หน้าแรกมือถือ > รวมข่าวมือถือ > หน้าบทความ ข่าวมือถือ
   
Date : 1/10/2562

รวมเรือธงรุ่นใหม่ ที่เปิดตัวในเดือน ก.ย. พร้อมรุ่นที่เตรียมเปิดตัวในเดือน ต.ค. นี้ รุ่นไหนจะวางขายในไทยบ้าง มาดูกัน

 

เรียกได้ว่าตั้งแต่เข้าสู่ช่วงหลังของปี 2019 ทางแบรนด์ชั้นนำต่างก็ส่งสมาร์ทโฟนรุ่นเด่นออกมาประชันกันอย่างไม่มีใครยอมใคร ไล่มาตั้งแต่สมาร์ทโฟนระดับไฮเอนด์ชั้นสุด ไปจนถึงสมาร์ทโฟนระดับกลางที่มีราคาจับต้องได้

ในวันนี้ทางทีมงานจึงได้รวบรวม และคัดเลือกเรือธงรุ่นใหม่ที่น่าสนใจ ทั้งที่เปิดตัวไปในเดือนกันยายน และรุ่นที่เตรียมเปิดตัวในตุลาคมนี้ ซึ่งจะมีรุ่นเด่นจากแบรนด์ใดบ้าง และจะเข้ามาวางขายในประเทศไทยด้วยหรือไม่ ไปชมพร้อมกันได้เลยค่ะ

 

Huawei Mate30 Series

Huawei Mate30 Series เรือธงรุ่นใหม่กับการปรับโฉมดีไซน์ให้ดูสวยพรีเมียมมากขึ้น ด้วยจอขอบโค้งลงสุดเกือบขอบด้านข้างตัวเครื่องทำมุม 88 องศาแบบ HUAWEI​ Horizon Display ที่รองรับเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือใต้หน้าจอเวอร์ชันใหม่ และกล้องหลังในแถบวงกลมดีไซน์ใหม่ในชื่อ Halo Ring Design รันดเวยชิปเซ็ต Kirin 990 บนเทคโนโลยีการผลิตระดับ 7nm+ และมาพร้อมกับหน่วยประมวลผลกราฟิก 16-Core Mali-G76 รวมถึงมีเส้นเสาสัญญาณรับเครือข่าย 5G ถึง 14 เส้นเป็นรุ่นแรกของโลก

 

Mate30 มาพร้อมกับกล้องหลัง ทั้งหมด 3 ตัว (Triple Camera) จากทาง Leica เช่นเดิม โดยแบ่งออกเป็นกล้องตัวหลัก SuperSensing Wide ความละเอียด 40 ล้านพิกเซล (F/1.8 : ทางยาวโฟกัส 27mm), กล้องตัวที่สองเลนส์ Wide ความละเอียด 16 ล้านพิกเซล (F/2.2 : ทางยาวโฟกัส 17mm), กล้องตัวที่สามเลนส์ Telephoto ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล (F/2.4 : ทางยาวโฟกัส 80mm) พร้อมรองรับ OIS และมี Laser Focus อยู่ที่รูกล้องด้านล่างซ้าย

 

ด้าน Mate30 Pro มีกล้องหลังจากทาง Leica จัดเต็มกว่าที่ 4 ตัว (Quad Camera) แบ่งออกเป็นกล้องตัวหลัก SuperSensing Wide ความละเอียด 40 ล้านพิกเซล (F/1.6 : ทางยาวโฟกัส 27mm) พร้อมระบบ OIS, กล้องตัวที่สองเลนส์ Ultra-Wide Cine ความละเอียด 40 ล้านพิกเซล (F/1.8 : ทางยาวโฟกัส 18mm), กล้องตัวที่สามเลนส์ Telephoto ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล (F/2.4 : ทางยาวโฟกัส 80mm) พร้อมรองรับ OIS และกล้องตัวที่สี่ 3D Depth Sensing

 

และอีกหนึ่งรุ่นพิเศษอย่าง  Porsche Design HUAWEI Mate 30 RS ที่มากับการดีไซน์โฉบเฉี่ยวแบบหนังสีดำ และแดง โดยมี RAM ขนาด 12GB และ ROM ขนาด 512GB

สำหรับ Huawei Mate30 และ Mate30 Pro ได้ผ่าน กสทช. ของประเทศไทยเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งก็ต้องมาติดตามกันค่ะว่าจะเปิดตัวในช่วงใด

 

iPhone 11 Series

เรือธงรุ่นท็อปจากทาง Apple ก็เปิดตัวตามตารางเดิม โดยมาพร้อมกัน 3 รุ่น ได้แก่ iPhone 11, iPhone 11 Pro และ iPhone 11 Pro Max กับดีไซน์จอไร้ขอบพร้อมรอยบาก (Notch) สำหรับติดตั้งกล้องหน้า และเซ็นเซอร์ต่างๆ ไว้ และครอบทับตัวเครื่องด้วยกระจกผสานกรอบโลหะแบบ Metal-Glass เช่นเดิม พร้อมกล้องหลังดีไซน์ใหม่ที่ปรับมาอยู่ในแถบสี่เหลี่ยมจตุรัสที่มุมบนซ้ายของตัวเครื่อง โดยในรุ่น iPhone 11 มาพร้อมกับกล้องคู่ (Dual Camera) ส่วน iPhone 11 Pro และ iPhone 11 Pro Max ได้อัปเกรดไปอีกขั้นด้วยกล้อง 3 ตัว (Triple Camera) นอกจากนี้ทั้งสามรุ่นยังมาพร้อมกล้องหน้า TrueDepth Camera ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล ที่รองรับฟีเจอร์ Slofie สำหรับถ่ายวิดีโอแบบ Slo-motion ด้วยกล้องหน้าได้

 

ทั้ง 3 รุ่นใหม่มาพร้อมกับชิปเซ็ต Apple A13 Bionic รุ่นล่าสุด พร้อมหน่วยประมวลผลกราฟิกที่เร็วขึ้นกว่ารุ่นก่อน ซึ่งทาง Apple ระบุว่าถือเป็น CPU และ GPU ที่เร็วที่สุดในโลก ณ ขณะนี้ พร้อมรองรับ Face ID เวอร์ชันใหม่ที่สามารถปลดล็อกได้รวดเร็วขึ้น พร้อมกับปลอดภัยมากขึ้น และรองรับ Wi-Fi 6 บนตัวเครื่องที่มีคุณสมบัติการป้องกันน้ำทุกชนิดมาตรฐาน IP68

iPhone 11 Series ทั้ง 3 รุ่นใหม่นี้ จะเปิดให้สั่งจอง (Pre-Order) ในประเทศไทยวันที่ 11 ตุลาคม และเปิดขายทางการในวันที่ 18 ตุลาคมนี้เป็นต้นไป

 

Vivo NEX 3

Vivo NEX 3 โดดเด่นที่ดีไซน์หน้าจอไร้ขอบ พร้อมความโค้งทำมุมเกือบ 90 องศา ลงเกือบสุดขอบตัวเครื่องทั้ง 2 ด้านในชื่อ Waterfall FullView Display กับสัดส่วนการแสดงผลสูงถึง 99.6% บนตัวเครื่องครอบทับด้วยกระจกที่มีความเงางาม ที่รองรับฟังก์ชัน Touch Sense สำหรับสั่งการด้วยระบบสัมผัสที่ด้านข้างตัวเครื่อง รวมถึงกล้องหลัง 3 ตัว (Triple Camera) กับความคมชัดสูงถึง 64 ล้านพิกเซล พร้อมเลนส์กว้างพิเศษ Super Wide Angle และ Telephoto

 

Vivo NEX 3 มาพร้อมสเปกระดับเรือธงครบครัน ไม่ว่าจะเป็น ชิปเซ็ต Qualcomm Snapdragon 855+ ผสานระบบระบายความร้อนแบบ Vapor Chamber Cooling System โดยสามารถลดอุณหภูมิชิปเซ็ตได้ถึง 10 องศาเซลเซียส จับคู่กับ RAM ขนาด 8GB และมีหน่วยความจำภายในตัวเครื่อง (ROM) มาตรฐาน UFS 3.0 ที่มีประสิทธิภาพสูงกว่าแบบ UFS 2.1 ถึง 79% รวมถึงมีแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ 4500 mAh ที่รองรับเทคโนโลยีชาร์จเร็วแบบ 22.5W Vivo FlashCharge นอกจากนี้ยังมากับระบบเสียงระดับ Hi-Fi ด้วยชิปเสียงแยกอย่าง AK4377A จึงมั่นใจได้ว่าจะได้รับประสบการณ์ฟังเพลงที่เต็มอรรถรสอย่างแน่นอน

Vivo NEX 3 เปิดราคาทางการในประเทศไทยที่ 24,999 บาท พร้อมเปิดการวางจำหน่ายแล้ววันนี้ที่ร้าน Vivo Brand Shop และร้านค้าตัวแทนจำหน่าย รวมถึงช่องทางออนไลน์ที่เว็บไซต์ Lazada

 

Vivo iQOO Pro

iQOO Pro เรือธงเกมมิ่งรุ่นใหม่จากทาง Vivo มาพร้อมกับสเปกระดับไฮเอนด์ครบครัน ไม่ว่าจะเป็น ชิปเซ็ต Qualcomm Snapdragon 855+ จับคู่กับ RAM สูงสุดที่ 12GB พร้อมหน่วยความจำภายในมาตรฐาน UFS 3.0, แบตเตอรี่ความจุ 4500 mAh รองรับชาร์จเร็วแบบ 44W Vivo Super FlashCharge และยังมีเวอร์ชันรองรับเครือข่าย 5G อีกด้วย

 

iQOO Pro มีกล้องหลัง 3 ตัว (Triple Camera) ประกอบด้วย กล้องหลักความละเอียด 48 ล้านพิกเซล, กล้องรองเลนส์ Ultra Wide-Angle ความละเอียด 13 ล้านพิกเซล และกล้องวัดความลึกความละเอียด 2 ล้านพิกเซล มีเทคโนโลยีวิเคราะห์องค์ประกอบภาพ AI Scene 2.0, AI Portrait และถ่ายภาพ Macro ใกล้สุดในระยะ 2.5 เซนติเมตร 

 

OnePlus 7T

OnePlus 7T เรือธงรุ่นอัปเกรดที่มากับการปรับโฉมดีไซน์ใหม่ ด้วยกล้องหลังอัปเกรดใหม่ทั้งหมด 3 ตัว (Triple Camera) เรียงกันในแนวนอนภายในแถบวงกลมสีดำ โดยมีไฟแฟลชอยู่ถัดลงมา กับความละเอียด 48 ล้านพิกเซล เซ็นเซอร์รับภาพ Sony IMX586 พร้อมเลนส์ Telephoto และเลนส์มุมกว้าง Ultra-Wide Angle เก็บภาพมุมกว้างสุด 117 องศา ด้านหน้าจอยังเป็นแบบไร้ขอบทรงหยดน้ำแบบ Fluid Display ที่เด่นด้วย Refresh Rate ระดับ 90Hz ช่วยให้การสัมผัส รวมถึงประสบการณ์ใช้งานจะดูลื่นไหลมากกว่าหน้าจอสมาร์ทโฟนทั่วไปที่มีค่า Refresh Rate ประมาณ 60 Hz โดยมีขนาดใหญ่ขึ้นที่ 6.55 นิ้ว

 

OnePlus 7T อัปเกรดด้วยชิปเซ็ต Qualcomm Snapdragon 855+ รุ่นใหม่ พร้อมแบตเตอรี่ความจุ 3800 mAh ที่เพิ่มขึ้นจากเดิมเล็กน้อย พร้อมรองรับเทคโนโลยีชาร์จเร็วแบบ Warp Charge 30T (5V/6A) เร็วขึ้นจากในรุ่น OnePlus 7 ที่ 20W (5V/4A) และรันบนระบบปฏิบัติการ Android 10 เวอร์ชันล่าสุด

OnePlus 7T ได้ผ่านการรับรองจากทาง กสทช. พร้อมกับอีกหนึ่งรุ่นท็อปอย่าง OnePlus 7T Pro ที่เตรียมจะเปิดตัวอย่างเป็นทางการในเดือนตุลาคมนี้

 

Sony Xperia 5

Sony Xperia 5 เรือธงรุ่นล่าสุดมากับดีไซน์จอไร้ขอบ OLED แบบ CinemaWide ที่มาพร้อมกับสัดส่วนในการแสดงผลจอกว้างแบบ 21:9 ที่มีชิป X1 สำหรับมือถือซึ่งเป็นเอนจินเดียวกับที่ใช้บนโทรทัศน์ BRAVIA ช่วยถ่ายทอดสีสันของคอนเทนต์ได้อย่างเต็มอารมณ์กว่าเดิม รวมถึงระบบเสียง Dolby Atmos บนตัวเครื่องรองรับมาตรฐานป้องกันน้ำ-ฝุ่น IP65/68 

 

กล้องหลังของ Sony Xperia 5 มีทั้งหมด 3 ตัว (Triple Camera) แบ่งออกเป็น กล้อง Super Wide-angle ระยะ 16mm., กล้องตัวหลักระยะ 26mm., และกล้อง Telephoto ระยะ 52mm., สำหรับถ่ายภาพ Portrait นอกจากนี้ ยังมีเทคโนโลยี Eye AF สำหรับโฟกัสดวงตาของตัวแบบ เพื่อช่วยไม่ให้ภาพหลุดโฟกัส ซึ่งเป็นเทคโนโลยีเดียวกันกับกล้องระดับโปรของ Sony อย่างกล้อง Alpha รวมทั้งยังสามารถถ่ายภาพแบบ AE/AF ได้ถึง 10fps นอกจากนี้ ทาง Sony ใส่ฟีเจอร์การถ่ายวิดีโอที่ผู้ใช้สามารถปรับแต่งการตั้งค่าได้เองเหมือนกับกล้องใหญ่ เพื่อสร้างสรรค์ผลงานระดับ Cinematic

 

นอกจากนี้ ทาง Sony ยังได้ใส่ลูกเล่นที่น่าสนใจอย่างการเชื่อมต่อสมาร์ทโฟนเข้ากับกล้อง Sony Alpha เพื่อใช้มือถือเป็นตัวควบคุมการตั้งค่า รวมถึงการลั่นชัตเตอร์ รวมถึงการรองรับการทำงานร่วมกับจอย DualShock 4 ของเครื่องเล่น PlayStation 4 เพื่อเล่นเกมต่างๆ ได้อีกด้วย และขับเคลื่อนด้วยขุมพลังตัวท็อป Snapdragon 855 ประกบคู่กับหน่วยความจำ RAM ขนาด 6GB และหน่วยความจำภายในความจุ 128GB พร้อมแบตเตอรี่ 3140mAh ที่รองรับเทคโนโลยีชาร์จเร็วแบบ USB PD 

 

ROG Phone II

Asus ได้เปิดตัวเรือธงเกมมิ่งรุ่นต่อยอดอย่าง ROG Phone II ที่ออกแบบมาเพื่อการเล่นเกมโดยเฉพาะ ได้แก่ หน้าจอแสดงผล AMOLED ขนาดใหญ่ 6.59 นิ้ว ที่มีค่า Refresh Rate 120Hz และ Latency ต่ำเพียง 1ms ทำให้การทัชสกรีนดูไหลลื่น ติดตั้งลำโพงคู่ Stereo Spekers ที่รองรับระบบเสียงแบบ DTS:X Ultra ที่ดังกล่ารุ่นก่อน 2.5 เท่า พร้อมระบบ AirTriggers หรือระบบแตะ และบีบด้านข้างตัวเครื่องเพื่อสั่งการ โดยสามารถนำไปประยุกต์เพื่อ Map ปุ่มต่างๆ ภายในเกมได้

 

ROG Phone II พร้อมกับขุมพลัง Snapdragon 855+ รองรับระบบระบายความร้อนด้วย Vapor Chamber รวมทั้งภายในกล่องผลิตภัณฑ์ยังมีการแถมพัดลมระบายความร้อนแบบ AeroActive Cooler ที่ช่วยลดอุณหภูมิได้อีก 5 องศา และยังสามารรถทำหน้าที่เป็นขาตั้งมือถือได้ภายในตัว ส่วนแบตเตอรี่ขนาดจุใจถึง 6000mAh ที่สามารถเล่น PUBG Mobile ได้ติดต่อกันนานถึง 7 ชั่วโมง รวมทั้งยังรองรับระบบชาร์จเร็ว 30W ROG HyperCharge อีกด้วย

ROG Phone II ยังได้ผ่านการรับรองจากทาง กสทช. แล้วเช่นกัน ซึ่งเป็นการยืนยันส่าจะมีการเปิดตัวในประเทศไทยเร็วๆ นี้ แต่จะเป็นช่วงใดนั้นก็ต้องติดตามกันต่อไปค่ะ

 

nubia Red Magic 3S 

nubia Red Magic 3S เรือธงเกมมิ่งรุ่นอัปเกรดจากทาง nubia ด้วยชิปเซ็ต Qualcomm Snapdragon 855+ ตัวท็อปรุ่นใหม่ล่าสุด พร้อมกับใช้งานหน่วยความจำภายในตัวเครื่อง UFS 3.0 เวอร์ชันใหม่ที่อ่านข้อมูลได้รวดเร็วยิ่งขึ้นกว่าแบบ UFS 2.1 ประมาณ 86% และระบบระบายความร้อนเวอร์ชันใหม่อย่าง ICE 2.1 Cooling System ที่ช่วยลดอุณหภูมิได้สูงสุด 16 องศาเซลเซียส รวมถึงหน้าจอ Refresh Rate ระดับ 90Hz พร้อม Touch Refresh Rate ที่ 240Hz และมีแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ 5000 mAh ที่รองรับเทคโนโลยี 27W Fast Charge

 

และยังมีฟีเจอร์เอาใจเกมเมอร์โดยเฉพาะอย่าง ระบบเสียงรอบทิศทาง DTS X Ultra Sound, DTS7.1 และลำโพง Stereo แบบคู่, ปุ่ม Shoulder Button 2 ปุ่ม พร้อมตั้งค่าให้เซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือที่ด้านหลังตัวเครื่องเป็นปุ่มกดสำหรับการเล่นเกมได้, ฟังก์ชัน 4D Smart Shock ระบบเล่นเกมอัจฉริยะ โดยรองรับการสั่นที่ตรงกับ Action ในแต่ละซีน และลดปัญหาเฟรมเรทตกขณะเล่นเกม นอกจากนี้ยังมี Red Magic E-Sports Box ที่สามารถเชื่อมต่อเครือข่าย Ethernet ได้โดยไม่มีการ Delay และยังเชื่อมต่อหูฟังขนาด 3.5 มิลลิเมตร พร้อมชาร์จแบตเตอรี่ด้วยพอร์ตเชื่อมต่อแบบ USB Type-C 

 

Xiaomi Mi 9 Pro 5G

Xiaomi Mi 9 Pro 5G อัปเกรดจากเดิมด้วยคุณสมบัติการเชื่อมต่อเครือข่าย 5G พร้อมด้วยชิปเซ็ต Snapdragon 855+ ที่มีระบบระบายความร้อนแบบ Vapour Chamber ผสมกับแผ่นกราฟีน รวมถึงซิลิโคนลดความร้อน โดยช่วยลดอุณหภูมิตัวเครื่องได้สูงสุด 10.2 องศาเซลเซียส จับคู่กับ RAM ขนาดสูงสุด 12GB มีแบตเตอรี่ความจุ 4000 mAh รองรับระบบชาร์จเร็ว 40W ซึ่งใช้เวลาชาร์จแบตเตอรี่จาก 0-100% ได้ในเวลาเพียง 48 นาทีเท่านั้น

 

ที่ด้านหลังติดตั้งกล้อง 3 ตัว (Triple Camera) แบ่งออกเป็น กล้องตัวหลักความละเอียด 48 ล้านพิกเซล, กล้อง Telephoto ความละเอียด 16 ล้านพิกเซล และกล้อง Ultra Wide Angle ความละเอียด 16 ล้านพิกเซล เพื่อรองรับการถ่ายภาพในทุกสถานการณ์

 

Xiaomi Mi Mix Alpha

Xiaomi Mi Mix Alpha เรือธงรุ่นพิเศษจากทาง Xiaomi ที่มาพร้อมการดีไซน์ล้ำสมัยด้วยหน้าจอ OLED ขอบโค้งทั้งสองด้าน พร้อมครอบคลุมไปจนถึงด้านหลังตัวเครื่อง ซึ่งคิดเป็นพื้นที่การแสดงผลถึง 180.6% โดยมีการเว้นพื้นที่ด้านหลังสำหรับกล้องถ่ายภาพ 3 ตัว (Triple Camera) ไว้ กับความคมชัด 108 ล้านพิกเซลรุ่นแรกของโลก พร้อมเลนส์ Ultra-Wide + Telephoto 

 

Xiaomi Mi Mix Alpha ยังมาพร้อมกับสเปกระดับเรือธงอย่างครบครัน ด้วยชิปเซ็ต Qualcomm Snapdragon 855+ จับคู่กับ RAM ขนาด 12GB มี ROM มาตรฐาน UFS 3.0 ขนาด 512GB และแบตเตอรี่ความจุ 4050 mAh รองรับเทคโนโลยีชาร์จเร็วแบบ 40W Fast Charge รวมถึงรองรับเครือข่าย 5G 

 

LG G8X ThinQ

LG G8X ThinQ เรือธงรุ่นใหม่จากทาง LG ที่มาพร้อมหน้าจอ OLED ขนาด 6.4 นิ้ว ความละเอียดระดับ Full HD+ จำนวน 2 จอ แต่ละจอถูกเชื่อมติดด้วยบานพับที่อยู่ตรงกลางของตัวเครื่องช่วยให้ผู้ใช้สามารถพับหน้าจอเข้า หรือกางออกได้อย่างอิสระ พร้อมติดตั้งกล้องหน้าความละเอียด 32 ล้านพิกเซล ที่รองรับเทคโนโลยี Quad Bayer สำหรับรวมเม็ดพิกเซลที่อยู่ข้างเคียงให้ใหญ่ขึ้น เพื่อช่วยในเรื่องของการรับแสงที่ดีขึ้น ส่วนกล้องหลังเป็นแบบคู่ (Dual Camera) ดยแบ่งออกเป็น กล้องตัวหลักความละเอียด 12 ล้านพิกเซล รูรับแสงกว้าง f/1.8 พร้อมระบบป้องกันภาพสั่นไหวแบบ OIS ส่วนกล้องตัวที่สองเป็นแบบ Ultra Wide Angle ความละเอียด 13 ล้านพิกเซล รูรับแสงกว้าง f/2.4 ที่สามารถถ่ายภาพได้กวางถึง 136 องศา นอกจากนี้ บอดี้ของ LG G8X ThinQ ยังผ่านมาตรฐานความแข็งแกร่งจากกองทัพสหรัฐฯ อย่าง MIL-STD 810G รวมถึง IP Rating ระดับ IP68 ช่วยให้ตัวเครื่องกันน้ำได้ลึก 1.5 เมตร เป็นเวลานานสูงสุด 30 นาที

 

รันด้วยขุมพลัง Snapdragon 855 ประกบคู่กับหน่วยความจำ RAM ขนาด 6GB และหน่วยความจำภายในความจุ 128GB ที่สามารถเพิ่มหน่วยความจำเสริมแบบ microsD Card ได้ นอกจากนี้ ยังมีแบตเตอรี่ขนาด 4000mAh เพื่อเป็นขุมพลังสำหรับรองรับการใช้งานตลอดวัน

 

OPPO Reno Ace (เปิดตัว 10 ตุลาคม 2019)

OPPO Reno Ace ว่าที่สมาร์ทโฟนระดับท็อปรุ่นใหม่จากทาง OPPO ที่ยืนยันแล้วว่าจะมากับชิปเซ็ตเรือธงอย่าง Qualcomm Snapdragon 855+ พร้อมกับหน้าจอแสดงผลที่มี Refresh Rate ที่ 90Hz และเทคโนโลยี SuperVOOC Flash Charge เวอร์ชันใหม่ ที่มีกำลังไฟ 65 วัตต์ เป็นรุ่นแรกของค่าย โดยสามารถชาร์จแบตเตอรี่ความจุ 4000 mAh เต็ม 100% ได้ในเวลา 30 นาที รวมถึงมีกล้องตัวหลักที่ด้านหลัง 4 ตัว (Quad Camera) 

 

Pixel 4 (เปิดตัว 15 ตุลาคา 2019)

ทาง Google ได้ประกาศเตรียมเปิดตัวสมาร์ทโฟนเรือธง Pure Android รุ่นใหม่อย่าง Pixel 4 ในวันที่ 15 ตุลาคมนี้ โดยในเบื้องต้นคาดว่าจะมี 2 รุ่นเช่นเดิม ได้แก่ Pixel 4 และ Pixel 4 XL ที่รันด้วยชิปเซ็ต Snapdragon 855 จับคู่กับ RAM ขนาด 6GB พร้อมหน้าจอ Refresh Rate 90Hz และกล้องหลังแบบคู่ (Daul Camera)  แบ่งออกเป็น กล้องตัวหลักความละเอียด 12 ล้านพิกเซล เซ็นเซอร์รับภาพ Sony IMX363 และกล้อง Telephoto ความละเอียด 16 ล้านพิกเซล เซ็นเซอร์รับภาพ Sony IMX481 พร้อมลูกเล่นที่น่าสนใจอย่าง Motion Sense ที่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถควบคุมสมาร์ทโฟนผ่านการโบกมือระหว่างหน้าจอ ไม่จำเป็นต้องสัมผัสจอแต่อย่างใด รวมทั้งยังมาพร้อมกับโหมดถ่ายภาพแบบใหม่ที่สามารถถ่ายดาวได้ด้วย 

 

OnePlus 7T Pro (เปิดตัวในเดือนตุลาคม 2019)

หลังจากการเปิดตัวของ OnePlus 7T เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา ก็มีเบาะแสว่าทาง OnePlus เตรียมเปิดตัวอีกหนึ่งรุ่นท็อปอย่าง OnePlus 7T Pro ภายในเดือนตุลาคมนี้ ที่มีข้อมูลว่าจะยังคงการดีไซน์จอไร้ขอบโค้งทั้ง 2 ด้านแบบ Fluid AMOLED และมีกล้องตัวหลีก 3 ตัว (Triple Camera) เรียงกันในแนวตั้งที่ตรงกลางเหมือนกับ OnePlus 7 Pro ซึ่งจะอัปเกรดด้วยชิปเซ็ต Snapdragon 855+ พร้อมระบบชาร์จเร็วแบบ Warp Charge 30T Fast Charging (5V/6A) และระบบปฏิบัติการ Android 10 เวอร์ชันล่าสุด

 

เป็นอย่างไรกันบ้างคะ สำหรับเรือธงรุ่นล่าสุดจากแบรนด์ชั้นนำในที่เพิ่งเปิดตัวกันไปแบบสดๆ ร้อนๆ จะเห็นได้ว่าสมาร์ทโฟนแต่ละรุ่นจากแต่ละแบรนด์มีฟีเจอร์เด่น และจุดขายที่แตกต่างกันออกไป ทั้งนี้จึงขึ้นอยู่กับตัวผู้ใช้เองว่ามีความชื่นชอบสมาร์ทโฟนที่โดดเด่นในด้านใดมากที่สุด ไม่ว่าจะเป็น ขนาด และความละเอียดของหน้าจอ, ชิปเซ็ตประมวลผล, หน่วยความจำแรม, ความจุภายใน, เทคโนโลยีกล้องถ่ายภาพ, ความจุแบตเตอรี่ และเวอร์ชันของระบบปฏิบัติการ รวมไปถึงฟีเจอร์อื่นๆ ที่ช่วยอำนวยความสะดวกในด้านต่างๆ ซึ่งหากว่าได้ทำการทดลองใช้งานในเบื้องต้นแล้วเกิดความพึงพอใจ ทั้งในด้านการทำงาน, การดีไซน์ และราคา ก็ถือได้ว่าสมาร์ทโฟนรุ่นนั้นควรค่าแก่การจับจองเป็นเจ้าของแล้วค่ะ สำหรับวันนี้ ทางทีมงานต้องขอลาไปก่อน แล้วพบกันใหม่ในบทความหน้า สวัสดีค่ะ

 

นำเสนอบทความโดย : thaimobilecenter.com


วันที่ : 1/10/2562



Cookie Consent

Our website uses cookies to provide your browsing experience and relavent informations.Before continuing to use our website, you agree & accept of our Cookie Policy & Privacy