เจาะลึกดีไซน์ กว่าจะมาเป็น OPPO Reno4 สมาร์ทโฟนดีไซน์สวยโดดเด่น ในราคา 11,990 บาท
เปิดตัวอย่างเป็นทางการในบ้านเราแล้ว สำหรับ OPPO Reno4 สมาร์ทโฟนรุ่นต่อยอดของทาง OPPO ที่นอกจากจะอัปเกรดฟีเจอร์ภายในให้ครบครันมากยิ่งขึ้นแล้ว ก็ยังเน้นด้านการดีไซน์ให้มีความสวยพรีเมียมไม่แพ้รุ่นเรือธง และในวันนี้ทางทีมงานจะขอพาทุกท่านไปชมความงามของตัวเครื่อง OPPO Reno4 พร้อมจุดเด่นที่น่าสนใจ หากพร้อมแล้วไปชมกันเลยค่ะ
ย้อนดูพัฒนาการดีไซน์ของสมาร์ทโฟน OPPO Reno Series
ก่อนจะไปชมความพรีเมียมของ OPPO Reno4 ทางทีมงานขอพาทุกท่านย้อนกลับไปรับชมการดีไซน์อันเป็นเอกลักษณ์ของสมาร์ทโฟน OPPO Reno Series ทุกรุ่นในอดีตที่วางจำหน่ายในประเทศไทยให้ได้ชมกัน ว่ากว่าจะมาเป็น OPPO Reno4 นั้น มีเส้นทางเป็นอย่างไรบ้าง
OPPO Reno | OPPO Reno 10x Zoom
เริ่มกันที่สมาร์ทโฟน Reno Series รุ่นแรกที่วางจำหน่ายในประเทศไทยอย่าง OPPO Reno และ OPPO Reno 10x Zoom กับการดีไซน์จอไร้ขอบ ไร้รอยบากแบบ AMOLED Panoramic Screen พร้อมติดตั้งกล้องหน้าเลื่อนได้อัตโนมัติแบบ Pivot Rising Camera ที่มีดีไซน์คล้ายกับครีมปลาฉลาม โดยใช้เวลาเปิดใช้งานเพียง 0.8 วินาที และผ่านการทดสอบกว่า 2 แสนครั้ง รวมถึงรองรับฟีเจอร์ตรวจจับแรงโน้มถ่วง เมื่อเครื่องหล่น ตัวเครื่องจะเก็บกล้องให้เองโดยอัตโนมัติ
ส่วนตัวเครื่องดีไซน์แบบ Metal-Glass Unibody ด้วยกรอบโลหะ ผสานกระจกที่ด้านหน้า และด้านหลังของตัวเครื่อง ลงขอบโค้งเพื่อการจับกระชับมือ พร้อมกระบวนการไล่เฉดสีผิวสัมผัสหลายชั้นแบบ Iridescent Multi-Layer Finish รวมถึงมี O-Dot ปุ่มเซรามิกที่อยู่ด้านหลัง ซึ่งจะช่วยยกตัวเครื่องให้สูงขึ้นเล็กน้อย เพื่อป้องกันการเกิดรอยบนเลนส์กล้อง โดยในรุ่น OPPO Reno จะมีกล้องหลังคู่ (Dual Camera) ส่วนในรุ่น OPPO Reno 10x Zoom จะติดตั้งกล้องหลังทั้งหมด 3 ตัว (Triple Camera) โดยมีการเพิ่มกล้อง Periscope สำหรับการซูมภาพระยะไกลเข้ามา และที่น่าสนในคือกล้องสำหรับซูมภาพแบบ Periscope นั้นใช้เทคโนโลยีการผลิตที่ทำให้โมดูลเลนส์กล้องทั้งสามชั้นมีความบาง และไม่นูนออกมาจากตัวเครื่อง ซึ่งให้สัมผัสเรียบเนียนขณะถือใช้งาน
OPPO Reno
OPPO Reno 10x Zoom
OPPO Reno2 | OPPO Reno2 F
ในรุ่นต่อมาอย่าง OPPO Reno2 ยังคงการดีไซน์แบบรุ่นแรกอยู่ในหลายส่วน กับจอไร้ขอบ ไร้รอยบากแบบ AMOLED Panoramic Screen พร้อมติดตั้งกล้องหน้าเลื่อนได้อัตโนมัติแบบ Pivot Rising Camera และตัวเครื่อง Metal-Glass Unibody กับกระจก Gorilla Glass 5 ที่ด้านหลัง ลงขอบโค้งเพื่อการจับกระชับมือ รวมถึงมีปุ่ม O-Dot โดยทำการอัปเกรดมาใช้กล้องหลังทั้งหมด 4 ตัว (Quad Camera) ที่มีกล้องตัวหลักคมชัดถึง 48 ล้านพิกเซล พร้อมด้วยเลนส์ Telephoto, เลนส์ Ultra-Wide และเลนส์ Mono
สำหรับ OPPO Reno2 F รุ่นรองลงมา มีการดีไซน์คล้ายกันด้วยตัวเครื่องกระจกลงโค้งที่ด้านหลัง พร้อมกับกล้องหลังทั้งหมด 3 ตัว (Triple Camera) เรียงตัวกันในแนวตั้ง พร้อม O-Dot และมีหน้าจอไร้ขอบ ไร้รอยบากแบบ AMOLED Panoramic Screen เช่นเดียวกับรุ่นพี่ แต่ปรับมาใช้กล้องหน้าดีไซน์ใหม่แบบ Pop-up Camera ที่เป็นสี่เหลี่ยมปกติ และมีขนาดเล็กลง
OPPO Reno3 Pro
จุดเปลี่ยนครั้งใหญ่ของสมาร์ทโฟน OPPO Reno Series เริ่มที่ OPPO Reno3 Pro ที่เปลี่ยนจากกล้องซ่อนในตัวเครื่อง มาฝังอยู่บนหน้าจอแทน พร้อมอัปเกรดมาให้เป็น 2 ตัว ในชื่อ Dual Punch-hole Display ที่เป็นเทรนด์การดีไซน์ของปี 2020 นี้เลยก็ว่าได้ ซึ่งมีความคมชัดสูงถึง 44 ล้านพิกเซล เป็นรุ่นแรกของวงการอีกด้วย
ส่วนที่ด้านหลังตัวเครื่องก็ปรับใหม่ทั้งหมด โดยย้ายกล้องหลังมาไว้ที่มุมบนซ้าย เรียงกันในแนวตั้งทั้งหมด 4 ตัว (Quad Camera) พร้อมตัดดีไซน์ปุ่ม O-Dot ออก บนตัวเครื่องเงางาม ลงขอบโค้งเพื่อความกระชับมือขณะถือใช้งาน พร้อมการไล่เฉดสีเล่นกับแสงในมุมตกกระทบต่างๆ ที่ได้แรงบันดาลมาจากท้องฟ้าในช่วงเวลาต่างๆ เรียกได้ว่าโชว์ความพรีเมียมให้ได้ชมกันแบบชัดเจนยิ่งขึ้นนั่นเอง
OPPO Reno4
OPPO Reno4 เป็นสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ล่าสุดของตระกูลนี้ ซึ่งได้รับการถ่ายทอดดีไซน์ส่วนใหญ่มาจากรุ่นก่อนอย่าง OPPO Reno3 Pro กับหน้าจอ AMOLED Dual Punch-hole Display ที่มีการฝังกล้องหน้าไว้บนจอ พร้อมกับ AI-enhanced Smart Sensor สำหรับใช้กับระบบควบคุมการทำงานอัจฉริยะ ไม่ใช่กล้องตัวที่สองแต่อย่างใด
ทางด้านตัวเครื่องมีความบางเพียง 7.7 มิลลิเมตร เมื่อเทียบกับแบตเตอรี่ที่ให้มาถึง 4015 mAh ถือว่ามีความบางเบา ถือใช้งานได้ถนัดมือเลยทีเดียว
พร้อมกับการดีไซน์ใหม่หมดจด โดยในตัวเลือกสีฟ้า Galactic Blue ออกแบบด้วยเทคนิคชื่อ Reno Glow เป็นครั้งแรกของค่าย ด้วยเทคโนโลยีเคลือบสีแบบด้าน พร้อมให้ประกายเงางาม ส่วนตัวเลือกสีดำ Space Black มีความพิเศษด้วยลวดลายตัวอักษร O และ P จากชื่อแบรนด์ OPPO ในชื่อ OPPO Monogram ที่เพิ่มความโดดเด่นให้กับตัวเครื่องได้เป็นอย่างดี สำหรับกล้องหลังยังอยู่ที่มุมบนซ้าย ทั้งหมด 4 ตัว (Quad Camera) แต่ก็ปรับการดีไซน์แถบสี่เหลี่ยมให้มีความใหญ่ขึ้น โดยกล้อง 3 ตัวเรียงกันในแนวตั้ง และกล้องตัวที่ 4 จะอยู่ทางขวาของกล้องตัวแรก ในระดับเดียวกับไฟแฟลชที่ตรงกับกล้องตัวที่ 3 นั่นเอง
นอกเหนือไปจากการดีไซน์ที่มีความพรีเมียมแล้ว OPPO Reno4 ยังมาพร้อมกับสเปกที่น่าสนใจหลายด้าน ได้แก่ ชิปเซ็ต Qualcomm Snapdragon 720G แบบ 8-แกน (Octa-Core) ที่มีความเร็ว 2.3GHz ผสานหน่วยประมวลผลกราฟิก (GPU) Adreno 618 และจับคู่กับ RAM แบบ LPDDR4X ขนาด 8GB ที่ตอบโจทย์การเล่นเกมได้เป็นอย่างดี โดยมีผลทดสอบประสิทธิภาพจากแอปพลิเคชันชื่อดังอย่าง AnTuTu Benchmark ที่ 285,720 คะแนน
รวมถึงมีหน่วยความจำภายใน (ROM) ขนาด 128GB ที่สามารถเพิ่ม microSD Card ได้ และทำงานอยู่บนระบบปฏิบัติการ Android 10 ที่ถูกครอบทับด้วย ColorOS 7.2 เวอร์ชันใหม่ และยังมาพร้อมกับแบตเตอรี่ความจุ 4015 mAh ที่รองรับเทคโนโลยีชาร์จเร็ว 30W VOOC FlashCharge 4.0 โดยสามารถชาร์จแบตเตอรี่จากระดับ 0-50% ได้ในเวลา 20 นาที และชาร์จได้เต็ม 100% ในเวลา 57 นาที ซึ่งช่วยย่นระยะเวลาในการชาร์จ และเหลือเวลาไปทำกิจกรรมอื่นได้แบบสบายๆ
อีกทั้งยังเพิ่มฟีเจอร์การถ่ายภาพใหม่อย่าง AI Color Portrait ในการถ่ายภาพหน้าชัดหลังเบลอ ด้วยระบบ AI สำหรับดูดสีพื้นหลังออกไป ขณะที่ยังคงสีสันของตัวแบบไว้ จึงช่วยเสริมให้ความโดดเด่นให้มากยิ่งขึ้น โดยไม่ต้องนำไปปรับแต่งในแอปพลิเคชันอื่นเพิ่มเติมภายหลัง
และโหมด Night Flare Portrait สำหรับถ่ายภาพหน้าชัดหลังเบลอในเวลากลางคืนได้อย่างคมชัด ด้วย Dazzling Bokeh ให้ภาพสามารถเบลอหลังได้มากขึ้น พร้อม Face Brightening ช่วยเพิ่มความสว่างให้แก่ใบหน้าของตัวแบบ จึงช่วยให้การถ่ายภาพ Portrait ในเวลากลางคืนมีชีวิตชีวามากยิ่งขึ้น
OPPO Reno4 เปิดให้สั่งจองล่วงหน้า (Pre-Order) แล้ววันนี้ ถึงวันที่ 5 สิงหาคม 2563 ในราคา 11,990 บาท และโปรโมชั่นพิเศษกับทางผู้ให้บริการเครือข่ายกับราคาเริ่มต้นเพียง 4,990 บาท พร้อมรับฟรีของแถมสุดพิเศษจากทาง OPPO ได้แก่ OPPO E-VIP Card ประกันหน้าจอแตกนาน 1 ปีเต็ม และ OPPO Reno Backpack มูลค่ารวม 7,490 บาท ที่ร้าน OPPO Brand Shop และร้านค้าตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศ
ข้อมูลเพิ่มเติม
- OPPO Reno4 เปิดราคาในประเทศไทย
นำเสนอบทความโดย : thaimobilecenter.com
[บทความนี้เป็น Advertorial]
วันที่ : 4/08/2563