Samsung Galaxy Note FE ราคาพิเศษจาก Lazada เพียง 15,990 บาท พร้อมผ่อน 0% นานสูงสุด 10 เดือน เริ่มแล้ววันนี้!
Samsung Galaxy Note FE (Fan Edition) ถือเป็นหนึ่งในอดีตสมาร์ทโฟนเรือธงที่น่าสนใจสำหรับท่านที่กำลังมองหาสมาร์ทโฟนระดับท็อปในราคาที่ไม่แพงมากจนเกินไป ด้วยราคาที่ปรับลงจากเดิม และล่าสุดทาง Lazada ก็จัดโปรโมชั่นลดราคา Note FE เพิ่มอีกด้วนเช่นกัน
Samsung Galaxy Note FE (Fan Edition) ความจุ 64GB วางจำหน่ายผ่านทาง Lazada ในราคาพิเศษเพียง 15,990 บาท พร้อมรับสิทธิ์ผ่อนชำระ 0% นานสูงสุด 10 เดือน สำหรับท่านที่สนใจ สามารถสั่งซื้อ Galaxy Note FE ได้แล้ววันนี้ที่ลิงก์ http://ho.lazada.co.th/SHZbvB
ข้อมูลเพิ่มเติม
- สรุปคุณสมบัติโดยละเอียดของ Samsung Galaxy Note FE (Fan Edition)
- รีวิว (Review) Samsung Galaxy Note FE (Fan Edition)
Samsung Galaxy Note FE (Fan Edition) คืออะไร? รู้จักสมาร์ทโฟนเรือธงรุ่นใหม่ในร่าง Galaxy Note 7 พร้อมสเปกไฮเอนด์จัดเต็มระดับท็อปไม่แพ้รุ่นใด ในราคาสุดคุ้มเพียง 20,900 บาท!
เมื่อสองวันที่ผ่านมา ทาง ซัมซุง (ประเทศไทย) ก็ได้ฤกษ์ประกาศราคา พร้อมวันวางจำหน่ายในประเทศไทยของ Samsung Galaxy Note FE (Fan Edition) ออกมาแล้ว โดยมีราคาเพียง 20,900 บาท ซึ่งถือว่าเป็นราคาที่เซอร์ไพรส์พอสมควร สำหรับสมาร์ทโฟน Galaxy Note ตัวท็อปของปี 2016 ที่ผ่านมา และพร้อมวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการในวันที่ 3 พฤศจิกายนนี้ แต่อย่างไรก็ดี ยังมีหลายท่านสงสัยว่า Samsung Galaxy Note FE รุ่นนี้คือการนำ Galaxy Note 7 เครื่องเดิมที่เคยมีปัญหาในเรื่องของแบตเตอรี่มาจำหน่ายใหม่ในรูปแบบของเครื่อง Refurbished ใช่หรือไม่? และมีความเปลี่ยนแปลงไปจาก Galaxy Note 7 รุ่นเดิมมากน้อยขนาดไหน? วันนี้ทีมงานเว็บไซต์จึงได้มาสรุปข้อมูลของ Galaxy Note FE ให้ทุกท่านได้หายข้องใจกันครับ
เข้าใจเสียใหม่ Samsung Galaxy Note FE (Fan Edition) ไม่ใช่เครื่อง Galaxy Note 7 Refurbished
ก่อนหน้านี้ผู้บริโภคจำนวนมากทั่วโลก รวมถึงในประเทศไทย เข้าใจว่า Samsung Galaxy Note FE นั้นคือการนำเอาเครื่อง Galaxy Note 7 เดิมที่เคยถูกเรียกคืนด้วยปัญหาของแบตเตอรี่เมื่อปีที่ผ่านมา กลับไปทำการเปลี่ยนแบตเตอรี่ แล้วนำออกมาจำหน่ายใหม่อีกครั้ง ซึ่งเป็นความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนไปมาก เพราะ Galaxy Note FE ผลิตจากวัสดุใหม่ทั้งหมด พร้อมกับวัสดุอีกส่วนหนึ่งที่เป็นวัสดุรีไซเคิลเพื่อประโยชน์ด้านสิ่งแวดล้อม รวมถึงเป็นการนำแบตเตอรี่รุ่นใหม่ที่ปลอดภัย มาใส่แทนที่ใน Galaxy Note 7 เครื่องใหม่ที่ยังไม่เคยเปิดใช้งานมาก่อน ดังนั้นผู้ที่ซื้อ Galaxy Note FE ไป ก็เหมือนกับได้เครื่องมือหนึ่งจากโรงงานที่ผ่านกระบวนการผลิตใหม่ทั้งหมด
เพราะอะไรจึงตั้งชื่อรุ่นว่า Galaxy Note FE หรือ Galaxy Note Fan Edition?
สำหรับที่มาของชื่อรุ่นว่า FE หรือ Fan Edition ก็ไม่ใช่อื่นไกล มีความตรงไปตรงมาตามคำว่า "Fan" เพราะเป็นรุ่นพิเศษที่ทาง ซัมซุง ตั้งใจผลิตออกมาเพื่อเอาใจแฟนๆ สมาร์ทโฟนตระกูล Galaxy Note โดยเฉพาะนั่นเอง
เพราะเหตุใดจึงตั้งราคาไว้เพียง 20,900 บาท?
อีกหนึ่งคำถามสำคัญก็คือเพราะเหตุใดทาง ซัมซุง จึงตั้งราคาของ Galaxy Note FE เอาไว้เพียง 20,900 บาท เท่านั้น เพราะหากเทียบกับคุณสมบัติ และฟีเจอร์โดยรวมแล้ว ก็ยังสามารถเรียกได้ว่าเป็นสมาร์ทโฟนเรือธงระดับท็อปได้แบบสบายๆ แม้จะเป็นฟีเจอร์ระดับท็อปของปีที่แล้วก็ตาม ซึ่งน่าจะมีราคาที่สูงกว่านี้ คำตอบก็คือทาง ซัมซุง ไม่ได้มีเป้าหมายในการทำกำไรจาก Galaxy Note FE รุ่นนี้แต่อย่างใด แต่ในทางกลับกัน เป้าหมายที่แท้จริงคือต้องการคืนกำไร หรือตอบแทนแฟนๆ Galaxy Note หรือแฟนๆ แบรนด์ Samsung ที่ให้การสนับสนุนตลอดช่วงระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมา
แบตเตอรี่รุ่นใหม่ต่างจากแบตเตอรี่รุ่นเก่าอย่างไร มีความปลอดภัยจริงหรือ?
ต้องยอมรับว่าปัญหาในเรื่องของแบตเตอรี่ของ Galaxy Note 7 เมื่อปีที่ผ่านมา นั้นได้สร้างความวิตกให้กับผู้บริโภคในวงกว้างมากพอสมควร จึงเกิดคำถามตามมาว่าแบตเตอรี่รุ่นใหม่ที่นำมาใส่ใน Galaxy Note FE รุ่นนี้มีรายละเอียดเป็นอย่างไร และมีความปลอดภัยหรือไม่ คำตอบก็คือแบตเตอรี่ที่นำมาใส่ใน Galaxy Note FE นั้นเป็นแบตเตอรี่รุ่นใหม่ที่มีความจุ 3,200 mAh (แบตเตอรี่รุ่นเก่าของ Galaxy Note 7 มีความจุ 3,500 mAh) ซึ่งแม้จะมีความจุที่น้อยกว่าอยู่บ้าง แต่ก็มีความปลอดภัยมากกว่า ด้วยกระบวนการตรวจสอบระดับเข้มข้นกว่า 8 จุด พร้อมมาตรการด้านความปลอดภัยแบบหลายชั้น เพื่อสร้างความมั่นใจสูงสุดให้กับผู้ใช้งาน โดยมีรายละเอียดตามที่ทีมงานของเราได้เคยนำเสนอไปแล้วดังนี้
Samsung Galaxy Note FE มีคุณสมบัติเด่นอย่างไร?
สำหรับคุณสมบัติโดยรวม และดีไซน์ภายนอกของ Samsung Galaxy Note FE นั้นเรียกว่าถอดแบบมาจาก Galaxy Note 7 แทบจะ 100% เพราะหลักๆ แล้วสิ่งที่ต่างกันก็เพียงแค่การนำแบตเตอรี่รุ่นใหม่มาใส่แทนเท่านั้น โดยมีคุณสมบัติเด่นที่น่าสนใจดังต่อไปนี้
- ดีไซน์ตัวเครื่องแบบ Symmetrical 3D ซึ่งเป็นการผสมผสานระหว่างบอดี้โลหะอลูมิเนียมซีรีส์ 7000 กับกระจก Gorilla Glass 5 ที่ด้านหน้า และด้านหลังของตัวเครื่อง (Metal-Glass Fusion)
- ตัวเครื่องมีคุณสมบัติในการป้องกันน้ำ และป้องกันฝุ่น ตามมาตรฐาน IP68 พร้อมทั้งสามารถใช้งานปากกา S-Pen ในน้ำได้
- ขนาดตัวเครื่อง 153.5x73.9x7.9 มิลลิเมตร
- น้ำหนักตัวเครื่อง 167 กรัม
- ระบบสแกนม่านตา (Iris Scanner) ที่ด้านหน้าของตัวเครื่อง สำหรับตรวจสอบสิทธิ์ในการเข้าใช้งาน
- เซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือ (Fingerprint Sensor) ที่ปุ่มโฮม สำหรับตรวจสอบสิทธิ์ของการเข้าใช้งานเครื่อง และการเข้าถึงข้อมูลภายใน
- จอแสดงผลแบบ Dual Edge Super AMOLED Capacitive Touchscreen 16,700,000 สี ความละเอียด 2560x1440 Pixels (2K QHD : กว้าง 5.7 นิ้ว : 518 ppi : อัตราส่วนแบบ 16:9) กับขอบหน้าจอที่บางเฉียบเพียง 1.1 มิลลิเมตร พร้อมกระจกหน้าจอแบบ Gorilla Glass 5, ฟังก์ชันกรองแสงสีฟ้า (Blue Light Filter) และฟังก์ชัน Cinematic Wallpaper
- หน่วยประมวลผลกราฟิกโดยเฉพาะ (GPU : Graphics Processing Unit) แบบ Mali-T880 MP12
- User Interface แบบ Edge UX พร้อมรองรับการใช้งานฟังก์ชัน Apps edge, People edge และ Tasks edge
- รองรับการใช้งานร่วมกับปากกา S-Pen พร้อมฟังก์ชัน Air Command (Create Note, Smart Select, Screen Write, Translate, Magnify, Glance), Advanced GIF Maker, Screen Off Memo และแอปพลิเคชัน Samsung Notes
- ประมวลผลการทำงานด้วยชิปเซ็ต 64-bit Exynos 8 Octa 8890 ความเร็วในการประมวลผล 2.3 GHz ความเร็วในการประมวลผล 2.3 GHz (ซีพียู Quad-Core Exynos M1 Mongoose ความเร็ว 2.3 GHz และซีพียู Quad-Core Cortex-A53 ความเร็ว 1.6 GHz)
- ขับเคลื่อนการทำงานด้วยระบบปฏิบัติการ Android 7.0 Nougat
- หน่วยความจำภายในสำหรับเก็บบันทึกข้อมูล (UFS 2.0) ขนาด 64 GB
- หน่วยความจำ RAM (LPDDR4) ขนาด 4 GB
- รองรับการ์ดหน่วยความจำเสริมภายนอกแบบ microSD Card (TransFlash) ได้สูงสุดขนาด 256 GB (ใช้งานร่วมกับช่องใส่ซิมการ์ดที่สอง)
- กล้องดิจิทัลตัวหลักแบบ Dual Pixel ที่ด้านหลังของตัวเครื่อง ความละเอียดระดับ 12 ล้าน Pixels พร้อมเซ็นเซอร์รับภาพ Sony IMX260 ขนาด 1/2.6 นิ้ว, รูรับแสงขนาด f/1.7, ระบบป้องกันการสั่นไหวแบบ Smart OIS, ระบบโฟกัสภาพอัตโนมัติแบบ PDAF, ไฟแฟลช LED และรองรับการถ่ายวิดีโอที่ความละเอียดสูงสุดระดับ 4K UHD
- กล้องดิจิทัลขนาดเล็กที่ด้านหน้าของตัวเครื่อง ความละเอียดระดับ 5 ล้าน Pixels พร้อมรูรับแสงขนาด f/1.7
- รองรับการใช้งาน 2 ซิมการ์ดพร้อมกันภายในเครื่องเดียว พร้อมเทคโนโลยี Full NetCom 3.0
- แบตเตอรี่ Li-Ion Polymer 3200 mAh (แบตเตอรี่เวอร์ชันใหม่ที่ปลอดภัย) พร้อมเทคโนโลยีการชาร์จแบตเตอรี่ไร้สายความเร็วสูง
- รองรับการใช้งานอินเทอร์เน็ตผ่านทางระบบ WiFi, 4G LTE Cat9, 3G HSPA+, EDGE และ GPRS พร้อมเทคโนโลยี MIMO (Multi-Input Multi-Output : 2x2)
- รองรับเทคโนโลยี 4G LTE 3CA (Carrier Aggregation)
- รองรับเทคโนโลยี LTE+WiFi (Next G) (เฉพาะ AIS)
- รองรับการเชื่อมต่อข้อมูลแบบไร้สายผ่านทาง NFC, MST, Bluetooth และ ANT+
- รองรับการใช้งานร่วมกับบริการ Samsung Pay
- พอร์ตเชื่อมต่อแบบ USB Type-C 1.0 (USB เวอร์ชัน 3.1) พร้อมแถมฟรีอะแดปเตอร์ USB Type-C to Type A และ USB Type-C to microUSB มาในชุดจำหน่ายมาตรฐาน
- ระบบ GPS ในตัว พร้อมฟังก์ชัน A-GPS และรองรับระบบดาวเทียม GLONASS กับ Beidou
- เซ็นเซอร์ตรวจวัดอัตราการเต้นของหัวใจ (Heart Rate Sensor)
- เซ็นเซอร์ตรวจวัดความกดอากาศ (Barometer Sensor)
- รองรับการรับชมวิดีโอแบบ HDR พร้อมระบบ Video Enhancer
- ฟังก์ชัน Quick Panel สำหรับการตั้งค่าแบบด่วน
- ระบบผู้ช่วยอัจฉริยะ Bixby (เฉพาะ Bixby Home และ Bixby Reminder)
- ราคาเปิดตัวในไทย 20,900 บาท
- วันวางจำหน่ายในไทย 3 พฤศจิกายน 2560
- มี 2 สีมาตรฐานให้เลือก (สีฟ้า-Blue Coral และสีดำ-Black Onyx)
- โปรโมชั่นผ่อน 0% นานสูงสุด 10 เดือน (ถึง 31 ธันวาคม 2560)
Samsung Galaxy Note FE กับ Galaxy Note 8 แตกต่างกันอย่างไร ซื้อรุ่นไหนคุ้มค่ามากกว่ากัน?
ด้วยเหตุที่ขณะนี้มี Galaxy Note รุ่นใหม่ล่าสุดอย่าง Galaxy Note 8 ออกมาวางจำหน่ายในบ้านเราอย่างเป็นทางการเรียบร้อยแล้ว ดังนั้นแน่นอนว่าคำถามที่ตามมาก็คือ ระหว่าง Galaxy Note FE ที่มีราคาเพียง 20,900 บาท กับ Galaxy Note 8 ที่มีราคาสูงถึง 33,900 บาท นั้นมีความแตกต่างกันมากน้อยขนาดไหน และ ณ ชั่วโมงนี้ เลือกซื้อรุ่นใดจะคุ้มค่ามากกว่ากัน ซึ่งคำตอบทุกอย่างทีมงานของเราก็ได้สรุปรายละเอียดเอาไว้เป็นบทความให้ทุกท่านได้ติดตามแล้วที่นี่
สรุปส่งท้ายกับ Samsung Galaxy Note FE (Fan Edition)
ก็น่าจะหายค้างคาใจกันไปเรียบร้อยแล้วกับประเด็นคำถามต่างๆ ของ Galaxy Note FE (Fan Edition) รุ่นนี้ ซึ่งโดยความเห็นส่วนตัวของทีมงานเว็บไซต์ไทยโมบายเซ็นเตอร์ สำหรับ Galaxy Note FE นั้นถือว่ามีความน่าสนใจมากเลยทีเดียว โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากเทียบกับสมาร์ทโฟนในระดับราคา 20,000 บาท รุ่นอื่นๆ ในตลาดบ้านเราขณะนี้ เพราะถึงแม้ความเร็วแรงของการประมวลผลอาจเป็นรองสมาร์ทโฟนเรือธงตัวท็อปรุ่นใหม่หลายๆ รุ่นในตอนนี้ แต่หากพูดถึงฟีเจอร์, ฟังก์ชันการใช้งาน, ลูกเล่น กับเทคโนโลยีที่ใส่มาให้แล้ว เรียกได้ว่าไม่เป็นรองสมาร์ทโฟนเรือธงตัวท็อปรุ่นใหม่ๆ ณ ปัจจุบันเลยก็ว่าได้ ยิ่งหากเป็นเรื่องประสิทธิภาพของการใช้งานปากกา S Pen นั้นก็แทบไม่ต่างไปจาก Galaxy Note 8 เลยก็ว่าได้
สุดท้ายนี้หากท่านใดสนใจ Samsung Galaxy Note FE ก็สามารถเริ่มจับจองเป็นเจ้าของได้ตั้งแต่วันที่ 3 พฤศจิกายนนี้เป็นต้นไป ในราคา 20,900 บาท ที่ Samsung Brand Shop และเว็บไซต์ S-eStore โดยมี 2 สีให้เลือกได้แก่ สีฟ้า (Blue Coral) และสีดำ (Black Onyx) พร้อมโปรโมชั่นพิเศษคือผ่อน 0% ได้นานสูงสุด 10 เดือน โดยโปรโมชั่นมีถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2560 ส่วนจำนวนเครื่องที่นำเข้ามาวางจำหน่ายในบ้านเรา ทาง ซัมซุง ได้แจ้งโดยคร่าวๆ ว่ามีจำนวนน้อยกว่าที่เกาหลีใต้ (ที่เกาหลีใต้มีจำนวน 400,000 เครื่อง) ดังนั้นคงต้องรีบตัดสินใจกันสักหน่อยนะครับ สวัสดีครับ
ข้อมูลเพิ่มเติม
พรีวิว (Preview) Samsung Galaxy Note 7 (Galaxy Note FE มีความแตกต่างกับ Galaxy Note 7 เพียงแค่คุณสมบัติของแบตเตอรี่)
นำเสนอบทความโดย : thaimobilecenter.com
วันที่ : 9/02/2561
