หน้าแรกมือถือ > รวมข่าวมือถือ > หน้าบทความ ข่าวมือถือ
   
Date : 7/6/2565

ทำไม microSD Card ถึงอาจไม่จำเป็นสำหรับมือถือรุ่นใหม่อีกต่อไป ?

 

 

เรียกได้ว่ามือถือในปัจจุบันมีการพัฒนาฟีเจอร์ใหม่ในทุกปี ที่ช่วยให้เราใช้ชีวิตได้ง่ายขึ้น แต่ในขณะเดียวกันก็เริ่มมีการตัดบางฟีเจอร์ที่อาจไม่จำเป็นเท่าที่ควรออกไปด้วยเช่นกัน โดยหนึ่งในฟีเจอร์ดังกล่าวได้แก่ การรองรับหน่วยความจำภายนอก (microSD Card) ซึ่งหลายคนอาจสงสัยว่าเพราะอะไรหลายๆ แบรนด์ได้ตัดฟีเจอร์นี้ออก หรือว่าเป็นฟีเจอร์ที่ไม่จำเป็นต้องมีอีกต่อไปจริงๆ ในวันนี้ทางทีมงานจะมาวิเคราะห์ว่า ทำไม SD Card ถึงอาจไม่จำเป็นสำหรับมือถือรุ่นใหม่อีกต่อไป ? หากพร้อมแล้วไปชมกันเลยค่ะ

 

microSD Card จำเป็นอย่างไร ? 

ตัวอย่างมือถือในสมัยก่อนที่มาพร้อมกับความจุ 16GB ซึ่งจะเห็นว่า ระบบจะกักความจำไว้บางส่วนสำหรับติดตั้ง OS และข้อมูลสำคัญ และจะเหลือให้ใช้งานได้จริงแค่ 12GB เท่านั้น

 

ในอดีตมือถือส่วนจะยังมีความจุในตัวเครื่อง (ROM) ไม่มากเหมือนอย่างปัจจุบัน ยกตัวอย่าง Samsung Galaxy S i9000 (เปิดตัวปี 2010) สมาร์ทโฟนรุ่นประเดิมซีรีส์เรือธงของทาง Samsung มาพร้อม ROM ที่ขนาด 8GB / 16GB ซึ่งโดยปกติแล้วเราจะไม่ได้ใช้ความจุเต็มๆ ตามที่ผู้ผลิตแจ้งไว้ เนื่องจากสมาร์ทโฟนจะกักความจำในตัวเครื่องเอาไว้ส่วนหนึ่งสำหรับติดตั้งระบบปฏิบัติการ (OS) รวมถึงไฟล์สำคัญต่างๆ ดังนั้นความจุตัวเครื่องที่ผู้ใช้สามารถใช้ได้จริงจะเหลือแค่ประมาณ 80 - 90% เท่านั้น จึงทำให้พื้นที่ในการใช้งานจริงน้อยลงไปอีก

และ ณ เวลานั้นการมีฟีเจอร์รองรับการเพิ่ม microSD Card ถือเป็นการเพิ่มทางเลือกให้กับผู้ใช้ ที่จะสามารถย้ายไฟล์รูแภาพ กับวิดีโอ หรือแอปพลิเคชันที่ต้องการมาไว้ภายนอกได้ ซึ่งจะช่วยเพิ่มพื้นที่ ROM ในตัวเครื่องให้มีมากขึ้นนั่นเอง โดย Samsung Galaxy S i9000 รองรับการเพิ่ม microSD Card สูงสุดที่ขนาด 32GB 


ทำไม SD Card ถึงอาจไม่จำเป็นอีกต่อไป ?

ความจุตัวเครื่องเพียงพอ

ปัจจุบันนี้มือถือมีการพัฒนามากขึ้น โดยส่วนใหญ่ก็จะมีความจุภายในตัวเครื่อง (ROM) เริ่มต้นที่ 64GB กันแล้ว ยิ่งเป็นรุ่นเรือธงจะเริ่มที่ 128GB และอาจมีรุ่นความจุให้เลือกสูงถึง 1TB ที่เรียกได้ว่าเพียงพอต่อการใช้งานในปัจจุบันอย่างแน่นอน แต่สำหรับมือถือรุ่นเล็กในราคา 1,000 - 2,000 บาท ที่มีความจุ 16GB หรือ 32GB ก็อาจต้องพึ่งการใช้ microSD Card อยู่เช่นกัน 

 


ความเร็วในการอ่าน/เขียนข้อมูล


อ้างอิง : havecamerawilltravel

 

อ้างอิง : beebom

 

ความเร็วในการอ่านของหน่วยความจำในตัวเครื่องแบบ UFS 3.1 ทดสอบบน vivo X80 Pro 5G

 

หากว่ากันตามจริงแล้ว microSD Card ที่วางขายกันทั่วไปในปัจจุบันจะมีความเร็วในการอ่านเขียนที่น้อยกว่า ROM ของสมาร์ทโฟนอยู่พอสมควร แม้ว่าเราจะเลือกใช้ microSD Card คลาสสูงที่สุดเท่าที่มีอยู่ตอนนี้อย่าง microSD Express แต่ก็สามารถทำความเร็วสูงสุดที่ราว 985 MB/s เท่านั้น เมื่อเทียบกับหน่วยความจำภายในของมือถือแบบ UFS 3.0 - UFS 3.1 ที่ใช้กันทั่วไป ซึ่งมีความเร็วที่ประมาณ 2100 MB/s แต่ microSD Card ที่ขายกันอยู่ทั่วไปมักจะเป็นแบบ Class 10 UHS-3 ซึ่งมีความเร็วสูงสุดอยู่ที่ราวๆ 100 - 300 MB/s ซึ่งจะเห็นได้ว่า ความเร็วของ microSD Card และสมาร์ทโฟนมีความแตกต่างกันมากพอสมควร

ด้วยความแตกต่างด้านความเร็วในการอ่านเขียนไฟล์ระหว่าง microSD Card และ ROM ของสมาร์ทโฟนนี้เอง ทำให้ในบางครั้งอาจส่งผลกระทบต่อประสิทธิภาพการทำงานของตัวเครื่องที่ช้าลงด้วย ยกตัวอย่างเช่น หากเราเก็บไฟล์ภาพ และวิดีโอเอาไว้บน microSD Card เป็นจำนวนมาก ก็อาจเจอปัญหาเครื่องไม่แสดงภาพพรีวิว หรือภาพโหลดนาน เนื่องจากอ่านข้อมูลของภาพถ่าย และวิดีโอไม่ทัน เป็นต้น 

 

ข้อจำกัดในการใช้งาน

อย่างที่ทราบกันว่าการย้ายข้อมูลต่างๆ ไปติดตั้งไว้บน microSD Card เป็นการช่วยประหยัดพื้นที่ตัวเครื่องได้เป็นอย่างดี แต่ก็สามารถย้ายแอปฯ ไปได้แค่บางส่วนเท่านั้น ดังนั้นเมื่อผู้ใช้เปิดใช้งานแอปพลิเคชันดังกล่าว ก็จำเป็นที่จะต้องเข้าไปเรียกไฟล์บางส่วนของแอปฯ ที่อยู่ใน microSD Card ซึ่งมีความเร็วในการอ่านเขียนน้อยกว่า ROM ตัวเครื่อง จึงทำให้เกิดอาการคอขวด และส่งผลต่อความลื่นไหลด้านการใช้งานได้ นอกจากนี้ การย้าย microSD Card จากสมาร์ทโฟนเครื่องหนึ่ง ไปใช้กับสมาร์ทโฟนอีกเครื่อง ก็อาจทำให้เกิดปัญหาได้เช่นเดียวกัน เพราะสมาร์ทโฟนบางแบรนด์จะมีการเข้ารหัส (Encrypt) หากผู้ใช้ตั้ง microSD Card ให้เป็นหน่วยความจำหลัก จึงอาจทำให้มือถือเครื่องอื่นๆ มองไม่เห็นไฟล์ได้ เป็นต้น

 

microSD Card ยังจำเป็นอยู่หรือไม่ในมือถือยุคใหม่ ?

ประเด็นนี้ทีมงานอยากให้มองไปที่การใช้งานของแต่ละบุคคลเป็นหลัก ซึ่งหากท่านเป็นผู้ที่ใช้มือถือที่มีความจำภายในเครื่องจำกัด แต่อยากเก็บเพลงที่ฟังบ่อยๆ ภาพถ่ายเล็กๆ น้อยๆ การใช้ microSD Card ก็ดูเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ แต่หากท่านคุ้นเคยกับการใช้บริการคลาวด์สำหรับเก็บข้อมูลอยู่แล้ว ก็อาจดูไม่จำเป็นมากนัก แต่อย่างไรก็ดี ทีมงานแนะนำว่า ให้เลือกซื้อมือถือที่มีความจุเพียงพอต่อพฤติกรรมการใช้งานของแต่ละท่าน ดูจะเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดค่ะ แล้วพบกันใหม่ในบทความหน้า สวัสดีค่ะ

 

นำเสนอบทความโดย : thaimobilecenter.com


วันที่ : 7/6/2565

Cookie Consent

Our website uses cookies to provide your browsing experience and relavent informations.Before continuing to use our website, you agree & accept of our Cookie Policy & Privacy