เทียบสเปก Xiaomi Redmi Note 6 Pro และ Redmi Note 5 อัปเกรดขึ้นจากเดิมอย่างไร มีฟีเจอร์จัดเต็มเพียงไหน มาดูกัน!

เรียกได้ว่าไม่ปล่อยให้รอกันนานเลยสำหรับ Xiaomi Redmi Note 6 Pro ที่เปิดตัวพร้อมวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการในประเทศไทยเรียบร้อยแล้ว ด้วยราคาสบายกระเป๋าเพียง 6,990 บาท กับการปรับดีไซน์หน้าจอไร้ขอบให้เป็นแบบสมัยนิยมมากขึ้น รวมถึงฟีเจอร์ภายในหลายด้านด้วยกัน ซึ่งในวันนี้ทางทีมงาน Thaimobilecenter ได้นำ Xiaomi Redmi Note 6 Pro และ Redmi Note 5 รุ่นก่อนหน้ามาเปรียบเทียบดีไซน์ และคุณสมบัติตัวเครื่องให้ได้ชมกันแบบชัดๆ ว่ามีการอัปเกรดขึ้นจากเดิมในด้านในบ้าง หากพร้อมแล้วไปชมพร้อมกันได้เลยค่ะ

เปรียบเทียบดีไซน์ และรูปลักษณ์ภายนอก

Xiaomi Redmi Note 5

Xiaomi Redmi Note 6 Pro

มาเริ่มกันที่ดีไซน์จะเห็นได้ว่า Xiaomi Redmi Note 6 Pro มีรูปลักษณ์ที่เปลี่ยนไปจากเดิม ด้วยการมีรอยบาก (Notch) ที่ด้านบน จึงทำให้อัตราส่วนของหน้าจออยู่ที่ 19:9 จากเดิมที่ 18:9 และมุมขอบหน้าจอมีความโค้งรับกับขอบตัวเครื่องมากขึ้น นอกจากนี้ Redmi Note 6 Pro ยังได้อัปเกรดมาใช้งานกล้องหน้าแบบคู่ (Dual Selfie Camera) อีกด้วย ส่วนที่ด้านหลังมีการดีไซน์เหมือนกันในทุกประการ

เปรียบเทียบคุณสมบัติ และฟีเจอร์ภายใน

จากตารางข้างต้นจะเห็นได้ว่า Xiaomi Redmi Note 6 Pro อัปเกรดขึ้นอยู่ในหลายด้าน เริ่มที่หน้าจอแสดงผลขนาดใหญ่ขึ้นที่ 6.26 นิ้ว ในอัตราส่วน 19:9 และการทำงานอยู่บนระบบปฏิบัติการ Android 8.0 Oreo ที่ใหม่กว่าเดิม รวมถึงอัปเกรดด้านการถ่ายภาพด้วยกล้อง AI Camera ถึง 4 ตัวในเครื่องเดียว โดยแบ่งออกเป็นกล้องหลังแบบคู่ (AI Dual Camera) ความละเอียด 12+5 ล้านพิกเซล พร้อมเทคโนโลยี Dual Pixel Autofocus, มีพิกเซลขนาด 1.4 ไมครอน พร้อมรูรับแสงขนาด F/1.9 ซึ่งรองรับการถ่ายภาพหน้าชัดหลังเบลอ AI Portrait 2.0 และเทคโนโลยี AI Scene Recognition กว่า 206 ซีน กับอีก 27 ประเภท รวมถึงระบบป้องกันภาพสั่นไหวแบบ EIS

สำหรับกล้องหน้าคู่ (Dual Selfie Camera) มีความละเอียดที่ 20+2 ล้านพิกเซล พร้อมรองรับเทคโนโลยี Super Pixel และมีพิกเซลขนาด 1.8 ไมครอน พร้อมรูรับแสงขนาด F/2.0, รองรับการถ่ายภาพหน้าชัดหลังเบลอ (AI Portrait 2.0), เทคโนโลยี AI Beautify 4.0 และเทคโนโลยี AI Scene Recognition ในการจำแนกซีนต่างๆ ได้ถึง 12 ประเภท 

ส่วนคุณสมบัติในด้านอื่นๆ ที่ทั้ง Xiaomi Redmi Note 6 Pro และ Redmi Note 5 มีเหมือนกันได้แก่ ความคมชัดของหน้าจอแสดงผลที่ระดับ Full HD+ พร้อมขับเคลื่อนด้วยชิปเซ็ต Qualcomm Snapdragon 636 จับคู่กับ RAM 4GB และใช้งานได้ยาวนานต่อเนื่องด้วยแบตเตอรี่ความจุ 4000 mAh ที่รองรับเทคโนโลยีชาร์จเร็ว รวมถึงระบบรักษาความปลอดภัยทั้งเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือที่ด้านหลังของตัวเครื่อง และระบบสแกนใบหน้า

อย่างไรก็ดี ทุกอย่างต้องขึ้นอยู่กับตัวผู้ใช้แต่ละท่านเองค่ะว่า สมาร์ทโฟนรุ่นใดมีฟีเจอร์ที่สามารถตอบโจทย์การใช้งานในไลฟ์สไตล์ของท่านได้ครบด้านมากที่สุด และมีความชื่นชอบสมาร์ทโฟนรุ่นใดมากกว่ากัน กล่าวคือนอกเหนือไปจากการดีไซน์ และฟีเจอร์การใช้งานภายในแล้วนั้น ความชอบ และรสนิยมส่วนบุคคลก็ถือเป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญในการเลือกซื้อสมาร์ทโฟนสักเครื่องหนึ่ง ซึ่งหากว่าได้ทดลองใช้งานในเบื้องต้นแล้วเกิดความพึงพอใจ ทั้งในด้านการใช้งาน, การดีไซน์ และราคา ก็ถือได้ว่าสมาร์ทโฟนรุ่นนั้นควรค่าแก่การจับจองเป็นเจ้าของแล้วค่ะ 

นำเสนอบทความโดย : thaimobilecenter.com

วันที่ : 4/10/2561