วิธีเช็ก / บล็อกเบอร์แก๊งคอลเซ็นเตอร์ ทำอย่างไร ?
เรียกได้ว่าพบเจอกันถ้วนหน้ากับปรากฏการณ์แก๊งคอลเซ็นเตอร์ ที่หลายคนสูญเงินไปนับแสนนับล้านด้วยเทคนิคการหลอกล่อให้ตายใจ พร้อมอ้างตนเป็นหน่วยงานราชการ ไม่ว่าจะตำรวจ หรืออัยการ ซึ่งก็ยังไม่มีวิธีการปราบปรามได้ง่ายๆ ในวันนี้ทางทีมงานจึงมาแนะนำวิธีเช็ก และบล็อกเบอร์แก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่กำลังระบาดไปทั่วทุกมุมของประเทศด้วยตนเอง ว่าจะมีวิธีสังเกตอย่างไร จะสามารถป้องกันด้วยตนเองได้อย่างไรบ้าง หากพร้อมแล้วไปชมกันเลยค่ะ
วิธีเช็กเบอร์แก๊งคอลเซ็นเตอร์
สังเกตเบอร์โทรเข้า
สิ่งแรกที่สังเกตได้ง่ายที่สุด คือแก๊งคอลเซ็นเตอร์ส่วนใหญ่มักจะใช้เบอร์ต่างประเทศติดต่อเรามา โดยปกติแล้วเบอร์ในประเทศไทยจะมีรหัสนำหน้าเป็น +66 (แทนเลข 0 ตัวแรก) ซึ่งหากว่าเบอร์ที่โทรเข้ามาไม่ใช่ +66 สามารถตีความได้เลยว่าเป็นเบอร์จากต่างประเทศ และมีสิทธิ์เป็นแก๊งคอลเซ็นเตอร์สูง โดยเบอร์ที่มักพบกันได้แก่ +88, +87, +697, +598 และอื่นๆ อีกมากมาย
อีกหนึ่งจุดที่เช็กง่ายๆ ก็คือจำนวนเลขเบอร์โทร หากเป็นเบอร์ในประเทศไทนจะมีทั้งหมด 10 ตัว และหากเบอร์ที่โทรเข้ามามีจำนวนมากกว่านั้น ก็เข้าได้เลยทันทีว่าเป็นแก๊งนี้อย่างแน่นอน แต่ก็มีด้วยเช่นกันที่ใช้เบอร์ภายในประเทศโทรเข้ามา ซึ่งหากเป็นกรณีนี้อาจต้องพิจารณาเมื่อรับสายแล้วอีกครั้งหนึ่ง
แอปตรวจสอบเบอร์
สมาร์ทโฟนบางค่ายจะมีการติดตั้งฟีเจอร์ที่ช่วยตรวจสอบเบอร์โทรในระดับหนึ่ง อย่างเช่น Samsung กับฟีเจอร์ชื่อ Smart Call โดยสามารถเปิดการใช้งานได้ที่เมนู Call Settings > Caller ID and spam protection ในการตรวจสอบ และขึ้นชื่อเบอร์โทรที่เข้าข่ายรบกวน, หลอกลวง หรือขายประกัน ที่ถือว่าช่วยกรองให้เราได้ในระดับนึงเลยทีเดียว
สำหรับท่านที่สมาร์ทโฟนไม่มีฟีเจอร์นี้ ก็สามารถดาวน์โหลดแอปพลิเคชันตรวจสอบเบอร์จาก Play Store / App Store ได้ ซึ่งหนึ่งในแอปที่ได้รับความนิยมคือ Whoscall ที่มีฐานข้อมูลค่อนข้างมาก และผู้ใช้ทำการรายงานเข้าไปบ่อย จึงช่วยในการกรองสายเข้าได้เป็นอย่างดี แต่ตัวแอปจะมีโฆษณาขึ้นหลังจากวางสายทุกครั้ง ซึ่งสามารถเลือกใช้แบบ Premium เป็นรายเดือน หรือรายปีได้ โดยจะมีฟีเจอร์ Auto Block เบอร์จากต่างประเทศที่มักจะเป็นแก๊งคอลเซ็นเตอร์ได้เลย
ข้อมูลเพิ่มเติม : Whoscall
วิธีบล็อกเบอร์แก๊งคอลเซ็นเตอร์
สำหรับสมาร์ทโฟนในปัจจุบันจะมีฟีเจอร์การบล็อกเบอร์มาให้อยู่แล้ว โดยเราสามารถเลือกเบอร์ที่ต้องการ แล้วทำการบล็อกได้เลยทันที เบอร์นั้นก็จะไม่สามารถติดต่อเราได้อีก แต่ปัญหาคือแก๊งคอลเซ็นเตอร์ในปัจจุบันมีหลายเบอร์ทั้งจากใน และต่างประเทศ การที่ต้องไล่บล็อกทุกเบอร์นั้นก็อาจรบกวนการใช้ชีวิตของเราได้ ทางที่ดีการใช้แอปตรวจสอบเบอร์น่าจะเป็นทางออกที่ดีที่สุดในตอนนี้ ซึ่งเราจะได้เลือกที่จะไม่รับสาย หรือตัดสายแต่แรก
และอย่างที่กล่าวข้างต้น ในแอปพลิเคชันตรวจสอบเบอร์จะมีฟีเจอร์ Auto Block เบอร์ต่างประเทศให้เลย แต่ต้องใช้เป็น Premium ที่ต้องเสียเงินรายเดือน หรือรายปีนั่นเองค่ะ
อย่างไรก็ดี ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลประการใด หากท่านเผลอรับสายแก๊งนี้ก็อาจจะพบกับประเด็นต่างๆ ที่ยกมาหลอกล่อเรา โดยประเด็นหลักๆ ที่แก๊งนี้จะยกมาใช้มักเป็น
- มีสินค้าตกค้างที่ขนส่งต่างๆ (ที่มักพบบ่อยได้แก่ DHL, ไปรษณีย์ไทย, J&T)
- ใบสั่งค้างชำระ
- ทวงค่าบัตรเครดิตค่างชำระเกิน 3 เดือน
- อ้างตัวเป็นหน่วยงานราชการ
- และอาจมีลูกเล่นอื่น ๆ มาใหม่อีก
ทางทีมงานแนะนำว่าหากพบสายโทรเข้าที่เข้าข่ายกรณีนี้สิ่งแรกที่ต้องทำคือพยายามตั้งสติ และทบทวนให้ดีว่าเราจะมีปัญหาด้านนี้จริงหรือไม่ และหากจริงก็ควรออกตัวว่าจะไปติดต่อกับหน่วยงาน / บริษัทนั้นๆ ด้วยตนเอง และไม่บอกข้อมูลส่วนตัวใดๆ ทั้งสิ้น และที่สำคัญที่สุดคือ อย่าโอนเงินเด็ดขาด เพราะมีโอกาสน้อยมากๆ ที่จะได้เงินคืนครบทุกบาททุกสตางค์ ดังนั้นการรู้ตัวตั้งแต่แรกว่าใครโทรมาจะช่วยป้องกันการโดนหลอกลวงได้พอสมควร สำหรับบทความนี้ทางทีมงานหวังว่าจะมีประโยชน์ต่อท่านผู้อ่านทุกท่าน แล้วพบกันได้ใหม่ในบทความหน้า สวัสดีค่ะ
นำเสนอบทความโดย : thaimobilecenter.com
วันที่ : 10/2/2566