช้งานง่าย
ตัวเครื่องจะมีค่าเริ่มต้นในการเลือกใช้งานวิธี ควบคุมแบบ Navigation Gestures ซึ่งเป็นการลาก และปัดบริเวณขอบหน้าจอเพื่อสั่งการ
โดยผู้ใช้สามารถเลือกใช้งานปุ่ม Navigation Buttons ที่สามารถปรับตามความถนัดของผู้ใช้ได้
HUAWEIShare สามารถโอนถ่ายข้อมูลทั้งหมดในเครื่องเก่าไปยังโทรศัพท์เครื่องใหม่ได้อย่างง่ายดาย เพียงแค่คลิกเดียว และแชร์ภาพยนตร์ หรือเพลงให้เพื่อนได้รวดเร็วยิ่งขึ้น
สำหรับระบบรักษาความปลอดภัยของ HUAWEI Mate 50 Pro มีทั้งเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือที่ฝังอยู่ใต้หน้าจอ (In-Display Fingerprint) โดยสามารถตั้งค่าการใช้งานเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือสำหรับปลุกการทำงานของเครื่อง หรือปลดล็อกหน้าจอได้ พร้อมทั้งสามารถเพิ่มลายนิ้วมือได้มากกว่า 1 ลายนิ้วมือ ซึ่งจากการทดสอบตัวเซ็นเซอร์ก็สามารถปลดล็อกหน้าจอได้รวดเร็วทันใจ
และระบบการปลดล็อกด้วยใบหน้า (Face Recognition) ที่สามารถปลดล็อกได้อย่างรวดเร็ว โดยสามารถลงทะเบียนได้ทั้งหมด 2 ใบหน้า
HUAWEI Mate 50 Pro มาพร้อมแบตเตอรี่ความจุ 4700 mAh พร้อมโหมดประหยัดพลังงาน Power Saving mode ในการยืดเวลาใช้งานให้นานขึ้น โดยเมื่อเปิดใช้งานจะมีไอคอนใบไม้อยู่ด้านข้างสัญลักษณ์แบตเตอรี่ รวมถึงรองรับฟังก์ชัน Wireless Reverse Charging
และรองรับเทคโนโลยีชาร์จเร็วแบบ 66W HUAWEI SuperCharge ที่ช่วยย่นระยะเวลาในการชาร์จให้เร็วยิ่งขึ้น พร้อมรองรับระบบชาร์จไร้สายความเร็วสูง 50W
และ Performance Mode เพื่อการประมวลผลในระดับสูงสุด โดยเมื่อเปิดใช้งานตัวเครื่องจะใช้ทรัพยากรมากขึ้นอีกระดับหนึ่ง และอาจทำให้แบตเตอรี่หมดเร็วกว่าปกตินั่นเอง
สำหรับเซนเซอร์ในเครื่อง HUAWEI Mate 50 Pro นั้นประกอบด้วย Accelerometer Sensor, Light Sensor, Proximity Sensor, Gyroscope Sensor, Sound Sensor, Magnetic Sensorและ Pressure Sensor
การระบุตำแหน่ง และนำทางมีประสิทธิภาพที่ยอดเยี่ยม ด้วยการรองรับระบบดาวเทียมชั้นนำของโลกครบครัน ทั้ง GPS+A-GPS, Glonass, BeiDou, Galileo, QZSS และ NavIC
HUAWEI Mate 50 Pro มีแอปพลิเคชัน Petal Maps ในการค้นหาสถานที่ และเส้นทาง ที่ใช้งานง่ายด้วยเมนูเรียบหรูสบายตา
HUAWEI Mate 50 Pro มีผลทดสอบจากแอปพลิเคชัน AnTuTu Benchmark ที่ 1,008,746 คะแนน และจากทาง Geekbench 5 ในด้านการประมวลผลแบบแกนเดี่ยว (Single-Core) ที่ 1,269 คะแนน และในด้านการประมวลผลหลายแกน (Multi-Core) ที่ 3,752 คะแนน
HUAWEI Mate 50 Pro มีผลทดสอบการประมวลผลด้านกราฟิกจากแอปพลิเคชัน 3DMark แบบ Wild Life Extreme อยู่ที่ 2,642 คะแนน
HUAWEI Mate 50 Pro รองรับการสัมผัสได้พร้อมกันสูงสุด 10 จุด
จากการทดสอบด้วยการเล่นเกมที่มีกราฟิกแบบ สามมิติอย่าง PUBG Mobile, Luna Mobile : The Moon Country และ Marvel Champions พร้อมเปิดการแสดงผลกราฟิกระดับสูงสุด รวมถึงค่า Refresh Rate ระดับสูง (30Hz - 60Hz) ก็พบว่า HUAWEI Mate 50 Pro นั้นสามารถตอบสนองต่อการใช้งานได้เป็นอย่างดี มีความลื่นไหลกับกราฟิกในระดับสูง ด้วยการรองรับค่า Refresh Rate ในระดับสูงสุดที่ 120Hz โดยไม่มีการหน่วง หรือกระตุกให้ได้เห็น แต่มีการสะสมความร้อนในระดับหนึ่งเมื่อเล่นเกมติดต่อกันเป็นเวลานาน
และสามารถเล่นได้ยาวนานต่อเนื่องด้วยแบตเตอรี่ ความจุ 4700 mAh อีกทั้งยังรองรับเทคโนโลยีชาร์จเร็ว 66W HUAWEI SuperCharge ที่ช่วยย่นระยะเวลาในการชาร์จให้เร็วยิ่งขึ้น แต่ก็มีการสะสมความร้อนให้ได้เห็นบ้างเมื่อใช้งานเวลานาน หรือใช้งานขณะชาร์จ แต่ก็เพียงอุ่นมือเท่านั้น
HUAWEI Mate 50 Pro มาพร้อมหน้าจอแสดงผลแบบ OLED Display ขนาด 6.74 นิ้ว ความละเอียดระดับ 2616x1212 พิกเซล (428 PPI) รองรับค่า Refresh Rate ระดับสูงสุด 120Hz ผสานค่า Touch Sampling Rate ระดับ 300Hz และรองรับการแสดงผลสี 10-bit (1.07 พันล้านสี) จึงสามารถรับชมคอนเทนท์ต่าง ๆ ที่ความละเอียด Full HD 1080p ได้อย่างคมชัดเต็มอรรถรส และให้มุมมองที่กว้างเต็มตาเป็นพิเศษ พร้อมฟังก์ชันลดแสงสีฟ้าที่ช่วยให้แสดงผลได้อย่างคมชัด และถนอมสายตาในตัว
การใช้งานกล้องสำหรับถ่ายภาพ และวิดีโอ
HUAWEI Mate 50 Pro มาพร้อมกับกล้องหลังระดับโปร 3 ตัว (Triple Camera) โดยแบ่งออกเป็น
- กล้อง Ultra Aperture XMAGE ความละเอียด 50 ล้านพิกเซล พร้อมเซนเซอร์รับภาพแบบ RYYB, รูรับแสงแบบ Optical ขนาด f1.4-f4.0 (ปรับได้ 10 ระดับ), ทางยาวโฟกัส 24 มิลลิเมตร, ระยะโฟกัสใกล้สุดที่ 2.5 เซนติเมตร (Super Macro), ระบบป้องกันการสั่นแบบ OIS และระบบโฟกัสอัตโนมัติแบบ PDAF+Laser AF
- กล้อง Ultra Wide Angle ความละเอียด 13 ล้านพิกเซล พร้อมรูรับแสงขนาด f2.2, มุมรับภาพ 120 องศา (ทางยาวโฟกัส 13 มิลลิเมตร) และระบบโฟกัสอัตโนมัติแบบ PDAF
- กล้อง Telephoto ความละเอียด 64 ล้านพิกเซล พร้อมเซนเซอร์รับภาพแบบ RYYB, รูรับแสงขนาด f3.5, ทางยาวโฟกัส 90 มิลลิเมตร, ระบบซูม 3.5x Optical Zoom, ระบบป้องกันการสั่นแบบ OIS และระบบโฟกัสอัตโนมัติแบบ PDAF
โดย Interface ของแอปพลิเคชันกล้องมีการดีไซน์เรียบหรู สบายตา และมีเมนูให้ได้เลือกใช้อย่างชัดเจน ซึ่งรองรับฟังก์ชันพื้นฐานครบครัน โดยรองรับฟีเจอร์ AI Lens, ฟังก์ชัน Master AI ในการตรวจจับซีนต่าง ๆ และฟิลเตอร์แบบต่าง ๆ
รวมถึงมุมกว้างแบบ Ultra-Wide (0.6x) ไปจนถึงการซูมไกลสุดที่ 100x
และโหมด Super Macro สำหรับถ่ายภาพระยะใกล้สุด 2.5 เซนติเมตร
รองรับการถ่ายภาพบุคคล Portrait พร้อม Bokeh Effect ทั้งหมด 6 รูปแบบ ได้แก่ ปกติ, super, circles, hearts, swirl, photo booth และ stage lighting
มีโหมด Face Beauty ปรับให้ผิวเนียนสวยเป็นธรรมชาติทั้งหมด 10 ระดับ
โหมด Aperture ในการถ่ายภาพละลายฉากหลังที่สามารถปรับระดับความเบลอได้ระหว่าง f0.95 - f.16
และสามารถถ่ายวิดีโอในโหมด Aperture ได้ และปรับค่า f ได้แบบ real-time
รวมถึงโหมด Night สำหรับถ่ายภาพเวลากลางคืนโดยเฉพาะ พร้อมโหมดถ่ายมุมกว้างแบบ Ultra-Wide (0.6x) โดยสามารถปรับค่า Shutter Speed รวมถึงค่า ISO ได้สูงสุด 1600
HUAWEI Mate 50 Pro มาพร้อมกับรายละเอียดการตั้งค่าต่างๆ ที่ครบครัน และครอบคลุมสำหรับช่างภาพแทบทั้งหมด ในโหมด Pro โดยรองรับการถ่ายภาพไฟล์ RAW ซึ่งสามารถเก็บข้อมูลภาพได้มากกว่าเดิม ตอบโจทย์การนำไปปรับแต่งในโปรแกรมต่างๆ อย่างเช่น Lightroom โดยไม่สูญเสียคุณภาพไฟล์
ซึ่งสามารถใช้งานโหมดนี้สำหรับการถ่ายวิดีโอได้ ด้วยเช่นกัน
โดย HUAWEI Mate 50 Pro รองรับการบันทึกวิดีโอความละเอียดสูงสุดที่ระดับ 4K UHD (60 fps) และรองรับระบบกันสั่นแบบ Steady Shot พร้อมระบบ Tracking Shot
และโหมด Face Beauty ปรับผิวให้เนียนสวยทั้งหมด 10 ระดับ (รองรับที่ความละเอียดสูงสุดระดับ Full HD 1080p 30fps)
รวมถึงโหมด Story Creator ที่มีเทมเพลตแบบต่าง ๆ ให้เลือกใช้งานหลากหลายสไตล์
ทางด้านกล้องหน้า True-Chroma ความละเอียด 13 ล้านพิกเซล (f2.4)
รองรับการถ่ายเซลฟี่มุมกว้างพิเศษ 2 ระดับ
รองรับโหมดยอดนิยมอย่าง Portrait ในมุมกว้างแบบ Wide ด้วยเช่นกัน
พร้อม Bokeh Effect ทั้งหมด 5 รูปแบบ ได้แก่ ปกติ, circles, hearts, swirl, photo booth และ stage lighting (เฉพาะระยะ 1x)
มีโหมด Beauty ปรับให้ผิวเนียนสวยเป็นธรรมชาติ โดยสามารถปรับระดับความเนียน, แสงเงา และโทนสีผิวได้
โหมด Night สำหรับถ่ายเซลฟี่ในเวลากลางคืนโดยเฉพาะ พร้อมฟังก์ชัน Flash Always On สำหรับเพิ่มแสงให้ใบหน้าแลดูสว่างเป็นธรรมชาติ
และรองรับการทำงานร่วมกับโหมด Beauty โดยสามารถปรับระดับความเนียน, แสงเงา และโทนสีผิวได้
รองรับการบันทึกวิดีโอด้วยกล้องหน้าความละเอียด สูงสุดที่ระดับ 4K UHD (60 fps) เหมือนกล้องหลัง พร้อมการถ่ายมุมกว้างพิเศษ
และมีโหมด Face Beauty ปรับผิวให้เนียนสวย (รองรับที่ความละเอียดสูงสุดระดับ Full HD 1080p 30fps)
รวมถึงฟังก์ชัน Flash Always On สำหรับเพิ่มแสงให้ใบหน้าแลดูสว่างเป็นธรรมชาติ
ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องหลัง 3 ตัว ความละเอียด 50+13+64 ล้านพิกเซล ของ HUAWEI Mate 50 Pro
ตัวอย่างภาพถ่ายจากโหมดปกติ
ตัวอย่างภาพถ่ายจากโหมดปกติแบบ Ultra-Wide
เปรียบเทียบภาพถ่ายจากโหมดปกติแบบ Wide และ Ultra-Wide
เปรียบเทียบภาพถ่ายจากโหมดปกติแบบ Wide และ Ultra-Wide
เปรียบเทียบภาพถ่ายในระยะซูมต่าง ๆ 0.6x Ultra Wide, 1x Wide, 3.5x Optical Zoom, 10x Hybrid Zoom, 50x Digital Zoom และ 100x Digital Zoom
ตัวอย่างภาพถ่ายจากโหมด Portrait
ตัวอย่างภาพถ่ายจากโหมด Aperture ที่รูรับแสงขนาด f2.4
ตัวอย่างภาพถ่ายจากโหมด Aperture ที่รูรับแสงขนาด f1.4
ตัวอย่างภาพถ่ายจากโหมด Aperture ที่รูรับแสงขนาด f4.0
ตัวอย่างภาพถ่ายจากโหมด Super Macro
ตัวอย่างภาพถ่ายเวลากลางคืนจากโหมด Night
ตัวอย่างภาพถ่ายเวลากลางคืนจากโหมด Night แบบ Ultra-Wide
ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องหน้า True-Chroma ความละเอียด 13 ล้านพิกเซล ของ HUAWEI
Mate 50 Pro
ตัวอย่างภาพถ่ายเซลฟี่จากโหมดปกติในระยะต่าง ๆ ได้แก่ 1x Wide, 0.8x Ultra-Wide และ 0.6x Ultra-Wide
ตัวอย่างภาพถ่ายเซลฟี่จากโหมดปกติในระยะต่าง ๆ ได้แก่ 1x Wide, 0.8x Ultra-Wide และ 0.6x Ultra-Wide
ตัวอย่างภาพถ่ายเซลฟี่จากโหมด Beauty ในระยะต่าง ๆ ได้แก่ 1x Wide, 0.8x Ultra-Wide และ 0.6x Ultra-Wide
ตัวอย่างภาพถ่ายเซลฟี่จากโหมด Beauty ในระยะต่าง ๆ ได้แก่ 1x Wide, 0.8x Ultra-Wide และ 0.6x Ultra-Wide
ตัวอย่างภาพถ่ายเซลฟี่จากโหมด Portrait
สรุปผลการทดสอบของ HUAWEI Mate 50 Pro
จากที่มีโอกาสใช้งาน HUAWEI Mate 50 Pro มาระยะหนึ่งก็พอจะสรุปได้ว่า นี่คือเรือธงรุ่นใหญ่ตัวใหม่ที่มีความสามารถระดับสูงอันหลากหลาย โดยเฉพาะการถ่ายภาพที่ตอบโจทย์ได้เป็นอย่างดี ด้วยชุดกล้อง Ultra Aperture XMAGE ที่ทาง HUAWEI พัฒนาขึ้นเอง ที่เก็บภาพได้สวยงามทุกสภาพแสง พร้อมกับฟังก์ชันการถ่ายภาพที่ให้มาครบครัน ไม่ว่าจะเป็น การซูมสูงสุดที่ 200 เท่า, โหมด Portrait Bokeh ที่อัปเกรดความสามารถเอฟเฟกต์ Bokeh ได้แม่นยำ และเป็นธรรมชาติมากขึ้น พร้อมรูปแบบ Bokeh Effect ทั้งหมด 6 รูปแบบ, โหมด Beauty ปรับผิวเนียนสวยได้ 10 ระดับ, โหมด Aperture ในการถ่ายภาพละลายฉลากหลังที่สามารถปรับระดับความเบลอได้ระหว่าง f0.95-f16, โหมดถ่ายภาพความละเอียดสูง High-Res, โหมด Super Marco ถ่ายภาพระยะใกล้สุด 2.5 เซนติเมตร, โหมด Night สำหรับถ่ายภาพกลางคืน, โหมด Pro สำหรับตั้งค่าด้านต่าง ๆ เพิ่มเติม, โหมด Snapshot, โหมด Multi-Cam ในการเชื่อมต่อกับมือถือ HUAWEI อีกเครื่องเพื่อถ่ายภาพในเวลาเดียวกันแต่ต่างมุม โดยรองรับการบันทึกวิดีโอสูงสุดที่ระดับ 4K UHD (60 fps) พร้อมโหมด Dual-View ในการบันทึกภาพจากทั้งกล้องหน้า และกล้องหลังพร้อมกัน รวมถึงโหมด Slo-mo รวมถึงโหมดที่เหมาะกับสายคอนเทนต์อย่าง Story Creator ในการสร้างสตอรี่ง่าย ๆ ด้วยปลายนิ้ว นอกจากนี้ยังรองรับเทคโนโลยี HUAWEI XD Optics ที่ช่วยเพิ่มความคมชัดให้ภาพถ่าย พร้อมเทคโนโลยี HUAWEI XD Fusion Pro Image Engine ที่จะช่วยปรับรายละเอียดของภาพถ่ายให้มีความละเอียดมากยิ่งขึ้นแบบเดียวกับกล้อง SLR และ True-Chroma Image Engine ที่จะช่วยถ่ายทอดราย ละเอียดของสีสันตามขอบเขตสีแบบ DCI-P3 และการปรับสีกว่า 2,000 สีที่ช่วยยกระดับการถ่ายภาพให้ดีขึ้นอีกขั้น
ทางด้านกล้องหน้า HUAWEI Mate 50 Pro ก็ครบเครื่อง โดยรองรับการถ่ายภาพเซลฟี่มุมกว้างถึง 2 ระดับ จะถ่ายภาพเดี่ยว หรือกลุ่มก็ทำได้ดี พร้อมรองรับโหมดยอดนิยมอย่าง Portrait ที่ปรับ Bokeh Effect ได้ทั้งหมด 5 รูปแบบ, โหมด Night สำหรับถ่ายเซลฟี่ในเวลากลางคืนโดยเฉพาะ พร้อมฟังก์ชัน Flash Always On สำหรับเพิ่มแสงให้ใบหน้าแลดูสว่างเป็นธรรมชาติ และรองรับการถ่ายวิดีโอความละเอียดสูงสุด 4K UHD (60 fps) เหมือนกล้องหลัง พร้อมการถ่ายมุมกว้างพิเศษ
ด้านความบันเทิง HUAWEI Mate 50 Pro ก็ตอบโจทย์อย่างดี ด้วยหน้าจอ OLED ขนาดใหญ่ 6.74 นิ้ว ความละเอียดระดับ 2616x1212 พิกเซล (428 PPI) ที่รองรับการแสดงผลสีแบบ 10-bit (1.07 พันล้านสี) จึงสามารถรับชมคอนเทนต์ต่าง ๆ ได้อย่างคมชัดทุกรายละเอียด และให้สีสันที่สมจริง พร้อมค่า Refresh Rate ระดับสูงสุด 120Hz ผสานค่า PWM Dimming ระดับ 1440Hz และ Touch Sampling Rate ระดับ 300Hz ที่ช่วยให้การตอบสนองต่าง ๆ รวดเร็วทันใจ โดยเฉพาะตอนเล่นเกมที่ช่วยให้ไม่พลาดช็อตสำคัญ รวมถึงมีลำโพงเสียงแบบคู่ ที่ช่วยเพิ่มอรรถรสในการใช้งานต่าง ๆ ให้เต็มที่ขึ้นไปอีกขั้น ไม่ว่าจะดูหนัง หรือเล่นเกม โดยมีเซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือใต้หน้าจอ (In-Display Fingerprint Sensor) พร้อมระบบปลดล็อกด้วยใบหน้า (Face Unlock) ด้วยเซนเซอร์ 3D ToF ที่สามารถปลดล็อกหน้าจอได้อย่างรวดเร็วทันใจ
HUAWEI Mate 50 Pro รองรับการใช้งานแบบหนัก ๆ ตอบโจทย์ทุกงานที่ต้องการทรัพยากรเครื่องสูง ด้วยชิปเซ็ต Qualcomm Snapdragon 8+ Gen1 4G ที่มากับ RAM ขนาด 8GB สามารถใช้งานแบบ Multitasking ได้เต็มที่ทุกด้าน พร้อมความลื่นไหลไม่มีสะดุด และมี ROM ขนาด 256GB ที่สามารถรองรับการใช้งานในปัจจุบันได้อย่างเพียงพอ และหากต้องการเพิ่มพื้นที่จัดเก็บ ก็สามารถเพิ่มหน่วยความจำภายนอกแบบ NM Card ได้ นอกจากนี้ยังสามารถใช้งานตัวเครื่องได้ยาวนานด้วยแบตเตอรี่ความจุ 4700 mAh ที่รองรับเทคโนโลยีชาร์จเร็วแบบ 66W HUAWEI SuperCharge พร้อมระบบการชาร์จไร้สายความเร็วสูง 50W Wireless HUAWEI SuperCharge ที่ช่วยย่นระยะเวลาในการชาร์จได้เป็นอย่างดี รวมถึงโหมดประหยัดพลังงานที่ช่วยยืดเวลาการใช้งานให้ยาวนานออกไปอีก หรือจะโหมด Performance สำหรับเร่งประสิทธิภาพตัวเครื่องในด้านต่าง ๆ ให้อยู่ในระดับสูงสุด ก็มีให้เลือกใช้ แต่ก็แลกมาด้วยการใช้ทรัพยากรที่มากขึ้น จึงอาจทำให้แบตเตอรี่หมดเร็วกว่าเดิมนั่นเอง อีกทั้งยังมีฟังก์ชัน Wireless Reverse Charging ในการแปลงตัวเครื่องเป็นแม่นชาร์จไร้ สายให้กับอุปกรณ์เครื่องอื่น
ซึ่งทั้งหมดนี้ทำงานอยู่บนระบบปฏิบัติการ EMUI 13 ใหม่ล่าสุด พร้อมบริการ HUAWEI Mobile Services (HMS) โดยผู้ใช้สามารถดาวน์โหลดแอปพลิเคชันต่าง ๆ ได้ผ่าน HUAWEI AppGallery ที่ ณ ตอนนี้ก็เริ่มมีแอปพลิเคชัน Local ให้ดาวน์โหลดใช้งานอย่างหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น Line, K Plus, เป๋าตัง หรือ Tiktok เป็นต้น รวมไปถึงแอปพลิเคชันเกม นอกจากนี้ ยังสามารถดาวน์โหลดแอปพลิเคชันเพิ่มเติมที่ไม่มีใน HUAWEI AppGallery ผ่านทาง Petal Search ได้อีกด้วย แต่อย่างไรก็ดี เนื่องจาก HUAWEI Mate 50 Pro รองรับเฉพาะบริการ HMS จึงอาจทำให้ไม่สามารถใช้งานแอปพลิเคชันที่ต้องการ Google Mobile Services (GMS) ได้อย่างสมบูรณ์
โดยล่าสุดวันนี้ HUAWEI ประเทศไทย ก็ได้เปิดตัว พร้อมประกาศราคาของ HUAWEI Mate 50 Series อย่างเป็นทางการแล้ว ได้แก่ HUAWEI Mate 50 ในราคา 36,990 บาท และ HUAWEI Mate 50 Pro ในราคา 43,990 บาท กับตัวเลือก 2 สี ได้แก่ สีเงิน (Silver) และสีดำ (Black) โดยสามารถสั่งซื้อได้ที่หน้าร้าน HUAWEI Experience Store, ร้านค้าที่ร่วมรายการ รวมถึงช่องทางออนไลน์ที่ HUAWEI Store และร้านค้าอย่างเป็นทางการของหัวเว่ยบน Lazada
สุดท้ายนี้ ต้องขอขอบคุณทาง HUAWEI ประเทศไทย ที่ให้ความไว้วางใจส่งเครื่อง HUAWEI Mate 50 Pro ยอดเรือธงรุ่นใหญ่ใหม่ล่าสุดนี้มาให้ทางทีมงานได้ทำการรีวิวให้ท่านผู้อ่านได้รับชมกัน และขอขอบคุณสถานที่สวย ๆ จากทางร้าน ลาภปาก (Laappaak Dining room) สำหรับวันนี้ต้องขอลาไปก่อน พบกันได้ใหม่ในโอกาสหน้า สวัสดีค่ะ
จุดเด่นของ
HUAWEI Mate 50 Pro
- ดีไซน์กล้องแบบ Space Ring Design ที่มีความสมมาตร พร้อมลวดลาย Clous de
Paris บนตัวเครื่องที่มีความโค้งมน กับพื้นผิวที่เงางามพรีเมียม
ผลิตจากกระจกคุณภาพสูงที่แข็งแรงทนทาน
- ตัวเครื่องมีคุณสมบัติของการทนน้ำ-ทนฝุ่นในระดับ IP68 (ทนน้ำได้ลึกสูงสุด 2
เมตร)
- มีตัวเลือก 2 สี ได้แก่ สีดำ (Black) และสีเงิน (Silver)
------------------------------------------------------------------
- จอแสดงผลแบบ OLED Display ขนาด 6.74 นิ้ว ความละเอียดระดับ 2616x1212
พิกเซล (428 PPI)
- อัตราการรีเฟรช (Refresh Rate) สูงสุดที่ 120Hz
- อัตราการตอบสนองของระบบสัมผัส (Touch Sampling Rate) สูงสุดที่ 300Hz
- เทคโนโลยี High Frequency PWM Dimming (1440Hz)
- รองรับการแสดงผลแบบ 1.07 พันล้านสี (10-bit)
- รองรับช่วงสีกว้างแบบ DCI-P3
- อัตราส่วนแบบ 19.5:9
- เซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือแบบฝังใต้หน้าจอ (In-Display Fingerprint Sensor) พร้อมระบบปลดล็อกด้วยใบหน้า (Face Unlock)
------------------------------------------------------------------
- ประมวลผลด้วยชิปเซ็ต Qualcomm Snapdragon 8+ Gen 1 4G (SM8475)
- หน่วยประมวลผลกราฟิก (GPU) Adreno 730
- หน่วยความจำแรม (RAM) แบบ LPDDR5 ขนาด 8 GB
- หน่วยความจำภายในสำหรับเก็บบันทึกข้อมูล (ROM) แบบ UFS 3.1 ขนาด 256 GB
- รองรับการ์ดหน่วยความจำเสริมแบบ NM Card (Nano Memory Card)
- แบตเตอรี่ความจุ 4700 mAh พร้อมระบบชาร์จแบตเตอรี่ความเร็วสูงแบบ 66W HUAWEI SuperCharge (11V/6A), ระบบชาร์จแบตเตอรี่ไร้สายความเร็วสูงแบบ 50W Wireless HUAWEI SuperCharge และฟีเจอร์ 5W Reverse Wireless Charging
- ทำงานอยู่บนระบบปฏิบัติการ EMUI 13 (พัฒนาอยู่บนพื้นฐานของระบบปฏิบัติการ Android 12)
------------------------------------------------------------------
กล้องดิจิทัลด้านหลัง 3 ตัว (Triple Camera) ประกอบด้วย
- กล้อง Ultra Aperture XMAGE ความละเอียด 50 ล้านพิกเซล พร้อมเซนเซอร์รับภาพแบบ RYYB, รูรับแสงแบบ Optical ขนาด f1.4-f4.0 (ปรับได้ 10 ระดับ), ทางยาวโฟกัส 24 มิลลิเมตร, ระยะโฟกัสใกล้สุดที่ 2.5 เซนติเมตร (Super Macro), ระบบป้องกันการสั่นแบบ OIS และระบบโฟกัสอัตโนมัติแบบ PDAF+Laser AF
- กล้อง Ultra Wide Angle ความละเอียด 13 ล้านพิกเซล พร้อมรูรับแสงขนาด f2.2, มุมรับภาพ 120 องศา (ทางยาวโฟกัส 13 มิลลิเมตร) และระบบโฟกัสอัตโนมัติแบบ PDAF
- กล้อง Telephoto ความละเอียด 64 ล้านพิกเซล พร้อมเซนเซอร์รับภาพแบบ RYYB, รูรับแสงขนาด f3.5, ทางยาวโฟกัส 90 มิลลิเมตร, ระบบซูม 3.5x Optical Zoom, ระบบป้องกันการสั่นแบบ OIS และระบบโฟกัสอัตโนมัติแบบ PDAF
โดยมาพร้อมเทคโนโลยี XMAGE ที่ทาง HUAWEI พัฒนาขึ้นเอง รองรับเทคโนโลยี HUAWEI XD Optics ที่ช่วยเพิ่มความคมชัดให้ภาพถ่าย พร้อมเทคโนโลยี HUAWEI XD Fusion Pro Image Engine ที่จะช่วยปรับรายละเอียดของภาพถ่ายให้มีความละเอียดมากยิ่งขึ้นแบบเดียวกับกล้อง SLR และ True-Chroma Image Engine ที่จะช่วยถ่ายทอดรายละเอียดของสีสันตามขอบเขตสีแบบ DCI-P3 และการปรับสีกว่า 2,000 สี
พร้อมปรับค่ารูรับแสงทางกายภาพได้ 10 ระดับ (f1.4/1.6/1.8/2.0/2.2/2.5/2.8/3.2/3.5/4.0), ระบบซูมแบบ 3.5x Optical Zoom/10x Hybrid Zoom/100x Digital Zoom, ช่วงซูมสูงสุด 200 เท่า (0.5x-100x : 13mm-2700mm), โหมด Portrait Bokeh
ที่อัปเกรดความสามารถเอฟเฟกต์ Bokeh ได้แม่นยำ และเป็นธรรมชาติมากขึ้น
พร้อมรูปแบบ Bokeh Effect ทั้งหมด 6 รูปแบบ, โหมด Beauty ปรับผิวเนียนสวยได้
10 ระดับ, โหมด Aperture
ในการถ่ายภาพละลายฉลากหลังที่สามารถปรับระดับความเบลอได้ระหว่าง f0.95-f16,
โหมดถ่ายภาพความละเอียดสูง High-Res, โหมด Super Marco ถ่ายภาพระยะใกล้สุด
2.5 เซนติเมตร, โหมด Night สำหรับถ่ายภาพกลางคืน, โหมด Pro
สำหรับตั้งค่าด้านต่าง ๆ เพิ่มเติม, โหมด Snapshot, โหมด Multi-Cam
ในการเชื่อมต่อกับมือถือ HUAWEI อีกเครื่องเพื่อถ่ายภาพในเวลาเดียวกัน
แต่ต่างมุม โดยรองรับการบันทึกวิดีโอสูงสุดที่ระดับ 4K UHD (60 fps)
พร้อมโหมด Dual-View ในการบันทึกภาพจากทั้งกล้องหน้า และกล้องหลังพร้อมกัน
รวมถึงโหมด Slo-mo รวมถึงโหมดที่เหมาะกับสายคอนเทนต์อย่าง Story Creator
ในการสร้างสตอรี่ง่าย ๆ ด้วยปลายนิ้ว
กล้องดิจิทัลด้านหน้า True-Chroma ความละเอียด 13 ล้านพิกเซล
พร้อมรูรับแสงขนาด f2.4, รองรับการถ่ายภาพเซลฟี่มุมกว้างพิเศษ 2 ระดับ, โหมด Face
Beauty ปรับผิวให้สวยเป็นธรรมชาติ พร้อมโหมดถ่ายภาพบุคคล Portrait, โหมด
Night สำหรับถ่ายเซลฟี่เวลากลางคืน หรือที่แสงน้อย พร้อทฟังก์ชัน Flash
Always On เพิ่มแสงให้ใบหน้า และการบันทึกวิดีโอความละเอียดสูงสุดที่ระดับ 4K
UHD (60fps) แบบมุมกว้างพิเศษ พร้อม Face Beauty
------------------------------------------------------------------
- กล้อง 3D Depth Sensing (เซนเซอร์ 3D ToF) สำหรับการตรวจจับความลึก และการสแกนใบหน้า
- ฟีเจอร์ Super Storage สำหรับตรวจจับไฟล์ที่ซ้ำกันโดยอัตโนมัติ
และสามารถเลือกบีบอัดไฟล์ที่ซ้ำกันได้ในแอพ HUAWEI Optimiser
- ฟีเจอร์ SuperRender ช่วยลดอุณหภูมิตัวเครื่องหลังจากใช้งานต่อเนื่อง
โดยเฉพาะการเปิดเล่นเกมด้วยค่า Refresh Rate ระดับสูง
- ฟีเจอร์ Super Device ในการทำงานร่วมกับอุปกรณ์อื่น ๆ แบบไร้รอยต่อ
ไม่ว่าจะเป็น สมาร์ทโฟนเครื่องอื่น, แล็ปท็อป, แท็บเล็ต, ลำโพง, สมาร์ทวอทช์,
หูฟังไร้สาย ไปจนถึงสมาร์ทวิชั่น
- เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตผ่านทางระบบ Wi-Fi 6 (Dual Band (2.4/5 GHz), Dual 4G
LTE, 3G WCDMA และ 2G EDGE/GPRS
- เชื่อมต่อข้อมูลแบบไร้สายผ่านทาง Bluetooth 5.2 และ NFC
- ระบุตำแหน่ง และนำทางด้วยระบบดาวเทียม GPS+A-GPS (L1+L5), Glonass, Galileo
(E1+E5a), BeiDou (B1I+B1C+B2a), QZSS (L1+L5) และ NavIC
- พอร์ตเชื่อมต่อแบบ USB Type-C (USB 3.1 Gen1) พร้อมรองรับการใช้งาน OTG
(USB On-the-Go)
- ลำโพงเสียงแบบคู่ (Dual Stereo Speaker)
- ราคา 43,990 บาท
จุดที่อาจจะต้องพิจารณาเพิ่มเติมของ HUAWEI Mate 50 Pro
- ติดตั้ง HUAWEI Mobile Services (HMS) มาให้ใช้งานแทน Google Mobile
Services (GMS)
- ไม่รองรับการใช้งานบนเครือข่าย 5G
- ตัวเครื่องมีความเงา จึงอาจเกิดรอยนิ้วมือ หรือคราบต่าง ๆ ได้ง่าย
- ไม่มีพอร์ตหูฟังขนาด 3.5 มิลลิเมตร
- รองรับเฉพาะการ์ดหน่วยความจำแบบ NM Card (Nano Memory Card) (ไม่รองรับ microSD Card)
สรุปคุณสมบัติเครื่อง
ท่านสามารถตรวจสอบคุณสมบัติ (สเปก) และราคา ของ HUAWEI Mate 50 Pro ได้โดยการคลิกที่ลิงก์ด้านล่างนี้
สรุปคุณสมบัติ (สเปก) และราคา ของ HUAWEI Mate 50 Pro
โปรดทราบ
* โทรศัพท์มือถือที่ท่านเห็นในบทความรีวิวนี้เป็นเพียงเครื่องทดสอบจากทางผู้ผลิต เพราะฉะนั้นคุณสมบัติบางอย่างอาจมีความแตกต่างจากเครื่องที่วางจำหน่ายจริงบ้างไม่มากก็น้อย รวมถึงจุดด้อยบางประการที่พบในเครื่องทดสอบ อาจจะถูกแก้ไขปรับปรุงให้ดีขึ้นในเครื่องที่วางจำหน่ายจริง ดังนั้นหากท่านสนใจซื้อโทรศัพท์มือถือรุ่นนี้ ควรตรวจสอบ หรือทดลองใช้งานสินค้าด้วยตนเองอีกครั้งหนึ่ง *
วันที่ : 18/11/2022