มือถือ 5G น่าซื้อหรือยัง? มาดู 6 เหตุผลที่อาจจะยังไม่ควรซื้อมือถือ 5G ตอนนี้
เรียกได้ว่าในปี 2020 นี้ เราได้เห็นการเปิดตัวสมาร์ทเรือธงจากแบรนด์ใหญ่ๆ ที่มาพร้อมความสามารถในการเชื่อมต่อเครือข่าย 5G และล่าสุดในสมาร์ทโฟนระดับกลางรุ่นใหม่ก็เริ่มรองรับฟีเจอร์นี้แล้วเช่นเดียวกัน เรียกได้ว่าคุณสมบัติดังกล่าวได้กลายเป็นหนึ่งในมาตรฐานใหม่ของสมาร์ทโฟนปัจจุบัน
สำหรับประเทศไทยเอง ก็มีการเปิดตัวมือถือ 5G และทางผู้ให้บริการเครือข่ายสัญญาณโทรศัพท์มือถือก็เริ่มเปิดให้บริการ 5G เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งหลายคนอาจจะเกิดคำถามว่า แล้วเราควรซื้อมือถือ 5G เลยหรือไม่ และก็มีอีกหลายคนที่มองว่ายังไม่จำเป็นที่ต้องซื้อตอนนี้ ทางทีมงานจึงได้รวบรวมข้อมูลมาฝากทุกท่านถึงความน่าสนใจของ มือถือ 5G และเหตุผลการประกอบการตัดสินใจในการเลือกซื้อมือถือ 5G ในตอนนี้
มือถือ 5G คืออะไร?
ที่มา : UIH
เริ่มกันที่ความหมายของมือถือ 5G โดย G แปลว่า Generation หรือยุคสมัย ฉะนั้น 5G ก็คือมาตรฐานการเชื่อมต่อไร้สายในยุคที่ 5 ที่ต่อยอดมาจาก 4G ของปัจจุบัน ด้วยความเร็วในการรับส่งข้อมูลระดับกิกะบิตต่อวินาที (Gbps) เทียบเท่ากับการเชื่อมต่อแบบไฟเบอร์ ซึ่งเร็วกว่า 4G ประมาณ 20 เท่า โดยสูงสุดที่ 20 Gbps. (20GB ต่อวินาที) โดยสมารถเล่นอินเทอร์เน็ตในระดับที่เร็วขึ้น ตั้งแต่การใช้งานทั่วๆ ไปอย่างการท่องเว็บไซต์, ดาวน์โหลดข้อมูลต่างๆ เช่น เพลง หรือภาพยนตร์ รวมถึงในด้านความบันเทิงทุกรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นการฟังเพลง, ชมภาพยนตร์/ซีรีส์ และเล่นเกมออนไลน์ นอกจากนี้ในด้านเทคโนโลยี Virtual Reality และ Augmented Reality ก็จะมีความก้าวหน้ามากยิ่งขึ้น
อีกทั้งยังตอบสนองต่อการใช้งานได้เร็วขึ้น ด้วยค่าความหน่วงเวลา (Latency) น้อยกว่า 1-10 Millisecond ที่ต่ำลงกว่าเดิมถึง 10 เท่า และรองรับการรับ-ส่งข้อมูลในปริมาณมากขึ้น 7 เท่า ที่ 50 Exabytes ต่อเดือน จาก 7.2 Exabytes ต่อเดือน บนเครือข่าย 4G นอกจากนี้ยังรองรับการใช้งานในแต่ละพื้นที่มากกว่า 10 เท่า โดยเครือข่าย 5G รองรับผู้ใช้งานมากถึงระดับล้านอุปกรณ์ต่อตารางกิโลเมตร จากที่รองรับผู้ใช้ได้ราว 1 แสนคนต่อตารางกิโลเมตรเลยทีเดียว
ควรซื้อมือถือ 5G ตอนนี้หรือไม่?
จากความสามารถของ 5G ก็ปฏิเสธไม่ได้เลยว่ามีความน่าสนใจ และจะช่วยยกระดับการใช้งานให้ดียิ่งขึ้นไปอีกขั้นได้อย่างแน่นอน แต่ในช่วงเริ่มต้นการใช้งานเช่นนี้ เราควรซื้อมือถือ 5G เลยหรือไม่ ในวันนี้ทางทีมงานขอยก 6 เหตุผลที่อาจจะยังไม่ควรซื้อมือถือ 5G ตอนนี้ เพื่อเป็นแนวทางการเลือกซื้อสำหรับท่านที่สนใจ ดังนี้
1 : มือถือ 5G มีราคาสูง
เนื่องจากความสามารถในการเชื่อมต่อ 5G เป็นฟีเจอร์ใหม่ ดังนั้นมือถือที่รองรับคุณสมบัตินี้ จำเป็นต้องใช้งานชิปเซ็ต และฮาร์ดแวร์ต่างๆ ที่เป็นรุ่นใหม่ตามไปด้วย อีกทั้งมีต้นทุนในด้าน R&D เพิ่มเติม เนื่องจากมีความต้องการวางเสารับสัญญาณเพิ่มขึ้น
สังเกตได้จากมือถือเรือธงของแต่ละค่ายที่รองรับ 5G จะมีราคาวางจำหน่ายที่ค่อนข้างสูงทั้งสิ้น แต่ก็แลกมากับประสบการณ์การใช้งานที่ดีกว่านั่นเอง
2 : มีตัวเลือกไม่หลากหลาย
แม้ว่าจะมีการเปิดตัวมือถือ 5G ในประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง แต่จะเห็นได้ว่ามีเฉพาะในรุ่นเรือธง และรองท็อปเท่านั้น ซึ่งแม้ว่าในปัจจุบันจะเริ่มมีรุ่นระดับกลางราคาไม่ถึงหมื่นให้เห็นบ้างแล้ว แต่ก็ยังมีตัวเลือกค่อนข้างน้อย รวมทั้งยังไม่มีมือถือรุ่นเริ่มต้นที่รองรับ 5G ถูกเปิดตัวออกมาให้เห็นกัน ซึ่งคาดว่าอาจต้องใช้เวลาอีกสักระยะ
3 : มือถือรองรับบางคลื่นความถี่
5G ที่มีการประมูลในประเทศไทย มีทั้งหมด 3 คลื่นความถี่ ได้แก่ ความถี่ย่าน 700MHz, ความถี่ย่าน 2600MHz และความถี่ย่าน 26GHz โดยในปัจจุบันมีการเปิดให้บริการเพียงคลื่นความถี่ย่าน 2600MHz เท่านั้น ซึ่งมือถือ 5G ที่วางจำหน่ายในบางรุ่นอาจไม่รองรับคลื่นความถี่ดังกล่าว และอาจไม่มีการระบุข้อมูลไว้อย่างชัดเจน ณ จุดขาย ทั้งนี้ทางทีมงานขอแนะนำให้ติดต่อศูนย์บริการผู้ให้บริการเครือข่ายที่ท่านใช้งานอยู่ ก่อนตัดสินใจในการเลือกซื้อค่ะ
สำหรับคลื่นความถี่ย่าน 700MHz ยังอยู่ในขั้นพัฒนา และยังไม่เปิดให้บริการอย่างเป็นทางการ ซึ่งก็ต้องมาติดตามการประกาศจากแต่ละค่ายอีกครั้งหนึ่ง อีกทั้งยังมีการคาดการณ์ว่าอาจมีการนำคลื่นความถี่ย่าน 3500MHz มาประมูลใหม่ ซึ่งคลื่นนี้ถือเป็นมาตรฐานที่ใช้งานกันในหลายประเทศ แต่อย่างไรก็ดี ยังไม่มีการยืนยันใดๆ ดังนั้นก็ต้องหมั่นติดตามข่าวกันต่อไปค่ะ
4 : ยังไม่ครอบคลุมทุกพื้นที่
อย่างที่กล่าวไปข้างต้นแล้วว่า ขณะนี้ผู้ให้บริการเครือข่ายสัญญาณโทรศัพท์มือถือรายใหญ่ของประเทศไทยอย่าง AIS และ TrueMove H ได้เดินหน้าเปิดให้บริการ 5G อย่างเป็นทางการแล้ว พร้อมระบุว่าเตรียมใช้งานได้ทั่วประเทศในเร็วๆ นี้ แต่หากเราไปดูในแผนที่บริการ 5G ของทั้งสองค่ายจะพบว่า สัญญาณ 5G จะหนาแน่นเฉพาะแค่ในพื้นที่ตัวเมือง ซึ่งหากเป็นพื้นที่ชานเมือง หรือต่างจังหวัด จะมีพื้นที่บริการ 5G เพียงแค่ไม่กี่จุดเท่านั้น ซึ่งหมายความว่าในขณะนี้มีการเปิดให้ใช้งานได้จริง แต่การใช้งานจริงยังไม่ครอบคลุมพื้นที่ทั้งหมด จึงส่งผลให้การใช้งานอาจไม่ราบรื่นเท่าที่ควร
5 : 5G/4G ตอบโจทย์ได้ดีกว่าในตอนนี้
ต่อเนื่องมาจากในข้อที่ 4. เนื่องจากพื้นที่บริการของ 5G ยังค่อนข้างจำกัด ขณะเดียวกันเครือข่าย 4.5G / 4G ครอบคลุมพื้นที่ใช้งานได้มากกว่า และมีความเร็วในการใช้งานตอบโจทย์การใช้งานในปัจจุบันได้ดีอยู่ อย่างการรับชมคอนเทนท์ต่างๆ ผ่านสมาร์ทโฟนด้วยความคมชัดระดับ HD หรือ Full HD ความเร็วของ 4.5G และ 4G ถือว่ายังเพียงต่อการใช้งาน
6 : แพ็กเกจรายเดือนราคาสูง
แน่นอนว่าเทคโนโลยีใหม่ ก็ต้องมีค่าบริการที่สูงขึ้นตามไปด้วย และหากยังจำกันได้ 5G จะเพิ่มความสามารถในการดาวน์โหลด และอัปโหลดเป็นเท่าตัว ซึ่งหมายความว่าเราจำเป็นต้องใช้งานปริมาณ Data ที่เพิ่มมากขึ้นตามไปด้วยนั่นเอง
เรียกได้ว่าการใช้งาน 5G แบบ Unlimited จะมีค่าใช้จ่ายที่ค่อนข้างสูง และอาจใช้งานได้ไม่เต็มประสิทธิภาพเมื่อเทียบกับเงินที่จ่ายไป เนื่องจากพื้นที่บริการที่มีจำกัด อย่างที่กล่าวไปข้างต้น ซึ่งการเลือกใช้แพ็กเกจ 4G Unlimited แบบเติมเงิน ในตอนนี้น่าจะเป็นตัวเลือกที่ดีกว่าสำหรับคนที่ต้องการใช้อินเตอร์เน็ตความเร็วสูงแบบต่อเนื่อง
เรียกได้ว่าการมี 5G ที่เป็นเทคโนโลยีใหม่ให้ได้สัมผัสกันก็ถือเป็นเรื่องที่ดี แต่ ณ ตอนนี้ ยังอยู่ในช่วงเปลี่ยนผ่าน ที่ยังต้องการความพร้อมในหลายๆ ด้าน ทั้งตัวมือถือเอง และทางผู้ให้บริการเครือข่าย ดังนั้นหากต้องการซื้อมือถือ 5G ให้คุ้มค่าที่สุด อาจต้องรอคอนเทนต์ต่างๆ ที่ออกมาซัพพอร์ต 5G รวมถึงต้องรอให้ผู้ให้บริการเครือข่ายวางเสาสัญญาณเพื่อให้ 5G ครอบคลุมทุกพื้นที่เหมือนกับ 3G / 4G ซึ่งในเวลานั้นแล้ว การซื้อมือถือ 5G น่าจะคุ้มค่า และสามารถใช้งานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพมากที่สุด
แต่หากว่าท่านอยากจะลองสัมผัสประสบการณ์การใช้งานที่ดีขึ้นกับเครือข่าย 5G ทางทีมงานก็ขอแนะนำให้ทุกท่านลองพิจารณาถึงความต้องการใช้งาน และงบประมาณ รวมถึงติดต่อศูนย์บริการผู้ให้บริการเครือข่ายที่ท่านใช้งานอยู่ ก่อนตัดสินใจในการเลือกซื้อค่ะ และสำหรับท่านที่สนใจสมาร์ทโฟน 5G สามารถดูรายชื่อรุ่นที่วางจำหน่ายในประเทศไทยแล้ววันนี้ได้ที่ : รวมมือถือ 5G รุ่นใหม่ที่วางขายในไทยแล้ววันนี้
นำเสนอบทความโดย : thaimobilecenter.com
วันที่ : 17/12/2563